ตำนานเล่าขานมหาลัยแถวๆประชาชื่น
อย่างต่อเนื่องครับกับเจ้าของกระทู้จากพันทิป เล่าโดยสมาชิกพันทิป SteeL14s กลับมาครั้งนี้เป็นเรื่องของมหาลัยแห่งหนึ่งน่าจะแถวๆประชาชื่น มีตำนานเรื่องสยองตามพื้นที่ต่างๆในมหาลัย เรื่องเล่าต่างๆจากรุ่นพี่สู่รุ่นน้อง ลองไปติดตามชมดูครับว่ามีอะไรกันบ้าง
ผีที่มหาวิทยาลัยนี้ส่วนใหญ่จะไปสุมหัวอยู่ตามลิฟต์ตึกต่าง ๆ ครับ มีตึกไหนบ้างไปดูกันเลย
- หน้าตัก 5
เห็นแม่บ้านเล่าให้ฟังว่าเคยมีแฟนกันทะเลาะกัน แล้วโดดตึกลงมาฆ่าตัวตาย จากนั้นดึก ๆ แม่บ้านจะเห็นกองเลือดกองอยู่ตรง บริเวณที่เค้าโดดเกือบทุกคืน
- ลิฟต์แม่บ้าน
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น้องผมโดนมากับตัวครับ เธอเป็นสาวประเภทสองชื่อน้องน้ํา คือที่ตึกนิเทศฯ จะมีลิฟต์ตัวที่แม่บ้านใช้ทํางานอยู่ ครับ เป็นลิฟต์ที่สีสันโดดเด่นมาก (สีม่วงเหลือง) เด็กหลาย ๆ คนก็จะรู้จักกันในนามลิฟต์แม่บ้าน วันนั้นน้องน้ําก็ไปเรียนตามปกติ ครับ กลางวันแดดเปรี้ยงๆ เลย ก็ขึ้นลิฟต์แม่บ้านไปพร้อมกดชั้น 5 แต่ลิฟต์ดันไปเปิดที่ชั้น 3 ทั้ง ๆ ที่ลิฟต์ตัวนี้ไม่มีให้ปุ่มกด ออกที่ชั้น 3 นะครับ พอเปิดชั้น 3 ห้องน้ําก็ได้ยินเสียงผู้ชายพูดว่า "รอด้วย” น้ําชะโงกหน้าออกไปดูก็ไม่เห็นเงาใครแม้แต่คนเดียว (ถึงตรงนี้น้ําชักเริ่มเสียวสันหลังละ)
ลิฟต์ก็ขึ้นต่อไปยังชั้น 5 ครับ ระหว่างที่อยู่ในลิฟต์ น้ําก็เล่าว่าไม่รู้หลอนเพราะกลัวหรือเปล่า แต่รู้สึกเหมือนมีลมหายใจมารดที่ต้นคอ ตลอดเวลา ในที่สุดก็ถึงชั้น 5 พอลิฟต์เปิดน้ําก็สาวเท้าออกมาโดยไว จังหวะที่ลิฟต์กําลังจะปิดนั้นเอง ที่ได้ยินเสียง
- โรงพยาบาลเก่า
นักศึกษาที่นี่มีหลายคนนะครับ ที่เข้าใจผิดคิดว่าตึก 3 คือโรงพยาบาลเก่า จริงๆ ไม่ใช่ตึก 3 ครับ เป็นตึก 2 ต่าง หาก และที่มีคนสนใจกันเยอะก็เพราะลิฟต์ของตึกนี้นี่ละครับ ซึ่งถ้าเป็นตามเรื่องเล่าที่ว่าตึก 2 คือโรงพยาบาลเก่า ก็แปลว่าลิฟต์ตึก นี้ (ก่อนจะมาเป็นตึกเรียน) ต้องเคยผ่านการขนย้ายคนเจ็บมามากมาย และแน่นอนหลายครั้งต้องมีคนตายรวมอยู่ในจํานวนผู้ป่วยทั้ง หลายที่เคยโดยสารลิฟต์ตัวนี้ และจากที่ผมไปลองมา ก็มีความน่าจะเป็นที่เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงอยู่มากเลยครับ เพราะลิฟต์ตึก 2 มี ขนาดที่กว้างและใหญ่โตมาก กว้างแบบที่ลิฟต์ตามโรงพยาบาลเป็นกัน เพราะต้องมีขนาดกว้างไว้รับรองเตียงผู้ป่วยได้นั่นเอง
- พี่จุก
พี่จุกอีกแล้วนะครับ (คือต้องเข้าใจก่อนว่าอะไรที่เป็นรูปร่างแบบกุมารเด็กสมัยก่อนที่ไว้ผมจุก คนไทยเราจะเหมาเรียกรวม เหมือนกันว่าพี่จุกหมด) พี่จุกของที่นี่เค้าอยู่ที่ศูนย์วัฒนธรรมของมหาวิทยาลัยครับ ลักษณะจะเป็นรูปปั้นเด็กไทยไว้ผมจุกโบราณ เล่นตีวงล้ออยู่เห็นได้เด่นชัด (ตีวงล้อจะเป็นประมาณของเล่นเด็กไทยสมัยก่อนครับ เป็นวงล้ออันใหญ่ๆ แล้วเด็กก็จะเอาไม้ตีให้มัน วิ่งไปข้างหน้าเรื่อย ๆ) เล่ากันว่าหากมาเดินคนเดียวดึก ๆ บริเวณนี้ บางที่อาจจะได้เห็นพี่จุกกระโดดลงมาจากแท่นปั้น แล้วมาชวน เราตัวงล้อเล่นกับเค้า (ถ้าเจอเค้าชวนต้องเล่นนะครับ ไม่งั้นงานงอกแน่ ๆ)
- ตึกลานจอดรถ ที่ตึกลานจอดรถ มีคนเคยเจอผู้ชายยืนลอยอยู่แค่ครึ่งตัว
- จูงหมาเดินเล่น
ภายในมหาวิทยาลัย บางคืนจะมีคนพบเห็นอดีตเจ้าของมหาวิทยาลัยที่ท่านได้เสียไปแล้ว พาสุนัขของท่านมา จูงเดินเล่น อาจารย์ท่านหนึ่งเคยบอกกับนักศึกษาไว้ว่า ถ้าเห็นเข้าก็อย่าไปตกอกตกใจอะไร ท่านเป็นเจ้าของที่นี่ ไม่มีอันตรายใดๆ เค้าปกป้องคุ้มครองพวกเราอยู่
- พี่สาว
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่โหดสุดของที่นี่แล้วครับ ถึงขนาดเด็กพูดกันว่า ไม่ต้องรอกลางคืนหรอกพี่ แค่กลางวันก็ไม่กล้าเดินผ่าน แล้ว" จุดปะทะของเรื่องนี้จะอยู่ที่ห้องชมรมดนตรีไทยครับ (แต่เห็นว่าทุกวันนี้มีแบ่งพื้นที่ให้ดนตรีสากลด้วย) ลักษณะของห้องชมรม จะเป็นคล้ายๆ ตึกห้องแถวครับ อยู่ถัดจากสนามบาสมาไม่ไกลนัก บริเวณห้องชมรมจะมีซอกอยู่ซอกหนึ่ง เป็นซอกเล็ก ๆ ที่มีต้นไม้ ใหญ่รกครื้ม (เพราะแบบนี้รึเปล่าไม่รู้ที่ทําให้บรรยากาศในซอกนั้นอึดอัดโคตร) ตํานานเรื่องนี้เล่ากันไว้ว่า บริเวณตรงนั้นจะมี วิญญาณผู้หญิงอยู่คนหนึ่งครับ เด็กที่นั่นจะเรียกผู้หญิงคนนี้ว่าพี่สาว ไม่มีใครทราบประวัติที่มา ว่าเธอเป็นใคร มาจากไหน รู้แต่ว่าเข้า เรียนมาก็มีตํานานเรื่องนี้อยู่แล้ว กฎเหล็กของเรื่องนี้ก็คือ ถ้าอยู่ในซอกที่ว่าห้ามเล่าถึง เอ่ยถึงใด ๆ เกี่ยวกับพี่สาวเด็ดขาดไม่งั้นจะเจอ
คืนที่ผมไปลองก็ไปกันประมาณ 4 คนครับ (ขอไปเยอะหน่อย ยอมรับว่าเสียว) บรรยากาศตอนกลางวันว่าอึดอัดแล้ว เทียบไม่ได้เลย กับตอนกลางคืน สองข้างทางระเกะระกะไปด้วยป้ายไม่โฆษณาของชมรมนั้นชมรมนี้ แล้วต้นไม้ใหญ่ก็หลายต้นเหลือเกินทางฝั่ง ขวา ซอกที่ว่านี้จริง ๆ มันนิดเดียวนะครับ แต่ตอนไปลองนี้รู้สึกว่าไกลมาก ก็เล่าเรื่องของพี่สาวกันในซอกครับ เล่าไปขนลุกไปแต่ก็ ไม่มีอะไร จนออกมาตั้งหลักจากบริเวณดังกล่าว เพื่อนผมสองคนก็มาบอกว่า ได้ยินเสียงขิมจากในห้องชมรม (ขิมคือเครื่องดนตรี ไทยชนิดหนึ่งครับ)
เรื่องนี้มันยังไม่จบแค่ตรงนี้ครับ (ที่จะเล่าต่อไปนี้จะฟังดูงมงายหน่อยนะครับ ขนาดผมเป็นคนเล่าเองยังรู้สึกนิด ๆ แต่มันก็เป็นเรื่อง จริงที่เกิดขึ้นน่ะ ขอเล่าไปตามข้อเท็จจริงละกัน) ยังจําตอนต้นกระทู้ได้ไหมครับ ที่ผมพูดถึงผู้มีสัมผัสทางวิญญาณท่านหนึ่ง คนคนนี้ ไม่ใช่ไก่กานะครับ เอาเป็นว่าถ้าบอกชื่อไป ในวงการคนเห็นผีด้วยกันนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก ถึงขั้นเค้าเคยบอกว่า เคยมียักษ์ใหญ่ในวงการ บันเทิงมาเชิญไปเป็นผู้เชี่ยวชาญในรายการ แต่เค้ารู้สึกว่าถ้าไปออกทีวี ไปทําอะไรแบบนั้น มันไม่ใช่การช่วยแล้ว (เค้าใช้คําว่าช่วย ในการแก้ปัญหาเรื่องผีต่างๆ ครับ ไม่ได้ช่วยแค่คนนะครับ เค้าหมายถึงช่วยผีด้วยในบางครั้ง) มาต่อที่เรื่องของผมครับ คือเวลาผ่าน ไปสักพัก ผมกับเพื่อนไปลองของตามมหาวิทยาลัยนั้นมหาวิทยาลัยนี้มาก็เยอะ ชักอยากรู้ว่า "มีอะไรตามกูกลับมามั่งไหมเนี่ย" ก็ เลยไปขอให้พี่เค้าดูให้ครับ ขอข้ามขั้นตอนวิธีการดูไปละกันนะครับมีโอกาสจะมาเล่าให้ฟัง
พี่เค้าก็ทักผมมาครับ ว่ามีเด็กเกาะอยู่ที่ขาขวาตัวนึง พี่เค้าถามผมว่าหลัง ๆ มีอารมณ์อยากกินช็อกโกแลตบ้างไหม ถ้าอยากกินเมื่อ ไหร่แปลว่าเด็กคนนี้เค้าอยากกินแล้วเค้าดลใจให้เราอยากด้วย กรณีไอ้เด็กนี่ไม่ค่อยเดือดครับ มันเดือดตรงตัวที่เกาะหลังผม พี่คน นี้บอกว่ามีนักศึกษาคนหนึ่งเกาะหลังผมอยู่ครับ ผมก็ถามว่าเค้ามาจากไหน พี่เค้าทําหน้าเครียดสักพักก็บอกว่า สถานที่เป็น ตรอกเล็กๆ มีต้นไม้รกครื้ม (!!!) ไม่ต้องสืบเลยครับ ลักษณะแบบนี้เคยไปมาที่เดียว ผมก็ถามว่าเค้าตามมาทําไม พี่เค้าบอกเค้าตาม มาเพราะเราไปว่าเค้าว่าคิดยังไงมาตายตรงนี้วะ (จริง ๆ ไอ้ผมก็จําไม่ได้หรอกครับ ว่าคืนนั้นปากหมาพูดะไรไปบ้าง) สุดท้ายผมก็ ถามว่าแล้วต้องทํายังไง พี่เค้าบอกว่าผู้หญิงคนนี้เค้าเสียชีวิตเพราะผิดหวังเรื่องความรัก วิธีขอโทษเค้าก็เลยต้องนําดอกกุหลาบไป ใส่บาตรทุกเช้า วันละ 1 ดอก สามวัน ขอย้ําอีกทีนะครับว่าผมไม่เชื่อเรื่องผี เอาจริง ๆ เดินสายลบหลู่เลยแหละ แต่เชื่อไหมครับ ต่อ ให้ไม่เชื่อ พอโดนทักเข้าแบบนี้มันก็หวั่น ๆ ครับ ผมเลยมีโอกาสได้ตื่นเช้เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี ไปเอาดอกกุหลาบรอใส่ บาตรพระ 3 เช้าติดเลย
ส่วนกรณีเพื่อนผมอีกคนที่โดนทัก (ไอ้นี่ก็ไปกับผมแทบทุกที่เหมือนกัน) เพื่อนผมหนักกว่าผมเยอะครับ ไปโดนนางไม้ชุดไทยสอง คนตามกลับมาจากจุฬาฯ เป็นพี่น้องกันเกาะบ่าซ้ํายบ่าขวาเลย มีโอกาสยังไงเมื่อไหร่ จะมาเขียนเล่าเรื่องนี้ให้ฟังนะครับ
Post a Comment