อาฆาต


     เรื่องราวของแรง  "อาฆาต"  จากเรื่องจริงของสมาชิกพันทิปนามว่า ของเล่นสีชมพู ผู้ที่มีสัมผัสที่ 6 บ่อยครั้งที่เธอสัมผัสถึงวิญญาณ และตลอดชีวิตของเธอมักจะพบกับเรื่องลี้ลับเสมอมา เรื่องต่อไปนี้รับรองว่าสุดสยองขอขอบคุณเรื่องราวหลอนๆของคุณ ของเล่นสีชมพู ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

     วันนี้จะมาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อปลายปีที่แล้วค่ะ เราและเพื่อนๆ 11 คนได้ตกลงกันว่าจะไปเที่ยวสถานที่แห่งนึงใน จ.กาญจนบุรี เพื่อนในกลุ่มคนนึงชื่อเจมส์ เป็นคนหาสถานที่ ที่ที่เราไปกันจะเป็นบ้านแพแห่งนึงค่ะ ขอไม่บอกชื่อละกันเนาะ เราก็ตกลงนัดวันกันเรียบร้อย จะไปกันทั้งหมด 2 วัน 1 คืนค่ะ
พอถึงวันไป พวกเราก็มาขึ้นรถกัน แล้วทุกอย่างก็ปกติ ร้องเพลงสนุกสนานกันตามประสาเพื่อน ไม่นานก็มาถึงที่พัก เราประทับใจมาก ที่พักสวย บรรยากาศดี มีเครื่องเล่นให้เล่น คือดีมากๆจริงๆ เจ้าหน้าที่ได้พาเราไปยังบ้านที่เราจองไว้ เมื่อถึงบ้านเราก็แยกย้ายกันเก็บของ เราเก็บของเสร็จเดินมายืนที่ข้างๆบ้านเพื่อสูดอากาศ

            เรามองไปรอบๆสิ่งที่เราเห็นคือ ศาลไม้ค่ะ มีศาลไม้อยู่บนฝั่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลจากบ้านเรา เราเห็นเด็กคนนึงนั่งเล่นน้ำอยู่บนตลิ่งอยู่แถวๆนั้น เรายกมือไหว้และก็เป็นปกติค่ะ ขอให้การมาเที่ยวครั้งนี้ราบรื่นไม่มีอุปสรรคใดๆ ขณะนั้น ตู้ม!!!!! เราหล่นลงไปในน้ำแบบไม่ทันตั้งตัว โผล่ขึ้นมาเพื่อนยืนหัวเราะกันยกใหญ่ เราก็เลยด่ามันไปแต่ในวงเพื่อนมีเด็กคนนั้นยืนอยู่ เราเห็นแค่แว๊บเดียวจริงๆ เราบอกเพื่อนให้มาดึงเราขึ้นไป พร้อมกับด่าพวกมันต่อ แล้วพวกเราก็ลงเล่นน้ำกันอย่างสนุกสนาน หลังจากที่พวกเราเล่นน้ำกันจนเหนื่อย เราก็ขึ้นมานั่งพักกันแล้วก็คุยกันตามปกติ เพื่อนเราคนนึงตะโกนขึ้น ไอ้เกี๊ยว แล้วเพื่อนก็ชี้ลงไปในน้ำพวกเราหันไปเห็นเกี๋ยวกำลังจะจมน้ำ เพื่อนผู้ชายรีบลงไปช่วยแล้วพาขึ้นมา แต่ยังโชคดีมากที่เกี๊ยวไม่เป็นอะไร เจมส์ถามเกี๊ยวว่า “มุงก็ขึ้นมาพร้อมกูไม่ใช่เหรอ ทำไมไปอยุ่ตรงนั้น “ สิ่งที่เกี๊ยวตอบทำเราขนลุกไปทั้งตัว เกี๊ยวตอบเจมส์ด้วยอาการหงุดหงิดว่า “ พวกมัวแต่คุยกันไม่เห็นเด็กจมน้ำเหรอ ก็เรียกก็ไม่มีใครสนใจก็สักคน กูก็เลยโดดลงไปเนี่ย” เราทุกคนต่างมองหน้ากัน เพราะต่างรู้กันดีว่าไม่มีใครได้ยินอะไรเลย

              เราตัดสินใจถามเกี๋ยวต่อว่า “ แล้วเด็กล่ะ เด็กอยู่ไหนเกี๊ยว “ เกี๊ยวพูดต่อว่า เราลงไปช่วยแล้วเด็กน่าจะตกใจเลยรั้งคอเราไว้จนเราจะจม แต่เราเห็นนะแม่เด็กมาช่วยขึ้นฝั่งแล้วเดินจูงมือกันไปทางนู้น” เกี๊ยวพูดพร้อมกับชี้ไป เราหันไปมองตาม ใช่แล้วค่ะ เกี๊ยวชี้ไปทางศาลไม้หลังนั้นที่เราเห็น “อีแม่นะ ไม่ช่วยก็เลย ว่ายน้ำก็เก่งแปปเดียวขึ้นฝั่งไปละ ไม่น่าช่วยเลยกู” เกี๊ยวพูดต่อ จากนั้น เก่ง เพื่อนผู้ชายของเรา มันจะเป็นผู้ชายที่ปากไม่ค่อยจะดีหน่อย พูดต่อว่า เออ!! จำหน้าได้ใช่มั้ย อย่าให้กูเจอนะ กูจะตบให้คว่ำทั้งแม่ทั้งเด็กเลย ทำคุณบูชาโทษอ่ะอีเกี๊ยว แต่แน่ใจเหรอว่าคนตรงนั้นมีศาลนะ โดนผีหลอกกลางวันแสกละ555“ เรารีบหันไปบอกเพื่อน พูดอะไรแบบนี้ มาที่แบบนี้ใครให้พูดถึงผีสาง นี่ไม่รู้อะไรเลยนะเก่ง ไปๆแยกย้ายใครจะไปซื้อของก็ไป ใครจะไปทำอะไรก็ไปทำ ทุกคนแยกย้ายกันไป เราหันกลับไปมองที่ศาลหลังนั้น แต่ไม่เห็นอะไร ทุกอย่างดูเหมือนจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เลย

เราทุกคนต่างแบ่งหน้าที่กัน เพื่อน 5 คน มี เจมส์ เก่ง พาย แอ้นท์และจ๋า ทำหน้าที่ออกไปตลาดเพื่อซื้อของมาทำอะไรกินกัน เราและเพื่อนๆอีก 6 คนก็อยู่ที่บ้านเตรียมของทำอาหาร จัดเตรียมสถานที่เพราะคุยกันไว้ว่าจะจัดปาร์ตี้เล็กๆกัน ตอนนั้นเป็นเวลาประมานบ่าย 3 โมง หลังจากที่พวกเราเตรียมของเสร็จก็มานั่งเล่นคุยกันรอเพื่อนที่ไปซื้อของ เพื่อนคนนึงพูดขึ้นว่า “ พวก คิดว่าที่นี่จะมีผีมั้ย ” เพื่อนอีกคนเลยพูดต่อว่า “ ถามไอ้ทีสิ “ เราจึงบอกไปว่า “ พวกนี่มาต่างที่ต่างทางพูดแต่เรื่องแบบนี้ ไอ้เก่งอีกตัวเดี๋ยวก็เจอดีกันหรอกพวกอ่ะ “ หลังจากเราพูดจบเราแทบช็อคค่ะ เพราะมีเสียงผู้หญิงคนนึงดังเข้ามาในหูเราต่อว่า “ เออ!! เจอดีแน่พวกอ่ะ “ เราหันไปมองรอบๆตัวไม่เจอใคร แต่เมื่อเรามองไปที่ศาล เห็นเด็กคนนึงยืนมองมาเหมือนกลัวอะไรสักอย่างแล้ววิ่งหายไปในป่าที่อยู่ข้างหลังศาลไม้นั้น “ ไอ้ทีๆ เป็นไรวะ “ เสียงเพื่อนเรียกเราพร้อมกับเขย่าตัวเรา เราเลยหันไปถามว่าทำไม มันบอกว่าเห็นเรานั่งตัวแข็งเลย เราก็บอกไปว่าไม่มีอะไร เรารีบลุกขึ้นไปล้างหน้า เพราะเอาจริงๆเราไม่ได้เจอเรื่องแบบนี้มาสักพักหลังจากที่เราไปปฎิบัติธรรมที่วัดแห่งนึงมาเป็นเวลา 9 วัน (เดี๋ยวจะเล่าในกระทู้ต่อไปนะคะ เรื่องนี้สุดจริงๆ)

          หลังจากเราล้างหน้าเสร็จเราก็เดินมาในวงเพื่อนที่นั่งอยู่ เพื่อนคนนึงโทรไปหากลุ่มที่ไปซื้อของ (ลืมบอกค่ะเรานั่งรถตู้เพื่อนมานะคะ ไม่ได้เหมามา เลยมีรถขับไปซื้อของค่ะ) เสียงมันพูดขึ้นว่า “ หลงทางกันได้ไงไปตั้งหลายคน ทางก็ง่าย แล้วอยู่ไหนกัน “ ยังไม่ทันได้คำตอบ ปลายสายก็ตัดไป เพื่อนจึงโทรไปใหม่ คราวนี้ได้เรื่องว่า เพื่อนที่ไปซื้อของหลงทางไปถนนแห่งนึงที่สองฝั่งมีแต่ป่า พวกเราจึงไปขอความช่วยเหลือจากเจ้าที่รีสอร์ทให้ไปพาพวกมันกลับ หลังจากที่พวกเราเล่าให้พี่เจ้าหน้าที่ฟัง เราหันไปบอกเพื่อนว่า ให้มันส่งโลเคชั่นมาดิพี่เค้าได้ไปรับกลับ พี่เค้าพูดขึ้นต่อว่า “ ผมรู้แล้วแหละว่าอยู่ไหน พวกคุณไปรอที่บ้านเถอะ “ เราก็งงๆแต่ไม่พูดอะไร พวกเรากลับไปที่บ้านพัก ระหว่างที่นั่งเรือข้ามไปที่บ้าน (ที่นี่นต้องใช้เรือเข้า ออก บ้านพักนะคะ) พวกเรานั่งไปจนเกือบถึงบ้าน ได้ยินเสียง ตู้ม!!! เป็นเสียงคนกระโดดน้ำ เหมือนกระโดดลงไปจากเรือของเรา พวกเราได้ยินกันทุกคนต่างมองไปรอบๆ เรามองไปในน้ำ เราจำได้เลยเราเห็นหน้าผู้หญิงคนนึงอยู่ในน้ำ เค้าสะแหยะยิ้ม หน้าเค้าดำมากก เหี่ยว ตาโบ๋ น่ากลัวมากๆ เรารีบหันหน้าหนี เพื่อนคนนึงพูดขึ้นว่า เสียงอะไรวะ พี่คนพายเรือได้ยิน จึงพูดขึ้นว่า “ มาต่างที่ต่างทางได้ยินอะไรอย่าไปทักมันไม่ดีหรอก “ พวกเราเงียบกันทุกคน จนมาถึงบ้าน เรารีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อไปเอาตะกรุดที่พระที่วัดที่เราไปปฏิบัติธรรมให้มา

                  เราเดินเข้าไปในห้อง เราเห็นเด็กผู้ชายคนนั้นนั่งกอดเข่าอยู่มุมห้อง ในมุมมืด แต่เราพอเห็นแหละว่าเป็นเค้า เราตั้งใจว่าจะถามว่าเค้าเป็นใคร อยู่ดีๆเค้าเงยหน้าขึ้นมา แล้วมีเสียงเล็กก้องในหูเราว่า “ กลับไปเถอะพี่ แม่หนูดุ “ เราแข็งไปทั้งตัว ขนลุกแบบบอกไม่ถูก เด็กคนนั้นค่อยๆหายไป เราได้ยินเสียงเพื่อนกรี๊ดดังมาก เราได้สติวิ่งไปหยิบตะกรุดแล้ววิ่งออกไป ภาพที่เห็นคือ เนย เพื่อน 1 ในกลุ่มที่อยู่บ้าน นั่งกอดเข่าแล้วก้มหน้าลงไป (เราจะบอกชื่อเพื่อนๆก่อนนะคะ เพื่อน 11 คนมี เจมส์ เก่ง พาย แอ้นท์ จ๋า 5 คนที่ไปซื้อของ และ เราชื่อที เนย เกี๊ยว บอล ปุ๊กกี้ เจต กลุ่มที่อยู่บ้าน ) เจตถามเนยว่า เป็นอะไร เนยบอกด้วยเสียงสั่นๆว่า “ เรานั่งมองอะไรไปเรื่อย แล้วมองลงไปในน้ำ เรามองเห็นเงาเราในน้ำเป็นหน้าคนอื่น หน้าดำๆ ตาโบ๋ๆอ่ะ โคตรน่ากลัว “ เจตพูดต่อ หน้าเองรึเปล่า หน้ากับผีไม่ต่างกันหรอก แล้วเพื่อนๆก็หัวเราะกัน คงมีแต่เราที่เครียดมากเพราะเราพึ่งเจอมาบวกกับคำพูดของน้องที่ยังคงวนอยู่ในหัวว่า “ กลับไปเถอะพี่ แม่หนูดุ “

ไม่นานเพื่อนที่ไปซื้อของก็กลับมาพร้อมข้าวของที่เยอะแยะไปหมด เราสังเกตเห็นเก่งท่าทางโมโห มาตั้งแต่อยู่บนเรือแล้ว พอขึ้นบ้านมาพวกเราก็พากันเอาข้าวของไปเก็บและเตรียมทำอาหาร บอลถามเพื่อนๆที่ไปว่า “ไปหลงทางกันได้ไงวะ ขามาก็ขับมาเองหนิไอ้เจมส์” เก่งพูดขึ้นว่า “ ไอ้เจมส์ไม่เท่าไร อีคนบอกทางนี่สิน่าถีบ” บอลถามต่อ ใครวะ ไหนเล่าดิ๊ เรานั่งล้างกุ้งกับปลาหมึกอยู่แต่หูก็ฟังเพื่อนพูด เจมส์เล่าว่า “ ขากลับแปลกมาก ยิ่งขับกูเหมือนไม่รู้จักทาง เหมือนมันวนๆที่เดิมยังไงไม่รู้ ไอ้พวกนี้ก็มัวแต่เล่นเกมส์ เก่งนั่งข้างกูแท้ๆหลับ พอกูคิดว่ามันไม่ใช่ทางกลับแน่ๆ กูเห็นผู้หญิงกับเด็กคนนึงอยู่ข้างทางกูเลยจอดถาม ผู้หญิงกับเด็กชี้ไปคนละทางนะ แต่เหมือนคนแม่ กูเดานะว่าจะเป็นแม่ หันมาดุเด็กเลยเอามือลง เค้าก็ชี้ไปทางนึงที่มันจะเป็นทางเลี้ยว เออกูก็เลี้ยวไป แต่ยิ่งไปยิ่งลึกยิ่งมีแต่ป่า สัญญานก็ไม่มี ยังดีที่เกี๊ยวโทรไป สัญญานก็ขาดๆหายๆโชคดีที่พวกเข้าใจกู แต่พอพี่เจ้าหน้าที่ไปเอาพวกกูออกมาเชื่อมั้ย ทางคนละทางกับที่พวกกูขับผ่านมาเลย พี่เค้าบอกว่าถ้าพวกกูตรงไปอีกหน่อย ตายเลยนะ ข้างหน้าเป็นทางลาดชันที่เค้าปิดตายไว้ ก่อนออกมากูมองไปข้างหน้ารถเออ เขียนว่าทางอันตราย แต่กูมองไม่เห็นไงก่อนหน้านี้ พวกว่าแปลกๆมั้ย “ หลังจากเจมส์พูดจบ เก่งพูดต่อว่า “ อีคนบอกทางน่าตบให้คว่ำ อย่าให้กูเจออีกนะ ” เราคิดละว่ามันต้องมีอะไรแน่ๆเราจึงบอกเพื่อนๆว่า” เอาน่า ไม่เป็นไรก็ดีละ เก่งก็ใจเย็นๆ ไปๆทำกับข้าว เตรียมของ เตรียมเพลง แยกย้ายๆ “ เรารีบบอกเพื่อนๆแต่ตัวเราเองนี่สิกังวลกับการเที่ยวของพวกเราในครั้งนี้มาก

                  หลังจากที่กับข้าวเสร็จ พวกเราก็จัดปาร์ตี้กันอย่างสนุกสนาน เหตุการณ์ก็ปกติ จนกระทั่ง “ พวก เล่าเรื่องผีกัน “ ปุ๊กกี้พูดขึ้น เรารีบบอกเลย ไม่ๆๆๆ แต่คนอื่นๆเหมือนจะเห็นด้วยแล้วให้เราเล่าเป็นคนแรก เราปฏิเสธไป พวกมันจึงข้ามไปที่คนอื่น เพื่อนๆก็พากันเล่าไปเรื่อยๆ จนมาถึงเก่ง เราสังเกตว่าเก่งนั่งเงียบ เกร็งๆผิดปกติตั้งแต่เพื่อนคนแรกคือแอนท์เริ่มเล่าละ ซึ่งปกติเก่งจะเป็นคนโวยวายๆ เสียงดัง เก่งดื่มเหล้าจนหมดแก้ว ขยับนั่งตัวตรงน่านิ่งๆแล้วพูดว่า “ พวกตั้งใจฟังเรื่องนี้ดีๆนะ มีกลุ่มเพื่อน 11 คน มาเที่ยวที่บ้านแพแห่งนึง ตั้งแต่มาก็เจอเรื่องแปลกๆตลอด แต่มันเริ่มเมื่อมีผู้ชายคนนึงยืนเยี่ยวแล้วหันหน้าไปทางศาลด้วยความคึกคะนอง เพื่อนๆก็ต่างเจอเรื่องแปลกๆกัน ตกเย็น มารวมตัวกันนั่งเล่าเรื่องผีกัน ระหว่างที่เริ่มเล่า ผู้ชายคนนั้นที่ไปยืนเยี่ยว ก็เห็นผู้หญิงคนนึง ตัวดำ บวม เหมือนศพขึ้นอืด ยืนอยู่ข้างหลังเพื่อนที่นั่งกดโทรศัพท์อยู่ แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น ปลาไหลไหลออกจากตาผู้หญิงคนนั้นทั้งสองข้าง ผู้ชายคนนั้นนั่งมองไม่สามารถหันไปทางอื่นได้ ก่อนผู้หญิงคนนั้นจะหายไป ได้พูดพร้อมชี้หน้าผู้ชายคนนั้นว่า ลบหลู่กู เจอดีแน่ “ เก่งยกขวดเหล้าขึ้นมากระดก จนเพื่อนต้องห้าม พวกเราทุกคนมองหน้ากันก่อนที่ บอลจะพูดขึ้นว่า “ไอ้เก่ง แต่งเรื่องเก่งสมชื่อนะอ่ะ ไม่มีเรื่องเล่าก็บอกพวกกูดีๆ “ เพื่อนก็ต่างเออ ออ ไปกับบอล

                   เก่งก็เอาแต่นั่งเงียบแล้วยิ้มๆไม่พูดจาอะไร พวกเราก็นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยต่อไป เราเดินออกมาคุยโทรศัพท์นอกวงเพื่อน พอหันหลังกลับมา แทบทรุดลงตรงนั้น ผู้หญิงคนนั้นค่ะ เค้าขี่คอเก่งอยู่ เค้ามองมาทางเราแล้วหัวเราะ เรากลัวมาก เราเอามือจับตะกรุดท่องคาถาที่พระอาจารย์ให้มา ก่อนเค้าจะหาย เค้าพูดบางคำออกมา ซึ่งไม่มีเสียงแต่เราอ่านจากรูปปากได้ว่า ตาย ตาย ตาย 3 ครั้ง แล้วหายไป เรารีบเดินไปหาเก่ง เก่งหันหน้ามาหาเรา เก่งหน้าซีดมาก เราบอกให้เก่งออกมาคุยกับเราตรงหน้าบ้าน เราถามเก่งว่าเป้นอะไร มีอะไรจะบอกเรามั้ย เก่งกอดเราแน่นแล้วบอกว่า “ ช่วยกูด้วย เมื่อกี้กูเห็นขาคนเหมือนมาขี่คอกู แล้วกระซิบข้างหูกูว่า ตาย ตาย ตาย 3 ครั้ง กูไม่ไหวแล้ว กูขอโทษ กูไม่รู้ว่าทำอะไรลงไป “ เราบอกเก่งต่อว่า “ตั้งสติดีๆนะ แล้วอย่าบอกนะที่เล่าว่ามีคนไปยืนฉี่แล้วหันหน้าไปทางศาลนั่นคือ” เราพูดจบเก่งกอดเราแน่นกว่าเดิม แล้วพยักหน้า

               เพื่อนๆเห็นเก่งกอดเราก็แซวกัน หาว่าเรากับเก่งชอบกันนู่นนี่โน่น จนเราพาเก่งเดินมาในวงเพื่อน แล้วพูดขึ้นว่า “ พวกมุงฟังกูนะ รู้ใช่มั้ยว่ากูสามารถสื่อสารกับสิ่งที่มองไม่เห็นได้ได้ ตอนนี้สิ่งที่พวกเราเจอมาทั้งหมด ไม่ใช่เรื่องปกตินะ เรื่องที่เก่งเล่าก็เป็นเรื่องจริงและตอนนี้กูว่าเค้าแค้นมากแล้วแหละ “ หลังจากที่เราพูดจบ ปุ๊กกี้ พูดขึ้นว่า” กูจะเล่าไรให้ฟัง ตอนที่พวกมุงนั่งเรือกลับมาจากไปตามเจ้าหน้าที่ให้ไปช่วยพวกไอ้เจมส์ กูเห็นผู้หญิงกระโดดลงจากเรือพวก “ (ตอนนั้นปุ๊กกี้และเจตอยู่ที่บ้าน) จ๋าพูดต่อว่า “ตอนที่ไอ้เจมส์จอดรถถามทาง กูมองไม่เห็นเลยนะเว้ยมามันคุยกับผู้หญิง แต่กูเห็นเด็กคนนึง น้องมันมองมาทางกูแล้วส่ายหน้าเหมือนไม่อยากให้ไป แต่กูกลัวไงเลยปรับเบาะลงแล้วหันไปซุกไอ้แอนท์” พวกเราจะเอาไงกันดีวะ พวกเราจึงตกลงกันว่าพรุ่งนี้จะรีบกลับกันโดยไม่รอเช็คเอ้าท์ตอนเที่ยง พวกเรานั่งล้อมวงกัน อยู่ดีๆพายก็ถามเจมส์ขึ้นมาว่า “ เออ ไอ้เจมส์ ทำไมมาจองที่นี่วะ ทำไมไม่จองบ้านบนบก กูสังเกตละนี่มีบ้านเราหลังเดียวเลยนะเว้ยที่อยู่กลางน้ำและไกลจากบนบกด้วย” เพื่อนๆต่างก็เออ ออ ในคำถามของพาย เจมส์ตอบกลับมาว่า “มันถูกไง แล้วตอนกูโทรมาถามเจ้าหน้าที่บอกมีที่นี่แหละ” บ้านขนาดนี้ ราคาแค่นี้ ต้องมีอะไรแน่ๆ พายพูดต่อ

              พวกเราทุกคนต่างปรึกษากันว่าจะเอายังไงกันต่อ แต่ในขณะนั้น “ ไอ้เก่ง!!!!” บอลตะโกนขึ้นพร้อมกับชี้ลงไปในน้ำ พวกเราทุกคนมองตามไป เก่งอยู่ในน้ำค่ะและกำลังจะจมน้ำ เจมส์ บอล เจต รีบลงไปในน้ำเพื่อช่วยเก่งขึ้นมา เก่งอยู่ห่างออกไปจากบ้านประมาณ 3 เมตร แต่เราสังเกตว่าเพื่อนสามคนว่ายน้ำไม่ถึงตัวเก่งสักที แต่ที่เราช็อคกว่านั้น ผู้หญิงคนนั้นค่ะ เค้าอยู่กับเก่ง เค้าเอาเท้าสองข้างขึ้นไปเหยียบบนบ่าเก่งเค้านั่งบนบ่าของเก่งเหมือนนั่งยอง มือจับหัวกดลงไป เราทนไม่ไหวตะโกนขึ้น “ พวกมุงกลับมา “ มันอยู่กับเก่ง เรากลัวว่าเพื่อนอีกสามคนจะพลอยเป็นอะไรไปด้วย ในพริบตา เก่งหายลงไปในน้ำ เพื่อนทั้งสามคนขึ้นฝั่งมาทุกคนหอบ เหนื่อยมาก บอกเป็นเสียงเดียวกันว่าว่ายยังไงก็ไม่ถึงตัวเก่ง ทั้งๆที่อยู่ห่างกันแค่นี้ พวกเรารีบโทรขอความช่วยเหลือจากเจ้าหน้าที่ ไม่ถึง 5 นาทีพวกพี่เขาหน้าตาตื่นกันมา พวกเราเล่าเรื่องทั้งหมดให้พี่เจ้าหน้าที่คนนึงฟัง พี่เค้าจึงพูดกับเพื่อนๆที่เป็นเจ้าหน้าที่ของเขาว่า “ ใครเป็นคนรับจองบ้านหลังนี้วะ กูว่าแล้ว เอาอีกแล้วไง “ พี่เขาพูดจบหันมาบอกพวกเราว่า” น้องๆรอที่นี่ “

              หลังจากนั้น พวกพี่ๆเขาก็ช่วยกันดำน้ำหาเก่ง ประมาณครึ่งชั่วโมง ก็ไม่มีวี่แววว่าจะเจอ ตอนนั้นเป็นเวลาตีสองเกือบๆตีสามได้ อยุ่ดีๆเสียงแอนท์กรี๊ดขึ้น พวกเรามองหาก็ไม่เจอ เกี๊ยวเลยตะโกนถามว่าแอ้นท์อยู่ไหน แอนท์ตอบว่า “กูอยู่บนห้องชั้น 2 กูอยู่กับไอ้เก่ง”พวกเรารีบวิ่งขึ้นไปหาแอ้นท์ ภาพที่เห็นคือแอนท์ยืนตัวสั่นอยู่น่าประตู แต่เก่งค่ะ เก่งมานอนอยู่ตรงนี้ได้ไง แล้วที่พวกเราเห็นล่ะ พวกเราลืมประเด็นนี้กันไปเลย เรา เจมส์ เนย รีบวิ่งไปดูเก่งในขณะที่แอนท์เล่าทั้งน้ำตาว่า “กูขึ้นมาว่าจะมาชาร์ทแบตโทรศัพท์ กูเห็นไอ้เก่งนอนอยู่ แต่มีผู้หญิงคนนึง เอาเท้ากระทืบปากไอ้เก่งแล้วก็หัวเราะ พวกกูไม่อยู่แล้ว กูไม่ไหว” เพื่อนๆต่างพากันช่วยปลอบแอ้นท์ แต่สิ่งที่ทำให้พวกเรารู้สึกตกใจมากกว่าเรื่องแอนท์คือ เราค่อยเรียกเก่ง เก่งลุกขึ้นมาพร้อมกับเลือดที่เต็มปาก เก่งฟันหลุด 3 ซี่ บน 2 ล่าง 1 พวกเรารีบไปหาอุปกรณ์ต่างๆมาเช็ดเลือด หาน้ำมาให้เก่งบ้วนปาก หลังจากนั้นพวกเราพาเก่งลงมาข้างล่าง มาเจอพวกพี่ๆเจ้าหน้าที่ยืนรอที่หน้าบ้าน พี่เค้าเห็นสภาพเก่งเลยเข้ามาถามว่าสรุปคือยังไง แล้วคนที่ให้หาคือคนไหน เราบอกพี่เค้าไปว่า ขอโทษนะคะพี่ พอดีเรื่องมันแปลกมากๆค่ะ พวกหนูทุกคนเห็นจริงๆว่าเพื่อนจมน้ำ แต่ไม่รู้เพื่อนไปนอนข้างบนได้ยังไง

              พวกพี่เค้าเรียกพวกเรามานั่งที่กลางบ้าน แล้วให้พวกเราเล่าให้ฟังให้หมด เราเป็นคนเล่า หลังจากเรียบเรียงเรื่องเล่าให้พี่ๆฟัง เค้าก็มองหน้ากัน แล้วหันมาถามเก่งว่า แล้วน้องไปนอนข้างบนยังไง เก่งพูดไม่ได้เพราะเจ็บปาก แต่ส่ายหน้าไปมา เหมือนจะบอกว่าไม่รู้ พี่เค้าจึงบอกว่า นี่ก็จะเช้าแล้ว พรุ่งนี้เช้ารีบเก็บของออกจากที่นี่เก็บของเสร็จโทรหาพวกผม พวกผมไปเตรียมอะไรบางอย่างก่อน พูดจบพวกพี่ๆเขาก็ขึ้นเรือไป พวกเรารีบเก็บของกับโดยเร็วไม่ถึง 15 นาทีทุกคนพร้อมมากที่จะออกจากที่นี่ พวกเรานั่งรวมกลุ่มกันโดยที่ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ บรรยากาศเงียบสงัด ได้ยินเสียงจิ้งหรีดร้อง มันน่ากลัวแบบบอกไม่ถูก เรารอจนหกโมงเช้า จึงรีบโทรหาพี่เจ้าหน้าที่ พวกพี่ๆเค้าให้เรารอที่บ้านก่อน บอกว่าเราต้องทำอะไรบางอย่างถึงจะออกจากที่นี่ได้ พวกเราตอนนั้นต่างหวาดระแวงกันไปหมด เพื่อนผู้หญิงเริ่มร้องไห้กันด้วยความกลัว จนกระทั่งพวกพี่ๆเค้ามาถึงจึงพาพวกเราไปทำอะไรบางอย่าง และเช่นกันพวกเราทุกคนได้รู้เรื่องอะไรบางอย่างจากปากเจ้าหน้าที่ ที่ทำให้พวกเราไม่มีวันลืม

           พี่ๆเจ้าหน้าที่มาถึงจึงบอกให้พวกเราเอาของวางไว้บนบ้าน แล้วขึ้นเรือเพื่อที่จะข้ามไปอีกฝั่งที่มีศาลไม้หลังนั้นอยู่ หลังที่ลำเลียงพวกเราขึ้นฝั่งมาจนครบ พี่ๆเขาแจกธูปพวกเราคนละ 1 ดอก และพาพวกเรากล่าวคำขอขมา พวกเรากล่าวยังไม่ทันจบเราได้ยินเสียงเด็กกระซิบข้างๆหูว่า “ พี่รีบกลับเถอะ แม่หนูดุ “ เรารีบหันไปเพื่อที่จะหาต้นเสียงนั้น แต่ไม่เจอ อยู่ดีๆ เกี๊ยวกรี๊ดขึ้นแล้วดิ้นไม่หยุด เพื่อนๆต่างจับไว้ พี่เจ้าหน้าที่คนนึงเขาพูดกับเกี๊ยวว่า “ ปล่อยพวกเค้าไปเถอะ เอาลูกตัวเองไปคนเดียวแล้วยังไม่พอเหรอ “ เกี๊ยวหัวเราะชอบใจ แต่ไม่พูดอะไร เรารีบเอาตะกรุดที่คอมาสวมให้เกี๊ยว สักพักเกี๊ยวสงบลงแล้วก็ร้องไห้ออกมาเกี๊ยวโผลกอดเรา ตัวสั่น เรารู้เลยว่าเกี๊ยวกลัว เราบอกเกี๊ยวว่า “ อย่าพึ่งพูดอะไรนะ เราเข้าใจ ขึ้นรถค่อยว่ากัน “ เพื่อนๆทุกคนต่างไม่มีใครถามอะไรเพราะคงไม่มีใครอยากได้ยินคำตอบ ณ ตอนนั้น พี่ๆเค้าก็ให้พวกเราพูดตามต่อจนจบ หลังจากนั้นพวกเรารีบลุกขึ้นเพื่อที่จะกลับไปเอากระเป๋าและเดินทางกลับ พี่ๆเจ้าหน้าที่พาเพื่อนๆขึ้นเรือไปส่ง เรา เแอ้นท์ เจมส์ พาย ยืนรอที่ฝั่ง เพื่อรอเรือกลับมารับ

          เรามองไปที่เพื่อนๆ และแล้วเราก็เจออีกจนได้ ผู้หญิงคนนั้น เค้าเกาะหลังเก่ง แล้วหันหน้ามาให้เรา ตอนนั้นเก่งเอาแต่นั่งก้มหน้า พี่ๆเจ้าหน้าที่กลับมารับเรากับเพื่อนๆที่เหลือพวกเราหยิบกระเป๋าเตรียมของเรียบร้อย ก็ขึ้นเรือเพื่อที่จะไปฝั่งที่ต้องกลับบ้าน พี่ๆเจ้าหน้าที่ก็ลำเลียงพวกเราขึ้นฝั่ง เมื่อถึงฝั่ง เจมส์เดินไปเช็คเอ้าท์ พวกเรารออยู่บนรถตู้ เพื่อนผู้ชายบางคนไปยืนสูบบุหรี่นอกรถ เราเห็นพี่เจ้าหน้าที่คนนึง เค้ามองมาที่รถพวกเราอย่างไม่ละสายตา เราจึงตัดสินใจเดินลงไปถาม เพื่อนๆเห็นเราไปก็วิ่งตามกันมา เราถามพี่คนนั้นว่า “ พี่คะ ไหนๆก็ไหนๆละ บอกพวกหนูหน่อยได้มั้ย ว่าที่พวกหนูเจอคืออะไร “ พี่เค้าพูดเหมือนจะไม่บอกพวกเรา บอลยื่นเงินให้พี่เค้า 500 เป็นอันรู้กันว่าเพื่ออะไร พี่เค้าจึงเล่าให้ฟังว่า “ เมื่อหลายปีมาแล้วตรงฝั่งนั้นจะมีบ้านคนประมาน 3-4 หลัง และที่ศาลนั้นเมื่อก่อนมีบ้านหลังนึงซึ่ง แต่ก่อนเคยเป็นบ้านของครอบครัวๆนึง ที่อยู่บนฝั่งที่ศาลตั้งอยู่ ที่มีพ่อ แม่ และลูก อยู่มาวันนึงผู้เป็นพ่อหนีไปมีคนอื่น แม่เสียใจมาก จึงทำให้กินยาฆ่าตัวตาย แต่ไม่เป็นอะไร เพราะมีคนไปเห็นและช่วยไว้ทัน เนื่องจากคนลูกวิ่งไปขอความช่วยเหลือ หลังจากคนเป็นแม่ฟื้นขึ้นมา ก็เป็นเหมือนคนสติไม่ดีและหวงลูกมากกลัวจะไปจากตนอีก และจะเกลียดผู้ชายทุกคน รวมทั้งไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับลูกตัวเองและไม่ชอบให้ลูกตัวเองไปเล่นกับใคร วันนึง มีคนมาเล่นกับลูกของตัวเอง ด้วยความที่หวงลูกมากและไม่อยากให้ลูกไปจากตนอีก จึงทำให้คนเป็นแม่จับเด็ก มัดมือ มัดเท้าแล้วโยนลงแม่น้ำแห่งนี้ เพราะด้วยอาการทางจิตจึงทำให้ทำแบบนี้ ทำให้เด็กคนนั้นจมน้ำตาย เมื่อเห็นว่าลูกตัวเองแน่นิ่ง ก็เอาศพลูกตัวเองมาไว้บนบ้านทำเหมือนปกติ จนชาวบ้านได้กลิ่นเหม็นเน่า และไม่เห็นเด็กออกมาเล่นจึงบุกเข้าไปดูและเห็นศพเด็กเน่าเฟะอยู่บนเตียง ชาวบ้านจึงพากันไปช่วย อยู่ดีๆผู้เป้นแม่ก้ตะโกนว่า ลูกแม่!!! แล้ววิ่งลงน้ำไปเหมือนจะไปช่วยลูก และจมน้ำเสียชีวิตไป

            หลังจากนั้น คนเป็นพ่อก็กลับมาที่บ้านจัดงานศพลูกและเมียของตัวเองแต่อยู่ได้แค่วันเดียวก็วิ่งหนีไปเหมือนคนกลัวอะไรสักอย่าง ชาวบ้านจึงพากันจัดงานศพให้สองแม่ลูกตามมีตามเกิด หลังจากนั้น เมื่อเริ่มมีการสร้างรีสอร์ทนี้ เวลามีคนมาพักแล้วมองไปที่อีกฝั่งซึ่งจะเป็นบ้านที่มีแต่ต้นไม้ปิดบัง ก็ต่างคอมเม้นท์ว่า บรรยากาศมันน่ากลัวไม่น่ามาอีก เจ้าของรีสอร์ทจึงตัดสินใจปิดปรับปรุงรีสอร์ท และได้ทำการรื้อถอนบ้านหลังนั้น เนื่องจากเป็นที่ของตน ที่ซื้อมาจากญาติๆของคนเป็นแม่อีกที หลังจากนั้นเจ้าของก็ต้องเจอเรื่องแปลกๆ เมื่อลูกสาวอยู่ดีๆก็วิ่งลงน้ำไปเลยแต่ก็มีคนช่วยไว้ทัน จึงได้ปรึกษากันและสรุปว่า ให้สร้างศาลไม่ไว้ที่เดิมกับบ้านที่รื้อถอนมา เมื่อก่อนบ้านแพจะมีอยู่ 5 หลัง แต่เวลามีคนมาพักก็มักจะเจอเรื่องแบบนี้ ทางรีสอร์ทก็ทยอยเอาบ้านขึ้นฝั่ง จนเหลือหลังที่เรามาพักหลังสุดท้าย ทางรีสอร์ทมีโครงการว่าจะเอาขึ้นฝั่งในอีกสามวันข้างหน้า “ พี่เจ้าหน้าที่พูดจบพวกเราต่งมองหน้ากัน เรานี่ขนลุกไปทั้งตัว พวกเราจึงขอลากลับ ระหว่างที่พวกเรากำลังเดินกลับไปขึ้นรถตู้ พี่เจ้าหน้าที่คว้าแขนเราไว้ พร้อมกับบอกเราเบาๆว่า “ เค้าตามนะ เค้าตามน้องคนนั้นที่นั่งข้างหน้า “เรารีบหันไปหาคนที่นั่งข้างหน้า เห็นเก่งนั่งก้มหน้าอยู่ แต่ไม่เห็นผู้หญิงคนนั้น ก่อนเราจะขึ้นรถตู้

            เราตั้งจิตภาวนาหาน้องคนนั้น เราตั้งคำถามไปว่า “เพื่อนพี่จะเป็นอะไรไหม ช่วยพวกพี่ได้ไหม” เราได้ยินเสียงแว่วเข้ามาในหูว่า “หนูช่วยไม่ได้หรอก แม่เค้าจะเอาเพื่อนพี่มาอยู่ด้วย “ น้ำตาเราไหลไม่หยุด เราทำได้แค่ขึ้นไปบนรถตู้ เพื่อนๆถามว่าเป็นอะไร เราได้แต่บอกไปว่า ไว้ถึงค่อยคุยกัน “ หลังจากนั้นพวกเราไม่มีใครหลับเลย ทุกคนนั่งเงียบกันตลอดทาง เก่งก็นั่งก้มหน้าอยู่อย่างนั้นไม่พูดไม่จากับใคร จนมาถึงกรุงเทพ เรื่องที่พวกเราไม่อยากให้เกิดขึ้นมันก็เกิดขึ้นโดยที่พวกเรายังไม่ทันได้ตั้งตัว

             หลังจากมาถึงกรุงเทพเราทุกคนก็แยกย้ายกันกลับบ้าน เรา แอ้นท์ จ๋า เกี๋ยวกลับทางเดียวกัน เราเรียกแท็กซี่เพื่อกลับบ้าน ระหว่างที่อยู่บนรถ แอ้นท์พูดขึ้นว่า “ พวกมุงพรุ่งนี้ว่างกันมั้ย กูอยากไปทำบุญว่ะ “ พวกเราทุกคนต่างเห็นด้วยและตกลงจะไปกันที่วัดชื่อดังแห่งนึงย่านพระโขนง เรากลับถึงห้อง เหนื่อยและเพลียมาก เราจึงล้มตัวลงนอนบนเตียงและหลับไป แต่เรากลับฝันว่า เก่ง ยืนตัวเปียกอยู่ปลายเตียง ร้องไห้ เราถามอะไรก็ไม่พูด มองมาที่เราแล้วเอาแต่ร้องไห้อยู่อย่างนั้น เรากำลังจะลุกเดินเข้าไปหาเก่ง แต่มีมือมาดึงเราไว้ เราหันไปเป็นเด็กคนนั้นค่ะ เค้าดึงเราแล้วบอก พี่อย่าไป เราก็เลยถามว่า ทำไมล่ะ เค้าไม่ตอบแต่ชี้ไปที่เก่ง และภาพที่เราเห็นมันทำให้เราใจตกไปอยู่ที่ตาตุ่มเลยค่ะ ผู้หญิงคนนั้น เค้าจิกหัวเก่งแล้วลากไปกับพื้น เก่งเหมือนจะเรียกเรา แต่ไม่มีเสียงเลย เราร้องเรียกเก่งสุดเสียงแล้วสะดุ้งตื่น คว้าโทรศัพท์โทรหาเก่ง แต่เก่งไม่รับสาย เรากดวางสาย แอ้นท์โทรเข้ามาหาเราเสียงตกใจมากแล้วบอกว่า “ ไอ้ที แม่เก่งโทรไปหาไอ้เจมส์ ถามว่าไอ้เก่งกลับรึยัง อยู่กับมันมั้ย เพราะล่าสุดแม่มันโทรหามันบอกแม่มันว่า กลับแล้ว มันไปไหนวะ “ เรารีบบอกแอ้นท์ไปว่า ไปรวมตัวกันบ้างเก่ง ทุกคนโทรบอกเพื่อนๆด้วย

             เรารีบเอากระเป๋าแล้วไปบ้านเก่งทันที ไปเจอแม่นั่งร้องไห้ เราถามแม่ว่าแม่เป็นอะไร แม่บอกว่า “เก่งโทรมาหาแม่ แล้วบอกว่า ม๊าเก่งไม่ได้อยู่กับม๊าแล้วนะ เก่งขอโทษ “แล้วสายก้ตัดไปโทรไปก็ไม่ติดอีกเลย พวกเราร้องไห้กันหมด ต่างก็คิดว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเก่ง ต่างก็พูดไปต่างๆนาๆ เราสิ เรารู้ดีที่สุดว่าต้องเกิดเรื่องร้ายๆกับเก่งแน่ๆ ตอนนั้นเป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง เราหันไปหาแอ้นท์ “ แอ้นท์ ไปวัดวันนี้เลย ไปกันเลย แม่คะ ขอวันเกิดและเวลาเกิดของเก่งหน่อยค่ะ “ แม่รีบให้มาพร้อมกับถามว่า ทำไมลูกเก่งเป็นอะไร  เราหันไปบอกเกี๊ยว จ๋า กับปุ๊กกี้ “ พวกมุงอยู่กับแม่นะ เล่าให้ฟังให้หมด กูคิดว่าแม่ต้องรู้ “ เพื่อนๆพยักหน้ารับ พวกเราที่เหลือรีบไปวัด พอไปถึง หลวงพ่อท่านมองมาในกลุ่มพวกเรา เอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้น เรายังไม่ทันพูดอะไร หลวงพ่อบอกให้ขึ้นไปคุยบนกุฏิ พวกเราก็ขึ้นไป พร้อมกับยื่นกระดาษ ที่มีวันเกิดเก่งอยู่ หลวงพ่อยังไม่ทันได้ดูสิ่งที่เขียนบนกระดาษ ท่านมองมาที่เรา แล้วส่ายหน้า พร้อมกับพูดว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดนะโยม เราจำได้ว่าร้องไห้ออกมา เราเสียมากๆ เจมส์กอดเรา ทุกคนรู้ว่าที่เราเป็นแบบนี้เพราะอะไร เราถามหลวงพ่อว่า “หลวงพ่อขา พวกหนูต้องทำยังไงต่อคะ หลวงพ่อท่านพูดมาประโยคนึงว่า “ ที่เดิมนะโยม “ แค่นั้นแหละค่ะเรารีบกราบลาแล้ววิ่งอย่างไม่คิดชีวิต เสียงเพื่อนๆเรียกกันใหญ่ เราหันไปบอกพวกมันว่า “ เก่งกลับไปที่รีสอร์ท “ เพื่อนๆวิ่งเร็วกว่าเราอีกค่ะ เพื่อที่จะไปเอารถที่จอดไว้
            พวกเราขับไปบ้านเก่ง ไปบอกเพื่อนๆที่เหลือ แม่เก่งเอาแต่ร้องไห้ สวดมนต์ พวกเรารีบขึ้นรถอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าไปที่รีสอร์ทนั้น ทุกคนบนรถต่างกระวนกระวายนั่งไม่ติด เพื่อนบางคนภาวนาขอให้อย่าเกิดอะไรขึ้นกับเก่ง บางคนพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างที่ความชุลมุนกิดขึ้นบนรถ สิ่งที่มาทำให้มันสงบลงได้คือ เมื่อมีสายสายนึงโทรเข้าเครื่องเจมส์ เจมสืมองไปที่หน้าจอแล้วบอกว่า “ พวก รีสอร์ทโทรมา “ พวกเราบอกให้รีบรับสาย พอเจมส์ ฮัลโหลคำเดียว มันเบรกรถ พวกเราแทบจะพุ่งออกหน้ารถ เจมส์ร้องไห้ แล้วพูดไม่เป็นภาษา เรที่นั่งอยู่ข้างๆคนขับ คว้าดทรศัพท์กับมือมาแล้วคุยกับปลายสาย และแล้วประโยคสนทนานั้น มันจะทำให้เราจำไปจนตาย พี่เจ้าหน้าที่บอกว่า เพื่อนของน้องที่เป้นผู้ชาย เค้ากลับมาที่รีสอร์ท บอกให้พากลับไปที่บ้านเพราะลืมของสำคัญ พอพี่เค้าพามันกลับไปและรอให้มันหยิบของเสร็จ จะพากลับขึ้นฝั่ง มันกลับกระโดดจากบ้านแล้วว่ายน้ำไปอีกฝั่งนึงที่มีศาล พร้อมกับตะโกนว่า กลัวแล้ว กลัวแล้ว ทันได้นั้นมันก็จมลงไปเหมือนมีคนลง ตอนนี้นักประดาน้ำกำลังหา แต่หาไม่เจอ สิ้นประโยค เราชาไปทั้งตัว เราหันไปบอกเจมส์ว่า “เก่งต้องไม่เป็นอะไร เราต้องรีบไปช่วยเก่ง “ เจมส์ปาดน้ำตาแล้วขับรถต่อ ขับเร็วมากแต่เราไม่คิดกลัวเลย เพราะห่วงเพื่อนมากกว่า

              เราเล่าให้เพื่อนๆฟัง ทุกคนร้องไห้เป็นห่วงเก่งกันทั้งนั้น ไม่นานพวกเราก็ถึง ต่างวิ่งไป แต่ภาพที่เห็นคือ พี่นักประดาน้ำ เจอเก่งพอดี และได้นำร่างอันไร้วิญญาณของเก่งขึ้นมาจากน้ำ ในมือเก่ง มีพวงมาลัย 1 พวง ปากของเก่งเต็มไปด้วยเลือด เจ้าหน้าที่กู้ภัยก็ไม่ทราบว่าเลือดที่ออกออกมาได้ยังไงและเพราะอะไร พวกเราร้องไห้ ใจจะขาดให้ได้กับภาพที่เห็น แต่สิ่งที่ทำให้เราทั้งโกรธ ทั้งแค้น นั่นคือ เรามองไปที่ศาล เราเห็นแม่ลูกคู่นั้นยืนอยู่ เราสาปแช่งออกไปอย่างไม่รู้ตัว เจตดทรหาแม่ของเก่งและบอกข่าวร้ายที่สุดนี้ให้แม่เก่งฟัง

         ตัดเรื่องมาที่งานศพเก่งเลยนะคะ พวกเรามีการเชิญพระไปเชิญวิญญาณจากที่นั่นเรียบร้อย งานศพเก่งผ่านไปได้ดี จนวันสุดท้ายที่จะเผา พวกเรามานั่งคุยกัน เกี๊ยวพูดขึ้นว่า “ พวกมุงจำวันที่กูผีเข้าได้มั้ย มุงรู้มั้ย ว่าวันนั้น ผู้หญิงคนนั้นมันพุ่งมาหากู หน้ามันดำมาก เหี่ยว ตาถลนออก กูจำได้ว่ากรี๊ดสุดเสียงแล้วหลับไป “ เราคิดอะไรได้บางอย่างเลยบอกเพื่อนๆว่า พวกมุง ไปหาหลวงพ่อกัน เพือ่นๆไม่รอช้า รีบตามเราไป พอไปถึง เรากราบหลวงพร้อมกับเล่าให้ฟังทั้งหมด และรวมกับสิ่งที่เห็นวันสุดท้าย คือสองแม่ลูกยืนอยู่กันแค่สองคน แต่ถ้าเราคิด เราคิดว่าเค้ามาเอาวิญญาณเก่งไป ทำไมไม่เห็นเก่งอยู่กับเค้า หลวงพ่อตอบว่า “ เพื่อนโยมดวงถึงฆาตอยู่แล้ว แต่เพราะความอาฆาตของผีตนนั้น เพื่อนโยมถึงมีจุดจบที่ไม่ดีแบบนี้ “ พวกเราคลายความสงสัย พวกเรากราบลาหลวงพ่อแล้วลงไปเข้าพิธีฌาปณกิจศพของเพื่อนด้วยความโศกเศร้า และงานก็จบไปได้โดยที่พวกเราไม่มีใครสัมผัสถึงเก่งได้เลย
 
" หลับให้สบายนะเพื่อน มุงจะอยู่ในใจกูตลอดไป"

ปล.ตอนนี้รีสอร์ทนั้นเค้ารีโนเวทใหม่แล้วนะคะ น่าไปมาก แต่คงไม่น่าไปอีกสำหรับพวกเรา ที่รีสอร์ทจ่ายค่าทำศพให้เก่งทั้งหมดเพื่อขอให้ปิดข่าวนี้เ)นความลับค่ะ

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและรอจนจบนะคะ

จากพันทิป อาฆาต
เรื่องโดย ของเล่นสีชมพู

ไม่มีความคิดเห็น