​เรื่องเล่ายามเที่ยงคืน


​     เรื่องเล่ายามเที่ยงคืน เรื่องสยอง ต้น ชายหนุ่มผู้พานพบประสบการณ์สยองขวัญมานับไม่ถ้วน เพราะเนื่องจากเขามี "สัมผัสที่ 6"  เรื่องสั้นสุดสยองขวัญจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 4500170 ขอขอบคุณเรื่องดีๆ ไว้ ฌ ที่นี้ด้วย

เรื่องแต่งเรื่องนี้เป็นเรื่องผีที่ผมแต่ง ซึ่งเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับ ต้น ชายหนุ่มผู้พานพบประสบการณ์สยองขวัญมานับไม่ถ้วน เพราะเนื่องจากเขามี "สัมผัสที่ 6" ซึ่งสามารถสัมผัสสิ่งเร้นลับที่อยู่รอบตัวเขาได้ ถึงแม้จะเป็นคนธรรมดา แต่ต้นก็ต้องเจอเรื่องราวแบบนี้ต่อไปไม่รู้จักจบสิ้น

     เรื่องนี้ต้นไม่ได้ใช้สัมผัสที่ 6 ในการพบเจอผีสางอีกแล้ว แต่เรื่องนี้เขาจะได้รับรู้ถึงการเจอผีของเพื่อนๆ ทั้งๆ ที่พวกเขาไม่มีสัมผัสที่ 6 เลย

     สมัยที่ต้นยังอายุ 16 ปี ต้นต้องรับมือกับรายงานใหญ่ในวิชาสายศิลป์-คำนวณ ซึ่งเป็นรายงานวิชาภาษาอังกฤษสุดปวดหัวที่คุณครูสั่งราวกับจะแกล้งเด็กนักเรียน เพราะฉะนั้นเลยมีเพื่อนๆ อีก 4 คนที่อยู่ในกลุ่มเดียวกับต้นมาทำงานที่บ้านต้นด้วยกัน

     เพื่อนทั้ง 4 คนของต้นเป็นเด็กที่พ่อแม่ปล่อยให้ลูกมีอิสระ ไม่เหมือนบางครอบครัวที่ยังเป็นห่วงลูกอยู่ และด้วยความที่เพื่อนทั้ง 4 นั้นเป็นเพื่อนเก่าเพื่อนแก่ตั้งแต่สมัยม.ต้น เลยไม่มีปัญหาที่จะไปบ้านเพื่อนอย่างบ้านต้น เพื่อนทั้ง 4 ประกอบไปด้วย เอก คิว จอม และตั้ม

     ขณะที่ทุกคนทำรายงานอังกฤษเสร็จแล้ว เวลาก็ล่วงเลยมาถึงห้าทุ่ม หากจะกลับไปบ้านก็คงดึกเกินไป ก็เลยมาขอพักบ้านต้น ทางบ้านต้นไม่มีปัญหาอะไร เพื่อนๆ จึงพักที่บ้านต้นอย่างสบายใจ โดยเพื่อนๆ จะนอนห้องเดียวกับต้น ห้องนอนต้นเป็นห้องนอนเล็กๆ บนชั้นสองของตึกแถว ในห้องมีเตียงนอนเล็กๆ พอนอนได้ 1 คน มีโต๊ะทำการบ้านอยู่ตรงข้ามกับเตียง ตรงหัวนอนมีตู้หนังสือเล็กๆ ที่มีแต่หนังสือจิตวิทยาและการ์ตูน มีตู้เสื้อผ้าเก่าๆ วางไว้ตรงข้างๆ โต๊ะทำการบ้าน ถ้าเข้ามาในห้องจะดูอึดอัดสักหน่อยหากมากันหลายๆ คน แต่เพื่อนๆ ของต้นก็ยังหาที่นอนกันได้ เอกกับคิวได้ผ้าห่มผืนหนา 2 ผืนและหมอนอีก 3 ใบจากพ่อแม่ของต้น และเพื่อนทั้ง 4 คนก็จัดแจงเอาผ้าห่มมาปูตรงข้างเตียง แล้วเอาหมอนมาเรียงกันยาวไปถึงโต๊ะทำการบ้าน ต้นยกเก่าอี้ทำการบ้านไปไว้ตรงหน้าตู้หนังสือเพื่อไม่ให้เกะกะ และนั่งอ่านการ์ตูนบนเก้าอี้นั้นรอเพื่อนๆ จัดแจงที่นอน

     พอถึงห้าทุ่มครึ่ง ทุกคนก็เริ่มไปปิดไฟนอนกันแล้ว บรรยากาศดูวังเวง ลมจากพัดลมค่อยๆ พัดมาหาต้นที่นอนคุดคู้อยู่ ลมนั้นทำให้ต้นคลายร้อนอยู่บ้าง แต่บางครั้งต้นก็สะดุ้งเพร่ะนึกว่าเป็นผีมาจับขา แต่ต้นก็สะกดความกลัวแล้วนอนต่อ

     ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงเบาๆ จากคนๆ หนึ่ง ลอยมาตามอากาศ เสียงนั้นพูดขึ้นมาว่า "มาเล่าเรื่องผีมะ" ต้นรับลุกขึ้นมา เห็นคิวกำลังนั่งยองๆ หันหน้ามาหาต้น แล้วหัวเราะคิกคัก ต้นรู้เลยว่าใครเป็นเจ้าของเสียง จึงไล่ให้คิวไปนอน เพราะต้นง่วงเต็มทีแล้ว แถมยังกลัวลมจากพัดลมยังไม่หาย

และแล้วเพื่อนอีก 3 คนก็ลุกขึ้นมา ต้นสะดุ้งตื่นอีกครั้ง ผ่านไปไม่ถึงนาทีพวกเพื่อนนี่ก็จะเล่นแผลงๆ อีกแล้ว เอกเขย่าตัวต้นหวังให้ต้นตื่น ต้นก็ตื่นด้วยสภาพไม่เต็มใจ แต่ทำไงได้ในเมื่อบรรยากาศมันไม่ชวนให้น่านอนอย่างเมื่อกี้แล้ว ต้นหันไปมองนาฬิกาปลุก ตอนนี้มันเที่ยงคืนแล้วรึนี่

     จอมที่กำลังง่วนกับการเอาผ้าห่มที่ห่มตัวเองออกจากตัว ก็หยิบไฟฉายออกมาเปิดไฟ แล้วตั้งไว้ตรงผ้าห่มที่ปูไว้นอนอย่างบรรจง จากนั้นทุกคนก็มานั่งกันเป็นวง เอกลากต้นมานั่งด้วย ต้นรู้สึกอยากนอนเต็มแก่ แต่แสงไฟฉายมันสว่างจ้าจนรบกวนการนอนหลับ

     "มาเล่าเรื่องผีกัน เอาเรื่องของใครก็ได้แต่ต้องเป็นเรื่องของคนรอบตัวของตัวเอง ห้ามแต่งเรื่องขึ้นมา ถ้าไม่มีเรื่องเล่าก็บอกว่าไม่มีเรื่องเล่า ใครไม่อยากเล่าก็ไม่ต้องเล่า งั้นเรียงลำดับวนขวา เริ่มจากต้นละกัน เป็นเจ้าของบ้านต้องเล่าก่อน โอเคนะเพื่อน..." สิ้นเสียงของจอม ทุกคนหันมาที่ต้น ต้นอยากนอนเต็มที่เลยบอกปัดไปว่า "ไม่อ่ะ พวกเอ็งก็รู้อยู่แล้วว่าตูเจอผีบ่อยๆ แถมพวกเอ็งก็เคยเจอกับตูด้วย ขอผ่าน" เพื่อนๆ ที่ได้ฟังดังนั้นต่างเซ็งเป็ดกันถ้วนหน้า คนที่อยู่ด้านขวาจากต้นถ้าเรียงลำดับก็เป็น เอก ตั้ม คิวและจอม คนต่อไปที่ได้เล่าเรื่อง คือ เอกนั่นเอง

     เอกนั่งคิดเรื่องราวในหัวอยู่นาน เขาจะไม่เอาเรื่องที่เคยเจอผีกับทุกๆ คนมาเล่า แต่ไม่ว่านึกเท่าไหร่ เอกก็นึกไม่ออกสักที จนสะดุดกึกที่เรื่องหนึ่งเข้า เอกก็เริ่มเล่าเรื่องนี้อย่างตะกุกตะกัก

     "นึกออกละ ตอนนั้นตูนั่งรถมอไซค์พ่อกลับบ้าน แล้วตอนที่นั่งอยู่บนมอไซค์ ก็เห็นต้นไทรต้นหนึ่ง... มันอยู่ตรงปากซอยบ้านตู... แล้วทีนี้ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง... ใส่ชุดเหมือนพนักงานบริษัท... แต่ที่น่าแปลกคือ เธอไม่มีขา... เหมือนเธอลอยอยู่เหนือพื้นนิดหน่อยอ่ะ... จนตอนนี้ตูยังไม่รู้เลยว่าเธอคือใคร" พอเอกเล่าจบ ทั้งวงก็ตาค้างกันเป็นแถบ เพราะตั้งแต่ที่เคยไปบ้านเอกกันมา ก็ไม่เห็นผู้หญิงที่ว่าอยู่ตรงต้นไทรปากซอย ตอนนี้เอกเล่าจบเรียบร้อย ก็ถึงตาของตั้มแล้ว

     ตั้มมองไปยังตู้เสื้อผ้าเก่าๆ ของต้น ตั้มเหมือนฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ เลยเล่าออกมาอย่างไม่ติดขัด

     "เคยเจอผีหวงของมั้ย เดี๋ยวตูเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องสมัยตูยังอยู่ม.ต้น พ่อตูซื้อตู้เสื้อผ้ามือสองมา สภาพยังดีใช้ได้ ตอนนนั้ตูไม่มีตู้เสื้อผ้าของตัวเอง ก็เลยขอพ่อมา พ่อก็ให้ตู้ใบนั้น พอใช้ไปสักสองเดือน จากที่เคยเป็นตู้เสื้อผ้าปกติ มันก็เริ่มแปลกๆ ละ เพราะมันส่งกลิ่นเหม็นเหมือนหนูตายมาจากในตู้ พอค้นดูก็ไม่มีอะไร ดมกลิ่นเสื้อผ้าก็ไม่ใช่ ดมกลิ่นตัวเองดู ก็ไม่ใช่อีก ก็เลยเริ่มไม่ไว้ใจตู้นี้ละ จนคืนหนึ่ง ตูก็นอนหลับปกติ"

     "แต่แล้วก็ได้ยินเสียงตู้เสื้อผ้าเปิด ตูเป็นคนตื่นง่ายเลยหันขวับไปดู มีใครไม่รู้อยู่ในตู้ เป็นผู้หญิงแก่ๆ แต่งหน้าจัดๆ ใส่เสื้อคอกระเช้า กำลังเดินออกมา แล้วก็พูดออกมาด้วยเสียงแหลมค่อดๆ ยายแก่นั่นบอกว่า "ใครขโมยตู้เสื้อผ้าช้านนนนน เดี๋ยวช้านจาหักคอให้ตายไปข้างเลยยยยย" ตอนนั้นตูฉี่แตกรดที่นอนเรียบร้อยแล้ว ทำได้แค่ท่องนะโมสามจบ ทำ่าเหมือนพระไล่ผีบ้างไรบ้าง แต่ยายแก่ยังไม่หายไปไหนเลย แล้วยายแก่ก็ดันหันมาหาตูแล้วพูดเสียงเบาๆ ว่า "ขอโทษทีไอ้หนู ยายหวงของมากไปหน่อย แต่อย่าลืมบอกตำรวจด้วย ให้มาจับคนขโมยตู้นี้ คนขโมยก็เด็กวัยรุ่นแถวนี้นี่แหละ แต่ยายไม่เห็นหน้า ยายตายไปนานแล้วก่อนจะเจอขโมยอีก รู้มั้ยตู้นี้เป็นตู้สุดรักของยาย ขนาดลูกสาวยังไม่กล้าแตะเลย ไม่ต้องถามนะว่าทำไมยายยังไม่ไปสวรรค์ เพราะยายยังจับไอ้หัวขโมยเวรไม่ได้น่ะซี ยายไปก่อนล่ะ" พูดจบยายแก่ก็เข้าไปในตู้เสื้อผ้าแล้วปิดประตูดังปังเลย รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว ฮ่วย สยองจริงเลยตู ส่วนขโมยนั่นพ่อแจ้งให้จับไปแล้ว ตู้นั่นก็คืนเจ้าของไป คนที่ขายตู้นั้นให้พ่อก็โดนจับข้อหารับของโจรไปแล้ว เฮ้อ..."

     ตั้มเล่าเรื่องจบแล้วพร้อมเหงื่อแตกพลั่ก ทั้งวงก็ไม่ต่างกัน ต่อไปก็ตาคิวเล่า คราวนี้คิวยิ้มแฉ่งราวกับจะได้เล่าเรื่องสุดสนุก คิวเล่าเรื่องออกมาด้วยรอยยิ้มสุดบานเบิก

     "ถ้าตั้มเคยเจอผีหวงของ แล้วเคยเจอคนต่อยกับผีมะ เรื่องมันเพิ่งเกิดเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี่เอง ตอนนั้นตูช่วยพ่อขุดดินปลูกต้นกล้วยข้างบ้านตู ก็ขุดจนถึงค่ำนั่นแหละ ค่อยกลับบ้านมากินข้าว ไอ้ตูก็กินไปแล้วไปล้างจานนอกบ้าน ตอนล้างจานนั่นเองตูก็ได้ยินเสียงคนเดินออกจากสวน แล้วเหยียบตรงต้นกล้วยนั่นอีก ซึ่งทางนั้นมันไม่มีใครเข้ามาไง ขนาดคนรู้จักยังไม่เคยผ่านมาตรงนั้นเลย ตูก็โมโหมันที่มาเหยียบย่ำต้นกล้วยของตู ก็เลยล้างมือแล้วเดินไปหามัน มันก็โผล่หัวออกมา เป็นผู้ชายตัวใหญ่หัวซีกซ้ายขาดครึ่งหยั่งกะโดนฟันมา แถมทั้งตัวยังโปร่งแสงอีกต่างหาก ตูรู้เลยว่าเป็นผีก็เลยชกมันไปหนึ่งหมัด มันก็ล้มตึงตรงนั้นแหละ ตูก็ตื้บมันเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แปลกดีที่มันไม่ร้องอะไรเลย"

     "แต่เรื่องน่ากลัวมันเริ่มตอนนี้น่ะสิ มันค่อยๆ ขยายตัวเองจนใหญ่ คราวนี้มันตัวเหยียดยาวค่อดๆ แล้วมันก็ลุกขึ้นมายืน ตัวมันสูงเท่าต้นมะพร้าวเลย ทีนี้ตูรู้แล้วว่ามันไม่ใช่ผีธรรมดา แต่เป็นเปรตน่ะดิ อย่างเดียวที่ตูคิดได้ คือท่องนะโมแล้วเอากิ่งไม้ยาวๆ ฟาด ฟาดไปกิ่งไม้หักเป๊าะเลย ขามันแทบไม่กระดุกกระดิกอะไร แล้วมันก็ร้องเสียงวี้ดดดดดด โอย ตูทนไม่ไหวละตอนนั้น ตูวิ่งหนีสุดชีวิตแล้วว้อย วิ่งเข้าบ้านไปนอนทั้งๆ ที่จานยังล้างไม่เสร็จนั่นแหละ การบ้านค้างอะไรก็ไม่สน มีอย่างเดียวคือขอให้เปรตนี่มันหายไปไวๆ ทีเหอะ ร้องเสียงหนวกูอิ๊บอ๋าย พอตอนเช้ามาก็ทำบุญตัดบาตรไปให้ ถามพ่อแม่และคนในหมู่บ้านถึงเพิ่งรู้ว่าเป็นเจ้าพ่อที่ตายอย่างหมาข้างถนนในสมัยก่อน ก่อนตูจะเกิดอีก เจ้าพ่อคนนี้ดันไปหาเรื่องกับเด็กวัยรุ่นเลยโดนเด็กวัยรุ่นสั่งสอนด้วยการเอามีดไปฟันหัว พอตายญาติก็ไม่สนใจ จนต้องมากลายเป็นผีเปรตขอส่วนบุญนี้แหละ"

     พอคิวเล่าเสร็จ ทั้งวงก็กลัวปนขำ ตอนนี้ก็ตาจอมแล้ว จอมหยุดขำกับเรื่องของคิวแล้วปาดเหงื่ออกจากหน้า

    "เรื่องนี้เพิ่งเกิดขึ้นไม่นานเลย เกิดแถวหน้าบ้านตูนี่แหละ คือสมัยนานมาละมีเด็กนักเรียนคนหนึ่งมันอยากไปบ้านเพื่อน เลยนั่งมอไซค์ออกไปคนเดียว ตูก็นั่งเล่นของเล่นหน้าบ้าน และแล้วก็ดันเกิดเรื่องจนได้ เด็กคนนั้นโดนรถยนต์ซิ่งขับสวนชนโครม หลังจากนั้นรถก็เหยียบร่างเด็กคนนั้นเละต่อหน้าตูเลย ผ่านไปหลายปีจนเมื่อสองวันที่แล้ว ตูก็นั่งทำการบ้านอยู่ ตอนนั้นมีเสียงมอไซค์มาแต่ไกล เสียงมอไซค์นี้มันคุ้นหูแปลกๆ เลยเปิดผ้าม่านตรงหน้าต่างไปดู ก็รู้เลยว่านั่นมอไซค์คันเดิมนี่หว่า เด็กคนนั้นยังไม่ไปสู่สุคติที่ไหนเลย ตูก็มุดตัวอยู่ในผ้าห่มนั้นแหละ ทิ้งการบ้านไว้ตรงโต๊ะ ไม่สนใจอะไรแล้ว เนี่ยขนาดตูเล่าขนยังลุกเลย บรื๋อส์ เด็กคนนั้นมันเล่นซะตูหนาวเลย"

     เพื่อนทั้งวงต่างขนลุกขนพอง คืนนี้ช่างยาวนานเสียเหลือเกิน ทั้งๆ ที่เล่าเรื่องไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงแท้ๆ ทุกคนเริ่มง่วงขึ้นมาบ้างแล้ว เลยแยกย้ายกันไปนอน ตอนนั้นต้นเห็นเพื่อนมีหมอนแค่สามใบ กลัวนอนกันไม่ได้ เลยเอาหมอนใบเล็กจากข้างเตียงของต้นมาให้นอนกัน โดยเอาหมอนใบเล็กยัดไว้ตรงข้างโต๊ะทำการบ้าน จอมก็ขยับไปนอนบนหมอนใบเล็กนั้น

     รุ่งขึ้น ทุกคนต่างกลับบ้าน วันนี้เป็นวันหยุด ทุกคนจึงตื่นสายได้ แต่ก่อนที่จะกลับบ้าน แม่ของต้นก็วิ่งตื่นมายังห้องต้นด้วยเสียงอันดัง

     "นี่ลูกๆ!! รู้ยังว่ามีเพื่อนเสียแล้ว เพิ่งเสียไปเมื่อคืนเอง" ต้นตอบรับแม่ด้วยเสียงงัวเงีย "ใครอ่ะแม่..." แม่ตอบอย่างรีบร้อน "จอมไงลูก เมื่อวานจอมขับรถออกมาจากบ้านจอมไปหาลูก ตอนเข้าซอยเปลี่ยวก็เจอรถยนต์ซิ่งชนจอม แล้วพุ่งตกข้างทางเสียชีวิตไปเลย" ต้นได้ยินดังนั้นจึงวิ่งวุ่นไปปลุกเพื่อน ต้นสังเกตุเห็นจอมไม่ได้นอนกับเพื่อนๆ แล้ว ทิ้งไว้แต่หมอนใบเล็ก เพื่อนๆ ตื่นมาด้วยความสงสัย จึงนั่งคุยกันแล้วต่างก็ขนลุกกับสิ่งที่จอมเล่าให้เมื่อคืน

           "เด็กคนนั้นยังไม่ไปสู่สุคติที่ไหนเลย"


จบแล้วครับกับเรื่องนี้ ขอให้ติดตามตอนต่อไปอย่างสนุกนะครับ


เรื่องจากพันทิป (ต้น)​เรื่องเล่ายามเที่ยงคืน
เรื่องโดย จากสมาชิกพันทิปหมายเลข 4500170

ไม่มีความคิดเห็น