โรงเรียนหลอนวันไหว้ครู
เรื่องราวที่พี่ชายเล่าให้ฟัง เมื่อห้าปีก่อน ครั้งหนึ่งช่วงที่โรงเรียนแห่งหนึ่งจัดงานวันไหว้ครู ที่จังหวัดศรีสะเกษ พี่ชายกำลังศึกษาอยู่ ม.ปลาย ซึ่งทางอาจารย์ได้ให้นักเรียนทุกระดับชั้นจัดพานกันเอง
พี่ชายและเพื่อนๆอยู่ทำพานกันจนดึก เพราะต้องฉีกเวลาไปช่วยกันจัดสถานที่ด้วย จนเวลาล่วงเข้าสามทุ่ม ดอกไม้ที่จะนำมาจัดใส่พานเกิดหมด พี่ชายจึงชวนเพื่อนหนึ่งคน ขึ้นไปเอาดอกไม้ที่ห้องด้านบน
ซึ่งอาคารที่กำลังนั่งจัดพานกันอยู่ เป็นอาคารใหญ่สามชั้น โดยทุกๆคนจะนั่งจัดพานกันในห้องชั้นหนึ่ง และดอกไม้ที่ทางโรงเรียนจัดเตรียมไว้ให้จะอยู่บนชั้นสาม
ในขณะที่พี่ชายและเพื่อนเดินขึ้นมาจนถึงชั้นสอง หูก็ได้ยินเสียงเหมือนมีโต๊ะล้มดังโครมครามมาจากชั้นสาม จึงหยุดคุยกับเพื่อนว่า "นี่มันก็ดึกแล้วนะ พวกรุ่นน้องยังไม่กลับกันอีกเหรอ หรือกำลังมีเรื่องกัน"
พี่ชายและเพื่อนรีบเดินขึ้นไปบนชั้นสาม เสียงโครมครามมันดังมาจากห้องทางซ้ายมือ จึงเดินตรงไปที่ห้องนั้น ซึ่งเป็นห้องที่อยู่ท้ายสุด เมื่อไปถึงที่หน้าห้อง พบว่าประตูห้องถูกเปิดไว้ ภายในห้องมืดทึบ เพราะปิดหน้าต่างทุกบาน
โต๊ะและเก้าอี้ล้มระเกะระกะ แต่มีสิ่งหนึ่ง เห็นเป็นเงาดำๆ กำลังวิ่งวนอยู่รอบๆห้อง ชนโต๊ะจนเสียงดังโครมคราม ราวกับว่าไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวด พี่ชายลองเพ่งมองดูดีๆ ก็พบว่าเป็นนักเรียนหญิง รุ่นราวคราวเดียวกัน ผมยาวประบ่า ใส่ชุดนักเรียน ใช้มือทั้งสองข้างถือพานสีเงินชูไปข้างหน้า
พี่ชายและเพื่อนยืนมองอยู่หน้าห้องด้วยความงุนงง คิดว่าผู้หญิงคนนั้นกำลังทำอะไรอยู่กันแน่ แต่เมื่อพี่ชายลองสักเกตที่หน้าของผู้หญิงคนนั้นดีๆ กลับพบว่าผู้หญิงคนนั้นไม่มีลูกกะตา เห็นเป็นดำๆ เหมือนมีเงามืดๆ ปิดทับไว้อยู่ ปากฉีกยิ้มกว้างจนดูน่ากลัว
พี่ชายเริ่มขนลุกตั้ง กลัวในสิ่งที่ตนเองกำลังยืนมองอยู่ คิดในใจว่าเธอคนนี้เป็นตัวอะไรกันแน่ ความรู้สึกบางอย่าง บอกให้พี่ชายรีบหนีออกไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด จนขามันเริ่มถอยหนีออกมาเอง
และรู้สึกเหมือนผู้หญิงคนนั้นจะวิ่งเร็วขึ้นเรื่อยๆ ชนโต๊ะเก้าอี้ที่กองอยู่กับพื้นจนกระเด็นกระดอน ถ้าเป็นคนจริงๆ ตามแข็งขาคงจะมีแต่รอยฟกช้ำดำเขียว พี่ชายทนยืนมองสิ่งแปลกประหลาดที่อยู่ตรงหน้าไม่ไหว รีบกระโดดออกมาจากตรงนั้นทันที แล้วดิ่งไปที่บันไดให้เร็วที่สุด
ได้ยินเสียงเพื่อนวิ่งตามหลังมาติดๆ ระหว่างที่กำลังวิ่งไปที่บันได อยู่ๆก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมา เพราะกลัวว่าเธอคนนั้นจะวิ่งตามหลังมาด้วย จึงหลับหูหลับตาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต จนลงมาถึงชั้นหนึ่ง
พี่ชายและเพื่อนนอนหอบหายใจกองอยู่บนพื้น เพื่อนคนอื่นๆจึงถามด้วยความสงสัย เมื่อพี่ชายนอนพักจนหายเหนื่อย ก็ลุกขึ้นมานั่งเล่าเหตุการณ์ที่เจอมาให้เพื่อนๆฟัง แต่กลับไม่มีใครเชื่อเลยสักคน
พี่ชายจึงท้าให้ทุกคนลองขึ้นไปดูกัน แต่ก็ไม่มีใครสนใจ เพราะทุกคนกลัวจะเสียเวลาเปล่า ในระหว่างที่พี่ชายกำลังยืนเถียงกับเพื่อนๆอยู่ หูก็ได้ยินเสียงผู้หญิงตะโกนอะไรสักอย่าง มาจากตึกอีกฝั่งหนึ่ง ซึ่งเป็นตึกสามชั้นลักษณะเดียวกัน ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม หันหน้าเข้าหากัน มีสนามฟุตบอลขั้นกลาง
พี่ชายถามทุกคนว่าได้ยินอะไรมั้ย แต่ทุกคนก็ส่ายหน้า พี่ชายจึงลองเดินออกไปดูคนเดียว ตึกอีกฝั่งปิดไฟไว้ทุกห้อง จึงทำให้ดูมืดทึบหน้ากลัว แต่สายตาของพี่ชาย เหมือนมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ใส่ชุกนักเรียน ยืนอยู่บนระเบียงชั้นสาม
แต่อยู่ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็ทิ้งตัวลงมาจากชั้นสาม จนร่างกระทบกับพื้นเสียงดัง "ตุ๊บ!!" พี่ชายยืนตะลึงต่อภาพที่เห็นตรงหน้า สักพักใหญ่ถึงจะได้สติ กำลังจะตะโกนว่าคนกระโดดตึก แต่ร่างนั้นค่อยๆยันตัวลุกขึ้นมาซะก่อน แล้วเดินดุ่มๆมาทางพี่ชาย
พี่ชายตกใจรอบสอง รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว คิดในใจว่าต้องเป็นผู้หญิงคนเดียวกันกับที่เจอบนชั้นสามแน่ๆ จึงรีบถอยหลังกลับเข้าห้องแล้วปิดประตู หันมาบอกกับเพื่อนๆที่นั่งทำพานด้วยปากสั่นๆว่า "ผีกำลังมา"
แต่กลับไม่มีใครสนใจพี่ชาย ต่างนั่งคุยสนุกเฮฮากันเหมือนเดิม จังหวะนั้นเอง ประตูห้องที่เพิ่งจะปิดไปเมื่อครู่ กับดีดเปิดออกจนพี่ชายสะดุ้งตัวงอ เห็นเป็นครูเวรเดินเข้ามา แล้วพูดด้วยสีหน้าเครียดๆว่า "วันนี้พอก่อน กลับบ้านกันได้แล้ว"
พี่ชายกำลังจะเอ่ยปากเล่าเหตุการณ์ที่พบมาให้ครูเวรฟัง แต่ครูเวรกลับรีบเดินออกจากห้องไปเสียก่อน ทุกคนจึงช่วยกับเก็บข้าวของ เตรียมตัวกลับบ้าน ระหว่างที่กำลังขี่รถออกมาจากโรงเรียน พี่ชายออกมาเป็นคันสุดท้าย เพราะเอามอเตอร์ไซค์ไปจอดไว้ด้านในสุด มีเพื่อนนั่งซ้อนท้ายมาด้วยหนึ่งคน
ในขณะที่กำลังขี่รถผ่านหน้าตึกเรียนหลังหนึ่ง พี่ชายได้ยินเสียงอะไรสักอย่าง ดังตามหลังมาด้วย จึงดูที่กระจกส่องหลัง แต่ก็ไม่พบอะไร เห็นเพียงแค่ความมืด เสียงมันยังคงดังไล่หลังมาเรื่อยๆ "ตึกๆๆๆๆ"
ด้วยความสงสัย พี่ชายจึงหันกลับไปมอง ปรากฏว่าเห็นเป็นเงาดำๆ ลักษณะตัวเท่าคน วิ่งตามหลังรถมาติดๆ เอื้อมมือทั้งสองข้างมาข้างหน้า เหมือนพยายามจะคว้าตัวของเพื่อนที่นั่งซ้อนท้ายให้ได้
พี่ชายเห็นแบบนั้นก็ตกใจกลัวสุดขีด รีบบิดรถสุดคันเร่ง จนเพื่อนที่นั่งซ้อนท้ายสงสัย ถามพี่ชายว่า "รีบอะไรนักหนา" พี่ชายไม่ตอบ เอาแต่บีดหนีบางสิ่งบางอย่างที่กำลังตามหลังมาติดๆ จนพ้นเขตโรงเรียน สิ่งนั้นก็หายไป
พี่ชายงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มาก เพราะปกติไม่เคยเจอผีมาก่อน แต่ทำไมวันนี้ต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วย หลังจากไปส่งเพื่อนที่บ้านเสร็จแล้ว พี่ชายก็ตรงกลับบ้านทันที
เมื่อเข้าไปในบ้าน คุณแม่ทักขึ้นมาทันทีว่า "ไปทำอะไรมาหรือเปล่า ทำไมตอนที่ลูกขี่รถเข้ามา แม่เห็นเหมือนมีใครนั่งขี่คอมาด้วย" พี่ชายได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกขนลุกตั้งไปทั้งตัว รีบเข้าไปไหว้พระในบ้าน แล้วเข้านอนทันที
รุ่งเช้า คุณแม่ปลุกพี่ชายขึ้นมา แล้วคะยั้นคะยอให้ใส่บาตร จากนั้นก็ไปโรงเรียน พี่ชายและเพื่อนก็ได้เข้าไปถามนักการภารโรง และเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง ก็ได้ความว่า พื้นที่ตรงนี้ ก่อนที่จะสร้างโรงเรียน เคยเป็นที่ฝังศพเก่า ซึ่งเป็นป่ารก
แล้วก็ได้ทำการล้างป่าช้า และสร้างเป็นโรงเรียนขึ้น แต่คนทำพิธีล้างป่าช้า อาจจะทำไม่ถูกวิธี เพราะทุกๆวันสำคัญ และทุกๆกิจกรรมที่ทางโรงเรียนจัด มักจะมีคนพบเห็นอะไรแปลกๆ ไม่ลักษณะใดก็ลักษณะหนึ่ง
ปัจจุบันรอบๆโรงเรียนยังคงมีป่ารกๆให้เห็นอยู่บ้าง เพราะยังถางออกไม่หมด ตั้งแต่สมัยที่ล้างป่าช้าเมื่อก่อน และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment