บทสนทนากับพญามาร
"บทสนทนากับพญามาร" เรื่องสั้นจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947 เล่าถึงการสนทนากับพญามาร ที่มีการเล่าเรื่องที่น่าติดตามมาก เขาฝากผลงานไว้มากมาย ขอขอบคุณเรื่องดีๆจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 5347947 มีคุณภาพไว้ ฌ ที่นี้ด้วย
“พาคนอื่นออกไปก่อนลุง ขอข้าอยู่กับมันซักพัก”
หลังจากที่ทุกคนทยอยกันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปรอนอกศาลา ใบหน้าของหญิงสาวคนนั้นก็หันมาแสยะยิ้มให้กับผม
“พ่อมันไปแล้วใช่มั้ย? ดีเลย ข้าเกลียดขี้หน้าไอ้แก่นั่น” น้ำเสียงของเธอแหบแห้งและทุ้มต่ำ ไม่เหมือนมาจากกล่องเสียงของหญิงสาววัยสามสิบต้นๆเลยแม้แต่น้อย
“เอ็งไม่ใช่สัมภเวสี ใช่มั้ย?”
“กว่าจะรู้ได้นะ เป็นหมอผีประสาอะไรวะ?”
“แล้วมาทำอะไรในร่างนี้ ทำไมต้องลูกกำนัน?”
“หัวหน้าเค้าให้ข้ามาบอกข่าวดีกับพวกเอ็ง ส่วนข้าก็แค่ชอบร่างนี้เฉยๆ มันเซ็กซี่ดี ดูนมมันสิ” หญิงสาวถกชายเสื้อขึ้นพร้อมแลบลิ้นเลียหัวนมไปมา ทำให้ผมต้องรีบเบือนหน้าหนี
“ข่าวดี? ข่าวดีไรวะ?”
“เอางี้ ไอ้หมอผี เรามาตกลงกัน เอ็งจะถามอะไรข้าก็ได้ที่อยากถาม แล้วข้าก็จะถามเอ็งเหมือนกัน โอเคมั้ย?”
“ก็ได้...” ผมค่อยๆหันกลับมา “สรุปถ้าไม่ใช่สัมภเวสี แล้วเอ็งเป็นตัวอะไรกันแน่?”
“ข้าคือ… พวกเอ็งนับถือพุทธใช่มั้ย เดี๋ยวขอข้านึกคำก่อน… เค้าเรียกพวกข้าว่า…”
“มาร?” ผมพูดขึ้น
“ใช่ นั่นแหละ ไอ้พวกที่ไปผจญกับพระพุทธเจ้าของเอ็งไง”
“เอ็งสิงคนได้ด้วย?!”
“จริงๆก็ทำได้หมดแหละ แต่แค่ไม่ค่อยชอบทำบ่อยๆ ก็เลยไม่ค่อยชินน่ะ”
“แล้วไหนล่ะ ข่าวดีที่เอ็งว่า?”
“โอเค งั้นก่อนข้าตอบ ข้าขอถามเอ็งก่อนว่า ในศาสนาของเอ็งอ่ะ มนุษย์เกิดจากอะไร?”
“เอ่อ… มันเคยมีบอกอยู่ว่า…”
“ข้าว่าแล้ว เค้าไม่ได้สอนเอ็งใช่มั้ย? หรือไม่เค้าก็ไม่ได้ให้ความสำคัญ”
“ก็ใช่ เค้าสอนเรื่องการดับทุกข์ การทำความดีอะไรพวกนั้นมากกว่า”
"เอ็งไม่คิดเหรอว่ามันแปลกๆ ที่เอ็งเป็นหนึ่งในส่วนน้อยที่ไม่นับถือพระเจ้า?”
“ไม่หนิ ข้าก็นับถือกันมาอย่างงี้ตั้งนานแล้ว”
“เป็นอย่างที่ข้าคิดไว้จริงๆ เอ็งคิดดูนะ อิสลามก็มีพระเจ้า คริสต์ก็มีพระเจ้า พราหมณ์-ฮินดูก็มีพระเจ้า แต่พุทธของเอ็งไม่มี รู้มั้ยมันแปลว่าอะไร?”
“อะไรวะ?”
“ไอ้สิทธัตถะมันนอกรีตไง”
“ห้ะ?”
“เอ็งฟังนะ แล้วก็จำใส่สมองไว้ด้วย ไอ้สิทธัตถะมันเนรคุณ มันทรพี พระองค์ท่านอุตส่าห์หวังดีไปสมสู่กับแม่มัน จนเกิดมาเป็นเด็กที่มีพัฒนาการเกินคนทั่วไป จะได้ไปเผยแผ่คำสอน ไอ้เดินได้เจ็ดก้าวอะไรของเอ็งอ่ะ มันเป็นพระประสงค์ของท่านเว้ย แล้วเชื่อมั้ย จากนั้นเกิดอะไรขึ้น?”
ผมส่ายหน้าเบาๆ ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ได้ยินแม้แต่นิดเดียว
“ความเห็นแก่ตัวไง แค่นั้นเลย ไอ้เด็กนั่นปฏิเสธพระเจ้า ทำเป็นเหมือนไม่สนใจเสียงที่ท่านพูดกรอกหูอยู่ทุกวัน แล้วทิ้งลูกทิ้งเมียออกเดินทางหาหนทางดับทุกข์อะไรพวกนั้น ทรมานตัวเองอดข้าวอดน้ำอะไรก็ไม่รู้ โคตรไร้สาระเลย มันก็แค่ข้ออ้างที่ไม่อยากให้ตัวเองทนทุกข์มากกว่า แล้วทีนี้มีคนศรัทธาเว้ย พวกเอ็งไง”
ผมได้แต่ฟังอย่างเดียว อยากรู้ว่าไอ้มารตัวนี้มันจะพูดว่าอะไรบ้าง
“นี่ข้าไม่ได้เกลียดมันนะ ข้าดีใจเว้ยที่มันก็หันหลังให้พระเจ้าเหมือนข้า แต่พอพวกข้าจะเข้าไปคุยด้วย ไอ้เด็กเปรตนั่นมันกลับหาว่าข้ามาร้าย ใช้พลังที่พ่อมันให้มาขับไล่ข้าออกไป นับแต่นั้นข้าก็เลยช่างมัน ไม่ยุ่งกับมันอีกเลย… อ้าว งงดิ งง ในคำภีร์เอ็งไม่ได้เขียนแบบนี้ใช่ป่ะ?”
“พูดจบยัง?” ผมถามมันไป
“ไม่อยากรู้แล้วเหรอว่าข่าวดีคืออะไร?”
“อยากดิ รอฟังอยู่เนี่ย ไม่เห็นตรงไหนจะเป็นข่าวดีเลย”
“โอเค งั้นข้าต่อนะ ในคำภีร์เอ็งบอกว่า ใครทำดีได้ขึ้นสวรรค์ ใครทำชั่วต้องตกนรก ใช่มั้ย?
“ก็ไม่เชิง แต่ก็ประมาณนั้นแหละ”
“เอ็งเชื่อเรื่องพระเจ้าเป็นผู้สร้างมั้ย?”
“ไม่”
“ข้าล่ะชอบพวกคนอย่างเอ็งจริงๆ ข้าเลยได้มาบอกข่าวดีเนี่ย ทีนี้เอ็งลองสมมติว่าเอ็งเชื่อเรื่องพระเจ้านะ”
“โอเค สมมติว่าข้าเชื่อ”
“คิดตามนะ ถ้าเป็นแบบนั้นแล้วคนแบบไหนจะได้ขึ้นสวรรค์”
“คนที่พระเจ้าเลือก มั้ง?”
“เอ็งก็ฉลาดนี่ ใช่เลย แต่จริงๆคือทุกสิ่งที่พระเจ้าสร้างขึ้นเมื่อตายไปจะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งหมด ไม่มีข้อยกเว้น!”
“เอ็งก็ด้วยสิ พระเจ้าก็สร้างเอ็งไม่ใช่เหรอ?”
“ใช่ ข้าไปสวรรค์ได้ แต่ข้าไม่ไป”
“ทำไมวะ?”
“ข้าเคยทำบาปมหันต์ ข้าใช้อำนาจที่ท่านให้มา กระทำในสิ่งที่พระเจ้าเท่านั้นที่ทำได้”
“เอ็งไปทำอะไรไว้?”
“ข้าสร้างเทวฑูต พวกลูกๆของข้า มันถูกออกแบบให้เป็นตามที่ข้าต้องการ แล้วพระองค์ไม่พอใจ เลยสั่งลงทัณฑ์ให้พวกมันทุกตัวต้องตกนรก ทุกข์ทรมานตราบจนนิรันดร์”
“เอ็งหมายถึงพวกปีศาจ?”
“ใช่ๆ พวกนั้นก็ด้วย ข้าขึ้นสวรรค์ไม่ได้ ตราบใดที่พวกลูกๆข้าต้องทรมานอยู่ในนรก ข้าเลยตัดสินใจว่าเมื่อเวลามาถึง ข้าจะลงนรกไปชดใช้กรรมกับพวกมัน”
“ทำไม?”
“เพราะข้ารักพวกมันไง ใครจะไม่รักลูกๆตัวเองวะ ต่อให้ไม่ได้เกิดจากสายเลือดโดยตรงก็เถอะ”
น้ำเสียงของพญามารตอนนี้ฟังดูนุ่มและไม่เกรี้ยวกราดเหมือนแต่ก่อน ผมรู้สึกถึงความสงสารจากแววตาของมันที่มองผ่านร่างหญิงสาวออกมา ไม่รู้สิ ทั้งหมดที่มันพูดอาจเป็นความจริงก็ได้ ใครจะไปรู้
“โอเค งั้นข่าวดีก็คือพวกข้าได้ขึ้นสวรรค์กันทุกคน ไม่มีใครต้องตกนรกใช่มั้ย?” ผมถามมันไป
“นี่เอ็งไม่เข้าใจเหรอ ไม่มีมนุษย์คนไหนจะได้ขึ้นสวรรค์ทั้งนั้น!”
“แต่เอ็งพูดเองว่า…”
“ใช่ ข้าพูดเอง แต่เอ็งลองคิดดูสิว่าศาสนาเกิดขึ้นมาเพราะอะไร มันมีเหตุผลที่พระเจ้าต้องให้กำเนิดสิทธัตถะ เยซู นบี แล้วก็อะไรพวกนั้นเพื่อมาโปรดมวลมนุษย์ พระองค์ก็แค่อยากช่วยให้พวกมันได้ขึ้นสวรรค์ แต่ทีนี้ลองดูสิ หลังจากพวกศาสดาทั้งหมดได้ตายจากไป มันเกิดอะไรขึ้น มนุษย์ฆ่ากันเอง รังแก ข่มเหง ดูถูก เหยียดหยาม ก่อสงคราม ทำลายทรัพยากรอื่นๆที่พระองค์ได้สร้างเอาไว้ให้กับโลกใบนี้”
ผมอึ้งไปอีกครั้ง แต่ครั้งนี้พูดอะไรไม่ออกเลย
“พอหมดหนทางเยียวยา... รู้มั้ย” มันพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าๆปนเห็นใจ “พระองค์ไม่อยากทำแบบนี้เลย แต่ก็ยังดีกว่าทำลายล้างโลกนี้เสีย ข้าได้แต่ชื่นชมผลงานลูกๆข้าด้วยความภาคภูมิใจ ทุกอย่างตอนนี้กำลังเป็นไปตามแผนแบบเป๊ะๆ ส่วนพระองค์ก็ได้หมดหวังกับพวกเอ็งไปนานแล้วด้วย”
“น.. ไหนเอ็งบอกว่า…”
“ข้ารู้ว่าข้าพูดอะไร ข้าพูดเองว่าทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างขึ้นจะได้ไปสวรรค์ แต่เผอิญ ลูกรักของข้า พวกเอ็งชาวพุทธที่ข้ารักยิ่งกว่าใคร พวกที่เลือกจะหันหลังให้พระเจ้าก่อนคนอื่นเค้า ข้าก็เลยเลือกมาบอกข่าวดีนี้ให้พวกเอ็งรู้ก่อนไง ทีนี้ฟังไว้ให้ดีๆนะ พวกเอ็งไม่ได้เป็นของพระองค์”
“พวกเอ็งเป็นของข้า”
---
จบ
ก็จบไปแล้วนะครับสำหรับเรื่องสั้นเรื่องที่แปดของผม คิดเห็นติชมกันอย่างไรอย่าลืมคอมเมนต์นะครับ ขอบคุณทุกท่านจริงๆที่เข้ามาอ่านจนจบ สวัสดีครับ
เรื่องจากพันทิป บทสนทนากับพญามาร
Post a Comment