เล่น-ซ่อน-ตาย
เหตุเกิดจากการเล่นซ่อนหานำไปสู่เหตุการณ์สยองขวัญ เรื่องเล่าจากกระทู้พันทิป "เล่น-ซ่อน-ตาย" โดยสมาชิกพันทิป Lady Star 919 ด้วยการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและน่าติดตามทำให้เรื่องนั้นน่าสนใจและน่าติดตามมากลองไปชมกันเลยครับ
"จะนับแล้วนะ"
เด็กชายวัยสิบขวบรูปร่างผอม ตัวเล็ก ตาตี๋ผิวขาว ใส่ชุดฟุตบอลทีมเชลชี ชื่อเล้งเขาตะโกนบอกเพื่อนอีกสามคนให้รีบหาที่ซ่อน
"นายห้ามหันมาดูนะ ไปพวกเรารีบไปแอบกัน" กล้าเด็กชายในวัยเดียวกัน รูปร่างอวบ และตัวสูงกว่าเล้งเล็กน้อย บอกต้นกับเมย์ หญิงสาวคนเดียวในกลุ่ม ให้รีบหาที่ซ่อน
ทั้งสี่ชวนกันมาเล่นซ่อนหาที่สวนมะพร้าวซึ่งเป็นสวนของพ่อกล้า ซึ่งได้ปลูกมะพร้าวราวสามไร่ อีกสี่ไร่ จัดสรรเป็นแปลงปลูกพืชผักสวนครัว และเลี้ยงไก่
ที่สวนแห่งนี้จึงดูร่มรื่นไปด้วยพืชพรรณนานาชนิด ผลัดเปลี่ยนกันออกผลผลิตให้ได้เก็บไปกินไปขายตลอดทั้งปี
ในสวนแห่งนี้ยังมีโรงเรือนขนาดเล็ก ซึ่งสร้างไว้สำหรับปลูกผักสลัด และกระท่อมหลังหนึ่งตั้งอยู่ในส่วนพื้นที่สวนผัก สร้างไว้สำหรับหลบแดดหลบฝน และเก็บอุปกรณ์การเกษตร
ณ จุดนี้เองป็นจุดที่เด็กทั้งสี่ยืนอยู่ และมีพ่อแม่ของกล้า กำลังช่วยกันรดน้ำผัก พรวนดิน และกำจัดวัชพืชออกจากแปลงผัก ทั้งคู่หันมามองเด็กๆเล่นด้วยรอยยิ้มที่เป็นสุข
แม่ของกล้าตะโกนห้ามปราบเด็กๆว่าอย่าไปแอบไกลนัก ใกล้จะมืดแล้ว
ทุกคนตกปากรับคำ
แล้วเกมเล่นซ่อนหาจึงเริ่มขึ้น เล้งหมุนตัวยืนหันหลัง เอาศีรษะซบบนเสากระท่อม หลับตาสนิท แล้วจึงรีบนับ ทุกคนตกลงกันว่าให้นับถึงสามสิบ
ทันทีที่เล้ง นับ "หนึ่ง"
กล้า ต้น เมย์ ต่างวิ่งกระจายไปคนละจุด ทางใครทางมัน
"ยี่สิบหก สี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปด ยี่สิบเก้า สามสิบ"
จะไปหาแล้วนะ เล้งตะโกนบอกเพื่อนๆ และเริ่มเดินสำรวจหาผู้ซ่อนทั้งสาม
"ไปอยู่ไหนกันนา"
เล้งเดินพึมพำคนเดียว แล้วสายตาพลันเหลือบไปเห็นรอยเท้าบนพื้นดิน
เด็กชายยิ้มกริ่มอย่างผู้มีชัย ค่อยๆเดินย่องตามรอยเท้าไปอย่างเงียบกริบ
จนเดินมาถึงโอ่งน้ำสองใบมีฝาปิด ตั้งอยู่ใต้ต้นมะม่วง
"โป้งแปะเมย์"
เล้งยกนิ้วโป้งชี้ขึ้นไปบนต้นมะม่วง เด็กหญิงคนเดียวในกลุ่มร้องโอดโอยเมื่อโดนจับได้
"โดนจับได้อีกแล้ว หาเราเจอก่อนคนอื่นทุกทีเลย เซ็งๆ"
เธอบ่นเสียงดัง ใบหน้าบึ้งตึง
"ไม่ต้องบ่นรีบๆปีนลงมาเลย แล้วจะไม่ให้หาเจอได้ไง เล่นถอดรองเท้าไว้ใต้ต้นมะม่วงแบบนี้" เล้งกวักมือเรียกเพื่อนให้ลงมา
เมย์ปีนลงจากต้นไม้อย่างรวดเร็ว โหนกิ่งไม้ที่อยู่ต่ำสุด แล้วกระโดดลงไปยืนบนพื้น สวมรองเท้าเจ้าปัญหาที่ทำให้ตนโดนจับได้โดยง่าย
"ฮาๆ..ฉันนี่มันโง่จริงๆ หลบอย่างดีดันลืมซ่อนรองเท้าซะงั้น" พูดไปก็หัวเราะตัวเองไป
"แล้วนี่ เมย์เห็นต้นกับกล้าวิ่งไปทางไหนไหม บอกหน่อยเซ่" เล้งขอความร่วมมือจากเมย์ในการค้นหาสองคนที่เหลือ
เมย์กระซิบบอกและชี้นิ้วไปยังเส้นทางที่ทั้งสองวิ่งไปซ่อน
"เมย์เห็นกล้าวิ่งไปทางสวนมะพร้าว ส่วนต้นไปทางโรงเรือน"
ทันทีที่ได้ข้อมูล เล้งวิ่งตรงไปยังสวนมะพร้าว เพื่อตามหากล้าก่อน เพราะตรงส่วนโรงเรือน หาง่ายกว่าสวนมะพร้า
สวนมะพร้าวนี้โปร่งมองอะไรๆก็เห็นไปหมด แต่จะมีอยู่จุดหนึ่งที่สามารถใช้สำหรับซ่อนตัวได้ คือจุดที่ลูกมะพร้าวกองสูงเป็นปราการไม่ให้คนมองเห็น วิธีนี้โดนจับได้ง่าย เล้งเคยซ่อนมาแล้ว
แต่ยังมีวิธีซ่อนอีกแบบหนึ่งคือเอาก้านมะพร้าวมาถมทับกันเยอะๆ แล้วมุดเข้าไปนอนแอบใต้ก้านมะพร้าว
และเล้งนึกได้ทันทีว่ากล้าต้องใช้วิธีซ่อนแบบนี้แน่ๆ
เขาจึงเล็งมองหาจุดที่ก้านมะพร้าวกองสุมทับกันเยอะๆซึ่งมีอยู่หลายจุด เมื่อเข้าไปดูใกล้ๆก็ไม่พบกล้า
กระทั่งเดินมาเจอกองที่สี่ เห็นก้านมะพร้าวขยับขึ้นลง และมีเสียงร้องโอ๊ยของกล้าดังออกมา เล้งวิ่งมาตามเสียง
แล้วยกนิ้วโป้งชี้ใส่กล้า
"โป้งแปะกล้า นายโดนจับแล้ว ฮะฮา"
กล้าดีดตัวลุกขึ้น เอามือผลักก้านมะพร้าวออกจากตัว แล้วรีบวิ่งหนีออกมาจากจุดที่เคยนอนแอบ เต้นกระโดดโหยงๆ มือปัดป่ายไปตามแข้งขา แขนและลำตัว เพื่อไล่มดแดงที่กำลังรุมทึ้งตัวเขา
"โอ๊ยๆๆ คันๆ" กล้าร้องดัง ยกมือเการอบตัว สุดท้ายทนไม่ไหวจำต้องถอดเสื้อออก สะบัดเสื้อเพื่อไล่มด
"ฮ่าๆๆๆ อยากไปซ่อนแบบนั้นเอง" เล้งยืนหัวเราะเพื่อนอย่างอารมณ์ดี เห็นใจเพื่อนก็เรื่องหนึ่ง แต่เหตุการณ์ตรงหน้าชวนให้ขบขัน จึงปล่อยเสียงหัวเราะไม่หยุดได้ทีเดียว
"นายไม่ต้องมาหัวเราะเลยนะ เราแอบนายตั้งนานกว่าจะหาเจอ โดนมดรุมกัดจนได้ แล้วหาใครเจอแล้วบ้างเนี่ย"
กล้าใส่เสื้อพร้อมพูดกับเพื่อนไปด้วย
"เจอเมย์แล้ว เหลือแต่ต้น แต่เรารู้ว่าต้นไปแอบตรงไหน ไปหาต้นกันเถอะ"
แล้วทั้งสองก็เดินไปพร้อมกัน จนมาถึงกระท่อม เห็นเมย์นั่งอยู่บนกระท่อมกำลังกินมะม่วงน้ำปลาหวานกับแม่กล้า
"โห..กินก่อนใครเพื่อนเลยนะเมย์" กล้าร้องแซว
"ก็รอพวกนายตั้งนานไม่เห็นมาสักที ก็ต้องเพิ่มพลังหน่อย เพราะตาต่อไปฉันต้องเป็นคนหาพวกนาย"
ว่าแล้วก็กัดมะม่วงเข้าปากเคี้ยวตุ้ยๆ
"เราไปหาต้นดีกว่า"
เล้งชวนกล้าไปหาต้นด้วยกัน แต่กล้าไม่ไป ขอนั่งเกาตัวไปก่อน เพราะทั้งคันทั้งแสบไปทั่วตัวแล้ว
เล้งจึงเดินมาหาต้นคนเดียว เล้งเข้ามาในโรงเรือน มองไปจนทั่ว แต่ก็ไม่พบต้น
"ไปแอบที่ไหนนะ" เล้งพึมพำ นึกแปลกใจโรงเรือนก็เล็กแค่นี้ ทำไมหาต้นไม่เจอ เขาจึงเดินออกมาจากโรงเรือน
"ต้น ออกมาเถอะ เหลือนายคนเดียวแล้วนะ ไม่ต้องซ่อนแล้ว" เล้งตะโกนหา เพราะขี้เกียจเดินหาเพื่อนแล้ว
"ต้น นายอยู่ไหนออกเถอะ" เล้งตะโกนอีกรอบ สายตาก็เหลียวมองหาต้นไปด้วย "หายไปไหนของนายนะ"
ต้นไม่ได้แอบในโรงเรือนแต่เขาแอบอยู่หลังโรงเรือน โดยหักกิ่งไม้มาใช้บังตัว เขาแอบอยู่นานจนร้อนและรู้สึกคันไปทั้งตัว
เล้งผู้เป็นฝ่ายหากลับไม่มาสักที ต้นเริ่มมีอาการหงุดหงิดและโมโหเพื่อนที่หาเขาไม่เจอ ต้นจึงโยนกิ่งไม้ทิ้งแล้วเดินออกมาจากที่ซ่อน
"เล้งข้าอยู่นี้โว้ย" ตะโกนบอกเพื่อนเสียงดัง แต่กลับไม่เห็นมีใครเดินมาหาเขา
เด็กชายนึกแปลกใจว่าเพื่อนหายไปไหนกันหมด จึงได้ติดสินใจเดินกลับกระท่อม
ทว่าระหว่างทางที่เดินกลับ บรรยากาศรอบตัวเปลี่ยนไป อยู่ๆท้องฟ้าพลันดำมืด เมฆก้อนสีดำมหึมาลอยปกคลุม
ฉับพลันปรากฏหมอกควันขาวลอยทั่วสวนผัก ลมเย็นพัดวูบผ่านตัวเขาไป ขนท้ายทอยและขนแขนลุกตั้งชันอย่างไม่รู้ตัว
ต้นรู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น รีบวิ่งมาที่กระท่อมโดยไว
เมื่อมาถึงกระท่อมกลับพบแต่ความว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ที่นี่!
"กล้า เล้ง เมย์ อยู่ไหนกัน" ต้นตะโกนเรียกเพื่อนๆ แต่ไม่มีใครตอบ ต้นเริ่มกลัว เขาจึงรีบเดินกลับบ้าน
ทว่าระหว่างทาง พลันได้ยินเสียงเด็กผู้หญิงหัวเราะคิกคัก ดังอยู่ใกล้ๆนี่เอง
"ใครน่ะ ออกมานะ"
"ฮิฮิฮิ...มาเล่นกันนะ มาเล่นกัน" ต้นหันไปตามเสียงที่ได้ยิน จึงเห็นเด็กผู้หญิงผมดำยาวใส่ชุดสีแดงทั้งเสื้อและกระโปรงยาว อายุน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกับตน
"เธอเป็นใคร" ต้นถามออกไป
"เป็นเพื่อนใหม่เธอไง มาเล่นซ่อนหากันเถอะ" เด็กหญิงชุดแดงชวน
"ไม่เล่นแล้ว อยากกลับบ้านแล้ว" ต้นปฎิเสธ
"กลับไปไม่ได้ ฉันไม่ให้นายกลับ มาเป็นเพื่อน มาๆเล่นกัน"
"ไม่เล่น"
"ต้องเล่น เล่นเดี๋ยวนี้เลย ฉันบอกให้แกเล่น" เด็กหญิงเคลื่อนกายรวดเร็วเข้ามาประชิดตัวต้น ดวงตาแดงก่ำ จ้องลึกเข้าไปในดวงตาของต้น เด็กชายตัวสั่น ปากซีด
นึกอยากร้องออกมาด้วยความหวาดกลัว แต่อยู่ๆก็ไม่อาจส่งเสียงได้ สักพักดวงตาของต้นเปลี่ยนเป็นเหม่อลอยไร้ความรู้สึก
"ไปซ่อนฉันจะหานายเอง" เด็กหญิงชุดแดงบอกคนที่ตนเพิ่งสะกดจิตไว้
"ได้" ต้นตอบเสียงเรียบ แล้ววิ่งไปหาที่ซ่อน
"โป้งแปะต้น คิคิ..นายโดนจับแล้ว ไปหาที่ซ่อนใหม่เลย"
เด็กหญิงชุดแดงหัวเราะชอบใจแล้วไล่ต้นไปหาที่ซ่อนใหม่
"โป้งแปะต้น นายโดนจับอีกแล้ว"
ต้นวิ่งไปหาที่ซ่อนใหม่ "โป้งแปะต้น"
ต้นวิ่งไปหาที่ซ่อนใหม่ รอบแล้วรอบเล่า เนิ่นนานแสนนาน จนต้นหมดแรงวิ่งต่อไปไม่ไหว ต้องค่อยๆคลานไปหาที่ซ่อน
ต้นคลานสะอื้นร้องไห้ไปตลอดทาง แล้วเด็กหญิงชุดแดงก็กระโดดขึ้นมานั่งบนหลังต้น
"ไปซ่อนเร็วๆสิ" เธอตะโกนบอกเสียงดัง
"ไม่ไหวแล้ว ผมหิวข้าว หิวน้ำด้วย ฮือๆๆ.. ปล่อยผมไปเถอะนะ"
"ไม่! แกต้องเป็นเพื่อนฉันอยู่ที่นี่" น้ำเสียงขู่บังคับดังเข้าหูต้น เด็กหญิงบนหลังเปลี่ยนจากนั่งเป็นยืน แล้วกระโดดเล่นเหยียบหลัง
"โอ๊ย..ผมเจ็บแล้ว ปล่อยผมเถอะนะ"
"คลานต่อไป คลานต่อไป...คลานไปหาที่ซ่อน หาที่ซ่อนให้ดีๆ ฉันจะหาไม่เจอ แต่ฉันจะหาเจอแน่ คลานต่อไป คลานไป เจ้าเพื่อนยาก"
เด็กหญิงชุดแดงร้องเป็นเพลง แล้วหัวเราะคิกคักชอบใจ
"ไม่ไหวแล้ว ฮือๆ... ไม่ๆไหวแล้ว ขอน้ำกินหน่อย ฮือๆๆ"
สุดท้ายต้นคลานต่อไปไม่ไหว จำต้องทิ้งตัวลงนอนราบไปกับพื้นหญ้า ลมหายใจรวยรินเต็มที
เด็กหญิงชุดแดงเดินมานั่งยองมองหน้าเขา
"ใกล้ตายแล้ว เย้...นายใกล้ตาย ตายเหมือนฉันเลย ฮิฮิ" เธอนั่งเอียงคอเมียงมองเด็กชายที่ใกล้สิ้นลมหายใจอย่างมีความสุข
.....
ย่างเข้าสู่วันที่ห้า ที่ทางตำรวจ ครอบครัวและคนในหมู่บ้านตามหาต้น แต่ยังหาไม่เจอ
ตำรวจมุ่งประเด็นไปทุกด้าน ลักพาตัว ฆาตกรรม เด็กอาจผลัดหลงทาง หรือถูกสัตว์ร้ายอย่างงูกัด
ทางครอบครัวกระวนกระวาย ไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร พวกเขาทำทุกวิธีทางเพื่อตามหาลูกชายคนเล็ก กระจายทางวิทยุ หนังสือพิมพ์ ปิดป้ายประกาศตามสถานที่ต่างๆ ขับรถตามหา
กระทั่งเข้าสู่วันที่หก แม่พ่อของต้นตัดสินใจไปหาหมอผี ให้ช่วยดูว่าลูกชายเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
กระทั่งเข้าสู่วันที่หก แม่พ่อของต้นตัดสินใจไปหาหมอผี ให้ช่วยดูว่าลูกชายเขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
หมอผีให้คำตอบว่าตอนนี้ยังไม่ตาย แต่อีกไม่นานอาจไม่รอด มีผีเด็กจับเขาไว้ เขายังอยู่ที่เดิม ให้รีบนิมต์พระไปทำพิธีเปิดม่านบังตา
หกโมงเย็น พ่อแม่นิมนต์พระมาทำพิธี ธูปถูกปักลงดิน แล้วพระท่านจึงเริ่มสวดมนต์ และกรวดน้ำให้ผีที่จับต้นไว้
พอพิธีจบสิ้นลมเย็นวูบหนึ่งพัดผ่านมา ทำเอาคนที่มานั่งดูพิธีพากันขนลุก
"เอาละ ลองช่วยกันตามหาเด็กอีกรอบ" พระหันมาบอกโยมทั้งหลาย
แล้วชาวบ้านต่างลุกขึ้นออกตามหาต้น
"เจอแล้ว!เจอแล้ว!.."เสียงคนหนึ่งตะโกนลั่นสวน
ทันทีที่ได้ยินเสียงบอกเจอแล้ว พ่อแม่และญาติพี่น้อง ต่างวิ่งร้องไห้โฮ มายังจุดที่พบเด็ก
แต่ช้าไปเด็กน้อยสิ้นใจไปแล้ว ร่างกายยังอุ่นอยู่ เขาเพิ่งตายไปไม่นานนี่เอง
พ่อแม่กอดศพลูกชายร้องไห้ คนที่มาช่วยหาต่างมองดูด้วยความสงสารจับใจ เป็นภาพที่สะเทือนใจมาก หลายคนร้องไห้ตามจนยากจะกลั้นน้ำตาเอาไว้
สวนแห่งนี้จึงถูกขนามนามว่าสวนอาถรรพ์ เด็กๆทุกคนในหมู่ถูกห้ามไม่ให้มาเล่นที่สวน และพอสืบหาประวัติที่มาของสวนนี้ จึงได้รู้ว่าในอดีตกาลนั้นสวนนี้เคยเป็นป่าช้าร้างที่คนเลิกใช้กันนานแล้ว
เมื่อมีการประกาศขาย ต้นตระกูลของกล้าได้มาซื้อ พื้นที่แห่งนี้จึงตกทอดมาสู่ครอบครัวกล้าในปัจจุบัน
......
13 ปีผ่านไป
"เย้..ฉลองกันหน่อย" เมย์ยกแก้วเบียร์ขึ้น ชวนกล้ากับเล้งชนแก้ว
"และแล้วเราก็เรียนจบกันสักที เหนื่อยหอบเลยกูกว่าจะจบได้" กล้าพูดขึ้นแล้วยกแก้วชน
"ฮ่าๆ...แกทำสำเร็จแล้วนะเพื่อน" เล้งตบไหล่เพื่อน
"เอ่อ ถ้าไม่มีแกคอยช่วยนะ ปานคงไปนั่งเรียนกับรุ่นน้องซ้ำอีกเทอมแน่ๆ"
ทั้งสามนั่งฉลองการเรียนจบที่ร้านอาหารริมทาง ซึ่งเป็นร้านประจำที่สามเพื่อนชี้แวะมาฝากท้องอยู่เสมอ เพราะที่นี่อาหารอร่อย ราคาถูก แถมมากินจนสนิทกับแม่ค้าไปแล้ว
"เอาน่าๆไหนๆเราทั้งสามก็จบพร้อมกันแล้ว มาฉลองให้ลืมเรื่องทุกข์ใจไปเลย"
เมย์สาวเดียวในกลุ่มพูดขึ้น ด้วยความที่มีเพื่อนเป็นผู้ชายมาตั้งแต่เด็กๆ บุคลิกของเมย์จึงดูห้าวๆ กล้าลุยทุกเรื่อง แม้หน้าตาจะไม่สวยจัดจ้าน แต่ดูแล้วมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามไม่น้อย
โดยเฉพาะเพื่อนชี้อย่างกล้า เล้ง ที่ต่างแอบชอบเมย์ด้วยกันทั้งคู่ แต่ไม่มีใครกล้าสารภาพความในใจ ต่างเก็บงำไว้
"พวกแก เมื่อคืนอยู่ๆดีฉันก็ฝันเห็นต้นว่ะ มันบอกให้ไปช่วยมันหน่อย พูดแล้วขนลุกเลย"
เมื่อยกเบียร์ขึ้นซดไปอึกใหญ่เมย์ก็กล้าพอที่จะเล่าความฝันให้เพื่อนฟัง
"อ้าว..เห้ย! ฝันเหมือนกูเลย" กล้าพูดขึ้นด้วยความตกใจ
"กูก็ด้วย" เล้งว่าตาม
"หรือมันต้องการให้พวกเราไปช่วยจริงๆว่ะ" เมย์เริ่มพูดเป็นจริงเป็นจัง
"เพราะไอ้ต้นมันมาตายที่สวนกู พ่อกับแม่ประกาศขายราคาถูกๆยังไม่มีใครมาซื้อเลย จนกูเรียนจบ ยังขายไม่ออก กูบอกพ่อเลยไม่มีใครซื้อก็ไม่ต้องขาย เดี๋ยวกูจะไปทำสวนใหม่ให้แจ่มเลย" กล้าเริ่มพูดเสียงดังเมื่อดื่มไปหลายแก้ว
"ว่าแล้ว..พวกเรากลับไปที่สวนกันอีกไหม ยังไงๆก็ว่างกันแล้ว" เล้งออกความเห็นคิด
"เอางั้นก็เอา ไปดูว่าต้นต้องการให้พวกเราช่วยอะไร" เมย์เห็นด้วย
"เอาจริงดิ ไปตามหาคนที่ตายไปกว่าสิบปีแล้วเนี่ยนะ" กล้าเอ่ยถาม
"พวกแกเคยเล่นผีถ้วยแก้วไม่ใช่เหรอ พวกเราไปเล่นผีถ้วยแก้วที่สวน ปลุกเล้งขึ้นมาถามให้แน่ใจ ว่าต้องการให้ช่วยอะไรไหม" เมย์ร่ายยาว
"จะดีเหรอ" เล้งเริ่มไม่แน่ใจ แค่จะสวนไปสวนเฉยๆ แต่ไม่ได้คิดจะเล่นผีถ้วยแก้ว
"ต้นมันเพื่อนพวกเรานะ มันไม่ทำร้ายเราหรอก" เมย์บอก
"เอาไงเอากัน ไหนๆพวกเราก็ว่างแล้ว เดี๋ยวกูจะไปขอยืมอุปกรณ์เล่นผีถ้วยแก้วจากไอ้ป๋อง" กล้าเอาด้วยกับความคิดเมย์
"เอ่อ ไปก็ไป" สุดท้ายเล้งก็ยอมไป
......
สิบโมงเช้า รถยนต์สีขาวใหม่เอี่ยมอ่อง ที่เล้งเพิ่งได้เป็นของขวัญวันเกิดจากพ่อ ค่อยๆแล่นออกจากหอพัก
โดยมีกล้านั่งด้านหน้าคู่เล้ง ส่วนเมย์นั่งอยู่เบาะหลังคนเดียว
"ฉันยังไม่ได้โทรบอกพ่อกับแม่เลยว่าจะกลับบ้านวันนี้" เมย์พูดขึ้น
"ไม่บอกละดีแล้ว ถือว่าไปเซอร์ไพรส์พวกท่านกัน" กล้าหันมาพูดกับเมย์ แล้วหันกลับไปเล่นเกมบนมือถือต่อ
เมื่อรถแล่นออกจากตัวเมืองมาได้ระยะหนึ่ง การจารจรเริ่มคล่องตัว เล้งจึงขับรถเร็วขึ้น
"ขับช้าๆหน่อยก็ได้นะเล้ง" เมย์พูดขึ้น
"ถนนโล่งขนาดนี้ ขอเหยียบหน่อยเถอะแม่สาวน้อย" ว่าแล้วเล็งก็เพิ่มความเร็วขึ้นอีก
เมย์เอนหลังพิงเบาะอย่างไม่สบอารมณ์ เลิกสนใจที่จะพูดกับคนขับ หญิงสาวจึงหันไปมองข้างทาง
เห็นกลุ่มควันไฟขาวลอยฟุ้งตลอดทาง
"ชาวบ้านเผาหญ้า เผาไร่อ้อยแน่ๆ ขับระวังๆหน่อยนะเล้ง มองไม่ค่อยเห็นทางข้างหน้าเลย" เมย์เห็นท่าไม่ค่อยดี จึงเอ่ยบอกเพื่อนอีกครั้ง
"ขับช้าลงแล้ว รัฐบาลก็ประกาศอยู่ห้ามเผา ก็ยังเผากันอยู่ดี" เล้งขับไปบ่นไป เมื่อควันไฟเริ่มลอยมาบดบังถนน วิสัยทัศน์ในการมองเห็นจึงเหลือน้อย
เล้งขับช้าลง แต่ยังถือว่าเร็วในระดับหนึ่ง ระหว่างที่ขับเพลินๆ มีรถสวนทางมาในระยะกระชั้นชิด แสงไฟหน้ารถสาดมาเข้าตาเล้ง เสียงบีบแตรดังลั่นสนั่นไปทั่วถนน
รถบรรทุกสิบล้อ พุ่งมายังแล่นที่รถเล้งแล่นอยู่ แต่เล้งไหวตัวทัน จึงรีบหักพวงมาลัยหลบลงข้างทาง
รถบรรทุกสิบล้อหักหลบเช่นกัน แต่ด้วยรถคันใหญ่ทำให้ไถลลงไปในแปลงนาชาวบ้าน
"ลงไปดูเขาไหม" เมย์เอ่ยขอความเห็นจากเพื่อนๆ
"ไม่ต้องๆคงไม่เป็นอะไรมากหรอก รถไม่ได้พลิกคว่ำ คนขับคงปลอดภัยดี อย่างมากก็แค่เจ็บนิดๆหน่อยๆนา" กล้าบอก
"งั้นกูไปละ" เล้งว่า แล้วเหยียบคันเร่ง ขับรถออกไปทันที ควันไฟยังปกคลุมมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงทางสามแยกเลี้ยวเข้าสู่ตำบลซึ่งเป็นทางกลับบ้านของสามเพื่อนซี้
ควันไฟจึงค่อยๆเริ่มจางหายไป
เมย์มองบรรยากาศข้างทางที่รมรื่นไปด้วยต้นไม้ ใบหญ้า ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นมา เกือบปีแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาบ้าน
"พวกเราจะแวะที่บ้านก่อนหรือจะเข้าไปที่สวนเลย" เมย์เอ่ยถามเพื่อนทั้งสอง
"เข้าไปที่สวนเลยดีกว่า นี่ก็ห้าโมงเย็นแล้ว อีกเดี๋ยวอาทิตย์ก็จะลับขอบฟ้า เราจะได้เริ่มเล่นผีถ้วยแก้วกันเลย" กล้าบอก
"เล่นเสร็จค่อยกลับบ้าน" เล้งเสริม แล้วหักพวงมาลัยเลี้ยวไปทางสวนของกล้า
แสงผีตากผ้าอ้อมปกคลุมทั่วหมู่บ้าน สวนมะพร้าวและสวนผักของครอบครัวกล้า อยู่ไม่ลึกมากจากถนนใหญ่
เล้งเลี้ยวรถเอาซอยถนนดินแดง สภาพถนนค่อยข้างขรุขระ เป็นหลุมเป็นบ่อ มีน้ำขังตลอดเส้นทาง
รถสีขาวใหม่เอี่ยมอ่องของเล้ง จึงเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบดินแดง
เล้งจอดรถริมทางใต้ต้นมะม่วงต้นใหญ่ แล้วทุกคนก็ออกมาจากรถ
กล้าบิดเอวยืดเส้นยืดสายไล่อาการเมื่อยขบ
"น่าจะหลายเดือนอยู่ที่ไม่ได้มาที่นี่" กล้าเปรยขึ้น
ตั้งแต่ต้นมาตายที่สวนของตน พ่อกับแม่ก็ไม่ค่อยมาดูแลสวนเหมือนก่อน จะมีมาส่องดูบ้างนานๆครั้ง ซึ่งทุกครั้งกล้าจะติดสอยพ่อกับแม่มาด้วย และเริ่มห่างมากขึ้น เมื่อตนเข้าไปเรียนในเมือง
ครั้งสุดท้ายที่มาก็เมื่อห้าเดือนก่อน เขาพาคนที่ติดต่อว่าอยากซื้อสวนมาดูที่ สุดท้ายพอคนซื้อรู้เรื่องว่ามีเด็กตายที่นี่ ก็ซิ่งหายไปอีกรายไม่ติดต่อมาอีกเลย
"ไปที่กระท่อมกันเถอะ" เมย์ชวน
แล้วทั้งสามจึงพากันเดินบุกสวนมะพร้าว เพื่อมาที่กระท่อม
กระท่อมน้อยตั้งเด่นอยู่ไม่ไกล ทุกคนจึงเร่งฝีเท้าเดินอย่างเร่งรีบ
"ไหนนายบอกพ่อกับแม่นายเลิกปลูกผักที่นี่แล้วไง" เล้งเอ่ยถาม เมื่อหันไปเห็นแปลงผักที่อยู่เยื้องกระท่อม ออกใบสวยงาม แถมสภาพยังดูเหมือนเพิ่งผ่านการรดน้ำมามาดๆ
เล้งนึกๆไปแล้วคล้ายตอนที่ พวกเขามาเล่นซ่อนหาในวันที่ต้นตายไม่มีผิด
"ไม่รู้ว่ะ พ่อกับแม่คงกลับมาปลูกผักอีก ไม่ได้ถามท่านเรื่องนี้เลย"
"ดูนั้น..มะม่วงน้ำปลาหวาน" เมย์ชี้นิ้วไปบนกระท่อม จุดที่เธอเคยนั่งกินมะม่วงกับแม่กล้า ตอนนี้มันยังมีถ้วยจานที่ใส่มะม่วงน้ำปลาหวานตั้งอยู่ที่เดิม
หญิงสาวรู้สึกเหมือนกับว่ามันคือของเดิมที่เธอเคยกิน แม้สภาพมันยังใหม่อยู่ก็ตาม
เมย์ถอนลมหายใจยาวเพื่อนระงับความหวาดกลัว ที่กำลังก่อตัวขึ้นในใจ
"แม่คงทำมากินมั้ง" กล้าบอกแบบแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะไม่รู้ของพวกนี้มันมาได้ไง
"แล้วแม่นายไม่เก็บกลับไปด้วยเหรอ" เล้งถามด้วยความสงสัย
"ไม่รู้สิ แม่อาจลืม" กล้าหันไปบอกเล้ง แล้วชวนทุกคนขึ้นมาบนกระท่อม จะได้เริ่มเล่นผีถ้วยแก้ว เพราะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว
กล้าค้นเอาไฟฉายที่เป้ออกมาสามอันแล้วยื่นให้เมย์กับเล้ง คนและอัน
พอเมย์ได้ไฟฉายก็ส่องไฟไปทั่วกระท่อม แล้วพูดขึ้นว่า
"แปลกมาก ของทุกสิ่งทุกอย่างถูกวางไว้ที่เดิม"
"ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยเมย์ พ่อกับแม่เราชอบจัดข้าวของให้เป็นระเบียบแบบนี้แต่ไหนแต่ไรแล้ว" กล้าบอกเพื่อน
ระหว่างนั้นก็ควานหาอุปกรณ์เล่นผีถ้วยแก้วออกมาจากเป้ จนครบทุกอย่าง
"เริ่มเล่นกันเลยไหม ข้าว่าบรรยากาศมันเริ่มวังเวงแล้ววะ เล่นๆจะได้รีบกลับ" เล้งเริ่มกลัว หันมองซ้ายขวาหน้าหลังอย่างไม่ไว้วางใจ
"งั้นมาเริ่มเล่นกัน ไม่ขออธิบายมาก ก็อย่างที่รู้กัน ห้ามเอานิ้วออกจากแก้ว ก่อนเชิญดวงวิญญาณออกจากแก้ว เข้าใจนะ"
เมย์ เล้งพยักหน้าตอบ แล้วกล้าจึงพูดต่อ
"เอาละ วางนิ้วบนแก้วได้ ห้ามเลื่อนเองนะโว้ย"
นิ้วทั้งสามวางบนก้นแก้ว แล้วกล้าก็พูดขึ้นว่า
"หากดวงวิญญาณของต้นยังอยู่ที่นี่ เราขอเชิญดวงวิญญาณต้นให้มาสถิตที่แก้วใบนี้"
ทั้งสามนิ่งรออย่างลุ้นระทึก เล้งเหลือบตามองซ้ายขวาสลับกับมองหน้าเพื่อนทั้งสองไปมา
แก้วยังนิ่ง ไม่ขยับ
"ต้น นายต้องการให้พวกเราช่วยอะไร" เมย์พูดขึ้นบ้าง แก้วยังคงนิ่ง "ต้นนายอยู่ไหน ต้นมาคุยกัน" เมย์เริ่มพูดเสียงดังขึ้น ลมเย็นๆพัดวูบผ่านพวกเขาสามคน
แล้วแก้วก็เริ่มขยับเล็กน้อย ทั้งสามมองหน้ากัน หัวใจเต้นสั่นระรัว
"ดวงวิญญาณที่มาอยู่ในแก้วใบนี้ใช่ต้นหรือไม่" กล้าเอ่ยถาม
แก้วเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วไปที่ คำว่า "ใช่"
"นายต้องการให้พวกมาช่วยเรื่องอะไร" คราวนี้เป็นคนเมย์เอ่ยถาม
แก้วค่อยๆเคลื่อนที่ไปอย่างช้าๆ ที่ตัวอักษร อออ่างซ้ำสองครั้ง กอไก่ แล้วเลื่อนไปที่ สระไอไม้มลาย ปอปลา จอจาน สระอา กอไก่ ทอทหาร สระอี ไม้เอก นอหนู สระอี ไม้เอก
"ออกไปจากที่นี่" เมย์พูดขึ้นช้าๆ
แก้วยังไม่หยุดแค่นั้น มันเคลื่อนไปที่คำว่า "หนี หนี หนี" ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบ
"หนีอะไรอะ" เล้งเอ่ยถามแบบงงๆ
สักพักพลันมีเสียงเด็กผู้หญิงหัวเราะ คิกคิก...
เล้งขยับตัวเข้าไปชิดเมย์ แล้วพูดขึ้น
"ได้ยินไหมวะ"
"เต็มสองหูเลย" กล้าตอบแล้วเริ่มนั่งไม่ติดพื้น
"หนี หนี คิกคิก หนี หนี คิกคิก" เสียงเด็กผู้หญิงคนเดิมพูดขึ้น
แล้วทั้งสามก็มองเห็นผ้าสีแดง เคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วรอบกระท่อม
เมย์ เล้งโผเข้ากอดกัน ส่วนกล้าคลานไปหลบหลังเมย์
"เอาแล้วไหมล่ะ เจอผีหลอกจะๆเลยงานนี้" กล้าพูดเสียงสั่น
"ต้นนายอยู่ที่นี่ไหม ออกมาคุยกับพวกเราสิ" เมย์ทำใจดีสู้เสือ ตะโกนเรียกต้น
แล้วทุกคนก็อกสั่นขวัญแขวนอีกละรอก เมื่อมองเห็นต้นยืนอยู่หน้ากระท่อม
"ต้น" เมย์ร้องเรียกชื่อแล้วปล่อยมือจากตัวเล้ง
"พวกนายไม่น่ามาที่นี่เลย ที่นี่ไม่ปลอดภัย" ต้นพูดกับเพื่อนๆ
"นายต้องการให้พวกเราช่วยพาออกไปจากที่นี่ใช่ไหม" เมย์เอ่ยถาม
ต้นพยักหน้าหงึกๆ
"ช่วยไม่ได้ ไม่ให้ช่วย...ฮิฮิฮิ..พวกแกทั้งสามก็จะไม่ได้ไปจากที่นี่" เด็กผู้หญิงชุดแดงปรากฎร่างขึ้นต่อหน้าคนทั้งสาม ใบหน้าเน่าเฟะมีหนอนไต่ยั้วเยี้ย ดวงตาขาวซีด ปากแดงก่ำ
"อย่าทำอะไรเพื่อนผมนะ" ต้นเดินมาขวางหน้าเด็กหญิงชุดแดง
เด็กหญิงชุดแดงไม่พูดพล่าม เธอปัดมือเพื่อไล่ต้นออกไป แต่ว่าแค่แรงปัดเบาๆก็ทำเอาต้นกระเด็นไปไกล ราวถูกจับเหวี่ยงเหมือนตุ๊กตา
"โอ๊ย" ต้นร้องเมื่อร่างไปกระแทกกับต้นไม้
"ต้น!" เมย์ร้องเรียกชื่อเพื่อนเสียงดัง
"เธอสินะที่จับต้นไว้" กล้าแม้จะกลัวผีเด็กตรงหน้าแต่ก็อดถามไม่ได้
"มาเล่นซ่อนหา มาเล่นกัน ฮิฮิฮิ..." ผีเด็กชวนพวกเขาทั้งสาม
"ซ่อนหาให้เธอจับตัวซ่อนพวกเราไว้จากคนอื่นๆอีกละสิ ไม่เล่นดีกว่า" เล้งยกมือโบกปฏิเสธ ทั้งที่รู้สึกตัวสั่นไปทั้งตัว
เมย์เดินลงจากระท่อมอย่างไม่รู้สึกกลัวผีชุดแดง หญิงสาววิ่งไปหาต้นที่นอนตัวงอใต้ต้น
"ต้นเป็นไงบ้าง" เมย์พยุงตัวเพื่อนให้ลุกขึ้นนั่ง
"ออกไปจากที่นี่เมย์ มันจะจับพวกเธอไว้นะ" ต้นบอกเพื่อน
"ถ้าจะไปก็ต้องไปด้วยกัน" เมย์พูดน้ำเสียงหนักแน่น
"ไม่ให้ใครไปทั้งนั้น มาเล่นซ่อนหากัน คนเยอะๆยิ่งดี..." ผีเด็กชุดแดงพูดขึ้นเสียงดัง แล้วค่อยเคลื่อนตัวลอยมาใกล้กล้ากับเล้ง
"อย่ามองตาเธอ" ต้นตะโกนบอกเพื่อน
เล้งรีบหลับตา ส่วนกล้าหันหน้าหลบหลีกดวงตาขาวซีดไปมา
"มาเล่นกันนะ" เด็กผีพูดกับกล้า
"ไปให้พ้นเลย" กล้าใช้มือผลักร่างผีตรงหน้าอย่างสุดแรง ส่งร่างนั้นกระเด็นออกไป แล้วฉับพลันผีเด็กก็หายไป
เล้ง กล้า รีบลงจากกระท่อม วิ่งไปหาต้นกับเมย์
เล้งพยุงร่างต้นให้ยืนขึ้น แล้วเอ่ยถามเพื่อน
"ไม่เป็นไรนะต้น"
ต้นน้ำตาคลอ พูดกับเพื่อนน้ำเสียงสั่นเครือ
"พวกนายโตขึ้นเยอะเลย และฉันไม่คิดว่าพวกนายจะกลับมาที่นี่อีก"
"ก็นายอยากให้พวกเรามาช่วยนี่นา พวกเราต้องมาอยู่แล้ว" กล้าเดินมาตบบ่าต้น
"ไปกันเถอะพวกเรา" เมย์จูงมือต้น
ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินออกจากสวน พลันเกิดลมกระโชกรุนแรง ก้าน และลูกมะพร้าวร่วงกราวลงมาไม่ขาดสาย ทั้งหมดต้องเดินหลบหลีบลูกมะพร้าวอย่างน่าหวาดเสียว
"มันไม่ปล่อยพวกเราไปแน่" ต้นพูดขึ้น
"นายหมายถึงผีเด็กนั้นเหรอ" กล้าถาม
"ใช่"
"งั้นเราต้องรีบวิ่งไปแล้ว" เล้งว่าแล้วคว้าแขนต้นมาจับไว้ ลากต้นให้วิ่งตามมา
จังหวะนั้นลูกมะพร้าว ลูกหนึ่งลอยพุ่งมาแต่ไกล กระแทกเข้าหน้าท้องเล้งเต็มรับ และอีกหลายลูก กระแทกเข้าจุดต่างๆตามร่างกาย แขน ขา หน้าผาก หลัง ศีรษะ
เล้งล้มลงร้องโอยโอด กล้าและเมย์ก็มีสภาพไม่ต่างกับเล้ง ทุกคนลงไปนอนบนพื้นส่งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด และที่หนักสุดคือเมย์ หญิงสาวได้สลบไปแล้ว เพราะโดนลูกมพร้าวหล่นลงกลางศีรษะพอดี
"อย่าทำร้ายเพื่อนผมเลย ปล่อยพวกเขาไปเถอะ"
ต้นหันไปพูดกับผีชุดแดงที่ยืนอยู่ไม่ไกล และผีตนนั้นก็หันมาตะคอกใส่เขา
"พวกมันกำลังจะพาเพื่อนคนเดียวของฉันไป ต้องโดนลงโทษ"
ผีชุดแดงเคลื่อนกายเข้ามาใกล้เล้งซึ่งกำลังนอนตัวงอกุมท้องตัวเอง มันหมายจะบีบคอเล้ง
ต้นวิ่งมากอดเอวผีชุดแดงไว้ แล้วพยายามดันร่างมันให้ถอยห่างจากเล้ง
"รีบหนีไป เร็วๆ" ต้นตะโกนบอกเพื่อน
กล้าวิ่งมาพยุงร่างเล้งให้ยืนขึ้น แล้ววิ่งไปอุ้มเมย์ที่ยังนอนสลบไม่ได้สติ
"กล้าดียังไงมาขัดขวางฉัน แกมันแค่บริวารของฉันเท่านั้น"
ผีชุดแดงกรีดร้องใส่หน้าต้น แล้วเอื้อมมือมาบีบคอเขา
"ต้น!" กล้าเรีกยชื่อเพื่อนด้วยความเป็นห่วง
"ไป..รีบไปเลย ไม่ต้องห่วงฉัน ยังฉันก็ตายไปแล้ว แค่ก แค่ก.." ต้นบอกบอกเพื่อน แล้วกดแขนกอดผีชุดแดงแน่นขึ้นเรื่อยๆ
กล้าวิ่งอุ้มเมย์ออกมาจากสวน โดยมีเล้งวิ่งตามมาติดๆ
ทุกคนรีบวิ่งไปขึ้นรถ เล้งเปิดประตูเบาะหลังให้กล้ากับเมย์ขึ้นไป แล้วตนจึงขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ สตาร์ทเครื่องอย่างร้อนรน แล้วรีบขับรถออกไปจากที่นี่
กล้าพยายามปลุกเมย์ให้ตื่นมาตลอดทาง
"ต้นละ" ทันทีที่เมย์ลืมตาตื่นขึ้นมาก็ถามหาต้น
"ต้นออกมาไม่ได้ ต้นช่วยพวกเราไว้" กล้าบอกเมย์
"พวกเรา ทำไมอยู่ดีๆท้องฟ้ามันสว่างโร่แบบนี้ละ" เล้งหันมาพูดกับเพื่อน
เพราะตอนที่พวกเขาเข้าไปในสวน ช่วงเวลานั้นอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า จำได้ว่าอยู่ที่สวนไม่น่าจะเกินสามชั่วโมง ฟ้าก็น่าจะมืดอยู่นี่นา
เล้งขับรถเข้ามาในหมู่บ้าน เห็นคนในหมู่ต่างพากันแต่งชุดดำ และดูเหมือนจะเดินไปทางเดียวกันด้วย
"ทำไมทุกคนแต่งชุดดำกันหมดเลยล่ะ" เมย์เอ่ยถาม จ้องมองผู้คนผ่านกระจกใส
"ดูเหมือนจะเดินไปบ้านแกนะเล้ง ดูโน่นสิ" กล้าชี้นิ้วไปยังบ้านหลังใหญ่สามชั้น มีพื้นที่บริเวณรอบบ้านกว้างขวาง สมเป็นบ้านของเถ้าแก่ค้าไม้ ผู้เป็นพ่อของเล้ง
เล้งเริ่มใจคอไม่ดี เมื่อเห็นคนชุดดำมาออเต็มบ้านแบบนี้ เขาไม่กล้าคิดว่าจะมีใครในบ้านตายจากไป
เล้งเลี้ยวรถไปจอดริมทาง เพราะเอารถเข้าไปในบ้านไม่ได้ ภายในบริเวณบ้านมีเต้นท์กางเต็มไปหมด
เล้งก้าวขาลงจากรถด้วยหัวใจเต้นระรัว หวังว่าคงไม่ไช่เตี่ยนะ เขาคิด
เมย์เดินมาจับมือกล้าเพื่อให้กำลังใจ
"เข้าไปกัน" เมย์บอกเพื่อนทั้งสอง
และทันทีที่ทั้งสามเดินเข้ามาในงานศพ และเห็นโลงศพสามโลงตั้งเรียงกัน โดยมีรูปถ่ายของพวกเขา ตั้งอยู่หน้าโลงศพ
นางสาววิไลฉัตร จันทรา(เมย์)
ชาตะ ๒ กันยายน ๒๕๓๙
มรณะ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒
อายุ ๒๓ ปี
นายสุพจน์ แก้วเงิน(กล้า)
ชาตะ ๒๔ ตุลาคม ๒๕๓๙
มรณะ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒
อายุ ๒๓ ปี
นายอภิชาติ ตั้งกุลโรจน์(เล้ง)
ชาตะ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๓๙
มรณะ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๒
อายุ ๒๓ ปี
ทั้งสามหันมองหน้ากัน ไม่เชื่อในสิ่งที่เห็น
"พวกเราตายแล้วเหรอ" เล้งถาม สายตายังเหม่อมองไปที่โลงศพตัวเอง และมองดูแม่นั่งร้องไห้หน้าโลงศพ
เมย์เหลียวไปเห็นพ่อกับแม่ จึงรีบวิ่งไปหา
"แม่คะ พ่อคะ" เธอเรียกพวกท่าน แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับมา หญิงสาวจึงยื่นมือไปจับแขนมารดา แต่คว้าได้เพียงความว่างเปล่า
หญิงสาวปล่อยโฮร้องไห้ออกมาทันที กล้า เล้งวิ่งมากอดเมย์ไว้
"พวกเราตายไปแล้วจริงๆ" กล้าย้ำเตือนความจริงอีกครั้ง
ภาพเหตุการณ์บนถนนที่เล้งหักหลบรถบรรทุกสิบ วิ่งเข้ามาในหัวพวกเขา
เล้งพยายามหมุนพวงมาลัยหักหลบรถบรรทุกแล้ว แต่เขาหลบไม่พ้น รถบรรทุกที่วิ่งมาด้วยความเร็ว พุ่งชนรถเขาแล้วลากรถคันเล็กไหลตกลงไปในแปลงนา รถยนต์ถูกบดไปอยู่ใต้ท้องรถบรรทุก และคนที่นั่งมาด้วยเสียชีวิตคาที่ทั้งหมด
ส่วนคนขับรถบรรทุก ไม่เจ็บอะไรมาก หลบหนีวิ่งเข้าป่า ตอนนี้ทางตำรวจกำลังออกไล่ล่าตามหาตัวคนขับรถบรรทุก แต่ยังหาตัวไม่พบ
เมื่อทั้งสามจำเหตุการณ์ทั้งหมดได้ ก็กอดคอกันร้องไห้
"ฉันยังไม่ได้สารภาพบอกรักแกเลยเมย์ ดันมาตายซะก่อน" กล้าพูดขึ้น
"ฉันก็ด้วย ยังไม่ได้บอกเลย" เล้งว่าตาม
"รู้แล้วนา ไม่ต้องบอกก็รู้ แต่ฉันขอให้พวกนายรักฉันในแบบเพื่อนตลอดไป ฉันเองก็รักพวกนายเช่นกัน" เมย์พูด พร้อมกับเสียงสะอื้นไห้
สามเพื่อนซี้ยืนร้องไห้กอดกันกลม ท่ามกลางงานศพของพวกเขาเอง
เมย์หันไปมองรูปตัวเองหน้าโลงศพ
"พวกเราเพิ่งตายเมื่อวานนี้เอง" เมย์พูดขึ้น แล้วผละกายออกจากอ้อมกอด เช็ดน้ำตาตัวเองจนแห้ง มองหน้ากล้า เล้งสลับกันไปมาแล้วพูดขึ้น
"ในเมื่อพวกเราตายแล้ว เรากลับไปช่วยต้นกันเถอะ"
"เออ..เห็นด้วย ยังไงก็เป็นผีแล้ว เป็นไงเป็นกัน" กล้าสมทบ
"คราวนี้ไม่กลัวแล้วโว้ย ลุยแหลกละ ไปขึ้นรถกัน" เล้งพูดขึ้น แล้วเดินนำเพื่อน ขับรถกลับไปที่สวนอีกครั้ง
เมื่อกลับมาที่สวน ท้องฟ้ากลับมามืดครึ้มอีกครั้ง เล้งเดินมาเปิดกระโปรงรถด้านหลัง คว้าเอาไม้เบสบอลติดมือมาด้วย
"เอาไปทำอะไรวะ" กล้าเอ่ยถามเพื่อน
"เอาไปสู่กับผียังไงละ ผีสู้กับผี มันก็คงเหมือนคนสู้กับคนนั่นแหละ มันทำเราเจ็บได้ แสดงว่าเราก็สามารถทำมันเจ็บได้เช่นกัน"
"เออจริงของแก" กล้าพยักหน้าเห็นด้วย
แล้วทั้งสามก็เดินเข้ามาในสวนอีกครั้ง เมย์ตะโกนเรียกต้นมาตลอดทาง จนมาถึงกระท่อม
จึงเห็นต้นนอนขดตัวอยู่หน้ากระท่อม กล้าวิ่งมาอุ้มต้นขึ้นไปนอนบนกระท่อม และทุกคนต่างช่วยกันเขย่าตัวต้น เพื่อปลุกให้ตื่น
"พวกนายกลับมาทำไม" ต้นลืมตาขึ้น เห็นเพื่อนๆยังอยู่ที่นี่ ความรู้สึกดีใจอัดแน่นเต็มอก แต่ก็อดเป็นห่วงเพื่อนๆไม่ได้
"มาช่วยนายไง ลุกไหวไหม" เมย์บอกแล้วช่วยพยุงต้นให้นั่ง
"ฮะฮา..นึกแล้วว่าต้องกลับมาอีก มาอยู่ที่นี่ด้วยกันเถอะ ฮิฮิฮิ"
ผีชุดแดงปรากฏกายขึ้นมา
"แกอยู่คนเดียวไปเถอะ เรามารับเพื่อนเรากลับไปโว้ย" เล้งตะโกนใส่ผี เดินถือไม้เบสบอล มายืนประจันหน้าผีชุดแดง
ตั้งแต่รู้ว่าตนตายเป็นผีไปแล้ว เล้งก็ไม่รู้สึกกลัวผีตรงหน้าอีกเลย
"คิดจะมาสู้กับฉันเหรอ" ผีชุดแดงพูดขึ้นน้ำเสียงดุดัน
"เป็นไงเป็นกัน" เล้งตวัดไม้เบสบอลไปมา
ผีชุดแดงเคลื่อนตัวลอยเข้ามาใกล้เล้ง แล้วสะบัดมือตบหน้าเล้งจนหน้าหัน
เล้งฟันหลุดไปสองซี่ ชายหนุ่มโมโหสุดขีด ฟาดไม้เบสบอลใส่ผีชุดแดง แต่กลับฟาดใส่ความว่างเปล่า ผีชุดแดงเคลื่อนกายหายไปแล้ว
"เมย์พาต้นออกไปรอที่รถเลย เดี๋ยวทางนี้เราจัดการเอง" กล้าบอกเมย์แล้ว ตามมาช่วยเล้งจัดการผีชุดแดง
"เล้ง ฉันรู้แล้วว่าจะจัดการผีนั้นยังไง เชือกมัดมันไว้เลย" กล้าชูม้วนเชือกที่ต้นหยิบมาจากกระท่อมให้เล้งดู
"ออกมาสิว่ะ หลบทำไม ไอ้ผีขี้ขลาด" เล้งตะโกนยั่ว
"ฮิฮิฮิ" เสียงหัวเราะเย้ยหยัน ดังแว่วลอยมากับสายลม
ผีชุดแดงปรากฎกายนั่งอยู่บนกิ่งไม้ และเพียงไม่นานกิ่งไม้ขนาดใหญ่ ลอยละลิ่วพุ่งใส่กล้าและเล้ง ทั้งสองกระโดดหลบได้ทัน
"พวกเราทำแบบนี้ได้ไหมวะ" กล้าหันมาถามเล้ง
"ไม่รู้สิ ลองดูไหมล่ะ" เล้งบอก พยักหน้าไปทางกิ่งไม้ใหญ่บนพื้นดิน
ทั้งสองจึงช่วยกันอุ้มกิ่งไม้ขึ้นมา แล้วซัดกลับไปยังจุดที่ผีชุดแดงนั่งอยู่
กิ่งไม้พุ่งไปเร็วและแม่นยำ กระแทกใส่ร่างผีชุดแดงจนร่วงลงพื้น
กล้า เล้ง รีบวิ่งมาจับตัวมันไว้ โดยกล้ากระโดดนั่งทับกลางลำตัวมันอย่างไม่ลังเล ส่วนเล้งใช้เชือกมัดขามันไว้
"ปล่อยเราเถอะ ปล่อยเราไปเถอะนะ" ผีเด็กชุดแดงทำเสียงอ้อนวอน
"ฝันไปเถอะ เธอต้องอยู่ที่นี่คนเดียว" กล้าพูดไปพร้อมกับจับเชือกพันรอบตัวมัน
เมื่อใช้วิธีอ้อนวอนไม่ได้ผล ผีเด็กชุดแดงก็กรีดร้องลั่น ดิ้นสุดแรงเพื่อให้ตนหลุดออกจากพันธนาการ
"เธออยู่ที่นี่ไปเลย ไปกันเถอะเล้ง"
กล้าและเล้งรีบวิ่งหนีออกมาจากสวนก่อนที่ผีชุดแดงจะทำลายเชือกขาด
เสียงกรีดร้องยังดังสะท้อนไปทั่วสวน
เมย์กับต้นนั่งรออยู่บนรถแเล้ว และเมื่อทั้งสองเห็นเล้ง กล้าวิ่งมาที่รถ จึงรีบกวักมือเรียก
"เร็วๆ วิ่งมาเลย" เมย์ร้องเชียร์ "มันมาแล้ว วิ่งเร็วอีก" เมย์ตะโกนเสียงดัง เมื่อเหลียวไปเห็นผีชุดแดงกำลังเคลื่อนตัวลอยตามหลัง เล้ง กล้ามาติดๆ
และกล้ากับเล้งก็มาถึงรถอย่างเฉียดฉิว เล้งสตาร์ทเครื่องแล้วเหยียบคันเร่งพารถออกไปทันที
เมย์หันไปมองด้านหลัง เห็นผีชุดแดงลอยอยู่เหนือต้นมะพร้าว มันส่งหวีดร้องลั่นจนแสบแก้วหู ไม่นานเสียงหวีดร้องจึงค่อยๆหายไป
เมย์นั่งเอนหลังพิงเบาะแล้วถอนลมหายใจอย่างโล่งอก
"มันออกมาจากสวนไม่ได้" ต้นบอก
"นายทนทุกข์อยู่ที่นั่นมานานมาก วันนี้หลุดพ้นแล้วนะ" กล้าหันมาพูดกับต้น
"ขอบใจพวกนายมาก" ต้นสะอื้นไห้ เมย์จึงดึงร่างต้นมากอดไว้
เล้งขับรถมาที่หน้าบ้านตัวเอง และมองเข้าไปในงานศพ
"พวกนาย..ตายแล้วเหรอ" ต้นถามขึ้นด้วยความตกใจ เมื่อหันไปเห็นโลงศพของเพื่อนทั้งสาม
"ใช่ พวกเราตายแล้ว เพราะตายไปแล้วไง จึงกลับไปช่วยนายได้" เมย์บอกต้น
แก๊ง! แก๊ง! แก๊ง!
"เสียงอะไรน่ะ" กล้าถามขึ้น
"เสียงระฆัง" ต้นบอก "พวกเราต้องเดินตามเสียงระฆังไป"
ทุกคนเปิดประตูรถแล้วก้าวเดินออกมา มองไปยังถนนในหมู่บ้านซึ่งทอดยาวออกไปไกล เห็นแสงสีขาวสว่างจ้าอยู่รำไร
และเสียงระฆังยังดังแว่วมาเป็นระยะ ราวกับต้องการเชิญชวนให้พวกเขาเดินไปยังแสงสีขาวด้านหน้า
"ไปกันเถอะ" เมย์ชวนเพื่อนๆ
เพื่อนชี้สี่คน เดินจูงมือกันเรียงหน้ากระดาน ฉับพลันร่างของ เมย์ เล้ง กล้า ค่อยๆหดเล็กลง เท่าเด็กสิบขวบ
เสียงหัวเราะ ของเด็กทั้งสี่ดังสะท้อนก้องทั่วหมู่บ้าน
ไม่มีใครได้ยิน นอกจาก หมาที่ต่างพากันโก่งคอเห่าหอนตอลดทางที่ทั้งสี่เดินผ่าน
จบ...
Post a Comment