ดวงตก
เมื่อสิบสี่ปีที่ผ่านมา ในอุตรดิตถ์ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่จังหวัดอุตรดิตถ์ พี่สาวของคุณอิฐได้ทำอาชีพแสดงลิเก แล้วได้งานที่วัดแห่งหนึ่งคุณอิฐก็ได้มีโอกาสไปกับพี่สาวพร้อมกับคณะลิเก
เป็นวัดป่า ภายในวัดจะมีแค่เมรุเผาศพ กับกุฏิ ลักษณะทางเข้าจะเป็นถนนดินลูกรัง ซุ้มวัดยังสร้างไม่เสร็จดี ตรงเข้าไปอีกประมาณสามร้อยเมตร ก็จะเป็นกุฏิ จะมีหลวงพ่อกับพระลูกวัดอยู่
ทางซ้ายมือ ห่างออกไปไกลๆ จะเป็นเมรุ หลังวัดจะมีโกศตั้งเรียงรายอยู่ข้างถนนทางออกหลังวัด ตรงนั้นจะมีต้นโพธิ์อยู่ต้นนึง ใต้ต้นโพธิ์มีศาลไม้เก่าๆ หลังใหญ่มาก ถูกทิ้งไว้ แล้วโรงลิเกจะตั้งอยู่ที่หลังวัด ข้างเวทีจะมีต้นมะม่วงต้นใหญ่ และมีหมูตัวใหญ่ๆอยู่ตัวนึง ที่หลวงพ่อท่านเลี้ยงไว้ใต้ต้นมะม่วง
พอไปถึง ก็ช่วยกันจัดข้าวจัดของ เสร็จแล้วก็นั่งทานข้าวกัน แล้วมีพี่คนนึงในคณะ ชื่อพี่ยล พูดขึ้นมาว่า "เดี๋ยววันนี้ ลิเกเลิกแล้วเนี่ย ไปขอหวยกันดีกว่า" หลังจากนั้น ก็ไปแสดงลิเกกัน จนประมาณตีหนึ่ง
พอลิเกเลิกแล้ว คุณยลก็ได้ชวนไปขอหวยกัน แต่ก็ไม่มีใครไป สุดท้ายก็มาขอให้คุณอิฐไปเป็นเพื่อน คุณอิฐก็อยากจะเที่ยวอยู่พอดี จึงตกลงไปด้วย วัดในตอนกลางคืนจะมืดมาก จะมีแสงไฟแค่ตรงกุฏิ กับโรงลิแก
ซึ่งถนนทางหลังวัดจะไม่มีไฟเลย มืดมากๆ หลังจากเตรียมแป้งกับธูปเทียนเสร็จแล้ว คุณอิฐกับคุณยลก็เดินไปทางหลังวัด และตรงไปที่โกศ แต่เดินหาต้นโพธิ์ไม่เจอ ทั้งๆที่ตอนกลางวัน ต้นโพธิ์จะอยู่ห่างจากโกศไม่มาก
คุณยลก็อุทานออกมาว่า "อะไรว๊ะ" แล้วก็เงียบไปสักพัก แล้วก็พูดขึ้นมาอีกว่า "จับชายเสื้อพี่ไว้นะ" แล้วก็เงียบ คุณอิฐก็ไม่รู้ว่าคุณยลกำลังทำอะไรอยู่ เพราะมืดมากจนมองกันไม่เห็น
แล้วสักพัก คุณยลก็เดินไปข้างหน้า ประมาณห้านาที ก็ไปถึงต้นโพธิ์ที่มีศาลไม้หลังใหญ่อยู่ข้างๆ คุณยลก็เดินเข้าไปจุดธูป แล้วปักลงที่หน้าศาลไม้ แล้วก็จุดเทียน เดินวนต้นโพธิ์หาที่ลูบแป้ง สักพักก็ปักเทียนลงที่พื้น นั่งยองๆโรยแป้งแล้วเอานิ้วถู
คุณอิฐก็ยืนมอง ในใจก็ระแวง เพราะมองไปทางไหน ก็มีแต่ความมืด และความเงียบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงของแมลง จนสักพัก ก็ได้ยินเสียงกิ้งไม้เขย่า "พรึ่บๆๆ" ทั้งๆที่ไม่มีลม ลักษณะเหมือนโดนจับเขย่าแรงๆมากกว่า
คุณอิฐตกใจมาก สติแทบไม่อยู่กับตัว แล้วคุณยลก็พูดขึ้นมาว่า "ไก่ เสียงไก่ ไม่ต้องกลัว" คุณอิฐก็นิ่ง คิดในใจว่ามันใช่เสียงไก่แน่เหรอ เพราะเห็นว่ามันมีกิ่งไม้กิ่งหนึ่งในต้นโพธิ์มันเขย่าอยู่กับตา
คุณยลก็ยังพยายามถูต่อ คุณอิฐเริ่มรู้สึกเสียวที่สันหลังเป็นระยะๆ สักพัก เสียงก็ดังขึ้นอีก "พรึ่บๆๆ" คุณอิฐแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่เสียงไก่แน่นอน ก็ผวาลงไปนั่งอยู่ข้างๆคุณยล คุณยลก็ยังพูดขึ้นอีกว่า "ไม่มีไรหรอก แค่ไก่"
คุณยลก็ถูต่อไปเรื่อยๆ สักพักเสียงก็ดังขึ้นอีก แต่คราวนี้ดังรัวๆไม่หยุด "พรึ่บๆๆๆๆๆๆๆ" คุณอิฐจิงแหงนหน้ามองขึ้นไปข้างบน ปรากฏว่าเห็นคนแก่ใส่ชุดขาว นั่งอยู่บนศาลไม้ แต่ที่ทำให้คุณอิฐหยุดหายใจก็คือ ขาข้างซ้ายของเค้าใหญ่เท่าๆกับคนๆนึง
กำลังไถตัวลงมาหา โดยเอาขาห้อยลงมาข้างหน้า แล้วใช้มือทั้งสองข้างยัน ไถลงมากับหลังคา คุณอิฐรีบวิ่งฝ่าความมืดจนไปถึงโรงลิเก โดยมีคุณยลวิ่งตามหลังมา แล้วไปหยุดหอบหายใจอยู่หน้าโรงลิเก พี่สาวก็เดินมาถามว่าเป็นอะไร คุณอิฐจึงเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง
พี่สาวก็หาพระมาคล้องคอให้ คุณอิฐถึงสงบสติลงได้บ้าง และก็นอนกันที่โรงลิเก ตอนดึก หมูที่หลวงพ่อเลี้ยงไว้ใต้ต้นมะม่วง ร้องทั้งคืน ไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร หลังจากนั้น คืนที่สองกับคืนที่สาม คุณอิฐก็ไม่กล้าออกจากโรงลิเก
พอคืนที่สี่ คือสุดท้าย หลังจากแสดงลิเกเสร็จแล้ว ทุกคนก็เข้านอน คุณอิฐนอนริมสุด ทางด้านขวาของโรงลิเก ติดกับต้นมะม่วง คืนนั้นลมแรงมาก จนพัดหลังคาสังกะสีของโรงลิเก แง้มออกนิดนึง ทำให้มองเห็นกิ่งของต้นมะม่วง ที่พาดผ่านหลังคาโรงลิเก
คุณต้นนอนสักพัก ก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงนั่งคร่อมอยู่บนกิ่งต้นมะม่วง ใส่ชุดสีแดง มองลงมาทางคุณอิฐ ตรงหลังคาสังกะสีที่มันเปิดออก คุณอิฐรีบคลุมโปงทันที นอนตัวสั่น พยายามสวดมนต์ แต่ก็สวดไม่ได้ เพราะเสียงหมูที่อยู่ใต้ต้นมะม่วงส่งเสียงร้องลบกวนตลอดเวลา
จนคุณอิฐคิดว่าไม่ไหวแล้ว จึงได้ร้องไห้ออกมาก พี่สาวก็ถามว่าเป็นอะไร แล้วก็ถอดพระมาคล้องคอให้คุณอิฐอีกหนึ่งองค์ พอวันรุ่งขึ้น พี่สาวก็พาคุณอิฐไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านบอกว่า ดวงของคุณอิฐกำลังตก จึงทำให้เห็นสิ่งเหล่านี้ได้ง่าย
หลวงพ่อจึงรดน้ำมนต์ และผูกข้อมือให้ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment