"สางดงในคืนเดือนดับ" ตอน 2 จบภาค1
สำหรับคนที่พลาดตอนที่1 ของ "สางดงในคืนเดือนดับ" ตอน 1 และเนื้อเรื่องกำลังสนุกน่าติดตามมากในตอน2 ซึ่งเป็นตอนจบของภาค1 เรื่องจากสมาชิกหมายเลข 3108333 กราบขอบพระคุณคุณปู่ท่านนี้ด้วย
ในชั่วขณะนี้เอง คุณอนุวัฒน์ก็ได้นึกถึงคำพูด ของพระธุดงภ์ในความฝัน ที่ท่านได้เตือนไว้ว่า จงอย่าได้เชื่ออะไรในสิ่งที่ตาเห็น มันอาจจะเป็นภาพลวงตาก็ได้ จึงทำให้รู้สึกเฉลียวใจฤาษีตนนั้น ขึ้นมาในทันที คุณอนุวัฒน์ได้ดึงมือท้าวคำใส เพื่อเข้าไปที่มุมข้างๆของผนังถ้ำ แล้วได้พูดกระซิบเล่าเรื่องราวที่เกิดแคลงใจ ให้ฟังท้าวคำใสได้ฟัง โดยปรึกษากันเพียงลำพังเพียงเงียบๆ มันต้องเป็นอย่างที่คุณคิดไว้แน่นอนครับ ท้าวคำใสเอ่ยตอบเงียบๆ เจ้าสางดงตัวนี้มันมีอิทธิฤทธิ์มากมาย ดังนั้นมันอาจจำแลงแปลงกาย มาเล่นงานเราก็เป็นได้ คุณอนุวัฒน์กล่าวสำทับเบาๆอีกครั้ง ทว่าในตอนนี้ ผมเหลือกระสุนเงินไม่เกิน 20นัด กับกระสุนเหล็กไหลเพียง 2นัด และมีมีดหมอโบราณเล่มเดียวเท่านั้น ถ้าเราจะเล่นงานมัน เที่ยวนี้ เราต้องเอามันให้จอดไปเลย ไม่งั้นเรานี่แหล่ะจะต้องตายครับ ท้าวคำใสบอกคุณอนุวัฒน์เสียงเครียด อย่างน้อยถ้าเกิดจวนตัว ผมว่าพวกเราก็ยังสามารถหนีลงแพได้นะ อีกไม่นาน ฟ้าก็คงจะสว่างแล้วแหล่ะ คุณอนุวัฒน์กล่าวออกความเห็นอีกครั้ง
เมื่อบุคคลทั้งสอง ได้ปรึกษาหารือกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินกลับออกมาที่หน้าปากถ้ำอีกครั้งหนึ่ง พลันฤาษีตนนั้น ก็ได้เอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง พลางพูดขึ้นว่า ไอ้หนุ่มเอ้ย..พวกเอ็งช่วยข้าหน่อย พาข้าขึ้นไปหลบมันข้างบนหน่อย ฤาษีชราผู้นั้นกล่าวขอร้องอย่างน่าเวทนา เมื่อสถานการณ์เข้าสู่สภาวะวิกฤต ท้าวคำใสจึงได้ไปหยิบเอามีดหมอโบราณที่พกมา แล้วแอบคาดไว้ที่เอวตน แล้วเดินเบียดตัวไปกระซิบข้างหูคุณอนุวัฒน์เบาๆว่า รีบไปรูดซิบทางด้านขวามือเป้สะพายหลังของผม เอากระสุนปืนลูกซองสีเขียวที่มีอยู่ 2ลูกนั้น บรรจุเข้าปืนไว้เตรียมยิงได้ทันทีนะ มันเป็นกระสุนเหล็กไหล ให้ยิงเข้าปากหรือทวารใดๆก็ได้ เมื่อฟังท้าวคำใสพูดจบ คุณอนุวัฒน์รีบไปเอากระสุนปืนที่ว่านั้น พลันหักคอปืนลูกซองแฝดคู่กาย ยัดลูกกระสุนใส่รังเพลิงอย่างรวดเร็ว ด้วยใจที่สุดระทึก
แล้วการสนทนาต่อรอง ระหว่างฤาษีชรากับเหล่าคณะตัดไม้ ก็เริ่มขึ้นทันที นี่มันก็ใกล้สว่างแล้วตา นั่งอยู่ด้านล่างนั่นแหล่ะ ปากถ้ำมันอยู่สูงตาปีนขึ้นมาก็ลำบากตัวเองเปล่าๆ ถ้าเกิดมันมาเดี๋ยวพวกเรายิงไล่ให้ พวกเรามีปืนกันทุกคน ตาไม่ต้องห่วงนะ ดาบเริงกล่าวบอกฤาษีชราที่อยู่ด้านล่างปากถ้ำเสียงดัง บ๊ะ..พวกเอ็งนี่ คนแก่บาดเจ็บมาขอความช่วยเหลือ ทำไมถึงใจดำกันนักวะ ฤาษีชราพูดตอบอย่างไม่พอใจ ตานั้นเป็นฤาษีแล้วทำไมไม่เหาะขึ้นมาล่ะ ไม่มีวิชาเหาะเหินเดินอากาศบ้างหรือ ทิดหมานเอ่ยถามติดตลก เอาเป็นว่า ถ้าพวกเอ็งไม่อยากจะช่วย ถ้าอย่างนั้นข้าปีนขึ้นไปเองก็ได้วะ พูดจบฤาษีชราผู้นั้น ก็ทำท่าเกาะไต่จะปีนขึ้นมาที่ลานหน้าปากถ้ำทันที ถ้าตาปีนขึ้นมาผมยิงจริงๆด้วย คุณอนุวัฒน์กล่าวหน้าตาตื่นพลางยกปืนลูกซองแฝดกระสุนเหล็กไหล เล็งไปที่ฤาษีชราตนนั้นทันที แต่ทว่า ท้าวคำใสรีบคว้ามือเอาไว้ พลางกระซิบที่ข้างหูคุณอนุวัฒน์เบาๆว่า อย่ายิงครับ..เราไม่รู้ว่าหัวใจหรือจุดตายมันอยู่ตรงไหน ต้องรอทวารมันเปิดเท่านั้น แล้วชั่วอึดใจนั้นเอง ฤาษีชราก็ไต่ปีนขึ้นมาเรื่อยๆ จนขึ้นมาใกล้ถึงบริเวณหน้าปากถ้ำนั้นเต็มที ในจังหวะนั้นเอง ที่ท้าวคำใสได้ก้มตัว ยื่นมือลงไปช่วยดึงฤาษีนั้นขึ้น โดยท้าวคำใสได้ยื่นมือซ้ายไปจับมือฤาษีชราข้างหนึ่งดึงไว้อย่างแน่น เมื่อฤาษีชรานั้นได้แหงนหน้ามองขึ้นบน สบตากับท้าวคำใส แต่ทว่า ดวงตาคู่นั้นมันหาใช่ตาของมนุษย์ไม่ พลางฤาษีชราผู้นั้นก็ได้พูดว่า ข้าขอบใจเอ็งมากนะไอ้หนุ่ม เอ็งช่างมีน้ำใจกว่าใครเพื่อนเสียเหลือเกิน ใจพระแท้ๆ สิ้นเสียงฤาษีชรากล่าวเอ่ยชมจบ ท้าวคำใสก็ควักมีดหมอออกมาจากเอว แล้วแทงกดไปที่ท้ายทอยของฤาษีชราผู้นั้นอย่างแรงทันที พร้อมกับเอามือดันส่งให้ร่างฤาษีนั้นให้ร่วงลงสู่พื้นดินทันที พลั่ก ร่างของฤาษีชรานั้นตกใส่พื้นดินอย่างแรง พลัน ก็เกิดเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวด แต่เสียงของฤาษีชราผู้นั้น มันกลายเป็นเสียงของสัตว์ป่าที่น่าสยดสยอง ร่างฤาษีชรานั้นได้นอนแน่นิ่งอยู่สักพักหนึ่ง พลันก็ลุกขึ้นยืนตัวตรง แล้วยืนแหงนสายตามองมาบนปากถ้ำด้วยดวงตาเบิกโพลงแดงฉาน มีขนสีดำขึ้นบนใบหน้านั้น และที่ปากมีเขี้ยวงอกยาว ราวกับฟันเสือ แล้วตาแก่ฤาษีคนนั้นก็พูดขึ้นว่า พวกเอ็งคิดหรือ ว่ามีดหมอกระจอกๆแบบนี้จะทำอะไรข้าได้ ข้าเฝ้ารอดูดเลือดมนุษย์มานานแล้ว อย่างไรเสียวันนี้ พวกเอ็งในที่นี้จะไม่มีใครรอดสักคนเดียว5555 5555 จากนั้นฤาษีชรานั้นก็กลายร่างเป็นตัวสางดงในทันที บัดซบเอ้ย..ทำไมอิทธิฤทธิ์มันเยอะนักวะ ร่างมันคงกระพันหรือไงนี่ ดาบเริงกล่าวสบถขึ้นเสียงดัง
ในขนะที่เจ้าสางดง กำลังเดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ทางขึ้นปากถ้ำ อย่างมีอาการทุลักทุเลเนื่องจากอาการบาดเจ็บ จากการถูกกระสุนลูกปะคำในครั้งก่อน และโดนมีดหมอลงอาคมของท้าวคำใส เมื่อมันเข้ามาใกล้ก็โดดตะกายโขดหิน ทำท่าเหมือนจะกระโจนขึ้นมาบนลานหน้าปากถ้ำเสียให้ได้ ทันทีนั้นเอง เสียงปืนลูกซอง ก็ดังกัมปนาทขึ้น อย่างต่อเนื่อง เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆ ดังสนั่นก้องทั่วทั้งไพร โดยที่อ้ายโหน่ยกับอ้ายเฮือง เป็นผู้ลั่นกระสุน ซึ่งเป็นลูกกระสุนเงินที่เหลืออยู่ 20นัดนั่นเอง ร่างของเจ้าสางดงนั้นเซล้มลง ตามแรงปะทะของลูกกระสุนเงิน นอนหมอบฟุบที่ด้านล่างของปากถ้ำนั้น แล้วก็มีเสียงของคุณอนุวัฒน์ดังขึ้น ไอ้ฮวดเอ็งรีบไปหยิบปิ๊บน้ำมันก๊าดมาเร็ว คุณอนุวัฒน์ตะโกนสั่งปู่ฮวด พลางชี้นิ้วไปในถ้ำ ปู่ฮวดรีบวิ่งไปหยิบปิ๊บที่บรรจุน้ำมันก๊าดขนาด 5ลิตร ส่งไปให้คุณอนุวัฒน์ทันที คุณอนุวัฒน์รีบเปิดฝาปิ๊บออก แล้วเทน้ำมันก๊าดราดไปยังร่างของเจ้าสางดง ที่นอนหมอบฟุบอยู่หน้าถ้ำจนเปียกโชก พลางตะโกนบอกให้ลูกน้อง ไปหยิบท่อนฟืนที่ติดไฟอยู่ในถ้ำมาโดยเร็ว เพียงอึดใจ ทิดหมานก็ถือท่อนฟืนที่ติดไฟวิ่งออกมาจากถ้ำ ท้าวคำใสได้ตะโกนบอกทิดหมานออกไปว่า รีบโยนไฟใส่ตัวมันเลย พลันทิดหมานก็โยนท่อนไม้ที่ติดไฟอยู่นั้น ใส่เจ้าอสูรกายร้ายตัวนั้นอย่างว่องไว พรึบบบบบ เมื่อเปลวไฟถูกกับน้ำมันก๊าดที่เปียกโชกเจ้าสางดงนั้น ก็เกิดการลุกไหม้ขึ้นมาในทันที เจ้าสางดงมันลุกขึ้นยืน พลางร้องโหยหวนอันเนื่องมาจากความร้อนที่ลุกไหม้นั้น แต่มันก็หาสิ้นฤทธิ์ไม่ มันพยายามจะกระโจนขึ้นปากถ้ำให้ได้ ทั้งๆที่ตัวของมันมีไฟลุกอยู่ มันออกแรงตะกายอย่างสุดกำลัง แล้วในทันทีนั้น ปืนคาร์บิ้น m1ทั้ง 3กระบอก ของทิดหมาน ดาบเริงและทิดกราด ต่างลั่นกระสุนสาดไปยังร่างเจ้าสางดง อย่างต่อเนื่อง เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คงเป็นเพราะแค่กระสุนธรรมดา จึงไม่สามารถทำอะไรมันได้มากนัก เพียงแต่ป้องกันไม่ให้มันปีนขึ้นมาได้ถนัดเท่านั้น เจ้าสางดงได้พยายามปีนขึ้นมาเรื่อยๆ จนขึ้นมาถึงบริเวณปากถ้ำได้สำเร็จ คณะตัดไม่ทั้งหมดทุกคน ได้พากันวิ่งหลบเจ้าสางดงที่ไฟกำลังลุกท่วมกายนั้น พากันวิ่งหนีมันเข้าไปในถ้ำทันที ทันใดนั้นเอง เจ้าอสูรกายร้ายเมื่อตามมาถึง มันก็พุ่งโจมตีไปทางทิดหมานก่อนใครเพื่อน ทิดหมานได้ทิ้งตัวล้มลงโดดหลบคมกรงเล็บเจ้าสางดง หวุดหวิดไปเพียงเสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น ท้าวคำใสตะโกนลั่น สั่งเด็กๆในคณะตัดไม้ดังลั่น พวกเอ็งรีบพากันหนีออกจากถ้ำไปก่อนเร็ว จงรีบพากันวิ่งไปรออยู่ที่แพ สิ้นเสียงสั่งท้าวคำใส ปู่ฮวด นายทอง นายแสง นายกล้า และทิดกราด ได้พากันวิ่งตัวเปล่า สวนมาหน้าปากถ้ำ โดยที่นายทองได้จับเจ้าโทน เสือโคร่งตัวน้อยใส่ย่าม แล้วทั้งหมด กระโจนลงจากปากถ้ำลงพื้นที่สูงเกือบ 3เมตรทันที
พักหนึ่งอ้ายเฮือง อ้ายโหน่ย ดาบเริง และทิดหมาน ก็ได้โดดตามลงมาอย่างรวดเร็ว โดยที่ทุกคนนั้นต่างวิ่งจ้ำอ้าว ตรงไปยังแพไม้ไผ่อย่างรวดเร็ว ตามคำตะโกนสั่งของดาบเริงว่า วิ่งไปที่แพเร็วโว้ย โดยที่ในถ้ำนั้นเหลือเพียงคุณอนุวัฒน์กับท้าวคำใสเท่านั้น ที่กำลังต่อสู้กับเจ้าสางดงอยู่อย่างพัลวัล โดยทั้งคู่ ใช้ท่อนฟืนในกองเพลิงขนาดกำถนัดมือ วิ่งวน หลอกล่อเจ้าสางดง ต่างช่วยกันกระหน่ำตีเจ้าอสุรกายตนนั้นอย่างสุดกำลัง เมื่อเจ้าสางดงเซถลาล้มลงด้วยแรงฟาดท่อนไม้ของท้าวคำใส คุณอนุวัฒน์รีบควักปืนสั้นแบบลูกโม่ขนาด .38ออกจากเอว สาดลูกกระสุนใส่เจ้าปีศาจร้ายนั้นอย่างไม่ยั้ง เปรี้ยงๆๆๆๆๆ แต่กระสุนเหล่านั้นก็มิอาจทำอะไรมันได้มากนัก เพียงแค่ทำให้มันเสียหลักเพียงเล็กน้อย เมื่อชายทั้งสอง เห็นท่าที ว่าคงต่อสู้กับมันไม่ได้แล้ว ผมว่าคุณรีบหนีออกจากถ้ำเถอะครับ ผมจะลองใช้ระเบิดแท่งจัดการมันดู ท้าวคำใสตะโกนบอกคุณอนุวัฒน์ รีบวิ่งไปขึ้นต้นไม้ใหญ่เลยครับ ท้าวคำใสเอ่ยบอกสำทับอีกครั้ง ทันทีนั้น คุณอนุวัฒน์ได้กระโจนลงจากลานหน้าปากถ้ำสูงนั้นทันที วินาทีนั้นเอง ท้าวคำใสหยิบระเบิดแท่งออกมาจากย่าม รีบขว้างมันไปยังกองไฟ ที่พวกเขาได้ก่อให้เป็นแสงสว่างในถ้ำ ซึ่งถ้านับระยะห่างจากจุดยืนของเจ้าสางดงตัวนั้น ก็เพียงราวเมตรครึ่ง แล้วท้าวคำใสก็รีบวิ่งสะพายย่ามที่ใส่ระเบิดแท่งออกมาจากถ้ำนั้น อย่างรวดเร็ว รีบกระโจนลงจากลานดินหน้าปากถ้ำนั้นทันที ตูมมมมมม แรงระเบิดดังขึ้นกึกก้อง ท้าวคำใสล้มกลิ้งหมุนตัว แล้วรีบลุกขึ้นยืนโดยเร็ว มาทางนี้ครับๆ เสียงคุณอนุวัฒน์ตะโกนเรียกอยู่บนต้นไม้ใหญ่ ซึ่งห่างออกไปราวๆ 40เมตร ท้าวคำใสออกวิ่งจ้ำอ้าว ไปขึ้นต้นไม้ใหญ่ ที่คุณอนุวัฒน์ปีนรออยู่ก่อนแล้วนั้นนั้นอย่างรวดเร็ว
เมื่อในขณะที่ทุกคน ต่างพากันออกวิ่งมาถึง ในจุดที่ผูกแพไม้ไผ่ลอยน้ำรออยู่แล้ว ก็ได้เพียงแต่รอคุณอนุวัฒน์กับท้าวคำใสเท่านั้น ที่ในขณะนี้กำลังปีนต้นไม้หนีเจ้าสางดง ทั้งคู่เหน็ดเหนื่อยแทบหมดจะกำลังวังชา และคงมีเพียงแต่ระเบิดแท่งในย่ามสะพายข้างของท้าวคำใส กับปืนลูกซองยาวที่บรรจุกระสุเหล็กไหลเพียง 2นัด ที่คุณอนุวัฒน์สะพายหลังไว้เท่านั้น ส่วนปืนลูกโม่ขนาด .38ของคุณอนุวัฒน์ เห็นทีคงไม่สามารถทำประโยชน์อะไรได้มากนัก พอทั้งคู่หนีเจ้าสางดงขึ้นต้นไม้ใหญ่ได้สำเร็จแล้ว ท้าวคำใสรีบนำระเบิดแท่งออกมากำไว้ที่มือแน่น รอจังหวะ เขวี้ยงใส่เจ้าสางดง ที่วิ่งตามมาแล้วหยุดเดินวนอยู่บริเวณใต้ต้นไม้นั้น เมื่อเจ้าสางดงนั้นย่างสามขุมเดินเข้าใกล้บริเวณโคนต้นไม้ ท้าวคำใสรีบจุดสายชนวนระเบิด ขว้างลงไปใส่เจ้าสางดงทันที ตูมมมม เจ้าสางดงกระโดดหลบทันไปอย่างฉิวเฉียด แรงระเบิดสร้างความสะเทือนไปทั่วทั้งผืนป่า แต่ทว่า มันยังพยายามเดินวนจะเข้ามาให้ใกล้โคนต้นไม้นั้นให้ได้ เพื่อที่จะขึ้นมาขย้ำบุคคลทั้งสอง แต่มันก็มิอาจเข้ามาใกล้แนววิถีของระเบิดแท่งได้ ได้เพียงแค่เดินวนคำรามอยู่ใต้ต้นไม้นั้นเอง ระเบิดของเราเหลืออีกเยอะมั้ยครับ คุณอนุวัฒน์เอ่ยถามท้าวคำใสขณะที่อยู่บนต้นไม้ทั้งคู่ เหลืออีกแค่ 4ลูกครับ ท้าวคำใสเอ่ยตอบพลางสายตาก็มองลงในย่ามสะพายข้าง แล้วเอ่ยบอกกลับมายังคุณอนุวัฒน์ทันทีว่า เราต้องใช้เขวี้ยงให้เข้าจุดจังๆที่สุดครับ เอาให้มันโดนไปแล้วชนิดที่ว่าเสียหลักไปเลย แล้วเราจึงจะสามารถวิ่งหนีไปยังที่ผูกแพนั้นได้
และในขณะที่ทุกคน ต่างยืนรอที่ชายตลิ่งของลำเง็ก เพื่อเตรียมตัวขึ้นแพหนีเจ้าสางดงทางน้ำ บรรยากาศรอบๆข้าง ก็เป็นไปอย่างเงียบสงัด พวกเขาได้แอบหลบซ่อนตัว อยู่ท่ามกลางความมืดมิดนั้น อย่างลุ้นระทึก เจ้าวัฒน์มันบอกให้พวกมารออยู่ตรงนี้ก่อน เดี๋ยวมันจะรีบตามมา ป่านนี้มันกับท้าวคำใสจะเป็นอย่างไรบ้างนะ พวกเราก็ไม่ได้ถืออาวุธออกมาเลยซักคน ดาบเริงเอ่ยบอกทุกคนในคณะ เสียงเเผ่วเบาอย่างอ่อนใจ แล้วไอ้ทองหล่ะแกเอาไอ้โทนออกมาด้วยหรือเปล่า ทิดหมานเอ่ยถามนายทองเบาๆ อ่อ ช่วงชุลมุนฉันรีบจับตัวมันยัดใส่ย่าม แล้วก็กระโจนออกมาจากถ้ำ มันอยู่กับฉันนี่แหล่ะ พี่ไม่ต้องห่วง นายทองรีบเอ่ยบอกทิดหมาน พลัน ในทันทีนั้นเอง ก็ปรากฏร่างของชายฉกรรจ์ราวๆ เกือบ10คน พุ่งตรงออกมาจากสุมทุมพุ่มไม้ ตรงเข้ามายังทุกคนที่รอขึ้นแพไม้ไผ่ ซึ่งได้ผูกลอยไว้อยู่ในลำเง็กนั้น ชายลึกลับทั้งหมดก็ได้เข้ามาประชิดตัว ซึ่งที่มือของทุกคนที่กรูเข้ามานั้น ต่างถือปืนที่มีทั้งลูกซอง และมือปืนกลมือเล็กยาวชนิด stg44อาวุธสงครามมาตราฐานนาซี แล้วกลุ่มคนลึกลับเหล่านั้นก็อุทานขึ้นว่า เฮ้ยพวกเอ็งหยุดเดี๋ยวนี้ อย่าคิดต่อสู้ แล้วรีบเอามือยกขึ้นเหนือหัวซะ ชายร่างใหญ่ที่ดูแล้วเหมือนหัวหน้ากลุ่มพูดเสียงดังโผงผาง พลางเอาปลายกระบอกปืนในมือนั้น กระแทกกดจี้ไว้ที่ศรีษะของดาบเริงทันที แล้วลูกน้องของชายคนนั้น ก็รีบเอาปลายกระบอกปืน ทั้งปืนสั้นและปืนยาว จี้เอาไว้ที่ศรีษะของขณะตัดไม้ทุกๆคน รวมถึงปู่ฮวดด้วย เมื่อมีเหตุอันไม่คาดฝันเกิดขึ้น ทุกคนในคณะตัดไม้ ต่างรีบยกมือขึ้นไว้ตามคำสั่งชายลึกลับนั่นในทันที อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อมีการเผชิญกันระหว่างคณะตัดไม้ กับกลุ่มคณะบุคคลลึกลับ การสนทนากันจึงได้เกิดขึ้นทันที พวกเอ็งเป็นใคร แล้วมาทำอะไรบนภูนี้วะ ชายร่างใหญ่หัวหน้ากลุ่มคนนั้นถามขึ้นเสียงดัง ในขณะที่เอาปลายกระบอกปืนจี้ที่ศรีษะดาบเริงไว้ พวกผมเป็นคนตัดไม้สักข้ามฝั่งมาจากเมืองไทยครับ ดาบเริงตอบเสียงสั่นเครือ อ้าวเป็นคนไทยกันหรือ ชายคนเดิมอุทานขึ้น ใช่จ๊ะ พวกผมเป็นคนไทย ทิดหมานเอ่ยตอบย้ำ เฮ้ย พวกเอ็ง เอาปืนลงก่อน ชายคนเก่าสั่งลูกน้องเสียงดัง จากนั้นกลุ่มคนทั้ง 2คณะ ก็ได้คุยกันถึงที่มาที่ไป รวมถึงเหตุการณ์ต่างๆที่ได้เกิดขึ้น จากนั้นชายคนดังกล่าวจึงได้เอ่ยเล่าว่า ข้าชื่อ เล่าอู อยู่บ้านหลวงน้ำทา ต้องถูกตามล่าจากทหาร ด้วยรัฐบาลกลางเวียงจันทร์ ส่งกองกำลังไปสังหารคนในหมู่บ้านพวกข้า เพราะเขานั้นคิดว่า พวกข้า เป็นพวกขบวนการปลดแอกชาติ เป็นพวกกบฏฝักใฝ่ฝ่ายอักษะ จนทำให้พวกเรา ต้องหนีตาย ระหกระเหินหนีมาจนถึงภูเวียงฟ้านี่แหล่ะ ล่องเรือยนต์มาเรื่อยๆ กะว่าจะหนีไปให้เข้าป่าลึก จึงล่องผ่านเลียบโขง ผ่านเข้าทางเขตหนองคำไซ ลัดเลาะมาตามลำเง็ก ขึ้นมาเรื่อยๆนี่แหล่ะ จนกระทั่งมาเจอแพพวกเอ็งลอยน้ำอยู่ ก็จอดซุ่มดูอย่างสงสัย พอได้ยินเสียงปืนยิงกันดังขึ้นระงมผืนป่า ก็เลยพากันหลบขึ้นฝั่ง เพื่อซ่อนตัวอยู่ในป่านี่แหล่ะ ไม่คิดเลย ว่าจะเป็นเสียงคนยิงสู้กับผีป่า เคยได้ยินแต่คำร่ำลือเล่าอ้าง ว่าป่าแห่งนี้มีอาถรรพ์ผีป่าแรง วันนี้จะได้ลองของจริงแล้วโว้ย 5555ชายที่ชื่อเล่าอูพูดแล้วพลางหัวเราะ มันวันอะไรนี่ ต้องเจอทั้งผีโป่งค่าง ทั้งตัวสางดง ทั้งกลุ่มคอมมิวนิสต์ ทิดหมานเอ่ยกระซิบที่รูหูปู่ฮวดเบาๆ จนปู่ฮวดนั้น ต้องรีบสะกิดแขนทิดหมานไว้ แล้วกระซิบว่า อย่าพูดมากไปพี่ทิด
พลัน ก็มีเสียงระเบิดแท่งดังขึ้นสนั่นป่า ตูมมมม ซึ่งมันเป็นจังหวะที่ท้าวคำใส ขว้างระเบิดแท่งใส่เจ้าสางดงตัวนั้น ขว้างพลาดไปนิดเดียวเองครับ แต่อย่างน้อย มันก็ไม่กล้าเข้ามาใกล้โคนต้นไม้ที่เราอยู่ ท้าวคำใสเอ่ยบอกคุณอนุวัฒน์ ขณะที่ทั้งคู่ อยู่ด้วยกันบนกิ่งต้นไม้ใหญ่ เราพอจะยื้อเวลาได้ถึงตอนฟ้าสางมั้ยครับ คุณอนุวัฒน์เอ่ยถามขึ้น เหลือเวลาราว 3ชั่วโมงกว่าๆครับ ยังไงก็ต้องลองดูก่อน ท้าวคำใสเอ่ยตอบขึ้นเสียงเรียบตาก้มมองนาฬิกาข้อมือ ในขณะที่เจ้าสางดงนั้น ก็ได้แต่ดินวนเวียน เพื่อจะหาทางขึ้นต้นไม้นี้ให้ได้ มันมองแหงนขึ้นด้านบนด้วยความโกรธแค้น แยกเขี้ยวแสย๊ะ ร้องคำรามเสียงก้องผืนป่า โฮร่กกกก....
หลังจากที่มีเสียงระเบิดดังขึ้น สนั่นราวไพร ทุกๆคนก็รู้สึกร้อนใจ เพราะเกรงว่าคุณอนุวัฒน์และท้าวคำใส จะเสียท่าให้แก่เจ้าสางดงตัวนั้น จึงได้ขอร้องคณะของนายเล่าอู ให้รีบไปช่วยเหลือเขาทั้ง 2 ก่อนที่จะสายเกินไป ขอจงช่วยพวกผมหน่อยเถอะครับ พวกเราไม่มีอาวุธเหลือเลย ดาบเริงเอ่ยขอร้องนายเล่าอู ก็ได้ เดี๋ยวพวกข้าจะลองดู ถือว่าช่วยเพื่อนร่วมโลกก็แล้วกัน นายเล่าอูเอ่ยบอกดาบเริง ไปเร็วพวกเอ็ง รีบไปกับข้า ดูเตรียมกระสุนปืนให้พร้อมนะ ข้าอยากจะรู้นักว่าภูติไพรแบบนี้ มันจะทนทานต่อกระสุนปืนของเราได้มั้ย5555 นายเล่าอูพูดสั่งลูกน้องเสียงเข้มพลางหัวเราะโลกสวย แล้วทันทีนั้น..นายเล่าอูได้ให้ลูกน้องติดตามไปด้วย 5คน เตรียมอาวุธปืนลูกซองพร้อมสัพ และมีดาบเริง ได้ขอติดตามออกไปปฏิบัติการนี้ด้วย จากนั้นคณะของนายเล่าอู ที่มีดาบเริงติดตามไปด้วยนั้น ได้ค่อยๆเดินเลาะป่าละเมาะพุ่มไม้เล็กๆ ย่องแอบเข้ามาด้านหลังถ้ำ แล้วทุกคนก็รีบหมอบคลานต่ำ โดยบังตัวให้อยู่ใต้พุ่มไม้เล็กๆที่ปกคลุมอยู่อย่างหนาทึบ เมื่อทั้งคณะมองออกไปด้านหน้า ก็ปรากฏภาพของเจ้าสางดงตัวนั้น กำลังเดินวนเวียน รอบโคนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง แล้วจากนั้นพวกเขา จึงเริ่มปรึกษาหารือกันขึ้นทันที จากจุดที่เราซ่อนตัวอยู่นี้ เราอยู่ห่างจากตัวเจ้าสางดงนั่น ราวๆเกือบ 50เมตรเห็นจะได้ นายเล่าอูเอ่ยขึ้นเบาๅ เอ่ยบอกดาบเริง ก็ประมาณนั้นแหล่ะครับ ดาบเริงเอ่ยตอบเสียงเบา เอาเป็นว่าถ้าอย่างนั้น เดี๋ยวพวกข้าจะวิ่งออกไปยิงหลอกล่อมัน ให้มันวิ่งตามออกไปทางชายป่าโน้นเลย แล้วจากนั้น แกก็วิ่งไปบอกคนบนต้นไม้นั้น ให้รีบลงมาโดยไว แล้วหนีไปที่แพนั่น บอกให้คนของแกทั้งหมดขึ้นแพ และช่วยบอกลูกน้องของข้าด้วย ให้ทุกคนขึ้นบนเรือ เตรียมไว้เอาสายเชือกที่มีอยู่ มัดลากแพของพวกแกติดไว้กับเรือ เตรียมพร้อมที่จะติดเครื่องเรือทันที เดี๋ยวพวกข้าจะยิงล่อหลอกมันตามไป แล้วจะรีบวิ่งหนีมันไปขึ้นเรือให้ได้โดยไว เราจะปฏิบัติการนี้ด้วยเวลาเพียง 5นาที นายเล่าอูพูดสั่งการดาบเริงเบาๆในรูคอ
ทันทีที่พูดจบ นายเล่าอูและลูกน้องอีกอีก 2คน ก็ค่อยๆคลานเลาะเลียบไปตามพุ่มไม้เเตี้ยๆ คลานไปอย่างช้าๆ เนือบๆ เพื่อให้รอดพ้นสายตา ของเจ้าสางดงที่กำลังเกรี้ยวกราด บุคคลที่อยู่บนต้นไม้ ทั้ง 2คนนั้น ดาบเริงตอนนี้หัวใจกำลังเต้นระทึก ใจสั่นรัวๆ ประหนึ่งชายหนุ่ม กำลังจะบอกรักหญิงสาวที่แอบชอบ รอเพียงวินาทีเสียงปืนดังจากนายเล่าอู เป็นการส่งซิกส์เท่านั้น เขาก็จะต้องรีบวิ่งไปยังต้นไม่ใหญ่ เพื่อรีบบอกให้คุณอนุวัฒน์และท้าวคำใส รีบลงต้นไม้นั่น แล้วหนีไปลงแพ ที่ลอยลำคอยท่า อยู่ที่ลำเง็ก
ใขณะที่กลุ่มของคณะตัดไม้ ซึ่งมีทิดหมาน ทิดกราด นายทอง นายแสง นายกล้า อ้ายเฮือง อ้ายโหน่ยและปู่ฮวด กับลูกน้องของนายเล่าอูอีก 5คน ต่างพานั่งลุ้นระทึกอยู่ในความมืดมิดภายใต้พุ่มไม้เตี้ยๆ ชายตลิ่งลำเง็ก อยู่ใกล้ๆกับแพ ทุกคนมีสีหน้าที่หวาดวิตก ทิดหมานจึงขอบุหรี่เส้นของชาย 1ในลูกน้องนายเล่าอูมามวนสูบเพื่อแก้เครียด อ้ายโหน่ยจึงเอ่ยถามไปยัง นายบุญโฮม หนึ่งในลูกน้องของนายเล่าอูเสียงเบาๆ พวกคุณเดินทางจากปากแม่น้ำโขงเข้ามาถึงที่นี่ราวๆกี่กิโลเมตรครับ ถ้าจากปากแม่น้ำโขงเข้ามานี่ก็ราวๆ ไม่เกิน 10กิโลเมตรครับ นายบุญโฮมตอบเสียงเบา ก่อนพูดสำทับกลับมาอีกว่า คณะของเราปะทะกับทหารของรัฐบาลกลาง หาว่าเราพวกอาข่า ฝักใฝ่ฝ่ายอักษะ เป็นพวกฟราสซีต นิยมเผด็ดการ จากจำนวนเราทั้งหมู่บ้านเกือบ 100คน เราก็ต้องแยกกันหนี ที่ต้องตายไปเพราะทางการก็มีเยอะ ทางกลุ่มเราก็ดีหน่อยที่มีเรือยนต์ ถึงมันจะเก่าไปหน่อย แต่ก็ทำให้หนีออกแม่น้ำโขง มาถึงนี่จนได้แหล่ะครับ เรากะว่าจะหนีเข้าป่าลึก ให้หายสาบสูญไปเลย พอดีมาเจอแพพวกคุณเสียก่อน คิดว่าพวกทางการส่งมาก็เลยแอบหลบดูอยู่ในป่า สิ้นเสียงสารภาพนายบุญโฮม มันก็เป็นเสียอย่างนี้แหล่ะครับ วิถีทางของการเมืองแถบบ้านเรา ทิดหมานเอ่ยขึ้นเบาๆ อย่างให้กำลังใจ เราโดนทางการหมายหัวมีรางวัลนำจับ คนละ 200บาทไทย กะว่ารอให้เรื่องเงียบ ตกลงกัน จะข้ามโขงไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เมืองไทย นายบุญโฮมกล่าวบอกอีกครั้ง ในขณะที่คาบบุหรี่อยู่
เมื่อดาบเริง ได้เตรียมตัวพร้อมแผนการทีนายเล่าอูได้วางแผนไว้แล้ว ก็หมอบในป่าละเมาะ แอบมองดูเจ้าสางดงด้วยใจที่ระทึก อยู่ข้างๆกันกับลูกน้องนายเล่าอูอีก 2คน ใต้พุ่มไม้เตี้ยๆ โดยที่เจ้าอสูรกายกำลังเดินเกรี้ยวกราด อยู่ใต้โคนต้นไม้ใหญ่ ที่คุณอนุวัฒน์และท้าวคำใส ขึ้นหนีมันอยู่ข้างบนคาคบนั้น วินาทีนั้นเอง เสียงปืนลูกซองของคณะนายเล่าอู ก็ดังกัมปนาทขึ้น 3นัดซ้อน เปรี้ยงๆๆ ลูกกระสุนดังกล่าว พุ่งออกมาทางพุ่มไม้ที่อยู่ทางทิศเหนือของต้นไม้ กระสุนชนิดลูกโดด วิ่งกระทบร่างเจ้าสางดงทันที เสียงปืนใครกัน คุณอนุวัฒน์เอ่ยขึ้น ขณะที่นั่งอยู่ด้วยบนคาคบไม้ สงสัยมีคนมาช่วยเราครับ ท้าวคำใสเอ่ยตอบเบาๆ เมื่อเจ้าสางดงต้องกระสุนนิรนาม มันก็เบนจุดสนใจโดยพลัน หันวิ่งออกไปเล่นงาน ไปตามต้นเสียงนั้นทันที
ในขณะที่เจ้าสางดงวิ่งไปหากลุ่มของนายเล่าอูนั้น ดาบเริงได้พุ่งตัวออกไป จากพุ่มไม้ที่กำบังตัวอยู่ทันที ออกควบไปที่โคนต้นไม้ที่คุณอนุวัฒน์และท้าวคำใสหลบอยู่ด้านบน เจ้าวัฒน์ พวกนายรีบลงมาจากต้นไม้เร็วเข้า พวกข้าพาคนมาช่วยแล้ว สิ้นเสียงพูดดาบเริง ทันใดนั้น ชายทั้งสองก็ไต่ลงมาได้ถึงครึ่งต้น แล้วก็กระโดดลงมา เป็นไปตามแรงโน้มถ่วงของโลกตามกฎของนิวตันทันที ตุ๊บๆ วิ่งไปที่แพเลยพวก ดาบเริงเอ่ยบอกเสียงดัง ไป พวกเรารีบวิ่งเร็ว คุณอนุวัฒน์ตะโกนสั่งเสียงดัง จากนั้นชายทั้ง 3ก็ออกวิ่งจ้ำอ้าว วิ่งหนีจากเหตุการณ์อันเลวร้ายนั้น ใปในที่ที่แพไม้ไผ่นั้นลอยน้ำอยู่ที่ตลิ่งลำเง็ก
ด้านทางฝั่งของนายเล่าอูนั้น เมื่อสาดกระสุนปืนใส่เจ้าสางดงแล้ว ก็ได้ออกวิ่ง ควบหนีออกมาทันที โดยทั้งหมดได้ตั้งหน้าตั้งตาวิ่ง หนีออกมาวิ่งตามกัน ฝ่าดงพงไพร ใครมีแรงเท่าไหร่ก็ใส่เท่านั้น รีบไปที่เรือเร็ว นายเล่าอูตะโกนสั่งลูกน้องขณะวิ่งตามกันมาเป็นทาง มันวิ่งไล่เรามาแล้วลูกพี่ เสียงเอ่ยบอกของชายที่เป็นลูกน้องนายเล่าอู รีบยิงสะกัดมันเร็วเข้า นายเล่าอูสั่งลูกน้องเสียงดัง พลางหันหน้ามาประจันกับเจ้าสางดงที่กำลังวิ่งใส่ด้วยความเร็ว มือกดไกปืน เปรี้ยงๆๆๆ แต่ในขณะนั้นเจ้าสางดงได้พุ่งตรง เข้าเล่นงานบักเทิงเด็กหนุ่มลูกน้องนายเล่าอู ที่กำลังยกปืนลูกซองประทับบ่าทันที แล้วพุ่งกัดไปที่ลำคอของบักเทิงอย่างจัง เป็นจังหวะเดียวกันที่บักเทิงลั่นไกปืน เปรี้ยง อ้ากกก ช่วยผมด้วย บักเทิงร้องลั่นป่า เพราะเจ้าสางดงกระโดดกัดขย้ำเข้าที่คอ ฝังเขี้ยวเข้าอย่างจัง ไอ้เทิง นายเล่าอูอุทานอย่างตกใจ ก่อนที่จะช่วยกันกับลูกน้องที่เหลืออีก 1คนนั้น กระหน่ำยิงด้วยปืนลูกซองใส่เจ้าอสูรกายนั้น อย่างบ้าคลั่ง เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆเสียงปืนดังสนั่นก้องราวไพร
เมื่อดาบเริง คุณอนุวัฒน์และท้าวคำใส ได้ออกวิ่งมาจนกระทั่งถึงแพนั้นแล้ว ดาบเริงก็ได้ตะโกนสั่งทุกคนเสียงดังขึ้นทันที พวกเราทุกคนเตรียมตัวขึ้นแพเดี๋ยวนี้ พร้อมกับบอกลูกน้องของนายเล่าอูให้รีบกลับหัวเรือบดลำใหญ่ ให้หันโฉมหน้าออกกลับลงไปจากภูเวียงฟ้า จากนั้นจึงรีบเอาสายเชือกส้นใหญ่จากเรือลำนั้น เอาไปมัดที่ท้ายเรือแล้วผูกลากไว้กับแพอย่างรวดเร็ว พวกเอ็งทุกคนรีบขึ้นเรือแล้วติดเครื่องเรือไว้รอเลยเลย ดาบเริงตะโกนสั่งลูกน้องนายเล่าอูทั้ง 7คนนั้นทันที และกล่าวสำทับขึ้นอีกมาว่าไอ้ทอง ไอ้ฮวด ไอ้แสง ไอ้กล้าพวกเอ็งรีบไปขึ้นเรือนั้นก่อน เดี๋ยวพวกนายเล่าอูมาจะได้โดดขึ้นที่แพนี้เลย ชายทั้ง 4คนเมื่อได้ยินคำสั่งก็กุลีกุจอไปขึ้นเรือบดอย่างรวดเร็ว รีบติดเครื่องเรือไว้รอเลย ท้าวคำใสสั่งลูกน้องนายเล่าอูทันที ปู่ฮวดได้เล่าว่า ด้วยเครื่องยนต์เรือสมัยก่อนนั้น เป็นเครื่องยนต์ขนาด 3สูบ แรงม้าไม่สูงแต่แรงบิทเยอะ มีวิธีการสตาร์ท คือต้องดึงกระชากสายเพื่อปั่นจานเฟืองเครื่องให้เกียร์ทำงาน เนื่องจากในสมัยนั้นยังไม่ค่อยมีแบตเตอร์รี่ใช้กัน การสตาร์ทจึงหนัก ต้องออกแรงเยอะ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ลูกน้องของนายเล่าอูดึงกระชากสายสตาร์ท ครั้งแล้วครั้งเล่า แคร่กๆๆๆ แต่อนิจจา เครื่องยนต์ก็ยังไม่สามารถ ที่จะจุดระเบิดให้ลูกสูบทำงานได้เสียที บัดซบเอ้ย เมื่อไหร่มันจะติดวะ ชายร่างผอมผู้ดึงสายสตาร์ทเครื่องยนต์อุทานเสียงดังขึ้น ทุกๆคนต่างลุ้นระทึก ได้แต่ขอภาวนาสิ่งศักสิทธิ์ ให้เครื่องยนต์ติดขึ้นเร็วๆ แคร่กๆๆๆๆ เร็วเข้าซิวะ ทิดหมานอุทานขึ้นระคนความตื่นเต้น โดยที่มือนั้นก็อุ้มเจ้าโทน เสือโคร่งตัวน้อยอยู่
การสตาร์ทเครื่องยนต์นั้น ได้เป็นไปอย่างเร่งรีบ พลันเครื่องยนต์ขนาด 3สูบก็ทำงานขึ้น จุดระเบิดขึ้นในทันที บรึ่นนๆๆๆ สาธุ ให้มันติดซักทีเถอะ อ้ายโหน่ยอุทานขึ้นอย่างดีใจ พวกเราทุกคนขึ้นแพขึ้นเรือหมดแล้วใช่มั้ย ดาบเริงเอ่ยถามเพื่อเน้นย้ำความพร้อมของทุกคน ขณะที่เรือยนต์ติดเครื่องลอยลำอยู่นั้น พลัน เล่าอูและลูกน้องอีกหนึ่งคนก็ได้วิ่งมาอย่างรวดเร็ว เร็วๆเข้า รีบมาขึ้นแพเลย ดาบเริงตะโกนบอกผู้ที่กำลังวิ่งมาที่ชายตลิ่งลำเง็ก ทันทีที่มาถึง นายเล่าอูและลูกน้องอีกหนึ่งคนก็กระโจนขึ้นแพอย่างว่องไว ก่อนที่บุญโฮมจะตะโกนถามมาจากในเรือว่า แล้วบักเทิงล่ะลูกพี่ ทำไมมันยังไม่มา ก็บักเทิงเสร็จมันแล้วล่ะสิ พวกเราชะล่าใจคาดการผิด คิดว่าจะเอาไอ้ผีบ้านั่นด้วยปืนได้ง่ายๆ ดาบเริงก็ไม่ยอมบอกกันบ้างเลย ว่ามันเป็นปีศาจชัดๆ วิ่งไล่เล่นงานพวกข้าซะเกือบแย่ ดีนะที่ยังหนีมันมาได้ นายเล่าอูตะโกนบอกเสียงดัง โธ่..ไอ้เทิงเอ้ย ไปดีเถอะเพื่อนรัก เสียงชายคนหนึ่งในคณะนายเล่าอูอุทานขึ้น รีบไปเถอะมันกำลังวิ่งไล่ตามมาแล้ว เล่าอูรีบบอกขึ้นโดยพลัน
พลัน ก็ปรากฏร่างเจ้าสางดงวิ่งควบ 4ขา ราวกับม้าศึก ออกจ้ำอ้าวมาด้วยความเร็วสูง ดวงตาสีแดงลุกโชน มันพุ่งทะยานตรงเข้ามาที่กลุ่มคนเหล่านั้น ด้วยระยะที่ห่างจากลำแพ ออกไปประมาณเกือบ 30เมตร เฮ้ย.. รีบออกเรือเร็วเข้า นายเล่าอูตะโกนสั่งบักผ่องพลขับทันที พร้อมทั้งสาดกระสุนปืนลูกซองที่ถืออยู่ใส่เจ้าสางดง ที่ทะยานพุ่งตรงมาที่แพ ยิงใส่อย่างไม่ยั้งทันที เปรี้ยงๆๆๆ เจ้าสางดงชะงักขึ้นเล็กน้อยเมื่อร่างปะทะกับลูกกระสุน แล้วเรือก็ค่อยๆพุ่งออก ลอยลำไปสู่ลำเง็กในทันที พร้อมกับการลากแพไม้ไผ่ลำนั้น ลอยล่องไปออกสู่กลางลำเง็ก พร้อมกับการหายใจที่แสนโล่งอกของทุกๆคน เพราะเจ้าสางดงทะยานควบตามมา ได้แต่เพียงหยุดมองตาปริบๆ ที่ชายน้ำริมตลิ่งลำเง็ก พลางร้องคำรามกึกก้องเสียงดัง อย่างเกรี้ยวกราด โกรธแค้น โฮร้กกกๆๆๆๆๆ.... แล้วเจ้าสางดงตัวนั้น ได้กลายร่างเป็นฤาษีชราทันที โดยยืนที่ชายตลิ่งนั้น ได้หัวเราะเสียงดังลั่นขึ้น 5555 5555 พวกเอ็งคิดหรือ ว่าจะหนีข้าพ้น เสียงตะโกนลอยแว่วเข้ามาดังกึกก้อง จนทุกคนที่อยู่ในเรือและแพนั้น ต้องขนลุกไปตามๆกัน มันเป็นภูติไพรที่มีอิทธิฤทธิ์มากจริงๆ ยากนักที่จะกำจัดมันได้ ท้าวคำใสกล่าวบอกทุกคน ขณะนั่งเหยียดขาหมดแรงอยู่บนแพ ที่ค่อยๆเลื่อนลอยไปตามลำน้ำ ผมอยากให้ถึงเช้าเร็วๆ จะได้หลุดพ้นจากป่านี่ซักที คุณอนุวัฒน์เอ่ยสำทับอย่างอ่อนแรง พลางเร่งบุหรีเส้นมวนเองในมือเป่าควันออกปากโขมง
แล้วเรือบดติดเครื่องยนต์ ลากจูงแพขนาดความกว้าง 5เมตร ความยาว 7เมตร ค่อยๆล่องลอยจากลำเง็กออกมาเรื่อยๆ ตอนนี้กี่มันยามแล้ววะ คุณอนุวัฒน์เอ่ยถามทิดหมาน อีกราว 20นาทีจะตี 4แล้วครับ ทิดหมานก้มมองที่นาฬิกาข้อมือ ก่อนเอ่ยตอบเสียงเบา รออีกนิดเดียวก็เช้าแล้วครับ อ้ายเฮืองกล่าวสำทับทันที คุณคิดว่ามันจะติดตามเรามาอยู่มั้ย นายเล่าอูกล่าวขึ้นถามคุณอนุวัฒน์ ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันครับ ตราบใดที่ฟ้ายังไม่สว่าง เราก็ไว้ใจอะไรไม่ได้เหมือนกัน ในทันทีนั้นเอง ทิดหมานก็เอ่ยขึ้นเสียงดังลั่น พร้อมกับจี้ไฟฉายในมือ ขึ้นไปบนฝั่งชายตลิ่งของลำเง็ก พระเจ้าช่วย เมื่อทุกคนมองออกไป ก็พบกับดวงตาแดงกรุ่นของสัตว์ร้าย ที่ลุกโชนอยู่ ทุกๆคน ดูนั่นสิครับ เจ้าสางดงมันแอบตามเรามา ยืนอยู่บนชายตลิ่งนั่น บัดซบเอ้ย มันจะจองเวรจองกรรมกันไปถึงไหนวะ อ้ายโหน่ยอุทานสบดดังลั่น รีบยิงมันเลย มันยืนอยู่บนฝั่งโน่น ท้าวคำใสอุทานสั่งการทันที วินาทีนั้น นายเล่าอูก็บอกลูกน้องให้ลั่นกระสุนปืนกลมือ ไปยังที่ชายตลิ่งจุดที่อยู่มันนั้นทันที ลูกน้องของนายเล่าอูรีบลั่นกระสุนปืนกลเล็กทั้ง 3กระบอก โดยพวกเขายืนขึ้น แล้วยิงกระสุนออกจากเรือลำนั้น คล้ายกับหนังฝรั่งฟอร์มยักษ์ จนพวกปู่ฮวดต้องรีบเอามือขึ้นปิดหู เพราะเสียงดังสนั่นป่าไพร ราวกับสงครามกลางเมืองที่ปากีสถาน เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ๆๆๆ ลูกพี่ครับ พวกเราก็ยิงถูกมันจังๆ แต่มันไม่สะทกสะท้านเลยครับ เป็นเสียงของนายบุญโฮมตะโกนลั่น ออกมาจากบนเรือนำหน้า ที่แล่นไปด้วยความเร็วราวๆ 40ไมล์ทะเลต่อชั่วโมง พลัน ในวินาทีนั้นเอง ร่างของเจ้าอสูรกายร้ายสางดงตัวนั้น ก็แปลงกลายเป็นฤาษีชราโดยทันที ท่ามกลางความตกตะลึง ของทุกๆคนที่อยู่บนเรือและแพ แล้วฤาษีชราผู้มีท่าทีอันน่าสยองนั้น ก็ยืนหัวเราะร่า ด้วยใบหน้าที่แสนน่ากลัว เพราะมีขนที่ใบหน้าและเขี้ยวที่งอกยาวออกมา แล้วมันก็หัวเราะร่า5555 55555 ในทันทีนั้น ก็มีลมพัดกระหน่ำอย่างแรง เป็นเพราะพลังแห่งอาถรรพ์ของเจ้าผีป่าตนนั้นนั่นเอง สายลมได้พัดต้นไม้ ที่อยู่ริมตลิ่งลำเง็กไหวเอนไปมา ถึงวินาทีนั้นเอง ร่างฤาษีชรานั้น ก็รีบก้าวขาลงในลำเง็ก แล้วยื่นเท้าออกเหยียบไปที่ขอนไม้ขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นซากของต้นไม้ใหญ่ อันล้มลงเพราะหมดอายุขัยตามธรรมชาติ แล้วฤาษีชราก็ยืนเหยียบบนขอนไม้นั่น จากนั้นโดยที่ฤาษีชราก็ได้ยืนบนขอนขอนไม้ใหญ่ ที่มันค่อยๆลอยตามคณะกลุ่มคนเหล่านั้น มาเรื่อยๆโดยการใช้มนต์ตราอวิชาของมันควบคุม รีบออกไล่ตามเรือบดติดเครื่องยนต์ที่ลากจูงแพอยู่นั้น แล้วเจ้าอสูรนั่นก็ตะโกนเสียงดังว่า พวกเอ็ง..จะรีบหนีไปไหน5555 5555 มาให้ข้ากัดกินซะดีๆ เสียงฤาษีชราเอ่ยขึ้น อย่างเย็นยะเยือก ขณะยืนเหยียบบนขอนไม้ตามมา อยู่ห่างๆออกไป ไอ้ผ่อง เอ็งรีบเร่งเครื่องยนต์เร็วๆเข้า นายเล่าอูตะโกนสั่งบักผ่องพลขับเสียงดังลั่น ฉันเร่งเกือบสุดแล้วลูกพี่ บักผ่องพลขับเรือบดตะโกนตอบมายังแพไม้ทันที ก่อนที่นายเล่าอูกับลูกน้องอีก 1คนที่อยู่บนแพ จะหันไปกระหน่ำยิงยังร่างของฤาษีสาง ที่ยืนบนขอนไม้ห่างไปราว 40เมตร ด้วยปืนลูกซองในมือทันที เปรี้ยงๆๆๆๆๆๆๆๆ กระสุนลูกปรายปืนลูกซองเข้ากระทบร่างผีป่านั้นจังๆ แต่มันแทบไม่ปรากฏผลลัพท์ใดๆเลย ทุกคนหลบทางฉันหน่อย เสียงท้าวคำใสเอ่ยขึ้น พูดจบท้าวคำใสก็แหวกกลุ่มคนที่อยู่ด้านท้ายของแพ พร้อมกับล้วงมือไปในย่าม ควักเอาระเบิดแท่งขึ้นมาจุดสายชนวนทันที แล้วท้าวคำใส ก็ทะยานขว้างลูกระเบิดนั้นสุดแรงเกิดทันที ตูมมม ลูกระเบิดนั้น ลอยไปตกห่างจากฤาษีเฒ่าราวๆ 2วา แรงระเบิดทำให้น้ำกระเด็นลอยขึ้นสูงเกือบ 10เมตร เจ้าฤาษีร้ายนั่นเสียหลักแทบจะหัวขะมำ เกือบโดนแล้วครับ อีกนิดเดียวเอง คุณอนุวัฒน์เอ่ยเสียงดัง ก่อนพูดสำทับกลับมาว่า ตอนนี้เราเหลือระเบิดอีกกี่ลูกครับ เหลือแค่ 2ลูกเท่านั้นครับ ท้าวคำใสรีบเอ่ยตอบทันที รอมันเข้ามาใกล้ๆแล้วค่อยลองใหม่ครับ เล่าอูเอ่ยบอกเสียงดังลั่น ก่อนที่จะกล่าวเพิ่มเติมอีกมาว่า ตอนนี้เราใกล้จะถึงปากร่วมแม่น้ำโขงแล้วครับ อีกไม่ถึง 2กิโลเมตร แล้วคณะตัดไม้และกลุ่มของนายเล่าอู ก็ถูกการไล่ล่าทางน้ำ จากสางดงในร่างฤาษีชรา อย่างไม่ยอมลดละ ทุกๆคนต่างพากันหนีด้วยใจที่ระทึก เมื่อเรือยนต์ลอยออกตามลำเง็กยาวมาเรื่อยๆ เพื่อที่จะออกไปสู่แม่น้ำโขงให้ได้
แล้วจนกระทั่งเรือแล่นมาใกล้ถึงบริเวณปากร่วมแม่น้ำโขง ซึ่งห่างออกไปอีกไม่เกิน 700เมตร เห็นจะได้ พลัน เสียงบักผ่องพลขับเรือยนต์ก็อุทานดังขึ้นอย่างตกใจ ลูกพี่ครับเรามีปัญหาแล้ว น้ำมันเชื้อเพลิงใกล้หมด เครื่องยนต์มันเริ่มกระตุก กำลังใกล้จะดับแล้วพี่ ถ้างั้น เอ็งรีบบังคับเรือไปจอดเทียบฝั่งด้านขวาเลย เร็วๆเข้า นายเล่าอูตะโกนบอกบักผ่องพลขับเรือเสียงดัง จากนั้นก็ตะโกนบอกไปยังคนอื่นๆอีกว่า เมื่อเรือจอดเทียบฝั่งได้แล้ว ขอให้ทุกคนรีบขึ้นบนบก แล้วออกวิ่งตามข้าไปเลย ข้าจะนำวิ่งไปหลบที่วัดร้างแห่งหนึ่ง อย่างน้อยก็น่าจะหลบมันในโบถส์นั้นได้บ้าง สิ้นเสียงของนายเล่าอู เครื่องยนต์ก็สั่นสะเทือนขึ้น และก็มีอาการกระตุกเล็กน้อย แล้วเรือนั้นก็ดับโดยพลัน แล้วเรือก็ได้ไถลเข้าประชิดขอบชายฝั่ง เป็นไปตามแรงส่งทางฟิสิกส์ พร้อมๆกับแพลำที่ลากจูงมานั้นด้วย พวกเรารีบขึ้นไปเลย แล้ววิ่งตามข้ามาเลยนะ นายเล่าอูบอกคณะเสียงดัง พลัน ทุกๆชีวิตต่างรีบขึ้นบนบก มองห่างออกไปเห็นฤาษีเฒ่าปีศาจผู้นั้น กำลังขึ้นขอนไม้ใหญ่ลอยตามมาใกล้เรื่อยๆ อยู่ในระยะที่ห่างออกไปราวๆ 30กว่าเมตร พวกเรารีบวิ่งไปเลย นายเล่าอูออกคำสั่ง แล้ววิ่งนำหน้าหมู่คณะด้วยความเร็ว ชนิดที่เรียกว่า วิ่งหนีตายทันที
ทันทีที่ทุกคนก้าวขาขึ้นชายตลิ่งเรียบร้อยแล้ว ท้าวคำใสก็ทำการจุดสายชนวนระเบิดแท่ง แล้วขว้างใส่ไปยังฤาษีปีศาจที่กำลังยืนบนขอนไม้ ที่ลอยตามมาอยู่ในลำเง็ก ที่อยู่ห่างออกไปราวๆ 30เมตรนั้น ตูมมม เสียงระเบิดดังลั่นสนั่นภิภพ เจ้าอสูรกายนั้นกระเด็นเสียหลัก ร่างร่วงหล่นจากขอนไม้ตกลงลำเง็ก ด้วยฤทธิ์แรงระเบิดแท่ง แล้วทุกคนจึงต่างพากันออกควบ ตามติดนายเล่าอูไปอย่างไม่คิดชีวิต วัดร้างอยู่อีกไกลมั้ยครับ คุณอนุวัมฒ์ตะโกนถามนายเล่าอู ขณะก้าวขาออกวิ่งซอยถี่ยิบ โดยที่แบกปืนลูกซองแฝดคู่กายไปด้วย อยู่ข้างหน้าครับ เราใกล้จะถึงแล้ว นายเล่าอูเอ่ยบอกขณะวิ่งนำหน้าคณะ ราวกับมหกรรมวิ่งจ็อกกิ้งการกุศล ท่ามกลางความมืดมิด ด้านเจ้าอสูรายร้ายแห่งภูเวียงฟ้า เมื่อมันว่ายน้ำเข้าฝั่งมาได้ ก็รีบออกวิ่งไล่ล่าคณะผู้บุกรุกอย่างโกรธแค้น และกระหายเลือด โดยหวังกัดกินเพื่อสร้างอมตะแห่งชีวิตของมัน ด้วยมันต้องการกินเลือดมนุษย์เพียงอีกเล็กน้อยเท่านั้น ร่างอมตะของมันก็จะสมบูรณ์ขึ้นทันที เมื่อเวลานั้นมาถึง ไม่ว่าอาวุธชนิดใดๆก็มิอาจจะทำภยันตรายมันได้แล้ว
การออกวิ่งของทุกคนนั้นเป็นไปอย่างร้อนรน และเร่งรีบ โดยที่ทิดหมานอุ้มเจ้าโทนเสือโคร่งน้อยไว้กับตัว แล้วออกวิ่งไปด้วย เมื่อคณะบุคคลเหล่านั้น ได้วิ่งจ้ำอ้าวไปอย่างทุลักทุเล ซึ่งกำลังจะเข้าไปถึงบริเวณประตูวัด แต่ในทันใดนั้นเอง สายตาของนายเล่าอูก็ไปปะทะกับบางสิ่งบางอย่าง นั่นคือพระธุดงภ์สมาธิ นั่งปักกรดอยู่ใต้ต้นโพธ์ ที่ปากทางเข้าวัดร้างแห่งนั้น ก็ราวกับสวรรค์มาโปรดทันที ทุกคนดูโน่นซิ นายเล่าอูอุทานขึ้นสียงดังลั่น พระธุดงภ์ ท้าวคำใสอุทานขึ้น ก่อนจะกล่าวสำทับขึ้นอีกว่า เราไปขอให้ท่านช่วยเหลือดีกว่า เผื่อท่านจะพอมีทางช่วยเหลือเราได้บ้าง แล้วคณะวิ่งหนีตายต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปหาพระธุดงภ์รูปนั้นทันที หลวงพ่อครับ ช่วยพวกผมหน่อย พวกเราถูกตัวสางดงตามล่ามาจากบนภูเวียงฟ้าครับ คุณอนุวัฒน์เอ่ยร้องขอความช่วยเหลือจากพระธุดงภ์รูปนั้นทันที แล้วตัวมันอยู่ที่ไหนล่ะโยม พระธุดงภ์ชราอายุอานามราวๆ 70ปีเอ่ยถามอย่างไม่สะทกสะท้าน เสมือนจิตใจของท่านแข็งแกร่งดั่งภูผา มันวิ่งไล่หลัง ตามพวกเรามาจนใกล้จะถึงแล้วครับ นายเล่าอูเอ่ยตอบไปทันที สิ้นเสียงบอกของนายเล่าอู พระธุดงภ์รูปนั้นก็รีบขึ้นยืนโดยพลัน แล้วดึงย่ามขึ้นมาเข้ามาสะพายข้าง แล้วก็หันมาบอกกับญาติโยมทุกๆคนว่า อาตมาเห็นควรว่า พวกเราทุกๆคนรวมถึงอาตมา ควรเข้าไปหลบในวัด ที่โบถส์ร้างนั่นก่อนดีกว่านะ อย่างน้อยๆมันก็พอจะป้องกันได้อยู่บ้าง เมื่อพูดจบพระธุดงภ์รูปนั้น ก็ออกวิ่งจ้ำอ้าวไปที่โบถส์ร้างก่อนใครเพื่อน อ้าว พระคุณเจ้า ไม่รอกันเลยนะครับ นายเล่าอูอุทานขึ้นเมื่อเห็นพระธุดงภ์รูปนั้น ออกวิ่งจ้ำไปอย่างไม่สำรวมอย่างที่ควรจะเป็น พวกเรา รีบตามท่านไปหลบมันในโบถส์ร้างนั่นเถอะ ท้าวคำใสเอ่ยบอกให้ทุกคนเสียงดัง ก่อนที่ทุกๆคนจะพากันวิ่งเข้าไปหลบเจ้าสางดงในโบสถ์ร้างแห่งนั้นด้วยความระทึก
เมื่อทุกๆคนวิ่งเข้ามาอยู่ในโบถส์ร้างกันเรียบร้อยแล้ว พวกโยมรีบลงกลอนประตู หน้าต่างโบถส์เร็วๆเข้า พระธุดงภ์รีบเอ่ยบอกเสียงดังทันที สิ้นเสียงสั่งพระธุดงภ์ทุกคนต่างวิ่งไปยังประตูหน้าต่าง แล้วลงกลอนอย่างแน่นหนา เมื่อลงกลอนได้แล้วเสร็จแล้ว ทุกคนก็มานั่งรวมกันอยู่ที่กลางโบถส์ร้างหลังนั้น รวมถึงพระธุดงภ์รูปนั้นด้วย บรรยากาศใบโบถส์ร้างนั่น เป็นไปอย่างเงียบงัน ทุกๆคนต่างนั่งระทึกด้วยใจจดใจจ่ออยู่ในควมมืดมิด แล้วในทันทีนั้นก็มีเสียงอะไรบางอย่างเดินอยู่รอบโบถส์นั่น พร้อมกับเสียงร้อง โฮร่กๆๆๆ แน่นอน มันคือเสียงของเจ้าอสูรกายร้ายนั่นเอง พวกเราเงียบๆนะ เล่าอูพูดกระซิบทุกคนเบาๆในรูคอ ในตอนนี้ใจของทุกไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ต่างภาวนาขอให้เจ้าสางดงอย่ารู้ตัวเลย แต่ในทันนั้นเอง ก็มีเสียงบางอย่างกระแทกกับประตูโบสถ์อย่างแรง ตึงๆๆๆ โฮร่ก บ้าเอ้ย มันรู้แล้วว่าเราหลบอยู่ในนี้ ท้าวคำใสอุทานเบาๆ เราจะเอาอย่างไรดีครับ คุณอนุวัฒน์เอ่ยถามขอความเห็น ผมว่ามันยังเข้ามาไม่ได้หรอกครับ ตราบใดที่กลอนประตูยังไม่หักเสียก่อน หลวงพ่อไม่มีของดีอะไรบ้างหรือครับ ทิดหมานเอ่ยถามพระธุดงภ์นั้นทันที มันก็พอมีอยู่นะ แต่ก็ต้องขอใช้เวลาทำพิธีสักนิด พระธุดงภ์ชราเอ่ยตอบเบาๆ จะทำอะไรก็รีบเถอะครับพระคุณเจ้า ถ้าขืนชักช้าดี๋ยวมันพังประตูเข้ามา ก็จบเห่กันพอดี นายเล่าอูเอ่ยบอกพระธุดงภ์เสียงเข้ม แล้วพระธุดงภ์รูปนั้นก็ควักไม้ในย่ามสะพาย ที่เป็นแท่งเล็กๆมาสองแท่งแล้วผูกรวมกัน ให้เป็นลักษณะเหมือนตัวคน อาตมาจะลองจะลองส่งหุ่นพยนต์ไปสู้กับมันดูก่อน พูดจบปากก็ได้บริกรรมคาถาเป่าลงไปยังไม้ที่ผูกนั้น โอม เพี้ยง ทันทีที่เป่าคาถาเป่าลงไปนั้น เศษไม้นั่นก็กลายเป็นแสงสีส้ม ลอยพุ่งหายทะลุกำแพงโบถส์นั้นทันที
หลังจากที่พระธุดงภ์นั้นได้บริกรรมคาถาเสกหุ่นพยนต์ ปล่อยออกไปสู้กับเจ้าสางดงแล้วนั้น ตอนนี้ทุกคนต่างลุ้นระทึกอย่างใจจดใจจ่อ อยู่ในความเงียบงันภายในโบถส์ร้างแห่งนั้น ครู่เดียวก็มีเสียงต่อสู้กันขึ้น อย่างอึกทึกครึกโครม อยู่ภายด้านนอกโบถส์นั้น หลวงพ่อว่าหุ่นพยนต์ของเราจะพอสู้มันได้มั้ยครับ ท้าวคำใสเอ่ยขึ้นถามพระธุดงภ์นั่น อาตมาก็ไม่แน่ใจหรอกโยม ตั้งแต่เรียนวิชานี้มาจากอาจารย์ ก็เพิ่งเคยใช้นี่แหล่ะ เจ้าสางดงตัวนี้พลังอาถรรพ์มันเยอะนัก นี่ฟ้าก็จวนจะสว่างแล้ว อาตมาคิดว่า ถ้าแสงอาทิตย์ขึ้นเมื่อไหร่ มันก็คงจะต้องกลับไปยังรังของมันบนภูโน่น เว้นแต่ว่ามันได้ร่างที่เป็นอมตะแล้วเท่านั้น พระธุดงภ์ชราเอ่ยตอบข้อกังขาท้าวคำใส ก่อนกล่าวถามมายังทุกคนอีกว่า ปกติตัวสาง มันจะคอยหากัดกินสัตว์ป่าอยู่แต่บนภูสูง แล้วพวกโยมไปทำอะไรให้มันโกรธล่ะ มันถึงตามพวกโยมจนมาถึงตีนภูนี่ อ้อ..สงสัยมันคงโกรธแค้น ที่พวกผมไปบุกรุกรังของมัน แล้วไปทำลายรูปปั้นมันทิ้งมั้งครับ พระคุณเจ้า ท้าวคำใสเอ่ยตอบพระธุดงภ์นั้นทันที ด้วยเพราะเหตุนี้เองหรอกหรือ พระธุดงภ์ชราเอ่ยพูดเบาๆก่อนจะหลับตาลง พลางพูดขึ้นว่า เห็นที หุ่นพยนต์ของอาตมาคงแพ้มันแล้วล่ะโยมเอ้ย เราคงหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ามันไม่ได้แล้วล่ะโยม สิ้นเสียงพูดของพระธุดงภ์ชรา ทุกๆคนต่างหน้าซีดใจเสีย แล้วเราจะสู้กับมันได้อย่างไรครับพระคุณเจ้า เล่าอูเอ่ยถามหน้าตาตื่น ตอนนี้เป็นเวลากี่ยามแล้วล่ะโยม พระธุดงภ์ชราเอ่ยถาม ตอนนี้ก็ใกล้ๆจะตี 5แล้วครับพระคุณเจ้า ทิดหมานก้มมองนาฬิกา แล้วรีบเอ่ยตอบทันที ถ้าเป็นแบบนี้ก็ราวๆเกือบ ชั่วโมงกว่าๆดวงอาทิตย์ถึงจะโผล่ขึ้นจากขอบฟ้าแล้ว ดังนั้นเราต้องป้องกันที่ประตูหน้าต่างของโบถส์ ให้แน่นหนาถาวรเข้าไว้ อย่างไรเสีย มันคงจะพังเข้ามาได้อย่างยากลำบากเป็นแน่ พระธุดงภ์ชราเอ่ยขึ้นบอกทุกๆคนเสียงเบา ทุกๆคนรีบตรวจสอบดูกลอนประตูหน้าต่างเร็วๆ มันกำลังจะบุกมาหาเราแล้ว คุณอนุวัฒน์รีบเอ่ยสั่งทุกคนทันที
ความเงียบงันผ่านไปเพียงชั่วอึดใจเดียว พลัน ก็มีเสียงบางอย่างกระแทกประตูโบถส์เสียงดัง ตึงๆๆๆ โฮร่กๆๆ ผสมกับเสียงคำรามกึกก้องของอสูรกายร้ายตัวนั้น มันบุกมาแล้ว นายเล่าอูอุทานขึ้นทันที เอาอย่างไรดีครับ มันกระแทกเข้าเข้ามาจนกลอนประตูใกล้จะพังอยู่แล้ว อ้ายโหน่ยเอ่ยขึ้นขอความเห็น ตอนนี้เราพอมีอาวุธอะไรบ้าง ผมมีระเบิดแท่งแค่ลูกเดียวเอง ท้าวคำใสเอ่ยถามทุกๆคน ผมและลูกน้องมีปืนลูกซอง 4กระบอกกับปืนกลมืออีก 3กระบอกครับ นายเล่าอูเอ่ยตอบเสียงดัง ก่อนที่คุณอนุวัฒน์จะตอบกลับมาว่า ของผมมีปืนลูกซองบรรจุกระสุนเหล็กไหลอีกแค่ 2นัดครับ อาตมาคิดว่ากระสุนเหล็กไหลของโยม คงจะหยุดมันได้อย่างแน่นอน ถ้าเราใช้ยิงเข้าไปที่ทวารใด ทวารหนี่งของมันได้ เพราะมันจุดตายของสัตว์ในตระกูลที่ร่างคงกระพันทั้งหลาย ซึ่งก็ถือได้ ว่ายากเอาการอยู่เหมือนกัน พระธุดงภ์ชราเอ่ยบอกคุณอนุวัฒน์ ผมคิดว่าถ้าเรามัวแต่ตั้งรับมันในโบสถ์แบบนี้ อีกหน่อยมันคงพังประตูหน้าต่างเข้ามาได้แน่ๆ อ้ายโหน่ยเอ่ยออกความเห็น ผมว่าพวกเราออกไปลุยกับมันเลยดีกว่าครับ อย่างมากก็แค่ตาย นายเล่าอูเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวพลางเอากระสุน ป้อนรังเพลิงปืนลูกซองคู่กาย ใจเย็นๆก่อนโยม อาตมาคิดว่าเราอย่าพึ่งผลีผลามดีกว่า เพราะตอนนี้ฟ้าจวนจะสว่างแล้ว ออกไปมันจะกลายเป็นภัยแก่ตัวโยมเปล่าๆ พระธุดงภ์ชราเอ่ยบอกเตือนสตินายเล่าอู
สถานการณ์เริ่มมีความตึงเครียดเมื่อเจ้าอสูรกายร้ายสางดง ได้เริ่มออกแรงกระแทกประตูอย่างหนัก และรุนแรง พร้อมกับเสียงร้องคำรามอย่างโกรธแค้น ตึงๆๆๆ…….โฮร่กกกก อนิจจา กลอนประตูโบสถ์นั้น เริ่มมีอาการคลอนโยกเยก ใกล้จะหลุดเต็มที ทุกคนรีบไปยืนริมหน้าต่างเร็วเข้า ท้าวคำใสตะโกนสั่งทุกคนให้รีบไปอยู่ใกล้ๆหน้าต่าง ก่อนพูดขึ้นว่า ถ้าประตูโบสถ์พังเมื่อไหร่ มันเข้ามาได้ ให้พวกเราก็รีบโดดออกหน้าต่างทั้ง 3บานนั่นเลยนะ ทุกคนรับคำแล้วรีบขยับตัวไปยืนริมหน้าต่างนั่น พลางเอามือเลื่อนปลดกลอนที่ล็อคหน้าต่างไว้อย่างรวดเร็ว นิมนต์หลวงพ่อก่อนเลยครับ นายเล่าอูเอ่ยบอกพระธุดงภ์ชรา เพื่อให้เตรียมตัวโดดก่อน พวกโยมไปกันเถอะ อาตมาแก่แล้ว คงอยู่ได้อีกไม่นานเท่าไหร่หรอก พระธุดงภ์ชราเอ่ยตอบเสียงเบา อ้าว..หลวงพ่อ จะให้พวกผมทิ้งพระคุณเจ้าไปได้อย่างไรครับ ถ้าหนีมันไปได้อีกประเดี๋ยวเดียว ฟ้าก็จะสว่างแล้ว คุณอนุวัฒน์เอ่ยบอกทันที กว่าฟ้าจะสว่าง พวกโยมคงหนีมันไม่พ้นแน่ๆ อาตมาว่าพวกโยมไปกันเถอะ ภิกษุชราเอ่ยบอกทุกคน
พลัน ในทันใดนั้นเอง เสียงกระแทกประตูโบสถ์ก็ดังขึ้น ตึงๆ โครม บานประตูโบสถ์คลอนระส่ำระสายใกล้หลุดออกมาเต็มที มันจะพังประตูเข้ามาแล้ว พวกโยมรีบหนีกันไปก่อนเถอะ เร็วเข้า ถ้าเกิดมันได้เลือดพวกโยมทั้งหลายแล้ว มันอาจจะมีชีวิตที่เป็นอมตะ สามารถอยู่ในตอนกลางวันได้ พวกโยมรีบหนีไปเร็วๆเถิด พระธุดงภ์ชราเอ่ยสั่งเสียงดัง พลางมือล้วงเข้าไปในย่ามสะพายข้าง หยิบยื่นบางสิ่งให้ท้าวคำใส พลางเอ่ยบอกท้าวคำใสว่า นี่เป็นแร่จัตวะโลหะ สามารถใช้เป็นกระสุน ที่ยิงทำลายอาถรรพ์ ที่สร้างความคงกระพันให้แก่มันได้ ส่วนนี่ก็คือตะปูตอกฝาโลง ผีตายโหง 7ป่าช้า สามารถใช้เปิดประตูนรกอเวจีได้ โดยใช้เลือดของเรา โยมเป็นผู้มีวิชาอาคมชั้นสูงกว่าเพื่อน จงเก็บไว้ใช้เมื่อเข้าตาจน และถ้าอาตมาต้องกลายร่างเป็นเสือดุร้าย วอนโยมยิงอาตมาด้วยกระสุนนี้เลยนะ เพราะอาตมาจะกลายร่าง ด้วยวิชาพรายเสือสมิง เพื่อสู้กับมัน หากอาตมาใช้วิชานี้แล้ว อาตมาจะคืนร่างตัวเองได้เพียงครั้งเดียว ถ้าจำแลงกายอีกเป็นครั้งที่ 2 จะคืนร่างเป็นคนได้ ก็เว้นแต่หมดลมหายใจนั่นแหล่ะ ถ้าเวลานั้นมาถึง โยมจงช่วยปลดปล่อยอาตมาด้วย รีบหนีไปเถอะโยมทั้งหลาย สิ้นเสียงบอกของพระธุดงภ์ พวกเรารีบโดดออกหน้าต่างเร็วเข้า ท้าวคำใสตะโกนบอกทุกๆคนเสียงดังลั่น ทันทีที่สิ้นเสียงสั่งทุกคนที่อยู่ในโบสถ์ ต่างรีบพากันปีนโดดออกจากหน้าต่างทั้ง 3บานของโบสถ์ร้างนั้นทันที ซึ่งเป็นจังหวะที่เจ้าอสูกายร้ายแห่งภูเวียงฟ้าบุกพังประตูเข้ามาในโบสถ์นั่นพอดี โฮร่กกๆๆๆ
เมื่อคณะตัดไม้และกลุ่มของคนของนายเล่าอู ได้ปีนออกทางหน้าต่างโบสถ์ร้างนั่นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ท้าวคำใสจึงนำทางทุกคนค่อยๆย่องเดินขึ้นไปบนกุฏิไม้ทรงล้านช้างขนาดเสา 12ต้น ทรงใต้ถุนยกทรงสูง ที่อยู่ห่างออกไปจากโบสถ์ร้างนั่นราวๆ 50เมตร ซึ่งมีสภาพค่อนข้างเก่าแต่ก็มีฝากระดานปิดอย่างมิดชิดแน่นหนา พวกเราแอบหลบกันอยู่นี่ก่อนครับ ท้าวคำใสเอ่ยบอกเบาๆ ก่อนพูดบอกออกไปว่า พวกเราจงอยู่กันอย่างเงียบๆอย่าได้ส่งเสียงดังนะ แล้วพระคุณเจ้าพระธุดงภ์ท่านจะเป็นอย่างไรบ้างนะ คุณอนุวัฒน์เอ่ยขึ้นอย่างเป็นห่วงพระธุดงภ์ชรารูปนั้น ผมคิดว่าท่านคงไม่เป็นอะไรหรอกครับ ผมว่าท่านก็พอมีวิชาติดตัวอยู่บ้างนะ ท้าวคำใสเอ่ยตอบเบาๆในรูคอ
แล้วทุกๆคนก็ต่างนั่งลงบนลงพื้นกุฏิ ในสภาพที่หมดเรี่ยวหมดแรง โดยที่ปู่ฮวดนั้น ได้นอนเหยียดยาวราบบนพื้นกุฏิเคียงกันกับทิดหมาน และนายเล่าอู ส่วนคุณอนุวัฒน์ อ้ายเฮืองและดาบเริงนั้น นั่งจุดบุหรี่เส้นสูบ เป่าควันเหยียดขายาว อย่างผ่อนคลายบนพื้นกุฏิ ส่วนท้าวคำใสนั้นได้นั่งอีกมุมของกุฏิ โดยที่เขาได้อัดกระสุนปืนลูกซองใหม่อยู่เงียบๆ โดยการแกะเอาดินระเบิดจากระเบิดแท่งที่เหลือเพียงแท่งเดียวนั้น อัดเข้ากับแร่จัตวโลหะที่ได้จากพระธุดงภ์ อยู่ภายใต้ความมืดมิด ในห้วงเวลาที่ใกล้ๆจะถึงยามฟ้าสาง พลัน ทุกคนก็ต้องตกใจสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงอะไรบางอย่าง ดังขึ้นมาจากที่ลานหน้าโบสถ์ร้างนั่น ทุกๆคนต่างรีบพากันย่องไปที่ฝาผนังกระดานของกุฏิ โดยที่ดวงตาทุกคนต่างแอบมองลอดรูรั่วออกไป แล้วทุกคนก็ต้องตะลึง ..ให้ตายเถอะ นั่นมันอะไรกัน
เมื่อทุกๆคน พากันแอบไปมองดูตามรูรั่ว ของแผ่นกระดานฝากุฏิร้างนั่น ต่างพากันต้องตกตะลึง ตั่วสั่นงันงกสติแทบหลุด เมื่อปรากฎร่างของสัตว์ทั้ง 2ชนิด กำลังเข้าต่อสู้โรมรันกันเป็นพัลวัล นั่นคือร่างของเจ้าสางดงกำลังเข้าต่อสู้กับเสือโคร่งใหญ่ที่มีขนาดราวๆสัก 8ศอก สัตว์ทั้งคู่กำลังฟัดเหวี่ยงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ท่ามกลางความมืดสลัวๆ อันบ่งบอกว่าบัดนี้ใกล้จะสว่างเต็มทีแล้ว เสียงร้องคำรามสนั่นไพรของสัตว์ร้ายทั้ง 2ดังก้องไปทั่วบริเวณ จนทำให้นกกาที่หลับนอนในบริเวณนั้นพากันแตกตื่น บินกรูออกจากแหล่งพักพิง โดยที่กลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหลายที่แอบซ่อนเร้นกายอยู่บนกุฏิร้างนั่น ต่างพากันเงียบกริ๊บราวกับคนเป็นใบ้ ใจจดจ่อ ระทึกกับเหตุการณ์ที่ปรากฏอยู่ตรงหน้า และทุกคนก็ต้องตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง เมื่อสัตว์ร้ายท้ง 2ได้กลายร่างเป็นมนุษย์ขึ้นทันที โดยที่เจ้าสางร้ายตัวนั้นกลายร่างเป็นฤาษีชรา และเสือสมิงได้กลายร่างเป็นพระธุดงภ์รูปนั้น แล้วทั้ง 2ต่างยืนเผชิญหน้ากันทันที ระยะห่างราว 7เมตร ในสภาพที่ต่างฝ่ายต่างสะบักสะบอมเลือดอาบทั่วร่าง ผลมาจากฤทธิ์ของการปะทะกัน มันเกิดอะไรขึ้นครับ คุณอนุวัฒน์เอ่ยกระซิบถามท้าวคำใสเบาๆขณะที่ตายังแอบมองลอดรูฝากระดานออกไป พระธุดงภ์ที่อยู่กับเราท่านเรียนวิชาพรายเสือสมิงครับ เป็นศาสตร์ไสย์ดำ ท้าวคำใสเอ่ยตอบขึ้นเบาๆ มิน่าล่ะครับ ตอนผมอยู่ใกล้ๆท่านจึงได้กลิ่นเหมือนสาปเสือ คุณอนุวัฒน์เอ่ยตอบขึ้นทันที โดยที่สายตายังจับจ้องออกไปข้างนอกกุฏิอย่างไม่ยอมลดสายตา ผมว่าเราอาศัยช่วงนี้หนีกันดีกว่ามั้ยครับ นายเล่าอูเอ่ยปรึกษาเบาๆ ผมว่าถ้าเราหนีตอนนี้คงไปได้แน่นอนครับ ทิดหมานกล่าวสำทับทันที ผมคิดว่าเราอย่าเสี่ยงเลยดีกว่าครับ เจ้าสางดงนั่นมันต้องการเลือดของพวกเรา ตอนนี้มันก็คงรู้แล้วว่าพวกเราแอบอยู่บนนี้ ต่อให้เราคิดจะหนี มันก็คงจะวิ่งดักหน้าพวกเราได้ทัน ถ้าเสี่ยงวิ่งหนีเราก็จะเป็นตรายเปล่าๆ สู้ตั้งหลักรอมันอยู่บนกุฏินี่แหล่ะ ดีที่สุดครับ ตอนนี้จวนจะสว่างเต็มทนแล้ว เราขอเวลาอีกนิดเดียวครับ อย่างน้อยพระธุดงภ์ท่าน ก็อุตส่าห์จำแลงกายเป็นเสือสมิง ยอมต่อสู้กับมัน เพื่อช่วยเหลือพวกเรา ท้าวคำใสเอ่ยอธิบายละเอียด นั่นเป็นวิชาพรายสมิงเหรอครับ อ้ายโหน่ยเอ่ยถามอย่างตกใจ ใช่แล้วนั่นเป็นวิชาพรายสมิง เกิดจากอาคมชั้นสูง ส่วนมากไม่มีใครนิยมใช้กันหรอก เพราะถ้าเกิดกลายร่างเป็นเสือครบ 2ครั้งแล้ว จะไม่สามารถคืนร่างเดิมได้อีก ต้องให้ผู้ที่มีวิชาเรียนแก้ มาแก้อาถรรพ์พรายสมิงให้ หรือไม่ ก็เว้นแต่ตายลงนั่นล่ะ ถึงจะกลายร่างเป็นคนได้ดั่งเดิม ท้าวคำใสเล่าอย่างละเอียด แล้วหลวงพ่อแกพอจะสู้เจ้าสางร้ายนั่นได้มั้ยครับ ดาบเริงเอ่ยถามทันที ผมคิดว่าคงยากเหมือนกันครับ เพราะเจ้าสางดงตนนี้มันเป็นผู้มีวิชา มีพลังอาถรรพ์ ที่สิงสู่เร้นอยู่ในกายมันมานับร้อยๆปีแล้ว ลำพังหลวงพ่อท่านก็ใช้วิชาอาคมที่ครูบาถ่ายทอดมาให้ ใช้ต่อสู้กับมันเท่านั้น เราก็ได้แต่ขอภาวนาช่วยท่านแล้วกัน ท้าวคำใสเอ่ยตอบหน้าเรียบเฉย
ทันทีนั้นทุกคนก็ต้องสะดุ้งอีกครั้ง เมื่อฤาษีชรากับพระธุดงภ์ ได้เอ่ยพูดคุยกันขึ้นเสียงดังกึกก้อง พระธุดงภ์เฒ่า ถ้าท่านไม่อยากตาย ขอหลีกทางข้าไปเสียเถอะ ข้าต้องการเลือดมนุษย์แค่อีกไม่กี่คนเท่านั้น ร่างกายอันเป็นอมตะจะเกิดแก่ข้า5555 ขอท่านจงหลีกทางไปซะ ถึงข้ากินท่านแล้ว พลังของข้าจะสูงขึ้นเพิ่มพูนเป็นเท่าทวี เนื่องจากท่านเป็นผู้ที่มีวิชา แต่ว่าข้าก็ไม่อยากจะทำ และตอนนี้ท่านแปลงกลายเป็นเสืออีกไม่ได้แล้ว ขืนถ้าแปลงร่างอีก คงคืนร่างเป็นมนุษย์ไม่ได้แล้ว5555 ฤาษีชราเอ่ยหัวเราะเสียงดังกึกก้อง เขี้ยวที่ปากงอกยาวออกมาอย่างน่ากลัว โยมเอ้ย โยมทำบาปมามากพอแล้ว จงไปผุดไปเกิดใหม่เสียเถิด อย่าได้ทำบาปทำกรรม ด้วยการกัดกินมนุษย์อีกเลย มันเป็นบาปติตัวมหันต์ ปล่อยพวกเขาไปเถิด ถือว่าอาตมาขอบิณฑบาตก็แล้วกันนะโยม พระธุดงภ์ชราเอ่ยขอร้องหน้าเรียบเฉย ท่านเป็นพระก็ขอให้อยู่ส่วนพระ ไม่ต้องสะเออะมาเทศน์โปรดข้า จงหลีกทางไปเสีย ข้าไม่อยากฆ่าพระสงฆ์องคเจ้า ฤาษีชราเอ่ยขึ้นอย่างหัวเสีย เห็นทีอาตมาคงจะทำตามคำขอของโยมไม่ได้หรอกนะ พระธุดงภ์เอ่ยตอบทันที ถ้าเป็นอย่างนี้ เห็นทีข้าคงไม่เกรงใจท่านอีกแล้วหล่ะ ฤาษีชราพูดจบก็กลายร่างเป็นตัวสางดง ร้องคำรามดังลั่น ดวงตาแดงฉานสีคุกร่นทันที ฝ่ายพระธุดงภ์ไม่รอช้ารีบหลับตาลง ปากก็บริกรรมคาถาร่ายมนตรา แล้วกลายร่างเป็นเสือลายพาดกลอนขนาดใหญ่ แล้ววินาทีนั้น สัตว์ร้ายทั้งสองก็พุ่งทะยานเข้าหากันทันที พุ่งเข้าจู่โจมโรมรันพัลวัล ท่ามกลางความตื่นตระหนกตกใจ ของทุกๆคนที่แอบมองออกมาลอดรูกระดานไม้ฝากุฏิร้างนั่น
การต่อสู้ของสัตว์ร้ายทั้ง 2เป็นไปอย่างหนักหน่วงอยู่ครู่ใหญ่ๆ จนในที่สุดเสือสมิงตัวนั้นก็หมดแรง นอนหมอบหายใจรวยระริน เนื่องจากพิษแผลจากการถูกเจ้าสางดงตัวนั้น ขย้ำไปที่ลำคออย่างจัง เลือดไหลทะลักออกมาเป็นลิ่ม มีพิษแผลฉกรรจ์อย่างมากมาย จนในที่สุดก็นอนหมอบแน่นิ่งช้าๆ แล้วร่างของเสือร้ายตัวนั้น ก็ค่อยๆกลายเป็นพระธุดงภ์รูปนั้นนอนนิ่งอยู่ อย่างสภาพไร้วิญญาณ ก่อนที่เจ้าสางดงตัวนั้น จะค่อยๆย่างสามขุมเข้าไปที่ใกล้ๆร่างของพระธุดงภ์ ที่นอนแน่นิ่งอยู่นั้น ก่อนจะค่อยๆใช้ปาก กัดไปตรงท้องของพระธุดงภ์นั่น แล้วมันก็กัดกระชาก กินเครื่องในตับไตใส้พุง ด้วยท่าทีที่แสนจะหิวกระหาย ทำให้ทุกๆคน ที่แอบมองลอดรูกระดานฝากุฎิ มีอาการใจเต้นระรัว ขาสั่น ตัวชา บางคนถึงกับออกอาการเหวอ ต่อภาพอันน่าสยดสยองตรงหน้า พากันตะลึง ทุกคนต่างพูดไม่ออก ได้แต่มองตาเท่านั้น แล้วทันใดเองนั้น เจ้าสางร้ายตัวนั้น ก็แหงนหน้ามองขึ้นมาบนกุฏิ ในขณะที่ปากยังคาบลำไส้พระธุดงภ์นั้นอยู่ แล้วมัน ได้ร้องคำรามแยกเขึ้ยวแสย๊ะ ส่งเสียงคำรามดังลั่น โฮร่กกกกก ดวงตาของมันแดงฉานลุกโชน จากนั้น ได้มีเสียงพูดของมนุษย์ ออกมาจากปากเจ้าสางดงตัวนั้นทันที55555555 พวกเอ็งคิดเหรอว่าจะหนีข้าพ้น มาให้ข้ากินเลือดพวกเจ้าซะดีๆ สิ้นเสียงของอสูรกายร้าย ในทันใดนั้น ท้าวคำใสได้เรียกสั่งนายเล่าอูเสียงดังลั่น รีบส่งปืนมาให้ข้าเร็วเข้า มันกำลังจะบุกขึ้นมาแล้ว สิ้นเสียงสั่งท้าวคำใส นายเล่าอูรีบยื่นปืนลูกซองชนิด 5นัด ให้แก่ท้าวคำใสในทันที โดยที่ท้าวคำใสได้ควักลูกปืนที่อัดขึ้นใหม่ โดยแร่จัตวโลหะออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ป้อนกระสุนลงรังเพลิงปืนลูกซองนั้นทันที ทั้ง 5นัด จากนั้น คุณอนุวัฒน์ได้รีบสั่งทุกคนเสียงดังลั่น ใครที่มีปืนอยู่ในมือ ให้เตรียมยิงมันเลย ถ้ามันบุกขึ้นมาบนกุฏินี้ แต่ถ้าใครไม่มีปืน ก็ให้รีบเตรียมหนี ลงไปทางประตูด้านหลังก่อนเลยนะ พูดจบคุณอนุวัฒน์ก็จับปืนลูกซองแฝดคู่กาย ที่บรรจุกระสุนเหล็กไหลกระชับเข้ามือแน่นไว้ ด้วยใจที่เต้นระรัว
บัดนี้มีความสับสนอลม่าน เกิดขึ้นบนกุฏิอีกครั้งหนึ่ง เวลามันช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้ายิ่งนัก ทุกๆคน รอเพียงแค่แสงจากดวงอาทิตย์ขึ้นเท่านั้น เจ้าสาวดงก็จะหมดอิทธิฤทธิ์ในทันที แต่อนิจจา มันช่างยากเย็นเสียจริงๆ เนื่องจากอากาศในตอนนี้ มีสภาพฟ้าปิด ฝนปรอยเบาๆอันเป็นผลมาจากพายุดีเปรสชั่นเข้าปลายฤดูฝน มีใครพอจะรู้จักวัดร้างแห่งนี้ได้ดีบ้างมั้ย ผมอยากถามอะไรสักหน่อย ท้าวคำใสเอ่ยถามเสียงดังอย่างเร่งรีบ ผมพอรู้ครับ เมื่อก่อนผมเคยแอบมาหลบซ่อนตัว จากการตามล่าของรัฐบาลกลาง นายเล่าอูเอ่ยตอบทันที ก่อนที่ท้าวคำใสจะถามกลับมาอีกครั้ง ที่วัดแห่งนี้มีป่าช้าเก่าบ้างมั้ย มีครับ มันอยู่ทางด้านทิศใต้ห่างจากกุฏิที่เราอยู่ไปประมาณ 200เมตรเองครับ นายเล่าอูเอ่ยตอบเสียงดัง ดีล่ะ ถ้าอย่างนี้ก็ได้การล่ะ เล่าอูเอ็งจงรีบเอาตะปูทั้ง 7ดอกนี่ไปตอกไว้กลางป่าช้าเลยนะ พูดจบท้าวคำใสได้ควักเอาห่อตะปูในกระเป๋ากางเกงออกมา จากนั้นได้เอาปลายมีดพกขนาดเล็ก กรีดไปที่ปลายนิ้วจนเลือดหยดย้อยลงมา แล้วปล่อยให้หยดเลือดย้อยลงไปที่ตะปูเหล่านั้น ปากก็ท่องบริกรรมคาถาเบาๆในรูคอ ก่อนยื่นตะปูเหล่านั้นให้แก่นายเล่าอู พร้อมเอ่ยสำทับขึ้นว่า ไอ้แสงกับไอ้ทอง ไอ้กล้า พวกเอ็งจงไปเป็นเพื่อนมันด้วย ถ้าได้ยินเสียงที่มันเริ่มก้าวขึ้นกุฏิขึ้นมา ให้รีบลงไปทางประตูลับด้านหลังของกุฏิเลย แล้วรีบนำไปฝังไว้ ให้ได้เร็วที่สุด มันเป็นตะปูอะไรครับนั่น ดาบเริงเอ่ยถามท้าวคำใสอย่างสงสัย ตะปูตอกฝาโลงผีตายโหง 7ป่าช้าครับ ผมจะปลุกผีในป่าช้าขึ้นมาต่อสู้กับมัน เราไม่มีทางเลือกแล้วครับ ผมไม่อยากใช้วิธีนี้เลย ท้าวคำใสเอ่ยตอบสีหน้าเคร่งเครียด
ในทันทีนั้นเอง ก็มีเสียงร้องคำรามกึกก้องของเจ้าสางดงตัวนั้น โฮร่กกก แล้วได้มีเสียงพูดของมนุษย์ ดังขึ้นจากปากมันมาทันที พวกเอ็งจะลงมาให้ข้ากัดกินดูดเลือดดีๆ หรือให้ข้าต้องบุกขึ้นไปหาเอง5555 แน่จริงเอ็งก็บุกขึ้นมาซิวะ ไอ้ผีบ้า ท้าวคำใสตะโกนบอกออกไปเสียงดังลั่น ถ้าพวกเจ้าต้องการเช่นนี้ก็ได้ เดี๋ยวข้าจะขึ้นไปหาเอง5555 โฮร่กกกก พลันก็มีเสียงอะไรบางอย่าง ค่อยๆก้าวขึ้นบันไดวัด ขึ้นมาอย่างช้าๆ ตึกๆๆๆ มันคือเสียงเท้าของสัตว์ร้ายอสูรกายแห่งภูเวียงฟ้านั่นเอง มันกำลังขึ้นมาแล้ว พวกเอ็งรีบลงประตูหลังไปฝังตะปู 7ป่าช้าเดี๋ยวนี้เลย ท้าวคำใสพูดเบาๆกระซิบบอกนายเล่าอูทันที สิ้นเสียงสั่งท้าวคำใส นายเล่าอู นายแสง นายทองที่อุ้มเจ้าโทนอยู่ และนายกล้า ก็ค่อยๆย่องออกทางประตูทางด้านหลังของกุฏิทันที เพื่อรีบเดินทางไปยังป่าช้าเก่า เพื่อฝังตะปูตอกฝาโลง เปิดประตูนรกอเวจีนั่นเอง เอายังไงดีครับ คุณอนุวัฒน์เอ่ยขึ้นถามท้าวคำใสเบาๆ ถ้าเป็นไปได้ ให้ทุกๆคนพากันหนีไปรออยู่ในป่าช้ากับเล่าอูก็ได้ ท้าวคำใสเอ่ยบอกเบาๆทันที ทุกคนรีบแอบไปกันเลยตอนนี้นะ คุณอนุวัฒน์เอ่ยสั่ง ก่อนหันไปพูดกับบรรดาลูกน้องของนายเล่าอูอีกครั้งหนึ่ง พวกนายรีบลงกุฏิหนีมันไปก่อนนะ ส่งปืนที่มีอยู่มาให้พวกเราจะดีกว่า เดี๋ยวพวกเราลุยกับมันเอง สิ้นเสียงพูดของคุณอนุวัฒน์ ลูกน้องของนายเล่าอูทั้งหลายต่างพยักหน้า พลางยื่นปืนลูกซองมาให้ทั้ง 4กระบอกและปืนมืออีก 3กระบอก และได้ส่งย่ามสะพาย ที่เต็มไปด้วยเครื่องกระสุน มาให้อย่างร้อนรน จงรีบพากันไปก่อนเถอะ คุณอนุวัฒน์บอกย้ำให้ทุกคนรีบย่องหนีลงประตูหลัง เพื่อไปรออยู่กับนายเล่าอูที่ป่าช้านั้น
ทันทีนั้นเองเสียงกระแทกประตูก็ดังขึ้นอย่างแรง ตึงๆๆๆๆ โฮร่กกกก มันคือเสียงของเจ้าสางดงตัวนั้นกำลังพยายามกระแทกประตู เพื่อพังเข้ามาทำร้ายคนที่อยู่บนกุฏิ แต่ประตูของกุฏินั้น เป็นประตูไม้ที่มีขนาดที่หนา และมีความแข็งแรงมากพอสมควร อันเนื่องจากทำจากไม้เต็งรังแผ่นใหญ่ตามลักษณะศิลปะแห่งล้านช้าง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่เจ้าอสูรกายร้ายจะพังเข้ามา คุณอนุวัฒน์รีบยื่นปืนลูกซองแฝดที่บรรจุกระสุนเหล็กไหลให้ทิดกราดถือไว้ในมือ พร้อมกับกำชับว่าต้องยิงเข้าทางปากมันเท่านั้น มือพลางหยิบปืนกลเล็กยาวแบบแม็คคาซีนของลูกน้องนายเล่าอู ดึงแม็คคาซีนออกมาตรวจดู จากนั้นได้นำกระสุนในย่ามมาบรรจุจนเต็มแม็คคาซีน กระชากกระสุนขึ้นรังเพลิงทันที พร้อมกับทิดหมาน และดาบเริง ที่ถืออาวุธชนิดเดียวกันนี้ ส่วนปู่ฮวดของผม อ้ายโหน่ย และอ้ายเฮือง ถือปืนลูกซองแบบหักยิงทีละนัด ซึ่งเป็นของบรรดาลูกน้องนายเล่าอูเช่นกัน โดยที่ท้าวคำใสนั้นถือปืนลูกซองชนิด 5นัด ของนายเล่าอูไว้ในมือแน่น ผมภาวนาว่ากระสุนที่ผมอัดขึ้นมาใหม่ คงจะเอามันอยู่นะ ท้าวคำใสเอ่ยขึ้น ทำไมถึงได้มั่นใจขนาดนี้ครับ ดาบเริงเอ่ยถามทันที ก่อนที่ท้าวคำใสจะตอบกลับมาว่า ก็เพราะลูกกระสุนเป็นการรวมแร่จัตวโลหะ ที่พระธุดงภ์ท่านมอบให้ผมตอนอยู่ในโบสถ์นะซิครับ ท่านบอกไว้ว่า ใช้ยิงแก้อาถรรพ์ของมันได้ เราก็สามารถยิงมันด้วยกระสุนนี้ได้ทันที โดยที่ไม่ต้องยิงเข้าทวารใดๆ โดยยิงที่จุดไหนก็ได้ เข้าเนื้อทั้งนั้น ท้าวคำใสอธิบายจบ ทุกคนต่างมีกำลังใจขึ้นมาทันที และทุกคนต่างเตรียมพร้อม ทีจะเผชิญหน้ากับเจ้าสางปีศาจชนิดที่ว่าลืมตาย แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
พลัน ในทันทีนั้นเองท้าวคำใสก็ได้อุทานขึ้นเสียงดัง ทุกคนถอยออกห่างจากประตูไว้ ตอนนี้เจ้าสางดงมันกำลังใช้พลังอิทธิฤทธิ์ของมันจะทำลายประตูแล้ว สิ้นเสียงบอกท้าวคำใส บานประตูกุฏิก็พังโครม กระเด็นหลุดออกทันที โครมมม จากนั้นได้ปรากฏร่างของอสูรกายร้าย ยืนจังก้า 4ขาดวงตาสีแดงลุกโชน ยืนคำรามแยกเขี้ยว ร้องกึกก้อง โฮร่กกก แล้วมันก็ค่อยๆเคลื่อนกายขึ้นมาบนกุฏิอย่างช้าๆ แล้ววินาทีนั้นเอง ท้าวคำใสก็รีบหลับตาบริกรรมคาถา เพื่อปลุกผีที่อยู่ในป่าช้านั้นทันที พลันก็ปรากฏร่างกายของผีนับ 10ตัว ยืนประชันหน้า กับเจ้าสางดงตัวนั้น ในเสี้ยววินาทีนั้นเอง เจ้าสางดงก็กระโจนเพื่อเข้าจู่โจมในทันที แต่บรรดาเหล่าผีที่ถูกปลุกขึ้นมา ต่างพากันวิ่งกรูเข้าไปจู่โจมมันเช่นกัน การต่อสู้ระหว่างสางดงกับวิญญาณผีแห่งป่าช้า จึงได้อุบัติขึ้นทันที
ผีทั้งหลายที่ถูกปลุกขึ้นมานั้น ต่างพุ่งตรงเข้าไปปะทะกับเจ้าอสูรกายร้าย เข้าฟัดเหวี่ยงโรมรันกันพัลวัล เพียงชั่วอึดใจเดียวก็มีผีตนหนึ่ง ที่ดูลักษณะเหมือนเป็นผู้นำผีทั้งหมด พุ่งตรงมายืนตรงหน้าของท้าวคำใส ที่ตอนนี้ได้มายืนอยู่ลึกๆ แอบตัวเองอยู่ทางด้านในสุด ของตัวกุฏิวัด นายครับ รีบพากันหนีไปก่อนเถิด พวกเราคงไม่อาจจะต้านทานมัน ได้เกินไปมากกว่านี้แล้ว ผีตนนั้นกล่าวเอ่ยบอกท้าวคำใสเสียงเยือกเย็น ดวงตาขาวโพลน ก่อนกล่าวบอกท้าวคำใสไว้ทิ้งท้ายว่า พวกนายทั้งหลายจงรีบไปที่ป่าช้าเถิด ไปตรงที่ได้ฝังตะปู 7ป่าช้าเอาไว้ รีบไปก่อนที่ดวงอาทิตย์จะส่องแสงขึ้น เพราะว่าขณะนี้ ประตูนรกได้เปิดขึ้นแล้ว ถ้ามันก้าวขาเหยียบบริเวณ พื้นดินป่าช้าเมื่อไหร่ บรรดาวิณญาณสัมพเวสีโหงพราย ที่ให้พลังอาถรรพ์แก่มันก็จะถูกดึงสู่ห้วงแห่งอเวจีทันที พวกนายจงรีบปายยย บริวารของข้าคงต้านทานมันไม่ได้แล้วววววว พูดจบผีตนนั้นก็หายไปโดยพลัน พร้อมกับบรรดาเหล่าผีทั้งหลาย ที่ต่อสู้กับเจ้าสางดงก็หายไปด้วยเช่นกัน พวกเรา รีบหนีมันไปที่ป่าช้าวัดเร็วๆเข้า ท้าวคำใสตะโกนบอกทุกๆคนทันที เสี้ยววินาทีนั้นเอง เจ้าสางดงก็ได้ทะยานพุ่งตรง เข้ามายังกลุ่มคนด้วยสีหน้าโกรธแค้นเคือง เปรี้ยง เสียงลูกกระสุนจัตวโลหะพุ่งออกจากกระบอกปืนลูกซอง 5นัดที่อยู่ในมือท้าวคำใสทันที ร่างของเจ้าสางเซถลาล้ม ด้วยอานุภาพแรงกระสุนปืน รีบไปกันเร็วเข้า เดี๋ยวผมจะยิงสกัดคุมหลังไว้ให้ ท้าวคำใสตะโกนเสียงดังลั่นบอกทุกๆคน อีกครั้งหนึ่ง
พวกเราทุกคนวิ่งออกไปทางทิศใต้เข้าป่าช้ากันเลย ท้าวคำใสตะโกนบอกทุกคนเสียงดังลั่น สิ้นเสียงสั่ง ทุกๆคนต่างพากันวิ่งกรูลงประตูหลังของกุฏิอย่างไม่คิดชีวิต โดยมีท้าวคำใสยืนรั้งท้ายของคณะ ประตูกุฏิด้านหลังนั้นเป็นประตูขนาดเล็กที่ไม่ใหญ่มาก โดยที่ทิดหมาน ดาบเริงวิ่งออกนำหน้ามาเป็นลำดับ ตามด้วยทิดกราด ปู่ฮวดของผม อ้ายเฮือง อ้ายโหน่ย และคุณอนุวัฒน์ตามลำดับ ทุกๆคนต่างวิ่งแบกปืนลงกุฏิทางบันไดไม้เก่าๆด้วยความรวดเร็ว ซึ่งบางคน ก็โดดลงมาที่พื้นล่างชนิดลืมตายเลยทีเดียว เจ้าสางดงเมื่อตั้งหลักได้ ก็ออกทะยานวิ่งตามบรรดาชายฉกรรจ์เหล่านี้อย่างโกรธแค้น พลันทันใดนั้น เปรี้ยงๆ ท้าวคำใสผู้ยืนคุมหลัง ลั่นกระสุนแร่จัตวโลหะที่ทรงอานุภาพเข้าปะทะร่างกายของมัน 2นัดติด มันสะดุ้งโหย่งสุดตัว แล้วชะงักเล็กน้อย อันเนื่องจากฤทธิ์กระสุนอาคมที่หลอมรวมแร่ ดีบุก เงิน ทองเหลือง และทองแดง ร่างของมันเซถลาล้มลง เลือดสาดกระจาย ก่อนที่ท้าวคำใส จะรีบวิ่งมาตรงชานบันไดกุฏิ แล้วรีบโดดลงอย่างรวดเร็ว จากนั้นได้ออกวิ่งโกยตามคณะไปอย่างรวดเร็ว เจ้าสางดงนั้นรีบทะยานลุกขึ้น ออกควบตามมาอย่างรวดเร็ว ให้มันได้อย่างนี้ซิวะ ทำไมมันอึดจัง ขนาดโดนไปตั้ง 2นัดซ้อน ท้าวคำใสเอ่ยพูดกับคุณอนุวัฒน์ ที่ได้ยืนรออยู่ พร้อมกับยกปืนกลมือขึ้นประทับไว้ที่บ่า ขนะที่เจ้าสางดงออกวิ่งตามมาห่างจากจุดยืนของทั้ง 2ราวๆ 15เมตร คุณอนุวัฒน์ได้ลั่นไกทันที เปรี้ยงๆๆๆ เสียงกระสุนดังลั่นสนั่นวัด ร่างเจ้าสางดงชะงักชะงันเล็กน้อย เอามันไม่อยู่ครับ ลองใช้กระสุนจัตวะโลหะดีกว่า คุณอนุวัฒน์รีบเอ่ยบอกท้าวคคำใส สิ้นเสียงบอกของคุณอนุวัฒน์ ท้าวคำใสรีบยกปืนลูกซองประทับบ่าแล้วกดลั่นไกทันที เปรี้ยงๆ ร่างเจ้าสางดงกระเด็นไปตามแรงปะทะ ของกระสุนจัตวะโลหะทั้ง 2นัด รีบวิ่งไปที่ป่าช้าตอนนี้เถอะครับ กระสุนจัตวโลหะผมหมดแล้ว ท้าวคำใสบอกคุณอนุวัฒน์เสียงดังลั่น จากนั้นชายทั้ง 2ก็ได้ออกรีบวิ่งไปยังป่าช้า ที่อยู่ห่างออกไปทางทิศใต้ราวๆ 100กว่าเมตร โดยที่มีเจ้าสางดงรีบควบตามมาอย่างแค้นเคืองชายทั้ง 2 รีบมาทางนี้ครับ เสียงนายเล่าอูและทุกๆคนที่ต่างพากันยืนรอ อยู่ใจกลางป่าช้าวัดป่าหนองคำไซ ตะโกนเรียกเสียงดังลั่น ท้าวคำใสและอนุวัฒน์ ต่างพากันวิ่งเข้าไปยังในกลุ่มที่ทุกคนรออยู่ ด้วยอาการที่ต่างหอบแฮ่กๆ ทันใดนั้นเจ้าสางดงก็ทะยานควบมุ่งหน้าตามเข้าป่าช้า เมื่อประจันหน้ากับทุกคนแล้ว มันได้หยุดเดิน ค่อยๆย่าง 3ขุม มาอย่างช้าๆ ค่อยๆก้าวเข้ามาทีละนิดๆ พร้อมกับคำรามกึกก้อง โฮร่กกกก คุณอนุวัฒน์รีบยื่นมือ ไปเอาปืนลูกซองแฝด ที่บรรจุกระสุนเหล็กไหลจากทิดกราด มาถือกระชับไว้ในมือของตนทันที พร้อมกับยกขึ้นเล็งตรงไปที่มัน ท้าวคำใสรีบเอามือจับไว้ พร้อมกับบอกว่า เดี๋ยวก่อนครับ ก่อนบอกทุกคนเบาๆว่า ให้เอาปืนทุกกระบอกยิงไปที่มันเดี๋ยวนี้เลย สิ้นเสียงบอกของท้าวคำใส ปืนทุกกระบอก ยกเว้นแต่ปืนกระสุนเหล็กไหลของคุณอนุวัฒน์ ต่างได้ระดมยิงไปที่ร่างของเจ้าสางดงทันที เปรี้ยงๆๆๆๆ ลูกกระสุนพุ่งไปราวกับห่าฝน เสียงปืนกลเล็กและปืนลูกซอง ดังอุบัติขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร่างของเจ้าอสูรกายร้ายชะงักชะงัน ด้วยแรงบวกของลูกกระสุนปืน ที่สาดเข้าอย่างไม่ยั้ง สิ้นเสียงกระสุนปืนเจ้าสางดงรู้สึกแค้นเคืองยิ่งนัก มันได้ร้องคำรามเสียงดังลั่น โฮร่กกก ก่อนที่จะทะยานวิ่งโผเข้ามา ยังกลุ่มคนในป่าช้านั้นอย่างบ้าคลั่ง ทันใดนั้น เมื่อเท้าของมันก้าวเข้ายังเขตพื้นดินที่เป็นบริเวณของป่าช้า ในเสี้ยววินาที ร่างของมันก็ได้เกิดอาการกระตุก ชักเกร็งขึ้น นอนล้มลงดิ้นพล่านบนพื้นดิน อย่างทุรนทุราย บังเกิดแสงลูกไฟขนาดเท่ากำมือสีเหลืองอำพัน ลอยละล่องออกมาจากร่างของมันที่นอนดิ้นอยู่ แสงดังกล่าวนั้น ค่อยๆลอยลงไปหายวับยังพื้นดินของป่าช้า ที่มีลักษณะเป็นแสงประกายเปิดอยู่ที่พื้นดิน ประตูนรกเปิดรอเอ็งแล้ว ท้าวคำใสเอ่ยขึ้นเสียงดัง ก่อนที่แสงดังกล่าวจะลอยออกจากร่างของเจ้าสางดง ค่อยๆลอยลงสู่ประตูแสง ที่อยู่บนพื้นดินป่าช้าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีจำนวนมาก มันคือแสงอะไรครับ ทิดหมานเอ่ยถามท้าวคำใสเบาๆ มันคือแสงของวิณญาณโหงพราย ที่สิงสถิตย์อยู่ในตัวมัน ตอนนี้เราใช้ตะปู 7ป่าช้า เปิดประตูนรก ทำให้วิณญาณดังกล่าวถูกปล่อยเป็นอิสระ หลุดจากบ่วงแห่งการพันธนาการของมัน จึงถูกดึงไปยังที่ที่ควรไป ที่นั่นก็คือนรกนั่นเอง ท้าวคำใสอธิบายอย่างละเอียด ครู่ต่อมาแสงดังกล่าว ก็ได้อันตธานหายไปจนหมดสิ้น พร้อมกับประตูแสงที่เกิดบนพื้นดินของป่าช้า ก็ปิดลงหายสนิทไป เหลือเพียงร่างของเจ้าสางร้ายแห่งภูเวียงฟ้า ที่ยืนโซเซอยู่เท่านั้น มันได้ยืนแยกเขี้ยวคำรามอย่างดุร้าย ด้วยสายตาที่แสนจะอาฆาตทุกๆคน ยิงมันด้วยกระสุนเหล็กไหลตอนนี้เลยครับ มันไม่มีพลังอาถรรพ์ที่พอจะคุ้มตัวมันได้แล้ว ท้าวคำใสรีบตะโกนบอกคุณอนุวัฒน์เสียงดังลั่น ก่อนกล่าวสำทับตามมาว่า รีบยิงเลยก่อนที่มันจะหนีเราขึ้นภูครับ จบคำพูดท้าวคำใส คุณอนุวัฒน์รีบยกปืนลูกซองแฝด ที่บรรจุกระสุนเหล็กไหลขึ้นประทับบ่าทันที แล้วเล็งไปที่กลางศรีษะของเจ้าสางดง ที่ยืนห่างออกไปไม่เกิน 10เมตร จากนั้นได้สอดนิ้วเข้าไปที่โกร่งไก แล้วทำการกดไกปืนลูกซองทันที เปรี้ยง ร่างเจ้าสางดงหงายเงิบ เพราะฤทธิ์อาคมกระสุนเหล็กไหล เข้ากระทบศรีษะมันอย่างจัง แล้วในขณะที่มันกำลังยืนโซเซอยู่นั้น กระสุนเหล็กไหลนัดที่ 2ได้ลั่นออกลำกล้องอีกครั้ง เปรี้ยง ซึ่งนัดนี้พุ่งเข้าตัดเข้าที่ลำคอมันอย่างจังราวกับจับวาง เลือดสีเขียวกระพุ่งฉูด ไหลทะลักออกมาเป็นลิ่มๆ ร่างของเจ้าสางดงล้มลงหมดสิ้นฤทธิ์ มันได้กระตุกเล็กน้อย แล้วมันค่อยๆหลับตาลงอย่างช้าๆแน่นิ่งไปในที่สุด ครู่เดียวร่างของมันค่อยๆกลายเป็นฤาษีชราซูบผอม ลักษณะเป็นหนังหุ้มกระดูก เหม็นเน่าคละคลุ้งราวกับซากสัตว์ที่ตายมาแล้วนับแรมปี ทุกคนต่างรีบพากันเดินออกมา ให้ห่างจากซากนั้นทันที เนื่องจากทนกับความเหม็นเน่าไม่ไหว แล้วต่างพากันนั่งพักเหนื่อยกลางป่าช้านั้นอยู่ครู่ใหญ่ๆ พักเดียวฟ้าก็สว่างขึ้นมีเพียงสายฝนปรอยลงเบาๆ กับมีอากาศที่หนาวเย็น ราวกับเมืองฮอกไกโด เนื่องมาจากเป็นช่วงต้นฤดูหนาว เมื่อทั้งคณะนั่งพักเหนื่อยสูบบุหรี่อยู่ครู่ใหญ่แล้ว คุณอนุวัฒน์จึงขอแรงทุกๆคน ช่วยหอบฟืนและเศษไม้ในละแวกนั้น มาสุมไฟเผาร่างของฤาษีสางตนนี้ พร้อมกับสวดแผ่เมตตาให้แก่มัน เพื่อให้ได้ไปเกิดใหม่ในภพภูมิที่ดีกว่าเดิม ไม่ต้องเกิดเป็นผีป่าหากินเลือดกินเนื้อ เฉกเช่นปัจจุบันนี้ จบสิ้นกันเสียทีนะ อย่าได้จองเวรจองกรรมกันเลย คุณอนุวัฒน์พูดขณะที่มองกองไฟที่สุมร่างฤาษีสางดงอยู่ พวกเรา กลับบ้านเถอะ หมดเรื่องบ้าๆแล้ว ท้าวคำใสเอ่ยบอกทุกๆคน ก่อนทีนายเล่าอูจะชี้นิ้วบอกว่า ตรงไปทางนี้ไม่เกิน 700เมตร ก็ถึงปากร่วมลำเง็กกับแม่น้ำโขงแล้วครับ วัดนี้ผมเคยอยู่เป็นที่หลบหนีทางการครับ สิ้นเสียงบอกนายเล่าอู ทุกคนต่างพากันเดินมาที่ข้างโบสถ์ร้าง ช่วยกันหอบร่างของพระธุดงภ์มาที่ลานโล่ง ก่อนจะหาฟืนและเศษไม้ เผาร่างของพระธุดงภ์ชรา ที่ท่านอุตส่าห์อุทิศชีวิตช่วยเหลือพวกเขา แล้วทุกคนจึงได้เดินทางกลับออกมา โดยการเดินเลาะเลียบลำเง็กออกมาเรื่อยๆ โดยคณะของนายเล่าอูนั้นขอแยกตัวไป เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณแม่น้ำโขง ทีเขตหมู่บ้านหนองคำไซ แล้วท้าวคำใสก็ขอตัวลากลับ ไปทำงานที่กรมป่าไม้แขวงไซยะบุรี โดยที่ท้าวคำใสได้ขอเจ้าโทนเสือโคร่งน้อยไปด้วย เพื่อนำไปอนุบาลที่สำนักงานป่าไม้ แล้วคณะตัดไม้ จึงได้จ้างวานเรือยนต์ชาวบ้านหนองคำไซ เล่นตามลำโขงมาส่งที่หมู่บ้านของญาติอ้ายโหน่ย ชื่อหมู่บ้านแม่ฮ่อม เป็นหมู่บ้านเล็กๆเลียบน้ำโขงของชาวไทลื้อ เพื่อให้ทั้งคณะพักผ่อนเอาแรงก่อนเดินทางกลับคืนถิ่น
นายส่างแปงเจ้าบ้าน จัดเตรียมข้าวปลาอาหารให้แก่ทั้งคณะ โดยมีอาลี่ลูกสาววัย 17ปี คอยช่วยจัดเตรียมให้ หล่อนจ้องมองคุณอนุวัฒน์ด้วยสีหน้าแดงก่ำ ออกอาการเหนียมอายเล็กน้อย คุณอนุวัฒน์แม้อายุจะเข้า 42ปีแล้ว แต่จัดได้ว่า หน้าตาเข้าขั้นพระเอกหนังเลยทีเดียว ถ้านายนั้นไม่รังเกียจ ก็รับมันไปเป็นลูกจ้างช่วยงานเถอะครับ ถือเสียว่าเลี้ยงสัตว์ซักตัวก็ได้ มันโชคร้ายกำพร้าแม่แต่เกิด เหลือแต่ผมที่เป็นพ่อไม่มีสมบัติอะไรเลย อยากให้มันมีงานทำ เลี้ยงตัวได้บ้าง นายส่างแปงกล่าวร้องขอคุณอนุวัฒน์ ถ้าอยากทำงานก็พอมีบ้างครับ งานในไร่ส้มของพี่ชายผมที่เมืองแพร่ เดี๋ยวผมจะดูให้ คุณอนุวัฒน์เอ่ยตอบนายส่างแปง นายส่างแปงรีบยกมือไหว้คุณอนุวัฒน์ทันที ทั้งคณะได้นอนค้างคืนที่บ้านนายส่างแปง 1คืน แล้วรุ่งเช้า จึงออกเดินทางไปยังบ้านด่านกุดดอน โดยรถยนต์เช่าเก่าๆ เพื่อยกเลิกสัญญาเช่าช้างงาน และปล่อยเงินมัดจำ โดยที่มีอาลี่สาวน้อยชาวไทลื้อ
ออกติดตาม เพื่อไปทำงานที่เมืองแพร่ด้วย จากนั้นอ้ายเฮืองและอ้ายโหน่ย จึงขอลาแยกตัวไปยังบ้านเกิด แล้วทั้งคณะก็ข้ามโขงเดินทางกลับสู่เมืองแพร่ คุณอนุวัฒน์นั้นยังคงพักอยู่ที่เมืองแพร่ราวๆ 1สัปดาห์ เพื่อจัดการเรื่องงานในไร่ให้กับอาลี่ โดยที่ยังไม่ได้กลับไปที่เมืองน่านบ้านของพ่อตา
และในคืนหนึ่งนั้น คุณอนุวัฒน์ได้ดื่มฉลองกับพวกปู่ฮวดของผม และทีมงานในปางไม้อย่างหนัก เกิดอาการเมามาก จนปู่ฮวดและทิดหมานจำ ต้องหิ้วปีกไปส่งยังเรือนไม้สักใต้ถุนยกสูง ในไร่ส้มแสงจันทร์ เมื่อจัดแจงที่นอนให้คุณอนุวัฒน์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทิดหมานจึงตะโกนเรียกไปยังอาลี่ที่อยู่ในห้องนอนเล็กๆท้ายเรือน อาลี่เอ็งเอาผ้าชุบน้ำเช็ดตัวให้คุณวัฒน์หน่อยนะ แกเมามาก สิ้นเสียงสั่งการ ทิดหมานกับปู่ฮวดได้เดินลงจากเรือนไม้สักนั้นทันที ครู่เดียว อาลี่ก็ถือกะละมังใส่น้ำกับผ้าผืนเล็กๆ หล่อนได้เช็ดประคบตามใบหน้าของคุณอนุวัฒน์อย่างแช่มช้า พลันคุณอนุวัฒน์ก็ลืมตาแป๋ว ตาคู่นั้นประสานสบตากับอาลี่ที่มองเขาอยู่ มือไวเท่าความคิด คุณอนุวัฒน์รีบผละขึ้นจากที่นอน ใช้ 2มือกอดร่างอวบอัดของสาวน้อยไว้ ระดมจูบไปยังแก้มอันสดใสของหล่อนไม่ยั้ง อย่าคะคุณวัฒน์ คุณเมามากแล้ว ทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ คุณมีเมียแล้ว หญิงสาวออกกริยาขัดขืนคุณอนุวัฒน์ ลี่รู้มั้ย ว่าพี่ชอบลี่มากๆ ชอบตั้งแต่แรกเจอแล้ว ไม่ได้บอกวันนี้ พี่คงอกแตกตายแน่ๆ คุณอนุวัฒน์กระซิบบอกที่ข้างหูหล่อนเบาๆ ก่อนก้มหัวลงไปจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากเรียวงามของหล่อนอย่างช้าๆ อาลี่ได้จูบตอบคุณอนุวัฒน์ อย่างไม่เหนียมอายเช่นกัน เมื่อมีการสนองตอบเกิดขึ้น ทั้งคู่ก็กอดรัดกันพัลวัล คุณอนุวัฒน์ก็ค่อยๆลูบไล้ เค้นคลีง ปากก็เลื่อนลงมาที่ซอกคอหล่อน มือค่อยๆปลดเสื้อผ้าอาภรณ์จนผ้านั้นหลุดหายจากร่างอาลี่หมดสิ้น เหลือแต่ร่างขาวอวบ จากนั้นคุณอนุวัฒน์รีบโผตัวไปล็อคกลอนประตู ดับแสงตะเกียง แล้วถอดเสื้อผ้าตนเองอย่างรวดเร็ว ดั่งเสือร้ายที่กระหายเหยื่อ เมื่อไฟตัณหาราคะเข้าครอบงำคนทั้งคู่ ต่างเสพสมกามรมภ์อย่างที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ภายใต้ความมืดมิดนั้น แล้วอาลี่ก็ตกเป็นของคุณอนุวัฒน์ในคืนนั้นเอง สัญญาได้มั้ยจะไม่ทิ้งลี่ หญิงสาวกระซิบที่ข้างหูคุณอนุวัฒน์ ขณะที่ร่างหล่อนเปลือยเปล่าอยู่ภายใต้อ้อมกอดของคุณอนุวัฒน์ ใครจะทิ้งเมียตัวเองได้ลงล่ะ คุณอนุวัฒน์กระซิบบอกหล่อน พร้อมก้มจูบยังหน้าผากหล่อนเบาๆ ลี่เป็นเมียคุณแล้วนะ อย่าทิ้งเมียล่ะ เพราะลี่รักคุณหรอกนะ ถึงยอมเป็นของคุณ หล่อนเอ่ยบอกคุณอนุวัฒน์แอบค้อนสายตาเล็กน้อย ก่อนที่คุณอนุวัฒน์จะกล่าวสวนขึ้นมาว่า ใครจะมองไม่ดีอย่างไรก็ช่างเถอะ ความรักห้ามกันได้ที่ไหนล่ะ แค่ตอนนี้เรามีกันและกันก็พอแล้ว สุดที่รักของพี่ พอคุณอนุวัฒน์พูดจบ อาลี่ก็รีบยื่นหน้าเข้าหอมแก้มคุณอนุวัฒน์เบาๆ พร้อมเอ่ยขึ้นว่า สุดที่รักของเมีย แล้วทั้งคู่ต่างยิ้ม จ้องมองสบตากัน แล้วนอนกอดกันบนเตียงไม้ยันฟ้าสว่าง แล้วถัดจากนั้นไม่นาน อาลี่ก็แอบต้ังท้องกับคุณอนุวัฒน์ เมื่อคุณนุจรีผู้เป็นภรรยาคุณอนุวัฒน์ทราบเรื่อง คุณอนุวัฒน์จึงถูกพ่อตาขับไล่จากเมืองน่าน แล้วทั้งสองจึงทำการจดทะเบียนหย่ากันโดยเด็ดขาด เพราะคุณนุจรีนั้นเป็นหมันแต่กำเนิด ซึ่งไม่มีบุตรกับคุณอนุวัฒน์ ทำให้ทั้งสองไม่มีพันธะต่อกันอีกต่อไป จากนั้นไม่นานคุณอนุวัฒน์ก็ได้ยกย่องอาลี่ ให้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมาย แล้วทั้งคู่ก็ครองรักกันอยู่ที่ไร่ส้มแสงจันทร์
(จบบริบูรณ์ )
เรื่องจากพันทิป (สางดงในคืนเดือนดับ)อาถรรพ์เกี่ยวกับป่าที่สมาชิกทุกท่าน เคยได้ยินเรื่องเล่าที่ตกทอดกันมามีอะไรบ้าง?
เรื่องโดย สมาชิกหมายเลข 3108333
Post a Comment