มาแต่งเรื่องผีเล่นๆกันเถอะครับ


     กระทู้จากสมาชิกพันทิปหมายเลข 4500170 เกี่ยวกับเรื่องผีๆ และชักชวนเพื่อนๆที่สนใจที่จะแต่งเรื่องผี หรือเรื่องสยองขวัญ ขอขอบคุณเรื่องดีๆ ไว้ ฌ ที่นี้ด้วย

ใครอยากแต่งเรื่องผี หรือเรื่องสยองขวัญ มาแต่งกันได้นะครับ

เรื่องผีของผมคือ เด็กหญิงในตึกเรียน
ในช่วงปี 2541 ต้อม และจ๊อบ เด็กม.ปลายผู้ใสซื่อและร่าเริงได้ไปร้านเช่าหนังสือการ์ตูนที่เคยไปประจำ หนังสือการ์ตูนส่วนมากถูกลิขสิทธิ์ และมีเรื่องดังๆ เต็มไปหมด ต้อมหยิบหนังสือการ์ตูนเล่มหนึ่งด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม ส่วนจ๊อบเลือกนิตยาสารการ์ตูนแทน ขณะที่ทั้สองกำลังจะจ่ายเงินค่าเช่า ก็มีเด็กม.ปลายที่เป็นเพื่อนร่วมห้องของทั้งสอง หน้าตาไม่ได้หล่อเหลาอะไรมาก สีผิวเป็นสีแทนเข้มกว่าคนในละแวกนั้น ใส่เสื้อนักเรียนสกปรก ไม่ติดกระดุม แถมชายเสื้อยังออกนอกกางเกงอีก นิสัยของเด็กคนนั้นชอบแขวะคนอื่นไปทั่ว แถมยังหาเรื่องตลอดเวลาอีก จนคนในละแวกเริ่มเอือมระอากับเด็กคนนี้ และเมื่อเขาเดินผ่านมา ก็ได้ค่อนแขวะเด็กทั้งสองคนที่กำลังจ่ายค่าเช่าอยู่

"เฮ้ย โตแล้วยังทำตัวเป็นเด็กอีกหรอวะ เช่าหนังสือการ์ตูนทุกวันไม่เบื่อเลยรึไง"

"ไอ้สมหมาย เราไม่ได้ทำอะไรให้แกเลยนะ ทำไมต้องแขวะกันขนาดนี้"

"ใจเย็นจ๊อบ เดี๋ยวก็โดนมันอัดร่วงหรอก"

ต้อมห้ามจ๊อบที่กำลังฉุนเฉียว ส่วนสมหมาย(เด็กนักเลงที่ว่า)​กลับหัวเราะชอบใจที่ได้แขวะคนอื่น แล้วเดินกลับบ้านไปด้วยใจที่เย้ยหยัน

วันต่อมา ต้อมและจ๊อบทำกิจกรรมกีฬาสี จนเวลาล่วงเลยไปถึง 1 ทุ่มแล้ว ทั้งสองรู้สึกปวดฉี่ เลยเดินไปยังห้องน้ำ ซึ่งห้องน้ำกลับอยู่ห่างจากเวทีที่ซ้อมกีฬาสีมาก ทางเดินจึงมีแต่ความมืดและแสงไฟที่เวทีคอยส่องสลัวๆมาพอทำให้มองเห็นทางบ้าง และแล้ว ขณะที่ทั้งสองกำลังเดิน ก็มีเสียงฝีเท้าปริศนามา เสียงฝีเท้านั้นเดินอย่างรวดเร็ว และเริ่มเข้าใกล้พวกเขาเรื่อยๆ

"เฮ้ย พวกเอ็ง"

"ว้ากกก!!"

"จะตกใจอะไรนักหนา นี่จำข้าไม่ได้แล้วหรอ"

"อ้าว ไอ้สมหมายนี่เอง มาทำไมวะเนี่ย"

"ข้าปวดฉี่ เลยเดินตามพวกเอ็งมา ข้ากลัวผี ขอไปด้วยคนได้มะ"

"โถ่ ไอ้ไก่อ่อน กลัวผีหรอวะ ทีเมื่อวานเอ็งยังด่าข้าว่าเป็นเด็กอยู่เลย"

"ไอจ๊อบนี่ก็หาเรื่องตลอด พอเถอะ รู้สึกว่าช่วงนี้แกจะหาเรื่องคนอื่นมากกว่าไอ้สมหมายแล้วนะ"

"อ้าวหรอ โทษทีๆ"

ทั้งสามเดินมายังห้องน้ำ โชคดีที่ห้องน้ำเปิดไฟ ไม่งั้นได้ฉี่ราดกันก่อนจะที่ได้ฉี่ในโถแน่ ทั้งสามต่างทำธุระเสร็จ เลยรีบออกมาและจะกลับไปในเวที

"แล้วแกจะทำไมวะไอ้สมหมาย กิจกรรมแกก็ไม่ได้ทำที่โรงเรียนนี่"

"ข้ามาเอาของที่ห้องเรียน ดันลืมการบ้านไว้ในใต้โต๊ะซะได้"

ทั้งจ๊อบและสมหมายต่างคุยกันโขมงโฉงเฉง ต้อมได้แต่เงียบเพราะไม่มีอะไรจะพูด ในเมื่อจ๊อบพูดแทนไปแล้ว เขาจะพูดอะไรอีก

เมื่อเดินถึงตรงบันไดอาคารเรียน ซึ่งอยู่ไกลจากห้องน้ำ แถมยังไกลจากเวทีอีก เมื่อต้อมมองไปรอบๆก็สะดุดกับสิ่งที่เห็น เป็นเด็กผู้หญิงม.ปลายนั่งอยู่ตรงตีนบันได ตัดผมสั้นถึงติ่งหู ผิวสีขาวซีด สายตาเหลือกขึ้นไปด้านบน แต่สิ่งที่น่ากลัวก็คือ เธอมีรอยแผลของมีคมฟันบนหัวยาวจนมาถึงคาง ราวกับว่ามีใครเอามีดมากรีดเธอ คราวนั้นเองต้อมเริ่มร้องเสียงหลงแล้วเตรียมวิ่งหนี สมหมายหันมามอง คราวนี้เขาถึงกับร้องไห้เลยทีเดียว ส่วนจ๊อบหันตามสมหมายบ้าง ก็วิ่งจ้ำอ้าวไปก่อนเพื่อนปล้ว ส่วนสมหมายกับต้อมวิ่งหนีตามจ๊อบไปอย่างรวดเร็ว จนวิ่งไปถึงเวที ทั้งสามคนจึงหยุดหอบ และสมหมายก็ได้บอกกับคนบนเวทีให้ฟัง

"ฮือ... ทำไม ทำไมต้องมีผีตรงนั้นด้วยวะ ข้ากลัวโว้ย"

"อะไร ค่อยๆเล่าให้ฟังหน่อยซิ มันทำไม"

คนบนเวทีเริ่มคุยกับสมหมาย สมหมายเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้ฟัง คราวนี้คนบนเวทีเริ่มมองไปที่บันไดแล้วรีบเก็บข้าวเก็บของกลับบ้านทันที ส่วนทั้งสามคนก็นั่งติดรถสมหมายไป จนวันรุ่งขึ้น ทั้งสามคนได้มาดูที่บันได ก็ไม่พบอะไรอีก แต่ความรู้สึกขนลุกก็ยังอยู่ จนพักเที่ยง ทั้งสองได้ไปหาคุณครูประจำชั้น และเริ่มเล่าเรื่องราวให้ฟัง โดยทั้งสามคอยช่วยกันเล่าให้ฟัง

"เมื่อวานพวกผมทำกิจกรรมกีฬาสี พอปวดฉี่ก็เลยไปที่ห้องน้ำตรงชั้นล่างตึกเรียน พอออกจากห้องน้ำจ๊อบกับสมหมายก็คุยกัน แล้วผมไปเห็นผู้หญิงตัดผมสั้นถึงติ่งหู ตาเหลือกไปข้างบนแล้วหัวไปโดนฟันมาอ่ะครับครู"

"ใช่แล้ว ผมเห็น เด็กผู้หญิงคนนั้นจ้องมาทางพวกผมด้วย ฮึกๆ"

"ใจเย็นๆ สมหมาย เอ่อครูครับ เรื่องที่พวกผมเจอเป็นเรื่องจริงครับ ครูช่วยบอกผมได้ไหมว่าตรงบันไดมีอะไร"

ครูมองสีหน้าท่าทางเด็ก ทั้งสามคนกลัวจนตัวสั่น และครูก็นึกเรื่องราวในสมองซึ่งผ่านมานานมากแล้ว และได้เล่าให้นักเรียนฟัง

"ตอนครูมาสอนใหม่ๆ ที่โรงเรียนนี้สัก 10 ปีที่แล้วได้มั้ง ตอนนั้นมีเด็กม.ปลายผู้ชายสองคนตีกัน อีกคนหนึ่งพกมีดยาวมา แล้วกำลังจะฟันเด็กอีกคนหนึ่ง แต่ผู้หญิงที่เป็นแฟนของเด็กที่จะถูกฟันกลับมาขวางเข้าแล้วโดนฟันที่หัว จนโรงเรียนเกือบปิดไปเลยล่ะ แถมตอนนั้นคุณครูโดนฟันไปหลายคนด้วยนะ เพราะเด็กนักเรียนที่ถือมีดนั่นอาละวาดไปทั่วเลย เด็กผู้หญิงที่โดนฟันก็ทรงผมเดียวกับที่เธอเจอนะ แถมตรงนั้นยังเป็นที่ที่เกิดเรื่องอีก เธอคงมาขอส่วนบุญมั้ง"

ทั้งสามคนหน้าซีดเผือก แต่ก็โล่งใจ และได้ทำบุญตักบาตรอุทิศส่วนกุศลให้เธอในวันต่อมา และทั้งสามคนก็ไม่เจอเรื่องน่ากลัวเลยจนถึงทุกวันนี้

เรื่องที่ 2 เรื่อง อะไรเอ่ยในรถ
แจ็ค แมน ต้นน้ำ น้ำผึ้ง และเฟิร์น นักศึกษามหายลัยปี 1 ที่ชอบเที่ยวเป็นพิเศษ พอปิดเทอมทั้งห้าคนชอบไปเที่ยวที่ต่างจังหวัดไม่ก็ในกรุงเทพ พูดง่ายๆ ขอให้ได้เที่ยวก็พอ ซึ่งรถของแจ็คคันเก่าที่ใช้รถของพ่อขับนั้นพังแล้ว เพราะเป็นกระบะเก่าใช้มาได้สัก 10 ปีแล้ว แถมยังใช้งานหนักอีกต่างหาก ด้วยความขี้เหนียวของบ้านนี้ จึงได้หาซื้อรถมือสองราคาถูกๆ สวยๆ มา จนได้รถเก๋งมือสองสีบรอนส์ทองจั๊วะ สะท้อนแสงแววาวซซะเหลือเกิน แถมฟิล์มกันแดดติดหน้ารถดันมืดซะเหลือเกิน แต่แจ็คไม่สน ขอให้ได้มีรถขับก็พอแล้ว ครอบครัวของแจ็คซื้อรถโดยไม่ไถ่ถามประวัติอะไรเลย พอแจ็คนัดทุกคนไปที่บ้านแจ็ค เพื่อนๆ ทั้ง 4 คนต่างตกตะลึงกับรถใหม่ของแจ็ค

"โห รถใหม่หรอวะ ทองอร่ามเลย"

"ใช่ ไอ้แมน สีสวยกว่าคันเก่าอีก"

"สีรถคันเก่าสีม่วงใช่ป้ะ"

"ใช่ จำไม่ได้อะไรเลยหรอวะต้นน้ำ ฮ่าๆๆ"

"เฮ้ยแก ทำไมฟิล์มกันแดดหน้ารถมันมืดขนาดนี้อ่า"

"อ๋อ ไม่รู้มันมาตั้งแต่ซื้อรถคันนี้ละเฟิร์น"

กลุ่มเพื่อนต่างคุยกันอย่างสนุกสนาน และจะไปเที่ยวน้ำตกที่ต่างจังหวัดแห่งหนึ่ง จึงกราบลาพ่อแม่ไปเที่ยวกันที่น้ำตก และขับรถออกไป จนเมื่อเข้าต่างจังหวัดได้สักพักแล้ว ทั้งห้าคนเริ่มหิวกัน จึงลงจอดรถที่ร้านอาหารข้างทาง เป็นร้านข้าวมันไก่ ทุกคนจึงรีบลงไปสั่งข้าวมันไก่ แต่ต้นน้ำกำลังเก็บกระเป๋าเงินที่ตัวเองทำตกอยู่ในรถ พอหันขึ้นมาก็พบใครบางคนกำลังนั่งข้างเขา ลำตัวและหน้าตามีแต่เลือด แต่งตัวคล้ายนักเลงห้าวๆ แต่เห็นหน้าไม่ชัด ยื่นมือจะมาบีบคอต้นน้ำ ต้นน้ำร้องโวยวายแล้วปัดมือไปมา ปัดไปได้สักหนึ่งนาทีอยู่ดีๆ ร่างนักเลงคนนั้นก็หายไป เพื่อนๆ หันมามองต้นน้ำ ต้นน้ำรีบผลุดออกจากรถโดยเร็วแล้ววิ่งไปหาเพื่อนที่โต๊ะ แจ็คเริ่มรู้สึกกลัวจึงถามต้นน้ำว่า

"เอ็งปัดอะไรวะไอ้ต้นน้ำ"

"เอดวกกก!! มะกี้ตอนหากระเป๋าตังค์ อยู่ดีๆ มีนักเลงเลือดอาบเต็มตัวจะบีบคอฉันอ่ะดิ"

"หึ้ย มันจะสยองไปละ"

"ก็ใช่น่ะสิแจ็ค รถคันนี้มีอะไรรึปล่าววะ"

"เออๆ เอาเป็นว่ากินข้าวต่อละกัน ต้นน้ำอาจจะหิวจนเห็นภาพลวงตาก็ได้"

"ภาพลวงตาหรอวะ ทำไมมันรู้สึกเหมือนคนจริงๆเลย"

ทั้งห้าคนกินข้าวอย่างกล้าๆ กลัวๆ พร้อมมองไปในรถว่ามีใครอยู่มั้ย เมื่อกินเสร็จ และจ่ายเงิน จึงกลับไปที่รถ แต่แล้วก็ดันได้ยินเสียงรถสตาร์ทเครื่อง แจ็ครีบไปดูว่าใคร นักเลงที่ว่าอาจจะใช่ขโมยรึปล่าว เมื่อเดินไปมองในรถฝั่งคนขับ ก็เจอนักเลงกำลังสตาร์ทรถอยู่จริงๆ  แต่ที่น่าแปลกคือ เลือดเขาไหลอาบเต็มตัว มีรอยแผลเหมือนโดนกระสุนยิง กำลังทำท่ารีบเร่งจะขับ แจ็คเลยเปิดประตูหวังจะตื้บไอ้นักเลงนั่น แต่พอเปิดประตูดูกลับไม่พบใครเลย รถก็ดับเงียบเป็นปกติ ทั้งห้าคนและคนในร้านข้าวมันไก่รู้สึกสยองขึ้นมาทันที แจ็คถึงกับขาสั่นเลย แล้วตะโกนด้วยเสียงสั่นๆ ไปว่า

"เฮ้ย... ตอนผมเปิด... เปิดประตูรถ... ใครเห็นเขาหนีไปบ้างครับ"

"ไม่มีนะแจ็ค"

"จริงหรอ... เฟิร์น"

"ลุงไม่เห็นใครอะไรเลยนะหนู"

"หรอครับ... เรือหายละ"

"เฮ้ยพวกแก มะกี้เราถ่ายวิดีโอไว้อ่า กะจะส่งให้ตำรวจดู แต่มาดูนี่สิ"

"ไหนๆ น้ำผึ้ง ขอดูหน่อย"

"ดูนี่สิ ตอนแจ็คไปดูคนในรถมะกี้ใช่มะ ตอนพวกเราเห็นน่ะมีคนอยู่ในรถ แต่ในกล้องน่ะสิ กลับไม่เห็น เหมือนในรถมันว่างเปล่าเลยอ่ะ มีแต่เสียงสตาร์ทรถ"

ทั้งห้าคนที่กรูกันมาดูวิดีโอในโทรศัพท์รุ่นใหม่กิ๊กของน้ำผึ้ง ต่างตกใจกันเป็นแถบๆ ต้นน้ำกรี๊ดออกมาเสียงดัง เฟิร์นคอยปลอบต้นน้ำ แมนตะลึงไปสักพักก็ดึงสติกลับมาได้ แจ็คถึงกับตัวสั่นเลยทีเดียว พร้อมสวดมนต์ในใจ ตามองไปที่รถแบบกล้าๆ กลัวๆ ครวนี้เขาหยิบสร้อยพระที่คออีกเส้นหนึ่ง ซึ่งเขามีสองเส้น แต่เขาหยิบออกมาหนึ่งเส้นเพื่อเอาไปแขวนหน้ารถ และชวนให้เพื่อนมานั่งรถ เพื่อนๆรู้สึกสบายใจขึ้นนิดนึงแต่ต้นน้ำกลับร้องไห้ตลอดทาง

การเดินทางครั้งนี้ช่างน่ากลัวเสียเหลือเกิน เวลาก็ค่ำลงทุกที แจ็คมองกระจกหลังตลอดเพราะจะดูว่ามีผีโผล่มาอีกไหม แต่ก็ไม่พบอะไร แมนเพื่อนสนิทของแจ็คซึ่งเป็นคนไม่เชื่อเรื่องผีอยู่แล้ว จึงพูดเบาๆ กับแจ็คว่า

"นี่เอ็งยังกลัวมันอยู่อีกหรอวะ"

"กลัวสิ ถามได้"

"ป๊อดจังเลยว่ะ ฮ่าๆๆ"

"ไม่ป๊อดได้ไง ตอนกลางวันก็เห็นแล้วนี่ว่ามันเป็นยังไง"

"เฮ้ย อาจจะเป็นอุปทานหมู่ก็ได้"

ขณะที่ทั้งสองกำลังพูดหยอกล้อกันไปมา อยู่ดีๆ ต้นน้ำก็ตะโกนขึ้นมาจากหลังรถ คราวนี้ไม่ได้ร้องไห้แล้วแต่ตะโกนเรียกเพื่อนมาดูอย่างตื่นตกใจกลัว น้ำตาที่ไหลร่วงตอนนี้แทบจะแห้งเหือด เพราะภาพที่อนู่ตรงหน้านั้นเป็นเฟิร์นที่กำลังกินข้าวมันไก่ที่สั่งกลับมากินตอนจะไปพักโรงแรมเพราะเฟิร์นติดใจรสข้าวมันไก่ที่นี่มาก แต่เธอไม่ได้กินธรรมดา เธอกินแบบมูมมาม จับก้อนข้าวยัดเข้าปาก ข้าวหกกระจายเต็มเบาะรถและพื้นรถ เธอชี้หน้าไปที่น้ำผึ้ง แล้วตะโกนว่า

"เอ็งถ่ายข้าทำไม เดี๋ยวปั๊ดตบ"

"พูดอะไรเนี่ยเฟิร์น อย่าพูดเล่นดิ เรากลัว"

"ข้าไม่ใช่เฟิร์น เฟิร์นคือเด็กนี่ใช่มั้ย แต่ข้าไม่ใช่เฟิร์น ข้ายิ่งใหญ่ที่สุดในชุมชนที่ไอ้คนขับมันอยู่"

"ตลกมากละเฟิร์น เอาดีๆ มันน่ากลัวนะเว้ย"

วิญญาณในร่างเฟิร์นไม่สนใจ กลับหยิบก้อนข้าวกินเอาๆ อย่างเอร็ดอร่อย ต้นน้ำที่อยู่ใกล้ประตูด้านฝั่งซ้ายมือเพราะไม่อยากนั่งใกล้ตรงที่เจอผี ตอนนี้ต้นน้ำกลับกลัวจนสลบไปเสียแล้ว แมนเอามือไปตบหัวเฟิร์นเบาๆ แล้วพูดเตือนสติ เพราะคิดว่าเธอคงกลัวจนอุปมาว่าผีเข้าไปเอง แต่เฟิร์นกลับปล่อยกล่องข้าวแล้วดึงแขนแมนมา แล้วซัดเข้าไปที่หน้าแมน จนแมนร้องโอ้ยแล้วกำจมูกที่โดนต่อย เลือดอุ่นๆ ไหลจากรูจมูกแมน แมนก็เลยรีบควานหาทิชชู่มาซับเลือด แต่เฟิร์นกลับหัวเราะราวที่ได้ชำระแค้นใครบางคน แถมยังพูดหาเรื่องแมนอีก และแล้วเฟิร์นก็สลบ มือไม้ที่กำแน่นตอนต่อยก็ปล่อยมืออย่างอ่อนแรง เหมือนคนนอนหลับไม่มีผิด

แจ็คขับรถมาถึงโรงแรม คอยพยุงแมนออกมา ส่วนน้ำผึ้งก็ปลุกทั้งต้นน้ำทั้งเฟิร์น เฟิร์นตื่นขึ้นมาก็ตกใจว่าทำไมข้าวมันหกเต็มขาอย่างนี้ และรู้สึกมันๆ เหนียวๆ ที่มือเพราะข้าวที่เธอจับกินนั่นเอง เธอมองกล่องข้าวมันไก่แล้วรู้สึกเสียดายมาก จึงบ่นว่าเกิดไรขึ้นวะ ทำไมรถเบรกแรงขนาดกล่องข้าวหก บลาๆๆ เท่าที่เธอจะสรรหาคำมาบ่นให้ได้ น้ำผึ้งจึงบอกว่าเฟิร์นโดนผีสิง ใช้มือกินข้าว ด่าน้ำผึ้งว่าถ่ายวิดีโอทำไม แล้วยังไปต่อยหน้าแมนอีก เฟิร์นตอบกลับไปว่าน้ำผึ้งล้อเล่นหรือเปล่า น้ำผึ้งยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง เฟิร์นถึงกับขนลุกซู่จากขาไปถึงหัว ใจกองลงไปที่ตาตุ่ม พร้อมสวดขอพ่อขอแม่มาปกป้องลูก น้ำผึ้งเห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วก็เลยไปดูอาการของต้นน้ำ ต้นน้ำฟื้นขึ้นมาได้สติก็ตกใจผวาอยู่ น้ำผึ้งกับเฟิร์นก็เลยช่วยพยุงต​้นน้ำเข้าไปในโรงแรม และไปเช็คอินที่เคาน์เตอร์ แจ็คกับแมนพักห้องริมสุดชั้น 2 ส่วนต้นน้ำ น้ำผึ้ง เฟิร์น พักห้องข้างๆ ห้องที่แจ็คกับแมนอยู่ เฟิร์นเดินไปขอโทษแมนหน้าห้อง แมนส่ายมือบอกไม่เป็นไรมันเป็นความผิดของผีนั่นเอง เฟิร์นขอบใจแมนและกลับไปพักห้องของตัวเอง เมื่อแจ็คอาบน้ำเสร็จ แจ็คก็ไปหยิบเบียร์ที่ตู้เย็นมาเพื่อจะดื่ม แต่เมื่อดูราคาแล้วแพงเกินไปจึงวางขวดเบียร์ไว้ในตู้เย็นและบ่นว่าทำไมเบียร์แพงขนาดนี้ ดูโรงแรมไม่ดีเลยเรา แจ็คจึงไปเปิดทีวี เป็นรายการฟุตบอลที่เสียงทีวีดันเสียงดังซะเหลือเกิน แต่สำหรับทั้งสองคนแล้วนี่แค่ปกติ เพราะที่บ้านนั้นเปิดทีวีดูบอลเสียงดังยิ่งกว่านี้อีก ทั้งสองต่างดูบอลเชียร์กันไปเชียร์กันมา จนตัดเข้าช่วงโฆษณา ทั้งสองจึงคุยกัน

"เฮ้ย ไอ้แมน ตอนปิดเทอมตั้งแต่ม.ปลายละ ทำไมเอ็งถึงไม่ค่อยคุยกับข้าเลยวะ ยกเว้นตอนเจอกันไม่ก็ตอนไปเที่ยว"

"..."

"อย่าเงียบดิ"

"ไม่มีอะไร ก็แค่ช่วยงานพ่อแม่"

"เค ดึกมากละ ข้าง่วงนอนละ"

แจ็คเดินไปปิดไฟ ทั้งห้องมืดเหลือแต่ไฟทีวีที่สว่างอยู่ แมนหยิบเจลเย็นของพนักงานโรงแรมที่ขอมาประคบเพื่อบรรเทาเลือดกำเดาไหล แจ็คมองเห็นแมนแล้วรู้สึกสงสารบวกกับสงสัย แต่ด้วยความที่เป็นเพื่อนสนิทของตัวเองจึงไม่สงสัยอะไรมากแล้วปิดทีวี คราวนี้บรรยากาศมืดยิ่งกว่าเก่า มีแสงไฟสลัวๆ ตรงถนนที่อยู่ฝั่งระเบียงห้อง พอให้มองเห็นที่นอนได้ แจ็คจึงเอนกายลงไปนอนแล้วหลับปุ๋ย แมนที่มัวแต่ยุ่งกับที่ประคบจึงประคบต่อไปแล้วเผลอหลับตามแจ็คไปอีกคน

ขณะที่แมนหลับ แมนได้ฝันว่าตัวเองตื่นอยู่บนเตียง แต่บรรยากศรอบๆกลับมืดจนมองไม่เห็นอะไรเลย พอพยายามจะลุกก็ลุกไม่ได้ และได้เห็นเงาร่างหนึ่งซึ่งร่างนั้นกลับโดดเด่นในที่มืด ทั้งๆ ที่ไม่มีแสงไฟส่องมาเลย แถมร่างนั้นช่างคุ้นตาสิ้นดี ใ่ช่แล้ว ร่างนั้นคือผีนักเลงที่อยู่ในรถนั่นเอง ร่างนั้นเมื่อมองดีๆ จะเห็นเป็นนักเลงใส่เสื้อยืดสีน้ำเงินเปื้อนเลือดจากบาดแผลที่ถูกยิงตามลำตัวและหัว ใส่สร้อยคอสีทองเส้นใหญ่ ใส่หมวกแก็ปสีจ๊าบๆ สวมกางเกงยีนส์ขาดๆ คีบแตะที่ดูราคาถูกเสียเหลือเกิน แถมข้างๆ เอวด้านขวาดันมีปืนอีก เมื่องแมนมองไปที่หน้าก็พบว่าหน้าของผีนักเลงตนนั้นเป็นหน้าผู้ชายวัยยี่สิบปลายๆ ย้อมผมสีทอง เจาะหูข้างละหลายวงเลยทีเดียว และร่างนั้นยังเอามือขวาจับปืนพร้อมจะยิง ส่วนมืออีกข้างชี้หน้ามาที่แมน แล้วตะโกนด้วยเสียงอันเยือกเย็นว่า

"ข้าจะฆ่าแก ไอ้ฆาตกร ไอ้เด็กค้ายา ถ้าแกไม่มอบตัวให้ตำรวจ ข้าจะหักคอเพื่อนแกให้หมด"

สิ้นเสียงผีนักเลงตนนั้น ร่างนั้นก็หายวับไปทันที ทิ้งความรู้สึกขนลุกไว้ให้กับแมน แมนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เหงื่อไหลโซมกาย หยดลงบนผ้าห่มทีละน้อย ทีละน้อย เขาใช้มือปัดเหงื่อบนหน้าตัวเอง แล้วหยิบโทรศัพท์มาดู นี่มันตี 3 กว่าแล้ว แมนปลุกแจ็คที่กำลังหลับน้ำลายยืด แจ็คตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย แมนเล่าเรื่องในฝันให้ฟัง

"เฮ้ย ไอแจ็ค เมื่อกี้ข้าฝันว่ามีไอ๊นักเลงนั่นมาเข้าฝันแล้วบอกว่าให้ข้าไปมอบตัวกับตำรวจ ไม่งั้นเพื่อนโดนหักคอหมด"

"อารายนะ... เฟิร์นบอกว่าถ้าไม่ไปเอาหม้อให้แล้วเพื่อนจะใส่ชุดไปรเวทไปเรียนกันหมด เคๆ ข้านอนละ"

"ไม่ใช่งั้นโว้ย ปัดโธ่ นอนไปละ"

แจ็คที่งัวเงียฟังแมนพูดไม่ชัดจึงบอกไปมั่วๆ แล้วนอน แมนรู้สึกเหมือนไม่มีที่พึ่งจึงต้องพึ่งตัวเอง คราวนี้เขาเปิดไฟให้ทั่วทั้งห้อง หยิบโทรศัพท์มาเล่นเกมจนถึงเช้า เปิดเสียงเกมดังสนั่น จนแจ็คตื่นขึ้นมาพร้อมบอกกับแมนว่าทำไมเล่นเกมเสียงดังตั้งแต่เช้าขนาดนี้ แมนบ่นว่าแจ็คไม่ยอมฟังฝันเขาดีๆ จนกลัวเลยต้องมาเล่นเกมเสียงดังโต้รุ่งขนาดนี้ แจ็ครู้สึกผิดจึงขอโทษเพื่อนแล้วเรียกประชุมเพื่อนกันที่ห้องต้นน้ำ ต้นน้ำฟังฝันที่แมนเล่าแล้วบอกว่ายังไม่ต้องเที่ยวน้ำตก ให้ไปหาพระแถวนี้ก่อน ทั้งห้าคนจึงเดินถามทางวัดกับชาวบ้านจึงมาเจอวัดแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ไมาไกลกับโรงแรมแห่งนี้ วัดนั้นเหมือนวัดขนาดกลางทั่วๆไป จึงเดินตามทางเดินแล้วเข้าไปในกุฏิพระ ซึ่งกุฏิพระนี้ดูเก่ามากๆ แต่ต้นน้ำนั้นกลับรู้จักดี ซึ่งพระรูปนี้ที่อยู่ในกุฏิหลังนี้เป็นญาติห่างๆ ของต้นน้ำนั่นเอง ต้นน้ำจึงเคาะประตูเรียกพระเพื่อให้ท่านมาช่วย

"หลวงตาคะ หลวงตาคะ หนูมีเรื่องขอให้ช่วยค่ะ"

"อ้าว อะไรรึต้นน้ำ ไม่ได้มาที่วัดนี้นานเลยล่ะสิ ไหนๆ ให้ช่วยใคร"

"ก็ทั้งหมดแหละค่ะหลวงตา"

"หา! ทั้ง 5 คนเลยเรอะ อืม หนาวจริงๆ พวกโยมมาได้ไงกันเนี่ย"

"พวกหนูไม่สนใจความหนาวค่ะ สนใจแค่ว่าขอให้หลวงตาช่วยพวกหนูด้วยเถิด"

"โอเคๆ เข้ามาได้"

ทั้งห้าคนเข้าไปในกุฏิ แล้วนั่งลงหน้าหลวงตา หลวงตาดูสีหน้าทุกคนแล้วรู้สึกไม่ค่อยดี ในกุฏินั้นดูเรียบง่าย แม้จะหลังเก่าแต่ไม่มีส่วนไหนพังเลย ทีวีที่มีก็เป็นทีวีเครื่องหนาๆ สมัยสิบปีก่อน โทรศัพท์ที่หลวงตาใช้นั้นเป็นโทรศัพท์ปุ่มกดอยู่เลย แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น หลวงตาได้ทักแมนซึ่งกำลังตัวสั่นเทาด้วยความกลัวและดูเหมือนหลวงตาจะรู้อะไรบางอย่าง

"เป็นอะไรหรือเปล่าโยม ตัวสั่นเชียว"

"ผะ... ผมกลัวครับ ผมฝันเห็นรอบๆ ตัวมันมืดไปหมด ลุกขึ้นไม่ได้ แล้วเจอผีนักเลงแต่งตัวแบบ... อธิบายไม่ถูกน่ะครับ แต่เขาใช้มือขวาจับปืนที่เอวแล้วใช้มือซ้ายชี้หน้าผม ด่าผมต่างๆ นานา แล้วบอกว่าถ้าผมไม่ไปมอบตัวเขาจะหักคอเพื่อนให้หมด"

"เออเว้ย... มันมองได้ 2 มุมนะโยม มุมแรกก็แค่ฝันเป็นตุเป็นตะ กินเยอะไปหน่อย ไม่ก็เก็บเรื่องในอดีตมาฝัน อีกมุมหนึ่งคือผีเขามาทวงแค้น โยมไปทำอะไรให้เขาแค้นหรือเปล่าล่ะ"

"..."

"อ้าว ทีอย่างนี้เงียบเลย"

"ผม... ผมไม่ได้ทำอะไรเขาเลยนะครับ!! "

"อาตมาเข้าใจ มันคงจี้ใจดำไปสินะ ไปดูกันเ​ถอะว่าต้นตอมาจากอะไร"

"มันมาจากรถของเพื่อนหนูค่ะ"

ต้นน้ำบอกต้นตอ แล้วนิมนต์หลวงตาไปดูรถ หลวงตาดูรถแล้วหยี่ตาเล็กน้อย เพราะรถคันนี้สีบรอนซ์ทองมันสะท้อนแสงแวววับเข้าตาหลวงตา ซึ่งบ่งบอกได้ว่าล้างรถใหม่มาสุดๆ แต่อาจจะเปื้อนดินโคลนบ้างเวลาเดินทาง หลวงตาเมื่อมองไปรอบๆ รถก็รู้สึกไม่ดี เหมือนมีอะไรจ้องอาฆาตแค้นอยู่ตลอด และดูเหมือนมันจะมองไปที่แมนเสียด้วย แต่ขณะที่หลวงตามองอยู่นั้น แมนก็ฟุบตัวลง แล้วใช้หมัดทุบหัวทุบอกตัวเอง และตะโกนโวหกเหวกโวยวายว่าสถานีตำรวจอยู่ไหน จะเอาไปมอบตัว หลวงตาจึงตะโกนว่าให้หยุด แมนก็หยุด แต่คราวนี้ไม่ใช่แมนคนเดิม แต่เป็นแมนที่ตาขวางหน้าตาบูดบึ้ง

"ห้ามอะไรผมพระอาจารย์!!"

"ห้ามไปสิงร่างเขาน่ะสิ รู้ไหมมันบาป"

"รู้ แม่บอกจนหูจะฉีกแล้ว ผมจะเอาเด็กเวรนี่ไปให้ตำรวจจับ"

"โยมเป็นใคร มาจากไหน"

แมนนั่งลงคุกเข่าพนมมือ แต่ดวงตายังแข็งกร้าวอยู่

"ผมเป็นนักเลงชื่อโต้ คุมตั้งแต่ปากซอยไปยันท้ายซอย แต่มีนักเลงแก๊งไหนไม่รู้มายึดพื้นที่ มันเรื้อรังมา 3 ปีแล้วก็ยังไม่ไม่ออกสักที จนผมต้องขับรถคันนี้ไปชนลูกน้องต่อหน้ามัน แล้วเหยียบซ้ำมัน แต่มันดันไม่ตาย แล้วเพื่อนๆ กับหัวหน้าแก๊งมันก็มารุมยิงผม ผมก็ไม่ตายเหมือนกัน แต่ไอ้เด็กนี่ที่แอบค้ายากับนักเลงแก๊งนั้นดันมายิงผมเหมือนกัน แล้วยิงโดนหัวผมจนผมตายด้วยนะครับ ผมน่ะไม่อยากฆ่าเด็กหรอกแต่ต้องสั่งสอนให้มันหลาบจำ ว่านักเลงโต้ผู้นี้ตายแล้วก็อย่ามาซ่า จนเมียผมเอารถนี้ไปใช้ต่อ ผมก็ปรากฏตัวให้เธอเพื่อที่จะให้ตามจับฆาตกร แต่ผมยังไม่ทันบอกอะไรเมียผมก็กลัวแล้ว จนเมียผมต้องขายรถเลยทีเดียว"

" อ้าว รถนี้เป็นของคุณหรือครับ ทำไมชื่อคนขายและเจ้าของรถเป็นชื่อนกแทนล่ะครับ"

"ก็คนที่ชื่อนกนั่นแหละเมียผม ผมเขียนพินัยกรรมไว้ว่าถ้าตายไปจะยกรถคันนี้ให้เมีย แต่เมียกลัวผมเลยขายรถให้คุณน่ะ"

"ผมไม่เคยเห็นหน้าคุณเลย เคยได้ยินแต่ชื่อ มิน่าผมถึงไม่รู้ว่านี่เป็นรถของคุณ"

"เอาล่ะ โยมจะออกได้ยัง ถ้าออกแล้วเดี๋ยวอาตมาจะให้เด็กคนนี้ไปมอบตัว"

"ไม่ออก ผมจะพาไปนี่แหละ แล้วชี้หลักฐานให้หมดจด"

"อยากโดนไม้หวายฟาดมั้ย วัดอยู่ไม่ไกลนะ ไปหยิบได้ จะออกดีๆ หรือจะออกด้วยน้ำตา"

"อย่าเลย แค่แม่ตีก็เจ็บก้นแย่อยู่แล้ว"

"ก็ใช่ไง แค่แม่ตียังเจ็บเลย แต่อาตมาตีเจ็บกว่าแม่ร้อยเท่านะ"

"ก็ได้ ผมจะออกก็ได้"

และแล้วแมนก็สลบลง หน้าฟุบกับลานจอดรถดังตึง ทุกคนจึงรีบอุ้มแมนขึ้นมา และคอยพัดวีให้หายจากอาการสลบ แมนฟื้นขึ้นมาด้วยอาการงุนงง และรู้สึกเจ็บหัวอย่างมาก

"ข้าเป็นอะไร เป็นลมหรอ"

"แกอ่ะโดนผีสิง ผีเขาเล่าอะไรไม่รู้ให้ฟัง แกไปยิงเขาจริงๆ รึปล่าว"

"..."

"​อย่าเงียบดิ"

"ปล่าวๆ ไม่มีอะไรต้นน้ำ"

หลวงตาเห็นว่าแมนได้สติแล้วจึกเรียกมาซักถาม เมื่อซักถามได้ใจความก็รู้ว่าสิ่งที่แมนทำกับนักเลงคนนั้นเหมือนที่นักเลงเล่าทุกอย่าง ทั้งห้าคนต่างตักบาตรอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลให้กับผีนักเลงตนนั้น และไม่กี่วันต่อมาศาลได้พิพากษาจำคุกแม่นตลอดชีวิต ส่วนเพื่อนๆ ทั้ง 4 คนก็ต่างเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เรื่องจากพันทิป มาแต่งเรื่องผีเล่นๆกันเถอะครับ
เรื่องโดย จากสมาชิกพันทิปหมายเลข 4500170

ไม่มีความคิดเห็น