บ้านพักครูหลังโรงเรียน
"บ้านพักครูหลังโรงเรียน" เรื่องเราวความเฮี้ยนจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 2227735 นักเล่าเรื่องสยองกับการกลับมาครั้งนี้ด้วยเรื่องราวที่ต้องหาบทสรุปถึงความเฮี้ยนบ้านพักครูหลังโรงเรียน จะเป็นอย่างไรนั้นต้องขอขอบคุณเรื่องราวหลอนๆไว้ ณ ที่นี้ด้วย มีด้วยกันสองตอน (ตอนสอง ครูผมยาวชุดดำ แสยะยิ้ม ภาคต่อ )
คือ มีครูผู้หญิงคนหนึ่งชื่อ คุณครูสมรศรี
เป็นคุณครูที่เงียบขรึม ไม่ค่อยสุงสิงกะใคร จริงจังกะชีวิต
แต่ยังไม่มีสามี แต่งตัวก็ดูจะออกเป็นหญิงทึนทึกสักหน่อย
มีอยู่ช่วงหนึ่ง คุณครูดูซึมๆ เหม่อลอย บางทีก็แอบไปร้องไห้ในห้องน้ำ
จนเด็กนักเรียนแอบไปเห็นเข้า
ดูเหมือนว่า อาการซึมๆของคุณครูจะไม่ค่อยดีขึ้นเท่าไหร่
จากนั้นไม่นานคุณครูก็หายตัวไป ไม่มาสอนติดต่อกันหลายวัน
จนเช้าวันจันทร์
เด็กนักเรียนคนหนึ่ง มาโรงเรียนแต่เช้า ก่อนใครเพื่อน
รีบเอาการบ้านไปส่งที่โต๊ะ ในห้องพักครู หวังว่าจะเป็นคนแรกที่ส่งการบ้านบนโต๊ะครู
แต่พอเปิดประตูเข้าไปในห้อง
ก็กลับเจอครู สมรศรี นั่งก้มหน้าผมยาวปิดตาอยู่ท่ามกลางความมืด
พอเด็กเห็นก็ตกใจ ว่าครูมานั่งทำอะไรมืดๆหน้าต่างก็ไม่เปิด
พอเดินผ่านครูไป ก็เห็นครูนั่งก้มหน้าเงียบไม่ได้ถามอะไร
หลังจากที่เอาการบ้านไปวางไว้ที่โต๊ะครูอีกท่านหนึ่งแล้ว
นักเรียนก็รีบออกมาจากห้องพักครู
หลังจากนั้นช่วงสาย เด็กนักเรียนคนนั้นก็บอกเพื่อนๆว่า วันนี้ครูสมรศรีมาสอนนะ
เห็นครูตั้งแต่เช้าแล้ว
แต่พอรอจนถึงช่วงพักเที่ยงก็ไม่เห็นครูสมรศรีมาสอนตามที่เพื่อนบอก
เพื่อนก็เลยหาว่า นักเรียนคนนั้น หลอกว่าครูจะมา
กระทั่ง
ช่วงบ่าย ก็มีเด็กวิ่งร้องลั่นมาหาครูที่ห้องพักครู
ปรากฏว่า เด็กพวกนั้นแอบเข้าไปเล่นในอาคารหอประชุมเก่าที่ถูกปิดตาย
แล้วไปเจอศพครูสมรศรีผูกคอตาย ในห้องน้ำ
สภาพศพ ขึ้นอืด หนอนเจาะชอนไชตามใบหน้า เลือดไหล หยดลงพื้นสหยดสยอง
พอครูพากันไปดูศพ ถึงรู้ว่าครูเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ห้าวัน
แล้วเรื่องเล่าของเด็กนักเรียนที่ว่าเจอครูสมรศรีแต่เช้ามืดวันนั้นก็ถูกเล่าต่อๆกันมา
จนไม่มีใครกล้ามาโรงเรียนแต่เช้าคนเดียว
แม้แต่ครูที่จะมาห้องพักครู ยังไม่กล้าเข้าห้องพักครู ต้องรอให้เพื่อนมาก่อนถึงกล้าเข้าห้อง
จากนั้นอีกสามปี
ดูเหมือนเรื่องของครูสมรศรีจะเงียบหายไป
มีครูสาวท่านหนึ่งมาใหม่ ชื่อครู สายหยุด
ช่วงแรกๆที่มาสอนใหม่ๆ ครูก็เป็นคนอัธยาศัยดี พูดคุยสนุกสนาน
แต่พอหลังจากนั้นไม่รู้ว่าเกิดไรขึ้น อยู่ๆครูก็กลายเป็นคนที่เงียบขรึม
ไม่ค่อยพูดจากะใคร
วันหนึ่งครูก็หายไป ไม่มาสอนหนึ่งวัน
แล้ววันต่อมาช่วงบ่าย ครูสายหยุดก็มาสอนตามปกติ
แต่สภาพครู ที่มาสอน ดูโทรม หน้าเหลือง ซีด เดินเหินเหมือนไม่มีเรี่ยวแรง
ช่วงที่ครูยืนสอนนักเรียนอยู่
อยู่ๆก็มีก้อนเลือดตกลงมาจากตัวครู เลือดนองพื้น
เด็กนักเรียนเห็นก็ต่างพากันตกใจกลัว
แล้วครูก็ล้มลง แล้วก็ใจขาดตายอยู่ตรงหน้าชั้นเรียน
หลังจากครูคนอื่นพากันมาดูศพ ถึงรู้ว่า ครูไปทำแท้งมา
แล้วเสียเลือดมาก
หลังจากวันที่ครูสายหยุดเสียชีวิต
มีเด็กคนหนึ่งวันที่ครูเสียชีวิตไม่ได้มาเรียน
อีกวันพอมาโรงเรียน ช่วงที่เพื่อนๆไปเข้าแถวเครารพธงชาติกัน
ตัวเองปวดท้องเลยไปเข้าห้องน้ำ ที่อยู่ตรงกับหลังห้องพักครู
ทำให้ไม่ได้ไปเข้าแถวหน้าเสาธงพร้อมกับเพื่อน
พอทำธุระเสร็จ เดินออกมาจากห้องน้ำ
มองขึ้นไปตรงหน้าต่างห้องพักครู
เห็นครูสายหยุดยืนอยู่ตรงหน้าต่าง มองมาที่ตัวเอง
ตาแดงกำ หน้าตาซีดเซียว
นักเรียนคนนั้นเห็น แล้วตกใจนึกว่า ครูจะดุตัวเองที่ไม่ไปเข้าแถว
เลยรีบวิ่งออกไปเข้าแถว
พอขึ้นห้องก็ไปเล่าให้เพื่อนฟังว่า เมื่อเช้าเจอครูสายหยุด
เห็นตัวเองไม่ไปเข้าแถว ไม่รู้ว่าครูจะมาทำโทษตัวเองหรือเปล่า
พอเพื่อนได้ฟังก็ ถามว่า เห็นครูเป็นยังไง
นักเรียนคนนั้นก็บอกว่า หน้าซีด ตาแดงก่ำ หน้าบึ้งตึง
พอเพื่อนได้ฟังก็ต่างพากันร้องกรี๊ด รีบวิ่งไปรวมตัวกัน
แล้วก็บอกว่า ครูสายหยุดแกเสียไปแล้วตั้งแต่เมื่อวาน
หลังจากป้าแม่บ้านเล่าประวัติหลอนๆที่โรงเรียนที่เราต้องมาฝึกสอนให้ฟัง
ช่วงที่แกมาช่วยทำความสะอาดบ้านพักครู หลังโรงเรียน
ผมกับเพื่อนก็ได้แต่ยิ้มขำๆ
ป้าเล่าได้หลอนดี
บังเอิญผมกับเพื่อนไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้เท่าไหร่
ก็เลยฟังเป็นเรื่องบันเทิงไป
หลังจากเก็บกวาดบ้านพักเสร็จ ป้าแม่บ้านแกก็ทิ้งกุญแจบ้านพักไว้ให้พวกเรา
แล้วป้าก็ขอตัวกลับ
ก่อนป้าจะกลับ อยู่ๆแกก็หันกลับมาหาพวกเรา
แล้วก็พูดว่า
อ้อ.. บ้านพักครูหลังถัดไป ก็มีครูผู้หญิงพึ่งย้ายมาอยู่ใหม่ ชื่อ ครู สาวิตรี
หลังจากมาพักอยู่ที่นี่ได้เกือบๆเดือน
ก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเป็นพิเศษ
ถึงเวลา วันหยุด เสาร์อาทิตย์ ผมกับเพื่อน ก็พากันกลับบ้านตัวเอง
ที่อยู่คนละจังหวัด
หลังจากอยู่ไปได้สักสองสามอาทิตย์ ทุกๆอย่างก็เริ่มเข้าที่เข้าทาง
ผมกับเพื่อนมัวแต่ยุ่งอยู่กับการ ฝึกสอน
จนลืมเรื่องที่ป้าแม่บ้านเล่าให้พวกเราฟังเสียสนิท
จนกระทั่ง วันหนึ่ง
ตอนนั้นผมเดินผ่านไปทางแถวหน้าอาคารที่มีห้องสมุดอยู่ชั้น1
พอเดินผ่านไปก็เจอป้าแม่บ้าน เดินออกมาจากห้องสมุด
แล้วก็รีบมา เรียกผม ว่า
คุณครู คุณครู ว่างไหม ช่วยป้าหน่อย
ผมก็เลยถามว่าจะให้ช่วยอะไร
ป้าก็บอกว่าช่วยมาขนพวกกล่องหนังสือที่เหลือหน่อย
ตอนนั้นผมก็ไม่ได้คิดอะไร ก็เลยเดินตามป้าเข้าไปในห้องสมุด
ช่วงที่เดินตามไป
ป้าก็เหมือนพูดๆ อะไรไประหว่างเดิน
ประมาณว่า ผอ ให้ย้าย ของที่อยู่ในห้องเก็บของ ด้านหลังห้องสมุด
ไปไว้ที่ หอประชุมเก่า
พอดีก็มีคนช่วยขนไปแล้ว ส่วนใหญ่ แต่ว่ายังเหลืออีกนิดหน่อย
ก็เลยขี้เกียจรอ ไหนๆก็เจอผม แล้วป้าก็เลยมาวานผมให้ช่วยยกไปให้หน่อย
พอเดินเข้าไปด้านหลังห้องสมุด จะมีประตูเล็กๆประตูหนึ่ง
เปิดอ้าอยู่ พอเดินเข้าไป ก็จะเป็นห้องเก็บของเล็กๆ
สภาพที่พื้นมีฝุ่นจับเต็มไปหมด มีลังกระดาษใส่หนังสือ ใส่เอกสาร
วางอยู่บนชั้นวางของ สองสามกล่อง
แล้วก็มีหนังสือที่ไม่ได้ใส่ในกล่องอีก วางเรียงกันอยู่บนชั้นวาง
ป้ารีบเอาแมดปิดจมูก แล้วก็บอกให้ผมช่วยยกหนังสือที่เหลือ
มาใส่กล่องเปล่าที่วางอยู่
ผมก็เลยเข้าไปช่วยป้าย้ายหนังสือ กับเอกสารต่างๆ
ยกลงมาใส่กล่อง ที่ป้าเตรียมไว้
ช่วยป้าอยู่พักหนึ่ง ช่วงที่ผมยกหนังสือ ออกมาจากหิ้งนั้นเอง
ผมก็มองเห็น เหมือนเศษผ้าอะไรสักอย่าง
ยัดอยู่ในซอกระหว่างเสากับผนังปูน
มองไปดูมันเป็นชิ้นเล็กๆ เหมือนเศษหยักไย่
ผมก็เลยเอามือไปดึงดู
ปรากกฏว่า ดึงออกมาเป็นผ้าสีเหลืองๆ เก่าๆ
พอดึงออกมาคลี่ดู มันเป็นเหมือนจีวรพระที่ถูกฉีกขาดอะครับ
ขนาดเท่าฝ่ามือ
พอเห็นแบบนั้น ผมก็พลิกดูไปมา ก็ไม่เห็นมีอะไรเขียนไว้
ก็เลยหันไปถามป้าแม่บ้านว่า
ป้านี่ผ้าอะไรผมเห็นมัน ยัดอยู่ในรูข้างๆเสานี่
ป้าก็มัวแต่เก็บหนังสือ ไม่ได้หันมามอง
ก็บอกผมว่า คงเป็นเศษผ้า พวกมาทำความสะอาดทิ้งไว้อะมั้ง
อย่าไปสนใจเลย ทิ้งๆไปเถอะ
พอป้าพูดแบบนั้น ผมก็ได้แต่สงสัย
เอ.. แล้วใครมันไม่ยอมเอาไปทิ้ง เอายัดไว้ทำไมนี่
แต่มองดูเศษผ้าอันนั้นดีๆ มันไม่เหมือนผ้าขี้ริ้วเลย
เหมือนจีวรพระที่ถูกฉีกขาดมากกว่า
ผมก็เลยหยิบหนังสือที่อยู่แถวชั้นนั้น ออกมา
แล้วก็เปิดหนังสือนั้น เอาเศษผ้าไปวางไว้ในหน้านั้น
แล้วปิดหนังสือทับไป
แล้วก็ถึงขนหนังสือ พวกนั้นลงกล่องกระดาษ
แล้วก็มัดด้วยเชื่อกฟาง
พอเก็บหนังสือลงกล่องเสร็จ
ป้าแม่บ้านก็พาผมหิ้วลังใส่หนังสือพวกนั้น
ไปที่หอประชุมเก่า
พอไปถึง หอประชุมเก่า
มันอยู่ด้านหลังของโรงเรียน แต่อยู่คนละฟากกับ หอพักผม
สภาพ เป็นอาคารไม้ขนาดใหญ่ ชั้นเดียว
มองไปรอบๆอาคาร หน้าต่าง ประตู
ทุกทิศมีไม้ตอกตะปูเป็นรูปกากะบาทปิดตายหมด
มีทางเข้าแค่ทางเดียว
ป้าแม่บ้านพาเดินมาถึงตรงประตูทางเข้า ที่เปิดอ้าอยู่
พอเดินเข้าไป บรรยากาศภายใน สลัว สลัว ไม่ค่อยสว่างนัก
เห็น คนสองคนกำลังขนของอะไรกันอยู่ข้างใน
ผมค่อยๆมองไปรอบๆหอประชุม
มันเป็นห้องขนาดใหญ่ เกือบๆเท่าสนามฟุตบอล
มีเพดานสูง ไม่ต่ำกว่า 6 เมตร
มีเวทีการแสดง อยู่ฝั่งที่ผมกับป้ายืนอยู่
ที่พื้นมีเศษไม้ มีเก้าอี้ โต๊ะ ตู้พังๆ วางกองอยู่กับพื้น
เต็มบริเวณนั้นไปหมด สภาพมีฝุ่นจับ
เหมือนไม่มีใครเข้ามาในนี้นานมากแล้ว
ผมมองไปทางเวทีแสดง
เห็นคนสองสามคน อยู่ตรงข้างบนเวที กำลังขนของอะไรกันอยู่
ป้าก็บอกว่า วางไว้ตรงนี้แหละ เดี่ยวพวกป้าจัดกันเอง
แล้วอยู่ๆผมก็นึกถึงเรื่องที่ป้าเล่าขึ้นมาได้
เลยถามแกไปว่า
หอประชุมเก่าตรงนี้หรือเปล่าที่มีครูมาผูกคอตาย
เท่านั้นแหละ ป้าร้อง ว๊าย..?
เอามือมาปิดปากผมทันที
ป้าก็ทำปากประมาณว่า ไม่เอาไม่พูด
แล้วป้าก็ชี้ไปตรงข้างๆเวทีแสดง ตรงมุมอีกด้านไกลๆ
ผมมองตามไป
เห็นมีคล้ายช่องประตู อยู่ข้างๆ เวที
แต่ไม่มีประตูปิด เหมือนประตูถูกรื้อออกไปแล้ว
แต่สังเกตดูข้างบนประตูดีๆ เหมือนมีป้ายเขียนว่า ห้องน้ำ
ผมก็เลยพยักหน้า ให้ป้ารับรู้
แล้วก็เลยขอตัวกลับ
ช่วงที่กำลังจะ ขอตัวออกมา
พอหันหลังจะเดินไปที่ประตู
อยู่ๆก็ได้ยินเสียงดัง โพล๊ะ
ผมรีบหันไปมอง
ปรากฏว่า ลังกระดาษที่ผมหิ้วมา แล้ววางซ้อนกันไว้บนลังอันอื่นๆ
ที่ซ้อนกันอยู่สามสี่ใบ
มันเอนตัว จนตกลงมากองอยู่กับพื้น
เชื่อกที่มัดไว้หลุด ฝากล่องเปิดออก
หนังสือก็กระจายออกจาก ลัง กระดาษ
มีอยู่เล่มหนึ่งกระเด็นมาเกือบถึงหัวแม่เท้าผม
พอผมมองดูหนังสือเล่มนั้น
ปรากฏว่ามัน เหมือนผ้าอะไรแลบออกมาจากขอบหนังสือเล่มนั้น
ผมก็เลยหยิบขึ้นมาดู
อ้าว มันเป็นเล่มที่ผมเอาเศษผ้าเหลืองอันนั้น เก็บไว้นี่
อืม แปลกดี ทำไมมันบังเอิญขนาดนี้
พอป้าแม่บ้านหันมาเห็น
แกก็บอกว่า ไม่เป็นไรทิ้งไว้นั้นแหละ เดี๋ยวป้าจัดการเอง
คุณครูไปสอนเถอะ
ผมก็เลยขอตัวออกมา แล้วก็ไปสอนเด็กตามปกติ
พอถึงช่วงเย็น
มันใกล้จะสิ้นเดือนแล้ว ผมก็เลยกะว่าจะอยู่เคลียร์งานต่อให้เสร็จ
วันนี้กะจะกลับช้าหน่อย ก็เลยบอกเพื่อนว่าไม่ต้องรอ ให้กลับไปก่อน
ตอนนั้นผมนั่งทำงานอยู่ในห้องพักครูคนเดียว
ในห้องมีแค่พัดลมเพดานตัวเดียว
ด้านหลังผมมีหน้าต่าง
ช่วงที่นั่งทำงานอยู่ ก็ได้ยินเสียงเด็กนักเรียน วิ่งเล่นกันอยู่ข้างนอก
ตามปกติ
พอเริ่มนั่งไปได้สักพัก เสียงเด็กก็ค่อยๆ เงียบหายไปที่ละคนสองคน
เพราะ ผู้ปกครองคงมารับกลับบ้าน
จนกระทั่งที่สุด ทุกอย่างก็เงียบลง
รู้สึกว่า ทำงานได้เร็วขึ้นเพราะ พอเริ่มเงียบก็เริ่มมีสมาธิทำงานมากขึ้น
แล้วอยู่ๆก็รู้สึก ในห้องมันมึดลง แบบว่าแสงมันสลัว สลัวลงช้าๆ
ผมหันไปมองหน้าต่างด้านหลัง เห็นค่อยๆปิดเข้ามาช้าๆ
เหมือนมีลมอ่อนๆพัดมัน เลยทำให้ในห้องมืดลงอย่างเห็นได้ชัด
ทำให้ผมต้องเพ่งสายตาไปที่งานมากขึ้น
ตอนนั้นก็คิดว่า ยังไม่เปิดไฟ เพราะเดี่ยวทำไปอีกนิดหน่อยก็จะกลับแล้ว
แล้วอยู่ๆ ผมก็มีความรู้สึกว่า
ด้านหน้าผมมีอะไรค่อยๆเคลื่อนที่ผ่านมาจากทางด้านซ้านมือของผม
ตอนแรก คิดว่ารู้สึกไปเอง
จากที่ตาจ้องอยู่ที่สมุดงาน
ผมก็ค่อยๆเลื่อนสายตาขึ้นมามองผ่านขอบด้านบนของสมุด
แล้วก็เพ่งมองไปยังวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่อยู่
เท่านั้นแหละ ขนหัวผมก็ลุกตั้ง อย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
เพราะเก้าอี้ที่อยู่ข้างหน้าผม มันค่อยๆเลื่อนมาเอง ช้าๆ
จากที่อยู่โต๊ะข้างหน้า
มันก็ค่อยๆเลื่อนมา จนมาหยุดที่หน้าโต๊ะผม
ผมไม่กล้าพูดอะไรออกไป เสียวสันหลังวูบวาบ
ได้แต่มองเก้าอี้ตัวนั้น อย่างจดจ่อ
แล้วมันก็ค่อยๆ หันด้านที่นั่ง มาทางผมช้าๆ
แล้วก็หยุดนิ่ง ราวกับว่ามีคนนั่งเก้าอี้ตัวนั้น
แล้วหันมาทางผม
ผมตกใจมาก รีบลุกขึ้น ชะโงกหน้าไปดูที่ข้างหน้าโต๊ะผม
ใครแกล้ง หรือเปล่าวะ
แต่ก็ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย
ผมรีบหันไปมองรอบๆห้อง
เป็นครั้งแรกในชีวิตเลยครับ ที่รู้สึกกลัวผีขึ้นมา
จากที่เมื่อก่อนไม่เคยกลัวอะไรเลย
เพราะบรรยากาศในห้องมันดูวังเวง เย็นยะเยือก
สะโหลสะเหล ขมุกขมัว ยังไงชอบกล
แล้วก็ไม่กล้ามองอะไรมาก เพราะกลัวจะเห็นสิ่งที่ไม่อยากเห็น
สุดท้ายผมก็รีบตัดสินใจ ค่อยๆเดินออกมาจากโต๊ะช้าๆ
เดินผ่านหน้าโต๊ะผมที่มีเก้าอี้ตัวนั้น
ใจเต้นตุ๋มต่อมๆ แต่ไม่ได้มอง
จนออกมจาก นอกห้องได้
แล้วก็รู้สึกเหมือนคนเข่าอ่อน ขาไม่มีแรงเดิน
พอออกมานอกห้องได้
ตอนนั้นก็ยังไม่หกโมงเย็นเลย
บรรยากาศก็ไม่ได้มืดเท่าไหร่
แต่ทำไม ตอนอยู่ในห้องนั้น มันดูเหมือนจะมืดมากแล้ว
พอกลับไปถึงหอพัก
ผมก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง
พยายามทำตัวเฮฮาเหมือนเดิม กลบเกลื่อนไป
ผ่านไปสองสามวัน
ก็จะถึงวันหยุดแล้ว
ปกติผมกับเพื่อนจะพากันกลับบ้านพร้อมกัน ในวันเสาร์
แต่อาทิตย์นี้ พอถึงวันศุกร์ เพื่อนมีญาติผ่านมาแถวนี้ ก็เลยแวะมาหา
เขาก็เลยกลับบ้านกับ ญาติเขาตั้งแต่เย็นวันศุกร์
คืนนั้นผมเลยต้องนอนคนเดียวที่บ้านพักครูหลังนั้น
ช่วงเย็นหลังจากเพื่อนกลับบ้านไปแล้ว
ผมก็เลยปั่นจักรยานเล่นไปรอบๆถนนที่เป็นสันครูด้านหลังโรงเรียน
พอขากลับ พระอาทิตย์ใกล้อัสดงแล้ว
ปั่นผ่านบ้านพักครูแต่ละหลัง ปรากฏว่า เหมือนจะไม่มีใครอยู่กันเลย
สงสัยกลับบ้านกันหมด
จนผมปั่นมาใกล้จะถึงบ้านที่ผมพักอยู่ ก็ผ่านหน้าบ้านครูสาวิตรี
เห็นครูกำลังหิ้วกระเป๋าเดินออกมาขึ้นรถมอไซค์รับจ้างพอดี
ผมก็เลยหยุดถามครูสาวิตรี
กลับบ้านหรือครู
ครูก็หันมายิ้มให้แล้วก็บอกว่า จ๊ะ วันหยุดยาวใครๆก็กลับหมดแหละ
แล้วเธอไม่กลับบ้านหรือ
ผมก็เลยบอกว่า กลับพรุ้งนี้ครับ
แกก็ยิ้มให้ก่อนจะขึ้นมอไซค์ไป
พอผมปั่นมาถึงบ้าน ขึ้นมาบนบ้านแล้วถึงมานึกได้ว่า
วันจันทร์มันวันหยุด มิน่าถึงมีแต่คนกลับบ้านกันหมด
นี่แสดงว่า วันนี้ที่โรงเรียนไม่มีใครอยู่เลยสักคนสิเนี้ย
นั่งพักได้สักพัก อยู่ๆก็มีโทรศัพท์โทรเข้ามา
เป็นเสียงครูสาวิตรี
เธอๆพี่ลืมถุงน้ำพริกอ๋องกับไส้อั่วไว้ตรงบันใดบ้านอะ
เธอไปเอามากินหน่อยสิ พี่เสียดาย
ผมก็เลยบอกว่า ครูไม่กลับมาเอาหรือครับพึ่งออกไปเอง
ครูสาวิตรีก็เลยบอกว่า
ขึ้นรถแล้ว พึ่งนึกได้ เธอไปเอามากินเถอะ
จะได้ให้แฟนเธอกินด้วย
พูดมาถึงตรงนี้ผมก็ตกใจ รีบแย้งแกไปว่า
แฟนที่ไหนครับ ผมยังไม่มี
พูดไม่ทันจบเลย ครูสาวิตรีก็พูดว่า
อ้าว ก็ผู้หญิงที่ยืนอยู่ใต้ถุนบ้านเธอไง ที่ผมยาวๆปะไหล่
นั่งมอไซค์ผ่านเมื่อกี้ยังเห็นอยู่เลย เธอไม่ต้องอายหรอก
พอได้ยินครูบอกแบบนั้น ผมนี่ขนลุกซู่ขึ้นมาตามแขนขาเลยครับ
รีบหันไปมองนอกหน้าต่าง เห็นท้องฟ้าก็เริ่มสลัวสลัวแล้ว
ก็เลยรีบตอบแกไป
ครูอย่าล้อเล่นสิ ผมอยู่คนเดียวจริงๆ
ครูสาวิตรีหัวเราะเหมือนไม่เชื่อ ก่อนจะพูดอะไรสองสามประโยคแล้วก็วางหูไป
จากนั้นผมก็เปิดไฟในบ้านไว้ แล้วก็ ปั่นจักรยานไปเอาถุงไส้อั่วที่บ้านพักคุณครูสาวิตรี
พอเดินขึ้นบันใดไปหยิบถุงที่วางอยู่บนขั้นบันใด ผมก็มองไปทางบ้านพักที่ผมพัก
เห็นหน้าต่างห้องผมเปิดอยู่ ข้างในเปิดไฟไว้ ถ้ามีใครอยู่ในห้องนั้นก็จะมองเห็นแค่รูปร่าง
ไม่เห็นหน้า เพราะมันไกลพอสมควร
รอบๆบ้านเป็นป่า พอช่วงพระอาทิตย์ตกดินแสงเริ่มมืดลง
ก็ทำให้บรรยากาศที่ผมเห็นรอบบ้าน ดูวังเวงยิ่งขึ้น
ผมรีบปั่นจักรยานกลับมาที่บ้านพัก
แล้วก็รีบหุงหาอาหารกินตามปกติ
เสร็จแล้วก็มานั่งทำงานต่อที่โต๊ะข้างๆเตียงที่ผมนอน
จนประมาณสักเกือบสามทุ่ม ก็เลยว่าจะไปอาบน้ำ
เปลี่ยนมานุ่งผ้าขนหนูเสร็จ กำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
โทรศัพท์ก็ดังขึ้น พอรับสายก็เป็นเพื่อนโทรมาคุยด้วย
คุยกับเพื่อนอยู่ครู่หนึ่ง แป๊บๆ ดูนาฬิกาอีกที จะสี่ทุ่มแล้ว
ก็เลยรีบไปอาบน้ำ
ตอนนั้นไม่ได้คิดอะไรเลย เพราะปกติเป็นคนไม่ค่อยกลัวผีอยู่แล้ว
แต่พอเดินเข้าไปในห้องน้ำเท่านั้นแหละ
อยู่ๆก็เริ่มได้กลิ่นน้ำอบหอมๆลอยมาเข้าจมูก
เป็นกลิ่นอ่อนๆ ก็เลยแปลกใจพยายามมองหา
เพื่อนมันเอาน้ำอบมาใช้หรือเปล่า
แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เปิดน้ำล้างหน้า
ก้มลงไปล้างหน้าแล้วลุกขึ้นมามองกระจก
คราวนี้กลิ่นน้ำอบนั้นมันชัดเจนขึ้น
จนผมต้องหยุด นิ่งแล้วพยายามสูดหายใจแรงๆเพื่อพิสูจน์กลิ่นนั้นต่อ
แล้วความรู้สึกบางอย่างก็เกิดขึ้นมาเลยครับ
มันเหมือนกลิ่นบรรยากาศในงานศพอะครับ
พอนึกอย่างนั้นขึ้นมาได้ กลิ่นเหม็นเหมือนซากอะไรก็ลอยปนมากับน้ำอบทันที
ผมร้อง เฮ้ย..
ค่อยๆหันไปมองรอบๆตัว มองหาว่ามีจิ้งจกตุ๊กแกอะไรมาตายในห้องน้ำหรือเปล่า
แต่ก็ไม่เห็น
แล้วกลิ่นเหม็นเน่านั้นก็เริ่มแรงขึ้น จนกลิ่นน้ำอบเริ่มจางลงไป
ขนแขนผมลุกซู่ขึ้นมาอีก มองดูแขนตัวเองรูขุมขนลุกราวกะหนังไก่
ผมรีบใส่ผ้าขนหนู เดินออกมาจากห้องน้ำ
กลิ่นเหม็นนั้นยังติดจมูก
รีบเดินไปที่ โต๊ะหนังสือ จำได้ว่า เพื่อนเอาหนังสือธรรมะ หนังสือพระมาด้วย
เลยรีบไปเปิดอ่านดู เปิดไปมาอยู่สองสามเล่ม
มีบทหนึ่งเขียนว่า ถ้าอยู่ๆได้กลิ่นเหม็นเหมือนศพเน่าขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ
นั้นแสดงว่า เขามาขอส่วนบุญ ให้เราแผ่เมตตาให้เขาแล้วก็ทําบุญตักบาตรให้ดวงวิญญาณนั้น
ผมรีบเอาหนังสือเล่มนั้นเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วก็อ่านบทแผ่เมตตา อ่านจบก็บอกว่า
พรุ้งนี้จะทำบุญตักบาทไปให้นะ
พูดจบ ปรากฏว่า กลิ่นเหม็นนั้น หายไปเลยครับ
ไม่มีกินน้ำอบ ไม่มีกลิ่นเหม็นเน่า
ผมก็เลยรีบอาบน้ำต่อ
พอเดินออกมาจากห้องน้ำแล้วปิดไฟห้องน้ำ
พอในห้องน้ำมืดๆ เดินออกมาแล้วก็เสียวสันหลังวูบวาบอย่างบอกไม่ถูก
หลังจากนั้น พอแต่งตัวเสร็จ
แล้วผมก็เปิดไฟหน้าห้องน้ำทิ้งไว้ หลอดหนึ่ง
ก่อนจะเข้านอน ผมก็สวดมนต์ก่อนนอน
ซึ่งปกติไม่เคยสวดมนต์ก่อนนอนเลย
แต่วันนี้.. บรรยากาศมันวังเวงจนรู้สึกไม่ปกติ
หลังจากพยายามข่มตาหลับอยู่พักหนึ่ง
ช่วงกำลังจะเคลิ้มๆหลับ
อยู่ๆก็ได้ยินเสียง ประตูเปิดดัง "เอี๊ยด...." ช้าๆ
ทำให้ผมสะดุ้งขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
พอตั้งใจฟังดีๆ เหมือนเสียงนั้นมันดังมาจากทางห้องน้ำ
สงสัยงับประตูห้องน้ำไม่สนิท
แล้วอยู่ๆก็รู้สึกเย็นที่เท้าขึ้นมาทันทีเลยครับ
ผมรีบหดเท้ามาอยู่ใต้ผ้าห่ม พยายามคลุมโปงทั้งตัว
แล้วสวดแผ่เมตตาอีกครั้ง
สวดผิดๆถูกๆ ลนลานมาก
แล้วก็พยายามข่มตาให้หลับ
สักพักใหญ่ก็หลับไป
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
โปรดติดตามตอนต่อไป ครูผมยาวชุดดำ แสยะยิ้ม
เรื่องจากพันทิป บ้านพักครูหลังโรงเรียน
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 2227735
Post a Comment