สางเขียว


      "สางเขียว" เรื่องหลอนจากนักเล่าแห่งพันทิปสมาชิกหมายเลข 2227735 ผู้มีลีลาในการล่าเรื่องอย่างมีสยอง คืออะไรอย่างมีสยอง อยากให้ท่านได้รับชมเรื่อง "สางเขียว" เพื่อหาคำตอบว่า "สางเขียว" คืออะไรและน่ากลัวอย่างไร ขอขอบคุณสมาชิกพันทิปหมายเลข 2227735 สำหรับเรื่องสยองของเขาไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ดิฉันมีเรื่องสั้นๆมาเล่าให้ฟังค่ะ
เพราะเมื่อไม่นานมานี้ ดิฉันพึ่งได้ฟังเรื่องเล่าจากสามี
ที่มันเป็นคำตอบ ของข้อสงสัยที่ดิฉันเก็บไว้มานาน

ดิฉันมีสามีทำงานรับราชการ เขาจะไปอบรมทางราชการอยู่บ่อยๆ
จึงมีเพื่อนมากหน้าหลายตา หลายจังหวัด เป็นเรื่องปกติ
และบ่อยครั้ง สามีของดิฉันก็ไปแวะเยี่ยมสังสรรค์กับเพื่อนใหม่ๆบ้าง
หรือไปต่างจังหวัดบ้าง ก็มีเป็นครั้งคราไป

ครั้งนี้ก็เหมือนกัน
สามีดิฉันมาชวนดิฉัน ไปบ้านเพื่อนเขาคนหนึ่งที่ต่างจังหวัด
สามีบอกว่า เพื่อนๆเขาจะนัดไปสังสรรค์กันหน่อย สักประมาณ เจ็ด แปดคน
แต่ยังขาดแม่ครัวฝีมือดี ก็เลยมาชวนดิฉันไปช่วยทำอาหารให้
ดิฉันก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไรไป
จนกระทั่งถึงวันเดินทาง

เราไปถึงบ้านเพื่อนของสามีกันก็ช่วงเย็นมากแล้ว
ที่นั่นเป็นบ้านพักราชการ ที่ปลูกห่างจากชุมชนพอสมควร
เรียกได้ว่า แทบจะอยู่ท้ายป่าหลังหมู่บ้านเลยทีเดียว
สภาพบ้านเป็นบ้านไม้สองชั้น ดูทรุดโทรม
ราวกับว่า ไม่มีใครอยู่มาก่อน
แต่รอบๆตัวบ้าน มีต้นไม้ใหญ่ปกคลุม หลายต้น ดูบรรยากาศครึ้มๆ
จนน่าขนลุก
หน้าบ้านมีแคร่เก่าๆตัวหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้ๆโคนต้นไม้ใหญ่

หลังจากที่สามีแนะนำเพื่อนๆของเขาให้ดิฉันรู้จักแล้ว
ภรรยาเจ้าของบ้านพักก็พาดิฉันไปดูที่พักและที่เก็บสัมภาระ
พอเข้าไปในบ้าน ถัดจากประตูหน้าบ้านไปก็จะเป็น ชุดเก้าอี้ไม้สำหรับรับแขก
มองไปทางด้านขวามือ จะมีโถงเล็กๆ ที่มีตู้เก็บของสูงเท่าเอว
วางกั้นอยู่ ระหว่างโถงรับแขก กับโถงเล็กๆด้านข้างนั้น
ภรรยาเจ้าของบ้านพัก พาดิฉันเดินเข้าไปในโถงเล็กๆที่ดิฉันเห็น
ดิฉันเดินตามไปแล้วก็ดูไปรอบๆแถวนั้น มองขึ้นไปบนเพดาน
น่าแปลกใจ ที่บ้านพักข้าราชการ ทำไมเขาทำฝ้าเพดาน ไว้สูงกว่าปกติ
จนมันดูแล้วรู้สึก โล่ง แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึก วังเวงไปด้วยในตัว
ยิ่งบวกกับช่วงเย็นๆแสงสว่างจากภายนอกเริ่มหดหายแล้ว
ก็ยิ่งชวนให้ดิฉันขนลุกขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ภรรยาเจ้าของบ้าน เดินไปเปิดหน้าต่าง ให้แสงเข้ามาตรงโถงนั้น
ดิฉันมองออกไปตรงหน้าต่างนั้น ก็มองเห็นรั้วหน้าบ้าน และลานหน้าบ้าน
พอดิฉันเดินออกไปดูตรงหน้าต่างใกล้ๆ มองไปด้านซ้ายมือ ก็เห็นต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง
เห็นพวกผู้ชายกำลัง ช่วยกัน หาม แคร่ไม้ ที่อยู่ใกล้ๆโคนต้นไม้นั้น มาตรงลานหน้าบ้าน
ภรรยาเจ้าของบ้าน บอกกับดิฉันว่า
ขอโทษด้วยที่ไม่มีเตียงรับรอง มีแต่ที่นอนปูนอนกับพื้นให้
เพราะเขาพึ่งย้ายเข้ามาอยู่กันวันนี้เป็นคืนที่สอง
อะไรอะไรก็เลยดูยังไม่เข้าที่เข้าทางเท่าไหร่

หลังจากเก็บสัมภาระแล้ว
ก็พากันไปดูที่หลังบ้าน เพื่อจะจัดเตรียมสิ่งของมาทำอาหารกัน
พอเปิดประตูหลังบ้านออกไป ก็ทำให้ดิฉันแทบช็อค
เพราะหลังบ้าน เป็นป่ารกมาก
สิ่งแรกที่คิดขึ้นมาในหัวตอนนั้น ก็คือ งู
เพราะดิฉันเป็นคนกลัวงูมาก  แต่ก็พยายามเก็บอาการไว้ ไม่ได้พูดอะไรออกไป

ตรงบริเวณหลังบ้าน มีหลังคาเป็นชายคายื่นออกไป เป็นเหมือนกันสาด
ที่พื้นเป็นพื้นปูน ผิวไม่ค่อยเรียบเท่าไหร่ แต่ก็มีรอยร้าวที่พื้นบ้างเป็นหย่อมๆ
ไม่ไกลจากประตูหลังบ้าน มีเตาถ่านเก่าๆ วางอยู่ข้างๆเตาแก๊ส
แล้วก็มีอ่างล้างจานแบบสำเร็จรูปเก่าๆ ที่เคลื่อนที่ได้ วางอยู่ไม่ไกลกัน
ดิฉันกับภรรยาเจ้าของบ้าน พากันเก็บกวาดตรงครัวหลังบ้านนั้นอยู่สักพัก
แล้วอยู่ๆก็มีเสียงตะโกนมาจากทางหน้าบ้าน

พอพากันเดินไปดู
ก็เจอกลุ่มสามีกับเพื่อนที่นั่งเล่นกันอยู่ตรงแคร่หน้าบ้าน ชี้มือไปที่รั้วหน้าบ้าน
พอมองไปก็เจอ ลุงแก่ๆกับสามล้อทรงโบราณ ที่มันมีหลังคากันแดดเหมือนในหนังย้อนยุค

เสียงภรรยาเจ้าของบ้าน ตะโกนออกไป บอกให้ลุงปั่นสามล้อเข้ามาเลย
พอลุงเข็นสามล้อเข้ามาที่หน้าบ้าน
ก็เห็นข้างในสามล้อลุงเต็มไปด้วยถุงผัก มะละกอ มะเขือเทศ แล้วก็พวกหมู พวกไก่
และเครื่องดื่มต่างๆ

ภรรยาเจ้าของบ้านก็เลยบอกให้ลุงขนมาไว้ด้านหลังในครัวเลย
ดิฉันก็เลยเข้าไปเตรียม พวกภาชนะที่จะเอามาใส่ผัก ล้างผัก แล้วก็ใส่พวกเนื้อหมู เนื้อไก่ในครัว
ลุงคนนั้นก็ทยอยขนของมาไว้ในครัว พอเจอดิฉันลุงแกก็ถามว่าจะให้วางตรงไหน
ดิฉันก็พยายามชี้ให้ลุงวางตรงใกล้ๆแถวนั้นก่อน
แต่สิ่งหนึ่งมันก็แว๊บขึ้นมา จนชวนให้ดิฉันต้องอดสงสัยไม่ได้
เพราะอาการของลุงคนนั้น ดูลนลานยังไงไม่รู้
เหมือนพยายามมองซ้ายมองขวา มองไปรอบๆราวกับคนตื่นกลัวอะไรบางอย่าง จนสังเกตเห็นได้ชัด
แล้วพอลุงขนของมาที่ครัว เที่ยวสุดท้าย
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง ภรรยาเจ้าของบ้าน ร้องเอะอะขึ้น
ดิฉันรีบวิ่งไปดู
เห็นแต่ลุงเดินหอบของเต็มสองมือ แต่ที่พื้น เหมือนมีถุงอะไรตกอยู่ที่พื้น
พอดิฉันเดินไปใกล้ๆ ถึงเห็นว่าเป็นถุงพวกเครื่องใน ตกแตกอยู่ที่พื้นมีเลือดกระจายอยู่ที่พื้นพอสมควร
ลุงรีบเดินอุ้มของไปเก็บในครัว ภรรยาเจ้าของบ้าน รีบเดินไปหลังบ้านหาอะไรมาใส่ของที่ตกเกลื่อน
วินาทีนั้นเอง อยู่ๆดิฉันก็ได้กลิ่นคาวเลือดที่พื้นคลุ้งมาเตะที่จมูกดิฉันอย่างแรง
แล้วก็รู้สึกเหมือน มีอะไรเย็นๆเคลื่อนที่ผ่านตัวดิฉันไป
มันเย็นวาบแล้วก็หายเย็น แบบเหมือนสิ่งนั้นมันเคลื่อนที่ผ่านไป
แล้วก็รู้สึกเหมือนมีใครยืนมองดิฉันอยู่ตรงชานพักบันใด จนดิฉันอดไม่ได้ที่จะต้องหันไปมอง
พอหันไปมองแล้วก็เห็นแค่บันใดทางขึ้นไปชานพักที่ว่างเปล่า
ภาพแสงสลัวสลัวตรงทางขึ้นบันไดทำให้ดิฉันขนลุกซู่ขึ้นมาทันที
รู้สึกกลัวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

แล้วภรรยาเจ้าของบ้านก็ถือหม้อแขก เดินมา พร้อมกับลุงสามล้อคนนั้น
พอมาถึงลุงแก ขอโทษ  ดิฉัน ขอโทษภรรยาเจ้าของบ้าน ที่แกทำถุงเครื่องในตกพื้น
แกจะช่วยพวกเราเก็บ แต่ภรรยาเจ้าของบ้าน บอกไม่ต้องหรอกลุงเดี่ยวเราจัดการเอง
แล้วลุงก็ก้มตัวโค้งของโทษพวกเราอยู่หลายรอบ
จนดิฉันสังเกตเห็นว่าตอนลุงก้มลงของโทษพวกเรา ตาลุงแอบมองไปชานพักบันใด
ราวกลับว่ามองใครอีกคนอยู่ตรงนั้น
แล้วก็รีบลนลาน ขอตัวกลับทันที

หลังจากพากันทำกับข้าวในครัวอยู่พักใหญ่
เพื่อนๆของสามีก็เริ่มทยอยมากันทีละคนสองคน
บางคนก็มาช่วยยกพวกโต๊ะ เก้าอี้ และพวกเครื่องดื่มต่างๆ ไปจัดไว้อยู่แถวลานหน้าบ้าน
บางคนก็มาช่วยจัดไฟส่องสว่าง ให้ส่องไปถึงบริเวณที่กลุ่มเพื่อนและสามีนั่งคุยกันอยู่

พอเริ่มมืด ภรรยาเจ้าของบ้าน เริ่มเปิดไฟในบ้าน
ก็ทำให้ดิฉันประหลาดใจเล็กน้อย เพราะไฟส่วนใหญ่จะเป็นแสงสีส้ม
ทำให้บรรยากาศในบ้าน เหมือนมันไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่ ดูขมุกขมัวยังไงไม่รู้
สงสัยดิฉันอาจจะยังไม่ชินกับแสงชนิดนี้
พอเริ่มสักทุ่มหนึ่ง เพื่อนๆของสามีก็มากันจนครบแล้ว แปลกมากที่ไม่มีใครพาภรรยามาเลย
ก็เลยทำให้ทั้งบ้านมีแค่ดิฉันกับภรรยาเจ้าของบ้านเท่านั้นที่เป็นผู้หญิง
หลังจากทยอย ยกอาหารไปให้แล้ว ดิฉันกับภรรยาเจ้าของบ้านก็นั่งเล่นกันอยู่แถวๆม้านั่งใกล้ๆตัวบ้าน
นั่งรับประทานอาหารกันไปบนโต๊ะเล็กๆ ปล่อยให้สามีเขาได้สังสรรค์กันอย่างเต็มที่ตามประสาพวกผู้ชาย
และคอยดูว่ามีอะไรที่จะต้องช่วยเติมไหม

จนเวลาผ่านไปเกือบๆสามทุ่ม อยู่ๆก็รู้สึกว่า อากาศมันเย็นยะเยือกขึ้นมา จนร่างกายสะท้าน
ต้องรีบเอามือมาลูบที่แขนทั้งสองข้าง
พอนึกได้ว่า ถ้าดึกไปกว่านี้อากาศจะยิ่งหนาว ดิฉันก็เลยขอตัวไปอาบน้ำก่อน
ภรรยาเจ้าของบ้านก็เลยนั่งรออยู่หน้าบ้าน
ดิฉันเข้าไปเอาเสื้อผ้าและก็ผ้าขนหนู ที่เตรียมมา แล้วเดินไปเข้าห้องน้ำ
พอเข้าไปในห้องน้ำไฟในห้องน้ำเป็นไฟแบบหลอดกลมๆแสงสีส้ม เลยทำให้ในห้องน้ำไม่ค่อยสว่างเท่าไหร่
อารมณ์เหมือนจุดเทียนอาบน้ำเลย
ข้างๆประตูมีอ่างเก็บน้ำ เป็นอ่างปูนสี่เหลี่ยมใหญ่ๆมีน้ำอยู่เต็มอ่าง
พอตักน้ำขึ้นมาล้างหน้า รู้สึกเลยว่าน้ำมันเย็นมาก เหมือนกับคนเอาน้ำแข็งมาแช่ไว้เลย
พอเปลี่ยนมาใส่กระโจมอก แล้วเริ่มตักน้ำมาราดตัว ก็ทำให้ดิฉันถึงกับตัวสั่นเกร็งขึ้นมาด้วยอาการหนาวสะท้าน
พอขันที่สอง ยิ่งหนาว รู้สึกเลยว่า หูดิฉันมันลั่น ดัง แกร๊ก แกร๊ก เลย
แล้วช่วงที่กำลังฟอกสบู่ไปตามแขน อยู่ๆดิฉันก็ได้ยินเสียง โซ่ ดัง ก๊องแก๊ง ก๊องแก๊ง
คล้ายๆคนจับโซ่ขยับไปมา พอดิฉันได้ยินก็รีบหยุดฟังให้แน่ใจ หรือหูเราจะฝาดที่มันลั่นดังแกร๊กๆเมื่อกี้
แต่พอนิ่งรอฟังอยู่ไม่นาน แล้วดิฉันก็ได้ยินเสียง คล้ายๆโซ่ลากไปกับพื้น ดัง ครืด อย่างแรง
จนทำให้ดิฉันสะดุ้งเฮือก  รีบมองขึ้นไปบนเพดานห้องน้ำ ตามเสียงที่ได้ยิน
ลักษณะมันเหมือนเป็นเสียงโซ่ตรวนใหญ่ๆมีน้ำหนัก ดังอยู่ข้างบนชั้นสอง
แล้วก็ได้ยินเหมือนโซ่กระทบกัน ก๊องแก๊ง ก๊องแก๊งอีก
จนดิฉันต้องรีบเปิดประตูห้องน้ำวิ่งออกมา
แล้วค่อยๆเดินไปเเหงน มองตามเพดาน ที่เป็นพื้นชั้นสอง
มองหาว่าเสียงมันมาจากชั้นบนหรือเปล่า
แต่ก็เงียบ ไม่มีเสียงโซ่นั้นอีก
ดิฉันยืนมองอยู่ตรงนั้นซักพัก ก็ตะโกนถามขึ้นไป  นั่นใคร ใครอยู่ข้างบน
แต่ก็เงียบไม่มีอะไรตอบกลับมา
ตาก็มองไปที่เพดานตรงนั้นด้วยความสงสัย
แล้วอยู่ๆก็มีเสียงหนึ่ง ดังขึ้น
มายืนทำอะไร
ดิฉันสะดุ้งไปทั้งตัว ใจหายวาบ อย่างคนไม่ทันตั้งตัว
มองไปอีกที เห็นแต่ภรรยาเจ้าของบ้านเดินมาจากตรงโถงหน้าบ้าน
ดิฉันก็เลย เอ็ดภรรยาเจ้าของบ้านไป
โหย.. ตกใจหมดเลย มาไม่ให้ซุ่มให้เสียง
เขาก็ถามดิฉันว่า มายืนตัวเปียกอะไรอยู่ตรงนี้
ดิฉันก็รีบกระซิบถามภรรยาเจ้าของบ้านทันที
ว่าข้างบนมีใครอยู่ไหม
ภรรยาเจ้าของบ้านก็บอกว่า ไม่มีนี่ ทำไมหรือ
เท่านั้นแหละ ดิฉันขนลุกซู่ตั้งแต่แขนไปจนถึงแผ่นหลัง
แล้วก็รีบ บอกให้ภรรยาเจ้าของบ้านยืนอยู่หน้าห้องน้ำเป็นเพื่อนหน่อย
แล้วดิฉันก็รีบเข้าไปอาบน้ำต่อ
เสียงภรรยาเจ้าของบ้าน ชวนดิฉันคุยอยู่หน้าห้องน้ำ
พยายามถามว่า มีอะไรหรือ ทำไมถึงถามว่ามีใครอยู่ข้างบนไหม
ตอนนั้นดิฉันกลัวมาก แต่ไม่รู้จะตอบไปแบบไหนดี
สุดท้ายก็เลย บอกว่า ไม่มีอะไร ถามเฉยๆ พอดีได้ยินเสียงตุ๊กแกมันร้องหน่ะ

หลังจากอาบน้ำเสร็จ ดิฉันรีบแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำ
ภรรยาเจ้าของบ้านพาดิฉันไปจัดเตรียมที่นอน ตรงโถงเล็กหน้าบ้าน
เขาเอาที่นอนออกมาจากตู้ใกล้ๆแถวนั้น  แล้วเราก็ช่วยกันปูเสื่อปูที่นอนกันจนเสร็จ
แล้วภรรยาเจ้าของบ้านก็เอามุ้งออกมา ช่วยกางมุ้งให้ดิฉัน
หลังจากนั้นก็ขอตัวไปอาบน้ำ
ดิฉันดึงแขนภรรยาเจ้าของบ้านไว้  ขอร้องให้เธอมานอนเป็นเพื่อนหน่อย
ส่วนบรรดาพวกผู้ชายให้เขาไปนอนรวมๆกันอยู่ตรงโถงรับแขกก็แล้วกัน
ภรรยาเจ้าของบ้านรับปาก ว่า
ได้ เดี๋ยวจะมานอนเป็นเพื่อน
หลังจากที่ภรรยาเจ้าของบ้านไปอาบน้ำ
ดิฉันก็ออกมานั่งเล่นตรงเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน
ดูกลุ่มพวกเพื่อนๆสามีนั่งคุยกัน สูบบุหรี่กันควันโขมง
แต่รู้สึกคนจะบางตาลง สงสัยคงขอตัวกลับกันไปบ้างแล้ว
มองไปที่แคร่ข้างๆโต๊ะที่พวกเพื่อนๆสามีนั่งกินกันอยู่
เห็นผู้ชายคนหนึ่งนอนราบไปกับพื้นแคร่
ดิฉันเลยลุกไปบอกสามี ว่า เพื่อนเขาเมาแล้วพาไปนอนข้างในบ้านดีไหม
นอนตรงนี้น้ำค้างมันลง เดี่ยวจะไม่สบายนะ
แล้วคนที่นอนอยู่ตรงแคร่ก็ลุกพรวดขึ้นมานั่ง แล้วก็หัวเราะ

เปล่าครับ ผมนอนนับดาวเฉยๆ ผมไม่ได้เมา

อ้าวแล้วกัน ดิฉันก็เลยพลอยทำให้ทุกคนขำออกมา ซะงั้น


หลังจากนั้นไม่นาน พอภรรยาเจ้าของบ้านอาบน้ำออกมา เสร็จ
ดิฉันก็ขอตัวไปเข้านอนก่อน
ทุกคนก็กล่าวราตรีสวัสดิ์กับดิฉัน แล้วก็บอกว่าไม่ต้องห่วงสามีหรอก
ถ้ามันเมาแล้วจะหิ้วปีกไปส่ง

พอสวดมนต์เข้านอนเสร็จ ด้วยความเพลียจากการเดินทาง
จึงทำให้ดิฉันพอหัวถึงหมอนก็หลับไปทันที
มารู้ตัวกลางดึก ตอนรู้สึกหนาวๆ แล้วพยายามจะดึงผ้าห่มมาห่ม
พอลืมตาตื่นขึ้น ก็เห็นในห้องปิดไฟจนมืด มีแค่แสงสลัวจากภายนอกลอดเข้ามา
ตามช่องหน้าต่างบ้าง ช่องกระจกบ้าง
ดิฉันลุกขึ้นพยายามจะดึงผ้าห่มที่อยู่ปลายเท้า
แล้วก็ได้ยินเหมือนมีเสียงใครพูดอะไรดังแว่วเข้ามาจากข้างนอก
เป็นเสียงเหมือนคนเมา พูดแบบลิ้นพันกัน

ยิ้มหน่อยซิจ๊ะ ยิ้ม ยิ้ม..

พอดิฉันได้ยินก็นึกในใจ ป่านนี้แล้วยังไม่เลิกกินกันอีกหรือนี่

แล้วพอดิฉันหันไปมองภรรยาเจ้าของบ้านที่นอนอยู่ข้างๆ เท่านั้นแหละ
ดิฉันก็ถึงกับตกใจ จนเกือบจะร้องเสียงดังออกมา
เฮ้ย.. ทำไมสามีเรามานอนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่

พอดิฉันตั้งสติได้ ก็อดสงสัยไม่ได้
อ้าวแล้วข้างนอกนั้น มีใครยังดื่มกันอยู่อีก
ด้วยความสงสัย ดิฉันก็เลยคลานไปทางปลายเท้าแล้วก็เปิดมุ้ง
คลานออกไปตรงริมหน้าต่าง แล้วก็เอื่อมมือไปแง้มบานหน้าต่างให้อ้าออกช้าๆ
จนเห็นเป็นช่องพอมองลอดไปได้
ดิฉันก็ค่อยๆชะโงกหน้าเข้าไปแอบดูใกล้ๆ
พอมองออกไปตรงลานหน้าบ้าน ก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งหลับอยู่ที่เก้าอี้
พอกวาดสายตาไปทางต้นไม้ใหญ่
เท่านั้นแหละ ขนหัวดิฉันก็ลุกตั้ง เสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันที
เมื่อมองเห็นผู้ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนแคร่
แล้วมีผู้หญิงผมยาวลากพื้น กำลังขี่คอผู้ชายคนนั้นอยู่

ดิฉันรีบก้มหัวลง จะร้องก็ไม่กล้าร้อง
รีบหันหลัง คลานกลับไปตรงมุ้ง
พอจะเปิดมุ้งขึ้น หางตาดิฉันก็เหมือนเห็นอะไรอยู่ตรงมุมชุดรับแขกมืดๆ
พอมองไป ก็เห็นคล้ายๆมีอะไรนั่งอยู่ตรงชุดรับแขก เป็นร่างดำทะมึน
แล้วเท้าดิฉันก็เย็นเฉียบขึ้นมาทันที ราวกับว่า จะมีมืออะไรมาจับที่เท้าดิฉัน
จนทำให้ดิฉันรีบพุ่งตัวเข้าไปในมุ้ง เอาผ้าห่มคลุมโปงทั้งตัว
พลางกัดฟันตัวเองไว้ไม่ให้ร้องออกมา


หลังจากกลับมาจากต่างจังหวัดครั้งนั้น
ดิฉันก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้สามีฟัง
เพราะดิฉันคิดว่า มันอาจจะเกิดจากความกลัวของดิฉันเองก็ได้
ถึงได้ทำให้เห็นอะไรพวกนั้น
แต่ไม่นานหลังจากนั้น หนึ่งเดือนผ่านไป
สามีดิฉันก็มาบอกข่าวร้ายว่า เพื่อนเขาที่อยู่ที่บ้านหลังนั้นได้เสียชีวิตแล้ว
ก่อนจะไปงานศพเพื่อนคนนั้น สามีก็เล่าให้ฟังว่า
คืนก่อนจะรู้ว่าเพื่อนเสีย  เขาได้ฝันเห็นเพื่อนมาหา
แล้วมาบอกว่า จะแต่งงานใหม่เลยพาผู้หญิงมาแนะนำให้รู้จัก
แต่ในฝันจำได้ว่าผู้หญิงคนนั้นผมยาวมาก แทบจะถึงพื้นเลย
พอสามีดิฉันเล่าจบ มันก็ทำให้ดิฉันขนลุกขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
ภาพผู้หญิงผมยาวที่เห็นในคืนนั้น แว๊บขึ้นมาในหัวดิฉันทันที

แต่ดิฉันก็ไม่กล้าเล่าเรื่องผู้หญิงผมยาวในคืนนั้นให้สามีฟัง
จนกระทั้งเวลาผ่านไปหลายปี
ดิฉันก็ได้แต่เก็บงำความสงสัยในสิ่งที่ดิฉันเห็นนั้นไว้กับตัวมาตลอด
ว่าสิ่งที่เราเจอมันใช่จริงหรือ

จนเมื่อไม่นานมานี้
อยู่ๆวันหนึ่ง สามีก็ได้มาเล่าให้ฟังว่า เขาได้รู้จักกับเพื่อนข้าราชการคนหนึ่ง
เพื่อนคนนั้นได้มาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับประวัติบ้านหลังนั้น
ว่าครั้งหนึ่งเขาก็เคยถูกย้ายให้ไปพักที่บ้านหลังนั้น
และมีเรื่องราวแปลกๆเกิดขึ้นมากมายภายในบ้าน
จนถึงขั้นภรรยาตัวเองกลายเป็นคนเสียสติไปเลย
เขาเลยไปถามชาวบ้านแถวนั้น
ชาวบ้านแถวนั้นจึงเล่าให้ฟังว่า

เดิมบ้านพักหลังนั้นเป็นบ้านพักของข้าราชการผู้ใหญ่ ท่านหนึ่ง
อาศัยอยู่กับภรรยาเพียงสองคน แต่ทั้งคู่ไม่มีลูกด้วยกัน วันหนึ่งก็เลยเอาหลานผู้หญิงมาเลี้ยงเหมือนลูก
ส่งเสียให้เรียนดีๆตั้งแต่เล็ก จ้างแม้กระทั้งครูมาสอนพิเศษทีบ้าน
แต่พอหลานใกล้จะโตเป็นสาว ก็เหมือนกับว่าไม่ตั้งใจเรียน ชอบเกเร ติดเพื่อน แล้วสุดท้ายก็เรียนไม่จบ
และเอาแต่เที่ยวเตร่ไปวันๆ

วันหนึ่งชาวบ้านก็ได้ยินผู้หญิงทะเลาะ เอ็ดตะโร กันเสียงดัง ออกมาจากบ้านพักหลังนั้น
คล้ายๆกับว่า ทะเลาะกันเรื่องห้ามไม่ให้หลานสาวไปเที่ยวกลางคืนอีก ถ้าไปเที่ยวอีกจะส่งกลับต่างจังหวัด
เสียงทะเลาะกันอยู่ครู่ใหญ่แล้วก็เงียบไป

และหลังจากเหตุการณ์นั้นไม่นาน ชาวบ้านก็ได้ยินข่าวว่า ภรรยาที่บ้านหลังนั้นเสียชีวิต
ข้าราชการผู้ใหญ่คนนั้น แจ้งกับทางวัดว่า ภรรยาเขาเสียชีวิตเพราะป่วยเรื้อรังมานาน
แต่ทางสัปเหร่อกลับออกมาเล่าให้ชาวบ้านฟังอีกอย่างหนึ่ง
จนชาวบ้านลือกันไปว่า ภรรยาเจ้าของบ้าน ตกบันใดคอหักเสียชีวิต

หลังจากที่ภรรยาเสียชีวิตไป
รู้สึกว่าข้าราชการคนนั้น จะหวงหลานสาวเป็นพิเศษ มีผู้ชายมาพูดด้วยกับหลานสาวไม่ได้จะดุดังลั่นตลอด

แต่แล้วไม่นานข้าราชการผู้ใหญ่คนนั้นก็ล้มป่วยลง
จนต้องนอนซมอยู่แต่ในบ้าน สามวันดีสี่วันไข้ ลางานเป็นพักๆ
มีครั้งหนึ่งถึงกับนอนซมจนต้องเรียกให้หมอมารักษาถึงที่บ้าน
หลังจากหมอหนุ่มมาดูอาการให้วันนั้นแล้ว
ไม่รู้ว่าคนไข้อาการหนักหรือเพราะอยากเห็นหน้าหลานสาวเจ้าของบ้าน
ดูเหมือน หมอหนุ่มจะแวะเวียนมาบ้านหลังนั้นบ่อยเป็นพิเศษ 

จนกระทั้งวันหนึ่ง ชาวบ้านก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันของคนในบ้านหลังนั้น ดังลั่นออกมาอีก
คล้ายๆ จับได้ว่า หลานสาวไปแอบมีอะไรกันกับผู้ชายในบ้านตัวเอง
มีการด่าทอกันรุ่นแรงถึงขั้นตัดญาติขาดมิตรกันเลย
ก่อนจะได้ยินเสียงผู้หญิงกรีดร้องออกมาจนสุดเสียง   แล้ว ทุกอย่างก็เงียบไป
หลังจากนั้น ชาวบ้านก็ไม่เห็นหลานสาวคนนั้น ออกมาจากบ้านอีก
จนชาวบ้านต่างสงสัยกัน หรือว่าท่านจะส่งหลายสาวตัวเอง กลับไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว

วันหนึ่ง มีคนเดินผ่านไปทางบ้านหลังนั้น แล้วก็ได้ยินเสียงคนลากโซ่ ครืน ครืน อยู่ในบ้าน
ชายคนนั้นคิดว่าตัวเองหูแว่วเลย หยุด มองไปที่บ้านหลังนั้น
เห็นบ้านหลังนั้นมีกุญแจคล้องโซ่ล็อคไว้ที่หน้าบ้าน ก็รู้ว่าไม่มีใครอยู่ในบ้าน
เลยเดินเข้าไปเกาะตรงรั้วบ้านชะเง้อมองหา ที่มาของเสียงโซ่ตรวน
แต่ก็เงียบ ไม่มีอะไร
ตั้งแต่วันนั้น หลังจากชายคนนั้นเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้เพื่อนฟัง
ชาวบ้านก็ลือกันไปอีกว่า ข้าราชการผู้ใหญ่คนนั้น จับหลานสาวตัวเอง ใส่โซ่ตรวนขังไว้ภายในบ้าน

พอเวลาผ่านไประยะหนึ่ง
หมอหนุ่มก็ยังแวะเวียนมาดูอาการของข้าราชการคนนั้น อยู่บ่อยๆ
แต่ไม่เพียงมาดูอาการเท่านั้นกลับนำเอาอาหารของฝากติดไม้ติดมือมาด้วย

แล้ววันหนึ่ง มีชาวบ้านเห็น หมอหนุ่มเข้าไปในบ้านหลังนั้นตอนเย็น แต่ก็กลับออกมาอีกทีตอนสว่างเลย
และในช่วงนั้นเองที่ หลานสาวของข้าราชการผู้ใหญ่ เริ่มออกมาให้คนแถวนั้นเห็น
จนชาวบ้านคิดว่า สงสัยอาการท่านจะหนักแล้วเลยให้หลานสาวกลับมาดูแล
นับจากวันนั้น ก็รู้สึกว่า หมอหนุ่มจะแวะไปค้างที่บ้านข้าราชการผู้ใหญ่คนนั้นแทบจะทุกคืนก็ว่าได้
จนชาวบ้านเข้าใจว่าหมอหนุ่มคงถึงขั้นตกล่องปล่องชิ้นกับหลานสาวเจ้าของบ้านแล้ว

ช่วงที่คบกันกับหมอคนนั้น หลานสาวได้แอบเอาพวกสร้อยทอง ของมีค่าต่างๆ ในบ้าน
มาขายให้กับคนในหมู่บ้าน อ้างว่าจะเอาเงินไปรักษาพ่อเลี้ยง
แต่ชาวบ้านเขากลับลือกันไปอีกอย่างว่า เธอเอาเงินทองเล่านั้นมาจับจ่ายฟุ่มเฟือยกับการแต่งตัว
แล้วก็เที่ยวกลางคืน

จนเวลาผ่านไป หลังจากที่เป็นแฟนกับหมอหนุ่มได้พักหนึ่ง
ความรักก็เริ่มจืดจาง นาน ๆ ทีถึงจะเห็นหมอหนุ่มแวะมาหาสักครั้ง

ไม่นานชาวบ้านแถวนั้นก็เห็น หลานสาวคนนั้น
พาหนุ่มอีกคนมาค้างที่บ้าน ในวันที่หมอหนุ่มไม่ได้มาหา
ทั้งสองแอบคบหากันอยู่พักใหญ่

แล้ววันหนึ่ง ความจริงก็ปรากฏ เมื่อหมอหนุ่มมาเจอหญิงสาวอยู่กับผู้ชายในบ้าน สองต่อสอง
จนเกิดการทะเลาะกันขึ้นภายในบ้าน เสียงดังระงมปนไปกับเสียงไอของข้าราชการผู้ใหญ่
ที่ลอยมากกับสายลม ยามค่ำคืน
จนชาวบ้านต่างเอือมระอากับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

หลังจากเหตุการณ์วันนั้น  ชาวบ้านก็ไม่ค่อยเห็นคนในบ้าน หรือหลานสาว ออกมาจากบ้านเท่าไหร่
คล้ายๆจะเก็บตัวกันอยู่เงียบๆ

กระทั่งเช้าวันหนึ่ง ก็มีชาวบ้านแถวนั้น มายืนมุงดูกันเป็นกลุ่มใหญ่  อยู่แถวรั้วหน้าบ้านพัก
เพราะมีคนพบศพหลานสาวคนนั้น ผูกคอตายห้อยโตงเตงอยู่ที่ต้นไม้หน้าบ้าน

เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบ หลังจากเอาศพหลานสาวเจ้าของบ้านลงมาจากต้นไม้ใหญ่
พอเข้าไปสำรวจในบ้านพัก ก็พบ ศพหมอหนุ่มนั่งตัวเขียวก้มหน้าอยู่ที่เก้าอี้รับแขกด้านหน้า
เมื่อขึ้นไปดูบนบ้าน ก็เจอข้าราชการผู้ใหญ่คนนั้น นอนตายตาถลน ที่คอมีรอยเขียวคล้ำ
ที่ขามีโซ่ตรวนลามไว้กับเสาบ้าน พอตรวจสอบสภาพศพ
ถึงรู้ว่า ข้าราชการผู้ใหญ่คนนั้นไม่มีลิ้น เหมือนโดนตัดลิ้นออกมาหลายเดือนแล้ว
และที่ข้อเท้าก็มีสภาพช้ำเลือดช้ำหนองจากการโดนรัดโซ่ตรวนมานาน

พอเล่ามาถึงตรงนี้ ดิฉันก็ตกใจมาก
โห จริงหรือนี่
เสียงโซ่ตรวนที่ดิฉันได้ยินนั่น  ก็คือเสียงโซ่ที่ลามข้าราชการผู้ใหญ่คนนั้นไว้หรอกหรือ
แล้วที่รู้สึกว่ามีคนมองดิฉันอยู่ตรงชานพักบันไดนั่น ก็ คือ... ภรรยาที่ตกบันไดลงมาคอหักตายหรือ
และเงาดำๆที่เห็นนั่งอยู่ตรงเก้าอี้รับแขก นั้นก็คือหมอหนุ่มคนนั้นเองหรือ
พอคิดขึ้นมาได้ ดิฉันก็ขนลุกซู่ขึ้นมาทั้งตัวทันที
ที่แท้ผู้หญิงผมยาวที่เห็นคืนนั้น ก็คือ หลานสาวที่ผูกคอตายตรงต้นไม้ใหญ่ข้างบ้านนั่นเอง
โหย ขนลุกเลยคะ

หลังจากผู้หญิงคนนั้นเสียชีวิต บ้านหลังนั้นก็ถูกใส่กุญแจปิดตาย
มีชาวบ้านที่สัญจรไปมาแถวนั้น ถ้าผ่านมาดึกๆ บางครั้งก็เห็นมีผู้หญิงผมยาว ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั้น

บางที่มีเด็กๆ รอดรั้วเข้าไปวิ่งเล่นกันรอบๆบ้านหลังนั้น
ช่วงโพล้เพล ก็เจอผู้หญิงผมยาวยืนมอง ลงมาจากหน้าต่างชั้นสอง
จนเด็กๆพากันกลัว วิ่งหนีกระเจิงแล้วมาเล่าให้พวกผู้ใหญ่ฟัง
พอชาวบ้านทราบข่าว เขาก็เลยห้ามไม่ให้เด็กๆไปวิ่งเล่นแถวนั้นอีก

แต่มีเหตุการณ์หนึ่งที่ทำให้คนแถวนั้นอกสั่นขวัญแขวน
มีหนุ่มต่างถิ่นมาทำงานที่นี้ใหม่ๆ เขารับจ้างปั่นสามล้อรับส่งคนไปทั่ว
วันหนึ่งปั่นสามล้อผ่านมาทางบ้านหลังนั้นช่วงพลบค่ำ
แล้วก็เจอผู้หญิงผมยาวคนหนึ่ง นั่งอยู่ที่แคร่หน้าบ้านใต้ต้นไม้ใหญ่
หนุ่มปั่นสามล้อคนนั้นไม่รู้เรื่องบ้านหลังนั้นมาก่อน
พอเห็นหญิงผมยาวโบกมือให้ ก็เลยจอดรถลงไปทักทาย
แล้วไม่นานหนุ่มปั่นสามล้อคนนั้นก็หายเข้าไปในบ้านหลังนั้นพร้อมกับผู้หญิงผมยาว
จนกระทั้งเช้าหนุ่มคนนั้นมารู้ตัวอีกที ก็พบว่าตัวเองติดอยู่ในบ้าน
หาทางออกไม่ได้ จนต้องร้องให้คนมาช่วย
พอชาวบ้านผ่านไปมาได้ยินเสียงคนร้องให้ช่วย จึงเข้าไปช่วยเหลือออกมา
ก็พากันฉงนว่า ประตูถูกปิดล๊อคโซ่จากภายนอกทั้งหมด หน้าต่างก็มีกรงเหล็กดัด
แล้วชายคนดังกล่าวเข้าไปอยู่ในบ้านได้อย่างไร

พอเหตุการณ์นั้นผ่านไป ชาวบ้านก็ไม่มีใครกล้าผ่านไปมาตามเส้นทางนั้นอีกเลย
ทิ้งเวลาทอดยาวไปหลายปี  ก็มีข้าราชการคนใหม่ย้ายมาอยู่บ้านหลังนั้น
แต่อยู่ได้ไม่นาน ก็ต้องมีอันเป็นไป ต้องลาออกจากราชการบ้าง หรือไม่ก็ป่วยบ้าง
บางรายถึงขั้นมีคนเสียชีวิตภายในบ้าน
สุดท้ายบ้านหลังนั้นก็เลย ถูกทิ้งไว้แบบนั้น จนแทบจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านร้างเลยก็ว่าได้

เรื่องราวก็มีอยู่แค่นี้แหละคะ
พอสามีเล่าจบ ดิฉันก็นึกอยู่ในใจ ถ้ารู้อย่างนี้ ดิฉันจะไม่ไปบ้านหลังนั้นเด็ดขาด
เพราะจนถึงทุกวันนี้ ภาพผู้หญิงผมยาวที่นั่งขี่คอผู้ชายคนนั้นอยู่ใต้ต้นไม้ ก็ยังติดตาดิฉันอยู่ไม่หาย
นึกขึ้นมาทีไร มันก็แทบจะทำให้ดิฉันไม่กล้าเดินไปไหนคนเดียวในที่มืดๆเลยคะ

ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านนะค่ะ ขอโทษด้วยที่อาจจะเล่าได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

จบบริบรูณ์

เรื่องจากพันทิป สางเขียว
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 2227735

ไม่มีความคิดเห็น