เจอผีในรีสอร์ท


     จากการเดินทางสุดสยองที่ผ่านมาจากเรื่อง เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ (ฉบับหลอน) กลับมาหลอนต่อในเรื่อง เจอผีในรีสอร์ท ภาคจบของเรื่องสยองนี้ โดยสมาชิกพันทิปหมายเลข 2227735 ขอขอบคุณไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ความเดิมตอนที่แล้ว
เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้ (ฉบับหลอน)

หลังจากสิ้นเสียงพวกเรากรีดร้องอย่างตกใจแล้ว
ทุกอย่างก็มืดสนิท
ใจผมเต้นแรงจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น ตุ๊บตุ๊บ ตุ๊บตุ๊บ

แล้วอยู่ๆ ก็มีแสง แสงหนึ่งเกิดขึ้น อยู่ตรงกลางห้อง
พร้อมๆกับ เสียงร้อง  แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู  แฮปปี้เบิร์ดเดย์ทูยู  แฮปปี้เบิร์ด...

ผมยืน งง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
อะไรนี่
แล้วไฟในห้องก็เปิดสว่างขึ้น
เห็นเพื่อนๆ เดินเอาเค้กมีเทียนปักตรงกลางหนึ่งเล่ม ตรงมาทางผม

อ้าว... ผมพูดขึ้น แบบ ไม่ทันตั้งตัว

เพื่อนๆร้องเพลงจนจบ  แล้วก็ เฮกันด้วยความสะใจ
ที่ เซอร์ไพรส์วันเกิดผมได้เป็นผลสำเร็จ
ผมขอบคุณเพื่อนๆทุกคน
หลังจากผ่านพิธีเล็กๆน้อยๆในการอวยพรวันเกิดผม
เราก็แบ่งเค้กกินกัน

หลังจากนั้นพวกเราทุกคนก็ออกมานั่งดืมกันต่อที่แคร่ไม้ด้านนอก
คุยกันไปนั่งชมบรรยากาศใต้แสงจันทร์กันไป
จนกระทั่งเริ่มดึก กลุ่มผู้หญิงเขาก็ขอตัวไปอาบน้ำเข้านอนกัน
ก็เหลือแต่กลุ่มผู้ชาย ที่ยังนั่งคุยกันต่อ
พอเริ่มจะเที่ยงคืน เพื่อนคนหนึ่งก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อน
แล้วจะออกมาดื่มต่อ
มันหายไปครู่ใหญ่ แล้วอยู่ๆมันก็รีบวิ่งออกมาจากบ้าน นุ่งผ้าเช็คตัวผืนเดียว
หอบเอาเสื้อผ้าแนบ อก ร้องดังลั่น วิ่งมาทางเรา

เพื่อนก็รีบถามมัน เป็นไร ร้องเอะอะทำไม

เพื่อนมันก็บอกว่า เฮ้ย.. ไม่ไหวแล้วกู.. กู..

เพื่อนคนนั้นวิ่งมานั่งลงที่แคร่ หันหลังชนกับเพื่อนในกลุ่ม ตามองไปทางบ้านพักไม่ละสายตา
พูดติดๆขัดๆ

เพื่อนๆก็ต่างสงสัยกัน  แกเป็นอะไรวะ
ผมมองไปเห็นแต่เพื่อนคนนั้นนั่งตัวสั่น หายใจหอบๆ
เหมือนกำลังตั้งสติ

พอมันตั้งสติได้ มันก็พูดขึ้น  เพื่อน.. กูคิดว่ากูเจอผีว่ะ
เท่านั้นแหละ เพื่อนก็ร้อง  เฮ..ขึ้นพร้อมกัน

นั้นไง แกเมาแล้วเพื่อน

เพื่อนๆก็ต่างแซวกันใหญ่

เพื่อนคนนั้นก็บอกว่า กู.กู..ไม่ได้เมาโว้ย.. ก็เจอจริงๆ

หลังจากนั้นมันก็เล่าให้พวกเราฟังว่า
มันเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ ทุกอย่างก็ปกติดี
แต่พออาบเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ มาเปิดตู้เสื้อผ้าจะเอาเสื้อมาใส่
พอเปิดตู้ มันก็เห็นร่างคนเอาผ้าขาวคลุมตั้งแต่หัวถึงเท้า นั่งขดอยู่ในตู้เสื้อผ้า
พอเห็นตอนแรกก็ตกใจ แต่มันก็นึกขึ้นมาได้ว่า เพื่อนคงมาแกล้งหลอกมันให้ตกใจ
มันก็เลยรีบปิดตู้ แล้วก็รีบดันไว้ กะแกล้งคืน แบบว่าทำเหมือนล็อคตู้ไว้ไม่ให้ออก
แต่ข้างในตู้กลับเงียบ ไม่มีเสียงอะไรตอบกลับออกมา
มันก็เลยค่อยๆเปิดตู้ดู ปรากฏว่า ไม่มีใครอยู่ในตู้เลย
พอมันเห็นแบบนั้น มันก็รีบหอบเสื้อผ้าวิ่งออกมาอย่างไม่คิดชีวิต

พอเราได้ฟังมันเล่า ถึงกะขนลุกเลยทีเดียว
แต่เพื่อนบางคนก็ บอกไม่เชื่อ บอกว่ามันคงอำให้พวกเรากลัว
ก็เลยมีการท้ากันเกิดขึ้น

ถ้าเอ็งไม่เชื่อ เอ็งกล้าไปอาบน้ำในบ้านนั้นคนเดียวเหมือนข้าไหมหละ

เพื่อนคนหนึ่งก็เลยรับคำท้า
จิ๊บๆ เรื่องแค่นี้ อำข้าไม่ได้หรอกเพื่อน  พอดีเลย ข้าเหนียวเนื้อเหนียวตัวอยู่พอดี
เดี่ยวข้าจะเข้าไปพิสูจน์ให้ดูว่ามันไม่มีอะไร

ว่าแล้วเพื่อนคนนั้นก็ลุกจากแคร่ แล้วก็เดินดุ่ยๆ ตรงไปที่บ้านพักทันที

พวกเราได้แต่มองตามหลังมันไป แบบ งง ๆ
หลังจากมันเข้าไปในบ้านแล้ว
พวกเราก็หันมามองหน้ากัน
เพื่อนคนที่ไปอาบน้ำมา ก็รีบใส่เสื้อผ้าอยู่ตรงแคร่นั้น
แล้วก็บอกให้พวกเราช่วยก่อไฟให้มันหน่อย มันหนาวมาก
ตัวมันสั่นไม่หยุด
ผมมองไปที่แขนมัน เห็นผิวมัน อย่างกะหนังไก่
เพราะขนมันลุกตั้ง จนรูขุมขนมันนูนเหมือนหนังไก่

เรานั่งดื่มกันต่อ พยายามหาเรื่องคุยกันใหม่ ที่ไม่ใช่เรื่องผี
แล้วอยู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเพื่อนร้องลั่นอยู่ในบ้านพักหลังนั้น

ช่วยกูด้วย ช่วยด้วย

แล้วก็ได้ยินเสียง ทุบประตู ปัง ปัง

พวกเรากำลังจะวิ่งไปช่วยมัน
แต่ก็เห็นมันรีบเปิดประตูออกมาก่อน วิ่งตรงมาทางพวกเรา
พอมาถึงพวกเรา มันก็รีบกระโดดขึ้นมานั่งบนแคร่
ร้องเอะอะ ไม่เป็นภาษา
สภาพมันคือ ใส่แต่กางเกงยีน ไม่ใส่เสื้อ
นั่งเอาหน้าซุกหลังเพื่อนคนหนึ่งอยู่

พวกเราก็รุมถามมัน เฮ้ย.. เป็นอะไร เอ็งเห็นอะไร

เพื่อนคนนั้นก็เอาแต่ร้องโวยวาย ฟังไม่ได้เรื่องได้ราวเท่าไหร่
จนสักพัก รอมันสงบสติอารมณ์ได้
มันก็เลยเล่าให้พวกเราฟังว่า

พอมันเข้าไปในบ้าน มันก็ไปเอาเสื้อผ้าที่จะเปลี่ยน เข้าไปในห้องน้ำด้วย
แล้วก็อาบน้ำตามปกติ
พอมันอาบน้ำเสร็จ มันก็ใส่กางเกง แล้วก็ยืนส่องกระจกอยู่ตรงอ่างล้างหน้า
พอมันยืนนิ่งๆนานๆ ไม่ได้เคลื่อนไหว ไฟในห้องน้ำมันก็ดับเอง
มันก็เลยพยายามเอามือปัดไปปัดมาในอากาศ
เพื่อให้โดนเซ็นต์เซอร์ ไฟจะได้ติด แต่ไฟก็ไม่ติด
มันก็เลยมองไปที่ประตูห้องน้ำที่มันเป็นกระจกขุ่นๆ
เห็นแสงไฟข้างนอกเปิดอยู่ปกติ
แล้วอยู่ๆมันก็เห็นเหมือนร่างคนค่อยๆเดินผ่านหน้าห้องน้ำช้าๆ
สภาพคือ เหมือนคนเอาผ้าคลุมตั้งแต่หัวจรดเท้า
เหมือนพวกศพที่ถูกห่อด้วยผ้าห่อศพยังไงหยั่งงั้นเลย
พอร่างนั้นเดินผ่านประตูไปทางหน้าบ้าน
มันก็รีบเปิดประตูห้องน้ำวิ่งออกมา
มองไปในห้อง ไม่เจอใครเลย มันก็เลยรีบวิ่งมาเปิดประตู แต่ก็เปิดไม่ออก
จนต้องร้องให้พวกเราไปช่วย
มันถึงเปิดประตูได้  แล้วก็รีบวิ่งออกมา

พอเพื่อนเล่าจบ
พวกเราก็ได้แต่มองหน้ากัน
ผมชักใจหวิวๆ แล้วซิ่



คราวนี้ตาใครไปวะ

เพื่อนคนหนึ่งพูดขึ้น
เหลือผมกับเพื่อนคนที่พูดนั้นแหละ  ที่จะต้องไปพิสูจน์ต่อ

ผมก็เลยบอกว่า เอ็งไง
เพื่อนคนนั้นทำท่าตกใจ เล็กน้อย
ก่อนลุกขึ้น เก้ๆกังๆ แบบ งง ๆ
แล้วก็พูดว่า  เพื่อน ถ้ากูร้องแล้ว รีบมารับกูเลยนะ

แล้วเพื่อนมันก็เดินไปทางบ้านพักนั้นช้าๆ
พวกเราก็ได้แต่มองตามมันไป ไม่คลาดสายตา
ทำไมครั้งนี้มันดูลุ้นจังวะ
พอเพื่อนเข้าไปในบ้าน
พวกเราก็หันกลับมา มองหน้ากัน

เพื่อนคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า มันจะมีครั้งที่สามไหม เอ็งว่า
เพื่อนคนหนึ่งก็บอกว่า ถ้ามีก็ถือว่าเฮี้ยนมากหละ

พอพวกเราหันกลับไปที่บ้าน
ก็เห็นประตูเปิดออก แล้วก็เห็นเพื่อนเดินออกมา

อ้าว ทำไมมันอาบเร็วจัง

พอเพื่อนคนที่สามที่เข้าไปในบ้านเดินมาถึงพวกเรา
ผมก็ถามว่า  อ้าวทำไม เสร็จเร็วจังเฮ้ย

เพื่อนคนที่สามก็หัวเราะแหะ แหะ
ข้าเข้าไปในบ้านแล้ว เดินไปหยิบผ้าขนหนูในกระเป๋า
แล้วมันรู้สึกเหมือนมีคนมองอยู่ตลอดเวลาเลย
ข้ากลัว ก็เลยรีบออกมาก่อน

พอได้ยินเพื่อนพูด  จบ
เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
โห  ป๊อด ว่ะเอ็ง  ยังไม่ทันไรเลย

เพื่อนคนที่สามที่เข้าไปในบ้านก็เลยบอกว่า ก็ข้ากลัวนี่หว่า

แล้วทุกคนก็พากันเงียบ นั่งมองไปที่บ้านหลังนั้นไม่มีใครพูดอะไร
แล้วก็มีเสียงเสียงหนึ่งในกลุ่ม พูดมาทางผม

เอ้า...คราวนี้ตาเอ็งแล้ว

ผมลุกขึ้นจากแคร่ มองไปที่เพื่อนสามคนที่มันนั่งเบียดกันราวกับว่า อากาศมันหนาวนักหนา
ในใจผมก็คิด
มันต้องรวมหัวแกล้งอะไรเราอีกแน่ๆ
แล้วผมก็เดินไปทางบ้านพัก
พอเดินไปได้สี่ห้าก้าว เพื่อนก็ร้องเรียกผม

เฮ้ย..เดี๋ยว

ผมหันกลับไป  เพื่อนคนนั้นก็พูดว่า
เอาเสื้อมาให้กูด้วย กูหนาว..

ผมไม่ได้ตอบอะไรหันกลับมาเดินไปที่บ้านหลังนั้นต่อ


พอถึงหน้าบ้าน ผมก็เปิดประตูเข้าไปช้าๆ
ข้างในบ้าน เปิดไฟทิ้งไว้ แถมยังเปิดแอร์ไว้ซะเย็นเฉียบอีก
พอปิดประตูได้ ผมก็มองไปรอบๆห้อง
แล้วก็คิดอยู่ครู่หนึ่ง

ไอ้พวกนี้  มันจะแกล้งอะไรเราวะ

พอคิดได้ผมก็รีบไปสำรวจหน้าต่าง  แหวกม่านออก
แล้วก็ดูว่าได้ล๊อคกลอนหรือยัง
ผมเดินกลับมาที่ประตูแล้วก็รีบล๊อคลูกบิด

หึ หึ พวกเองอย่าหวังจะเข้ามาได้ง่ายๆ งานนี้แกล้งข้าไม่หมูหรอกโว้ย

จากนั้นผมก็รีบไปสำรวจตู้เสื้อผ้า ไม่มีใครมาหลบอยู่นะ
พอไม่เห็นมีใครอยู่แถวหน้าห้องน้ำ
ผมก็ เดินมานั่งที่ขอบเตียง  แล้วก็คิดอีก มันจะซ่อนตัวได้ตรงไหนอีกไหม
พอนึกขึ้นได้อีก
ผมก็กระโดดลงจากเตียง นอนคว่ำหน้าราบไปกับพื้น
พยายามมอง ลอดเข้าไปใต้เตียง ว่ามีใครมาซ่อนอยู่ไหม
แต่ใต้เตียงมันเป็นฐานเตียงแบบตัน ไม่มีช่องว่างให้ลบได้

อืม ดูครบ ทุกจุดแล้ว ไม่น่าจะมีอะไร ตรงไหนพ้นหูพ้นตาเราได้แล้วนะ

ผมก็เลยลุกขึ้นมา  ไปนั่งตรงหัวเตียง หยิบรีโมททีวีมาเปิดทีวี
พอทีวี มีเสียงดังออกมา ก็รู้สึก

อืม .. ค่อยยังชั่วหน่อย  ไม่วังเวงแล้ว

ผมก็เปิดทีวีดูไป ส่วนใหญ่จะเป็นรายการเพลงซะมากกว่า
ก็เลยนั่งเปิดหา รายการข่าวอะไรดูสักพัก
จนลืมตัวไปเลย มัวแต่หาช่องทีวี ที่จะดู
แล้วก็รู้สึกหนาวขึ้นมา จนตัวผมสั่นเอง

อ้าว .. ลืมปรับแอร์  แม..่ง  เปิดซะยี่สิบองศาเลย ไม่หนาวได้ไง

พอปรับแอร์ลงมาให้มีอุณหภูมิพอเหมาะแล้ว นั่งดูทีวีอยู่พักหนึ่ง
ผมก็เลยจะไปอาบน้ำ  แต่ก็เปิดทีวีไว้เป็นเพื่อนแบบนั้น

พอหยิบเสื้อผ้า ผ้าขนหนูเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำ
เริ่มเปิดฝักบัวอาบน้ำ อยู่ๆก็เหมือนได้ยินเสียงคน เรียกผม
แต่มันก็มีเสียงทีวีดังแทรกกันอยู่

ผมก็เลยเงี่ยหูฟัง ใครเรียกเรา
แต่ก็ได้ยินแค่เสียงทีวี
พออาบน้ำไปได้สักพักก็ได้ยินเหมือนมีเสียงคนเรียกอีก
ผมก็ปิดฝักบัว ตั้งใจฟังอีก ว่ามีใครเรียกเราหรือเปล่า
คราวนี้ผมก็เลยเดินไปเปิดประตูห้องน้ำ โผล่หัวออกไปมองไปทางหน้าบ้าน
แล้วก็ตั้งใจฟัง ว่ามีใครเรียกเรา
แต่ก็ได้ยินแค่เสียงทีวี

ตอนนั้นก็นึกในใจ
555 พวกนั้นมันจะแกล้งเราอะซิ แต่มันเข้าบ้านไม่ได้ 5555555 สม

ผมก็เลยมาอาบน้ำต่อ
แล้วผมก็สระผม เอาแชมพูใส่ที่ผมแล้วก็เริ่มสระ
พอหลับตาสระผม ไปมาสักพัก
ทำไมพอหลับตาแล้วมันรู้สึก หวิวๆยังไงไม่รู้
ก็เลยรีบๆล้างแชมพูออก
พอลืมตาขึ้นมาได้ ปรากฏว่าไฟห้องน้ำมันดับ
ทำเอาผมตกใจ เล็กน้อย
แต่ก็มีแสงจากข้างนอกห้องน้ำผ่านตรงประตูอะคริลิคเข้ามาข้างใน
เลยทำให้ในห้องน้ำไม่มืดมากนัก
ผมก็เลยขยับตัวไปแถวๆกลางห้องน้ำ ไฟก็เลยติดสว่างขึ้น
พออาบน้ำเสร็จ ผมก็แต่งตัวในห้องน้ำ
ช่วงกำลังยืนส่องกระจกอยู่
อยู่ๆผมก็ได้กลิ่นแปลกๆ ลอยมาเตะจมูกอย่างแรง
มันเป็นกลิ่นเหมือน ซากอะไรเน่าๆ แบบเหม็นเป็นสาปๆ

เฮ้ย.. กลิ่นไรวะ

ผมพยายาม สูดหายใจ หาแหล่งที่มาของกลิ่น
ชะโงกหน้าไปที่อ้างล้างหน้าแล้วก็ดมกลิ่นดู
แต่ดูเหมือน กลิ่นนั้นมันจะคลุ้งไปทั่วห้อง จนจับไม่ได้ว่ามันมาจากไหน
ผมก็เลยเดินออกมาจากห้องน้ำ

ปรากฏว่ากลิ่นมันก็ไม่รุนแรงเหมือนอยู่ในห้องน้ำ

ผมก็เลยเดินกลับไปในห้องน้ำใหม่ อีกที
คราวนี้กลิ่นนั้นก็หายไปแล้ว

ผมก็ได้แต่ งงๆ  อืม บทจะหาย ก็หายไปดื้อๆ

พอเดินออกมาจากห้องน้ำผมก็มานั่งลงที่เตียง
เอาผ้าเช็ดหัวให้แห้ง แล้วก็ดูทีวีไปด้วย
นั่งพูดอยู่คนเดียว

ไอ้พวกปอดแหกเอ้ย ไม่เห็นมีอะไรเลย ทำเอาซะตกอกตกใจ

พอเช็ดผมให้แห้งแล้ว
ผมก็เลยลุกขึ้น จะออกไปหาเพื่อน
หยิบรีโมทมาปิดทีวี
พอทีวีปิดเป็นจอดำพรึ๊บลง
ผมก็มองเห็นเงาตัวเองสะท้อนอยู่ในจอทีวี
พอมองเข้าไปดูที่จอดีๆ ขนหัวผมก็ลุกตั้ง เย็นสันหลังว๊าบขึ้นมาสุดขีด
เมื่อเห็นร่างดำทะมึน นั่งอยู่ตรงขอบเตียงข้างหลังที่ผมยืนอยู่
ผมรีบหันกลับไปดูทีเตียง
เฮ้ย.. ไม่มี
แล้วก็หันกลับไปดูทีจอทีวีอีกครั้ง
เจอร่างไหม้เกรียมนั่งอยู่ที่ขอบเตียง ตาจ้องเขม็งงมาที่ผม
เท่านั้นแหละ ผมก็ร้องลั่นขึ้นทันที

ไอ้ เห..ีย.... .
กูไม่อยู่แล้ว

รีบวิ่งไปที่ประตู  เปิดลูกบิด อย่างเร็ว
แต่มันเหมือน เปิดไม่ออก
มือผมพยายามบิดลูกบิดไปมา
แต่ด้านหลังผมมันเย็นว๊าบๆ ขนลุกขนพองไปหมด
ผมเขย่าลูกบินไปมาให้มันรีบเปิด
พอเห็นว่าเปิดไม่ได้ ผมก็เลย รีบทุบประตู ปัง ปัง
ร้องบอกเพื่อน
เฮ้ย.. ช่วยกูด้วย  ช่วยกูด้วย
ผมรีบหันหลังไปมองในห้อง
ในห้องว่างเปล่าไม่มีอะไร มองไปที่เตียงก็ว่างเปล่า
แต่พอมองไปที่ ทีวี ก็ยังเห็นเงาสะท้อนของร่างนั้นนั่งอยู่ที่ขอบเตียง
แล้วมันก็ค่อยๆลุกขึ้น หันมาทางผม
เท่านั้นแหละ ร่างผมก็ทรุดลงกับพื้น หลังพิงประตู
หลับตา ร้องลั่น เฮ้ย.. ช่วยกูด้วย เร็วๆ
เร็วๆ  ช่วยกูด้วย


หลังจากที่ร้องให้เพื่อนมาช่วยผมอยู่ครู่หนึ่ง
พอลืมตาขึ้นก็ปรากกฏว่าในห้องมันมืดสนิท
เฮ้ย... ใครดับไฟ
วินาทีนั้น มันทำให้ผมขนลุกชูชันไปตามแผ่นหลัง รอบกายเย็นยะเยือกไปหมด
จนยิ่งทำให้ผมต้องรีบ ทุบประตู ให้เกิดเสียงดัง อย่างแรง
พรางร้องตะโกนลั่นจนสุดเสียง
แล้วผมก็เริ่มได้ยินเหมือนมีเสียง คนวิ่งมาที่ประตูกัน
เท่านั้นแหละผมก็รีบ ร้องบอกเพื่อน
เร็วๆเพื่อน  เร็วๆ..
แล้วลูกบิดก็ถูกจับหมุ่นจากภายนอก ดักแกร๊ก
ประตูเปิดอ้าออก
ผมมองไปที่หน้าประตู เจอคนวิ่งเข้ามาช่วยผมสองสามคน
พร้อมกับแสงไฟดวงใหญ่ที่สาดเข้ามาที่หน้าผมจนแทบจะลืมตาไม่ขึ้น
พอเพื่อนวิ่งเข้ามาพยุงผมลุกขึ้นแล้วก็ดึงผมออกมาจากบ้าน
มันก็ทำให้ผมต้องแปลกใจ
เพราะร่างเพื่อน ทำไมมันดูกำยำกันนัก
พอออกมายืนนอกบ้านได้  มองไปที่กลุ่มคนที่เข้ามาช่วยผม
ก็ถึงกับผวา ขึ้นมาอีก
เพราะคนพวกนั้นไม่ใช่เพื่อนผม แถมแต่งชุดพนักงานดับเพลิงอีก
ผมร้อง เฮ้ย..
ด้วยความตกใจ

อะไรกันนี่ พวกคุณเป็นใคร


มีชายคนหนึ่ง เดินมาจับไหล่ผม พยายามประคองผมให้เดินไปทางด้านหน้าต่อ

ผมหันหลังกลับไปมอง ที่บ้านพักหลังนั้น
ก็ถึงกับตะลึง เพราะที่หลังคาเหลือแต่โครงไม้ที่ไหม้ดำเป็นตอตะโก มีควันลอยคลุ้งอยู่จางๆ
มองไปดูที่ตัวบ้าน ถูกไฟไหม้ เป็นลักษณะ ไหม้ออกมาจากข้างใน
เพราะมีคราบเขม่าดำๆ ติดอยู่ตามผนังบ้านด้านบน ที่ติดอยู่กับหลังคา


ผม งง กับ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จน นึกไม่ออกว่า เรามาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง

ได้แต่ถามเจ้าหน้าที่ ที่นำทางผมเดินไปว่า
เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น


เจ้าหน้าที่คนหนึ่งหันมาพูดกับผมว่า  คุณไปอยู่ตรงไหน ภายในบ้าน
เพราะพวกเรามาถึงไฟก็ไหม้จนเกือบจะมอดเองแล้ว
แต่เข้าไปหาในบ้าน ทำไมไม่เจอคุณ


พูดมาถึงตรงนี้  ผมก็เดินมาถึงแถวๆ รถมูลนิธิจอดอยู่
มองไปข้างๆรถ เจอ ศพ พันผ้าห่อศพ วางเรียงกันอยู่กับพื้น  3ศพ
ผมก็ รีบ ร้องออกมาจนสุดเสียง  เพื่อน... โอ้..ไม่นะ

เจ้าหน้าที่สองคนมาจีบตัวผมไว้ ไม่ให้ฟุบลงไปกับพื้น
พยายามทำให้ผมสงบสติอารมณ์ลง


พอมาถึงที่รถ เจ้าหน้าที่ให้ผมนอนไปบนเตียงสนาม
เอาหน้ากากอ๊อกซิเจนมาครอบที่จมูกผม
ผมบอกว่าผมไม่เป็นไร
พยายามจะลุกนั่ง

เจ้าหน้าที่ก็บอกว่า
ไม่รู้ว่าคุณสูดควันเข้าไปในปอดเยอะไหม


เลยต้องให้ผมหายใจเอาอากาศดีเข้าไปก่อน
ผมนอนหงาย พร้อมกับใส่หน้ากากหายใจ
แล้วก็มีเจ้าหน้าที่คนหนึ่งขึ้นมานั่งอยุ่ข้างๆ

ผมเอาที่ครอบจมูกออก ถามเขาว่า
เกิดอะไรขึ้น ช่วยบอกผมหน่อย

เขาก็บอกว่า
ไฟไหม้บ้านหลังนั้น
เราเข้าไปข้างในแล้ว ก็เจอสามศพนั้นนอนเกลื่อนอยู่ในห้อง
พอสำรวจจนหมดแล้ว ไม่มีใครอีก พวกเราก็ออกมา
พอปิดประตูบ้านเท่านั้นหละ
ก็ได้ยินเสียงคนทุบประตูออกมา จากข้างใน
พอเปิดออกมาก็เจอคุณนี่แหละ
คุณไปอยู่ตรงไหนมา


ผมก็ งง มาก นึกอะไรไม่ออก


นั้นนะซิ ผมไปอยู่ตรงไหนมา

ผมถามกลับไป


แล้วพวกผู้หญิงที่พักอยู่อีกบ้านหลังหนึ่งหละ


ชายคนนั้นก็บอกว่า  เจ้าหน้าที่กันให้ออกจากที่เกิดเหตุก่อน
ตอนนี้ปลอดภัยแล้วิ รออยู่ที่บ้านตรงข้างหน้าทางเข้า รีสอร์ท


ช่วงที่กำลังคุยกันอยู่ ดูเหมือนรถก็เคลื่อนที่ออกจากที่เกิดเหตุแล้ว


ผมก็เลยถามว่า  แวะหาพวกเพื่อนผมที่เหลือก่อนได้ไหม

ชายคนนั้นก็บอกว่า น่าจะได้ เดี๋ยวเขาจะประสานงานให้
พอเคลื่อนรถมาได้พักหนึ่ง
ก็ดูเหมือนรถจะมาจออยู่ที่ที่หนึ่ง
ชายคนนั้นลงไปจากรถ ไม่ได้บอกอะไรผม

ได้ยินเสียงคนคุยกันอยุ่ข้างๆรถ
สักพักก็เงียบไป


ผมรออยู่สักพักใหญ่จนรู้สึกว่า มันเงียบผิดสังเกต
ก็เลยร้องเรียกคนแถวนั้น
ปรากฏว่าไม่มีเสียงตอบรับ
ผมก็เลย ลุกขึ้น แล้วก็เดินลงมาจากรถ
ปรากฏว่า รถพาผมมาจออยู่ข้างๆบ้านพักหลังหนึ่ง
เป็นบ้านพักหลังใหญ่ ที่อยู่แถวๆหน้าทางเข้า ที่เรามาเอากุญแจบ้าน

ผมเดินไปที่บ้านหลังนั้น ร้องเรียกคนที่อยุ่ในบ้าน
แต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา
ผมเปิดประตูเข้าไปดูข้างใน

พอเปิดประตูเข้าไปข้างในบ้าน
ก็เจอกับ ห้องโถงใหญ่ ข้างในไม่มีใครเลย
แต่เปิดไฟไว้ สลัว สลัว
ผมร้องเรียกว่ามีใครอยู่ไหม  แต่ก็เงียบอีก
เดินเข้าไปสำรวจดูในบ้าน ก็มีทางเดิน เดินไปด้านหลังของบ้าน
พอยืนอยู่ตรงหน้าทางเดินที่จะเดินไปหลังบ้าน
ก็ได้ยินเสียง คล้ายๆคนคุยอะไรกัน ดังออกมา จากซอกทางเดินตรงนั้น
พอมองไปในซอกทางเดิน ก็เจอประตู อยู่ด้านข้างทางเดิน
ดูเหมือนจะมีห้อง อีกสองสามห้อง ถัดกันไป ตามทางเดิน

ผมเดินเข้าไปช้าๆตามทางเดินนั้น
เสียงคนคุยกันเริ่มค่อยๆดังขึ้น
ฟังดูดีดีเหมือนคนตะคอกเสียง คล้ายคนโกรธจัด
พอเดินไปตรงประตูที่มีเสียงดังออกมา
มองไปที่ประตู โชคดีที่ประตูมันมีช่องกระจก สี่เหลี่ยมเล็กๆ
ขนาดเท่ากับหน้าเรา ติดอยู่ตรงบานประตูพอดี

ผมก็เลยค่อยๆ เอาหน้าไปแนบชิดกับขอบกระจก
แล้วค่อยๆโผล่หัวขึ้นช้าๆ ให้สามารถมองเห็นข้างในห้องได้
โดยที่ คนในห้องไม่เห็นผม

พอมองไปในห้องก็เจอ ลักษณะของห้อง คล้ายๆห้องเก็บของ
แล้วก็มีกลุ่มวัยรุ่น ประมาณสี่ ห้าคน ยืนดูอะไรอยู่
ผมมองไปที่พื้น เห็นคนคนหนึ่งถูกมัดมือ คว่ำหน้าอยู่
รูปร่างสูงใหญ่
สภาพไม่มีการถูกทำร้ายอะไร

ผมตกใจมาก
เฮ้ย.. มันเรื่องอะไรกันนี่
ผมนึกในใจ

แล้วสักพัก ก็มีวัยรุ่นสองคนเดินเข้าไปจับชายคนนั้นนอนหงาย
แล้วก็มีอีกคนหนึ่ง เดินไปพร้อมกับถือขวดน้ำอยู่ในมือ
แล้วก็กรอกเข้าไปในปากชายคนนั้น

ตอนนั้นผมตกใจมาก ทำไรไม่ถูก
ใจเต้นแรงมาก

เฮ้ย.. เอาไงดี

จะร้องออกมาก็ไม่กล้าร้อง

พอวัยรุ่นพวกนั้น ผละออกมา ยืนดูชายคนนั้นอยู่ข้างๆ
สักพัก ชายคนนั้นก็เริ่มชัก ตัวเกร็ง   มีฟองออกมจากปาก

เฮ้ย.. นี่มันฆาตกรรมนี่หว่า

ผมโผล่หัวยืนขึ้นดู อย่างลืมตัว
มีวัยรุ่นคนหนึ่งเหมือนเขาจะเห็นหน้าผม แอบดูอยู่

ผมรีบหลบหัวลงทันที แล้วก็รีบ วิ่งออกมาจาก ตรงนั้น
ผมรีบวิ่งออกมาจนถึงตรงแยกทางเดิน แล้วก็รีบหลบเข้าผนังข้างๆ
ก่อนได้ยินเสียง เปิดประตูดังแอ๊ด ออกมา
สักพักก็ได้ยินเสียงเดินมาเป็นกลุ่มใหญ่
เหมือนมันจะเปิดประตูดูทีละบานว่ามีใครอยู่ในห้องไหม
เสียงพวกมันเดินใกล้เข้ามาทางผมเรื่อยๆ
จนทำให้ผมต้องรีบตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง
ผมมองไปข้างหน้า
มีซอกโต๊ะ คล้ายๆโต๊ะของพนักงานต้อนรับ
ผมรีบคลานต่ำ แล้วก็มุ่งไปแถวๆใต้โต๊ะตัวนั้น
รีบมุดตัวเข้าไปซ่อนใต้โต๊ะ

เสียงกลุ่มวัยรุ่นเดินออกมาตรงโถงใหญ่
ดูเหมือนมันจะเดินวนดูรอบๆ
แล้วสักพักก็มีเสียงฝีเท้า เดินตรงมาทางผม
มันหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะตัวที่ผมซ่อนอยู่
ผมเอามือมาปิดที่จมูก
พยายามกลั้นหายใจ ให้มีเสียงหายใจออกมาให้เบาที่สุด
ตาพยายามมองจ้องไปที่ช่องด้านข้าง ที่สลัว สลัว
ว่าจะมีใครโผล่เข้ามาไหม
ใจสั่นไปหมด

สักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนพวกมันกลัวอะไรสักอย่าง
แล้วก็รีบวิ่งกลับเข้าไปทางด้านหลังบ้าน
ได้ยินเสียงปิดประตูดังปั้ง.

แล้วผมก็รีบ ออกมาจากใต้โต๊ะ  เดินออกมาตรงโถงใหญ่
มองไปที่ทางเดิน ที่เดินไปหลังบ้าน
เห็นไฟตรงทางเดินถูกปิดจนมืดหมด
ผมเลยรีบเดินไปตรงที่ประตูหน้าบ้าน
กำลังจะเอื้อมมือไปบิดลูกบิดประตู
อยู่ๆไฟในบ้านก็ดับพลึบลง จนบรรยากาศในบ้านมืดไปหมด
ยังไม่ทันจะตั้งตัวเลย
อยู่ๆประตูก็ถูกดึง เปิดพลึบออกต่อหน้าต่อตาทันที
จนผมตกใจ เข่าทรุดล้มลงไปนั่งกองกับพื้น
พอประตูเปิดอ้าออกจนสุด
ผมมองไป ก็เจอร่างคนยืนอยู่หน้าประตูประมาณ สาม สี่ คน
มองไม่เห็นหน้า เห็นแต่เงาดำๆ เพราะยืนย้อนแสงอยู่
ผมรีบตะเกียกตะกาย พยายาม ถอยหลัง ลุกหนี วัยรุ่นพวกนั้น

แล้วเสียง เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

เฮ้ย เพื่อน .. เอ็งเป็นอะไร

แล้วก็มีเสียงเพื่อนผู้หญิงผมเรียก ชื่อผมขึ้นมา ด้วย

ผม ชะงัก

เอามือบังหน้าไปที่เหนือคิ้ว พยายามหลบแสงจากข้างนอก
ให้มองเห็นหน้าพวกที่ยืนอยู่ตรงประตู

แล้วตาผมก็เริ่มมองเห็นหน้าพวกเขารางๆ

อ้าว... เฮ้ย.. พวกเองยังไม่ตายหรือ

เพื่อนๆพากันเข้ามาพยุงผมลุกขึ้น
อีกคนก็รีบเปิดไฟในห้อง
พอ แสงไฟในห้องเปิดขึ้น

ผมมองไปรอบห้อง
อ้าว มันเป็นห้องที่เรามาพักกันนี่

ตอนนั้น ยืน เอ๋อ  งง ทำไรไม่ถูกเลย

เพื่อนๆเข้ามาถามผมว่า เป็นอะไร
แต่เหมือนผมจะไม่มีสติ โต้ตอบพวกเขาได้

ผมเห็นแต่ปากเพื่อนมันถามอะไรไม่รู้
แต่ไม่ได้ยินเสียงพวกมัน
ปากผมก็ถามแต่ว่า พวกเอ็งยังไม่ตายหรือ
พวกเอ็งยังไม่ตายหรือ ซ้ำๆอยู่แบบนั้น

จนเพื่อนๆบอกว่านั่งก่อน แล้วก็ประคองผมไปที่เตียง
พอผมหันไปมอง ที่เตียง
เท่านั้นแหละ
ผมก็รีบร้องบอกเพื่อนทันที
กูไม่นั่ง กูไม่นั่ง
แล้วก็พยายามดิ้น จะวิ่งหนีออกมาที่ประตู
แต่เพื่อนๆก็จับตัวผมไว้

ผมก็ตะโกนบอกกับเพื่อนว่า
พวกเองตายแล้ว พวกเองเป็นผี
อย่ามายุ่งกับกู

แล้วผมก็พยายามดิ้นอีก

จนสลบไป

มารู้ตัวอีกที
ตอนที่ได้ยินเสียงคน เอะอะอะไรกันอยู่ข้างๆหู
พอลืมตาก็เห็นเพื่อนผมสองคนหิ้วปีกผมอยู่สองข้าง
แล้วก็มีอีกคนกำลังจับขาผมให้พ้นขั้นบันใด

ผมพยายามตั้งสติ มองไปดูดีดี
เหมือนเขากำลังหามผมขึ้นไปบนบ้านหลังหนึ่งที่มีบันไดยกสูง
พอขึ้นมาข้างบนบ้านได้
มองไปก็เห็น พระนั่งอยู่ ข้างใน
มีตาแก่ๆ สวมเสื้อหม้อฮ่อม เดินมาใกล้ๆแล้วก็บอกว่า
มาทางนี้ มาทางนี้

สักพักพอนั่งลง ตรงหน้าหลวงพ่อได้
ผมก็มองไปรอบๆ เห็นเพื่อนผมทุกคนนั่งพนมมือกันอยู่ รอบๆตัวผม
มีเพื่อนสองคนนั่งประกบผมไว้ซ้าย-ขวา

แล้วเพื่อนผมคนหนึ่งก็พูดขึ้นว่า
หลวงพ่อครับ ช่วยเพื่อนผมด้วยครับ
เขาโดนผีเข้ามาครับ

ผมก็สะดุ้ง หันไปมองเพื่อนตาขวาง
เพื่อนก็พลอยสะดุ้งตามด้วย

บ้าหรือ ใครโดนผีเข้า พวกแกนั่แหละเป็นผี

พอได้ยินผมพูดแบบนั้น เพื่อนๆก็มาจับตัวผมไว้ กันผมดิ้นอีก

หลวงพ่อก็บอก ว่า
เอาหละ เอาหละ ใครผีใครคน เดี๋ยวสักพักก็จะรู้กันเอง
ขอให้ทุกคนทำใจให้สงบ แล้วก็นั่งนิ่งๆ

แล้วสักพัก หลวงพ่อก็ท่องมนต์
รู้สึกหลวงพ่อสวดมนต์นานมากจนผม ขาชาไปหมด
แล้วสุดท้ายท่านก็ พรมน้ำมนต์ให้พวกเรา

พอเวลาผ่านไปพักใหญ่ ทุกอย่างสงบลง
ผมก็เริ่มมีสติ

หลวงพ่อถามว่า เป็นยังไงมายังไง ถึงได้หามกันมาดึกๆดื่นๆ
เพื่อนๆก็เล่าให้หลวงพ่อฟังแค่ว่า
ผมเข้าไปในบ้านพัก ที่เพื่อนสองคนโดนผีหลอกมาก่อนหน้านี้
หายไปนาน จนเพื่อนๆคิดว่าผมเข้าไปนอนหลับแล้ว
แต่สักพักใหญ่ ก็ได้ยินเสียงผมร้องช่วยด้วย ช่วยด้วย แล้วก็ทุบประตู ปัง ปัง
ร้องเสียงดังมาก จนเพื่อนๆผู้หญิงที่อยู่บ้านอีกหลังตกใจตื่น แล้วก็วิ่งออกมาดู
พวกเพื่อนๆก็เลยวิ่งไปที่บ้านหลังที่ผมอยู่พร้อมกัน
พอเปิดประตูออกมา ก็เจอผม นั่งอยู่กับพื้น
พูดจาไม่ได้สติ ถามอะไรก็ไม่ตอบ
แล้วก็เพ้อแต่ว่า พวกเพื่อนๆตายหมดแล้ว

เรื่องมันก็เป็นแบบนี้แหละครับหลวงพ่อ

หลวงพ่อ ได้ฟัง ก็บอก ว่า
อืม พวกโยมอาจจะ เมาแล้วเห็นอะไรตาฝาดกันไปเองก็ได้
อย่าไปคิดมาก ดูสภาพแต่ละคนซิ กลิ่นเหล้าฉุนมาเลย

แล้วสักพัก หลวงพ่อก็ขอตัวไปจำวัด
ทิ้งพวกเราอยู่ในศาลานั้น

ตาแก่ๆ แกก็เลยเดินมานั่งคุยด้วย
คุยไปคุยมาก็ได้ความว่า
ตาแกเป็นสัปเหร่ออยู่ที่วัดนี้

ตอนนั้นผมยังไม่เล่าเรื่องราวของผมให้ตาที่เป็นสัปเหร่อฟัง
มีแต่เพื่อนสองคนที่เจอก่อนหน้าผมเล่าให้ฟัง
แล้วตาสัปเหร่อ ก็เล่าให้เราฟังว่า

ที่ที่เราไปพัก
ก่อนหน้านี้ หลายปีแล้ว
ตอนนั้นเปิดเป็นรีสอร์ทใหม่ๆ คนก็มาใช้บริการดีนะ
นักท่องเที่ยวก็มาเยอะ
แต่วันหนึ่งมีผู้ชายคนหนึ่ง มาพักที่นั่นแล้วก็ ไหลตาย
ดูจากสภาพศพแล้ว น่าจะนอนหลับแล้วก็ตายไปเลย
ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ ตำรวจก็เลยสันนิฐานว่าไหลตาย

พอเริ่มมีคนตาย รีสอร์ทก็ดูเหมือนมีคนมาพักน้อยลง
แล้วไม่กี่ปีต่อมา ก็มีไฟไหม้ในรีสอร์ท ไฟครอบ ย่างสด คนมาพักที่นั่นไป 3ศพ

เล่ามาถึงตรงนี้ พวกเราก็ตกใจ
รีบถามตาสัปเหร่อไปว่า
หลังไหนครับตา  หลังไหน

ตาสัปเหร่อก็บอก ว่า รู้สึกจะเป็นหลัง สุดท้ายที่อยู่ลึกที่สุดในรีสอร์ทนะ

เท่านั้นแหละ พวกเราก็ผวาเข้ากอดกัน โดยไม่รู้ตัว

ใช่เลย ตา  หลังนั้นแหละที่พวกเราเจอ

ตาก็เล่าต่อ

อืมแต่ คนที่ตายปรากฏว่า  ไม่ใช่นักท่องเที่ยว
แต่กลายเป็นพวกวัยรุ่นที่อยู่ละแวกนี้
เขาว่ากันว่า พวกนี้คงไปเช่ารีสอร์ทแล้วมั้วสุมกัน เสพยา
สุดท้ายก็ทำไฟไหม้ เผาครอบตัวเอง

แล้วถัดจากเหตุการณ์นั้นมาไม่นาน ก็มีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นอีก
คือ ช่วงนั้น มีวัยรุ่นเสียชีวิต บ่อยมาก บางคนก็ผูกคอตาย
บางคนก็รถมอไซด์แหกโค้งตาย

ตาจำได้ ช่วงนั้น ทำแต่ศพวัยรุ่น แทบจะเรียกได้ว่า วันเว้นวันได้เลย

ต่อมารีสอร์ทแห่งนั้น ก็ไม่ค่อยมีแขกมาพัก
จนต้องหยุดกิจการไปอยู่พักหนึ่ง

ก็มา เมื่อไม่นานนี้เอง เจ้าของเก่าเขาขายรีสอร์ทนั้นไป
ก็ถึงมีคนมาตกแต่ง มาปรับปรุงกันใหม่
แล้วก็เปิดให้คนมาพัก

พูดมาถึงตรงนี้
พวกเราก็ รีบถามไปว่า
แล้วมีใครเจออะไรกัน เหมือนพวกเราไหม ตา

ตาก็บอก ว่า
ตาก็ไม่รู้เหมือนกัน
แต่เคยเจอ คนที่ไปเป็นลูกจ้างในรีสอร์ทนั้น
มาเล่าให้ฟัง เวลาเขามาวัด
ว่า บ้านพักหลังใหญ่ ที่อยู่ด้านหลัง ถ้ามีลูกค้าจอง
ส่วนใหญ่ แขกจะกลับกันกลางดึกตลอด ไม่รู้ว่าทำไม

พอตาสัปเหร่อ เล่าจบ
ก็ถามพวกเราว่า
นี่ก็ยังไม่เช้าเลย แล้วพวกคุณจะกลับไปพักที่นั่นต่อไหม

พวกเราได้แต่สายหน้ากันไปมา
ไม่เอาแล้ว ตา  พวกเราขอรออยู่ที่วัดจนถึงเช้าดีกว่า ค่อยกลับไปขนของ

พอตาสัปเหร่อ กลับไป
ดูนาฬิกาแล้วก็ประมาณ ตีสามกว่า
ทุกคนนั่งมองหน้ากัน เงียบๆ ไม่มีใครพูดอะไร
จนสักพัก ทุกคนก็หันมามองผมเป็นตาเดียวกัน

เหลือเอ็ง  ที่ยังไม่เล่าให้พวกเราฟังเลยว่าเจออะไร

ผมก็เลยบอก ว่า โห ยังจะอยากฟังอยู่อีกหรือวะ

เพื่อนๆขยับตัวเข้ามาใกล้ๆผม แล้วก็พยักหน้า

เล่าเลย

แล้วผมก็เล่าเรื่องที่ผมเจอในบ้านหลังนั้นให้เพื่อนฟัง


จบ บริบูรณ์

เรื่องจากพันทิป เจอผีในรีสอร์ท
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 2227735

ไม่มีความคิดเห็น