หอนี้ดีมีประวัติ
คุณแบงค์เจอดีที่หอพักแห่งหนึ่งจนต้องขอลาบวชโดย เหตุการณ์เกิดขึ้นที่หอพักแห่งหนึ่ง ในจังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่คุณแบงค์กำลังเข้ามาศึกษาที่นี่ใหม่ๆ แต่จองหอในไม่ทัน จึงตัดสินใจไปจองหอนอกแทน
ก็ได้ไปปรึกษารุ่นพี่เรื่องหาหอพัก รุ่นพี่แนะนำหอแห่งหนึ่งมา ลักษณะเป็นตึกหกชั้น ราคาเดือนละสองพันบาท แต่รุ่นพี่บอกว่า "น้อง หอเนี่ยราคาถูกจริง แต่มันเคยมีประวัตินะ ชั้นหกห้องหกศูนย์สองเคยมีนักศึกษาหญิงผูกคอตาย เพราะผลการเรียน"
คุณแบงค์ก็ตกใจ รุ่นพี่ก็พูดต่อว่า "แต่ไม่ต้องห่วง เพราะเค้าปิดชั้นหกไปแล้ว" โดยส่วนตัวคุณแบงค์ไม่ใช่คนกลัวผี ก็ตกลงที่จะเช่าอยู่หอแห่งนี้ จึงได้เข้าไปติดต่อจองห้องพัก และได้ห้องห้าศูนย์สอง ซึ่งอยู่ใต้ห้องที่เกิดเหตุพอดี
แต่คุณแบงค์ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะยังไงก็คิดว่าไม่กลัว คืนแรกเวลาประมาณสี่ทุ่ม คุณแบงค์นอนเล่นอยู่บนเตียง หูก็ได้ยินเสียงคล้ายๆคนลากเก้าอี้ไปมาอยู่ในห้องด้านบน "คลืดดดด"
คุณแบงค์ตกใจมองขึ้นไปบนเพดานห้อง สักพักเสียงเหมือนเก้าอี้ล้ม "โคลมมม!!" แล้วก็เงียบ ไม่ถึงหนึ่งนาทีก็เกิดเสียงขึ้นอีก "คลืดดดดดด โคลมม!!" เป็นแบบนี้อยู่ประมาณสองถึงสามครั้ง คุณแบงค์ได้แต่นอนนิ่ง พยายามข่มความกลัวเอาไว้
และคืนต่อๆมาก็ยังได้ยินอยู่เช่นเดิม พอคุณแบงค์เริ่มชิน ก็ไม่ค่อยรู้สึกกลัว จนมีอยู่คืนนึง คุณแบงค์มีปัญหากับทางมหาลัย รู้สึกอารมณ์ไม่ค่อยดี จึงกลับมานอนที่ห้อง
คุณแบงค์ล้มตัวลงนอนไม่ถึงห้านาที ก็ได้ยินเสียงคนลากเก้าอี้ที่ห้องข้างบนอีกเช่นเคย ตอนนั้นคุณแบงค์กำลังอยู่ในช่วงที่อารมณ์ยังไม่ปกติ จึงเผลอปากพล่อยพูดออกมาว่า "อะไรนักหนาว่ะ ข้าจะนอน เอ็งจะเสียงดังหาบิดาเอ็งเหรอ"
พอคุณแบงค์พูดจบ เสียงด้านบนก็หยุดลงทันที สักพักก็ได้ยินเสียงเก้าอี้กระแทกกับพื้นดังลั่น "โคลมม!!" เหมือนมีคนจับมันเหวี่ยงลงกับพื้นสุดแรง จนคุณแบงค์สะดุ้งเฮือก แล้วเสียงทุกอย่างก็หยุดเงียบไป จนไม่ได้ยินอะไรอีกเลย
วันต่อมา คุณแบงค์เลิกเรียนประมาณบ่ายสามโมง กำลังจะกลับขึ้นไปนอนบนห้อง คุณแบงค์เดินเข้าไปในลิฟท์ กดชั้นห้า ระหว่างนั้นก็เล่นโทรศัพท์ไปด้วย จนประตูลิฟท์เปิด จึงเดินออกไปนอกลิฟท์ ทั้งๆที่ตายังจ้องอยู่ที่หน้าจอโทรศัพท์
จนเหลือบไปเห็นฝุ่นหนาเตอะที่กองอยู่บนพื้นทางเดินหน้าลิฟท์ จมูกก็รับรู้ถึงกลิ่นเหมือนอับ เหมือนห้องที่ถูกปิดตายมาเป็นระยะเวลาหลายปี คุณแบงค์จึงเงยหน้าขึ้นมาดู ก็เห็นสภาพของทางเดินหน้าห้องที่เต็มไปด้วยฝุ่นหนาเตอะ มืดทึบ กลิ่นอับลอยคละคลุ้งไปทั่ว
สายตาก็เหลือบไปเห็นเลขหก ที่ติดอยู่บนกำแพงหน้าลิฟท์ จึงรู้ขึ้นมาทันทีว่า ตอนนี้ตนเองกำลังยืนอยู่บนชั้นหกที่ถูกปิดตายมาหลายปีแล้ว จึงรีบหันไปกดเรียกลิฟท์ทันที ความกลัวค่อยๆลุกไล่ขึ้นมาตามขา จนรู้สึกเหมือนกับว่าจะจับต้องมันได้
สายตาจดจ่ออยู่กับเลขไฟบอกชั้นที่อยู่ด้านบนของลิฟท์ ก็พบว่ามันไม่มีไฟขึ้น เหมือนกับว่าไม่ได้มีไฟเลี้ยงในส่วนนี้แล้ว ความกลัวเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จึงพยายามเดินลงทางบันไดหนีไฟ
แต่ละก้าวรู้สึกหนักอึ้ง อาจจะเป็นเพราะความกลัวที่มีอยู่ท่วมท้นหรืออาจจะมีอะไรบางอย่างคอยฉุดรั้งคุณแบงค์อยู่ พอเดินลงมาถึงที่พักบันได คุณแบงค์รู้สึกบิดมวนที่ช่วงท้องทันที เพราะเห็นว่าทางลงไปสู้ชั้นห้า ถูกกั้นไว้ด้วยประตูเหล็ก เดิมทีประตูนี้จะมีไว้สำหรับกันคนขึ้นไปบนชั้นหก
คุณแบงค์กดโทรศัพท์หาผู้ดูแลหอพักด้วยมือที่สั่นเทา "ป้า ขึ้นมารับผมที่ชั้นหกหน่อย" ผู้ดูแลก็ถามว่า "อ่าวแล้วขึ้นไปได้ยังไง" คุณแบงค์ตอบว่า "ลิฟท์มันส่งผมขึ้นมา"
ระหว่างรอ คุณแบงค์ก็คิดว่าไหนๆก็ไหนแล้ว ขอเดินขึ้นไปดูห้องหกศูนย์สองสักหน่อย คุณแบงค์ค่อยๆเดินจนใกล้จะถึง ก็เห็นว่าประตูห้องหกศูนย์สองมันถูกเปิดแง้มไว้อยู่ ทั้งๆที่ตอนแรกคุณแบงค์เห็นว่าชั้นนี้จะถูกปิดประตูไว้หมดทุกห้อง
คุณแบงค์รวบรวมความกล้าอยู่หน้าห้อง กำลังจากผลักประตูเข้าไป หูก็ได้ยินเสียง "คลืด" ดังออกมาจากในห้อง เป็นเสียงที่คุ้นหูมาก เพราะได้ยินอยู่ทุกคืน คุณแบงค์กำลังจะใช้มือผลักประตูเข้าไป
ปรากฏว่ามีผู้หญิงเดินก้มหน้าออกมาจากในห้อง ผมปิดหน้า แต่ที่สำคัญ บนคอของผู้หญิงคนนั้นยังมีเชือกมัดคาไว้อยู่ แล้วลากเก้าอี้ออกมาด้วย "คลืดดดดดดดดด"
โดยที่ไม่ต้องรอให้สมองสั่งการ ขาของคุณแบงค์กระโดดออกมาจากหน้าประตูทันที วิ่งเตลิดลงบันไดหนีไฟ ไปยืนทุบประตูเหล็ก ร้องตะโกนลั่น "ป้าๆๆๆ เปิดๆๆๆ"
หูก็ยังได้ยินเสียง "คลืดดดดดดด" ตามมาจากด้านหลัง จนใกล้เข้ามาเรื่อยๆ คุณแบงค์นึกในใจว่าคงไม่รอดแน่ แต่พระเจ้าก็ยังเอ็นดู เพราะป้าเปิดประตูให้ทันเวลาพอดี คุณแบงค์รีบมุดออกมาจากประตูเหล็ก โดยที่ไม่รอให้มันเปิดออกจนสุดก่อน
สิ่งแรกที่คุณแบงค์ทำคือโทรหาคุณแม่ทันที และบอกว่าจะย้ายออกจากที่นี่ แต่ยังไม่ได้บอกเรื่องที่ไปเจอมาให้คุณแม่ฟัง คุณแม่จึงบอกว่าให้อยู่ๆไปก่อน คุณแบงค์ไม่มีทางเลือก จึงได้ไปขออาศัยอยู่กับเพื่อนสักพัก
จนผ่านมาประมาณครึ่งเดือน ความกลัวเริ่มคลายลงพอสมควร จึงกลับมาพักที่หอเดิม แต่เวลาขึ้นหอพักจะใช้วิธีเดินขึ้นทางบันไดแทน จนผ่านไปประมาณหนึ่งอาทิตย์ วันนั้นเป็นวันเกิดเพื่อน จึงทำให้คุณแบงค์กับเพื่อนอีกหนึ่งคนกลับเข้าหอพักในเวลาประมาณห้าทุ่ม เกือบเที่ยงคืน
คุณแบงค์กำลังจะเดินขึ้นบันได แต่เพื่อนกลับบอกว่าให้ใช้ลิฟท์ดีกว่า เพราะต่างคนต่างเมากันอยู่ด้วย จึงได้เปลี่ยนไปขึ้นลิฟท์แทน พอถึงหน้าห้อง คุณแบงค์กำลังจะหยิบกุญแจขึ้นมาไข แต่อยู่ๆประตูมันก็ดีดเปิดออกเอง ตอนนั้นคุณแบงค์คิดว่าลืมล็อคห้อง จึงรีบมองเข้าไปภายในห้อง แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติ
พอเข้าไปในห้อง คุณแบงค์ล้มตัวลงนอนทันที จนเคลิ้มหลับ อยู่ๆก็รู้สึกจุกที่หน้าอก พร้อมกับขยับตัวไม่ได้ ได้แต่กรอกสายตาไปมา แล้วก็มีผู้หญิงเดินลากเก้าอี้เข้ามาในสายตาของคุณแบงค์ ในมือถือเชือดติดมาด้วย จากอาการที่กำลังเมา ก็รู้สึกตาสว่างขึ้นมาทันที
ผู้หญิงคนนั้นเดินลากเก้าอี้มาหยุดอยู่ที่กลางห้อง ใช้เชือกมัดกับพัดลมเพดาน เอาเชือกคล้องคอตนเอง แล้วกระโดดลงมาจากเก้าอี้ต่อหน้าคุณแบงค์ ร่างนั้นดิ้นอย่าทรมานอยู่ในอากาศสักพักแล้วก็หยุดนิ่ง แล้วก็ค่อยๆจางหายไป คุณแบงค์รู้สึกเหมือนกับจะตายซะให้ได้ อวัยวะทุกอย่างในร่างกายตื่นตัว พยายามดิ้นจนสุดแรง
สักพักก็เหมือนจะหลุดขึ้นมาได้ คุณแบงค์นั่งหายใจหอบอยู่บนเตียงสักพัก ก็รีบโทรหาเพื่อนที่อยู่ห้องชั้นล่าง ให้รีบขึ้นมาหา ระหว่างรอเพื่อน คุณแบงค์ก็เผลอหลับ แล้วฝันว่าตนเองเกรดตก จนถูกรีไทร์ คุณแบงค์เดินกลับมาที่ห้อง เอาเชือกผูกเข้ากับพัดลมเพดาน แล้วคล้องคอของตนเอง อึดใจต่อมาก็เตะเก้าอี้ที่ใช้ยืนอยู่จนล้ม เหมือนกับที่ผู้หญิงคนนั้นทำทุกอย่าง จนมาสะดุ้งตื่นเพราะเสียงโทรศัพท์ คุณแบงค์จึงรีบรับสายแล้วถามเพื่อนว่า
คุณแบงค์ : เอ็งอยู่ไหน
เพื่อน : เอ็งอะแหละ อยู่ไหน ข้ามารอแล้ว
คุณแบงค์ : ก็อยู่ในห้อง เข้ามาเลย
เพื่อน : เนี่ย ข้ามาห้องเอ็งแล้ว ห้าศูนย์สอง ตอนแรกข้าเคาะเรียกแล้ว แต่ไม่มีใครเปิด ก็เลยลงไปตามป้าคุมหอให้มาช่วยเปิดให้ และตอนนี้ข้าก็อยู่ในห้องเอ็งเนี่ย ตกลงเอ็งอยู่ไหนกันแน่
คุณแบงค์รู้สึกชาไปทั้งตัว หูอื้อจนไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก จึงวางสายทันที แล้วเปิดไฟฉายในมือถือ ส่องดูรอบๆห้อง ปรากฏว่ามันไม่ใช่สภาพแรกที่คุณแบงค์เข้ามา เป็นห้องสกปรกๆ ฝุ่นจับหนาเตอะ ข้าวของระเกะระกะ กลิ่นสาบลอยคละคลุ้งไปทั่ว
คุณแบงค์พุ่งออกมาจากห้องนั้นทันที สายตาเหลือบไปเห็นเลขหน้าห้อง "หกศูนย์สอง" จึงรีบวิ่งลงบันไดแบบไม่คิดชีวิต ระหว่างนั้นหูก็แว่วได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะชอบใจดังมาจากข้างหลัง พอวิ่งลงมาจนถึงบันไดทางลงชั้นห้า ประตูเหล็กเจ้ากรรมก็ดันปิดลงเหมือนเดิม
แต่ตอนนั้นคุณแบงค์สติหลุดเกินกว่าจะหยุดอยู่นิ่งๆได้ จึงกระโดดถีบประตูเต็มแรง จนประตูหลุดออกจากรางเลื่อน คุณแบงค์รีบมุดออกมา แล้ววิ่งไปที่ห้อง จนไปเจอเพื่อนกับผู้ดูแลยืนอยู่หน้าห้อง
หลังจากนั้น คุณแบงค์จึงโทรไปเล่าเรื่องทุกอย่างให้คุณแม่ฟัง พอคุณแม่ได้ยินเช่นนั้นก็บอกให้ย้ายออกทันที คุณแบงค์อาศัยอยู่ที่หอพักแห่งนี้เป็นระยะเวลาเกือบๆสามเดือน จากนั้นคุณแบงค์จึงทิ้งการเรียนไประยะหนึ่ง เพื่อที่จะไปบวช และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment