โรงแรมที่คุ้นเคย
เรื่องประสบการณ์ของคุณไก่ เกิดขึ้นที่พัทยาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ประมาณ16ปีที่ผ่านมาคุณไก่ทำงานเป็นผู้สื่อข่าว วันนั้นจะมีการจัดงานประกวดขึ้นที่พัทยา คุณไก่จึงต้องเดินทางไปทำข่าว หลังจากตั้งรถ เซ็ตอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อยแล้วก็กลับไปพักที่โรงแรมก่อน เพราะงานจะเริ่มประมาณสองทุ่ม
โรงแรมจะอยู่นอกเมืองพัทยา จนเวลาประมาณหกโมง คุณไก่และทีมงานก็เดินทางไปที่งานประกวด จนงานเลิกประมาณเที่ยงคืน หลังจากช่วยกันเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็กลับมาพักที่โรงแรม
ทางคุณไก่ได้จองห้องพักไว้สิบห้อง อยู่ชั้นสอง นอนห้องละสองคน คุณไก่นอนกับตากล้องที่ห้องสองหนึ่งห้า พอหาอะไรทานเสร็จแล้วก็เข้านอน ลักษณะห้องจะไม่ใหญ่มาก มีสองเตียง ห่างกันประมาณหนึ่งเมตร ตรงกลางจะมีโต๊ะโคมไฟตั้งอยู่ โดยเปิดโคมไฟทิ้งไว้แล้วนอน
จังหวะที่คุณไก่กำลังเคลิ้มหลับ รู้สึกเหมือนมีคนดึงผ้าห่ม คุณไก่คิดในใจว่าเพื่อนจะมาดึงผ้าหมดไปทำไม คุณไก่ก็ดึงกลับมาแล้วนอนม้วนตัวทับไว้ สักพักผ้าห้มก็ถูกกระชากอย่างแรงจนคุณไก่ตกใจ รีบหันไปกะจะว่าเพื่อน
แต่ปรากฏว่าเห็นเพื่อนนอนห่มผ้าหันหลังให้ คุณไก่รู้สึกงง แล้วผ้าห่มของตนเองอยู่ไหน จึงลองชะเง้อดู ก็เจอมันกองอยู่ข้างล่าง ระหว่างเตียงคุณไก่กับเพื่อน ทำให้งงหนักเข้าไปอีก ในเมื่อเพื่อนห่มผ้าตัวเอง ถ้างั้นใครเป็นคนดึง
จนหางตาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่าง อยู่แถวๆปลายเตียง คุณไก่จึงหันไปมอง เห็นเป็นผู้หญิงผมยาว ตัวขาวซีด มีสีเขียวจ้ำๆเป็นบางจุด แต่หน้าตาดี ใส่ชุดนักศึกษา ยืนก้มหน้ามองที่ปลายเท้าของคุณไก่ คุณไก่รู้สึกช็อคจนตัวชา หายใจติดๆขัดๆ เพราะไม่ได้เตรียมใจมาก่อนที่จะเจออะไรแบบนี้
สายตาของผู้หญิงคนนั้นยังคงจับจ้องที่ปลายเท้าของคุณไก่ เป็นสายตาที่เย็นชาและว่างเปล่า จนเดาไม่ออกเลยว่าผู้หญิงคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ คุณไก่อยากจะดึงขากลับเข้ามาจนใจจะขาด แต่ก็ไม่กล้าขยับตัว เพราะกลัวว่าเธอคนนี้จะพุ่งเข้ามาจับไว้ซะก่อน
คุณไก่คิดอะไรไม่ออก เพราะในหัวมีแต่ความกลัวไหลวนอยู่ ได้แต่หลับตาปี๋ จนไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน สักพักคุณไก่ลองลืมตาขึ้นมาดูอย่างช้าๆ แต่ก็ยังเห็นเธอคนนั้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิม สายตายังคงจับจ้องไปที่ปลายเท้าของคุณไก่ ราวกับว่าอยากจะเอามันมาเป็นของตนเอง
คุณไก่รีบหลับตาลงทันที พยายามคิดหาทางออกอย่างลนลานจนหัวตื้อไปหมด คิดได้อย่างเดียวคือต้องวิ่งออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ก็มีอีกความคิดนึงแย้งมาว่า ถ้าเกิดเธอคนนี้วิ่งมาจับทันก่อนที่จะได้ออกจากห้อง อะไรจะเกิดขึ้น
ในหัวคิดไปต่างๆนาๆ จนสรุปได้ว่าควรจะนอนอยู่นิ่งๆ น่าจะดีที่สุด เวลานั้นบรรยากาศภายในห้องเงียบและเย็นเฉียบ ทั้งๆที่เป็นห้องพัดลม แต่กลับรู้สึกเย็นไปทั้งร่าง โดยเฉพาะช่วงปลายเท้า ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอากาศมันเย็น หรือว่าความเย็นเหล่านี้มันแผ่ออกมาจากตัวของเธอคนนั้น
คุณไก่ค่อยๆเลื่อนมือลงไปหยิบผ้าห่มข้างเตียง ขึ้นมาคลุมโปง แล้วพูดในใจว่า "ผมไม่รู้หรอกนะว่าคุณมาทำไม ผมมานอนแค่คืนเดียว พรุ่งนี้เช้าจะกลับแล้ว ถ้าคุณออกมาให้เห็นแบบนี้ ถ้าผมเป็นคนใจไม่แข็งพอ คงจะช็อคตายไปแล้ว เอาอย่างนี้ เดี๋ยวผมจะไปทำบุญให้ อย่ามาหลอกผมเลย"
หลังจากที่พูดในใจจบ คุณไก่ก็ยังไม่กล้าเปิดผ้าห่มขึ้นมาดู เพราะกลัวว่าเธอคนนั้นยังไม่ไปไหน ได้แต่นอนตัวสั่นอยู่ใต้ผ้าห่มอยู่พักใหญ่ จนอดใจไม่ไหว ลองแง้มผ้าห่มขึ้นดู แต่ก็ไม่เห็นใคร คุณไก่มองไปรอบๆห้องจนแน่ใจแล้วว่าเธอคนนั้นไปแล้วจริงๆ
คุณไก่ลุกขึ้นไปเปิดไฟจนห้องสว่างโร่ แล้ววิ่งกลับมานั่งกอดอกพิงหัวเตียง ช่วงนั้นเวลาประมาณตีสาม ไม่รู้ว่าเธอคนนั้นแอบอยู่ตรงไหนของห้อง ในห้องน้ำ ในตู้เสื้อผ้า หรือว่าใต้เตียง แต่ที่แน่ๆ เธอต้องอยู่ในห้องนี้แน่นอน
คุณไก่พยายามเรียกชื่อเพื่อนที่นอนอยู่เตียงข้างๆหลายครั้ง แต่ก็เหมือนว่าจะไม่ได้ผล ได้แต่ภาวนาขอให้พระอาทิตย์ขึ้นเร็วๆ รู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากจนเกินจะทน
พอถึงรุ่งเช้า ตอนที่เดินทางกลับ คุณไก่เล่าเรื่องที่เจอมาเมื่อคืนให้ทุกคนฟังทั้งรถบัส พอกลับไปถึงกรุงเทพก็ได้ทำบุญไปให้ผู้หญิงคนนั้น และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment