เรื่องเล่าคืนหลอนของนางพยาบาล
เรื่องเล่าคืนหลอนของพยาบาลจากประสบการณ์จริง จากกระทู้พันทิป คืนหนึ่งที่โรงพยาบาล.... จากสมาชิกพันทิปเบบี้มัม เรื่องราวสุดหลอนของเธอกับโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เรื่องของเธอน่ากลัวสุดๆลองไปชมกันเลย
ฉันเป็นพยาบาลที่ต้องทำงานดูแลคนไข้ผู้หญิงในแผนกอายุรกรรม ตึกสามัญ ช่วงที่ฉันจบมาใหม่ๆ ก็จะขึ้นปฏิบัติหน้าที่ ในช่วงเวลาต่างๆกัน ใน 24 ชั่วโมง ซึ่งถ้าเป็นโรงงานจะนิยมใช้คำว่า “กะ” แต่ในส่วนของโรงพยาบาล จะเรียกเป็น “เวร” ซึ่งก็มีผู้ใหญ่บางท่านขอให้เราเปลี่ยนจากคำว่า “ขึ้นเวร” เป็น “ขึ้นรับบุญ” เพราะฟังว่าขึ้นเวรดูไม่สุภาพ และไม่เป็นมงคล แต่ก็ยังเรียกว่าขึ้นเวรมากกว่าอยู่ดี
เวรดึกคืนนี้ก็เช่นกัน ฉันทำหน้าที่เป็นหัวหน้าเวรอีก มีพี่พยาบาลและน้องพยาบาลตำแหน่งพยาบาลเทคนิค ขึ้นปฏิบัติหน้าที่ด้วยอีก 2 คน รวมเป็น 3 คนเท่านั้นเมื่อรับเวรต่อจากเวรบ่ายก็ต้องมีการรายงานอาการของผู้ป่วยในความดูแล ว่ามีอาการอย่างไรบ้าง ต้องดูแลต่อเนื่องอย่างไรซึ่งเป็นขั้นตอนตามปกติของการทำงานอยู่แล้ว ฉันได้รับรายงานว่าต้องเฝ้าระวัง ผู้ป่วยที่เพิ่งออกจากห้อง ไอ.ซี.ยู. เป็นพิเศษเพียง 1 ราย เพราะว่าอาการอาจเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เมื่อรับเวรแล้วฉันก็เดินตรวจเยี่ยมผู้ป่วยภายในตึกที่ แบ่งออกเป็น 5 ล็อก ล็อกที่ 3 ซึ่งเป็นล็อกกลางอยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์ จะจัดไว้สำหรับผู้ป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอาการเป็นพิเศษ ส่วนล็อกที่ 1,2 และ 4,5 จะเป็นผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรง โดย กั้นผนังแยกแต่ละล็อก ซึ่งผนังสูง ประมาณ 1.5 เมตร แต่ละล็อก จะมี 6 เตียง โดยจัดให้นอนศีรษะหันเข้าผนัง 2 แถว แถวละ 3 เตียงดังนั้น ปลายเตียงจะหันเข้าหากัน เว้นช่องทางเดินกว้างพอประมาณ เมื่อนั่งอยู่ที่ล็อกของตัวเอง จะไม่สามารถมองเห็นผู้ป่วย ล็อกอี่นได้ แบบที่เห็นตามโรงพยาบาลทั่วๆไป คนไข้ส่วนมากนอนพักผ่อนกันหมดแล้ว แทบทุกเตียงมีญาติเฝ้า ส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยที่อาการดีแล้วเกือบทั้งหมด
เรา 3 คน ทำงานประจำของเวรดึกเสร็จประมาณ ตี 2 แล้วตรวจเยี่ยมผู้ป่วยแต่ละเตียงอีกครั้ง โดยต้องตรวจวัดสัญญาณชีพทุกรายที่ต้องเฝ้าระวังอาการ และคนไข้ที่ต้องเตรียมส่งตรวจพิเศษ หรือในรายที่มีการงดน้ำและอาหารไว้ รวมทั้งบันทึกอาการของผู้ป่วยเมื่อแรกรับเวรไว้อย่างเรียบร้อย
ด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องกระทำในชีวิตประจำวันและการทำงานที่ผิดเวลาไม่เหมือนกับคนทั่วไป ทำให้พยาบาลคู่เวรของฉันทั้ง 2 คนขอเวลาพัก โดยการฟุบลงที่เคาน์เตอร์ แต่ฉันไม่คิดว่าต้องการพักผ่อนแต่อย่างใด จึงหยิบหนังสือเรียนของ มสธ. ที่ลงเรียนในสาขาวิชาบริหารฯไว้มาอ่าน เนื่องจากเป็นตึกผู้ป่วยสามัญดังนั้นการจัดวางเคาเตอร์พยาบาลจึงอยู่ไม่ห่างจากเตียงผู้ป่วยมากนัก ไฟฟ้าที่เปิดใช้ในตึกจะเป็นไฟนีออนขนาดใหญ่ ในรางคู่ ที่ติดที่เพดานเป็นระยะๆส่องสว่างมาก และมีไฟพลาง เป็นหลอดดวงเทียน ที่หัวเสาแต่ละต้น มีสวิตปิด-เปิด ที่ใช้ร่วมกัน เป็นจุดๆ ถ้าจะเปิดไฟนีออนเพื่ออ่านหนังสือที่เคาน์เตอร์ ก็ต้องเปิดทั้งหมด ฉันเห็นว่าจะเป็นการรบกวนการพักผ่อนของผู้อื่น จึงเปิดเฉพาะไฟพลาง และไฟนีออนในจุดสำคัญของตึก ส่วนตัวฉันเลือกที่จะนั่งอ่านหนังสือด้านหลังเคาน์เตอร์ โดยที่นั่งอ่านหนังสือเป็นโต๊ะที่จัดวางชิดผนังห้องด้านที่ติดบานเกล็ด 3 บานและติดกับประตูซึ่งอยู่หลังเคาเตอร์หันหน้าทางผู้ป่วย สามารถนั่งอ่านหนังสือได้ และเมื่อมองเห็นผู้ป่วยได้ อีกทั้งเมื่อเปิดไฟ แสงไฟก็จะไม่รบกวนคนอื่นด้วย จึงคิดว่าน่าจะเป็นการดีมากกว่าการเปิดไฟที่เคาเตอร์ ที่จะรบกวนการพักผ่อนของผู้ป่วย
คืนนี้ค่อนข้างเงียบกว่าคืนอื่นๆ ผู้ป่วยพักผ่อนกันอย่างสงบ ดิฉันนั่งอ่านหนังสือไปเรื่อยๆ จนรู้สึกแสบตาเนื่องจากต้องเพ่งมองตัวหนังสือที่สะท้อนกับแสงไฟนีออน เมื่อมองนาฬิกาเป็นเวลาตี 4 กว่า มองไปยังเตียงผู้ป่วยก็ยังพักผ่อนกันอยู่ จึงคิดว่าจะพักสายตาเสียหน่อยเพราะรู้สึกแสบตามาก ซึ่งตามปกติในเวลาตี 5 ต้องเริ่มปลุกผู้ป่วยเพื่อเริ่มการพยาบาลตามประจำวันแล้ว เนื่องจากมีเวลาเพียง 10-20 นาทีเท่านั้น จึงไม่คิดว่าจะหลับ
โดยปกติแล้วในแต่ละเวรนอกเวลาจะมีพยาบาลที่อาวุโสคอยเดินตรวจความเรียบร้อยและเพื่ออำนวยความสะดวกช่วยตัดสินใจแก้ปัญหาบางอย่างที่อาจมีขึ้น หรือเรื่องที่พยาบาลขึ้นปฏิบัติงานไม่สามารถตัดสินใจตามลำพังได้ ดังนั้นฉันจะเฝ้าระวังอยู่เพื่อที่เวลามีพยาบาลตรวจการ มาจะได้ให้ข้อมูลที่ต้องการได้ แต่วันนี้ยังไม่มีพยาบาลตรวจการท่านใดมาซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะแต่ละคนมีการตรวจเยี่ยมที่ไม่เหมือนกัน จะมาเวลาไหนก็ได้
แต่ขณะที่ฉันพักสายตาโดยการหลับตา ฟุบหน้าผากลงกับท่อนแขนที่วางในแนวขนานกับขอบโต๊ะ ฉันรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆฉัน ฉันจึงลืมตาขึ้น ทำให้สายตาของฉันสามารถมอง ลอดข้างลำตัวได้ ฉันเห็นพยาบาลคนหนึ่งซึ่งไม่ใช่พยาบาลคู่เวรของฉันแน่ เนื่องจากลักษณะรูปร่างที่เห็นและลักษณะของชุดที่สวมซึ่งฉันมองเห็นตั้งแต่เอวลงไปจนถึงรองเท้า ไม่ใช่เพื่อนพยาบาลในเวรฉัน ฉันคิดว่าน่าจะเป็นพยาบาลอาวุโสเวรตรวจการ ที่ชื่อพี่อ้วนเพราะขนาดรูปร่างคล้ายกัน พี่เขาเดินมายืนข้างๆฉัน และพูดว่า“ตื่น ตื่นซิ ไปดูคนไข้” พร้อมกับเสียงหัวเราะแปลกๆที่เล็กแหลมเยือกเย็น พูดซ้ำๆกันอยู่ แถมฟังเสียงแล้วเหมือนกำลังหัวเราะเยาะฉันอย่างไรอย่างนั้น เสียงนั้นบอกให้ตื่น แต่ฉันก็ตื่นลืมตาอยู่นี่นา ฉันรู้ตัว มองเห็นชัดเจน ตอนนั้นฉันรู้สึกอับอายมากเนื่องจากฉันไม่สามารถขยับตัวได้เลย ไม่ว่าจะเป็นแขน หรือขา หรือส่วนใดก็ตาม รู้สึกว่าตัวฉันทำไม่มันหนักอย่างนี้ ดูสิ พี่เขาเรียกให้ตื่นแล้วยังฟุบอยู่อีก ฉันอยากขยับลุกนั่งมากแต่ ทำไมขยับไม่ได้นะ! ฉันไม่ทันนึกหรอกว่าเป็นเพราะอะไร นึกแต่ว่าน่าอายจริงเราไม่เคยเป็นแบบนี้เลยนี่นา พอพี่พยาบาลคนนั้นเรียกเราซ้ำๆ 2-3 ครั้งพร้อมทั้งหัวเราะเยาะแล้ว ก็หมุนตัวไปทางประตู แล้วก้าวขาออกไปเท่านั้น น่าแปลกใจว่าฉันก็ดีดตัวลุกขึ้นนั่งได้ทันทีเหมือนกัน พร้อมกับได้ยินเสียง “อือๆอาๆ” เหมือนคนครางหนักๆ ไม่ทันคิดอะไรมากไปกว่านั้นฉันพุ่งตรงไปยังเตียงคนไข้ที่ต้องเฝ้าระวังอาการเตียงที่ 14 ล็อกที่ 3 ทันที เห็นคนไข้นั่งที่เตียงจึงถามว่า “ป้าร้องทำไม เป็นอะไรหรือเปล่า” ป้าบอกว่าป้าไม่ได้เป็นอะไร และป้าก็ไม่ได้ร้องด้วย ฉันเดินงงๆ กลับมา อ้าว! ก็ฉันได้ยินเสียงคนร้องครางจริงๆนี่ แต่ขณะที่เดิน ผ่านเตียงคนไข้เตียงที่ 9 ล็อกที่ 2 (ซึ่ง ล็อกอื่นๆจะมองไม่เห็น) สายตาฉันมองเห็นคนไข้ นอนตาเหลือกค้าง มือเกร็ง ทุกคนที่อยู่ในล็อกนั้นหลับกันหมด ไม่มีใครตื่นอยู่เลยสักคน ฉันรีบเรียกพยาบาลคู่เวรของฉันทันที เรารีบให้การพยาบาลอย่างเร่งด่วน เนื่องจากผู้ป่วยเป็นเบาหวานและงดน้ำและอาหารตั้งแต่หลังเที่ยงคืน เพื่อเจาะเลือดดูน้ำตาลในกระแสเลือด จึงทำให้เกิดอาการน้ำตาลในเลือดต่ำกระทันหัน จนแก้ไขอาการของคนไข้ฟื้น พูดคุยได้ แล้วฉัน จึงถามลูกชายของคนไข้อายุประมาณ 20 กว่าที่เฝ้าอยู่ด้วยว่าเห็นคนไข้เกร็งตอนไหน ได้ยินเสียงร้องหรือไม่ ปรากฎว่าลูกชายของผู้ป่วยบอกว่า ตื่นมาพร้อมกับที่ได้ยินเสียงพยาบาลเรียกนั่นแหล่ะเพราะว่าตอนเฝ้านอนหลับอยู่ใต้เตียง และก็ไม่ได้ยินเสียงผู้ป่วยร้องแต่อย่างใด ถามคนอื่นๆที่อยู่ใกล้ๆ ก็ไม่มีใครได้ยินเสียงอะไร แล้วทำไมฉันถึงได้ยินเสียงร้องครางอยู่คนเดียว
เมื่อทำงานอื่นๆจนถึงเวลา 6 โมงเช้า มีพี่พยาบาลอวุโสเดินเข้ามาถามรายงานยอดผู้ป่วยประจำเวรดึก ซึ่งเป็นคนละคนกับที่ฉันเห็นเมื่อตอนตี 4 กว่าแน่นอน เพราะลักษณะไม่เหมือนกันเลย จากรูปร่างผอมเป็นรูปร่างอ้วน ยังไงก็ไม่เหมือนกันแน่ ฉันจึงบอกว่า “พี่อ้วนเขามาตรวจไปแล้วค่ะ” แต่ที่ฉันต้องตกใจสุดขีดเมื่อพี่เขาบอกว่า “พี่นี่แหล่ะเวรตรวจการคืนที่ผ่านมา และยังไม่ได้เข้ามาที่นี่เลย ” อ้าว!! แล้ว พยาบาลที่มาเรียกฉันล่ะเป็นใครกัน ทำให้ฉันเริ่มทบทวนเหตุการณ์ ถ้าเป็นพยาบาลจากตึกอื่นเดินเข้ามา ตอนที่ฉันไปที่เตียงคนไข้ในทันทีที่พยาบาลคนนั้นก้าวขาออกห่างจากตัวฉัน ฉันน่าจะต้องเห็นเขาอย่างแน่นอนเพราะเป็นเวลาเพียงเสี้ยววินาทีเท่านั้น เหมือนเราหันหน้าไปมานั่นแหล่ะ แต่ทำไมฉันไม่เห็นเลยล่ะ ในตอนนั้นฉันไม่ทันนึกเท่านั้นเองว่าเขาหายไปไหน เพราะต้องรีบช่วยคนไข้ก่อน แล้วเสียงที่ได้ยินทั้ง 2 ครั้ง อย่างชัดเจนล่ะ ไม่ใช่เสียงวิทยุหรือโทรทัศน์แน่ เพราะไม่ได้เปิดไว้เลย แม้ขณะนี้ฉันก็ยังจำลักษณะของเสียง และคำพูดได้อยู่เลย แล้วเขาเป็นใครกัน???
เมื่อฉันเล่าเรื่องนี้ให้พี่ๆพยาบาลในตึกฟัง ปรากฏว่าทุกคนฟันธงว่าน่าจะเป็นพี่พยาบาลคนหนึ่งที่เคยทำงานอยู่ที่ตึกนี้ และประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถจักรยานยนต์ก่อนที่ฉันจะมาทำงานที่นี่จึงไม่รู้จักกัน
สุดท้ายหากเรื่องนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้ที่ได้อ่านและเกิดความเชื่อต่อการทำความดี ละเว้นความเชั่วเพราะโลกของวิญญาณมีจริง ขออานิสงส์นี้ส่งผลให้ดวงวิญญาณของพี่พยาบาล.........ได้ไปสู่สุคติด้วยเทอญ
Post a Comment