หลุม


     "เรื่องหลุม" เป็นเรื่องจริงประสบการณ์สยองขวัญจากสมาชิกพันทิปคนอ่านผี เล่าโดยคุณกีกี้ เกิดขึ้นจริงในตอนที่คุณกีกี้ ทำงานรสำรวจมาตรฐานของฟาร์มต่างๆ และเมื่อฟาร์มแห่งหนึ่งในภาคอีสาน ก็มีเรื่องราวเกิดขึ้น

  เหตุการณ์สยองขวัญนี้มันก็เกิดขึ้นมานานพอสมควรแล้ว ตอนนั้น กี้ได้ไปสอบสมัครงานที่หนึ่งพร้อมกับเพื่อน ชื่อเจ้าเอ๋ ผลออกมาคือเราสอบติดกันทั้งคู่ งานของเราคือการสำรวจมาตรฐานของฟาร์มต่างๆ กี้กับเอ๋จับฉลากแล้วได้ฟาร์มแห่งหนึ่งในภาคอีสาน

    เราเดินทางด้วยการนั่งเครื่องแล้วต่อสองแถวเข้าไปอีกทอดหนึ่ง เวลาประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆ สองแถวก็พาเราทั้งคู่หาถึงจุดหมาย ฟาร์มแห่งนี้อยู่ห่างจากย่านชุมชนพอสมควร เพราะกี้สังเกตว่าก่อนจะเข้ามายังที่แห่งนี้ กี้มองไม่เห็นบ้านเรือนเลยแม้สักหลัง

    เมื่อกี้กับเพื่อนก้าวเท้าลงจากรถ ก็พบว่าด้านหน้าของกี้เป็นทุ่งโล่งกว้างขวาง ถูกรายล้วมไปด้วยต้นไม้น้อยใหญ่ ทางซ้ายสุดของทุ่งเห็นเป็นบ้านไม้เรียงติดกัน ส่วนทางด้านหลังสุดของทุ่งเห็นเป็นเพิงที่พักทำขึ้นจากสังกะสี เรียงยาวเป็นสิบๆห้อง คาดว่าเป็นที่พักของคนงาน ถัดไปทางขวาเป็นโรงเลี้ยงสัตว์ และทางด้านขวาสุดของทุ่งก็เป็นโรงเลี้ยงสัตว์เช่นเดียวกัน

    ครู่ต่อมา มีชายผิวสีวัยกลางคนรูปร่างท้วม เดินเข้ามาทักทายพวกกี้ด้วยหน้าตาที่ยิ้มแย้ม แกแนะนำตัวว่าแกเป็นผู้จัดการของที่นี่ชื่ออำนวย และแนะนำคนงานที่กำลังทำงานอยู่บริเวณนั้นให้เรารู้จัก แต่ส่วนมากจะเป็นคนประเทศเพื่อนบ้าน แล้วพาเราสองคนไปยังที่พัก

    ลักษณะที่พักจะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูงประมาณหนึ่งเมตร มีอยู่ทั้งหมดห้าหลังเรียงกัน พี่อำนวยแกบอกว่าแกอาศัยอยู่หลังที่หนึ่ง และให้เราเลือกเอาว่าจะพักหลังไหนก็ได้ แต่แกแนะนำว่าไม่อยากให้เลือกหลังที่สอง เพราะแกมีลูกเล็ก กลัวว่าเสียงจะรบกวนพวกกี้ตอนกลางคืน

    กี้ก็เลยเลือกเข้าพักหลังที่สามแทน ห่างแกนิดนึงแต่ก็ไม่ห่างมาก ภายในบ้านจะมีเตียงเล็กอยู่สองหลัง มีตู้เสื้อผ้ากับโต๊ะเครื่องแป้ง ห้องน้ำจะอยู่ด้านหลังของห้อง เมื่อเราจัดการกับสัมภาระของเราเสร็จแล้วก็เป็นเวลาบ่าย พี่อำนวยก็พาเราเดินไปชมแปลงหญ้าด้านหลังของฟาร์ม ระหว่างนั้นเจ้าเอ๋มันมาสะกิตหลังแล้วพูดว่า "แก ปวดฉี่ว่ะ" เอาแล้วไงล่ะ จากตรงนี้ไปที่พักมันก็ไกลกันพอสมควร

    มันยืนบิดไปบิดมาแล้วมันคงทนไม่ไหว วิ่งเข้าป่าหญ้าแถวนั้นทันที มันหายไปพักนึงแล้วมันก็วิ่งกลับมา พี่อำนวยแกก็บรรยายสรรพคุณของหญ้าแต่ละอย่างอยู่ เจ้าเอ๋มันก็ขัดจังหวะขึ้นมาว่า "พี่นวย เมื่อกี้มันมีหลุมตรงนั้นอ่ะ"

    พี่อำนวยได้ยินแบบนั้นก็หันควับมาจ้องหน้าทันที แล้วทำเสียงดุใส่ว่า "ต่อไป ตรงไหนที่ไม่ใช่ที่ของพวกคุณ ห้ามเข้าไปยุ่ง แล้วอย่าหาว่าผมไม่เตือน" พูดจบแกก็เดินหนีทันที ทิ้งให้พวกเราสองคนยืนงงอยู่ตรงนั้น "อะไรวะ แค่เรื่องหลุมอะไรนี่จะต้องโกรธใส่กันด้วย" กี้หันไปบ่นพึมพำกับเพื่อน

    แล้วเหมือนว่าแกจะส่งวิทยากรคนสนิทให้มาคุยกับเราต่อแทนแก พวกเรากลับเข้าบ้านพักในเวลาประมาณสี่โมงเย็น นั่งคุยนั่งเล่นกันจนย่างเข้าช่วงดึก เราจึงอาบน้ำเตรียมตัวเข้านอน ส่วนเจ้าเอ๋มันจะเป็นคนชอบเล่นเกมส์ในโทรศัพ มันก็จะนอนคลุมโปงเล่นเกมส์ของมันไป

    ในจังหวะที่กี้กำลังเคลิ้มหลับ "กรี๊ดดดด!!" กี้สะดุ้งตกใจจนตื่นเต็มตาเพราะเสียงกรี๊ดของเจ้าเอ๋ เห็นมันดีดตัวกระโดดลงจากเตียง กี้รีบถามมันทันที "เป็นอะไรวะ!!" มันลากกี้ลงจากเตียงไปยืนอยู่หน้าประตูบ้าน กี้สังเกตเห็นว่ามันตัวสั่นหน้าซีดเหมือนกลัวอะไรบางอย่าง

    มันมองไปรอบๆห้องอย่างเลิ่กลั่กเหมือนกำลังหาอะไรอยู่ "ตอนที่กูเล่นโทรศัพอยู่ กูรู้สึกเหมือนมีอะไรมาเกาะที่ขา กุก็เลยเอาโทรศัพส่องดู เชี่ย!! กูเห็นหัวเด็กขาวๆซีดๆเกาะขากูอยู่อ่ะ" กี้ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน รู้สึกเย็นวาบไปทั้งแผ่นหลังจนขนลุกตั้งทั้งตัว พลอยหวาดระแวงจนต้องกวาดสายตามองไปยังมุมมืดภายในห้องเช่นเดียวกับเจ้าเอ๋

    "เอาไงดีวะเอ๋" กี้ถามมันเสียงสั่น "กูไม่นอนเตียงนั้นแล้วนะ กูขอนอนกับดีกว่า" เราก็ช่วยกันขนเสื้อผ้าออกจากตู้เสื้อผ้า เอามากองๆไว้บนเตียงของเจ้าเอ๋มัน แล้วมานอนรวมกันอยู่เตียงเดียว คืนนั้นเลยต้องเปิดไฟนอนกันทั้งคืน เพราะต่างหวาดกลัวหัวเด็กที่เจ้าเอ๋มันเห็น

    เช้าวันถัดมา เราก็ออกไปทำงานกันปกติ ตกเย็นก็เข้าที่พักทำภารกิจส่วนตัว ช่วงเวลาประมาณสองทุ่ม แฟนของพี่อำนวยแกเดินมาบอกพวกกี้ว่า ให้รีบปิดไฟนอนไม่อยากให้เดินเพ่นพ่านข้างนอก เพราะมันค่ำแล้ว และที่นี่ก็มีคนงานผู้ชายอยู่หลายคน กลัวว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น

    โดยปกติกี้เป็นคนนอนเร็วอยู่แล้ว แต่เจ้าเอ๋มันเป็นคนนอนดึกเป็นปกติของมัน คืนนั้นในห้องตอนที่กี้กำลังนอนอยู่บนเตียง มันพูดกับกี้ว่า "เฮ้ย เดี๋ยวกูไปคุยโทรศัพก่อนนะ" แล้วมันก็เดินไปคุยโทรศัพข้างนอก ด้วยความเหนื่อยง่วง กี้จึงเผลอหลับไป

    มารู้สึกตัวตื่นขึ้น น่าจะประมาณสี่ทุ่มเห็นจะได้ แต่ไม่เห็นเจ้าเอ๋มันอยู่ในห้อง ก้ก็เลยถือไฟฉายไปหาส่องรอบๆบ้านแต่ก็ไม่เห็น ตอนนั้นกี้รู้สึกร้อนใจเป็นห่วงว่ามันหายไปไหนของมัน ก็เลยรีบไปปลุกพี่อำนวยที่บ้าน สักพักพี่อำนวยก็เดินออกมาจากบ้าน กี้ก็เลยเล่าให้ฟังว่าเจ้าเอ๋มันหายไป หาแถวนี้แล้วแต่ไม่เจอมันเลย

    พี่อำนวยทำหน้าเครียด เผลออุทานออกมาว่า " ยิ้มแล้วไง รออยู่นี่นะ!! ไม่ต้องไปไหน" พูดจบแกรีบเดินจ้ำไปทางแคมป์คนงาน แล้วพาคนงานไปประมาณสามสี่คนได้ เดินถือไฟฉายหายเข้าไปทางหลังฟาร์ม สักพักกี้ก็เห็นพวกคนงานหิ้วปีกเจ้าเอ๋กลับมา

    กี้รีบวิ่งเข้าไปดูด้วยความตกใจ เห็นว่ามันแค่สลบไป เนื้อตัวไม่มีร่องรอยโดนทำร้ายอะไร ก็เลยเอามันเข้าไปนอนในบ้าน ช่วงเวลาประมาณตีสองได้ อยู่ๆมันก็เด้งตัวลุกขึ้นมา กี้ตกใจรีบจับตัวมันไว้ก่อน "เฮ้ยๆ เป็นอะไร" เจ้าเอ๋มันเอาแต่ทำหน้าตาตื่นกลัวลนลานพูดอะไรไม่ได้ศัพท์

    กี้เลยเอายาแก้แพ้ที่แฟนของพี่อำนวยให้ไว้เอาให้มันกิน สักพักมันถึงหลับต่อ เช้ารุ่งขึ้น กี้ก็เลยถามมันว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น มันเล่าให้กี้ฟังว่า เมื่อคืนมันเดินคุยโทรศัพไปเรื่อยๆ เดินไปตามสนามหญ้าที่แสงไฟจากแคมป์กับโรงเลี้ยงสัตว์ส่อง

    ระหว่างนั้นมันได้ยินเสียง "สวบ..สวบ..สวบ" ดังมาจากด้านหลัง มันเลยรีบหันไปดู เห็นเป็นเงาตะคุ่มๆเล็กๆ สูงระดับหัวเข่า มันตกใจตัวแข็งทื่อก้าวขาไม่ออก เงาตะคุ่มๆค่อยๆเดินเข้าใกล้มาเรื่อยๆ "สวบ..สวบ..สวบ" ใกล้พอจนสามารถมองออกว่ามันคืออะไร

    มันเล่าเสียงสั่นๆว่า สิ่งนั้นคือเด็กตัวเล็กๆอวบอ้วนผิวสีขาวซีด ไม่มีผม ตาลึกโบ๋ อ้าปากคล้ายกับกำลังหัวเราะอยู่ กี้สังเกตได้ว่าในขณะที่มันเล่าอยู่นั้น มันสั่นไปทั้งตัวเหมือนคนกำลังจะร้องไห้ มันเล่าต่อว่า ไอ้เด็กผีตัวนั้นมันกึ่งวิ่งกึ่งเดินเข้ามาหามัน คล้ายกับว่าอยากจะเข้ามาเล่นด้วย

    มันทนต่อไปไม่ไหว รีบสับเท้าออกจากตรงนั้นทันที ระหว่างที่มันกำลังวิ่งหนีเจ้าสิ่งนั้นอยู่ หูของมันได้ยินเสียงคนวิ่งอยู่ข้างหลัง "สวบๆๆๆๆๆ!!" มันเลยรีบหันกลับไปดูด้วยความหวาดวิตก ปรากฏว่าตอนนี้เด็กผีมันกำลังวิ่งอยู่ติดๆกับหลังของมัน แล้วอยู่ๆเด็กผีก็วิ่งแซงมันไปข้างหน้า

    กี้ฟังมาถึงตรงนี้ก็งง เลยถามมันไปว่า "อ่าวเด็กมันไม่ได้วิ่งไล่หรอกเหรอ" มันตอบกี้ว่า "กูก็งง ด้วยความงง กูก็วิ่งตามไปดูว่ามันไปไหน กูเห็นมันเลี้ยวขวาไปฟั๊บ กูก็เลี้ยวตามมันไป เห็นมันกระโดดลงหลุมฟุ๊บเลยว่ะ" กี้ฟังมันเล่าก็รู้สึกอึ้งกับเพื่อนคนนี้มาก

    "รู้มั้ย วันนั้นน่ะ ที่กูไปฉี่อ่ะ กูก็ยิ้มไปฉี่ใส่หลุมนั่นด้วย" ถึงกี้จะรู้สึกว่าเรื่องมันน่ากลัว แต่ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมกี้ต้องหลุดขำออกไปด้วย "ยังจะมาขำอีก ตอนนั้นกูไม่ขำนะเว้ย สติสตังกูก็ไม่อยู่ คิดว่ากูฉี่แตกแล้วนะเนี่ย" กี้เลยบอกมันไปว่า "ไม่ได้ฉี่เหรอเอ๋ แต่ขี้เลยเนี่ย กูเพิ่งล้างให้เสร็จ" มันได้ยินแบบนั้นก็นั่งขำคิกคัก

    รุ่งขึ้นมันบอกว่ามันจะไม่ไปทำงานเพราะลุกไม่ไหว วันนั้นกี้เลยไปทำงานคนเดียว กลับมาตอนเย็นเห็นมันหลับอยู่ กี้เลยปลุกมันขึ้นมาเช็ดตัวกินข้าว มันพูดขึ้นมาว่า "กี้ ช่วยไรกูหน่อยสิ" กี้เลยตอบมันไป "เออ ได้ๆ เอาไรอ่ะ"

    มันพูดเสียงเรียบๆว่า "คืนนี้ไปเป็นเพื่อนกูหน่อย" กี้ได้ยินแบบนั้นก็งงถามกลับว่า "ไปไหน" มันบอกว่า "กูอยากไปพิสูจน์ ว่าไอ้ตัวนั้นมันตัวอะไร" กี้ได้ยินก็ยิ่งรู้สึกอึ้งเข้าไปใหญ่ "โอ้โห่ ใจเนอะ ไม่ไป!! ยังไงกูก็ไม่ไป"

    สุดท้าย เวลาประมาณสามทุ่มเศษๆ มันก็ไปของมันจนได้ และคนที่มันพาไปด้วย ก็ไม่พ้นกี้เองเนี่ยแหละ จุดที่มันพาไปนั่งแอบคือพงหญ้าข้างๆหลุม ห่างจากหลุมประมาณสี่ถึงห้าเมตรได้ ตัวกี้เองไม่กล้ามองอะไรทั้งนั้นเอาแต่นั่งหลับตา

    รอบตัวเงียบสงัด มีแสงสลัวๆจากสปอร์ตไลท์ของที่พักคนงานกับโรงเลี้ยงสัตว์ แต่แสงมันยังคงน้อยเกินไปจนแทบมองอะไรไม่เห็น ได้ยินแต่เสียงจิ้งหรีดกรีดเสียงร้องระงงอยู่รอบตัว เจ้าเอ๋มันดูเหตุการณ์ต่างๆแล้วสาธยายให้กี้ฟังแทน

    เสียงของมันสั่นระริก แต่กี้ก็เข้าใจมัน เพราะแม้ว่ามันจะกลัวขนาดไหน แต่ถ้ามันอยากรู้อะไรมันก็ต้องรู้ให้ได้ มันเป็นคนแบบนั้นแหละ ไฟฉายมีอยู่หนึ่งกระบอก กี้เลยกระซิบบอกมันว่า "เอ๋ กูว่าส่องไฟฉายดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย" มันกระซิบตอบว่า "ถ้ากูส่อง ผีมันก็รู้สิว่าเราแอบดูอยู่" เออ เอากะมัน

    "ซวบ..ซวบ..ซวบ" เสียงอะไรบางอย่างมันทำให้กี้ต้องนิ่งเงียบจนลืมหายใจ รู้สึกวิงเวียนคล้ายคนจะเป็นลม "กี้ดูดิ ดู มันมาแล้วววว" เอ๋มันคะยั้นคะยอให้กี้ลืมตาดู แต่ยังไงกี้ก็ไม่ดู "กูไม่ดู" ตอนนี้กี้รู้สึกเย็นวูบวาบแถวแผ่นหลังจนขนลุกตั้งไปทั้งตัว

    "กี้อย่าวิ่งนะอย่าวิ่ง" มันพูดเสียงสั่นๆ "เฮ้ยมันโดดแล้วๆๆ!! ดูสิ" กี้ไม่ฟังมันเอาแต่นั่งหลังตาปี๋อยู่แบบนั้น ไม่อยากจะจินตนาการถึงสิ่งที่อยู่ข้างหน้าว่ามันคือตัวอะไร และไม่อยากลืมตาขึ้นมาดูสิ่งที่หน้าหวาดกลัวที่อยู่ตรงหน้า แทบไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น จนเวลาผ่านไปพักใหญ่ นอกจากเสียงจิ้งหรีดแล้ว กี้ได้ยินเพียงแค่เสียงลมหายใจของตนเองเพียวเท่านั้น

    "เอ๋..เอ๋!" กี้กระซิบเบาๆ แต่ก็ไร้เสียงใดๆตอบกลับมา หรือเจ้าเอ๋มันจะเป็นอะไรไป ทำให้กี้รู้สึกพะอืดพะอม เป็นไงเป็นกัน กี้ค่อยๆหรี่ตาขึ้นทีละนิดแล้วมองไปทางหลุม แม้ว่าจะมีเพียงแค่แสงสลัวๆแต่ถ้ามองดูดีๆมันก็ยังพอมองออก

    สิ่งที่กี้เห็นคือมีมือเล็กๆซีดๆ ค่อยๆปีนป่ายขึ้นมาจากหลุมดำมืดเบื้องหน้า กี้แทบจะหัวใจวายตรงนั้นให้ได้ รีบหันไปมองทางเจ้าเอ๋มัน ปรากฏว่า ณ ตอนนั้น ข้างๆตัวกี้ไม่มีใครนั่งอยู่เลย เป็นเพียงแค่พงหญ้ามืดๆไร้วี่แววของสิ่งมีชีวิต กี้รู้สึกจุกขึ้นที่ท้องน้อยหายใจไม่ออกเพราะความหวาดกลัวสุดขีด นี่เรากำลังนั่งอยู่ในป่ามืดๆคนเดียว กับอะไรบางอย่างที่กำลังปีนขึ้นมาจากหลุม

    กี้หูอื้อตัวชาขาตายทำอะไรไม่ถูก คิดเพียงแค่ว่าต้องตายแน่ไม่รอดแน่แล้ว ฉับพลันนั้นกี้รู้สึกเหมือนมีมือของใครสักคนจับที่แขน กี้สะดุ้งเฮือกตาเบิกโพลงทันที แท้จริงแล้วเจ้าของมือที่จับแขนกี้ก็คือพี่อำนวย

    กี้มารู้สึกตัวตื่นขึ้นที่บ้านพักในเวลาประมาณเที่ยงคืน และก่อนที่กี้จะคิดอะไรต่อ กี้ทีบไอ้เอ๋ตกเตียงทันทีแล้วด่ามันว่า "นี่ทำกับกูอย่างงี้เหรอ!!" ไอ้เอ๋มันก็ขำแล้วพูดว่า "ก็กูกลัวนิ" พี่อำนวยที่นั่งอยู่ตรงนั้นด้วยพูดเสียงแข็งว่า "ไม่ต้องเถียงกัน พรุ่งนี้คุณเก็บเสื้อผ้าเลย ผมจะรายงานต้นสังกัด ว่าพวกคุณไม่ผ่านงาน"

    "พี่อำนวย นี่มันเป็นงานแรกของเรานะคะพี่" กี้พูดแกมขอร้อง เพราะถ้าเราไม่ผ่านงานนี้ นั่นก็คือเราจะไม่ได้บรรจุ "ผมเคยบอกคุณแล้ว ว่าที่ๆไม่ใช่ของคุณน่ะ คุณไม่ควรไป" พูดจบแกก็ลุกขึ้นเดินออกจากบ้านทันทีด้วยสีหน้าที่ไม่สู้ดีนัก เราเลยได้แต่นั่งมองหน้ากันสองคน ครู่ต่อมา แฟนของพี่อำนวยแกก็เดินเข้ามา เอาพวกยาดมยาลมมาให้ "เดี๋ยวพี่จะคุยกับพี่อำนวยอีกทีนะ" แกพูด

    รุ่งขึ้น เราทั้งคู่ถูกสั่งพักงาน เจ้าเอ๋มันก็ยังคงไม่ละความพยายาม มันต้องรู้ให้ได้ว่าเด็กที่มันเห็นเป็นใคร แล้วทำไมถึงต้องมาหลอกมัน มันเลยไปเที่ยวถามคนงานทุกๆคน แต่ทุกคนที่มันถามก็เอาแต่ส่ายหัว "เอ๋ หรือเค้าฟังภาษาไทยไม่รู้เรื่องหรือเปล่าวะ" กี้พูดกับมัน "มันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะพวกนี้เค้าฟังพี่อำนวยสั่งการได้" มันตอบ

ตกช่วงเย็น ในขณะที่กำลังนอนเล่นอยู่ในบ้านพัก อยู่ๆเจ้าเอ๋มันก็พูดขึ้นมาว่า "กูรู้ละ ว่าจะไปถามใคร" กี้หันไปถามมันว่า "ใครวะ" มันหันมาตอบหน้าจริงจังว่า "แม่ครัวไง มีแค่แม่ครัวที่เรายังไม่ได้ไปถาม" ทีนี้เราสองคนเลยเดินไปหาแม่ครัว

    "ฮื้มมมมมม ไม่มีไรหรอก" แม่ครัวผิวขาวร่างอ้วนท้วนสมบูรณ์ทำหน้าตาทะเล้นลากเสียงสูงตอบ "จะไม่มีไรได้ไง เจอมาจังๆเนี่ย ฉี่แตกกันทั้งคู่เลย" กี้พูดพร้อมทำหน้าตาน่าสงสาร "ป้าบอกหนูเถอะ ถ้าหนูไม่รู้เนี่ยหนูนอนไม่ได้แน่เลย มันตามมาหลอกหนูอย่างงี้อย่างงู้น" เจ้าเอ๋มันพูดเสริมช่วยอีกแรง

    "ฮื้มมมม มันพูดไม่ได้ๆ" แล้วป้าแกก็มากระซิบเบาๆว่า "ถ้าอยากรู้ก็มานั่งซาเล้งแล้วกลับบ้านกับป้า" เจ้าเอ๋ได้ยินแบบนั้นก็รีบกระโดดขึ้นหลังซาเล้งของป้าทันที กี้เลยจำต้องตามมันขึ้นไป

    ป้าแกก็ขับซาเล้งคันโก้ของแกไปทางหลังของฟาร์ม ห่างออกไปจากฟาร์มเกือบกิโลได้ เป็นบ้านไม้หลังเล็กๆเก่าๆ รอบๆมีแต่ป่าหญ้ากับต้นไม้ ถัดจากบ้านของแกไปจะเป็นบึงน้ำ

    "เรื่องนี้ไม่มีใครเค้ากล้าพูดกันหรอก ยิ่งนายอำนวยนะยิ่งไม่พูดใหญ่เลย ก็ไอ้เมื่อประมาณสองเดือนที่แล้วเนี่ย มันเป็นช่วงหน้าฝน มันตกทั้งวันทั้งคืนจริงๆ จนวัวไม่มีหญ้าจะกิน นายใหญ่เลยสั่งให้อำนวยไปเกณฑ์คนงานมาเกี่ยวหญ้า ช่วงนั้นเวลาประมาณสองทุ่ม ก็ติดสปอร์ตไลท์แล้วเกี่ยวหญ้ากันตรงนั้นแหละ แล้วมันมีผัวเมียคู่หนึ่ง มีลูกสามคน ไอ้หนึ่ง ไอ้สอง ไอ้สาม อายุสองสามขวบไล่เลี่ยกัน มันก็พากันไปวิ่งเล่นแถวที่เค้าตัดหญ้ากันอยู่ เพราะพ่อกับแม่มันก็ทำงานแถวนั้นด้วย

    จนสักพักใหญ่ๆ แม่มันก็พูดขึ้นว่าลูกไปไหน ไม่เห็นมาวิ่งเล่นกันเลย มันก็เลยกลับไปดูที่แคมป์ ก็เจอเจ้าหนึ่งกับเจ้าสองนอนหลับอยู่ แต่ไม่เจอเจ้าสาม ถามเด็กว่าน้องไปไหนมันก็ไม่รู้เรื่องกัน ทีนี้ก็มีงานเพิ่มขึ้นมาอีกคือตามหาเด็กหาย จนกินเวลามาถึงสี่ทุ่ม อำนวยแกก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ เพราะแกก็เอ็นดูพวกเด็กๆอยู่พอควร ก็เลยช่วยไล่หากันทั้งคืน ตอนนั้นจำได้ดี ฝนเทลงมายังกับฟ้ารั่ว เลยต้องพักการตามหาไว้ก่อน

    พอรุ่งเช้าฝนหยุดก็ออกตามหากันอีกรอบ ทีนี้เดินกันเข้าไปเจอหลุมหนึ่ง ไอ้หลุมที่ว่าเนี่ยมันเป็นหลุมที่เค้าเจาะน้ำบาดาล เพื่อที่จะเอาน้ำมาพักไว้ในบ่อแล้วใช้ในฟาร์ม ตามจริงไอ้หลุมนั่นน่ะ นายใหญ่ตั้งใจจะเจาะลงไปห้าสิบเมตร แต่เจาะลงไปประมาณยี่สิบเมตรได้ก็เจอเข้ากับหินแข็ง เลยก็ต้องย้ายไปเจาะที่อื่นแทน แล้วพวกก็ไม่ได้หาอะไรมาปิดปากหลุมไว้

    แล้วทีนี้น้ำมันก็ท่วม ตอนที่พวกคนงานเดินไปดู ปรากฏว่าเห็นด้ายสายสินลอยน้ำอยู่ในหลุม ผู้เป็นแม่เห็นก็ลมจับทันที เพราะไอ้เด็กทั้งสามคนนั่นมันมีด้ายสายสินร้อยแขนกันทุกคน ถ้าเด็กมันตกลงไปล่ะไม่รอดแน่นอน อำนวยแกก็เลยไปเกณฑ์คนงานมาขุดปากหลุมให้กว้างขึ้น เพื่อที่จะเอาศพเด็กขึ้นมา ยิ่งขุดมันก็ยิ่งกว้างขึ้นเรี่อยๆ แล้วไอ้หลุมนี่มันก็ลึกมากจริงๆ

    ทีนี้ตอนที่กำลังช่วยกันขุดอยู่ นายใหญ่เข้ามาที่ฟาร์มพอดี ก็เห็นว่าคนงานไปวุ่ยวายอะไรกันแถวนั้น ก็เลยเรียกอำนวยมาถาม อำนวยแกก็เล่าว่ามันเป็นอย่างงี้ๆ ขอแม็คโครมาขุดได้มั้ย นายใหญ่ก็เลยบอกอำนวยว่า "เออ ไปเอาแม็คโครมา แล้วกลบหลุมนั่นซะ" อำนวยได้ยินแบบนั้นแกก็อึ้ง นายใหญ่พูดต่อว่า "รู้มั้ย มันไม่มีบัตร แล้วถ้าขุดขึ้นมาเนี่ย เรื่องมันจะใหญ่แค่ไหน"

    อำนวยแกก็เถียงสู้นายใหญ่อยู่นานนะ แต่ก็พูดไม่ออก พวกหนูรู้มั้ยว่าเพราะอะไร นายใหญ่มันพูดว่า "รู้มั้ย ไอ้ที่พวกไปขุดๆกันนั่นน่ะ หญ้ากูเสียหายไปตั้งไม่รู้เท่าไหร่ ส่วนพ่อแม่เด็ก ให้เงินพวกมันไปหมื่นหนึ่ง แล้วเอารถพากลับประเทศ แต่ถ้ามันไม่ยอมก็ให้มันไปแจ้งความเอา กูก็อยากรู้ว่าพวกมันกับกู ใครจะรอด" อำนวยแกก็ถอดใจไม่พูดต่อ ถึงจะไม่เห็นด้วยแต่ก็ต้องทำตามที่เจ้านายสั่ง"

    พอฟังมาถึงจุดนี้ เจ้าเอ๋จากที่มันเป็นคนไม่ค่อยสะทกสะท้านกับอะไร กลับร้องไห้ออกมาเหมือนเด็กๆ กี้เองก็รู้สึกสะเทือนใจไม่แพ้กัน เราทั้งสองกลับมาถึงห้องต่างก็เก็บข้าวของ ไม่สนใจแล้วว่างานจะผ่านหรือไม่ผ่าน จะได้บรรจุหรือไม่ได้บรรจุ เพราะเราคิดว่าเราไม่สามารถทำงานร่วมกับคนแบบนี้ได้อีกต่อไป

    และอีกเหตุผลหนึ่งที่กี้ต้องรีบออกจากที่นี่ ก็เพราะก่อนที่เราจะกลับจากบ้านแม่ครัว แกเล่าให้เราฟังว่า กลางดึกคืนหนึ่ง อยู่ๆนายใหญ่ก็ร้องตะโกนโวยวายออกมาดังลั่นบ้าน แล้วรีบเหยียบรถออกจากฟาร์มทันที โดยที่ไม่เคยกลับมาที่นี่อีกเลย แต่จะสั่งงานผ่านอำนวยอย่างเดียว ไม่มีใครรู้ว่านายใหญ่เห็นอะไรเข้า

    กี้เองไม่อยากจินตนาการว่านายใหญ่แกเห็นอะไรกันแน่ ถึงได้สติแตกแล้วไม่กล้ากลับมาเหยียบที่นี่อีกเลย เพราะงั้นกี้เลยคิดว่าต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด เพราะกี้ไม่อยากเห็นอะไรแบบเดียวกันกับที่นายใหญ่เห็น และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

จากพันทิป เรื่องของคนตาย...เล่มที่ 41
เรื่องจาก คนอ่านผี

ไม่มีความคิดเห็น