กินน้ำมันพราย
เรื่องราวสุดสยองของ สมาชิกพันทิปหมายเลข 2342473 จากกระทุ้ที่มีความหลอนสมชื่อ "กินน้ำมันพราย" กินแล้วเป็นอย่างไร ทำไมถึงกินแล้วเป็นอย่างไร ทำไมถึงไม่ใช้ด้วยวิธีการดีด หรือ ทา เขาจะรอดไหมลองไปติดตามกันเลย
นี่เป็นเสียงสวดของหลวงตารอด ซึ่งมักจะท่องบทแผ่ส่วนบุญส่วนกุศลทุกครั้ง หลังจากลืมตาออกจากการเจริญภาวนา ทุกค่ำคืนที่แสนเย็นเยือก ฉันจะได้ยินเสียงท่องบ่นท่ามกลางความมืดที่เงียบสงัด ทำให้ฉันซึ่งนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเก่าภายในห้องของหลวงตา อดที่จะลืมตาขึ้นมองไปยังร่างผอมบางของหลวงตารอดไม่ได้
แว้บหนึ่งที่มองไปเบื้องหน้าของหลวงตารอด ฉันถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งตัว ด้วยคล้ายจะมองเห็นหรือสัมผัสบางสิ่งบางอย่างซึ่งอยู่ตรงหน้าโต๊ะหมู่บูชา สิ่งที่ฉันเห็นปรากฏอยู่ในรูปร่างของผู้คน ทั้งเด็กและแก่ กำลังนั่งพนมมือก้มหน้า หมอบลงกับพื้น คล้ายคนกำลังรับศีลรับพร ก่อนที่ฉันจะยกมือขึ้นขยี้ตา เงารางๆ ของผู้คนเหล่านั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว
“ทำไมไม่นอนล่ะเณร” หลวงตารอดหันมามองดูฉันพร้อมยิ้มออกมาน้อยๆ ที่มุมปาก
ฉันลุกขึ้นมองฝ่าแสงสลัวของเปลวเทียน ก่อนจะมองรอบๆ ห้องของกุฏิไม้เก่าที่หลวงตารอดอาศัยคุ้มแดดคุ้มฝน
“มองหาอะไรหรือ ไม่มีอะไรแล้วนอนเถอะ”
เสียงนั้นอ่อนโยนและเปี่ยมไปด้วยความปรานีจนฉันสัมผัสได้ หลวงตารอดเป็นพระผู้ใหญ่ที่ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือ เพราะท่านเป็นนักปฏิบัติ ไม่ยึดติดกับวัตถุและเลือกปฏิบัติ ท่านมีความรู้ความสามารถในการรักษาผู้ป่วยด้วยสมุนไพร และเป็นหมอดูใบพลูที่แม่นยำ กุฏิของท่านจึงไม่ค่อยว่างเว้นญาติโยม พวกเขาล้วนแต่มาพึ่งบารมีของท่าน
ตลอดเวลาที่ฉันบวชเป็นสามเณรอยู่ที่วัดแห่งนี้ ฉันได้รับรู้และพบเจอเหตุการณ์หลายอย่างที่ชวนฉงนใจยิ่งนัก บางสิ่งบางอย่างฉันเองก็ไม่สามารถหาคำตอบให้กับตัวเองได้ ยิ่งนานวันทำให้ฉันอดนึกไม่ได้ว่า ในโลกใบนี้ยังมีสิ่งที่ชวนพิศวงซุกซ่อนอยู่มากมาย และรอคอยให้พวกเราได้ค้นหาคำตอบ
บ่ายแก่ๆ วันนั้น หลังจากที่ฉันก่อไฟต้มน้ำชาให้หลวงตาเรียบร้อยแล้ว ก็ถือไม้กวาดทางมะพร้าวเดินตรงไปยังหน้าลานวัด แต่ขณะที่กำลังลงมือกวาดเศษใบไม้อยู่นั้น เสียงผู้คนหลายคนที่สาวเท้าวิ่งตรงมายังหน้าวัดก็ดังขึ้น ฉันหยุดกวาด ก่อนจะหันไปมองเห็นชาวบ้านหลายสิบคนกำลังหามร่างของชายร่างกายขาวซีด ร่างนั้นผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกไม่ต่างจากซากศพดีๆ นี่เอง อะไรที่ทำให้ชายคนนั้นมีสภาพเช่นนี้ นั้นเป็นคำถามที่ฉันตั้งขึ้นในใจเงียบๆ
“เณรนัฐ หลวงตาอยู่ไหม” ฉันพยักหน้าก่อนจะเดินสาวเท้านำหน้าชายวัยกลางคนไปยังกุฏิของหลวงตารอดทันที
“ไม่ต้องพูดหรอก เณรไปเก็บใบพลูให้หลวงตาไป”
ฉันตกใจเมื่อหลวงตาครองจีวร และนั่งจุดเทียนอยู่หน้าโต๊ะหมู่บูชา ราวกับจะรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าว่าจะมีญาติโยมที่เดือดร้อนมาขอพึ่งบารมี ฉันจึงสาวเท้าลงกุฏิไปยังต้นพลูที่ปลูกไม่ไกลจากกุฏินัก ในขณะที่ชายหนุ่มร่างผอมทำท่าดิ้นทุรนทุราย ดวงตาทั้งสองข้างมองผู้คนอย่างขว้างๆ
ชาวบ้านช่วยกันจับตัวของชายคนนั้นขึ้นไปบนกุฏิอย่างเร่งรีบ เมื่ออยู่ต่อหน้าหลวงตาชายคนนั้นก็มีท่าทีทุรนทุรายหนักขึ้นเรื่อยๆ ฉันเก็บใบพลูได้ตามจำนวนที่หลวงตาต้องการ แล้วนำขึ้นไปให้หลวงตาที่กำลังพรมน้ำมนต์ใส่ร่างที่สั่นเทาของชายคนดังกล่าว
เขาร้องเอะอะโวยวายลั่นกุฏิ หากไม่มีชาวบ้านช่วยกันจับ ฉันเชื่อว่าชายคนนั้นคงจะวิ่งลงกุฏิหนีน้ำมนต์ของหลวงตารอดเป็นแน่
ไม่นานอาการดิ้นทุรนทุรายของชายคนดังกล่าวก็สงบลง ในขณะที่หลวงตาจุดเทียนขึ้นเพ่งใบพลูพร้อมถามชื่อนามสกุล วันเดือนปีเกิดของชายคนดังกล่าวอย่างละเอียด การซักถามชื่อวันเดือนปีเกิดนี้เอง ทำให้ฉันได้รู้ว่า ชายหนุ่มคนนี้ชื่อนายถนอม วัยสามสิบต้นๆ
ชายคนนี้ฉันไม่คุ้นหน้านัก เพราะเขาเป็นคนต่างถิ่นที่บังเอิญมาได้ภรรยาที่หมู่บ้านฉัน เหตุที่ฉันไม่คุ้นหน้านั้นเพราะนายถนอมไปทำงานที่ต่างประเทศเสียนานหลายปี และพึ่งกลับมาเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง
“โยมโดนของ”
หลวงตารอดนั่งเพ่งใบพลูอยู่พักหนึ่ง ก็เปล่งเสียงออกมาเย็นเยือก ทุกคนร้องตามเป็นเสียงเดียวกัน ก่อนที่ชายวัยกลางคนที่พามาจะร้องถามด้วยความอยากรู้
“ของที่ว่าเป็นคุณไสยประเภทไหนครับหลวงพ่อ” ชายหนุ่มคนนั้นถามขึ้น พร้อมกับเสียงเป็นกังวล
ส่วนฉันสงสัยอย่างเดียวว่า หลวงตารอดรู้ได้อย่างไร ว่าชายร่างผอมที่นอนเหมือนผีตายซากผู้นี้โดนคุณไสยมา
“น้ำมันพรายจากเขมรน่ะโยม”
หลวงตารอดเอ่ยเรียบๆ ราวกับพบเจอกับของต่ำเช่นนี้มาชาชินแล้ว ต่างจากญาติโยมที่พนมมือส่งเสียงอื้ออึงด้วยความตกใจ
“จริงหรือหลวงตา แล้วจะมีอันตรายกับสามีดิฉันไหมเจ้าคะ” คราวนี้ผู้เป็นภรรยาถามขึ้นมาบ้างในขณะที่สามีนอนหายใจรวยริน ราวกับเหน็ดเหนื่อยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด
“ก็อาจถึงตายได้ ถ้าไม่รักษาหรือถอนออกจากตัว ไม่เป็นไร…อาตมาจะเอาน้ำมันพรายที่ว่าออกให้เอง” หลวงตารอดเอ่ยด้วยเสียงที่เปี่ยมไปด้วยเมตตา
“นี่พี่หนอมโดนป้ายน้ำมันพรายอย่างเดียวหรือเจ้าคะหลวงพ่อ” ฝ่ายภรรยาถามขึ้นด้วยความกังวลใจ
“ไม่ใช่แค่ป้ายน้ำมันพราย แต่สามีโยมกินน้ำมันพรายต่างหากเล่า” หลวงตารอดเฉลย “เอาล่ะ พวกโยมจับตัวของโยมผู้ชายไว้ เดี๋ยวอาตมาจะเอาน้ำมันพรายที่อยู่ในร่างกายของโยมถนอมออกมาให้ดู”
เสียงของหลวงตารอดสั่งอย่างเรียบๆ ก่อนจะหยิบเทียนไขขึ้นท่องคาถา ในขณะที่น้ำตาเทียนหยดลงในขัน เกิดเป็นดอกน้ำมนต์รูปร่างคล้ายปีศาจ ราว 10 นาทีเห็นจะได้ หลวงตารอดก็พยักหน้าให้ชายวัยกลางคนที่เป็นคนพามาเอาน้ำมนต์กรอกปาก
นายถนอมเมื่อเห็นขันน้ำมนต์ที่ชายวัยกลางคนถือเข้าไปใกล้ก็ร้องลั่น พร้อมดิ้นรนจนชาวบ้านที่มาด้วยต้องออกแรงตรึงแขนขาไว้กับที่ ส่วนอีกคนใช้มือบีบปาก ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะเทน้ำมนต์ใส่ปากนายถนอม ร่างนั้นสั่นสะท้านพร้อมกรีดร้องออกมา ก่อนจะดิ้นทุรนทุรายจนชาวบ้านที่จับอยู่สู้แรงไม่ไหว ถูกผลักกระเด็นไปติดข้างฝาคนละทิศคนละทาง ฉันเองก็สงสัยว่าร่างกายซูบผอมอย่างนั้นไปเอาแรงมาจากไหนมากมาย
ไม่นานนักนายถนอมก็โก่งคออาเจียนออกมาเป็นมูกเลือดปนน้ำเหลือง กลิ่นอาเจียนของนายถนอมเหม็นเน่าสุดๆ หลวงตารอดไม่นิ่งดูดาย ท่านหยิบขันน้ำมนต์ที่เหลือน้ำมนต์เพียงเล็กน้อย ท่านท่องคาถาไปด้วยก่อนจะพรมน้ำมนต์บนร่างนายถนอมไม่ขาด
นายถนอมอาเจียนออกมาคราวนี้ทุกคนถึงกลับตะลึง เพราะสิ่งที่นายถนอมอาเจียนออกมาไม่ได้มีเพียงมูกเลือดและน้ำเหลือง แต่มันมีเส้นผมยาวๆ ออกมาด้วยจำนวนหนึ่ง พอเส้นผมกระจุกนั้นออกมาร่างกาย นายถนอมดูอ่อนแรงลงไปมากทีเดียว
ฉันมองร่างผอมบางที่มีเพียงหนังหุ้มกระดูก ซึ่งนอนฟุบอยู่กับแผ่นกระดานพร้อมหอบหายใจรวยริน ก่อนที่ทุกคนจะสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีลมพัดวูบเข้ามาหอบใหญ่พร้อมกับเสียงหมาวัดที่ลุกขึ้นพร้อมใจกันเห่าหอนอย่างเหยือกเย็น ทุกคนหันมองหน้ากันก่อนที่ทุกอย่างจะกลับคืนสู่สภาพปกติ นายถนอมลุกขึ้นนั่งมองผู้คนอย่างสงสัย แม้แววตาจะเลื่อนลอยไร้ชีวิตชีวา แต่ยังดีกว่าตอนขามาอยู่มากทีเดียว
“สามีของอิฉันหายดีแล้วใช่ไหมเจ้าคะหลวงพ่อ”
ภรรยาถามด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความหวัง หลวงตารอดส่ายหน้าไปมา ก่อนจะตอบ
“ยังหรอกโยม สามีของโยมกินน้ำมันพรายไปนานมาก การที่จะเอาออกให้หมดในวันเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก โยมต้องหมั่นพาสามีของโยมมารดน้ำมนต์ดื่มน้ำมนต์ แล้วก็อาบน้ำมนต์กับอาตมาเรื่อยๆ อาการที่ว่าจึงจะหายไป” หลวงตารอดแนะนำวิธีล้างอาถรรพณ์จากคุณไสย ก่อนที่ฝ่ายภรรยาจะซักถามสามีว่าไปกินน้ำมันพรายจากไหน เพราะที่ทำงานที่ต่างประเทศก็มีแต่คนงานชาย
เมื่อได้สติกลับคืนมา นายถนอมเล่าให้ภรรยาของตัวฟังคล้ายสารภาพไปในตัวว่า วันที่ตนเดินทางกลับมาที่เมืองไทยและพักค้างคืนที่กรุงเทพ ตนเองกับเพื่อนได้ตระเวนเที่ยวสถานบันเทิงประเภทร้านคาราโอเกะ ในสถานบันเทิงตนได้รู้จักกับเด็กนั่งดริ้งก์คนหนึ่ง และเกิดรู้สึกชอบพออย่างประหลาด
นับจากวันนั้นตนก็อยู่ไม่สุข ต้องแอบไปหา ส่งเงินทองให้หญิงสาวคนนั้นอยู่เป็นประจำทั้งๆ ที่กลับมาอยู่ที่บ้านต่างจังหวัดกับภรรยา แต่ก็ไม่เคยลืมเลือนเธอผู้นั้นเลยแม้แต่วินาทีเดียว
“ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนใส่น้ำมันพรายในเครื่องดื่มให้พี่หนอมแน่นอน” ฝ่ายภรรยาเอ่ยเสียงหม่นหมอง แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าต่อขานสามีให้อับอายชาวบ้านแต่อย่างใด
วันนั้นกว่าชาวบ้านจะลาหลวงตากลับ ก็จวนเวลาทำวัตรเย็น
“ทุกอย่างล้วนเกิดจากกรรม อาตมาก็ช่วยได้เท่านี้แหละโยม” หลวงตารอดเอ่ยเบาๆ พร้อมมองตามหลังญาติโยมที่ลงจากกุฏิอย่างเร่งรีบ คล้ายล่วงรู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรตามมาในอีกไม่ช้า
นับจากวันนั้นเป็นมา นายถนอมกับภรรยาก็เทียวมารดน้ำมนต์ มาอาบน้ำมนต์ที่กุฏิหลวงตารอดแทบไม่เว้นแต่ละวัน นายถนอมก็จะอาเจียนและมีเส้นผมติดออกมาด้วยเสมอ ร่างกายของนายถนอมตอนนี้ดูมีน้ำมีนวลขึ้นกว่าแต่ก่อนมากโข ทั้งการพูดคุยก็ดูมีสติไม่หวาดกลัวขันน้ำมนต์ของหลวงตารอดอีก นอกจากนัยน์ตาที่เลื่อนลอยในบางครั้งที่ฉันเห็นแล้วต้องใจหาย
ยามดึกสงัดในคืนหนึ่ง ฉันได้ยินเสียงของหลวงตารอดพึมพำออกมาในความมืดสลัว คล้ายกับกำลังสนทนาอยู่กับใครสักคน เสียงหมาหอนดังไปทั่ว ฉันค่อยๆ ลืมตาขึ้นแล้ว เพ่งมองออกนอกมุ้งไปยังร่างของหลวงตารอด แล้วฉันก็ต้องตกตะลึง! จนนัยน์ตาเบิกกว้าง เมื่อเบื้องหน้าของหลวงตารอดในยามนี้ มีร่างของหญิงสาวผมยาวกำลังนั่งก้มหน้า ราวกับกำลังรับฟังคำขอร้องบางอย่างของหลวงตา
กลางแสงไฟสลัวของเทียนไขหน้าโต๊ะหมู่บูชา หญิงสาวนั่งเอามือคล้ำยันพื้นไว้ด้วย ท้องที่บวมเบ่งของตนทำให้การนั่งนั้นแสนยากลำบาก ฉันมองดูร่างของหญิงคนนั้นด้วยความตกตะลึง ก่อนจะค่อยๆ ยกชายมุ้งขึ้นเพื่อที่จะมองหน้าผู้หญิงคนนั้น แต่เมื่อชายมุ้งถูกยกขึ้น ร่างของหญิงสาวนั้นก็หายไปเสียแล้ว ตรงหน้าของหลวงตารอดมีเพียงความว่างเปล่า หลวงตารอดมองมาทางฉัน ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบๆ ขึ้นว่า
“นอนเถอะเณร”
สิ้นเสียงของหลวงตารอด ฉันนอนดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปง พยายามข่มตาให้หลับก่อนที่หลวงตารอดจะดับเทียนลง
ตอนสายของวันนั้น นายถนอมไม่ได้มารดน้ำมนต์กับหลวงตาเหมือนเช่นทุกวัน ฉันก็รู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้เฉลียวใจว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น จนกระทั่งเวลาล่วงเข้าจวนเที่ยง ภรรยาของนายถนอมจึงวิ่งร้องไห้มาที่กุฏิของหลวงตารอด พร้อมเพื่อนบ้านอีกหลายคนที่ติดตามมาด้วย
“เกิดอะไรขึ้นเหรอโยม” หลวงตารอดถามงงๆ
ภรรยาของนายถนอมนั่งลงประนมมือ บอกเล่าเรื่องร้อนใจที่เกิดขึ้นกับตนให้หลวงตารอดฟังอย่างละเอียด “สามีของอิฉันยังไม่กลับบ้านเลยหลวงพ่อเจ้าคะ เมื่อเช้าพี่ถนอมได้มารดน้ำมนต์กับหลวงพ่อหรือไม่เจ้าคะ” หลวงตารอดส่ายหัว เนื่องจากนายถนอมไม่ได้มารดน้ำมนต์จริงๆ “แล้วพี่ถนอมหายไปไหน ที่วัดก็ไม่มาที่บ้านก็ไม่อยู่” ภรรยาของนายถนอมเอ่ยขึ้นท่าทางร้อนรน ก่อนจะขอแรงชาวบ้านให้ช่วยออกตามหาสามี
แล้วสิ่งที่ทุกคนไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น ต้นโพธิ์ข้างเมรุ มีร่างกายของชายคนหนึ่งแขวนคอด้วยผ้าขาวม้า สิ้นใจอย่างน่าเวทนา ร่างนั้นเป็นร่างของนายถนอมผู้โชคร้าย ซึ่งภาพนั้นฉันจำติดตาจนกระทั่งทุกวันนี้
“อาตมาพยายามช่วยโยมอย่างถึงที่สุดแล้ว แต่วิญญาณของผีตายโหงตนนั้นแรงเหลือเกิน และก็คงจะเป็นเจ้ากรรมนายเวรของโยมถนอม จึงได้สามารถนำชีวิตของนายถนอมไปอยู่ด้วยอย่างง่ายดายเช่นนี้”
หลวงตารอดเอ่ยเสียงงึมงำ ในขณะที่ชาวบ้านช่วยกันนำศพของนายถนอมลงจากต้นโพธิ์อย่างทุลักทุเล
สายลมพัดวูบเข้ามา ใบไม้ในบริเวณนั้นหล่นลงพื้นตามแรงลมที่พัด เสียงหมาหอนอย่างโหยหวน ในขณะที่ฉันยืนมองศพของนายถนอมด้วยความสลดหดหู่ใจอยู่นั้น พลันหูของฉันก็ได้ยินคล้ายเสียงคนสะอื้น ดังลอยมาตามสายลม เสียงนั้นเป็นเสียงร้องไห้ของผู้ชายที่ดังแผ่วๆ อย่างเศร้าสร้อย…
Post a Comment