เรื่องที่เก้า
"เรื่องที่เก้า" จากประสบการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นจริง และนำมาเล่าต่อให้ฟัง เรื่องโดยสมาชิกพันทิปคนอ่านผี เล่าโดย คุณหมี เป็นเหตุการณ์ที่คุณโอไปประสบพบ มาฟังเรื่องสยองของเขากัน
เป็นเหตุการณ์ที่คุณโอไปประสบพบเจอมา แล้วนำมาเล่าให้คุณหมีฟังอีกทอดหนึ่ง มีใจความว่า... เรื่องมันก็ผ่านมานานพอสมควรแล้วล่ะ ผมทำงานเกี่ยวกับสายข่าวอาชญากรรม ช่วงนั้นผมจำได้ดี เพราะมันเป็นช่วงที่ประเทศของเราเพิ่งจะประสบกับเหตุการณ์สึนามิ
กว่าผมจะเคลียร์เรื่องเอกสารเสร็จและเตรียมลงพื้นที่ ก็ปาเข้าไปกลางเดือนมกราคม ผมมีแพลนว่าต้องลงพื้นที่หกจังหวัดด้วยกัน เพื่อจะต้องเขียนสกู๊ปลงในคอลัมน์
ปกติแล้วผมทำข่าวเกี่ยวกับอาชญากรรม พบเจอกับเหตุการณ์น่าสยดสยองมาก็เยอะพอสมควร แต่เมื่อผมลงไปถึงพื้นที่ๆเกิดเหตุ ตัวผมเองถึงกับต้องเบือนหน้าหนีภาพที่อยู่ตรงหน้า
ขอโทษนะครับ ศพเนี่ยเกลื่อนกลาดไปทั่วพื้นที่ ไม่ว่าจะมองไปยังจุดไหนมุมไหนเดินไปทางไหน ทุกที่จะต้องมีศพอยู่อย่างน้อยๆเลยหนึ่งถึงสองศพ ภาพที่ผมเห็นทำให้ผมรู้สึกจิตตกและหดหู่ใจเป็นอย่างมาก
ตัวผมเองทำงานคู่กับคนดังอยู่คนนึงที่ทำหน้าที่ชันสูตรพลิกศพ ผมมองว่าถึงผมจะประจำการอยู่ที่นี่ ก็คงช่วยอะไรใครไม่ได้มากนัก เพราะเป้าหมายหลักที่ผมต้องเขียนลงสกู๊ปนั้นมีอยู่แค่ว่า สึนามิมันเข้ามาตอนไหน และทำไมผู้คนถึงไม่ทันรู้ตัว
ผมเลยต้องเดินทางไปยังอีกจังหวัดนึง และขออนุญาตไม่เอ่ยถึงชื่อจังหวัด เพราะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย จังหวัดนี้มีหมู่เกาะเล็กๆอยู่หลายเกาะด้วยกัน ผมเลยต้องเดินทางไปยังเกาะนั้นทีนี้ที
บางครั้งในตอนที่ผมนั่งเรือเดินทางข้ามเกาะ ผมยังเห็นศพลอยอยู่เป็นจุดๆ ที่ร้ายกว่านั้นคือบางศพกลับลอยตามเรือที่ผมกำลังนั่งโดยสารอยู่ ผมมองด้วยใจอันหวั่นๆแล้วหันไปมองหน้าคนบังคับเรือ แต่เหมือนว่าเค้าจะไม่ได้ให้ความสนใจเท่าใดนัก ผมเลยต้องนั่งเงียบๆโดยไม่ปริปากพูดอะไร
ช่วงเย็นผมได้เข้าไปพักยังบังกะโลแห่งหนึ่งภายในเกาะ เกาะแห่งนี้ก็ไม่พ้นโดนสึนามิเช่นกัน เพราะงั้นโรงแรมดีๆที่มีสภาพปกติจึงเหลือน้อยมาก ผมจึงได้ถามกับทีมงานของผมที่ประจำอยู่ที่นี่หลายวันแล้วว่าพอจะมีที่พักบ้างมั้ย
ทีมงานตอบผมว่า "มี แต่พี่ต้องเลือกห้องดีๆนะ ถ้าห้องไหนมีคราบเหลืองเกาะตามฝาห้องก็อย่าไปนอน" ผมถามกลับด้วยความแปลกใจ ก็ได้รับคำตอบว่า "ตอนที่สึนามิมาใหม่ๆเนี่ย แขกที่มาพักส่วนมากจะหนีไม่ทัน ตายกันในห้องก็เยอะ คราบเหลืองๆที่เห็นก็คือน้ำเหลืองที่ออกมาจากศพ กว่าจะเปิดประตูเอาศพออกมาได้ก็ต้องรอให้น้ำลดเสียก่อน"
ผมฟังอยู่นานพอนึกภาพตามก็ชวนให้ขนหัวลุกดีเหมือนกัน แม้ว่าตัวผมเองจะเป็นคนไม่กลัวผีก็ตาม แต่นี่ไม่ได้เรียกว่าผี นี่เรียกว่า "คนตาย"
ผมเดินเข้าไปยังบังกะโลแห่งหนึ่งตามที่ทีมงานแนะนำ และทำตามที่ทีมงานบอก นั่นคือไล่เช็คดูคราบต่างๆตามฝาห้อง แต่เชื่อมั้ยครับ แทบจะทุกห้องทุกหลังมีคราบที่ว่านี้หมดเลย ผมเหนื่อยที่จะเดินหาต่อเลยจิ้มเอาสักที่หนึ่งแล้วเข้าไปพัก มันเป็นบังกะโลชั้นเดียวขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่
ภายในห้องมีเตียงหกฟุตหนึ่งหลัง ชุดโต๊ะรับแขกเล็กๆ ตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ผมเดินสำรวจไปรอบๆห้อง พบว่าห้องนี้ก็ยังคงมีคราบเหลืองเกาะติดอยู่กับฝาห้อง แต่ผมก็ไม่ได้มีทางเลือกมากนะ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่าเป็นคนกลัวผีซะที่ไหนกัน
ช่วงเวลาประมาณสามทุ่มเศษๆ ผมกำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ หูของผมได้ยินเสียงอะไรบางอย่าง "คลืดๆๆ" มันดังมาจากบนฝ้า ผมเงยหน้าขึ้นไปมองตามเสียง ก็เห็นเป็นฝ้าเพดานเก่าๆสีขาวอมเหลือง
"คลืดๆๆ" เสียงมันยังดังไม่หยุด อยู่ด้านบนฝ้าใต้หลังคา จากมุมซ้ายของห้องค่อยๆลากไปทางขวา วนไปวนมาอยู่แบบนั้น หรือจะเป็นหนูเหรอ ผมลุกขึ้นเดินออกไปนอกบังกะโลแล้วมองขึ้นไปบนหลังคา แต่ก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร ผมมองดูอยู่พักใหญ่จนแน่ใจแล้วจึงกลับเข้าห้อง
ผมตั้งใจฟังอยู่ชั่วครู่จนไม่ได้ยินเสียงอะไรมารบกวนอีก จึงเดินไปปิดโน๊ตบุ๊คเตรียมจะเข้านอน ระหว่างที่ผมกำลังปิดเจ้าโน๊ตบุ๊คอยู่ "โคร่มมมมม!!!" ผมสะดุ้งสุดตัวจนหัวใจแทบวายรีบหันไปมองทางต้นเสียงทันที
ภาพที่เห็นทำเอาผมช็อกตาค้างขาตายสนิท ศพขึ้นอึด ใช่แล้ว ผมกำลังจะบอกว่ามีศพทะลุลงมาจากฝ้าของบังกะโล ตกลงมากะแทกกับขอบเตียงแล้วกลิ้งมาทางผม
ผมผงะหงายหลังทันทีเพราะความตกใจสุดขีด ร้องโว้ยวายลั่นบังกะโล ชั่ววินาทีนั้นผมพอจะมองศพได้ครู่หนึ่ง ลักษณะน่าจะเป็นชาวต่างชาติมีอายุ ลำตัวซีดขาวขึ้นอึดลื้นจุกปากมือหงิกเกร็ง ส่งกลิ่นเหม็นเน่าอบอวลไปทั่วห้อง
ผมอยู่ต่อไม่ได้แล้ว ผมต้องไปแล้ว เมื่อผมคิดได้เช่นนั้นจึงรีบเผ่นออกจากที่นั่นทันทีด้วยใจอันระทึกและหวาดผวา อย่างที่ผมบอกไว้ตั้งแต่แรก ว่าผมไม่ได้กลัวผี แต่สิ่งที่ผมเห็นอยู่นั่นคือ "คนตาย"
ผมวิ่งหน้าตาตื่นไปที่บังกะโลหลังแรกเพื่อที่จะไปหาเจ้าของ แต่เหมือนกับว่าผมโดนแกล้งเพราะผมพยายามเคาะเรียกเท่าไหร่ก็ไม่มีใครตอบ ไฟภายในห้องก็ปิดจนมืดสนิท
ผมจึงรีบต่อสายหาทีมงานของผมทันที เพราะผมไม่อยากอยู่คนเดียว "เฮ้ยกูเจอศพว่ะ ศพล่วงลงมา พวกมาหากูหน่อยเร็วๆเลย" ผมพูดด้วยเสียงอันสั่นเครือ และผมยอมรับว่าตอนนั้นผมหวาดวิตกอย่างมาก
เมื่อทีมงานมาถึง ผมจึงเดินนำไปยังบังกะโลที่เกิดเหตุ "กูตกใจยิ้มเลย เป็นศพของฝรั่งว่ะ เห็นชัดๆเลย" ผมพยายามพูดกับทีมงานเพื่อช่วยระบายความหวาดกลัวออกจากใจ
ครู่หนึ่งผมก็มองเห็นบังกะโลหลังที่เกิดเหตุอยู่ตรงหน้า ภาพศพมันยังจำจนติดตาตรึงใจ ผมเคยๆชะโงกหน้าเข้าไปดูด้านในอย่างช้าๆ
"เฮ้ย!!" ผมอุทานออกมาดังลั่น ความรู้สึกสับสนมึนงงรุมเร้าผมไปทั้งตัว "ไม่มีศพ" ฝ้าเพดานยังคงปกติเหมือนเดิม คล้ายกับว่าไม่เคยเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นทั้งนั้น
นี่มันเรื่องบ้าอะไร ผมกำลังเจอกับอะไรอยู่กันแน่ ผมค่อยๆเดินเข้าไปสำรวจในห้อง ของทุกอย่างมันยังคงปกติเหมือนเดิม ผมรู้สึกว่าขาของผมมันไร้เรี่ยวแรงจนต้องทรุดตัวลงกับพื้น รู้สึกปวดจี๊ดขึ้นที่ขมับอย่างรุนแรง
ลูกน้องมันเดินเข้ามาจับบ่าแล้วพูดกับผมว่า "พี่โอ ไหวนะพี่" ผมพยายามรวบรวมสติที่เหลืออยู่ สิ่งแรกที่ผมคิดถึงคือ "วัด" ผมต้องเข้าวัดแล้ว
ลูกน้องผมคนหนึ่งพูดขึ้นมาว่า "พี่ไม่ต้องคิดมากนะ ช่วงที่ผมมาใหม่ๆเนี่ย ผมก็ต้องนอนในเต้นท์กัน เพราะที่พักเกือบจะทุกที่เละเทะไปหมด ผมหมายถึงว่ายังไม่ได้กู้ศพออกมาน่ะนะ
วันดีคืนดี ผมจะได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือจากฝรั่ง พอผมเปิดเต้นท์ออกไปดู ก็เห็นเป็นฝรั่งยืนกวักมืออยู่ในทะเล แต่พอพวกผมรีบวิ่งเข้าไปหา ปรากฏว่าฝรั่งที่เห็นกลับเดินหายลงไปในน้ำเอาดื้อๆ"
ตัวผมเองไม่สามารถอธิบายเหตุการณ์ที่ผมพบเจอมาให้ทุกคนฟังอย่างละเอียดได้ แต่ทุกวันนี้ ภาพที่ผมเห็น ภาพของฝรั่งคนนั้น มันยังคงตราตรึงอยู่ในความทรงจำของผมเสมอมา คอยหลอกหลอนในความฝันอยู่หลายหน ผมยังขอยืนยันเช่นเดิมว่าผมไม่ได้กลัวผี แต่ผมยอมรับว่าผมกลัว "คนตาย" และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
จากพันทิป เรื่องของคนตาย...เล่มที่ 41
เรื่องจาก คนอ่านผี
Post a Comment