เฮี้ยนบ้านผู้1000
ในครั้งที่คุณนัดเข้ารับราชการเป็นทหารเกณฑ์ เมื่อเก้าปีที่ผ่านมา เขาได้พบกับประสบการณ์หลอนครั้งที่เข้าประจำการที่จังหวัดราชบุรี ที่บ้านพักหลังหนึ่ง พอดีในกรมมีการแยกทหารขึ้นกองร้อยกับกองพัน คุณนัดโชคดีได้ขึ้นกองพัน
และพอดีกับที่ผู้พันต้องการคนไปทำความสะอาดบ้านพัก ซึ่งตั้งอยู่ในตัวจังหวัดราชบุรี คุณนัดจึงอาสาไปทำ มีเพื่อนๆทหารที่รู้ข่าว ก็ได้เข้ามาแซวคุณนัดกันว่า "เฮ้ยระวังตัวนะ บ้านผู้พันเค้ามีอะไรแปลกๆอยู่นะ" แต่คุณนัทเป็นคนไม่กลัวผีอยู่แล้ว จึงรู้สึกเฉยๆกับคำพูดเหล่านั้น
วันที่เข้าไปที่บ้านพัก นายหมู่ได้ขับรถไปส่งคุณนัดถึงหน้าบ้าน แต่นายหมู่ไม่ยอมลงจากรถ แค่หันมาบอกคุณนัดว่า "เออ ไอ้ชาย เปิดประตูเข้าไป ไม้กวาดอยู่ตรงโน้นนะ ไม้ถูอยู่ตรงนี้นะ ไอ้นั่นอยู่ตรงนั้น ฯ เออ อีกอย่าง ทำความสะอาดแค่ชั้นล่างนะ ไม่ต้องขึ้นไปชั้นสอง"
คุณนัดแปลกใจจึงรีบถามว่า "อ้าวทำไมล่ะครับหมู่" นายหมู่ตอบกลับว่า "เออน่า เค้าสั่งมาว่าให้ทำแค่ชั้นแรก ไม่ต้องขึ้นไปชั้นสอง" เมื่อพูดจบ นายหมู่ก็เหยียบรถออกไปทันที
คุณนัดได้แต่คิดในใจว่า ทำไมนายหมู่ทำกันแบบนี้นะ และหันไปเปิดประตูรั้วหน้าบ้าน บ้านพักหลังใหญ่พอสมควร มีสองชั้น ทำจากไม้ทั้งหลัง ในบริเวณบ้านจะมีศาลพระภูมิ ตั้งอยู่ตรงกลางสนามหน้าบ้าน
จังหวะที่คุณนัดเปิดประตูและก้าวเข้าไปในบ้าน ความรู้สึกบางอย่างก็ผุดขึ้นมา เป็นความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ รู้แค่ว่ามันมีอะไรบางอย่างที่ "แปลกๆ" แต่คุณนัดพยายามไม่คิดอะไรมาก คงเป็นเพราะแปลกที่แปลกทาง
ห้องโถงกว้างพอสมควร แต่กลับรู้สึกอึดอัดชอบกล อาจเป็นเพราะมันมืดมาก และบ้านหลังนี้อาจถูกปิดไว้เป็นเวลานาน บันไดขึ้นชั้นสองจะอยู่ตรงกับประตูทางเข้าบ้านพอดี ด้านซ้ายจะเป็นชุดโชฟารับแขก ส่วนด้านขวาจะมีตู้โชว์และโทรทัศน์ พร้อมกับมีเก้าอี้ที่ปรับเอนหลังได้หนึ่งตัว
คุณนัดจัดการทำความสะอาดโซนด้านขวาก่อน เพราะคิดว่าจะนอนตรงเก้าอี้หน้าโทรทัศน์ เมื่อเสร็จแล้วคุณนัดคิดว่าจะออกไปซื้อธูปเทียน เพื่อจะนำมาไหว้ศาลพระภูมิ แต่ความไม่สะบายใจก่อนหน้านี้มันยังไม่หายไปไหน จึงได้หยิบเบียร์ติดมือมาด้วยขวดนึง
คุณนัดกลับมาถึงบ้านก็พอดีเวลาหกโมง แต่ดันลืมซื้อธูปเทียนมาด้วย คิดจะกลับออกไปซื้ออีกรอบก็ขี้เกียจเดิน จึงได้เข้าบ้านเอาเบียร์ไปแช่ตู้เย็นไว้ก่อน แล้วรีบทำความสะอาดบ้านในส่วนที่เหลือ
เมื่อเสร็จกิจแล้ว คุณนัดรู้สึกคาใจว่าทำไมถึงไม่ให้ขึ้นไปบนชั้นสอง ความอยากรู้ทำให้ขามันก้าวขึ้นบันไดไปชั้นบน แต่เมื่อเท้าเหยียบลงบนขั้นแรกของบันได หูกลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง มันดังมาจากชั้นบน "กุ๊กกั๊กๆตึ่งๆๆๆ" คล้ายๆมีอะไรสักอย่างวิ่งอยู่ด้านบน
คุณนัดหยุดชะงักทันทีแล้วนิ่งฟัง พร้อมๆกับมองขึ้นไปบนชั้นสอง เห็นเพียงแค่ชานระเบียงมืดๆ จึงเปลี่ยนใจก้าวถอยหลัง แล้วเดินไปนั่งพักอยู่บนเก้าอี้หน้าโทรทัศน์ ในใจคิดว่าเสียงดังขนาดนั้นน่าจะเป็นหนูตัวเท่าเขียงแน่ๆ
แต่เพราะความเพลียทำให้คุณนัดไม่อยากคิดอะไรต่อ ได้แต่หลับตาและแอนหลังลงกับเก้าอี้ ภายในห้องโถงเงียบมากเมื่อปิดประตูและหน้าต่างหมดทุกบาน แต่ไม่ว่าจะรู้สึกง่วง รู้สึกเพลียแค่ไหนก็ตาม คุณนัดก็ยังหลับไม่ลง อาจเป็นเพราะแปลกที่
จึงลุกขึ้นมาเปิดโทรทัศน์ดู พร้อมกับดื่มเบียร์ไปด้วย พอหมดขวดก็ล้มตัวลงนอนต่อ โดยนอนหันไปทางซ้าย ในจังหวะที่กำลังเคลิ้มหลับ คุณนัดรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่าง มาแตะที่หลัง
คุณนัดสงสัยว่ามันคืออะไร จึงพยายามจะหันตัวกลับไปดู แต่ปรากฏว่าไม่สามารถขยับตัวได้ คุณนัดคิดในใจว่าหรือจะโดนผีอำ แต่เพราะความไม่กลัวผี จึงไม่รู้สึกตื่นตระหนกกับเหตุการณ์นี้มาก พยายามดิ้นสุดแรง เพื่อให้หลุดจากอะไรบางอย่างนี้
จนสักพักใหญ่ๆถึงจะลุกขึ้นมาได้ คุณนัดกวาดสายตาไปรอบๆห้อง พูดในใจว่า "ผมไม่ได้มารบกวนนะ ผมแค่มาทำความสะอาด ถ้ามีอะไรก็มาเข้าฝันดีกว่า อย่ามากวนผมเลย" จากนั้นก็ล้มตัวลงนอนต่อ
ผ่านไปสักพัก ก็เหมือนมีอะไรบางอย่างมาแตะโดนที่หลังเหมือนเดิม แต่ครั้งนี้ได้ยินเสียงเด็กหัวเราะไปด้วย "คิกๆๆๆ" เหมือนเด็กกำลังสนุกสนาน และจากความรู้สึกเหมือนโดนอะไรแตะที่หลัง กลับรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกำลังโดนเตะหลังอยู่
ในใจคุณนัดคิดว่าโดนแล้วแน่นอน จึงรีบพลิกตัวกลับไปมอง แต่ในอารมณ์แบบคนกำลังสลึมสลือ คุณนัดเห็นเหมือนขาเด็กเล็กๆ แห้งๆ สีซีดๆ ห้อยลงมาจากตู้โชว์ พร้อมๆกับแกว่งเท้าไปด้วย คุณนัดตกใจจนหูตาสว่าง ใจหายวูบเหมือนคนตกจากที่สูงๆ รีบดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้ทันที แต่ก็เห็นเป็นแค่ตู้โชว์เปล่าๆ
ช่วงนั้นเวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ ความเงียบของบ้านทำให้คุณนัดรู้สึกเหมือนอยู่ในอาการหูอื้อ กวาดสายตามองไปรอบๆก็ไม่พบอะไรผิดปกติ มีไฟเพียงดวงเดียวที่เปิดอยู่กลางห้องโถงที่กว้างใหญ่ห้องนี้ ทำให้รอบๆห้องมีมุมมืดเกิดขึ้นหลายจุด มองดูรู้สึกขนลุกแปลกๆ
ในใจคิดว่าจะเอาไงต่อดี จะนอนต่อก็คงไม่ได้ เพราะในใจยังคงกังวลต่อสิ่งที่เพิ่งจะประสบมา จึงตัดสินใจว่าคืนนี้ไปนอนเล่นในร้านเกมหน้าปากซอยจะดีกว่า พอคิดได้เช่นนั้นก็รีบลุกจากเก้าอี้ แล้วเดินตรงไปที่ประตู
แต่เมื่อเอื้อมมือแตะเข้ากับลูกบิดประตู หูกลับได้ยินเสียงอะไรบางอย่างดังอยู่ด้านหลัง "ครืดๆๆ" เสียงประหลาดนั่นทำให้คุณนัดเย็นสันหลังวาบ แต่ก็จำต้องทำใจแข็งเปิดประตูแล้วรีบเดินออกจากบ้าน โดยที่ไม่หันกลับไปมอง
วันต่อมา ด้วยความอยากรู้ว่าเด็กที่เห็นคนนั้นเป็นใครกันแน่ หรือเป็นอะไรกับบ้านหลังนี้ คุณนัดจึงเดินกลับเข้าบ้านในเวลาประมาณหกโมงเช้า พยายามหาดูว่าผู้พันท่านเลี้ยงอะไรไว้หรือเปล่า แต่หาจนทั่วแล้วก็ไม่เจออะไร
ก็เหลือแต่ชั้นสอง คุณนัดตัดสินใจว่ายังไงก็จะขึ้นไปดูให้ได้ จึงก้าวขึ้นไปบนบันได แต่เมื่อเท้าเหยียบลงบนบันไดขั้นที่สาม เสียงแปลกๆก็ดังขึ้นอีก "กุ๊กกั๊กๆตึ่งๆๆๆ" ซึ่งมันดังมาจากด้านบน ทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าต้องขึ้นไปดูให้ได้ แต่มันเหมือนมีความรู้สึกบางอย่าง ร้องเตือนให้ถอยกลับลงไป
คุณนัดไม่รอช้ารีบก้าวถอยหลังกลับลงมาทันที และยืนทบทวนว่ามันคืออะไรกันแน่ ทั้งๆที่ตนเองเป็นคนไม่กลัวเรื่องพวกนี้ แต่ทำไมถึงรู้สึกระแวงอะไรบางอย่างจากชั้นสอง คุณนัดมองขึ้นไปบนชานระเบียงชั้นสอง ทั้งๆที่เป็นเวลาช่วงเช้า แต่กลับรู้สึกว่าชั้นบนมันมืดทึบแปลกๆ
จึงตัดสินใจว่ายังไงก็ขอออกไปเที่ยวเล่นข้างนอกก่อนดีกว่า เพราะรู้สึกไม่สบายใจกับบ้านหลังนี้มากขึ้นเรื่อยๆ คุณนัดกลับเข้ามาถึงบ้านก็เป็นเวลาช่วงเย็น นึกขึ้นได้ว่าลืมไหว้ศาล จึงเดินออกไปซื้อธูปเทียนมาไหว้ศาลก่อน แล้วเข้าไปนอนในบ้าน
ก่อนนอน คุณนัดพูดออกมาลอยๆว่า "ในบ้านนี้มีอะไรหรือเปล่า ถ้ามี ขอผมเห็นได้มั้ย" ที่พูดออกไปแบบนี้ไม่ได้ต้องการที่จะท้าทาย แต่เพียงแค่อยากจะรู้ว่ามันมีอะไรอยู่จริงๆหรือไม่
จนเวลาล่วงมาถึงห้าทุ่ม คุณนัดงีบหลับไปนานเท่าไหร่ไม่ทราบได้ แต่มารู้สึกตัวเพราะเสียงแปลกๆมันดังมาจากชั้นบน "กึกๆๆ พรืดดด กุ๊กกั๊กๆๆ" คุณนัดพยายามลืมตาขึ้น แล้วค่อยๆมองขึ้นไปบนชานระเบียงชั้นสอง
แต่สายตามันไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง แถวๆหน้าบันไดขึ้นชั้นสอง ทั้งๆที่มันควรจะเป็นพื้นที่โล่งๆ แต่กลับมีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น คุณนัดพยายามลืมตาให้กว้างขึ้นกว่าเดิม เพื่อที่จะมองสิ่งนั้นให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
ในใจคิดว่าเป็นคนหรืออะไรวางอยู่ตรงนั้นหรือเปล่า แต่ยิ่งมองมันก็ยิ่งชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกจากผู้หญิงไว้ผมยาวปิดบังใบหน้า สวมชุดคลุมท้องสีขาว
ในตอนนั้น คุณนัดกำลังอยู่ในอาการมึนงง พยายามเอี้ยวตัวไปทางซ้าย เพื่อที่จะได้มองให้มันชัดเจนยิ่งขึ้นไปอีก ปรากฏว่าเธอคนกระโดดพรวดเข้ามาหาอย่างไว ทำให้คุณนัดสติกระเจิง จนวิ่งเตลิดออกจากบ้านทันที โดยที่ไม่กล้าเหลียวหลังกลับไปมอง
ภาพหน้าของเธอคนนั้นมันติดตาตรึงใจอยู่ในสมอง เพราะตอนที่เธอกระโดดเข้ามาหา คุณนัดเผลอมองหน้าเธอแวบนึง ใบหน้าออกซีดๆดำๆ ดวงตาสีขาวกลมโต อ้าปากกว้างเหมือนจะงับหัวคุณนัดเข้าไปทั้งหัว
คุณนัดไปนั่งตั้งสติอยู่หน้าร้านสดวกซื้อแถวๆหน้าปากซอย คิดทบทวนว่าเหตุการณ์ที่ตนพบเจอมาเมื่อครู่ มันเป็นมายังไงกันแน่ แล้วจากนี้จะเอายังไงต่อดี แต่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมปิดประตูบ้าน
เลยต้องเดินกลับบ้านด้วยความจำใจ เมื่อถึงหน้าบ้าน คุณนัดมองดูบ้านพักหลังนี้ด้วยความวิตก ใจสั่นระริก บ้านพักในเวลานี้ทำไมมันถึงดูหน้ากลัวกว่าแต่ก่อนมาก หลังใหญ่ดําทะมึน และเหมือนว่าบ้านมันกำลังจ้องคุณนัดอยู่ ทำให้รู้สึกเย็นวูบวาบไปทั้งตัว
ไม่รู้ว่าเป็นการคิดไปเองหรืออะไรกันแน่ แต่ที่แน่ๆคือต้องเดินกลับเข้าไปปิดประตูบ้านให้ได้ เพราะถ้าเกิดมีของหายขึ้นมา ผู้พันคงเอาตายแน่ คุณนัดค่อยๆเดินเข้าไปด้วยความกล้าๆกลัวๆ บรรยากาศรอบๆตัวเงียบมาก จนได้ยินเสียงหัวใจเต้นตึกตักๆ ไร้วี่แววของเสียงจักจั่นเรไร และแมลงกลางคืน ที่ปกติมันควรจะมีเหมือนเช่นคืนก่อนๆ
เมื่อถึงหน้าประตู คุณนัดพยายามข่มใจไม่ให้มองเข้าไปในบ้าน เพราะกลัวจะเจอเข้ากับบางอย่างที่ไม่อยากเจอ เอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู แล้วปิดมันเข้าที่อย่างช้าๆ เพราะไม่อยากทำให้มันเกิดเสียง
แล้วหันหลังก้าวเดินออกจากบ้านด้วยใจระทึก แต่เมื่อเดินห่างออกมาได้ประมาณสี่ก้าว สาบานได้ว่าหูมันได้ยินเสียงเหมือนมีคนหมุนลูกบิดจากฝั่งด้านในบ้านดัง "แกร่งๆๆ" ทำให้คุณนัดรู้สึกเย็นวูบไปทั้งตัว ความกลัวมันบังคับให้ขาของคุณนัดกระโดดพรวดออกจากตรงนั้นทันที แล้ววิ่งรวดเดียวไปถึงหน้าปากซอย
คืนนั้นคุณนัดอาศัยร้านเกมเป็นที่หลับนอนอีกคืน รุ่งขึ้นก็กลับเข้าค่ายทหารทันที โดยที่ไม่รอให้นายหมู่มารับ จากนั้นคุณนัดจึงเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้นายหมู่ฟัง แล้วถามว่าเด็กและผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร แต่นายหมู่ก็ไม่ยอมปริปากบอกคุณนัดเลยแม้แต่นิดเดียว ครั้นจะไปถามผู้พันเจ้าของบ้านพักก็ไม่กล้าพอ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment