ห้องคราบเหลืองหลัง สึนามิ
เป็นเรื่องที่มาจาก แฟนเพจ คนอ่านผี เล่าถึงประสบการณ์สยองสุดหลอนเมื่อ หลังเกิดสึนามิที่สร้างความเสียหายทั้งชีวิตและสิ่งของ แน่นอนที่ตามมาคือวิญญาณตายโหงที่ยังอาลัยอาวรณ์อยู่ลองไปติดตามเรื่องนี้กันเลยครับ
เป็นเหตุการณ์ที่คุณโอไปประสบพบเจอมา แล้วนํามาเล่าให้คุณหมีฟังอีกทอดหนึ่ง มีใจความว่า... เรื่องมันก็ผ่านมานานพอสมควร แล้วล่ะ ผมทํางานเกี่ยวกับสายข่าวอาชญากรรม ช่วงนั้นผมจําได้ดี เพราะมันเป็นช่วงที่ประเทศของเราเพิ่งจะประสบกับเหตุการณ์ นามิ
กว่าผมจะเคลียร์เรื่องเอกสารเสร็จและเตรียมลงพื้นที่ ก็ปาเข้าไปกลางเดือนมกราคม ผมมีแพลนว่าต้องลงพื้นที่หกจังหวัดด้วยกัน เพื่อจะต้องเขียนสกู๊ปลงในคอลัมน์
ปกติแล้วผมทําข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรม พบเจอกับเหตุการณ์น่าสยดสยองมาก็เยอะพอสมควร แต่เมื่อผมลงไปถึงพื้นที่ๆ เกิดเหตุ ตัวผมเองถึงกับต้องเบือนหน้าหนีภาพที่อยู่ตรงหน้า
ขอโทษนะครับ ศ-พเนี่ยเกลื่อนกลาดไปทั่วพื้นที่ ไม่ว่าจะมองไปยังจุดไหนมุมไหนเดินไปทางไหน ทุกที่จะต้องมีศ-พอยู่อย่างน้อยๆ เลยหนึ่งถึงสองศพ ภาพที่ผมเห็นทําให้ผมรู้สึกจิตตกและหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
ตัวผมเองทํางานคู่กับคนดังอยู่คนนึงที่ทําหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ ผมมองว่าถึงผมจะประจําการอยู่ที่นี่ ก็คงช่วยอะไรใครไม่ได้มาก นัก เพราะเป้าหมายหลักที่ผมต้องเขียนลงสกู๊ปนั้นมีอยู่แค่ว่า สึนามิมันเข้ามาตอนไหน และทําไมผู้คนถึงไม่ทันรู้ตัว
ผมเลยต้องเดินทางไปยังอีกจังหวัดนึง และขออนุญาตไม่เอ่ยถึงชื่อจังหวัด เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของ ประเทศไทย จังหวัดนี้มีหมู่เกาะเล็กๆ อยู่หลายเกาะด้วยกัน ผมเลยต้องเดินทางไปยังเกาะนั้นที่นี้ที่
บางครั้งในตอนที่ผมนั่งเรือเดินทางข้ามเกาะ ผมยังเห็นศพลอยอยู่เป็นจุดๆ ที่ร้ายกว่านั้นคือบางศพกลับลอยตามเรือที่ผมกําลังนั่ง โดยสารอยู่ ผมมองด้วยใจอันหวั่นๆ แล้วหันไปมองหน้าคนบังคับเรือ แต่เหมือนว่าเค้าจะไม่ได้ให้ความสนใจเท่าใดนัก ผมเลยต้อง นั่งเงียบๆ โดยไม่ปริปากพูดอะไร
ช่วงเย็นผมได้เข้าไปพักยังบังกะโลแห่งหนึ่งภายในเกาะ เกาะแห่งนี้ก็ไม่พ้นโดนสึนามิเช่นกัน เพราะงั้นโรงแรมดีๆที่มีสภาพปกติจึง เหลือน้อยมาก ผมจึงได้ถามกับทีมงานของผมที่ประจําอยู่ที่นี่หลายวันแล้วว่าพอจะมีที่พักบ้างมั้ย
ทีมงานตอบผมว่า “มี แต่พี่ต้องเลือกห้องดีๆ นะ ถ้าห้องไหนมีคราบเหลืองเกาะตามฝาห้องก็อย่าไปนอน" ผมถามกลับด้วยความ แปลกใจ ก็ได้รับคําตอบว่า “ตอนที่สึนามิมาใหม่ๆเนี่ย แขกที่มาพักส่วนมากจะหนีไม่ทัน ตา-ยกันในห้องก็เยอะ คราบเหลืองๆ ที่เห็น ก็คือน้ําเหลืองที่ออกมาจากศพ กว่าจะเปิดประตูเอาศ พออกมาได้ก็ต้องรอให้น้ําลดเสียก่อน”
ผมฟังอยู่นานพอนึกภาพตามก็ชวนให้ขนหัวลุกดีเหมือนกัน แม้ว่าตัวผมเองจะเป็นคนไม่กลัวผีก็ตาม แต่นี่ไม่ได้เรียกว่าผี นี่เรียกว่า "คนตาย”
ผมเดินเข้าไปยังบังกะโลแห่งหนึ่งตามที่ทีมงานแนะนํา และทําตามที่ทีมงานบอก นั่นคือไล่เช็คดูคราบต่างๆ ตามฝาห้อง แต่เชื่อมั้ย ครับ แทบจะทุกห้องทุกหลังมีคราบที่ว่านี้หมดเลย ผมเหนื่อยที่จะเดินหาต่อเลยจิ้มเอาสักที่หนึ่งแล้วเข้าไปพัก มันเป็นบังกะโลชั้น เดียวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่
ภายในห้องมีเตียงหกฟุตหนึ่งหลัง ชุดโต๊ะรับแขกเล็กๆ ตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ผมเดินสํารวจไปรอบๆ ห้อง พบว่าห้องนี้ก็ยังคงมี คราบเหลืองเกาะติดอยู่กับฝาห้อง แต่ผมก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนะ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าเป็นคนกลัวผีซะที่ไหนกัน
ช่วงเวลาประมาณสามทุ่มเศษๆ ผมกําลังนั่งทํางานอยู่บนโต๊ะ หูของผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง “คลุดๆๆ" มันดังมาจากบนฟ้า ผม เงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียง ก็เห็นเป็นฝ้าเพดานเก่าๆสีขาวอมเหลือง
"คลุดๆๆ” เสียงมันยังดังไม่หยุด อยู่ด้านบนฝ้าใต้หลังคา จากมุมซ้ายของห้องค่อยๆลากไปทางขวา วนไปวนมาอยู่แบบนั้น หรือจะ เป็นหนูเหรอ ผมลุกขึ้นเดินออกไปนอกบังกะโลแล้วมองขึ้นไปบนหลังคา แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร ผมมองดูอยู่พักใหญ่จนแน่ใจ แล้วจึงกลับเข้าห้อง
ผมตั้งใจฟังอยู่ชั่วครู่จนไม่ได้ยินเสียงอะไรมารบกวนอีก จึงเดินไปปิดโน็ตบุ๊คเตรียมจะเข้านอน ระหว่างที่ผมกําลังปิดเจ้าโน้ตบุ๊คอยู่ “โครมมมมม!!" ผมสะดุ้งสุดตัวจนหัวใจแทบวายรีบหันไปมองทางต้นเสียงทันที
ภาพที่เห็นทําเอาผมช็อกตาค้างขาตายสนิท ศ-พขึ้นอึด ใช่แล้ว ผมกําลังจะบอกว่ามีศ-พทะลุลงมาจากฟ้าของบังกะโล ตกลงมากะ แทกกับขอบเตียงแล้วกลิ้งมาทางผม
ผมผงะหงายหลังทันทีเพราะความตกใจสุดขีด ร้องโวยวายลั่นบังกะโล ชั่ววินาทีนั้นผมพอจะมองศ-พได้ครู่หนึ่ง ลักษณะน่าจะเป็น ชาวต่างชาติมีอายุ ลําตัวซีดขาวขึ้นอึดลิ้นจุกปากมือหงิกเกร็ง ส่งกลิ่นเหม็นเน่าอบอวลไปทั่วห้อง
ผมอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ผมต้องไปแล้ว เมื่อผมคิดได้เช่นนั้นจึงรีบเผ่นออกจากที่นั่นทันทีด้วยใจอันระทึกและหวาดผวา อย่างที่ผมบอก ไว้ตั้งแต่แรก ว่าผมไม่ได้กลัวผี แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่นั่นคือ “คนตา-ย"
ผมวิ่งหน้าตาตื่นไปที่บังกะโลหลังแรกเพื่อที่จะไปหาเจ้าของ แต่เหมือนกับว่าผมโดนแกล้งเพราะผมพยายามเคาะเรียกเท่าไหร่ก็ ไม่มีใครตอบไฟภายในห้องก็ปิดจนมืดสนิท
ผมจึงรีบต่อสายหาทีมงานของผมทันที เพราะผมไม่อยากอยู่คนเดียว “เฮ้ยกูเจอศ-พว่ะ ศ-พล่วงลงมา พวกมาหากหน่อยเร็วๆ เลย” ผมพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ และผมยอมรับว่าตอนนั้นผมหวาดวิตกอย่างมาก
เมื่อทีมงานมาถึง ผมจึงเดินนําไปยังบังกะโลที่เกิดเหตุ "กูตกใจโคตรเลย เป็นศ-พของฝรั่งว่ะ เห็นชัดๆเลย” ผมพยายามพูดกับทีม งานเพื่อช่วยระบายความหวาดกลัวออกจากใจ
ครู่หนึ่งผมก็มองเห็นบังกะโลหลังที่เกิดเหตุอยู่ตรงหน้า ภาพศ พมันยังจําจนติดตาตรึงใจ ผมเคยๆชะโงกหน้าเข้าไปดูด้านในอย่าง ช้าๆ “เฮ้ย!" ผมอุทานออกมาดังลั่น ความรู้สึกสับสนมึนงงรุมเร้าผมไปทั้งตัว “ไม่มีศ-พ" ฝ้าเพดานยังคงปกติเหมือนเดิม คล้ายกับว่า ไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นทั้งนั้น
นี่มันเรื่องบ้าอะไร ผมกําลังเจอกับอะไรอยู่กันแน่ ผมค่อยๆเดินเข้าไปสํารวจในห้อง ของทุกอย่างมันยังคงปกติเหมือนเดิม ผมรู้สึกว่า ขาของผมมันไร้เรี่ยวแรงจนต้องทรุดตัวลงกับพื้น รู้สึกปวดจัดขึ้นที่ขมับอย่างรุนแรง
ลูกน้องมันเดินเข้ามาจับบ่าแล้วพูดกับผมว่า “พี่โอ ไหวนะพี่" ผมพยายามรวบรวมสติที่เหลืออยู่ สิ่งแรกที่ผมคิดถึงคือ “วัด” ผมต้อง เข้าวัดแล้ว
ลูกน้องผมคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า “พี่ไม่ต้องคิดมากนะ ช่วงที่ผมมาใหม่ๆเนี่ย ผมก็ต้องนอนในเต็นท์กัน เพราะที่พักเกือบจะทุกที่ เละเทะไปหมด ผมหมายถึงว่ายังไม่ได้กู้ศ-พออกมาน่ะนะ วันดีคืนดี ผมจะได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากฝรั่ง พอผมเปิดเต็นท์ ออกไปดู ก็เห็นเป็นฝรั่งยืนกวักมืออยู่ในทะเล แต่พอพวกผมรีบวิ่งเข้าไปหา ปรากฏว่าฝรั่งที่เห็นกลับเดินหายลงไปในน้ําเอาดื้อๆ”
ตัวผมเองไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่ผมพบเจอมาให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดได้ แต่ทุกวันนี้ ภาพที่ผมเห็น ภาพของฝรั่งคนนั้น มันยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจําของผมเสมอมา คอยหลอกหลอนในความฝันอยู่หลายหน ผมยังขอยืนยันเช่นเดิมว่าผมไม่ได้ กลัวผี แต่ผมยอมรับว่าผมกลัว “คนตาย" และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment