หน้าเว็บ

หน้าเว็บ

HOME

31 ธ.ค. 2562

ทางผีผ่าน - คุณวิน


    สรุปเรื่องเล่าจากรายการ The Shock ที่เคยได้ฟังมา โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด และหากอ่านแล้วอยากจะฟังโปรดติดตาม The Shock  ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ทางผีผ่าน - คุณวิน
    คุณวินเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และนัดเจอเพื่อน ม.ปลาย 2 คน ชื่อ คุณโอม กับคุณเอก เลยชวนกันไปกินข้าวแถวนครปฐมตอน 5 ทุ่ม  โดยคุณวินเป็นคนขับ กินข้าวเสร็จประมาณตี 1 แต่ด้วยความไม่ชินทาง ที่เป็นวงเวียน และวันเวย์ โดยไม่มีใครรู้ทาง คุณวินก็ขับไปเรื่อยๆ จนไปถึงทางเล็กๆ เหมือนทางเข้าหมู่บ้าน เลยตัดสินใจถามร้านขายของชำ ก็บอกว่าถึงแยกเลี้ยวขวา ไปถึงก็เป็นแยกแบบลูกรัง แต่มีป้ายเขียนว่าไปกรุงเทพ ที่เป็นป้ายที่ตั้งที่พื้นแล้วมีรอยโดนเหยียบ เลยตัดสินใจไปตามป้ายเพราะกลัวข้างหน้าไม่มีแยกอีก ก็ขับไปเรื่อยๆ จนเป็นถนนเล็กลงมากๆ ไม่มีรถผ่าน มองไม่เห็นอะไรเลย จึงตัดสินใจชวนเพื่อนว่าจะกลับกันทางเดิมมั้ย คุณเอกเลยเปิดไฟในรถ แล้วบอกว่ากลัว แต่คุณวินบอกว่าให้ปิด เพราะกลัวคนมองเห็นในรถว่ามากี่คน และจะเป็นจุดเด่น ซึ่งทางตรงนั้นกลับรถไม่ได้ ทางแคบมาก จนคุณโอมที่อยู่เบาะหลังก็นอนราบลงกับเบาะ แล้วคุณเอกที่นั่งคู่กับคุณวิน ก็เอนเบาะนอนลงเอามือปิดหน้า คุณวินก็ขับต่อไป เจอผู้หญิงใส่เสื้อคอกระเช้าจูงยายแก่ๆ เดินนำหน้ารถไป คุณวินก็ขับรถผ่านไป แล้วมองกระจกหลัง ก็เห็นเป็นเงาคนอยู่ แล้วก็ขับต่อไปเรื่อยๆ ก็เจออีก ผู้หญิงคนเดิมจูงยายเหมือนเดิม แต่ไปอยู่ฝั่งตรงข้ามแทน คุณวินก็รู้แล้วว่าเจอดี ก็ทำใจดีสู้เสือ ขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็มองเจอถนนใหญ่ แล้วจู่ๆ ก็ไปโผล่ที่วัด โดยที่ไม่เห็นวัดมาก่อน คุณวินงงมากเลยจอดรถ เผอิญมีวินมอไซด์มาสองคน จึงลงไปถาม วินมอไซด์เลยถามว่ามาจากทางไหน คุณวินเลยบอกว่ามาจากทางนี้ วินมอไซด์ก็ตกใจแล้วถามว่า มาได้ยังไงทางนี้เค้าปิดตายมานานแล้ว เพราะเป็นทางผีผ่าน แต่คุณวินก็โกหกวินมอไซด์ว่าไม่เจออะไร ก็ขับต่อไปก็จอดรถที่ปั๊มน้ำมัน คุณวินก็ถามเพื่อน ปรากฏว่าคุณโอม คนที่เห็นก่อน เจอคุณยายเกาะกระจกข้างอยู่เลยนอนลงไป คุณเอกเห็นเป็นคนต่อไปก็เจอข้างๆกระจก หลังจากวันนั้นทุกคนก็ฝันว่า ยายคนนั้นมาบอกว่า ผ่านมาทางนั้นทำไมไม่เอาอะไรมาฝากบ้าง .... คิดดูถ้าเป็นเราเจอ อ๊ากกกกกกกกกก

สรุปเรื่องเล่าจากรายการ The Shock  โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด
เรื่อง ทางผีผ่าน - คุณวิน

ผมเป็นผี - คุณคิง


    สรุปเรื่องเล่าจากรายการ The Shock ที่เคยได้ฟังมา โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด และหากอ่านแล้วอยากจะฟังโปรดติดตาม The Shock  ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ผมเป็นผี - คุณคิง
    เรื่องราวของการบวชของคุณคิง ที่พอจะสึกก็มีพระอาจารย์ชวนไปธุดงค์เสียก่อน โดยไปธุดงค์ที่ อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ซึ่งพระอาจารย์ไม่ได้บอกว่าที่ที่ไปปักกลดทำสมาธิ คือ ป่าช้า พอถึงเวลานั่งสมาธิ ก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามา ก็เลยลืมตาขึ้นมาดู เจอผู้ชายรูปร่างผอมใส่เสื้อลายสก๊อต เลยถามดูว่ามีธุระอะไร ผู้ชายคนนั้นเลยถามว่า "หม่อมย่านผีบ่" (เรียกพระว่าหม่อม) เลยตอบว่า "ไม่กลัว มีอะไรหรือป่าว" ผู้ชายคนนั้นเลยตอบว่า "ไม่มี ผมแค่จะมาบอกว่าผมเป็นผี" คืนแรกคุณคิงไม่คิดอะไร คิดขำว่ามีใครมาแกล้งหลอก จนเป็นแบบนี้ 2-3 คืน เป็นแบบเดิมทุกๆคืน จนเริ่มรำคาญ พอมาอีกคืนก็เลยบอกประมาณว่าอยากได้อะไรก็เอาไป อย่ามากวน (ประมาณนี้) ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เอาอะไร แต่ก็พูดคำเดิมว่า แค่มาบอกว่าผมเป็นผี ผ่านไปสักชั่วโมงคุณคิงรู้สึกผิด เพราะตัวเองเป็นพระ เลยคิดจะไปขอขมา พอคืนต่อมาผู้ชายคนนั้นก็มาอีก พูดคำเดิมว่าผมเป็นผี คุณคิงเลยขอขมาแล้วเอาซองเงินให้ ผู้ชายคนนั้นก็ไม่เอา คุณคิงเลยถามชื่อและหมู่บ้านของเขา ผู้ชายคนนั้นเลยขยับเข้า
มาใกล้ๆ แล้วบอกว่าผมชื่อบักสี โดนยิงทิ้งมา 2 เดือนแล้ว ผมยังหาคนที่ยิงผมอยู่เลย แล้วผู้ชายคนนั้นก็เดินไป แล้วหันกลับมาบอกว่า ผมเป็นผีเด้อ  ............ ลองไปฟังต่อนะคะ

สรุปเรื่องเล่าจากรายการ The Shock  โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด
เรื่องผมเป็นผี โดย  คุณคิง

30 ธ.ค. 2562

เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 7 ตอน อดีตที่รอการพิสูจน์ผลกรรม)


     ซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" จากสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne จาก "ตอนที่ 1 ตอน เริ่มต้น"  , "ตอนที่ 2 ตอน เด็กชายผู้หวังดี","ตอนที่ 3 ตอน ชายแปลกหน้า" , "ตอนที่ 4 ตอน พ่อและลูกผู้ค้นหา"  , "ตอนที่ 5 ตอน รถไฟแห่งวิญญาณ"   และ "ตอนที่ 6 ตอน ย้อนรอยอดีตพินิจกรรม" ดำเนินจนมาถึง ตอนที่ 7 ตอน อดีตที่รอการพิสูจน์ผลกรรม  และโปรดติดตามต่อไปของซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ความเดิมตอนที่แล้ว ---> และแล้วเราก็ต้องกลับมาเจอกัน แต่เคยบอกแล้วเราอยู่คนละที่ จะกลับมาอีกทำไม กลับมาก็ตายเปล่า รีบหนีไปยังมีเวลา บุญน้องยังคงบังเขาอยู่รีบหนีไป ออกไปนอกห้องวิ่งไปตรงระเบียงแล้วกระโดดได้เลย " ผมก็กำลังจะทำตาม แต่พอยื้อตัวเองขึ้นมา ทันใด้นั้นก็มีผู้ชาย แต่ครั้งนี้ มากัน 4 คนยืนดักอยู่ที่ประตู

---> เสนอเรื่องจริงตอน อดีตที่รอการพิสูจน์ผลกรรม
ทุกครั้งที่นอนหลับ คิดเสมอว่าตื่นมาจะเจออะไรอีกไหม นี่แหละคือกรรมที่ส่งผลให้เราต้องสู้ชีวิตอีกหนึ่งทาง ชีวิตผมก็เรื่อยๆครับอนาคตก็อยากจะมีบ้านมีรถ มีเงินทอง มีสุขภาพที่ดี มีครอบครัวพร้อมหน้าพร้อมตา จริงไหมครับ
ในวันที่ร้อนอบอ้าวเป็นวันที่ผมกำลังจะกลับบ้าน ไปตจว. เราก็นะเตรียมเก็บของ สัมภาระต่างๆมากมายพอเก็บเรียบร้อยแล้ว ผมก็เดินไปเปิดตู้เย็นดื่มน้ำสักอึก  แต่แล้วผมก็ได้กลิ่นเหมือนน้ำอบไทย กับกลิ่นห้องน้ำเหม็นมากปนกัน ผมจึงไปกดชักโครก กดแล้วก็ไม่หายเลยปิดประตูห้องน้ำไว้ ผมก็เคลิ้มๆอีกครั้งนะครับ ซึ่งผมไม่ได้เอะใจนะว่ากลิ่นน้ำอบมาจากไหนเพราะผมชอบใช้ถูตัวตอนนอน (แต่ในทางกลับกันเป็นกลิ่นแตกต่างจากเดิมมาก) สักพักก็เคลิ้มนะครับ สะลึมสะลือ ได้ยินเสียงแปลกๆ หันซ้ายหันขวา ตาก้ไม่เปิดครับจนไม่รู้สึกตัว และตืนขึ้นมาอีก ที ตัวเองก็อยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว บ้านไม้หลังเก่า ซึ่งพอจะเดาออกว่าต้องมีอะไรอีกแน่ ผมเดินเหลี่ยวซ้ายแลขวาไม่มีใคร มีแต่ชายชุดขาวน่าจะถือศีลยืนอยู่ใต้ถุนบ้าน พร้อมกับทักทายผม "จิตคุณนำคุณกลับมาอีกแล้ว เวลานี้ยังมีเวลากลับไปที่ของตัวเอง แล้วลืมที่นีซะอย่ากลับมาอีก" ผมก็งง ถามว่าคุณเป็นใครเขาก็ไม่ตอบ เขาตอบอีกทีแค่ว่า ให้ระวังคนไกล้ตัว ระวังของสำคัญ ต้องเก็บมันไว้เหลืออีกแค่ปีเดียว ความแค้นก็จะสิ้นสุดแล้ว อย่าไว้ใจใครเด็ดขาด
สิ้นคำพูดผมก็งงนะครับแต่ไม่ได้คิดอะไร ผมก็เดินไปตามทางซึ่งผมเดินสำรวจไปทั่วเลย ไม่มีใครผมก็เดินไปที่บ่อน้ำก็เงียบเลยเดินไปทางเดิม หาทางกลับบ้าน จากนั้นผมก็ตื่นผมคิดเสมอว่า ทำไมเรายังไปที่นั่นอีกหรือเรายังมีกรรมที่ไม่ได้ชดใช้ ตกเย็นผมเดินทางไปขึ้นรถไฟมุ่งหน้าสู่บ้านเกิด เล่าให้แม่ฟังแม่ก็เหมือนเดิม พาผมไปทำบุญต่างๆนาๆ แต่แม่ผมจะเป็นคนที่เข้าใจกฎธรรมชาติเสมอ แม่บอกว่าจำไว้นะ ทำบุญล้างบาปไม่ได้แต่ช่วยให้บรรเทาบาปได้ถ้าเราคิดให้เขาด้วยใจ และไม่ติดใจจองเวรกลับไปอีก ..ผมก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้วทำกรรมมาก็ต้องใช้เขาก็ตามเรื่อง พอค่ำๆหน่อยแม่พาไปบ้านตาคนหนึ่งซึ่งถ้าเรียกตรงๆก็น่าจะเป็นหมอผี ตามเรื่องแหละครับ ผมก็ไหว้เขาตามประสาลูกหลาน แต่ตาเขาทักผมด้วยคำแรกว่า อีกไม่นานเรื่องไม่ดีก็จะจบแล้วไหนมาให้ตาดูหน่อย "น่าน ว่าแล้ว วิญญาณแรงมาก คงจะไม่ให้อภัยกันพรุ่งนี้ให้แม่มีงเอาไก่นึ่งมา เอาดอกบัวสีขาว เอาดอกรักสีขาวและเอาผ้าขาวม้ามาผืนหนึ่งด้วย" รีบมาตั้งแต่เช้านะ ----> เช้าวันไหม่ผมก็ตื่นเต้นมาก เราก็นั่งดูคุณตาคนนั้นทำพิธี จากนั้นตาเขาก็ล้มลงไปแล้วลุกขึ้นมาพร้อมกับเรียกผม ต้องคืนมา ของของกูต้องเอามาคืน ไปเอาอะไรเขามาหรือเปล่า เคยหยิบอะไรจากหลุมศพหรือสุสานไหม ผมก็บอกว่าไม่เคย แล้วลูกเคยไปแช่งใครไหม ผมก็ตอบแค่พูดหยาบยังคิดมากเลยคับลุง -ถ้างั้นคงเป็นกรรมเก่า เขาไม่ยอมปล่อย เราไปแก้ไขอะไรไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องของภพที่แล้ว เอาอย่างนี้ ตาจะลองคุยให้ว่าเขาจะเอาอย่างไร  ตานั่งสมาธิ, สักครู่ตาก็ลืมตาแล้วบอกว่าเขาจะเอาของคืนเขาเคยคุยกับลูกแล้วใช่ไหม ผมก็บอกว่าใช่ ตอนนี้มีวิญญาณตามมาทวง 4 ตน และวิญญาณผู้ดูแลอดีตอีก1 วิญญาณติดค้างคำสาบานอีก 1 ลูกต้องไปถอนคำสาบานก่อนเพราะตามองหน้าเขาแล้วเขาเศร้า เขารอ เขาไม่ต้องการอะไร วิญญาณ4ตน ให้รอวันที่เขาหลุดพ้นคงไม่เกินอีกปี แต่ระหว่างนี้รักษาตัวเอง ส่วนผู้ดูแล ช่วงนี้เขาบำเพ็ญศีลเขาจะไม่ออกมาถ้าลูกไม่ลำบากจริงๆ ทั้งปวงแก้ไขได้แค่คำสาบาน ที่เหลือรอเวลา แต่ตาดูผลกรรมแล้วไม่กระทบอะไรมากผีพวกนี้เป็นแค่ผีที่ได้จากแรงอาฆาต เราทำให้เขาสบายใจเขาก็จะอ่อนแรงลง ลูกต้องหมั่นทำบุญ ถือศีล บ่อยๆแล้วจะดีขึ้น ในเรื่องสถานที่ที่เป็นแรงเสริมห้ามเข้าไกล้ มี บ่อน้ำเก่าๆ ทุกชนิดและบ้านไทยโบราณเก่าทุกที่ห้ามเข้าไปคนเดียวเด็ดขาด
คุณตาพูดจบแล้วเราก็ไปทำพิธีแก้คำสาบาน ครับเป็นตอนที่น่ากลัวมาก ระหว่างทำพิธี ตาร้องไห้ตลอด ผมก็นั่งไหว้ข้างๆไม่กล้าเข้าใกล้ ร้องไห้นานมาก สักพัก เขาก็หันหน้ามาพร้อมกับคำว่า "เราจะตามลูกไปแล้วนะเราจะไปดูแลลูก เราจะไม่กลับมาหาชุอีกแล้วนะ" พอพูดจบเขาก็เงียบไป และตาก็บอกว่าเขามีบุญแต่ติดกรรมที่มีต่อกัน เขาไปดีแล้วไม่ต้องห่วง ผมกับแม่ก็กลับบ้าน ระหว่างทางผมได้ยินเสียงคนกระซิบว่า "ระวังตัว" ผมกก็หันไปซ้ายขวาไม่มีใคร เราก็เดินไปเรื่อยๆพอถึงบ้านก็โทรหาเพื่อนอีกคนหนึ่ง พอดีเขาต้องการยืมห้องผมประมาณว่า ตัวเองพักอยู่กับพ่อแม่ไม่สะดวกเลยพาแฟนมายืมพื้นที่ห้องผม ผมก็ถามไปเรื่อยคับ สักพักเขาก็กลับผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร แล้ววันรุ่งขึ้นเขาก็ขอเลขที่บัญชีของผมแล้วโอนเงินที่เคยยืมผมมา 5000 ให้โดยที่ปกติใจผมคิดตลอดว่าคงไม่ได้ แต่ก็ดีใจนะครับ เย็นวันนั้นก็กลับกทม พอไปถึงห้อง เอ้ะแปลกใจตู้เก็บของผมไม่ได้เปิดคาไว้ พระเจ้าที่แย่กว่านั้น พระผมหาย แหวนทองที่แม่ให้ก็หาย ผมตกใจมาก ผมโทรไปถามเขาก็บอกไม่รู้เรื่องเลย ผมเสียใจมากกับกระทำที่เห็นแก่ตัวแบบนี้ ผมก็พยายามหาพระแต่ก็ไม่เจอ วันนั้นเพลียมากกลับมาจากไปดูหนังพอกำลังเคลิ้มหลับชายแก่ คนนึงนั่งหันหลังให้ผมที่ปลายเตียง พูดกับผมด้วย บอกว่า "หาของไม่เจอใช่ไหม ไม่เป็นไร กลับไปหาแม่ของลูกนะ แล้วขอหวายที่ซ่อนไว้ใต้เตียงไม้ ยังพอจะช่วยให้ลูกปลอดภัย พ่อไปก่อนนะ" พอเขาไปผมตื่นโทรไปถามแม่ว่าที่เตียงเรามีไม้หวายไหม แม่บอกมีนะ เอามาจากไหนไม่รู้จำไม่ได้ ผมก็บอกให้เก็บไว้ แม่ก็แปลกใจแต่ไม่ถามต่อ จนผ่านไปปีกว่าเรื่องราวก็เงียบลงและผมก็เลย ใช้เวลานี้ทำบุญอุทิศส่วนกุศล ให้เขา พยามนึกในใจเสมอ ว่าเรายินดีคืนให้แค่คุณบอกเราต้องทำไงเราพร้อมคืนให้ทุกอย่างเพราะเราไม่ต้องการอะไรแล้ว ให้บอกเราได้ ครับ จนเวลาผ่านไปช่วงนี้ผมมีความสุขมากๆ เรียนก็ดีมีความสุข แต่ที่ไม่มีความสุขคือ คืนแห่งบทสรุป ที่จะเป็นจุดจบของความแค้นและความต้องการในอตดีที่ผมพบเจอมานี้  เนื้อหาเรื่องจริงจะเป็นอย่างไร ติดตามตอนต่อไป........

(พบกับเรื่องจริงตอนต่อไป "ตอนที่8 ตอน บทสรุปของอดีต")


เรื่องจากพันทิป เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 6 ตอน ย้อนรอยอดีตพินิจกรรม)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne

เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 6 ตอน ย้อนรอยอดีตพินิจกรรม)


     ซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" จากสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne จาก "ตอนที่ 1 ตอน เริ่มต้น"  , "ตอนที่ 2 ตอน เด็กชายผู้หวังดี","ตอนที่ 3 ตอน ชายแปลกหน้า" , "ตอนที่ 4 ตอน พ่อและลูกผู้ค้นหา"  , และ "ตอนที่ 5 ตอน รถไฟแห่งวิญญาณ"  ดำเนินจนมาถึง ตอนที่ 6 ตอน ย้อนรอยอดีตพินิจกรรม  และโปรดติดตามต่อไปของซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย


ความเดิมตอนที่แล้ว ---> พอก้มเก็บไอพอด ผมเห็นคนตัวดำปี๋เลยอยู่ตรงทางลอดประตูไกล้บันได เขาจับขาผมบีบแบบแน่นมาก ผมก้ทำอะไรไม่ได้ ร้องเสียงดังแต่ไม่มีใครได้ยิน ผมจับราวไว้แน่นอยู่แบบนั้นประมาณสักเกือบ 5 นาทีผมร้องเลยครับ ไม่มีใครได้ยินผมเลย แต่ทันใดนั้น
--------------------------
---> เสนอเรื่องจริงตอน ย้อนรอยอดีตพินิจกรรม
หลังจากนั่งแท็กซี่กลับมาจาก หัวลำโพงแล้วผมก็หลับเป็นตายเลย และขณะหลับ ผมก็สะดุ้งตื่นมา เพราะได้ยินเสียงคนมาเถียงกันเสียงไกล้มาก มองหารอบๆตอนนั้นตื่นแบบกระทันหันแสบตามากๆ ก็รู้สึกตกใจนะครับ แต่ก็ยังมั่นใจว่าเสียงอยู่ในห้อง ซึ่งปกติข้างห้องจะเถียงกันแต่เป็นคู่ สามี ภรรยากัน แต่ทว่านี่เป็นเสียงเหมือนกลุ่มชาย หลายคนเถียงกันยิ่งเสียงดังมากขึ้น ผมเลยเอามือขยี้ตา แล้วมองอีก ขยี้อีกมองอีก แล้วสิ่งที่ผมไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมือสิ่งที่ผมมองเห็นข้างหน้าผม คือชาย 3 คน แต่งตัวแบบชุดผู้ดีเก่าๆในสมัยก่อนมากครับ คนที่1ตัวใหญ่บึกบึน คนที่2หน้าเป็นรอยฟัน คนที่3.เปียกทั้งตัว ทุกคนหน้าโหดเหี้ยมน่ากลัวมาก มาล้อมอยู่ปลายเตียงผมพร้อมเสียงเถียงกัน มั่วมากๆ "และลากมันไป" "ทำสิกระชากมันออกมา" "ไปลากมันออกมา" "จะเอาไหม ก็อยู่นานไม่ได้รีบๆลากมันมา" เถียงกันพอจับใจความได้ประมาณนี้ครับ ผมตกใจรีบหาโทรศัพท์ แต่ไม่ทันหยิบมีชายคนนึงลากขาผมลงจากที่นอนสปริงซึ่งไม่สูงมาก เป็นชายคนที่2 แล้วบอกว่าไปเดี๋ยวนี้ลากผมจนตกที่นอนแล้วชายอีกคน เป็นชายคนที่1 รวบผมของผมไว้แล้วยกผมขึ้น ตอนนั้นผมก็ร้องเสียงดังมากตามสัญชาตญาณ แต่รู้สึกจริงๆคือไม่จบเลย ที่แปลกใจคือผมเป็นคนผมสั้นสั้นมากๆจนไม่สามารถจิกหรือจับผมติดก็ว่าได้ แต่ตอนนั้นผมผมยาวมากถึงขนาดรวบไปไว้ในมือแล้วลากเดินได้  ผมกลัวมากชายคนที่1 บอกว่า ไปกันได้แล้วกูจะสะสางกับมัน อีเลวชั่วมันต้องไม่ได้อะไร เท่านั้นแหละผมหันไปบนเตียง ผมเห็นตัวผมเองนอนอยู่บนเดียง ตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกกลัวมากจะหนีอย่างเดียวแต่ไม่ทันได้หนี ชายคนที่3ผลักผมลอยออกมา ผ่านกำแพงห้องทะลุลอยแบบเร็วมากแล้วมาตกลงในบ้านหลังหนึ่ง
--- บ้านที่ผมลงมานั้น เป็นบ้านเรือนไทยโบราณ ผมสามารถบรรยายได้ผมจำได้ติดตา แต่ปัญหาคือบ้านหลังนั้นมันอยู่ที่ไหนละ ก็ไม่รู้ ผมมองไปรอบๆมองไปรอบตัวไม่เจอใคร เลยมองที่มือตัวเอง นิ้วเรียวสวย ผิวขาวสะอาด เอามือสางผมผมยาวมาก ที่สำคัญมีนมด้วยหน้าอกใหญ่ ผมยิ่งตกใจเลยสัปดนเพราะอยากรู้ เอามือจับเป้าดู ช้างน้อยผมหายไปซะแล้ว ตอนนั้นไม่แปลกใจเท่ากับ ใส่ผ้าถุงแบบผ้าชิ้นเดียวเอามารวบ เสื้อเก่าๆมากๆ มองไปเจอกระจบบานใหญ่ ยิ่งชัดเจนเลย "นี่เราเป็นผู้หญิงแล้วหรอ" แต่ทันใดนั้นบ้านหลังนั้นก็เปลี่ยนสิ่งของรอบๆไปเป็นอีกแบบนึง ซึ่งผมยังนั่งอยู่ที่เดิม และแล้วมีเปลอยู่ข้างหน้าเป็นเด็กตัวน้อยนอนในเปลที่ใช้ผ้าผูกกับไม้ นอนร้องไห้อยู่ในเปลหันไปรอบๆไม่มีใคร และแล้วผมก็ได้ยินเสียง ผู้ชายเรียกผม ซึ่งผมจำได้คือคนที่เคยมาคุยกับผมและเรียกผมในบ้านของเพื่อนชื่อส้ม ในตอนที่ 4
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"และแล้วเราก็ต้องกลับมาเจอกัน แต่เคยบอกแล้วเราอยู่คนละที่ จะกลับมาอีกทำไม กลับมาก็ตายเปล่า รีบหนีไปยังมีเวลา บุญน้องยังคงบังเขาอยู่รีบหนีไป ออกไปนอกห้องวิ่งไปตรงระเบียงแล้วกระโดดได้เลย " ผมก็กำลังจะทำตาม แต่พอยื้อตัวเองขึ้นมา ทันใด้นั้นก็มีผู้ชาย แต่ครั้งนี้ มากัน 4 คนยืนดักอยู่ที่ประตู
---ลักษณะชายทั้ง 4 และชายอีก 1 คน -----------
ชายคนที่1ตัวใหญ่ บึกบึน /
ชายคนที่2 ตัวเล็กแต่หน้ามีรอยแผลโดนฟัน /
ชายคนที่3 ตัวเปียกปากเป็นแผล /
ชายคนที่4 คนนี้น่ากลัวมากมีแผลไฟไหม้น่ากลัวมาก
ชายคนที่5 คือชายคนที่มาหาผมที่บ้านส้มและสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นแฟนกัน (อิอิ แอบเขิล)

*และพร้อมกับบทสนทนาที่ผมจับใจความได้ว่า
ช.1 : กูหาตัวตั้งนานหนีเก่งนะไปไหนมา ของกูอยู่ไหนคืนมาเดี๋ยวนี้
ผม : ของอะไรเรางง
ชายคนใดคนหนึ่ง : หยุด รู้ อียิ้มมันเลว เอาของพวกกูมา
ช. 4 : พูดยากไปจับมันมา
ช. 2 : คืนมาเถอะน้อง อย่าให้พวกกูต้องติดค้างกันอีกเลย
ผม : เราไม่ได้เอาจริงๆ เราไม่รู้ เราจะหาวิธีช่วยหา เราจะหามาคืนให้ แค่บอกเรา
ช. 3 : พูดไปร้องไป "พ่อลำเอียง พอยิ้มพวกกู พอมันเลว รักแต่ให้แต่ กูจะฆ่า"
ช. 1 : เอาไปซ่อนไว้ที่ไหนรู้ไหม ตั้งแต่หนีออก มากับไอ้ทาส พ่อเอาแต่เมาหัวราน้ำ แม่ก็ตรอมใจตาย มันเลวชั่วมากๆ สมบัติพวกกูคืนมาเถอะของของกูอยู่ไหนคืนพวกกูมา
ช. 1 : วันที่กูจัดการพ่อ รู้ไหมชีวิตกูมีความสุขมาก แต่พอกูมารู้ทีหลังว่ากูไม่ได้อะไรเลยทุกอย่างมันเป้นของ ในราชการแจ้งว่ากูเอาอะไรไปไม่ได้สักชิ้นจนกว่าจะกลับมา กูยิ่งเจ็บมาก กูตามหาแล้วไปไหน ผัวทาสก็บอกว่าตาย พวกมันยิ้ม กุจัดการผัวก่อน กูให้มันนอนตายในบ้านที่นี่แหละ ลูกก็ก็เผาไปให้ กลัวพวกจะเหงา
ผม : ตอนนั้นไม่ว่าจะจริงหรือไม่ผมร้องไห้เลยผมสงสารคนที่โดนแบบนี้มาก
ช. 5 : น้องหญิงรีบเข้ามาในห้องนี้ก่อน เสียงของชายที่ดูเหนื่อยล้า
-สิ้นคำพูดผมถอยเข้าไปอีกห้องหนึ่ง ชายคนที่5บอกว่าต้องหนีออกไปให้ได้ พี่รักเอ็งมาก พี่ๆของน้องตายหมดแล้ว โดนพี่ใหญ่ให้ฆ่า คนที่โดนฟันหน้าตายอยู่ที่บ้านหลังนี้ พร้อมกับอีกคนโดนวางยาแล้วเผาทั้งเป็น พี่เจ้าอีกคนโดนฆ่าทิ้งไว้ในบ่อน้ำ ส่วนพี่คนโตพ่อจับได้เลยพาไปขังไว้ แต่มันหนีออกมาได้เลยวางยาพ่ออีกคน น้องรีบหนีไป บ้านนี้เป็นที่ตายพวกมัน พวกมันมีความแค้นมาก หากช้าไม่ทันการ จะได้เป็นแค่สิ่งเฝ้าบ้านเหมือนพี่กับลูก ตอนนี้น้องไม่มีความรู้สึกทำอะไรก็ได้ รีบวิ่งออกไปทางระเบียงด้านข้าง แล้วกระโดดลงไปเดี๋ยวนี้
พอพี่คนนั้นพูดจบเขาร้องไห้ดังลั่นเลยผมสงสารเค้ามาก ผมเลยเดินไปที่ระเบียงแต่พวกนั้น4คนก็มาขวางพร้อมกับถือดาบ มีคนกำลังจะฟันผมแต่ผู้ชายคนนั้นมาบังไว้และเสียงเด็กร้องกรี้ดลั่นบ้าน ชายคนนั้นให้ผมวิ่งไปเลย ผมหันกลับไปเห็นเขาโดนฟันแล้วเขาก็หายไปเลย เขาน่าสงสารมากครับผมกระโดดลงจากบ้านวิ่งหนีออกมา มีชายสองคนวิ่งตามมผมมาพร้อมกับถือดาบกับแส้ เขาใช้แส้ฟาดโดนปลายหลังผมตอนนั้นผมรู้สึกแสบมากแต่ก็วิ่งต่อผ่านตัวบ้านออกมา มีชายคนหนึ่งตะโกนลงมาจากบ้านชั้นสูงว่า  "จำไว้ หนีครั้งนี้ได้ ไม่เป็นไรแต่เมื่อไหร่เดินเข้าบ้านเรือนไทยเก่า กูจะรอเฝ้าเอาชีวิต" ผมก็วิ่งไปเรื่อยๆอีก ผมเจอบ่อน้ำ ผมกำลังวิ่งผ่านทันใดนั้น ชายคนที่3 ก้ปีนออกจากบ่อน้ำบอกว่า น้องหญิงลงมาแอบที่นี่เร็วๆพี่มาช่วยแล้ว ด้วยความที่เราก็ไม่อยากตายกำลังวิ่งไป แต่ไม่ทันจะถึง มีชายแก่คนหนึ่งวิ่งมาดักหน้า ผมกลัวมาก เขาบอกว่า "ลูกของพ่อ ลูกต้องวิ่งไปตรงทางเดินเส้นนั้นนะพ่อจะเปิดทางให้ เอ็งยังรักพ่อใช่ไหม พ่อขอโทษ พ่อทรมาณมากลูก รีบไปซะ รีบไปก่อนเขาจะเอาลูกไป ลูกสาวพ่อเป็นคนมีบุญอย่ามาอยู่ที่แบบนี้เลย จงจำไว้การที่ลูกฆ่าตัวตายไม่ใช่สิ่งผิด หากลูกไม่ทำตอนนั้น ลูกคงจะต้องโดนจองจำไว้เหมือนพ่อและพี่ๆของลูก กับของแบบนี้ รีบไป" ชายคนนั้นพูดจบผมก็กำลังจะวิ่งผ่านบ่อน้ำ แต่ไม่ทันได้วิ่ง ก็มีเสียงคนตามมาด้านหลังหนึ่งคน แค่คนเดียว เป็นชายคนที่ 1 พร้อมสนทนากับพ่อว่า
ช.1 : พ่อมาช่วยมันพ่อไม่รักพวกเราเลย พ่อลำเอียงกูเกลียดพ่อ
พ่อ : ปล่อยน้องไปเถอะนะ พ่อรักลูกทุกคน ลูกเคยทำอะไรพ่อ พ่อทรมาณอย่างไรพ่อไม่ติดใจพ่อรักลูกนะอย่าทำบาปอีกเลย
ช.1 : รักมันมากพ่อเข้าข้างมัน
ทันใดนั้นพ่อก็โดนคนที่ 1 ฟันเข้าที่แขน แขนขาด "ซึ่งขณะนั้นคนที่อยู่ที่บ่อน้ำโดนพ่อบังไม่ให้เห็นผม" แต่แล้วมันก็เห็นผมผมรีบวิ่งต่อ พ่อบอกว่า
"หนีไปให้สุดทาง คนที่พ่อส่งไปคุ้มครองเจ้า จะเข้ามาในนี้ไม่ได้ เจ้าจงวิ่งไป และจำไว้หากกลับไปได้ ขยันสร้างบุญด้วยใจเท่านั้น ให้ใช้ใจรักษา และหาพระองค์นี้เก็บไว้ (ลักษณะเป็นรูปเหรียญพระธรรมดา มีหยัก 3 หยักมองไม่ชัด )หลวงปู่ทำไว้ให้เจ้า เจ้าต้องหามาไว้ดูแลรักษาตัวเอง" แล้วพ่อก็หายไป และชายคนที่อยู่บ่อน้ำ ก็ตะโกนมาบอกว่า "หนีได้หนีไป จำไว้ บ่อน้ำเก่าก็จะรอรับ กูจะรอจนกว่าจะคืนมาให้กู" ผมวิ่งด้วยความเร็วมากๆ เร็วแบบขาไม่ติดพื้น ผมวิ่งไปจนเจอถนน ถนนที่เป็นทางเดินคนเหยียบเป็นดินธรรมดา แล้วด้านข้างก็เป็นหญ้าขึ้นแซม ผมยังคงวิ่งต่อ แล้วสักพักหนึ่งชายคนที่1 วิ่งไล่กวดผมอยู่ริมทางแต่เข้ามาไม่ได้ แต่พยายามเอาแส้ฟาดมาโดนผมตลอด โดนหลังผมซึ่งเป็นแผล 1 แผล และแล้วก็มีเกวียนจอดอยู่ข้างหน้า พร้อมกับน้องผู้ชายคนที่ เคยมาช่วยเราไว้ครั้งที่เราโดนรถชน เราจำเค้าได้แน่นอน เพราะหน้าเค้าหวานๆ แต่เป็นผิวดินมีลักษณะแตกระแหงเป็นเส้นด้วย ตอนนี้ผมไม่กลัว ผมรีบเดินไปหาเขา แล้วเกวียนนั้นก็พาผมลอยมาไกลผมมองไปทางไหนก็มีแต่กลิ่นดอกไม้ มีแต่แสงสีสวยงามและแล้วเด็กคนนั้นก็บอกว่า "ผมช่วยพี่ไม่ได้ตลอด เพราะพี่เป็นสิ่งสูงส่ง ผมเป็นแค่ชั้นสัตว์ต่ำต้อยดูแลนาย ครั้งนี้ผมจะหายไปนานหน่อยเพราะผมจะมาวุ่นวาย ชั้นนี้ไม่ได้บ่อยแต่ก่อนแล้ว ดูแลตัววเองด้วย" เสร็จแล้วเขาก็ให้ผมทิ้งตัวลง แล้วให้นึกถึงตัวผมที่เป็นปัจจุบัน ผมก็นึกตลอดตอนนั้นความรู้สึกมันประหลาดมาก และแล้วความรู้สึกสว่างก็เริ่มมืดลงๆๆ มืดจนมองอะไรไม่เห็น และแล้วผมก็ลืมตาอยู่ในห้องพัก ผมหิวน้ำมาก ผมปวดหลังปวดเมื่อยทั้งตัว มองออกหน้าต่างมืดแล้วมีไฟส่องสว่างเปิดไปทั่วตามปกติ มามองนาฬิกา 22.00 (โดยประมาณ) ผมตกใจเลยนี่ผมฝันตั้งแต่แปดโมงเลยน่ะ ผมก็พยายามรวบรวมความฝันแล้วจดไว้เพื่อวันนึงจะเป็นประโยชน์ และตามหาพระที่มีลักษณะหยักๆสามเหลี่ยมและแล้วก็เจอ มันคือเหรียญพระพุทธชินราช ที่แม่ผมได้มาจากน้าชายของผมคนที่ตายไปเมื่อตอนที่ 1 ซึ่งน้าผมไปเป็นทหาร ระหว่างนั้นเขาไปเดินป่าเขาขุดเจอมา มีพระ หลายเหรียญเลยครับ มีขุนช้างขุนแผ่น มี พลายแก้ว ที่เป็นเนื้อแบบแปลกๆไม่เคยเจอ สีคล้ำๆแต่เป็นโลหะนะครับ และที่สำคัญมีเหรีญเงิน 1 บาทสมัยรัชกาลที่5 อยู่ในนั้นด้วย 2 เหรียญครับ ตั้งแต่วันนั้นผมก็ไปโทรไปหาแม่แม่บอกให้รักษาตัวดูแลตัวเองดีๆ หากกลับบ้านช่วงไหนนานหรือหลายวันแม่จะพาไปหาหมอ เก่งๆดูให้ แค่จำไว้ บ้านเก่าบ้านร้าง บ่อน้ำเก่าๆ อย่าไปให้เลี่ยงซะนะลูก แม่เป็นห่วง
       
สองเดือนผ่านไปผมทะเลาะกับคนเฝ้าตึก ด่าสาดรุนแรง เบื่อไม่อยากเห็นขี้หน้าเลยย้ายที่พักครับ ไปอยู่อีกตึกหนึ่งพอย้ายเสร็จผมถามแม่ว่ายังเก็บพระไว้ไหม แม่บอกว่ามันหายไป หาไม่เจออีกเลย แต่ไม่เป็นไรสิ้นเดือนนี้กลับมาบ้านได้ไหม แม่จะพาไปทำพิธีกับพระที่แถวบ้าน

ผมก็โอเคนะครับ ไกล้สินเดือนผมก็กำลังจะกลับบ้าน ก่อนผมจะกลับผมเก็บของเสร็จผมก็นอนดูละคร และแล้วผมก็ได้กลิ่นเหมือนน้ำอบไทย กับกลิ่นห้องน้ำเหม็นมากปนกกัน ผมจึงไปกดชักโครก กดแล้วก็ไม่หายเลยปิดประตูห้องน้ำไว้ ผมก็เคลิ้มๆอีกครั้งนะครับ ซึ่งผมไม่ได้เอะใจนะว่ากลิ่นน้ำอบมาจากไหนเพราะผมชอบใช้ถูตัวตอนนอน (แต่ในทางกลับกันเป็นกลิ่นแตกต่างจากเดิมมาก) สักพักก็เคลิ้มนะครับ สะลึมสะลือ ได้ยินเสียงแปลกๆ หันซ้ายหันขวา ตาก้ไม่เปิดครับจนไม่รู้สึกตัว และตืนขึ้นมาอีก ที ตัวเองก็อยู่ที่บ้านหลังนั้นอีกแล้ว ครับ.......................

(พบกับเรื่องจริงตอนต่อไป "ตอนที่ 7 ตอน อดีตที่รอการพิสูจน์ผลกรรม")

เรื่องจากพันทิป เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 6 ตอน ย้อนรอยอดีตพินิจกรรม)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne


29 ธ.ค. 2562

เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 5 ตอน รถไฟแห่งวิญญาณ)


     ซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" จากสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne จาก "ตอนที่ 1 ตอน เริ่มต้น"  , "ตอนที่ 2 ตอน เด็กชายผู้หวังดี","ตอนที่ 3 ตอน ชายแปลกหน้า"  และ "ตอนที่ 4 ตอน พ่อและลูกผู้ค้นหา"  ดำเนินจนมาถึง ตอนที่ 5 ตอน รถไฟแห่งวิญญาณ  และโปรดติดตามต่อไปของซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย


ความเดิมตอนที่แล้ว ---> ตอนนี้พี่ๆของคุณ รู้แล้วว่าคุณมาอยู่ที่เมืองทางใต้ ระวังตัวให้ดี นึกไม่ออก ให้ลองหาพี่น้องฆ่ากัน 5คนกับสมบัติอีกที่ยังไม่ปันส่วน เผื่อคุณจะจำได้ และนับจากนี้ เราต้องไปเฝ้าลูกเราสองคนที่บ้านของเรา เราจะออกมาแบบนี้อีกไม่ได้ จำไว้ นึกให้ดี คุ้มครองตัวเองอย่าให้ใครมาทำอะไรได้ เราช่วยอะไรไม่ได้เราขอแค่นี้ ชายแปลกหน้ากล่าว"
-------------------------------------------------------------

---> เสนอเรื่องจริงตอน รถไฟแห่งวิญญาณ
พระเคยสอนไว้ว่า มนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่มีกรรม ทั้งกรรมดีและกรรมที่ไม่ดี เพราะกรรมคือผลของการกระทำ แต่นี่จะเป็นกรรมของผมหรือไม่ก็ไม่รู้ เรามาเริ่มย้อนอดีตที่ผม สัมผัสมันได้และย้อนกลับไปถึงอดีต ที่ผมคิดว่า "การทำดี กับคนโลภ ทำอย่าไรก็ไร้ผล"
       หลังจากวันที่มีชายแปลกหน้าอุ้มลูกมาหาผม ผมก็กลัวมาก ไปเล่าให้แม่กับพ่อฟัง ซึ่งพ่อกับแม่เคยเจอประสบการจริงพร้อมกับผมมาแล้วครังหนึ่ง ทำให้พ่อและแม่ผมรู้ว่าผมไม่โกหกท่าแน่นอน พ่อแม่ก็ไปหาหมอหาพระ หลายท่านเลยครับ มีพระเพียงสองรูปจากวัดแห่งหนึ่งในจังหวัดนครศรีธรรมราช และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตอบตรงกันเหมือนประสานเสียงเลยครับว่า "ให้ระวังเจ้ากรรมนายเวร อาตมาศีลคงไปยุ่งทางโลกไม่ได้ โยมก็หัดให้ลูกเข้าวัด ทำบุญ ตักบาตร บ้างหนักจะได้คลาย " ไม่มีอะไรจะสู้ความดีได้
       พ่อแม่ก็ไม่ได้กลัวอะไรเพราะท่านบอกแล้ว ผีไม่มีแรงขนาดจะทำร้ายคนได้ ยิ่งถ้าเราทำบุญด้วยใจเขาจะเข้าใจเราเอง ผมก็สาธุนะครับ วันนั้นผมจะกลับไป กทม.เพราะ มหาลัยเปิดเทอมแล้วแม่ก็พาไปวัดไปที่สำคัญหลายที่เลยครับ ทำให้ผมรู้สึกสงบและพร้อมถ้าจะเกิดเหตุการณ์อะไรที่ไม่คาดฝัน แต่บอกตามตรงผมนะกลัวมากมายครับ
       ตอนเย็นผมก็ขึ้นรถไฟ สัก2 ชั่วโมงได้ถึงสถานีไชยา ผมนั่งรถชั้น2 อยากซื้อไข่เค็มมากๆครับแต่ก็ไม่กล้ามันวุ่นวายไปหมดผมมองไปทางซ้ายของตัวรถ เจอต้นก้ามปู ต้นใหญ่มากใต้ต้นมีคนอยู่สามคนนั่งคุยกันทุกคนแต่งชุดเหมือนกัน เป็นกางเกงขายาวเสื้อขาวคอปก ใส่สายรัดเอี๊ยมแบบดึงกางเกง ครั้งแรกก็ขำนะครับ เพราะข้างๆเค้าจะมีงานเปิดห้องสมุดรถไฟ คิดว่าย้อนยุค แต่พอหันกลับมาอีกทีชาย 3 คนก็ขึ้นไปนั่งบนต้นไม้สูงมากอีกคนนั่งข้างล่าง ผมงงว่าเขาขึ้นไปได้ไงเร็วมาก แต่แล้วพอมองไปอีกที เชื่อไหมครับ เขากระโดดลงมาแล้วอีกคนรับ รับไม่ทันตกลงมา แต่ยังวิ่งเล่นกันแต่ มันสูงมากๆบอกตรงๆ ผมกลัวมากตอนนั้นใจเต้น โทรหาแม่ แม่บอกว่าห้ามลงจากรถเด็ดขาด เพราะพวกวิญญาณแบบนี้จะหลอกให้คนลงไปตายเดี่ยว ถ้ามันทำให้ทั้งรถตาย มันจะไม่ไปผุดไปเกิดได้เลย และมันก็กลัวข้อนี้มากๆ ผมจึงกดแล้วเอนเบาะลงขอนอนต่อ -- ตกดึก ผมตื่นขึ้นมามีผู้ชายคนนึงถามว่าจะทานอะไรไหมครับครัวจะปิดแล้ว ผมก็แปลกใจนะครับ นี่รถชั้น2นะ ปรับอากาศชั้น 1 ยังไม่ถาม แต่ด้วยความหิวผมเลยบอกว่า อยากได้ข้าวผัดทะเลครับเด๋วผมตามไปที่ตู้เสบียงเองนะ เค้าบอกว่ามาๆครับรีบมานั่งถ้าเค้าปิดไฟจะเปิดยาก "ต้องใช้.....เปิด" อันนี้ผมจำไม่ได้แล้วครับว่าใช้อะไรขอโทษด้วย
มันเปิดยากถ้าไปนั่งแม่ครัวจะได้เปิดรอ ผมก็งงนะมันต่างตรงไหนกับการไปบอกว่าแม่ครัวเปิดไฟรอ กับการไปนั่งรอ ค่าเท่ากันไหม ผมเลยเดินไปเรื่อยๆตามเค้าไปแล้วจนถึงรอยต่อรถไฟ ดันเป็นตอนที่รถไฟ เข้าวงโค้งพอดี แต่ตอนนั้นงงมากรถทำไมวิ่งเร็วเสี่ยงตกรางมากนะครับ พอเข้าวงโค้งรถเหวี่ยง ไอพอดผมหล่น แต่ประตูปิดอยู่ก็ไม่ได้คิดอะไรเลยไปยืนตรงบันไดทางขึ้นแล้วเอาหลังพิงประตู พอก้มเก็บไอพอด ผมเห็นคนตัวดำปี๋เลยอยู่ตรงทางลอดประตูไกล้บันได เขาจับขาผมบีบแบบแน่นมาก ผมก้ทำอะไรไม่ได้ ร้องเสียงดังแต่ไม่มีใครได้ยิน ผมจับราวไว้แน่นอยู่แบบนั้นประมาณสักเกือบ 5 นาทีผมร้องเลยครับ ไม่มีใครได้ยินผมเลย แต่ทันใดนั้น พนักงานรถไฟคนหนึ่งเดินผ่านมาเค้าเห็นผม เค้าช่วยผมทัน พร้อมกับคำพูดที่ว่า "ไอ้หนุ่มรู้ไหม พี่หาตัวหนุ่มทั่วเลย ลูกพี่มากระซิบมาจะมีคนตาย แต่เราช่วยได้ เราอยากช่วย พี่ได้ยินเราตะโกนตั้งแต่ขบวนที่4 พี่เดินหา ดีนะเจอก่อน เรานี่ก็ใช่ย่อยนะ ไปทำอะไรมาหรือเปล่า " ผมเลยแบบ งง ทั้งเค้าและตัวเองตอนนั้นไม่มีสติ เขาพาผมไปนั่งห้องสเบียง แล้วกางเก้าอี้แบบนอนได้ให้ผมนอน แล้วบอกว่าเดี๋ยวผ่านข้างหน้าไปค่อยกลับไปที่เดิมนะ บริเวณจังหวัดนี้ มีแต่ของแรงๆทั้งนั้น ทั้งคนหล่นไปตาย ทั้งคนฆ่ากันตาย ข้างหน้าก็จะเป็นวัดบ้างสลับกันไปไม่มีที่เถื่อนๆแล้ว เอานี่ไปแล้วเก็บไว้ห้ามหาย พอกันภัยได้ อย่าลืมนะไอ้หนุ่ม เรามีคนข้างหลัง เราต้องสู้
       ผมโล่งไปเลยครับ พอถึงหัวลำโพงผมเข้าห้องน้ำ ก็มีคนมาเปิดของลับให้ผมดู ผมก็ถือว่าช่างเถอะความสุขเขาก็แค่ยิ้มเฉยๆคับ แต่แล้วเขาชวนผมเข้าห้องน้ำห้องหนึ่ง แต่เนื่องจากผมไม่ชอบอะไรแบบนี้จึงไม่ได้ตอบและไม่ได้ตาม แต่ด้วยความสงสัยคือเขาไม่ปิดประตู ผมเดินตามไปแอบมองเข้าไปในห้องพระเจ้า มีแต่ห้องเปล่าผมรีบเดินออกมาตอนนี้ขอแท็กซี่เลยแล้วกันรีบกลับห้องพักครับ พอถึงห้องพัก เจอแต่เรื่องบ้าบอ หลับเป็นตายเลย และขณะหลับ ผมก็สะดุ้งตื่นมา เพราะ ...............................

.............เพราะอะไรหรอครับ ตอนต่อไปจะมาไขคำตอบให้นะครับ รอนิดน้า

(พบกับเรื่องจริงตอนต่อไป "ตอนที่ 6 ตอน ย้อนรอยอดีตพินิจกรรม")
ขอบคุณสำหรับติดตาม ตอนต่อไปจะเริ่มเข้าสู่อดีตมากขึ้น ครับ


เรื่องจากพันทิป เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 5 ตอน รถไฟแห่งวิญญาณ)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne

เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 4 ตอน พ่อและลูกผู้ค้นหา)


     ซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" จากสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne จาก "ตอนที่ 1 ตอน เริ่มต้น"  , "ตอนที่ 2 ตอน เด็กชายผู้หวังดี", และ  "ตอนที่ 3 ตอน ชายแปลกหน้า" ดำเนินจนมาถึง "ตอนที่ 4 ตอน พ่อและลูกผู้ค้นหา" และโปรดติดตามต่อไปของซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ความเดิมตอนที่แล้ว ---> แต่ผมเจอคุณทวดผมที่เสียชีวิตแล้วเดินมาหาพร้อมกับคำว่า "ไม่ดูวันเวลาบ้างหรือไง ใครเค้าทำผมวันพุธ เดี๋ยวเถอะหัวจะกุด ท้ายจะเน่า กลับบ้านไป ไม่รู้อะไรซะแล้วนี่มันวันของผี เค้าไว้ให้ผีทำ ไม่ใช่คน"

--------------------------------------------------------------------------------------
---> เสนอเรื่องจริงตอน พ่อและลูกผู้ค้นหา
หลายเดือนผ่านไปผมไม่เจอ น้องคนนั้นอีกเลยและผมไม่ฝันถึงเรื่องราวประหลาดอีกเลยครับ นอกจากฝันว่าไปเดินเที่ยว ชมบ้านเรือนไทยโบราณครับและ ผมได้มาเล่าเรียนต่อ ระดับ ป.ตรี ที่มหาวิทยาลัยชื่อดังแห่งหนึ่ง ย่านสะพานใหม่ ระหว่างนั้นมีเหตุการหนึ่งซึ่งทำให้ผมต้องกลับ ตจว.ด่วน ผมได้อาศัยรถไฟ กลับบ้านเป็นประจำครับ ก็ใช้เวลา 12 ชั่วโมง ถึงบ้านแม่มารับที่สถานี พอถึงบ้านผมก็นะ คิดถึงเพื่อนซึ่งตอนกลางวันแน่นอนพ่อแม่ก็วุ่นวายกับงาน ผมก็เลยอาศัยเวลาที่ว่างไปบ้านเพื่อน ซึ่งเดินไปแค่ 2 นาทีก็ถึง บ้านเพื่อนผมเป็นบ้านริมคลอง 2 ชั้น + 1ชั้นลอย(ห้องใต้หลังคา) บรรยากาศร่มรื่นแต่ยังสร้างไม่เสร็จ เพราะความร่วมรื่นนี่แหละ ผมจึงเพลียมากๆบวกกับการเดินทางที่ไม่ได้นอนเลยเพราะอาศัยรถนั่งชั้น2 มาครับ เพื่อนผมชื่อ ส้ม ส้มออกมาต้อนรับอย่างดี เราพูดคุยกันทั้งเรื่องเก่าใหม่มีเรื่องอะไรก็เล่าๆ จนสัก  20 นาที ผมง่วงมากเลยชวนส้มไปนอนคุยในห้องซึ่งมีน้อง ชายของส้ม ชื่อสด นอนเล่นเกมส์อยู่ คุยไปคุยมาง่วงมากจึงขอนอนพักสักแปบผมก็นอนได้สักพักนึง ยังไม่หลับ ได้ยินเสียงลมพัดแรงคิดว่าฝนตกจึงเรียกส้ม เผื่อตากผ้าไว้แต่เดินออกไปก็ไม่มีฝนจึงนอนต่อครับ สักพัก มีเสียงเด็กน้อย วิ่งเล่นหัวเราะร่าเริงอยู่หน้าบ้าน พร้อมกับเสียงชายคนหนึ่ง เสียงนุ่มลึก ฟังแล้วสบายใจมากครับ "อย่าเล่นเสียงดังนะ แม่หลับอยู่ลูก" ผมก็งง ใครมาเลี้ยงลูกในบ้านคนอื่นก็ไม่ได้ใส่ใจ ตอนนั้นมือก็กดโทรศัพท์ แชท MSN ไปกับเพื่อน สักพัก ก็เหมือนมีลมเย็นเข้ามาในบ้าน มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในบ้านคนเดียว พร้อมกับนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆน้องสดซึ่งนั่งเล่นเกมส์อยู่แต่เหมือนไม่มีอะไรเลย ผมเลยทักทายเพราะคิดว่าพี่ของส้มที่ชื่อ เต๋า สวัสดีครับพี่เต๋า แต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ ผมก็พยายามมองให้เห็นหน้าก็มองไม่ชัด เริ่มมีกลิ่นไม่ดี ไม่รู้จะทำยังไง เลยปลุกส้ม ส้มๆๆๆ ตื่นเร้ววว ส้มกลับไม่ตื่นผมงงมาก  แล้วตะโกนเรียกสดๆๆพี่ส้มไม่ตื่นช่วยพี่ปลุกหน่อย แล้วสดก็หันมามองผมแต่ก็หันกลับไปเหมือนน้องเค้าแค่หูแว่วเลยครับ ท่าไม่ดีผมเลยถามว่า "ใคร" แล้วเขาก็เดินมานั่งทับหน้าอกผม พร้อมกับสนทนากับได้สักพักเลยครับ

ผม: คุณเป็นใครครับ เข้ามาที่นี่ได้ยังไงที่บ้านเพื่อนผมนะครับ
ชายแปลกหน้า: เงียบไว้เถอะ เราคิดถึงเธอมาก "ชุ...(จำได้แค่ "ชุ" แล้วมีเสียงชูว์ๆๆๆ เป็นเสียงลมกรอกหูไม่ได้ยินอีกเหมือนเซนเซอร์เลยครับ)" เราตามหาเธอมาหลายปี เธอหายไปไหนมา
ผม: คุณจำคนผิดแล้วครับผมชื่อ เอก นะครับ ไม่ใช่ ชุ
ชายแปลกหน้า: เธอจำเราไม่ได้หรอ เรารักกันมาก พี่พาลูกมาหาแล้ว "เราไปด้วยกันนะ" ครอบครัวเราจะได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
ผม: คุณจะบ้าหรอผมบอกว่าผมชื่อเอก ชุบ้าบออะไร คุณไปหาที่อื่นเถอะ
ชายแปลกหน้า: จำได้ไหม คุณเคยสาบานว่าเราจะรักกันตลอดไป จะไม่ทิ้งผมกับลูก แล้วคุณหนีไปไหน ผมไม่ยอมผมจะพาคุณไปให้ได้ ผมรักคุณผมมาตามคำสาบานแล้ว

ผม: ไม่เคยสาบานอะไรทั้งนั้น เราชื่อ เอก เอก เข้าใจไหม ถ้าคุณว่าเราชื่อชุจริงๆ บอกมาสิเราเป็นใคร?
ชายแปลกหน้า : ชุ.....จำไม่ได้หรอครับ เราหนีมาอยู่ด้วยกัน เรามีบ้านเรามีที่นา เรามีไร่ พ่อเศรษฐีของ ชุ...... ก็หาเราไม่เจอจำได้ไหมพี่ๆทั้ง .....ซื่อออ.......คน(สันนิษฐานว่า 4 คน ตรงไหนมีคำสำคัญจะเป็นเสียงลมเป่ากรอกหูหมดเลย) ก็ไม่ยอมหาเราเจอแล้วเราต้องหนีไปด้วยกัน ไปเถอะนะ เราพาลูกมาด้วย บ้านเราอยู่ฝั่งไกล้บางกอก นิดเดียว มีลำคลองมีตลาด เรามีเงินเบี้ยเก็บไว้ครั้งที่เราหนีมา ไม่รักเราแล้วหรอ เราเอารูปมาให้ดูด้วย
ผม: พระเจ้ารูปที่เราเห็นมีพ่อแม่(คนอื่น) และผู้ชายอีก 4 คน และหญิง1คนนั่งพับเพียบ เบลอหน้าหมดเลย เราจำหน้าไม่ได้รู้แค่ว่าชายคนนั้นบอกว่า เราเอง เราตกใจมากเราเลยรีบพูดต่อว่า ไม่รู้ว่าเธอต้องการอะไร ตอนนี้เราไม่ใช่คนนั้นแล้ว เราเกิดอีกชาติแล้วถ้าเราไปกับเธอคนข้างหลังเราจะเสียใจแค่ไหน เราขอร้องได้ไหม ตอนนี้เรากลัวมาก
ชายแปลกหน้า: เราไม่ได้อยากให้คุณไปด้วย ตอนนี้พี่ๆของคุณ รู้แล้วว่าคุณมาอยู่ที่เมืองทางใต้ ระวังตัวให้ดี นึกไม่ออก ให้ลองหาพี่น้องฆ่ากัน 5คนกับสมบัติอีกที่ยังไม่ปันส่วน เผื่อคุณจะจำได้ และนับจากนี้ เราต้องไปเฝ้าลูกเราสองคนที่บ้านของเรา เราจะออกมาแบบนี้อีกไม่ได้ จำไว้ นึกให้ดี คุ้มครองตัวเองอย่าให้ใครมาทำอะไรได้ เราช่วยอะไรไม่ได้เราขอแค่นี้

--- สักพักผมก็ตื่นขึ้นมา ส้มเขย่าตัวผมจนเกร็งเลย บอกว่าเป็นอะไร กูเรียกไม่ตื่น กูนึกว่าตายกูกลัว **แต่ผมก็ไม่ได้ตอบอะไรครับแค่บอกว่าทานยาแก้แพ้

-ผมพยายามค้นหาข่าวต่างๆเกี่ยวกับพวก ฆ่ากันพี่น้อง 4 คน ข่าวลูกเศรษฐี แย่งสมบัติจนทุกวันนี้ก็ไม่เจอ แต่ตอนต่อไปสามารถเฉลยได้โดยไม่ต้องค้นหา



(พบกับเรื่องจริงตอนต่อไป "ตอนที่ 5 ตอน รถไฟแห่งวิญญาณ")

เรื่องจากพันทิป เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 4 ตอน พ่อและลูกผู้ค้นหา)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne

28 ธ.ค. 2562

เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 3 ตอน ชายแปลกหน้า)


     ซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" จากสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne จาก "ตอนที่ 1 ตอน เริ่มต้น"  และ "ตอนที่ 2 ตอน เด็กชายผู้หวังดี" ดำเนินมาถึง "ตอนที่ 3 ตอน ชายแปลกหน้า" และโปรดติดตามต่อไปของซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

"พี่จงหลับตา พี่จะไม่เจ็บปวด " ผมตกลงพื้นถนน เอาแก้มขวาตัวเองครูดไปกับพื้นถนน ศรีษะชนขอบฟุตบาท แล้วผมก็สลบไปเลย ......."
--------------------------------------------------------------------------------------
---> เสนอเรื่องจริงตอน ชายแปลกหน้า
หลังจากที่ผมนอนพักฟื้นหลังจากถูกรถชนได้สัก 2 สัปดาห์แม่ก็ให้ผมนอนอยู่บ้านคนเดียว และไม่มีใครเฝ้าทุกๆเช้าผมจะได้ยินเสียงคนตำหมาก แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรคิดแบบว่าแม่ผมท่านก็ชอบทานหมากมากๆ แต่พอตอนกลางวันได้ยินเสียงตำหมาก ก็ไม่เคยคิดอะไรคิดแค่ว่าแม่คงกลับมาหาอะไรให้ผมทาน เชื่อไหมตอนผมพักฟื้น แม่ถามทุกวันว่าลูกอยากกินอะไรไหม และพ่อจะเป็นคนดูแลจัดการไปซื้อมาให้ มีครั้งหนึ่งที่ผมอยากกินปูม้านึ่งซึ่งบ้านเราก็เป็นจังหวัดหนึงที่ติดทะเล หาไม่ยากแต่วันนั้นหายากมาก เอาเป็นว่า พ่อขับรถเป็นร้อยกิโลเพื่อไปหามาให้ แต่พ่อจะเป็นคนขรึม ตอนเล็กๆผมนะเกลียดพ่อมากๆ พ่อตีผมทุกวัน ไม่พอใจพ่อก็ตี และแม่ก็ไม่เคยห้าม แต่พอโตแล้วก็รู้แล้วว่า ควรสำนึกบุญคุณพ่อแม่ ขอโทษนะครับ ที่คิดไม่ดี ถ้าไม่ตีทุกวันนี้ผมคงไม่ได้อยู่ดีมีสุขดูแลพ่อแม่ได้ดีเหมือนทุกวันนี้

อะ ดราม่าพอสมควรแล้วนะครับ เรามาเข้าเรื่องต่อเลยดีกว่า หลังจากตอนบ่ายผมทานปูม้าเสร็จผมก็นอนเผลอหลับไป สักพักสะดุ้งตื่นพ่อกับแม่กลับมาจากขายของ กำลังยกเก็บของเข้าบ้าน สักพักมีชายหนุ่มรูปงาม บอกว่าจะมารับผมไปเที่ยว ผมดีใจมากเพราะเบื่อบ้านมากๆในตอนนั้นไม่คิดอะไรครับ เดินตามออกไปทางหลังบ้านแล้วเดินเข้าไปบ้านหลังหนึ่งบ้านหลังนั้น สวยงามมากสองชั้นชายคนนั้นบอกให้ผมเดินขึ้นไปชั้นสองเราจะไปด้วยกันผมเดินตามขึ้นไป ชายคนนั้นพาผมเหาะลอยไปพร้อมกับบอกว่า "ต่อไปนี้ จะสุขสบายไม่เจ็บไม่ป่วยไม่ไข้ อีกแล้ว ลำบากมามากแล้วนะ ไปกับเราดีกว่า เราจะพาไปแต่งงาน ได้อยู่ด้วยกัน" ในฝันคือเขาจะพาผมไปแต่งงาน ระหว่างทางเขาพาผมแวะร้านเสริมสวยแต่พอลงปุ้บ กลับเป้นร้านเสริมสวยที่ป้าผมเปิด แต่ผมเจอคุณทวดผมที่เสียชีวิตแล้วเดินมาหาพร้อมกับคำว่า "ไม่ดูวันเวลาบ้างหรือไง ใครเค้าทำผมวันพุธ เดี๋ยวเถอะหัวจะกุด ท้ายจะเน่า กลับบ้านไป ไม่รู้อะไรซะแล้วเค้าไว้ให้ผี ไม่ใช่คน" ผมได้ยินอย่างนั้นจึงบอกให้เขาพากลับบ้าน แต่เขาบอกจะพาไปอีกร้านไม่ต้องห่วง ตอนนั้นผมเริ่มกลัว กลัวเพราะทวดผมเสียได้ปีกว่าแล้ว แต่แล้วเขาก็พาผมลอยตัวมาลงที่ภูเขาลูกหนึ่ง เก่าๆร้างๆ พาผมเข้าไป ผมดีใจมากในเขามีงานเหมือนเลี้ยงต้อนรับเรา ทุกคนใส่สูทเรียบร้อยมากนั่งทานกับข้าวเฮฮาสุดๆหัวเราะมีความสุข แต่เราก็ยังงงๆเลยลองเดินขึ้นไปเรื่อยๆคือข้างนอกเป็นเขาแต่ข้างในเป็นห้องๆมีทางลาดเดินขึ้นไป พอไปถึงชั้นบนสุดเราหันซ้ายหันขวาก็ปกติไม่มีอะไร แต่แล้วเราดันเหลือบไปเห็นเงาชายที่พาเรามาในกระจก ตัวดำปี๋ ตาแดงกล่ำพร้อมกับเสื้อผ้าไม่ใส่เราตกใจมากแต่ก็ไม่ทึกทัก เหมือนเขาก็ยังไม่รู้ตัวว่าเราเห็นอะไร ระหว่างนั้นเลยกลั้นใจ แล้วนึกในใจว่า ถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ มีจริงได้โปรดช่วยเหลือลูกด้วยตอนนี้ลูกไม่รู้อยู่ที่ไหน ทำผิดอะไรหรือเปล่า หรือกำลังโดนใครลงโทษอะไรหรือเปล่า ก็ไม่รู้เลย ได้โปรดให้ผมได้เห็นสิ่งที่เป็นจริง ช่วยให้ผมได้เห็นความจริงเพราะผมรู้แล้วตอนนี้เป็นภาพลวงตา พอพูดจบสักพัก เพื่อนผมที่ชื่อ สุ (เพื่อนสมัยเรียนป.3) สุเดินมาหาเราเรากลัวมากแต่ก็เงียบเอาไว้เพราะชายคนนั้นหันหลังอยู่ ระหว่างนั้นเราจึงหันไปหาสุ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด สุ จมน้ำตายตั้งแต่ ป.3 * สุทักเราก่อนด้วยคำว่า

สุ: แกมาที่นี่ทำไม รู้ไหมมันไม่ใช่ที่ของแก
ผม: เราจะแต่งงานไม่ดีตรงไหนคนมาเยอะแยะเรากลัวเขาเสียหน้า
สุ: แกแกมองหน้าเรา มองตาเรา เสร็จแล้วหันไปมองงานข้างล่างผ่านช่องว่างตรงนั้นเลย ห้ามช้านะเราไม่มีเวลา
ผม: หลังจากที่ผมทำตาม ไม่นะ ข้างล่างมีแต่คนที่กำลังดิ้นรนเอาชีวิตรอด ผมตกใจมากหันมามองชายที่พาผมมา.....

......หันไปมองชายที่พาผมมาหน้าตาน่ากลัวมากๆ เขาหันไปเห็นสุเพื่อนผม ทันใดนั้นเค้าถอดสร้อยที่พาดบ่าของเขา ฟาดไปที่สุ สุแตกกระจายหายไป ผมเลยรู้แล้วว่าที่นี่ไม่ใช่ที่ผมจริงๆ ผมวิ่งลงมาจากชั้นบน วิ่งหนีสุดชีวิต ชายคนนั้นก็มองลงมาพร้อมกับ มีคนวิ่งตามมา เยอะแยะไปหมด ผมวิ่งมาเรื่อยๆจนเจอทางเดินมีคนเดินเต็มไปหมดเลยแต่ตอนนั้นผมไม่สนใจ วิ่งๆอย่างเดียว แล้วมาหยุดตรงที่หน้าผา ตอนนั้นผมคิดแล้วว่าผมต้องตายแน่ๆ แต่ทันใดนั้นผมได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผมเป็นภาษาใต้ที่คุ้นเคยมากๆด้านหลัง "เอกจะไปไหน เอกหยุดตรงนั้นก่อน เอกมาหาน้าเดี๋ยวนี้" นั่นคือเสียงน้าของผมที่เสียชีวิตไปเมื่อสองปีก่อนด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว ผมวิ่งไปหาเค้า เค้าอยู่บนเกวียนแบบโบราณมากๆ ล้อไม้แต่ไม่แตะพื้นลอยมาจากไหนไม่รู้ แต่มีประกายสว่างทั้งคัน ผมกำลังวิ่งไปหาเค้า แต่ชายเค้านั้น มาขวางพร้อมหันไปด่าน้าผมว่า "อย่ายิ้มกลับไปที่ของตัวเอง" น่าผมไม่รอช้า จับโซ่สีทองแล้วฟาดมัดตัวผม พาผมเหาะลอยไปพร้อมกับเกวียนของเขา แล้วพาผมมาส่งที่ไหนไม่รู้พร้อมบอกแค่ว่า บ้านน้องอยู่ข้างล่างปล่อยตัวลงไปช้าๆแล้วจะกลับบ้านได้โดยไม่มีใครทำอะไรเราได้ ผมได้กอดน้าผม น้าบอกว่าคิดถึงแม่มาก น้าเสียใจน้าเห็นหมดทุกอย่าง ตอนแม่ร้องไห้ แม่ทำให้น้าดีทุกอย่าง ตอนนี้น้าสบายแล้วบอกแม่นะว่า คิดถึงรักพี่สาวคนนี้มากๆ พูดจบน้าบอกให้รีบกระโดดลงไป ผมจึงกระโดด เชื่อไหมเหมือนในหนังที่มีการกระโดดร่มเลยครับ ลอยลงมาเรื่อยๆผมเห็นตัวเองนอนเลือดไหลอยู่ตรงแผลบนใบหน้า ตอนนั้นอยู่ดีๆผมก็ ว๊าป แล้วก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย
-----แม่มาปลุกผม พร้อมกับบอกว่า ปลุกไม่ตื่นเลยนอนมาทั้งวันแล้วนะ นี่ถ้าไม่คิดว่ากินยาที่หมอให้แล้วจะนอนหลับดีขนาดนี้แม่คงคิดว่าลูกตายแล้ว แค่นั้นแหละผมจึงรู้ว่าเหตุการณ์นั้นไม่ได้เป็นแค่ฝัน เพราะมันเกิดขึ้นจริง ในมโนภาพและความรู้สึกของผม ผมเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็แอบร้องไห้เพราะน้องชายคนนี้แม่รักมากๆ แถมครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่แม่เชื่อผมสนิทใจว่าผมไม่ได้โกหก

ขอบคุณสำหรับติดตาม ตอนต่อไปจะเริ่มเข้าสู่อดีตมากขึ้น ครับ

(พบกับเรื่องจริงตอนต่อไป "ตอนที่ 4 ตอน พ่อและลูกผู้ค้นหา")

เรื่องจากพันทิป เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 3 ตอน ชายแปลกหน้า)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne

เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 2 ตอน เด็กชายผู้หวังดี)


      ซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" จากสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne จาก "ตอนที่ 1 ตอน เริ่มต้น" ดำเนินมาถึง "ตอนที่ 2 ตอน เด็กชายผู้หวังดี" และโปรดติดตามต่อไปของซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

"นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า กลับไปซะ ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าได้ เราไม่โกรธแต่เราอยากให้เจ้ารีบกลับไป" น้ำเสียงแบบเคร่งขึมแต่ ดูแบบมีน้ำใจ ผมจึงแอบมองท่านคนนั้นในกระจก

---> เสนอเรื่องจริงตอน เด็กชายผู้หวังดี
หลังจากผมตื่นนอน ผมก็แปลกๆ ใจแต่หลังจากวันนั้น ผมก็มีอาการเดิมๆผมฝันว่าได้ไปที่นั่นบ่อยๆ แต่ครั้งล่าสุดที่ผมฝันนะครับ ผมฝันว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งให้ผมกำอะไรไว้ในมือ แต่ผมมองไม่เห็นความรู้สึกตอนนั้นคือผมเหมือนสัมผัสอะไรบ้างอย่าง ระหว่างนั้น "ตื่นๆๆๆได้แล้ว สายแล้วไม่ไปเรียนกันรึไงว่ะ" คุณแม่ก็ดันโทรมาปลุกเสียก่อน ผมจึงได้อาบน้ำแต่งตัวไปเรียน แล้วตอนเย็นจึงมีข่าวออกมาว่า เกิด สึนามิที่ตามชายฝั่ง อันดามันในไทย คนตายเป็นแสนคนแต่นั่นไม่ใช่ประเด็นครับ มันอยู่ที่ขณะนั้นผมอยู่บนตึกที่สูงแห่งหนึ่ง ระหว่างที่ยืนอยู่นั้น มีแหวนทองเหลือง พร้อมกับพลอยสีสดเม็ดใหญ่ตกลงมาจากไหนไม่รู้ ด้วยความที่มองแล้วไม่มีใครผมจึงเก็บไว้ก่อน (ใจจริงยินดีคืนนะครับ) หลังจากเก็บแหวนไว้ ผมก็เดินเข้าบ้าน ความรู้สึกของผมตอนนั้นมันหวิวแต่ไม่ได้คิดอะไร เดินไปที่เตียงนอน สักพักก็เอนตัวลงนอนดูรูปถ่ายในโทรศัพท์ ก็เผลอหลับ ระหว่างที่หลับฝันว่า ตัวเองเห็นตัวเราเองนอนกับเตียง และก็มีพ่อแม่เก็บของเข้าบ้าน เรางงมากพ่อแม่ไม่ได้ยินเราเลยเดินไปเรื่อยๆพอกำลังจะออกประตูบ้าน มีเสียงเด็กคนนึงเรียก "พี่ครับ อย่าออกไปพี่ยังไม่แข็งแรง ระวังจะมีคนทำร้ายนะครับ" ผมหันกลับมาเป็นเด็ก น่ารัก ตัวนิดเดียวเหมือนพวกคนแคระ แต่ตาสีแดง หน้าตาเป็นเนื้อคนที่แตะระแหงเหมือนดินเผา ผมจึงร้องดังลั่น เพราะรู้แน่นอนว่าไม่ใช่คน ผมจึงบอกว่าอย่าทำอะไรผมเลย เด็กน้อยคนนั้นยิ้มแล้วบอกว่า ชู่ว์ๆๆๆๆ พี่เงียบ พี่รู้ไหม ชีวิตข้าลำบากมากมีคนแกล้งข้าเอาข้ามาฝังไว้แล้วให้ข้าอยู่กับแหวนวงหนึ่ง ข้าปวดข้าเจ็บข้าทนมานานมาก ข้าไปเจอพระองค์หนึ่งพระบอกว่าข้าต้องเดินมาทางใต้แล้วข้าจะเจอคู่บุญปลดปล่อยได้ ถ้าพี่อยากให้งานข้าพี่ก็แค่เก็บมันไว้ แต่ถ้าพี่อยากให้ข้าจากไปให้พี่ทำลายมันทิ้ง แต่ห้ามให้ใคร
-- สักพักผมก็ตื่นผมงงกับฝันมากๆหันมาเห็นในมือยังกำแหวนที่ตัวเองเก็บมาได้เอาไว้ ด้วยความอยากลอง จึงลองถอดนั่นๆนี่ๆดู จริงด้วยถ้าเอาแว่นขยายส่องพลอยเข้าไปจะเจอรอยสลักอะไรไม่รู้ ผมก็งัดแงะออกมาเสร็จก็เอาน้ำมันก๊าซราดแล้วจุดไฟ ทำหลายครั้ง หว่าจะไหม้หมด แล้วหลังจากวันนั้นมันก็ทำให้ผมมีอาการแปลกขึ้นฝันถึงเด็กทุกคืนเด็กพาไปเที่ยว ไปหลายที่มากเลย จนเราเลิกกลัวผี สักระยะหนึ่ง แล้วเขาก็หายไป
    ในวันที่เขาหายไป แม่ไปวัดกับผมไปหาพระชื่อดังแถวเมืองตรัง พอเข้าวัดกันไปกัน2คน พระถามแม่ว่า"ไม่ให้เขาเข้ามาด้วยละ เข้ามาสิ" เราแม่ลูกตกใจมาก ผมจึงเล่าให้ฟัง แม่ก็ค่อนข้างไม่เชื่อ แต่พระบอกว่าเค้ามาดี เค้าอยากเป็นลูกด้วยซ้ำติดที่ว่าผู้มอบบุญได้ปลดปล่อยเข้าไปแล้วอยากให้เขาไปในภพภูมิดี ดีกว่าให้เขาต้องอยู่ชดใช้กรรมที่เขาไม่ได้ก่อนานเกินไป พรุ่งนี้ให้โยมและลูกนำเทียนมาจุดหน้าบ้านพร้อมเรียกชื่อเข้า ถ้าไม่รู้ชื่อให้บอกเขาว่าเขาชื่ออะไรแล้วเขาจะจำชื่อนั้นจนกว่าจะหมดจิต
   ถึงบ้านแม่เริ่มทำตามที่พระบอก สักพักมีลมพัดแรงมากๆ แล้วก็กลับสู่ปกติ เมื่อทำพิธีเสร็จผมจึงขออนุญาติแม่ไปตลาดไปเอารูปถ่ายทำโครงงานที่เอาไปล้างง ระหว่างทางผมเห็นผู้หญิงกวักรถแต่เพื่อนผมคนขับไม่เห็นและเงียบผมทักเขาก็ไม่ตอบ พอผ่านทางโค้งมาใจเราเริ่มหวั่นแล้วสักพักรถปิ้คอัพขับมาด้วยความเร็ว ผมรู้แล้วว่าผมไม่รอดแน่ พอรถชน  โครม!!!! ผมกระเด็นลอย ระหว่างนั้นมีเสียงก้องในหูว่า "พี่จงหลับตา พี่จะไม่เจ็บปวด " ผมตกลงพื้นถนน เอาแก้มขวาตัวเองครูดไปกับพื้นถนน ศรีษะชนขอบฟุตบาท แล้วผมก็สลบไปเลย .......

ระหว่างที่ผมสลบ มีเหตุการณ์หนึ่งซึ่ง ผมเชื่อแน่นอนว่าป้าไม่โกหก ป้าที่บ้านอยู่แถวนั้นจะเป็นคนดีมาก เป็นคุณครูเก่าที่เคยได้รับรางวัลต่างๆในทางดีๆมากมายแถมไม่สนใจรางวัลที่มีแต่ชื่อเสียง เป็นคนธรรมะ ถือศีลและเป็นมังสวิรัตด้วย ป้าบอกว่า "ชนดังมากรถกระบะยุบเลย แถมหนีอีกตั่งหาก ป้าก็รีบหานะว่าไครเจ็บใครตายบ้าง หาไม่เจอ แต่ดีนะคู่แฝดของลูกที่มาด้วยกัน มาตามป้าไปหาลูกแถมอุ้มให้อีกด้วย นี่แหละพี่น้องกันมันก็รักกันอย่างนี้" สิ้นคำป้าผมตกใจมาก ป้าครับผมไม่มีแฝด

ตื่นมาผมอยู่โรงพยาบาล แม่บอกแม่กำลังกินข้าวอยู่ แม่ร้องไห้ไปด้วยผมเจ็บมากตอนนั้น แต่ผมสงสารพ่อแม่มายืนมาเฝ้า กลัวผมเจ็บ ผมแอบร้องไห้ตลอดอยากให้เขารู้ว่าผมปลอดภัยไม่ต้องเป็นห่วง แต่ก่อนหน้านี้เหตุการต่างๆผมจำไม่ได้เลย จนป้าคนที่เห็นเหตุการเล่าให้ฟัง

นับจากวันนั้นผมก็ไม่เจอเขาอีกเลย ผมหวังว่าเขาคงโชคดีไปดีแล้ว ผมขอให้เป็นอย่างนั้น
****แต่เหตุการต่อจากนี้ กลับมีอะไรแปลกใหม่กว่านั้น รับรองว่าเป็นเรื่องจริงเหมือนเดิม ไม่ผิดหวังครับ

(พบกับเรื่องจริงตอนต่อไป "ตอนที่3 ตอน ชายแปลกหน้า")

เรื่องจากพันทิป เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 2 ตอน เด็กชายผู้หวังดี)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne

27 ธ.ค. 2562

เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 1 ตอน เริ่มต้น)


     เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง จากสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne และติดตามต่อไปของซีรีย์ "เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง" ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

ผมมีความฝันและเรื่องลึกลับที่เกิดกับตัวผมเองมาแบ่งปันครับ ยืนยันว่าผมเคยเจอแบบนี้จริง
แต่ก่อนอื่นผมต้องบอกก่อนว่าตั้งแต่ผมอายุ 10 ขวบ จนถึง 23 ปี ผมฝันติดต่อกัน จนผมเลิกกลัวสิ่งเร้นลับไปเลย
วันนี้จึงขอเสนอ  เรื่องเริ่มต้นก่อนที่ผมจะเห็นอะไรแปลกๆและเหตุการณ์ต่างๆครับ

เรื่องจริง ไม่ได้แต่งขึ้นครับ

เมื่อผมอายุ 10 ขวบผมอาศัยอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดกับครอบครัว มีพ่อแม่และน้องสาวเป็นบ้านเช่า ชั้นเดียว ไม่มีห้องนอนเราก็ใช้ชีวิตกันปกติสุขครับ พ่อและแม่ก็มีอาชีพขายของทั่วไป วันหนึ่งผมกำลังเข้านอนครับ แม่จะกั้นห้องให้ผมนอนคนเดียวเพราะแม่อยากให้ผมโตได้แล้ว จึงซื้อม่านแล้วขึงลวดมากั้น พอปิดไฟก็เหมือนแยกโลกอีกใบสำหรับผมตอนนั้น ขณะหลับผมฝันว่าผมไปเดินในสวนที่สวยงามมาก มีดอกไม้ต้นไม้ผมเดินไปเรื่อยในความฝันนะครับมีคนแต่งชุดไทยโบราณ เสื้อผ้าแบบว่าละครจักรๆวงศ์ๆเลยครับ จนผมเดินเข้าไปมีวังข้างหน้าคือในใจไม่ได้คิดอะไรเลยเดินตรงเข้าไป มีห้องนอนห้องหนึ่งน่าจะไว้สำหรับชั้นสูงครับสวยงามมากแต่ในความฝันมีคนให้ผมขึ้นไปนอนบนเตียง ก็เลยหันไปมองทางขวาเห็นผู้ชายใส่ชุดพระราชา เดินเขามาแต่เห็นไม่ชัดจนเข้ามายืนข้างเตียงแล้วนั่งลงข้างๆที่ผมนอนครับ ผู้ชายคนนั้นถามผมว่ามาทำอะไร ผมรีบขอโทษใหญ่เลยครับที่ผมทะเล่อทะล่าเข้ามาโดยไม่ขออนุญาติ ชายคนนั้นหันข้างมาช้าๆแล้วเอามือแตะตรงอกผมแล้วพูดว่า "นี่ไม่ใช่ที่ของเจ้า กลับไปซะ ไม่มีใครว่าอะไรเจ้าได้ เราไม่โกรธแต่เราอยากให้เจ้ารีบกลับไป" น้ำเสียงแบบเคร่งขึมแต่ ดูแบบมีน้ำใจ ผมจึงแอบมองท่านคนนั้นในกระจก เหมือนเสด็จพ่อ รัชกาลที่5มาก มีหนวดเหมือนมากๆตกใจครับ ในฝันคิดว่านี่เรามานอนห้องพระราชา เราต้องโดนลงโทษแน่ๆ แต่สุดท้ายชายคนนั้นให้เราเดินตามไปจนสุดประตูพาเราขึ้นรถเกวียนมีป้ายทะเบียนด้วย 5314 แต่จู่ๆก็มีไฟลุกที่และ314 เราตกใจมากแล้วเราก็ตื่นมา "โถ่นี่ฝันไปเหรอ" ฝันได้บ้าบอมาก เราจึงลุกไปเข้าห้องน้ำ เราได้ยินเสียงเหมือนมีเกวียนลากเหมือนในฝันมาก เราจึงไปเล่าให้แม่ฟัง แม่ก็ขำเล็กน้อย สงสัยเราจะดูสารคดีตามรอยพ่อ บ่อย แต่พอบอกเห็นเลขนี่นั่งฟังกันใหญ่เลย ตอนนั้นก็ซื้อ 3 ตัวนะครับ ถูกด้วย ตื่นเต้นมาก ที่ภูมิใจในตัวเองคือ ถึงแม้จะเป็นฝัน ก็ถือว่ามีบุญมากที่ได้กราบได้คุยกับท่านครับ
แต่นี่คือฝันดีและเรื่องราวดีๆที่เจอมา และนี่คือจุดเริ่มต้นของทั้งหมดครับ

(พบกับเรื่องจริงตอนต่อไป "ตอนที่2 ตอนเด็กชายผู้หวังดี")

เรื่องจากพันทิป เรื่องเร้นลับ จากเรื่องจริง (ตอนที่ 1 ตอน เริ่มต้น)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม Balletbonne


อยู่กับผี3คืน ที่ไต้หวัน


     ประสบการณ์สยองจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 2147556 ที่อยู่กับผี3คืนที่ต่างประเทศ ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีครับ เป็นกระทู้แรกที่เล่าเรื่องผี
ต้องขออภัยหากมีการพิมพ์อักษรผิด หรือตกหลนเพราะพิมพ์ในมือถือครับ
และขออภัยถ้าบางคำ หรือช่วงประสบการณ์ที่เล่าไม่เหมาะสม

ทุกคนอาจเคยเดินทางคนเดียว เที่ยวคนเดียวใช่ไหม คิดว่ามีนสนุกอิสระเสรี ใช่ครับมันสนุกและอิสระมาก
แต่ว่ามันแค่ช่วงกลางวันเพียงเท่านั้นแหละ ตอนกลางคืนนี้สิคือจุดวัดดวงกันทีเดียว

ผมมีโอกาสไปไปไต้หวันปลายเดือนพฤษภาคม ไปคนเดียว วางแผนเองทุกอย่าง วันแรกผมถึงไต้หวัน5โมงเย็น
เดินทางเข้าเมืองมาถึงโรงแรม6โมงเย็น ทำการเช็คอิน ขึ้นลิฟต์ไปชั้น5 มองหาป้ายบอกหมายเลขห้อง ผมมองหาไม่เจอ
มันมีป้าย 501-510 ถัดมา 511-520 และสุดท้าย 531-535 ซึ่งป้ายและช่วง 521-530 หายไป ผมเลยเดินมั่ววนหาเลยครับ
ก็เลยถอยกลับมาตั้งหลักหน้าลิฟต์ใหม่ คราวนี้ไล่หาที่ละช่วง ก็เจอครับ ป้าย521-530. ทำไมผมไม่เห็นทีแรก
หรือผมเหนื่อยจากการเดินทาง?

ผมเลยเดินไปห้องตัวเอง 523 ห้องสุดท้าย และเป็นห้องใหญ่สุด เป็นห้องฉุกเฉินทางออกหนีไฟด้วย 😑
ผมเอาคีย์การ์ดแตะ เปิดประตูเข้าไป แอร์นี้เย็นวาบมาเลน มีลมพุงออกมาใส่หน้าเบาๆ ฟูฟู
ห้องผมเป็นเหมือนตัว L ทางเข้ามาจะเจอโต๊ะเขียนหนังสือ วางกาน้ำร้อนตู้เย็น ตรงไปเป็นห้องน้ำ
เลี้ยวขวามาเป็นเตียงนอน ผมยืนกลางห้องซักพัก ก็ปิดม่าน เปิดกระเป๋าเตรียมพวกของใช้ต่างๆ
จู่ๆก็รู้สึกมีคนอยู่ในห้องด้วยตรงโซนโต๊ะเขียนหนังสือ แถมขนก็ลุก

ตอนนั้นคิดว่าเราอาจแค่เหนื่อยไม่มีอะไรหรอก ผมเลยปลุกใจตัวเองด้วยการ หัวเราะและกระโดด
ขึ้นทิ้งตัวลงไปนอนเด้งบนเตียง ไลฟสดหาเพื่อน ตอนนั้นอาการกลัวก็หายไปแล้ว เวลาตอนนั้น1ทุ่ม
ผมเลยออกไปหาอะไรทาน และเริ่มไปไหว้พระตอนกลางคืนกับเที่ยวตลาดกลางคืน. กลับมาอีกที่ห้อง
ตอน4ทุ่มครึ่ง ตอนนั้นเหนื่อยมาก หนักหน้ามาก  ก็เลยถอดเสื้อผ้าอาบน้ำเลย

ผมก็เลยเปิดทีวี ไม่ให้ห้องมันเงียบ เปิดเสียงไม่ดังครับ  ส่วนช่องก็จำไม่ได้ว่าช่องอะไร เป็นรายการที่
พูดภาษาจีนหมด พอผมอาบน้ำใกล้เสร็จ เสียงทีวีมันหายๆ ติดๆ เวลามันติดมันเหมือนไปติดอีกช่อง
เหมือนมีคนกดเปลี่ยนช่องเรื่อยๆ ตอนนั้นผมก็คิดว่าสัญญาณอาจติดๆดับๆป่าว. อาบน้ำเสร็จผมก็ออกมาเช็ดตัว
แต่งตัวแล้วกลับไปห้องน้ำอีกรอบเพื่อส่องกระจกทาครีม ตอนที่กำลังนวดหน้าทาครีม ทีวีเสียงมันดังขึ้นครับ
ดังแบบเร่งเสียงขึ้นทีล่ะขีดจนดังมาก  ผมเลยออกมาเบาเสียง. แต่พอเบาแล้วผมรำคาญก็เลยปิดมันซะเลย

ผมนั่งลงอ่านแผนการเดินทางวันพรุ่งนี้ จู่ๆเสียงประตูมีคนทุบปึ้งๆ มีเสียงคนตะโกนเข้ามาแบบอารมณ์เสีย
ผมก็คิดว่า ข้างห้องจะมาว่าเราเรื่องทีวีเสียงดังหรอ  จังหวะที่ผมกำลังเดินไปที่ประตู เสียงทุบยังดัง เสียงคนพูด
ก็นังดังครับ ผมเลยส่องดูที่ตาแมวตรงประตู พบว่า...........

ภายนอกห้องกลับเป็นสิ่งที่ว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลย เพื่อความขัวร์ผมก็เปิดประตูชะโงกหน้าไปดูอีกรอบ แล้วก็มีอาเจ๊คนนึงเปิดห้องมาเหมือนมองๆดู ถามว่าเกิดอะไรขึ้นมีอะไร ได้ยินเหมือนมีคนทะเลาะแถวนี้ ผมก็งงๆ อาเจ๊ก็ได้ยินด้วยหรอ แต่มันเป็นไปไม่ได้ทีว่าจะหายไปทันที่ ที่ผมส่องดู

ด้วยความกังวลผมเลยส่งข้อความไปให้ไลน์ของโรงแรมแจ้งปัญหาที่เกิด เขาก็ตอบกลับมาว่าจะตรวจดูให้ครับ ขอให้สบายใจและพักผ่อนให้สบาย ซึ่งทางโรงแรมก็ส่งเจ้าหน้าที่มาเดินๆดูอยู่พักนึง หน้าห้องผมหัวมุมก็มีกล้องวงจรอยู่ ถ้ามีคนทำพิเรนทร์ก็น่าจะจับได้แหละ

ผมเดินกลับมานอนต่อ และก็ตื่นขึ้นมาอีกรอบ ใจมันหวิวๆแปลกที่ เลยขอเปิดไฟตรงประตูทางเข้าห้องดวงนึง แสงมันก็สาดมาเล็กน้อยพอให้ผมอุ่นใจบ้าง แต่พอผมจะกลับ ผมรู้สึกเหมือนมีคนเดินไปมาซ้ายขวาที่เตียง รอบๆเตียงนอน พอผมลืมตาความรู้สึกนั้นมันก็หายไป

ตอนนั้นรู้สึกกลัวหน่อยๆแล้ว ผมเลยพยายามหลับต่ออีกรอบนึง ทีนี้เคลิ้มๆจะหลับ คือผมนอนตะแคงหน้าหันไปทางที่จะเดินไปทางเข้าห้อง ซึ่งแสงไฟมันสาดออกมา ผมเห็นเป็นเงาคนจากที่ยืนกระทบแสงไฟครับ สะดุ้งตื่นอีกรอบสิคราวนี้ ผมเดินไปดูก็ไม่มีอะไร ผมเลยปิดไฟดวงนั้น แล้วมาเปิดไฟหน้าห้องน้ำ ถึงแสงมันจะสาดมากกว่าเดิมก็ดีกว่าหลอนแบบเมื่อกี้

ผมอุ่นใจขึ้น เคลิ้มจะหลับ ได้ยินเสียง แก๊รกๆ เสียงเปิดประตูและปิด มีคนเข้ามาในห้องผมครับ ใครอ่ะ แม่บ้านหรอ จะเที่ยงคืนครึ่งแล้วมั้ง เข้ามาทำไมอ่ะ เสียงปิดประตูปัง แล้วมีเสียงคนเดิน ตึก...ตึก...ตึก... บริเวณทางเข้าตรงโต๊ะเขียนหนังสือ. ผมสะดุ้งขึ้นอีกรอบ และลุกไปดู เป็นใครผมไม่สน จะซัดให้อ่วม!!!

สิ่งที่ผมพบคือ......

ว่าเปล่าอีกแล้ว !!!!!!!!!

OMG !!!!  ง่วง เหนื่อย ปวดหัว อยากหลับแต่เจอแบบนี้ก็ไม่ไหวนะ  เปิดกระเป๋าหยิบยาแก้แพ้อากาศกิน 1 เม็ด จะได้หลับสนิท
แต่ไม่ใช่แบบนั้น หลังจากกลับมานอนต่อ ผมเคลิ้มๆกึ่งจะหลับแล้ว  คราวนี้มีคนโผล่หน้ามาจากหัวมุมทางเดินครับ!!!!!!

เห็นแบบยังไม่ชัด แต่แปปเดียวกลับชัดแจ๋ว เหมือนสมองสั่งการให้ตื่น  แล้วคนที่โผล่หน้ามาก็ค่อยเดินออกมา จนเห็นชัดเจน
เป็นเด็กอายุ 14-15 ไม่แน่ใจว่าเด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย ซอยผมสั้นๆไว้หน้าม้า  ความรู้สึกตอนนั้นคือ งง กับสิ่งที่เห็น เด็กคนนั้นเป็นใคร?
เข้ามาทำไม? ต้องการอะไร?  หลังจากเด็กคนนั้นยืนปรากฏตัวให้เห็น เขาก็ค่อยๆเดินเข้ามาที่เตียง ยืนมองผม ระยะห่างกัน 1 เมตร
เด็กคนนั้นยิ้มให้ มีเสียงปนหัวเราะคิกๆ แต่ฟังแล้วเยือกเย็นชวนขนลุก  จากรอยยิ้มน่ารัก กลายเป็นรอยยิ้มน่าสยองทันที

เพราะปากเด็กคนนั้นยิ้มจนปากฉีกไปถึงใบหู ดวงตาโปนออกมา ณ ตอนนั้นช๊อกเบาๆครับ ตั้งสติได้ รู้แล้วว่าผีหลอก!!!
ใครหลายๆคนเจอแบบนี้อาจสวดมนต์ ร้องไห้หลับตา หรือแสดงอาการ  แต่!!ผมไม่ใช่ครับ หลังจากตั้งสติแน่ใจแล้วว่าผี แถมมาแนวนี้
ก็เลยจ้องตามันคืนครับ  ทำหน้านิ่งๆ แต่ในใจก็หวั่นๆ และง่วงมาก เพลียมาก ผีนี้ก็ไม่หุบยิ้มซะที มันยืนยิ้มแบบนั้นซะพัก มันก็เดินถอยหลัง
กลับไปตรงโซนโต๊ะเขียนหนังสือ แถมชะโงกหน้ามามองด้วยรอยยิ้มสยองอีกครั้งส่งท้าย

ผมลุกขึ้นจากเตียง บ่นขึ้น  เล่นกับใครไม่เล่น ไอ้ผีส้นเท้านิสัยเฬว ผมหยิบกระเป๋าเป้ที่หัวนอน หยิบเหรียญท้าวเวสสุวรรณ ซึ่งผมได้มาจากวัดดัง
แถวอัมพวา ผมนำขึ้นมาใส่ในมือ ท่องคาถาบูชาท่าน แล้วพูดในห้องเป็นภาษาอังกฤษ (ผมว่าผีน่าจะฟังออก ) ใจความแปลเป็นไทยก็ประมาณนี้ครับ
สามารถนำไปใช้ได้ครับ

ข้าพเจ้า ชื่อ....นามสกุล.... ขอทวงสิทธิ์การเป็นเจ้าของห้องนี้และสิ่งของต่างๆในห้องนี้ เนื่องจากข้าพเจ้าได้ทำการชำระเงินเช่าห้องนี้เป็นเวลา 3 คืน 4วัน  ข้าพเจ้าจึงเป็นเจ้าของ เป็นเจ้านายทุกอย่างในห้องนี้ ดังนั้นผู้ใดก็ตามที่อยู่ในห้องนี้ แล้วไม่ได้ทำการชำระเงินค่าเช่าร่วมกับข้าพเจ้า ผู้นั้นคือผู้บุกรุก ข้าพเจ้าขออกคำสั่งให้มันผู้นั้นไม่มีสิทธิ์เข้ามาในนี้ จงออกไปจากห้องนี้ตอนนี้ หากยังละเมิดคำสั่งขอให้มันผู้นั้นจงพบแต่หายนะ ตกลงสู่ขุมนรก ผู้ที่ข้าพเจ้าอนุญาตคือ แม่บ้านผู้ทำความสะอาด และเจ้าหน้าที่ของโรงแรมเท่านั้น

จากนั้นผมก็เลยปิดไฟหมด และนอนลงหลับสนิท โดยไม่มีอะไรมาก่อกวนจถึงเช้าครับ

คืนแรกแค่มาทักทาย..........อีก2คืนนี้สิ จะทำอะไร

ตอนนี้คืนที่2 เธอเป็นใครมาจากไหน?

เช้าอันสดใส ผมตื่นขึ้นมา 6 โมงเช้าตามเสียงนาฬิกาปลุกโทรศัพท์ ที่ต้องรีบตื่นเพราะอยากลงไปทานอาหารเช้าช่วงแรกๆคนไม่เยอะครับ ผมจัดการอาบน้ำแต่งตัว เหตุการณ์ปรกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น ส่วนเรื่องเมื่อคืนผมก็ไม่ได้คิดเลย หรือผมแค่ฝันไปเท่านั้นเองหรือเปล่า  แต่มันไม่ใช่แบบนั้นน่ะสิ เพราะผมไม่ได้ฝันไป

หลังจากที่แต่งเสร็จเวลาตอนนั้นก็ 7 โมงเช้า ผมดึงคีย์การ์ดออกเก็บใส่กระเป๋า เปิดห้องออกไปเจอกับอาเจ๊ที่เจอกันเมื่อคืน แกกำลังเก็บกระเป๋าเตรียมลงไปทานอาหารและเช็คเอาท์ครับ  ผมทักทายตามมารยาท "อรุณสวัสดิ เช้านี้สดใสดีนะ" อาเจ๊ถามผมเลย เมื่อคืนทำไมไม่ให้แฟนสาวของคุณเข้าห้อง ทะเลาะกัยเรื่องอะไรเสียงดังมาก เธอเข้าห้องไม่ได้เอาหัวโขกประตูดังมากเลย ฉันส่องดูจากช่องประตู(ตาแมว)

ผมถึงกับอ้าปากค้าง!! อาเจ๊ผมมาคนเดียวครับ ผมยังโสด และผมเป็นเกย์ครับ  อาเจ๊สะดุ้งตกใจกว่า  อั๊ยย๊าา!!!!

ผมก็บอกแกตรง อาเจ๊คงเจอผีแล้วแหละ  ผมเจอเด็กในห้องนี้  อาเจ๊รีบเดินไปลิฟต์และลงลิฟต์ไปพร้อมผมทันทีครับ

ผมรับประทานอาหารอยู่สักพัก นั่งอ่านข่าวในไทยวันนี้ ข่าวในไต้หวัน อาเจ๊แกก็มาสะกิดบอกว่า "ฉันกลับแล้วนะ คุณจะพักต่อที่นี้ไหม ให้ฉันคุยกับผู้จัดการโรงแรมให้ไหมจะได้ย้ายไปสาขาอื่น"  อาเจ๊ดูเป็นห่วงผม

ผมบอกสบายมากไม่ต้องห่วง ผมรับมือได้ ขอบคุณ ขอให้เดินทางกลับถึงบ้านโดยปลอดภัย
อาเจ๊ก็ Ok Ok ขอให้พระเจ้าอวยพรคุณ

หลังจากผมบ้ายบายอาเจ๊ ผมก็ขึ้นมาเข้าห้องน้ำที่ห้อง ซึ่งทุกอย่างดูปรกติไม่มีอะไร 9.00 น. ผมก็เริ่มออกเดินทางท่องเที่ยวตามแผนที่วางไว้จนถึงเวลา 18.00 น.  ผมเดินทางกลับมาโรงแรม ซื้ออาหารเย็นมาทานที่โรงแรม เสร็จแล้วผมก็ขึ้นห้องพักครับ  เวลาตอนนั้น 18.30 น. ฟ้าเริ่มมืดแล้ว
พอผมมาถึงหน้าประตูห้องตัวเอง ผมได้ยินเสียงทีวีเปิดในห้องดังมาก  ผมเลยแตะคีย์การ์ดเข้าไปในห้อง ปรากฏว่าทีวีเปิดไว้ รีโมทอยู่บนเตียงนอน มีคนนอนบนเตียงที่นอนยับเลย แต่บนเตียงวางเปล่า  ผมปิดทีวี ดึงปลั๊กออกทันที คือผมคิดว่าไม่น่าจะเป็นแม่บ้านเปิดทิ้งไว้นะ แต่น่าจะเป็นอย่างอื่นมากกว่า  ผมก็ไม่สนใจนะ เหนียวตัวไปหมด เลยถอดเสื้อผ้า แก้ผ้าเดินเข้าไปอาบน้ำ

ผมเข้าไปอาบน้ำในตู้ฝักบัวได้แปปนึงได้ยินเสียงประตูห้องน้ำเปิด แอ๊ดดดดด...... และปิด...ปึงงงง
ผมหันหลังไปมองผ่านกระจกฝ้าขาว มีเงาสูงๆยืนอยู่ในห้องน้ำ ตรงหน้าตู้ฝักบัว!!!!!!  เฮ้ยยย
ตอนนั้นฟองตัวหัวเลย กำลังสระผม  ผมเลยเปิดประตูกระจกออกไป แต่ไม่มีใครเลยครับ  คิดว่าน่าจะมาอีกแล้ว
คราวนี้ไม่เกรงใจกันเลย  เป็นผีแล้วยังโรคจิตอีก!!!  ผีพ่อแม่ไม่สั่งสอน ไร้มารยาท ยิ้ม ชั้นต่ำ!!!! ผมด่าบ่นเป็นภาษาไทย

2 ทุ่มกว่าผมแต่งตัวทาครีมเป่าผมให้แห้ง นอนเล่นบนเตียงนอน เปิดรูปรีทัสภาพ อัพลงIG จนเวลา4ทุ่มกว่า รู้สึกง่วงครับ
อยากนอนพักแล้ว เพราะวันนี้ไปขึ้นเขาช้างมาด้วย  อ่อ ตอนขึ้นเขาช้างตรงจุดที่มีหินคนปีนขึ้นไป และมีทางขึ้นไปอีกทางขวามือ
ระวังด้วยนะครับ  มันมีสุสานฝังคนตาย  ซึ่งผมไม่รู้ ผมกระโดนลงไปตรงนั้น เหยียบบนสุสานเขาเลย ยกมือไหว้ขอโทษแทบไม่ทัน

ก่อนนอนผมก็เอาท้าวเวสสุวรรณมาวางหัวเตียงเหมือนเดิม แต่รอบนี้ผมเปิดไฟในห้องน้ำไว้  ห้องน้ำผนังกั้นเป็นกระจกฝ้าขาว ทำให้แสงไฟมันสว่างไม่เยอะแบบเปิดในห้องนอนครับ  ผมหลับไปซักพักนึงต่สะดุ้งตื่นขึ้นมาตอนเที่ยงคืนครึ่ง เพราะเสียงกุก กัก เสียงของหลน ดังมาก ผมรู้เลยว่าเสียงกระปุกครีมลาแมร์ที่เป็นกระเบื้องผมหลนลงไปในอ่างล้างมือกระเบื้อง  ผมนอนนึกไม่น่าจะตกลงไปได้ ผมวางไว้ดีมากไม่ชิดขอบชั้นวางของด้วย

สิ่งที่ผมต้องทำคือ ต้องเดินไปเช็คว่ามันแตกไหม อารมณ์ตอนนั้นไม่กลัวผี แต่กลัวกระปุกครีมแสนแพงแตก  ผมลุกขึ้นมานั่งบนเตียงกำลังจะลุกเดินไปห้องน้ำ จู่ๆมาเงาคนในห้องน้ำเอาตัวมาทาบผนังห้อง อย่างที่ผมบอก ผนังห้องน้ำเป็นกระจกฝ้าขาว ผมเห็นชัดเลยเป็นคน สูงประมาณ 160 ซม. ผมนั่งงงซักพัก คนในห้องน้ำก็ถอยออกจากกระจก ณ เวลานี้ผมรู้แล้วว่า ผมคงไม่ได้เจอหนูน้อยแบบเมื่อวานแน่ๆ ผมเลยปิดไฟในห้องน้ำซะเลย แล้วตะโกนไล่เป็นภาษาอังกฤษ  "ออกไป ที่นี้คือห้องพักของฉัน ฉันไม่อนุญาตให้เข้า"

สิ้นสุดเสียงไล่ผม มีเสียงหัวเราะคิกๆแบบคืนก่อน และเสียงหัสวเราะอีกแบบของผู้หญิง ฟังแล้วชวนหลอน ผมตั้งสติครับ แล้วสิ่งที่ผมทำคือ ด่า สาปแช่ง ด่าเป็นภาษาจีนด้วย หยาบมากด้วย แนวๆ ....เน่า ....ตาย ช_ติหมา (ผมพูดจีนไม่เก่ง แต่ด่าเก่งมาก)  คาดว่าผีคงจุกกับแต่ละคำด่า

พอด่าเสร็จ แช่งเสร็จ เสียงหัวเราะนั้นก็หายไป  ความรู้สึกว่าห้องกลับสู่ภาวะปรกติ ผมก็หลับต่อครับ

ผมหลับไปได้ซักพักต้องตื่น เพราะได้ยินเสียงคนเดินในห้อง ตึกๆ...ตึกๆๆ...ตึกๆๆๆๆๆ เดินๆหยุดๆ และอีกที่ ตึกๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงเดินเข้ามาหาที่เตียงผม ผมหลับตาเอาผ้าคลุมโปงด้วยความรำคาญ และง่วงนอน เสียงเดินมาหยุดตรงข้างตัวผม และมีเสียง ตุ๊บๆลงมาข้างที่นอน ผมเปิดผ้าออก ลืมตาดู.........!!!!!  หน้าครับ  หน้าผู้หญิง ปะทะหน้าผมชัดๆเลย ตาเธอก็โปนกว้างมาก แสยะยิ้มให้ ตอนนั้นผมหน้าชาครับ คิดไม่ออกจะทำไงดี ได้แต่มองหน้านางต่อ ผมพยายามจะขยับแขนจะหยิบท้าวเวสสุวรรณ คิดในใจว่าจะเอาไปตีหน้ามัน

แต่ผมไม่สามารถขยับตัวได้  อีผีนี้ก็ไม่หยุดแค่นั้น มันเอาหน้าค่อยๆมาใกล้หน้าผม  ตอนนั้นรู้สึกขยะแขยงมาก ผมเลยตั้งสติ แล้วยิ้ม!!!
ยิ้มน้ำลายใส่หน้ามัน!!!!  (อย่าลองดีกับตรู) อีผีชะงักนิดนึง ทำหน้าโมโหใส่ผม ผมรู้สึกสะใจเล็กๆ  ทีนี้ไม่จบแค่นั้น อีเด็กผียิ้มสยองมาช่วงอีผีผู้หญิงนี้หลอกด้วย  ผมไม่ไหวแล้ว  จู่ๆภาพที่ผมไปไหว้ ม่าโจ้ววันนี้ก็ผุดขึ้นมา  ผมคิดถึงม่าโจ้วแล้วบอกว่า ม่าโจ้วป๋อห่อ  ม่าโจ้วป๋อห่อ

คราวนี้ผมได้กลิ่นธูป กลิ่นไม้หอม แบบเดียวกับที่ผมไปไหว้ม่าโจ้ววันนี้  ส่วนผี2ตัว ก็เงยหน้ามองอะไรซักอย่างที่อยู่ด้านหลังผม แล้วมันก็ค่อยคลานถอยหลังไปทานโต๊ะเขียนหนังสือ  ส่วนผมก็หลับแล้วตื่นมาอีกทีก็ 7 โมงเช้าแล้ว


คืนที่3 อำลาเธอผู้นั้นด้วยขนม

ผมตื่นมาด้วยความมึนๆงงๆ เช้านี้ไม่ค่อยสดใส ผมเปิดผ้าม่านขึ้นแดดจ้ามาก เหมือนเวลาบ่ายโมง
แต่ในนาฬิกา พึ่ง6โมงเช้า!!!! เมื่อคืนเราฝันไปหรอ เดินงวงเงียเข้าห้องน้ำก็ต้องตกใจ กระปุกครีม แปรงสีฟัน
ของต่างๆที่วางไว้บนชั้นเหนืออ่างล้างหน้า ตกลงมาหมด แสดงเมื่อคืนคือของจริงสินะ

โอ้ยย ขอเหอะ อย่ามายุ่งได้ไหม ผมบ่นออกมาลอยๆ แล้วก็จัดการอาบน้ำแต่งตัวลงไปทานอาหารเช้า จากนั้น
ก็ลุยโปรแกรมท่องเที่ยวต่อเลย ผมเที่ยวตั้งแต่เช้า จนถึง6โมงเย็น วันนี้ซื้อของฝากพวกขนมต่างๆมาด้วย
พอถึงห้องสิ่งที่ผมทำก่อนเข้าห้องคือ เคาะประตูและบอกพวกเขาครับว่า คืนนี้ขอเถอะ ไม่ไหวแล้วเด๋วพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว

ผมแสกนประตูเข้าไปเสียบบัตรคีย์การ์ด เปิดไฟห้อง พอเดินผ่านตรงโต๊ะเขียนหนังสือเท่านั้นแหละ หางตาผมมองไปเห็น
นางผีผู้หญิงนั่งบนโต๊ะ!!!!   เห้อ!!!! ผมถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เดินไปที่กระเป๋าเดินทาง และทำการเก็บของใส่
เตรียมไว้เพื่อพรุ่งนี้ผมจะบินกลับ ตอนนั้นผมแกล้งทำเป็นไม่สนใจเธอ พอจัดของเสร็จผมก็ไปอาบน้ำ ตอนอาบน้ำก็ลุ้นอีก
ว่าเธอจะเข้ามาแอบดูผมไหม แต่รอบนี้ไม่เข้ามาครับ

ผมอาบน้ำเสร็จก็เดินออกมาแต่งตัวใส่ชุดนอน นั่งรีทัสภาพ รู้สึกหิว เลยแกะขนมเยลี่ออกมา1ห่อ นอนทานบนเตียง
ผมรีทัสภาพไป มือก็หยิบขนมไป แต่พอครั้งนี้ผมยื่นมือจะไปจับถุงขนม มือผมไปจับอะไรซักอย่างเย็นๆแข็งๆ ผมมองด้วยหางตา
สิ่งที่ผมจับก็คือ มือครับ 🤚 ผมตกใจดึงมือมาเก็บ แล้วมองรอบๆห้อง เฮ้ย! เธอยืนแอบมองโผล่หน้ามากับเด็กยิ้มสยอง
ผมก็ไม่รู้จะทำไง เลยถามว่า กินขนมด้วยกันไหม?

เธอกับเด็กยิ้มสยองก็หายไป ผมก็หยุดรีทัสภาพแล้วก็เตรียมนอน (เตรียมตั้งตัวรับมือคืนนี้)  ผมก็พูดลอย จะทำอะไรก็ทำนะ
พรุ่งนี้จะกลับแล้ว!! ผมปิดไฟล้มตัวนอน หลับตาตั้งสติ แล้วก็เคลิ้มหลับไป ผมตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เพราะมีเสียงแปลกๆ
แจ๊บๆ แก๊บๆ แจ๊บๆ เสียงเหมือนใครเคี้ยวหมากฝรั่งเสียงดัง ผมเลยพลิกตัวไปทางขวา !!! เธอนั่งที่พื้นมองมาที่ผมครับ
ในปากเคี้ยวอะไรซักอย่าง เสียงที่ผมได้ยินคือเสียงเคี้ยวของเธอ มือเธอถือห่อเยลี่ที่ผมทานไม่หมดครับ เธอเทใส่มือเต็มๆ
แล้วสาดเข้าปากเคี้ยวๆเต็มปากเลย แจ๊บๆๆ แล้วเธอก็กลืนครับ ตอนเธอกลืนนี้สยองเลย เธอกลืนแล้วเยลี่เป็นก้อนติดที่ลำคอ
แล้วลงไปมีเสียงดัง อึก!อึก! เธอทิ้งถุงห่อเยลี่ แล้วเอามือชี้ไปที่กระเป๋าเป้ผม  ผมก็บอกเธออย่านะ มันของเพื่อนๆฉันจะเอาไปฝาก
และอย่ายุ่งกับเป้ถ้าไม่อยากเจ็บ

เหมือนเธอจะไม่ฟัง เธอค่อยๆคลานไปที่กระเป๋าเป้ผม และจับกระเป๋า.  กรี้ด!!!!อี้าย!!!! เธอกรี้ด ผีกรี้ด
แน่นอนแหละต้องกรี้ด เพราะในเป้ผมมีเครื่องราง 30อัน ที่ผมซื้อมาจากวัดหลงซาน ช่วยไม่ได้นะนางผี (เตือนแล้วนะ)

หลังจากนั้นเธอก็หายไปเลย ผมก็นอนต่อ เพราะผีเด็กยิ้มสยองก็ไม่มา

เช้าขึ้นมาวันที่4 ถุงเยลี่ที่เธอกินไว้ก็ยังอยู่ที่เดิม ที่พื้นมีเยลี่เกลื่อนไปหมด ผมเลยเก็บทิ้งถังขยะ
อาบน้ำแต่งตัว เช็คของแล้วก็เตรียมออกจากห้อง ผมลากกระเป๋สเดินทางไปหน้าห้องก่อน แล้วเดินเข้ามาเอาเป้
และเข้าห้องน้ำ ก่อนเดินออกมาจากห้องผมก็บอกว่า ขอคืนห้องให้นะ ไปแล้วนะ

จังหวะที่ผมปิดห้อง ผมเห็นเธอกับเด็กยิ้มสยองยืนอยู่ข้างในห้องตรงโต๊ะเขียนหนังสือ  โบกมือให้ผมช้าๆ

ผมยิ้มแล้วโบกมือบ้ายบายเธอ และลงไปทานอาหารเช้า ทำการเช็คเอาท์ และเดินทางไปสนามบินกลับประเทศไทย

เรื่องราวก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ครับ

หลายท่านคงสงสัยว่าผมเจอแบบนี้ทำไมยังสตรอง
1.ผมรู้ตัวว่า ผมมีบางอย่าง มีเซนท์พิเศษครับ มันเป็นสิ่งสืบทอดมาจากบรรพชน
2.วิญญาณปรากฏการณ์แปลกๆผมเจอบ่อย เกือบทุกโรงแรม
3.วิญญาณกับคนมีเซนท์เป็นของคู่กัน มันดึงดูดพวกมันมา
4.เราต้องมีสติ ถึงจะสู้หรือต่อต้านพวกนี้ได้
5.คนเราต้องตาย จะกลัวทำไม

ทำไมผมถึงไม่เช็คเอาท์ /เพราะราคารวมๆแล้วแพงมาก เสียดายเงินครับ ถึงย้ายก็อาจต้องเจอ
เจออีกแบบก็ได้ เพราะทุกที่มันก็มีหมด อยู่ที่ว่าผมจะดึงดูดมาแล้วมันจะออกมาแนวไหน

คนที่กังวลเรื่องโรงแรมนี้ก็ไม่ต้องกลัวครับ อย่างที่บอก มันอยู่ที่สัมผัสแต่ละคนครับ
มีผี แต่คุณอาจไม่เจอก็ได้

ทางที่ดีไปที่ไหน คุณควรมีสติ และมีของปกป้องตนเองด้วย ไหว้เจ้าที่ หรือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของเมือง
ให้ท่านคุ้มครองเราจะกว่าครับ

ทั้งนี้ขอขอบคุณท่านที่ติดตามเรื่องราวครั้งนี้ครับ

โรงแรมนี้ผมก็จะไปพักอีกครั้ง ปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ครับ จองแล้ว จ่ายเงินแล้ว
ถามว่ากลัว2ตนนี้ไหม ไม่กลัวครับ เราคุ้นกันแล้ว

เรื่องจากพันทิป อยู่กับผี3คืน ที่ไต้หวัน
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปหมายเลข 2147556

25 ธ.ค. 2562

เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : ฆ่าหนูทำไม (เรื่องจริงจากการทำแท้ง)


     เรื่องนี้ขอฝากไว้เป็นข้อคิด "ฆ่าหนูทำไม" ประสบการณ์จริงจาก สมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด  ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

บาปหนาที่สุดก็คือการฆ่าทำลายชีวิตคน รวมถึงการทำแท้งนี่แหละค่ะ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของเราเองนะคะ แต่เป็นเรื่องของเพื่อนสมัยมัธยมปลาย ซึ่งก็ถือว่าใกล้ตัวพอสมควร เรื่องก็ผ่านมานานพอสมควรแล้ว พอดีนึกขึ้นได้ก็เลยได้โทรไปหาเพื่อนเพื่อคุยเรื่องนี้อีกครั้ง อาจจะมีการใส่ประโยคสนทนาเข้าใจเพื่อเพิ่มความเข้าใจการอ่านนะคะ
ตอน ม. ปลาย เราย้ายมาเรียนโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งแล้วเราก็เจอกับเพื่อนๆที่คบกันมาจนถึงทุกวันนี้ แก๊งค์เราเป็นแก๊งค์ใหญ่ มีเพื่อนอยู่ทั้งหมดเก้าคน ช่วง ม.5 มีเพื่อนของเพื่อนเราที่อยู่หมู่บ้านเดียวกัน สมมติว่าชื่อชมพู่ ส่วนเพื่อนเราที่มาเล่าทุกอย่างในเราฟังสมมติว่าชื่อแพรนะคะ
    ต้นเดือนที่ผ่านมาเป็นงานแต่งเพื่อนคนหนึ่งในแก๊งค์ ม.ปลาย จึงเกิดการรวมตัวกันขึ้น โดยทุกคนยืนยันกันว่าจะไปงานแน่นอน จนถึงคืนก่อนวันงานหนึ่งคืน แพรไปรับเราที่บ้าน เพื่อมารวมตัวกันที่บ้านเพื่อนอีกคนก่อนที่จะไปงานแต่งในวันพรุ่งนี้
เรา : ตกลงอีพู่มันจะมามั้ยนี่ ไหนบอกมาวันนี้ไง
แพร : กูก็ไม่แน่ใจวะ แต่มันว่ามันจะให้พี่แถวบ้านมันมาส่งนะ เพราะมันจะพาลูกมาด้วย
เรา : อ๋อๆ ดีดี จะได้เจอหลานด้วย แล้วลูกล่ะ
แพร : พรุ่งนี้จะพามา วันนี้เราก็กินเหล้ากันให้เต็มที่
เรา : เออ เสียดายนะ อีพู่ไม่มาวันนี้ เพื่อนมาครบทุกคนเลย พรุ่งนี้วันงานก็ไม่ค่อยได้คุยเล่นกันแน่เลย
แพร : กูก็ไม่รู้จะว่ายังไงว่ะ ลูกชายกันก็เพิ่งจะเดินเตาะแตะๆ ไหนจะในท้องอีกล่ะ
เรา : ห๊าาา ท้องอีกแล้วเหรอ
แพรทำสีหน้าหนักใจ แล้วพยักหน้า
เรา : โอ๊ยย มันจะเอามาทำไมเยอะแยะวะ ทำไมไม่รู้จักคุม ท้องได้ท้องดี
ที่เราพูดแบบนั้นเพราะ เรารู้เรื่องชมพู่มาบ้าง ว่าหลังจบ ม.หก ก็ได้แต่งงานแล้วก็มีลูกสาวคนนึงกับที่พี่ที่ทำงานด้วยกัน แล้วก็เลิกรากันไป ชมพู่ก็ไม่เคยไปดูดำดูดีลูกเลย จนมาได้ข่าวมันอีกทีมันก็มีแฟนใหม่พร้อมลูกชายอีกคน นี่ยังจะมีลูกสาวมาอีก แล้วเรื่องในอดีตของชมพู่ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เราได้แค่ถอนหายใจแรงๆ ซึ่งแพรก็คงจะเข้าใจความรู้สึกเรา
แพร : มันก็ไม่รู้จักคุมเหมือนว่า โตๆแล้ว ก็รู้ว่าลำบาก แม่มันก็มาบ่นให้กูฟังตลอด สงสารแม่มัน เงินก็ไม่มี
เรา : ลูกในท้องนี่ผัวคนเดิมมั้ย
แพร : ผัวคนเดียวกับลูกชายนั่นล่ะ
เรา : แล้วผัวมันทำงานอะไร
แพร : กูก็ไม่รู้ แต่แม่อีพู่แกบ่นๆอยู่ว่าไม่ค่อยได้เรื่อง ขี้เกียจสันหลังยาว
เรา : เอ้า มันกลับมาอยู่บ้านมันเหรอ
แพร : หื่อๆ มันก็อยู่บ้านผัวมันนั่นแหละ มีช่วงนึงลูกมันไม่สบายมันพามาอยู่บ้าน เพราะใกล้โรงพยาบาลกว่าบ้านผัวมัน
เรา : อ๋อ เฮ้อออ อีพู่เอ๊ย กูก็ไม่ได้สนิทกับมันจนจะด่าจะห้ามจะปรามมันได้ ถ้าเป็นกูคงด่ากระเจิงแล้วแพร
แพร : กูก็ด่ามันตลอด แต่มันก็ไม่ฟัง พูดก็พูดเถอะ มันอยู่มาได้ทุกวันนี้โดยมันไม่ฆ่าตัวตายก็ถือว่าเก่งมากแล้ว
เรา : ทำไมว่างั้นวะ
แพร : บางทีเงินไม่มีติดตัวสักบาทก็มี โทรมาขอยืมกู กูก็ไม่มีให้ ภาระกูก็เยอะ
เราก็ได้แต่รับฟังไป เพราะปัญหาของชมพู่มีเยอะ จนเรามองว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร
เรา : มันเป็นเวรกรรมมันนั่นแหละ เมิงรู้มั้ยทุกวันนี้ที่กูไปบริจาคเลือดเพราะอะไร เพราะกูได้รับได้รู้เรื่องของมันนี่แหละ กูสงสารเด็กพวกนั้น กูไปบริจาคกูก็คิดถึงลูกๆอีพู่ที่มันทำแท้งไปนั่นแหละ
แพร : เลิกพูดเถอะเมิง มืดแล้ว
เรา : ไมวะ
แพร : เออน่า เดี๋ยวกูค่อยเล่าให้ฟัง
เราก็เลยเลิกพูดเรื่องนั้นแล้วลืมๆ ไป จนถึงวันงาน ชมพู่ก็ไม่ได้มางาน ติดต่อไม่ได้ เฟสหาก็ไม่ได้ออน สรุปก็ไม่ได้เจอชมพู่เลย แล้วเราก็ลืมเรื่องที่แพรเกริ่นไว้ว่าจะเล่าให้ฟังจนนึกได้จึงโทรไปหาแพร
    ชมพู่นั้นตอนเรียน ม.ปลาย เป็นสาวฮอตมาก เพราะหน้าตาดี ผิวขาวจั๊วะ หุ่นดี ตูดเป็นตูด นมเป็นนม ทำให้หนุ่มๆในโรงเรียนแวะเวียนมาจีบไม่ขาดสาย แรกๆ กลุ่มเราก็ไม่ค่อยจะยอมรับชมพู่หรอก แต่เพราะเห็นใจแพร เพราะแพรก็สงสารชมพู่ที่ไม่มีใครคบ เพราะมันเป็นคนแรงๆ บางทีตบรุ่นน้องแบบไม่มีเหตุผล บางทีเพื่อนแค่บอกว่าน้องคนนั้นมองหน้า มันก็เดินเข้าไปตบให้แล้ว ส่วนตัวเราเลยไม่ค่อยชอบชมพู่เอามากๆ แต่กับเพื่อนนางก็ให้สุดใจนะ ช่วยทุกอย่าง ยกเว้นเรื่องเรียน บางทีใช้ไปซื้อของให้ นางก็จะไปทันทีหรือไม่ก็ใช้ผู้ชายในสต๊อกของนางไป บางทีนางก็ขอเงินพวกผู้ชายมาเลี้ยงขนมพวกเรา ด้วยความที่ชมพู่เป็นคนสวย หัวกระไดบ้านจึงไม่แห้ง เธออยู่กับแม่ พ่อเลี้ยง แล้วก็น้องชาย ส่วนพ่อเป็นช่างไฟ โดนไฟช๊อตตายคาเสาไฟ ตั้งแต่ชมพู่ยังเด็ก ทำให้ขาดเสาหลัก แม่ก็ทำงานเป็นแม่บ้านที่อนามัยตำบล ครอบครัวชมพู่ถือว่าลำบากมาก แต่แทนที่ชมพู่จะทำตัวลำบาก เธอกับใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายจากเงินที่พวกผู้ชายให้มา ได้ทีละร้อยสองร้อย แทนที่นางจะเอากลับไปซื้อกลับข้าว นางกลับเอาไปซื้อขนมเลี้ยงเพื่อน ซึ่งตอนนั้นเพื่อนๆไม่มีใครรู้ว่านางลำบาก คิดว่านางเป็นคุณหนูด้วยซ้ำ มีแพรคนเดียวที่รู้ แต่แพรก็ไม่ได้เล่าให้ฟัง เพราะกลัวชมพู่จะอาย ชมพู่ใช้ชีวิตไปกับผู้ชายเรื่อยๆ เรียนไม่ค่อยจะเข้า ผลสุดท้ายก็คือเรียนไม่จบตามระเบียบ แต่นางก็ไม่ได้ใส่ใจ ความจริงชมพู่มีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว แต่แฟนชมพู่เรียนมหาลัยแล้ว ครอบครัวสองฝ่ายรับรู้ จนถึงขั้นว่าจะแต่งงานกัน
หลังจากเรียนจบเราก็ไม่ได้ข่าวชมพู่อีกเลย เพราะต่างคนต่างแยกย้ายไปเรียนที่อื่น บางคนก็ทำงาน มีครอบครัวไป
    จนช่วงหนึ่งเราเรียนอยู่มหาลัยแพรก็โทรมาหาเรา
แพร : มด เมิงอยู่หอกับใคร
เรา : กับรูมเมทอ่ะ ทำไมเหรอ
แพร : เปล่าหรอก กูอาจจะไปธุระในเมืองเลยถามเมิงดูก่อน
เรา : ออๆ จะมานอนกับกูเหรอ มาได้นะ
แพร : เออๆ เดี๋ยวกูโทรหาใหม่
นานแล้วที่ไม่ได้ติดต่อกัน เราจึงค่อนข้างตื่นเต้นที่แพรอาจจะมาหา แต่แพรก็ไม่ได้มา แล้วบอกเราว่าได้ที่พักแล้ว พอเราจะไปหาที่โรงแรม ก็ไม่ให้ไป บอกว่ามากันหลายคน เดี๋ยววันหลังจะมาหาใหม่ เราก็ไม่เอะใจอะไร ผ่านไปนานมาก แพรก็มาหาเรา
แพร : กูดีใจมากที่วันนั้นเมิงบอกว่าเมิงอยู่ห้องกับเมท
เรา : ทำไมวะ
แพรทำหน้าหนักใจก่อนเล่าให้เราฟัง
แพร : อีพู่มันไปทำงานกับกู ไปอยู่กับกู แล้วมันเกิดท้องกับพี่ที่ทำงาน กูก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมมันคลื่นไส้บ่อยๆ ก็แอบสงสัยอยู่ จนมันหายไปสองวัน กูก็ไม่ได้ตาม เพราะปกติมันก็ไปนอนกับผู้ชายอยู่แล้ว  จนมันโทรหากู
แพรหยุดพูดพร้อมทำหน้าหนักใจกว่าเดิม จนเราหงุดหงิด จะพูดก็ไม่พูด
แพร : มันมาทำแท้งในเมืองนี่แหละ มาคนเดียว แล้วมันตกเลือดหนักมาก จนต้องนอนอยู่ตรงคลินิกทำแท้งที่ข้างหน้าเปิดเป็นโรงพยาบาลเอกชนนั่นแหละ (ที่นี่ถ้าคนจังหวัดนั้นอาจจะรู้จักดี เพราะเป็นโรงพยาบาลเอกชนที่มีเสียงลือว่าด้านหลังรับทำแท้งเถื่อน)
เราทำหน้าตกใจ เพราะไม่คิดว่าชมพู่จะกล้าทำแบบนั้น
แพร : มันให้กูโทรไปหาเมิง มันไม่อยากนอนอยู่นั่น เพราะมันกลัว มันได้ยินเสียงเด็กร้องไห้อยู่ตลอด ทั้งๆ ที่ไม่มีเด็กที่มีชีวิตรอดอยู่เลย แต่กูไม่อยากให้เมิงเดือดร้อน กูเลยพาแฟนกูเข้ามารับมันไปนอนโรงแรม กูโคตรละอายใจเลย แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง

เราได้แต่นั่งฟังเงียบๆ เอาจริงๆเราไม่อยากยุ่งเรื่องนี้เลย แต่เรามองออกว่าแพรคงอึดอัดอยากระบายจึงต้องทนฟังไป นึกขอบคุณมันอยู่ลึกๆ ที่มันไม่ให้ชมพู่มานอนกับเราให้วันนั้น เพราะถ้าบอกว่าชมพู่จะมานอนด้วย คงยินดีต้อนรับ เพราะไม่รู้ และคิดไม่ถึงเรื่องว่าเพื่อนไปทำอะไรไม่ดีมาแน่นอน
แพร : ตอนไปรับมันที่คลินิกกูนี่แทบหายใจไม่ออก คนเต็มไปหมด แม่พาลูกมาก็มี ผู้ชายพาแฟนมาก็มี เด็กวัยรุ่นซะส่วนใหญ่ แต่ที่น่าหดหู่ใจคือเป็นผู้ใหญ่แล้วก็ยังมาทำแท้งด้วย ส่วนมากเด็กวัยรุ่นก็จะใส่หน้ากาก บางคนก็นั่งร้องไห้ตาแดงก่ำ ไม่มีใครที่สีหน้าสดใส ทั้งพามา ทั้งคนจะทำเอง
แพรเล่าด้วยสีหน้าอมทุกข์สุดๆ ภาพคงติดตามา เราแค่คิดตามยังนึกภาพออก
แพร : แล้วกูก็ไปถามคนที่ยืนอยู่ที่เคาเตอร์ ใส่ชุดขาวนะ แต่ไม่ใช่ชุดพยาบาลหรอก เหมือนเสื้อช๊อป กูก็เรียกไม่ถูก
เรา : เสื้อกราวน์หมอป่ะ เออๆ ช่างเถอะ
แพร : ไม่ใช่หรอก ใส่เสื้อชอปแหละ แล้วก็ใส่แมทปิดปาก เหมือนเจ้าหน้าที่อยู่ในโรงพยาบาล กูก็ไปถามหาชื่อพร้อมนามสกุล ปกติถ้าไปถามแบบนี้เค้าก็จะเปิดแฟ้มหา หรือคีย์ในคอมใช่มะ อันนี้ไม่มีคอม ไม่มีแฟ้มไรเลย ที่เคาเตอร์มีแต่โทรศัพท์ภายในกับตะกร้ายาสามสี่ตะกร้าแค่นั้น แล้วเจ้าหน้าที่คนนั้นก็บอกกูว่า อ๋อน้องเดินเข้าไปหาเองเลยค่ะ นอนอยู่ในนั้นแหละ คือเค้าให้กูเดินเข้าไปหาเอง เหมือนไม่มีการบันทึกข้อมูลใดๆ กูก็งงๆ แล้วก็เดินเข้าไป แฟนกูก็บอกจะรอข้างนอกนะ กูก็เออๆ พอเดินเข้าไป ก็เจอคนนอนอยู่สี่ห้าเตียง กลิ่นเลือดนี่คลุ้งไปหมด มันเหมือนไม่มีความสะอาดอะไรเท่าไหร่ คนนอนอยู่ก็แต่งตัวธรรมดา ส่วนใหญ่นอนชันขาอาซ่าหมด เอาผ้าห่มปิดไว้ กูไม่ค่อยกล้ามองหน้าแต่ละคนหรอก แต่ก็มองผ่านๆ จนไปเจออีพู่นอนเหงื่อแตกหน้าซีดอยู่นั่นแหละ อ่อ แอร์ในนั้นเย็นยังกะขั้วโลกเหนือนะเว่ย
เรา : แล้วอีพู่ทำไมเหงื่อแตก
แพร : อย่าเพิ่งขัดสิ
เรา : เอ่า 555+
แพรดึงหน้าเข้าดราม่าต่อ
แพร : กูก็ไปเรียกมัน ตอนนั้นอยากจะด่ามันนะ ว่าทำไมทำแบบนี้ แต่เห็นสภาพมันแล้วกูกลัวมันตายจริงๆ หน้านี่เหลืองๆดำๆ ไปหมด ตัวนี่ซีดเลย แล้วมันก็บอกให้กูพามันออกไปหน่อย มันไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว กูเลยบอกว่าเออๆ แล้วก็ค่อยๆ พยุงมันออกมาแบบทุลักทุเล มันก็ไปหยุดที่เคาเตอร์ เจ้าหน้าที่คนเดิมก็ถามเพื่อนมารับแล้วเหรอ อีพู่มันก็พยักหน้า แล้วเจ้าหน้าที่ก็ให้ยาอะไรมาไม่รู้เป็นกำๆ กูก็เอามาอ่านดู เหมือนเป็นยาแก้ปวดอะไรเทือกนั้น พอออกมาได้ กูก็พามันขึ้นรถ แล้วมันก็นอนยาวอยู่เบาะหลังนั่นแหละ ถ้าตำรวจมาตรวจกูยังไม่รู้จะบอกยังไงเลย แล้วก็พากันไปพักที่โรงแรมนั่นแหละ
เรา : ดีแล้วเมิงไม่ให้กูไปหา ไม่ให้กูรับรู้ ไม่งั้นกูก็คงนอนไม่หลับอีกนาน แล้วเมิงได้ทำบุญอะไรบ้างมั้ย
แพร : เมิงเอ๊ย ตั้งแต่วันนั้นกูไม่เคยได้นอนหลับเลย เหมือนมันติดตา แล้วมันก็นึกบาปอยู่ในใจ ทั้งๆที่ดูๆแล้ว กูก็ไม่ได้ผิดอะไร เป็นใครเห็นเพื่อนสภาพนั้นก็คงต้องช่วย ถึงจะไม่อยากจะยุ่งแค่ไหน
เรา : แล้วแฟนเมิงว่าไง
แพร : ตอนนั้นมันก็ไม่ว่าไงหรอก ก็เฉยๆ มันก็ไม่ค่อยพูด
เรา : พี่... ใช่ไหม
แพร : เออ แฟนเก่ากูนั่นล่ะ ก่อนหน้านี้ก็รักกันดี พอเกิดเรื่องนี้ มันเหมือนมีอะไรมาให้ทะเลาะกันตลอด แล้วก็เลิกกันไป
เรา : เมิงคิดมากหรือเปล่า ไม่เกี่ยวหรอก
แพร : เออ แต่ก็ช่างเถอะ มาเล่าเรื่องอีพู่ต่อ คือหลังจากนั้นมันก็ยังอยู่กับกูนะ แต่มันไปทำงานบ้าง ไม่ไปบ้าง กูเป็นคนพามันเข้าไปทำงาน กูก็พลอยซวยไปด้วย โดนด่าตลอด จนบางทีอยากจะบอกให้มันลาออก แต่ลาออกก็ไม่พ้นกูอยู่ เพราะช่วงนั้นมันก็กินอยู่กับกู ค่าห้องก็ยืมกูจ่าย ก็เหมือนกับกูออกค่าห้องเอง ไม่ค่อยจะได้คืน กูก็ให้มันตลอดร้อยสองร้อยพอให้ได้กินข้าวกินปลา ก็อยู่กันมาแบบนั้นแหละ จนมันไปติดผู้ชายที่เป็นคนปัจจุบันนี่แหละ เหล้า ยา การพนัน ผู้ชายคนนั้นเอาหมด มันก็รักเค้าแทบตาย ไปอยู่บ้านเค้า โดนเค้าซ้อมเค้าตีก็ทน พอจะตายมาก็วิ่งมาหากู กูไม่ช่วยก็จะกะไรอยู่ หนักสุด ขอตังค์กูไปซื้อยาพาราแก้ปวดกิน คือมันไม่มีตังค์สักบาทเลย น้ำมันมอไซด์กูก็เติมให้ไปยี่สิบบาทหยอดเหรียญเอา ไม่ใช่กูงกนะ แต่เมิงเข้าใจใช่มั้ย ทำงานรายวันกันสามสิบสี่สิบบาทมันก็ใช้จ่ายยากอยู่
เรา : เออๆ แล้วสุขภาพมันเป็นไงบ้าง
แพร : ก็แรดได้เหมือนเดิม เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย แค่ไม่มีตังค์แค่นั้น ไม่มีตังค์กินเบียร์ มันก็กินเหล้าขาวกัน กูล่ะยอมใจ
เราได้แต่ส่ายหัวกับพฤติกรรมชมพู่ ลำบากแล้วยังไม่เจียมตัวอีก ไม่ได้อยากจะซ้ำเติมหรอก แต่ทำไมมันคิดไม่ได้
เรา : แล้วตอนนี้มันเป็นยังไง
แพร : ไปอยู่กับผัวคนนั้นถาวรแล้ว กูก็ย้ายที่ทำงานไง เลยไม่ได้เจอกันอีก กูโล่งมาก ไม่ต้องทนนอนไม่หลับเพราะฝันบ้าๆบอๆอีก
เรา : ฝันไรวะ
แพร : ไหนๆ ก็เล่าแล้ว กูยังไม่เคยเล่าให้ใครฟังนะ รวมถึงอีพู่ด้วย ถ้ากูเล่าให้คนอื่นฟังเค้าก็จะรู้ว่าอีพู่มันไปทำอะไรไม่ดีมาแน่ๆ
เรา : เมิงอย่าบอกว่าเมิงฝันเห็นลูกมันนะ
แพร : กูมั่นใจนะว่าใช่ กูนอนอยู่กับมันนี่แหละ แล้วอยู่ดีดีก็ฝันว่ามีเด็กมาวิ่งเล่นพังข้าวของให้ห้อง ในฝันกูก็นอนอยู่กับอีพู่ แล้วกูก็ตื่นขึ้นมา ด่าเด็กคนนั้นว่าอย่ามาพังข้าวของนะ เดี๋ยวตีตายเลย แต่เด็กคนนั้นก็ไม่หยุด โยนเครื่องสำอางค์บนโต๊ะเครื่องแป้งกูพังหมด กูก็วิ่งไปคว้ามือไม่ให้ปาต่อ มันหลุดมือกูไปกระโดดบนตัวอีพู่ แล้วก็หัวเราะ เด็กตัวโตมากตัวดำ ตาสวดๆ (ตาถลน ตาโตมาก) กูเดาอายุไม่ได้เลย เหมือนทารกนะ แต่มันก็ใหญ่จนวิ่งเล่นได้ พอมันขึ้นไปกระโดดบนตัวอีพู่เท่านั้น กูก็ตกใจ แต่ในฝันคืออีพู่นอนไม่รู้สึกอะไรเลย เด็กนั้นก็กระโดดไม่หยุด เหยียบท้องเหยียบไส้อยู่แบบนั้นนอนมาก แล้วเหมือนกูก็ไม่ได้ไปผลักออกแต่มีแต่บอกอย่าทำๆ ลงมาๆ คือตอนนั้นก็ไม่รู้นะว่าทำไมไม่ไปผลัก แล้วเด็กก็หันมาจ้องหน้ากู กูก็เลยสะดุ้งตื่น
เรา : โหยย ขนลุก น้ำตากูจะไหล เด็กผู้หญิงหรือผู้ชาย
แพร : ผู้ชายว่ะ
เรา : แล้วเล่าให้มันฟังมั้ย
แพร : ไม่ได้เล่า แต่ชวนมันไปทำบุญ มันก็ว่าเงินไม่มี เดี๋ยวมีเงินค่อยไป กูก็ชวนบ่อยๆ จนมันรำคาญมันก็เลยยอมไป แต่เงินทำบุญเงินกูนะ เพราะมันไม่มี
เรา : เอ้า แล้วแบบนี้มันจะได้บุญเหรอเนี่ย
แพร : กูก็ไม่รู้หรอก พอพาไปที่วัด ก็เลยพามันถวายสังฆทาน แล้วมันก็ทำแบบขอไปที กูโกรธมันมากเลยนะ คือทำไมเป็นคนใจบาปขนาดนี้หน้าตาก็สวย แล้วมันก็ใช้แฟนมันมารับ ทั้งๆ ที่กูชวนไปให้อาหารปลา
เรา : เออ กูสงสัยอย่างนึง ที่มันไปทำแท้งอ่ะ ลูกใคร
แพร : มันไม่ยอมบอก แต่กูว่ามันคงไม่รู้มากกว่า ก็รู้ว่ามันมั่ว
เรา : เออๆๆ ต่อๆ
แพร : กูก็ไปให้อาหารปลา แล้วก็หลวงพ่อก็เดินมาที่ท่าน้ำ เรียกถามกูว่าเพื่อนไปไหนแล้ว กูก็บอกกลับไปแล้ว หลวงพ่อก็ถามกูว่าเพื่อนไปทำอะไรมา กูก็บอกไปนะว่ามันไปทำแท้งมา หลวงพ่อก็เลยยิ้มๆ แล้วบอกว่า หลวงพ่อไม่รู้ว่ากูไปยุ่งเกี่ยวแบบไหน แต่มีเด็กผู้หญิงตามกูอยู่ แต่ไม่ได้ตามจะทำร้ายนะ แต่เหมือนมีอะไรต่อกัน กูก็ขนลุก แล้วก็ถามหลวงพ่อมาว่าอะไรยังไง หลวงพ่อก็ได้แต่บอกทำบุญให้เค้าบ่อยๆ ส่วนเพื่อนโยมน่ะ เค้าทำลายหลายชีวิต กรรมหนักมาก โยมก็ช่วยได้เท่าที่ช่วยนั่นแหละ แค่นี้โยมก็ได้รับความลำบากแล้วใช่ไหม แล้วหลวงพ่อก็พูดแบบทำนองว่าไม่ลำบากกายก็ลำบากใจ มาถึงตอนนี้กูก็นึกโกรธอีพู่มาก ทำไมต้องให้กูไปรับไปรู้
เรา : แต่หลวงพ่อก็บอกนี่ว่าเค้าไม่ได้มาทำร้าย อย่าไปคิดมากเลย กูพูดตรงๆนะ กูว่าเพราะเมิงคิดไปเองว่าเมิงเกี่ยวข้อง จิตเมิงเลยไปโฟกัสอยู่แต่ตรงนั้น พอเกิดเรื่องอะไรไม่ดีกับเมิง เมิงก็ไปโทษว่าเพราะเรื่องนั้นแน่ๆ เมิงก็เลยไม่สบายใจ
แพร : ก็จริงของเมิงแหละ แต่ตั้งแต่แยกกับมันกูก็ไม่เจออะไรแปลกๆ แล้วล่ะ ไม่ได้ติดต่ออะไรมันด้วย มันก็ไม่ติดต่อมา เฟส ไลน์ก็ไม่เล่น โทสับนี่น่าจะไม่มี
เรา : เมิง ที่ตามเมิงเด็กผู้หญิง ในฝันเมิงเด็กผู้ชาย เมิงคิดมากไปเองมั้งเรื่องฝัน
แพร : ไม่คิดมากหรอก มันมีอะไรเยอะกว่านั้น
แล้วพอดีวันนั้นเรามีธุระต้องไป ก็เลยจบเรื่องไปแค่นั้น จนผ่านไปสักพักใหญ่ๆ น่าจะสี่ห้าเดือนได้ เรานึกได้ก็เลยโทรไปหาแพรเรื่องนี้อีก

พอดีช่วงนั้นเราได้ข่าวว่าชมพู่มาทำงานในเมือง ก็เลยนึกเรื่องมันขึ้นมาได้ ว่าเหมือนยังรู้ไม่หมด (เผือกยังไม่ครบ) ก็เลยโทรไปหาแพรอีก
เรา : แพร เมิงจำเรื่องอีพู่ที่เล่าค้างไว้คราวก่อนได้มั้ย
แพร : อ๋อๆ เออ จำได้ นี่เมิงโทรมาเผือกโดยเฉพาะเลยเหรอ
เรา : เออ ก็ยังข้องใจอยู่หลายเรื่อง แล้วนี่มันมาทำงานในเมือง กูว่าจะไปเล่นกับมันอยู่
แพร : เมิงรู้ได้ไง ว่ามันมาทำงานในเมือง
เรา : ไปเจออี... (เพื่อนอีกคน) มา มันบอกว่ามันมาทำงานนี่ อีพู่ก็มา ก็เลยรู้
แพร : อ๋อ เมิงยังไม่เจออีพู่ใช่มะ
เรา : เออๆ ใช่ๆ ไม่รู้จะได้ไปหามันมั้ย แต่นึกเรื่องมันได้ก็เลยโทรหาเมิงเนี่ย
ทีนี้ขอเล่าเป็นเรื่องราวนะคะ ตามที่แพรเล่าให้ฟัง
อย่างที่เกริ่นตั้งแต่แรกคือชมพู่เป็นคนสวย มีคนมาจีบเยอะ แล้วก็ไปกับเค้าหมด ทั้งๆที่มีแฟนอยู่แล้ว แล้วทีนี้พอแฟนเรียนจบ ที่บ้านก็คุยถึงขั้นจะแต่งงานกัน แต่แฟนมันมีคนอื่นก่อน ซึ่งมันไม่เคยระแคะระคาย มันเหมือนคนที่คิดว่าตัวเองทำได้ แต่คนอื่นอย่าทำ แล้วแฟนมันคนนั้นคือมันรักมากอยู่ พอรู้ว่าถูกนอกใจ มันก็ไปเฝ้าไปตามไปนอนอยู่บ้านเค้า ทีแรกแม่แฟนมันก็รักมันมากเพราะมันหน้าตาดี น่ารัก แต่ไม่เคยรู้นิสัยมัน แต่พอมันไปอยู่บ้านเค้า แม่แฟนมันก็เอามาพูดให้คนฟังจนหมด รวมถึงแม่แพรด้วย แพรจึงได้รู้ว่า ชมพู่มันไปกินๆนอนๆ ไม่ได้ทำงานบ้านอะไรเลย เสื้อผ้าหมกไว้ไปเดือนๆ กว่าจะซัก ซักก็ซักแบบแล้วๆไป ไม่ได้สะอาดอะไร ห้องอะไรไม่เคยเก็บกวาด แฟนมันก็อยู่บ้างไม่อยู่บ้าง แต่ก็ติดต่อกับแฟนใหม่เค้าอยู่ ชมพู่ก็เลยอยู่เหมือนหมาไปงั้นแหละ จนมันเกิดท้องขึ้นมา เรื่องนี้แพรก็เพิ่งจะรู้ตอนที่โดนคาดคั้นชมพู่ให้บอกทุกอย่างเพราะเจออะไรไม่ดี (เดี๋ยวเล่านะคะ) ทีนี้แม่แฟนมันก็มาบอกแม่มันว่าชมพู่ท้อง แต่แฟนไม่ยอมแต่ง จึงคุยกับแม่มันว่าจะให้ตังค์ไปเอาออก ไม่รู้คุยกันยังไง ก็ตกลงว่าไปเอาเด็กออก ก็ได้เงินมาหกพันบาท ก็เข้าเมืองเลย ชมพู่มันก็ร้องไห้ตลอด ตอนนั้นเด็กห้าหกเดือนแล้ว คือมีอวัยวะครบแล้ว มันก็ไปที่โรงพยาบาลทำแท้งที่เดิมนั่นแหละ ที่ให้แพรไปรับ (แต่เรื่องนี้เกิดก่อนนะ ตั้งแต่พวกเราเรียนจบ ม.ปลายใหม่ๆ) แล้วหมอเค้าก็ให้ยาสอดมา มันบอกว่าวันนั้นคนเยอะมาก ไม่มีเตียงว่าง แล้วตอนนั้นก็สี่ทุ่มกว่า พอมันสอดยาเข้าไป หมอก็ให้ออกไปนั่งรอแต่ตอนนั้นไม่มีที่นั่งเลย แม่มันเลยพามันออกมานั่งข้างนอก พอประมาณเที่ยงคืนมันก็เริ่มปวดๆ แล้วช่วงนั้นหน้าหนาว  มันบอกว่ามันก็นอนอยู่บนม้านั่งหน้าโรงพยาบาลเพราะไม่กล้าไปไหนไกล แล้วพอเริ่มปวด มันก็โทรหาแฟนมัน แต่แฟนมันอยู่กับแฟนใหม่ก็ด่ามัน แล้วก็ปิดเครื่องหนีไป ตอนนั้นมันบอกว่ามันทั้งโกรธทั้งน้อยใจ แล้วพอปวดท้องทนไม่ไหว แม่มันก็พยุงเข้าไปหาหมอ แต่ปรากฏว่าเด็กไม่หลุดออกมาเอง หมอจึงให้ขึ้นขาหยั่งคีบออกมา มันบอกเด็กตัวโตมากแล้ว มีแขนขา ทุกอย่าง แล้วหมอบอกว่าหัวขาดอยู่ข้างใน ยังคีบออกไม่ได้ รอสักพักก่อน แล้วหมอก็ให้มันกินยาอะไรไม่รู้ ตอนนั้นมันบอกหนาวสั่น เจ็บไปหมด ทรมานมาก แล้วกว่าหมอจะคีบออกมาหมด พอเสร็จแล้วแทนที่จะได้นอนพักก่อน เตียงกลับไม่ว่าง หมอให้รับยาแล้วกลับเลย ไม่มีอาการตกเลือดหรือแทรกๆใด นอกจากเสียเลือดมากแค่นั้น แล้วแม่มันก็พามันออกมานอนที่เดิมนั่นแหละจนเช้า ถึงได้เหมาสามล้อพาไปขึ้นรถที่ บขส กลับบ้าน
เราว่าเรื่องนี้ที่เราเล่า คนอ่านก็คงรู้สึกไม่ต่างกัน มันเป็นความรู้สึกที่พูดไม่ออกบอกไม่ถูกใช่ไหมคะ
มาต่อที่เหตุการณ์ที่ทำให้แพรต้องเค้นให้ชมพู่เล่าทุกอย่างออกมา หลังจากแพรฝันแปลกๆ แล้วก็ไปทำบุญมา ก็ไม่ได้ฝันอะไรอีก แต่คราวนี้มาตัวเป็นๆ แรกๆ มาเป็นเสียงก่อน คืนนั้นแพรนอนคนเดียว ชมพู่ไปนอนที่อื่น แพรได้ยินเสียงเด็กร้องไห้เบาๆ สติครบถ้วน แต่ไม่กล้าลืมตา มันเป็นเหมือนเสียงที่นึกคิดในใจ แต่ได้ยินอยู่จริงๆ หัวเตียงที่ห้องจะหันไปทางประตูทางเข้า โดยประตูทางเข้าจะอยู่ด้านขวา แพรได้ยินเสียง ฮึ ฮึ เหมือนเด็กร้องไห้จนไม่มีเสียงแล้วกลั้นสะอื้นแล้ว แพรนอนนิ่งไม่ยอมลืมตา แล้วสักพักก็ได้ยินเสียงเหมือนเล็บเคาะประตู แต่เบามาก เคาะแบบ แคร่ก แคร่ก สองที แพรนอนฟังอยู่สักพักเสียงทุกอย่างก็หายไป แพรตัดสินใจเลยว่าไม่เอาแล้วมาบ่อยเหลือเกิน คือมีเหตุการณ์แบบนี้บ่อยมาก โดยเฉพาะวันที่ชมพู่ไม่อยู่  พอตัดสินใจได้ ก็กะจะพูดกับชมพู่ตรงๆ ถามทุกอย่าง แต่รอหลายวันชมพู่ก็ยังไม่กลับมา คราวนี้หายไปเป็นอาทิตย์ ติดต่อไม่ได้ งานก็ไม่ไปทำจนต้องถูกไล่ออก วันหนึ่งแพรออกไปสังสรรค์กับเพื่อนจนดึก กลับห้องมาประมาณสี่ห้าทุ่ม แพรเห็นว่าชมพู่ไม่อยู่เลยพาแฟนใหม่กลับมาห้องด้วย แล้วบังเอิญแฟนใหม่แพรตัวสูงมาก พอเงยหน้าไป เขาเห็นผ้ายันต์เล็กๆ เล็กมาๆ สีขาวอยู่บนขอบประตูที่เป็นช่องบานเกร็ดด้านบน (อันนี้ไม่รู้เรียกบานอะไรเป็นใสๆให้แสงเข้าได้อ่ะค่ะ) พอดึงลงมาแพรก็งงว่ามีได้ไง เพราะว่าเดือนที่แล้วก็ทำความสะอาดขอบประตูอยู่ก็ไม่เห็นมี นึกไปนึกมาก็เลยถึงบางอ้อว่าต้องเป็นชมพู่แน่ๆ เพราะมันประจวบเหมาะกับที่เกิดเหตุการณ์แปลกๆในห้อง มาช่วงพักหลังๆนี่ แพรจึงให้แฟนเอาออก ก็ถือเข้ามาให้ห้องด้วย ทีนี้แฟนแพรปลุกแพรกลางดึกว่าข้างห้องเลี้ยงเด็กเหรอ ร้องไห้น่ารำคาญจนนอนไม่หลับเลย แฟนแพรบอกร้องไห้เสียงดังมาก แต่แพรไม่ได้ยิน แต่ก็พอจะรู้ว่าเสียงที่ได้ยินคือเสียงอะไร แฟนแพรบอกว่าเหมือนมีลูกหลายคนนะ ร้องน่ารำคาญอิ๊บหาย แล้วแฟนแพรก็ตะโกนขึ้นไปว่า รำคาญโว๊ย คนจะหลับจะนอน แบบเหมือนตะโกนด่าข้างห้อง แต่แพรรู้ดีว่าเสียงไม่ได้มาจากข้างห้องแน่ แต่ไม่กล้าบอกแฟน จนสายๆ แฟนกำลังจะกลับก็เดินออกมาเจอกับพี่ข้างห้องที่เป็นผัวเมียน่าจะกำลังจะออกไปข้างนอก คือห้องเพื่อนจะอยู่ห้องในสุด แล้วมีห้องฝั่งเดียว ห้องติดกันก็คือห้องสองผัวเมียนี่ แฟนก็งงว่าทำไมไม่มีเด็ก ไม่มีผ้าอ้อมตาก ไม่เหมือนห้องที่มีเด็ก ถ้าจะว่าอยู่ในห้องมองเข้าไปก็ไม่เห็นมีใคร แถมตอนปิดก็ล๊อกห้อง จนแฟนแพรหันมามองแพรแล้วบอกด้วยเสียงขรึมๆว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน สรุปแพรก็เล่าให้แฟนฟัง แฟนแพรก็ไม่กล้าไปนอนห้องแพรอีก แล้วบอกให้แพรย้ายมาอยู่กับแฟนแทน แพรก็เห็นด้วย เพราะไม่อยากอยู่แล้ว อีกอย่างก็จะเป็นเหตุผลให้อยู่ห่างจากชมพู่ได้ แพรก็เลยรอให้ชมพู่กลับมาจะได้คุย ชมพู่ก็เหมือนจะโกรธๆ จนทะเลาะกัน แล้วแพรก็พูดทุกอย่าง จนชมพู่ยอมเล่าให้ฟัง และยอมรับว่าเป็นคนเอายันต์มาไว้เอง เพราะกลัวว่าเด็กจะตาม ชมพู่บอกว่าครั้งที่แม่พาไปทำไม่ใช่ครั้งแรก แต่เป็นครั้งแรกที่ไปทำกับหมอ ก่อนหน้านั้นก็เคยมีมาบ้าง น่าจะสองสามครั้ง ที่นับครั้งไม่ได้เพราะ ไม่แน่ใจว่าเป็นเด็กหรือแค่เลือด แต่ถ้าเกิดประจำเดือนผิดปกติ ชมพู่ก็จะเริ่มกินยาขับเลือดออกแล้ว บางครั้งก็ออกมาเป็นตัวแล้วเหมือนที่เห็นในรูปอุลตร้าซาวด์เด็กสองเดือนสามเดือนนั่นแหละ แล้วครั้งที่สองที่ไปหาหมอ ก็ที่ตกเลือดนั่นแหละ
บทสรุปชีวิตชมพู่ค่ะ
จากที่ไม่มางานแต่งเพื่อน เพื่อนก็เริ่มสนใจในชีวิตชมพู่มากขึ้น เพราะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนเอารูปชมพู่ให้ดูเราแทบไม่เชื่อสายตา ชมพู่ที่เคยหุ่นดี ผิวขาว ตอนนี้อ้วนเกือบเจ็ดสิบกิโลแถมยังท้องโตโย้เย้ หน้าตาไม่เหลือเค้าความสวย แถมผิวที่เคยขาวกับคล้ำดำ พูดง่ายๆว่าถ้าเจอที่อื่นก็คงจำไม่ได้ แล้วตอนนี้ชมพู่ก็เลี้ยงลูกชายกับแฟนขี้ยาคนปัจจุบัน โดยอยู่บ้านเฉยๆ ไมได้ทำงาน เงินก็ไม่มีใช้ มีพ่อแม่แฟนที่ให้บ้างเพราะสงสารหลาน แล้วยังท้องลูกสาวอีกคนหนึ่งได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว (ปัจจุบัน) แล้ววันที่เป็นงานแต่ง ลูกชายป่วยหอบหืดเข้าโรงพยาบาล แต่นางก็น่าจะบอกเพื่อน แต่ก็เงียบไปเฉยๆ มาบอกเอาทีหลัง ส่วนลูกสาวคนแรก ก็อยู่กับพ่อ ชมพูไม่เคยติดต่อไปเลยไม่เคยพูดถึง ในเฟสบุคก็มีรักลูกชายอย่างนั้นอย่างนี้ สรุปก็คือลูกที่รอดชีวิตอยู่ก็สามคน แล้วที่เหลือก็คือทำแท้งไม่ทราบจำนวน ฃ
เรื่องก็มีแค่นี้ค่ะ เรื่องนี้อาจจะไม่ได้เป็นเรื่องผีน่ากลัวอะไร แต่น่าจะเป็นอุทาหรณ์ได้เป็นอย่างดี ว่าชีวิตของคนที่ทำกรรมหนานั้นเจริญยาก จากที่เคยเฟื่องฟูหน้าตาสวยงามเงินใช้ไม่ขาดมือ จนตอนนี้เพื่อนกลับต้องพูดว่ามันไม่ฆ่าตัวตายก็ดีถมไป
ใครคิดจะไปทำแท้ง หรือไปเกี่ยวข้องอยากให้คิดใหม่นะคะ อย่างสร้างบาปสร้างกรรมอะไรเลย สมัยนี้ทุกอย่างเปิดกว้าง ไม่มีพ่อแม่คนไหนฆ่าลูกตายเพราะลูกตั้งท้องการวัยอันควรหรอกค่ะ ทำให้เค้าเกิดมาแล้วก็เลี้ยงดูเค้าด้วยนะคะ
หดหู่ ไม่รู้จะพูดอะไร ทุกวันนี้เราก็บริจาคเลือดแล้วนึกถึงลูกชมพู่นี่แหละค่ะ เพราะเราไม่เคยเกี่ยวข้องหรือรู้จักใครที่เคยทำแท้งมา ถึงแม้จะไม่รู้จักเด็กๆ เหล่านั้น เราก็ได้แต่ภาวนาว่าให้เค้าไปสู่ภพภูมิที่ดี ไม่ใช่เด็กที่โดนทำแท้งจะไปไหนไม่ได้ต้องคอยเป็นวิญญาณตามติดแม่เหมือนที่เคยได้ยินมา
ยาวไปนิดนึงนะคะ พิมพ์ไปลงไป ไม่ได้พิมพ์ทิ้งไว้ ขอโทษถ้ามีคนรอนานนะคะ

เรื่องจากพันทิป เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : ฆ่าหนูทำไม (เรื่องจริงจากการทำแท้ง)
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด