ตำนานหลอนมหาลัยย่านเขตดุสิต


      กลับมาอีกครั้งสำหรับสมาชิกพันทิป SteeL14s กลับมาครั้งนี้ขอหยิบเรื่องของ SteeL14s เกี่ยวกับตำนานมหาลัยที่เก่าแก่ยาวนานกว่า 80 ปีที่มีตำนานเรื่องเล่ามากมาย ทั้งผีและวิญญาณ เป็นมหาลัยย่านเขตดุสิต ไปติดตามเรื่องของ SteeL14s กันเลยครับ

      ตัวผมเองไปลองของมานี้แทบจะพูดได้ว่าเกือบทุกมหาวิทยาลัยในกรุงเทพฯ แล้วครับ ด้วยความเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีเป็นทุนเดิมอยู่ แล้ว ที่นั่นที่นี่เค้าว่าเฮี้ยน เค้าว่าเดือด ไปลองทําตามมาทุกอย่าง ไม่เคยเจออะไร จะมีก็ที่นี่ล่ะครับ ที่รู้สึกว่าใกล้ เคียงกับการโดนผีหลอกมากที่สุด โหดไม่โหด ก็น้องคนหนึ่งของผมที่เรียนที่นั่นมันบอกผมว่า “เป็นลูกพระนางต้องทําใจพี่ กลัวผีไหม ก็กลัว แต่มันเคยชิน มันอยู่กับอย่างนี้มาตลอด”

     ประวัติคร่าว ๆ ของที่นี่ พอได้ฟังก็ไม่น่าแปลกใจที่เสี้ยนครับ ที่นี่ก่อนจะมาเป็นมหาวิทยาลัย เดิมเคยเป็นวังเก่าของ พระอัครมเหสีพระองค์แรกของรัชกาลที่ไม่ขอเอ่ย เด็กนักศึกษาที่นี่ส่วนมากจะเรียกตัวเองว่า “ลูกพระนาง" นั้นเอง เริ่มที่เรื่องแรก กันเลย... - ใต้ดินตึกศิลปกรรม ว่ากันว่าที่ชั้น G ตึกศิลปกรรม หรือก็คือชั้นใต้ดินนั่นเอง ในสมัยยังเป็นวังนั้นที่ตรงนี้เป็นคุกเก่า (ตอนที่ผมไปบอกเลยว่าน่ากลัวมาก ช่วงตีนบันไดก็ยังพอมีไฟฟ้าอยู่บ้าง แต่พอเดินไปล็ก ๆ นี้มีดซื้อเลย ตามสองข้างทางก็จะเป็น ห้องเรียน ลองมองส่องเข้าไปห้องนึง ปะเข้ากับหุ่นเขียนแบบ หัวใจเกือบวาย) ดึกๆ เห็นว่ายามจะได้ยินเสียงโซ่ตลอด (น่าจะ เป็นโซ่ตรวนที่ล่ามขานักโทษ) เด็กจิตรกรรมคนหนึ่งได้เล่าให้ฟังว่า เคยอยู่ดึก ๆ เขียนงานไปดูดบุหรี่ไปยังเคยเจอแม่ (พระนางสุนันทา) มาเตือนให้เล็กดูดบุหรี จนสุดท้ายทุกวันนี้ไม่มียามกล้าอยู่เฝ้าชั้นใต้ดินตอนดึก ๆ เลยแม้แต่คนเดียว

     - ห้องแกรนด์เปียโน เรื่องเกิดจากเด็กนาฏศิลป์กลุ่มหนึ่งได้ขึ้นมาทํากิจกรรมในห้องแกรนด์เปียโน แล้วเหมือนว่าไม่ได้มีการบอก กล่าวหรือไหว้ขอนุญาตใดๆ ในห้องนี้ก่อน มหาวิทยาลัยนี้ ทุกห้องทุกตึกจะมีบรมครูอยู่ทุก ๆ ที่) นักศึกษาหญิงคนนึงในกลุ่มที่เป็น คนมีเซ้นส์อยู่ดี ๆ ก็เกิดชัก อารมณ์ประมาณว่าของเข้า ขณะที่ทุกคนกําลังพยายามช่วยเพื่อนที่โดนของเข้าอยู่นั้นเอง ก็มีนักศึกษา หญิงอีกคนเห็นเงาผู้ชายแก่ ๆ ยืนอยู่ข้าง ๆ เปียโนในห้อง

     - พี่จุก ที่ห้องดนตรีไทยของมหาวิทยาลัย อะไรก็ตามที่เป็นไทย ๆ จะถูกรวบรวมน่ามาเก็บไว้ในห้องนี้ โดยของบางอย่างในห้อง ว่า กันว่าเก่าแก่ขนาดตกทอดมาตั้งแต่สมัยยังเป็นตําหนักเลยทีเดียว ในห้องจะมีกุมารทองอยู่ 2 ตน สีแดงกับสีชมพู สีแดงคือพี่ จุก สีชมพูคือเพื่อนเค้า ครั้งหนึ่งระหว่างการรับน้องของคณะ เด็กปี 1 คนหนึ่งเกิดกรดสนั่นขึ้นมา ก่อนจะตะโกนว่า "กูจะเอาไป ด้วย กูจะเอาไปด้วย" มารู้ตอนหลังว่าเป็นพี่จุกที่ไปเข้าสิง เค้าโกรธที่ย้ายห้องดนตรีขึ้นมาบนตึกแล้วไม่เอาเค้าขึ้นไปด้วย เค้าเหงา

     - ครูฮอน ชั้น 4 ตึกศิลปกรรม เป็นชั้นของศิลปะการแสดง ประกอบไปด้วยนาฏศิลป์ไทยกับการละครไทย ครูสอนเป็นศิษย์เก่าของ มหาวิทยาลัยนี้ เอกนาฏศิลป์ ด้วยความที่รักและผูกพัน ครูฮอนจึงได้กลับมาเป็นอาจารย์สอนที่นี่ ครูสอนเสียชีวิตไปด้วยโรคปอดติด เชื้อ เรื่องเล่าต่อมา เมื่อประมาณราว ๆ 4 ทุ่ม พี่ยามสองคนก็ได้ขึ้นลิฟต์มาชั้น 4 เพื่อตรวจดูความเรียบร้อยและไล่เด็กกลับบ้าน มา ถึงชั้น 4 ลิฟต์ก็เปิดออก (ปิดไฟมืด เป็นทางเดินยาว ๆ) พี่ยามทั้งสองก็เห็นเป็นเงาคนยืนอยู่ที่สุดฝั่งทางเดินอีกฝั่ง พี่ยามก็ตะโกน บอก “ทําไมยังไม่กลับบ้าน ตึกปิดแล้วครับ" คนที่ยืนอยู่อีกฝั่งก็ไม่ตอบอะไร ยามทั้งสองคนก็เริ่มโมโหเดินเข้าไปหา พอใกล้จะถึงก็ ส่องไฟฉายเข้าใส่ พบเป็นผู้ชายยืนอยู่ ยืนแบบปกติเลย ไม่มีเลือดไม่มีอะไร แต่ผู้ชายคนนั้นไม่มีท่อนล่าง ตั้งแต่เอวลงไปไม่มี อะไรเลย แล้วสักพัก ผู้ชายคนนั้นก็รํา...คาดกันว่า ผู้ชายคนนั้น น่าจะเป็นครูสอนนั่นเอง

- เนินพระนาง (ใหม่)
     เป็นเรื่องเล่าของชมรมเชียร์ลีดเดอร์ครับ น้องเค้าเล่าให้ฟังว่ามีตอนใกล้แข่งที่ต้องอยู่ซ้อมกันดึก ๆ ฝ่ายเต้นก็จะหันหน้าเข้าหาเนิน พระนาง หันหลังให้ตึก ระหว่างที่เต้น ๆ อยู่ น้องอีกกลุ่มที่นั่งดูเพื่อนเต้น ก็เห็นที่ฝึกฝั่งตรงข้ามมีเงาคนมายืนดูอยู่เต็ม บ้างก็ยืน บ้าง ก็นั่งห้อยขา

- เนินพระนาง (เก่า)
     เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมโดนมากับตัวเลยครับ น่าจะเป็นประสบการณ์เฉียดผีที่สุดแล้ว คือผมเนี่ยต่อให้เห็นผีมาปรากฏแลบลิ้นปลิ้นตา ต่อหน้าจริง ๆ ยังไม่แน่ใจว่าจะเชื่อว่าโดนผีหลอกเลยครับ เผลอ ๆ ตื่นเช้ามาจะบอกตัวเองด้วยซ้ําว่าแค่ตาฝาด คิดไปเอง (จิตปรุง แต่ง) แต่เรื่องที่ผมไปโดนมาที่นั้น บอกได้เลยว่าใกล้เคียงกับคําว่าปาฏิหาริย์เลยล่ะ

      ตอนแรกเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนผมโดนมาก่อนครับ น้องมายด์ สตรอว์เบอรี่ชีสเค้ก เธอเรียนนิเทศฯ อยู่ที่มหาวิทยาลัยนี้ ครั้งหนึ่ง ตอนรับน้องก็ได้ซื้อธูปมา กะจะไปไหว้พระนางกัน ระหว่างเดินในช่องทางเดิน เนินพระนางเก่าจะอยู่หลังตึกนิเทศฯ ช่องทางเดินที่ ว่าจะลอดผ่านตึกนิเทศฯ ไปยังเนินพระนาง เด็กนิเทศฯ จะเรียกหลืบนิเทศฯ) เพื่อนมายด์เค้าก็จุดธูปขึ้นมาลอง 1 ดอก มายด์เป็นคน เหม็นธปก็เลยโวยวาย ก่อนจะดึงธูปในมือเพื่อนมาปักลงดินที่หน้าเป็นพระนาง มายด์เล่าให้ฟังว่าทันทีที่ปักธูปลมพัดแรงมาก พัด แรงปานพายุย่อม ๆ จนเพื่อน ๆ ต้องรีบขอขมาแม่กันยกใหญ่

      ผมมีโอกาสได้ไปลองทําเลียนแบบเรื่องนี้มาครับ เวลาประมาณ 4 ทุ่มเกือบ ๆ 5 ทุ่ม จะเจอผีก็ประมาณนี้แหละกําลังดี ยืนหน้าเป็น พระนาง จุดธูปขึ้นมา 1 ดอก (จุดธูป 1 ดอกตําราว่าคือการเรียกผี) ก่อนจะปักก็เช็กสภาพลมรอบตัวอย่างดีครับ สงบนิ่งเลย ไม่ซื้อไม่ คือใด ๆ ทั้งสิ้น แต่พอปักดินเข้าเท่านั้นละครับ อย่างกับพล็อตหนังสยองขวัญ ลมพัดมาทันที แล้วไม่ใช่แบบค่อยๆ พัด ด้วย มาแบบกระโชกโฮกฮากเลย บอกตั้งแต่ต้นแล้วว่าผมไม่เชื่อเรื่องผีครับ มาเป็นตัวก็ไม่เชื่อ แต่กรณีนี้ยังไงก็ไม่มีทางคิดไป เองได้แน่ ๆ ครับ นี่เข้าข่ายวิทยาศาสตร์อธิบายไม่ได้แบบจะแจ้ง ถึงตรงนี้ทําอะไรไม่ถูกครับ โทรถามเพื่อนเลย เพื่อนผมบอกอย่า ดับธูปเด็ดขาด ถ้าดับธูปเหมือนเรียกเค้ามาแล้วไล่เค้ากลับแบบหมูแบบหมา ต้องลาเค้าดี ๆ ก่อน ผมก็ซื้อน้ําแดงซื้อดอกไม้มาขอขมาตามสเต็ป ก่อนรอให้ธูปดับไปเองตามธรรมชาติของมันครับ

      ที่เล่ามานี่ไม่ใช่ให้ไปลองของที่เป็นพระนางกันนะครับ คือที่มหาวิทยาลัยนี้นี่เค้านับถือแม่กันมาก ไปลองสุ่มสี่สุมห้าอาจจะไม่ได้เจอ แค่ผอาจจะโดนตีนเด็กนักศึกษาที่นั่นเอาได้ 55555 พระนางศักดิ์สิทธิ์มากครับ เด็กที่นี่คนไหนมีคิวจะทํากิจกรรมอะไรเค้าจะมา ไหว้แม่ตั้งแต่ตีห้า น้องคนหนึ่งเล่าให้ผมฟังตอนที่ไปลองปักธูป น้องเค้าบอกเดินมาตอนตีห้ากะมาไหว้แม่ มองขึ้นไปบนเนินเห็น นางรํา รําอยู่ห้าคน ผมก็ถาม เฮ้ย! เห็นแล้วทําไงต่อ น้องมันบอกก็ยืนดูจนเค้าร่เสร็จ แล้วเค้าก็ค่อยๆ จางหายไป (แหม่... เป็นกนี่วิ่งตั้งแต่เห็นละ)

      ข้อสุดท้ายละ ในมหาลัยนี้มีหลุมหลบภัยด้วยนะครับ คาดว่าน่าจะสร้างไว้รับมือตอนสงครามโลกครั้งที่ 2 นั่นเอง สุดท้ายก็ขอทิ้ง ไว้ด้วยประโยคของรุ่นพี่ผมคนหนึ่ง ที่เรียนจบจากที่มหาวิทยาลัยนี้ แกพูดเป็นปรัชญาไว้ตอนแกเมาว่า “คําว่า หลุมหลบภัย คําว่า สงคราม...มันก็ใกล้เคียงกับคําว่าความตาย”

ไม่มีความคิดเห็น