เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : หนูอยู่ตรงนี้
"เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : หนูอยู่ตรงนี้" อีกหนึ่งผลงานสยองสร้างจากเรื่องจริง โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
คราวนี้ไปอุดรกันบ้าง ไม่ต้องสงสัยนะคะ เรามีสาขาทั่วประเทศไทย อิอิ เรื่องนี้ไม่ได้เกิดขึ้นกับเราโดยตรง แต่เวลาและสถานที่เราอยู่ ณ จุดๆนั้น
เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : หนูอยู่ตรงนี้ (1)
เราไปทำงานที่สาขาในจังหวัดอุดรธานีค่ะ สาขานี้เปิดมาได้สามปีกว่าแล้ว จุดประสงค์ของการไปคือไปตรวจสอบและทดสอบการทำงานของพนักงาน ไปกดดันพนักงานนั่นเอง หุหุ เราไปกันสองทีม ทีมเรากับทีมพี่ที่ไปตรวจคุณภาพสินค้า เนื่องจากผู้บริหารเห็นว่างานเกี่ยวข้องกัน เลยให้ไปพร้อมกันไปเลย ทีมหนึ่งตรวจพนักงาน อีกทีมตรวจสินค้า ทีมเราไปกัน 6 คน มี เรา พี่ตา พี่พลอย พี่ภัทร พี่อิ๋ม (พี่อิ๋มเพิ่งเข้างานใหม่ อยู่คนละแผนกกับเรา แต่หัวหน้าพี่อิ๋มอยากให้มาดูงานต่างสาขา จึงฝากมากับทีมเรา) และทีมเรามีผู้ชายอีกหนึ่งคน ชื่อ บี บีอายุเท่าเรา เข้างานพร้อมกับเรา จึงค่อนข้างสนิทเล่นหัวกันได้ ตอนแรกทางฝ่ายบุคคลบอกว่าเตรียมที่พักให้เรียบร้อยแล้วเป็นหอพักข้างในบริษัทนั่นแหละ พวกเราก็สบายใจ ไปกันชิวๆ ไปถีงประมาณบ่ายโมง ฝ่ายบุคคลตกใจที่เห็นพวกเรามาสองคันรถ "อ้าว ไหนว่าจะมาแค่ทีมน้องภัทร" ฝ่ายบุคคลถาม "พอดีมีเปลี่ยนแผนค่ะพี่ยุ" พี่ภัทรบอกพี่ยุ ฝ่ายบุคคล พี่ยุทำหน้าหนักใจ "เอาไงล่ะทีนี้ พี่เตรียมห้องไว้แค่สองห้อง ห้องอื่นก็เต็มหมดแล้ว จะให้ผู้ชายห้องกับผู้หญิงห้องก็คิดว่าจะอึดอัดกันเกินไป" พี่ยุทำหน้าคิดหนัก ความจริงแล้ว ห้องพัก ในบริษัท กว้างและมีครบทุกอย่าง อยู่ได้ห้าหกคนนี่คือไม่อึดอัด แต่ด้วยความอยากเอาใจหรือยังไงไม่รู้ "เอางี้ พี่จะให้ผู้ชายพักข้างใน แล้วผู้หญิงออกไปพักข้างนอก" เอ่อ ความยุติธรรมอยู่ตรงไหน ผู้หญิงขับรถไม่เป็นสักคนจะให้ไปอยู่ข้างนอก จะมาทำงานยังไง ยังไม่ทันจะคัดค้านอะไร พี่ยุก็โทรหาหอพัก และสรุปได้สองห้อง สำหรับห้าสาว ส่วนบี ก็พักกับพี่พี่ทีมตรวจคุณภาพสินค้าข้างใน หอพักที่เราไปพักอยู่หลังบริษัทจะว่าไกลก็ไม่ไกล จะว่าใกล้ก็เดินไม่ถึง สรุปคือยังไงต้องใช้รถ พี่ยุ จัดรถให้เราคันนึง และให้บี ทำหน้าที่รับส่งพวกเรา พวกเราก็โอเค ขนของไปห้องพัก เราพักกับพี่ตาและพี่พลอย พี่ภัทรพักกับพี่อิ๋ม แยกเด็กแยกผู้ใหญ่เลยทีเดียว ห้องที่เราพักอยู่ริมสุด ชั้น 3 ห้อง 307 ใช่ค่ะ พังไม่ผิด 307 อีกแล้วววววว แค่เห็น
เลขห้องเราก็ขนลุกแล้วค่ะ คราวที่แล้วอยู่สมุทรสาครยังหลอนไม่หาย
เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : หนูอยู่ตรงนี้ (2)
เราเริ่มสำรวจห้องก่อนอำดับแรก ห้องเล็กมาก มีทีวี โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้า เตียงนอนขนาดหกฟุต แล้วก็ตู้เย็นเล็ก ห้องขนาดเล็กทำให้เราอุ่นใจได้บ้าง เพราะจะได้ไม่อ้างว้างเกินไป เปิดประตูเข้าไป ก็จะเจอเตียงเลย ตู้เสื้อผ้า จะตั้งอยู่ตรงหัวเตียงฝั่งห้องน้ำ มีประตูด้านหลังสำหรับออกไปตากผ้า หรือชมวิว แต่ประตูห้องน้ำอยู่ด้านใน บอกตรงๆ เราไม่ชอบห้องแบบนี้เลย ไม่ชอบห้องที่มีหลังห้อง มันรู้สึกน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ เราตัดสินใจเปิดประตูหลังห้องออกไป อู้ววว แม่เจ้าาาาา เราตาค้างเลยค่ะ ต้นไทรขนาดใหญ่ ใหญ่มหึมา ใหญ่มีผ้าสีผูกเต็มต้น พร้อมดอกไม้ธูปเทียน เวรกรรมอะไรของอีมด ต้องมาอยู่ที่แบบนี้ ลำต้นของมันอยู่ห่างจากหอพักนะคะ แต่กิ่งก้านนี่คือ ถึงระเบียงห้องเลยค่ะ น้ำตาจะไหล พี่ตาเห็นเรายืนคาประตูอยู่นาน จึงเดินออกมาดู อาการเดียวกันค่ะ กลายเป็นยินค้างอยู่สองคนเลย พี่พลอยสงสัยอีก มาสมทบเป็นสาม แต่พี่พลอยไม่ค้างค่ะ ดึงสติเราสองคนให้กลับเข้าห้อง แล้วปิดประตูหลังห้อง แล้วชวนเราวางแผนแกล้งพี่ภัทร พี่พลอยไปตามพี่ภัทรมา บอกว่าประตูหลังห้องเปิดไม่ได้ เปิดให้หน่อย พี่ภัทรก็เปิดพรึ่บบบ เห็นต้นไทรค่ะ ขวับบบบ เราก้มต่ำคว้าหมับที่ขาพี่ภัทร พี่ภัทรร้องกรีด เกือบเตะปากเราแล้วกระโดดขึ้นเตียง หลับตาปี๋ สวดมนต์ พวกเราหัวเราะขำลั่นห้อง พี่ภัทรหลี่ตามอง "พวกนายแกล้งเราเหรอ" พี่ตาก็ไปโอ๋ๆ พี่ภัทร "รักดอกจึงหลอกผี" พี่ภัทรไม่โกรธค่ะ บางทีเราแกล้งกันแรงกว่านี้อีก พี่ภัทรเป็นคนชอบอาบน้ำไม่ล๊อกประตู แกบอกแกเคยถูกขังในห้องน้ำ เราก็เคยเหมือนกันค่ะตอนเด็กๆ เอาไว้ค่อยเล่า อิอิ พี่ภัทรอาบน้ำอยู่ เราก็ค่อยๆ เปิดประตูเข้าไป แอบเอาผ้าเช็ดตัวแกออกมา โชคดีแกหันหลังให้ราวผ้าเช็ดตัว สรุปแกต้องเดินแกผ้าออกมา เราก็ล้อแกว่าชีเปือย 555+ ต่อๆๆ พี่ภัทรมองไปทางประตูหลังห้อง สีหน้าจริงจัง "ไปปิดประตูไปลูก" เราเดินไปปิดประตู พี่ภัทรถามพวกเราว่ากลัวมั้ย เปลี่ยนห้องมั้ย พี่ตาบอกช่างมันเถอะ เราไม่ได้ทำอะไรเค้า อีกอย่างมีคนกราบไหว้บูชา ก็คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เค้าจะดูแลเรา เราเองก็คิดแบบเดียวกับพี่ตา แต่ก็คงไม่กล้าเปิดหลังห้องเท่าไหร่ เราคุยกันเรื่องเลขห้อง ที่เหมือนกันพี่สมุทรสาคร ก็ภาวนากันไปว่าจะไม่เจออะไรแบบนั้นอีก ประมาณสี่โมงเย็น บีก็มารับพวกเราไปหาซื้อของใช้จำเป็น เพราะต้องอยู่เกือบสิบวัน แล้วก็ไปกินข้าวด้วย คืนนั้นไปร้องเกะกันต่อถึงสี่ทุ่ม แต่ไม่ได้ดื่มกัน
เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : หนูอยู่ตรงนี้ (3)
ถึงเวลาบีก็ขับรถไปส่งพวกเรา ที่หอพัก บริษัทเราอยู่ติดถนนใหญ่ ทางเข้าบริษัทจะอยู่ข้างๆ กำแพงบริษัทฝั่งซ้าย เป็นถนนคอนกรีตเล็ก ๆ พอรถสวนกันได้ พอขับไปได้ สักกิโลนึง ก็จะเจอทางเลี้ยวขวา เป็นสามแยก หอพักของเราต้องเลี้ยงไปในซอยนี้อีกประมาณซักห้าร้อยเมตร ตอนที่เลี้ยวเข้าไป ฝั่งซ้ายมือจะเป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ มีศาลาทรงไทยที่ยื่นลงไป อยู่ด้านข้างหนองน้ำ ฝั่งซ้ายเป็นป่ารกทึบ แต่ไม่มีต้นไม้ขนาดใหญ่ ยกเว้น "ต้นไทร" ที่โดดเด่น อยู่หลังหอพักเรานั่นเอง (พอเข้าซอย จะเป็นด้านหลังของหอพักค่ะ) "โหยยพวกพี่ดูสิ หนองน้ำตอนกลางสวยจนน่ามาถ่ายรูปเล่น แต่ตอนกลางคืนวังเวงยิ้ม" เราพูดขึ้นขณะรถผ่านหนองน้ำ "โคตรๆ อ่ะ ถ้ามองไปที่ศาลาแล้วเจอคนนั่งนี่ใช่เลย บรรยากาศหนังผีชัดๆ " บีทำท่าขนลุก "ปากหมาไอ้บี" พี่ตาดุ " พี่ภัทรนั่งเงียบ พี่พลอยแซวว่าสวดมนต์ในใจอยู่เหรอ แต่คนที่มีอาการแปลกที่สุดคือพี่อิ๋ม พี่อิ๋มจะหันไปมองหลังรถบ่อยมาก แล้วก็นั่งเงียบตลอดทาง "เฮ่ยย ทำไมตอนกลางวันที่เข้ามาเราไม่สังเกตุเห็นต้นไทรหว่า เห็นอีกทีก็อยู่หลังห้อง" เราพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ อาจเป็นเพราะมัวแต่ลุ้นหอพัก แล้วเหนื่อยจากการเดินทาง เราเลย ไม่ได้สังเกตุเห็น และหลังจากนั้นรถทั้งคันก็เงียบจนถึงหอพัก บีก็ขับรถกลับไป เช้ามาก็มารับไปทำงานปกติ แต่ตอนเย็นนี่สิ ผิดปกติ
เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : หนูอยู่ตรงนี้ (4)
เราไปกินข้าวเสร็จกันประมาณทุ่มกว่า ๆ มาครั้งนี้ทำงานไม่หนักเท่าตอนเปิดสาขา เพราะแค่หกโมงเย็น ก็พากันเลิกงานได้แล้ว บีก็ขับรถไปส่ง เรามองเห็นตรงสามแยก มีเครื่องเสียงตั้งอยู่ และคนเยอะมาก เหมือนจัดงานอะไรอยู่สักอย่าง เมื่อขับรถไปใกล้ก็ถึงบางอ้อว่างานศพนั่นเอง เพราะคนใส่ชุดดำ และเรามองไปข้างในบ้างฝั่งซ้าย ที่อยู่ตรงทางสามแพร่งพอดี เห็นโลงศพตั้งอยู่ แต่ไม่เห็นรูปหน้าโลง เพราะประตูบัง เราก็ไม่ได้ใส่ใจกันมาก เพราะคิดว่าเป็นเรื่องปกติ "พรุ่งนี้เรามีที่กินข้าวกันแล้ว" พี่พลอยพูดติดตลก ประมาณว่ามาฝากท้องบ้านงาน "ว๊าวๆ ดีดี ๆ ประหยัดเงิน" เราสนับสนุน ไปถึงหอพัก เราเดินขึ้นห้อง แต่เห็นบียังไม่ออกรถไปซะที ก็ไลน์ลงไปถามว่าทำอะไร ตอนนั้นบียังไม่ตอบ แต่ผ่านไปสักยี่สิบนาทีที่บีคงถึงหอพักแล้ว บีจึงตอบไลน์เราว่าคุยโทรศัพท์ เราก็ไม่ได้เอะใจอะไร วันต่อมาเราก็ไปทำงานปกติ เราเดินผ่านกลุ่มพนักงานได้ยินเค้าคุยกันแว่วๆ มาเอาอีกแล้วเหรอวะ คนก่อนเพิ่งเดือนที่แล้วเองนะ เราจึงเดินเข้าไปตวาด คุยไรกันน่ะ !! แต่พวกพนักงานไม่กลัวเราหรอกค่ะ เพราะเราน่ารักมากกว่าน่ากลัว (คึคึ) "คุยเรื่องผี จะฟังมั้ยครับ" หูผึ่งเลยค่ะ รู้ก็รู้ว่ามันหยอก แต่เราก็อดอยากฟังไม่ได้ จึงพยักหน้า หนองน้ำหลังบริษัทเรามีคนจมน้ำตายอีกแล้ว เราขนลุกพรึ่บ อีกแล้วนี่คือ แสดงว่าก่อนหน้านี้ก็มี เราเลยถามว่าใช้งานศพที่อยู่สามแยกนั่นป่ะ พนักงานก็บอกว่า "ใช่ คราวก่อนเป็นเด็กผู้หญิงมาเล่นน้ำ แล้วจมน้ำตาย เมื่อเดือนที่แล้วนี่เอง คราวนี้ น้องคนนี้ก็มาตาย น่าสงสาร ชาวบ้านบอกนะว่าน้องไม่เคยไปเล่นน้ำคนเดียว เพราะเป็นคนขี้กลัว เมื่อวานน้องงอแงเล่นน้ำแต่เช้า แต่ตากับยายห้าม เพราะมันอายุเพิ่ง 6 ขวบเอง มันเลยแอบไปเล่น บ่ายมาตายายหาไม่เจอ เอะใจว่าหลานอยากเล่นน้ำ ก็ไปดูเห็นเสื้อผ้ากองอยู่ที่ศาลา ยายนี่ถึงกับเป็นลม กู้ภัยก็มาศพขึ้นนั่นแหละ " เท่าที่จำได้ พนักงานก็พูดประมาณนี้แหละค่ะ แต่เราก็ตอบกลับไปว่าล้อกันเล่นใช่มั้ย เห็นเราอยู่หอแถวนั้นเลยหลอกให้กลัวอ่ะดิ แต่พนักงานก็ยืนยันว่าไม่รู้ว่าเราอยู่แถวนั่นตั้งแต่แรก เราตัดสินใจไม่บอกใคร แต่เรานี่สยองอยู่คนเดียว ทุกครั้งที่กลับหอ ภายในรถก็จะเงียบผิดปกติ เรามั่นใจว่าพี่ๆ ยังไม่รู้ เพราะไม่มีใครพูดถึง ปกติถ้ารู้อะไรมาก็จะเล่าแล้ว จนมาถึงวันสุดท้าย ที่เรามาเฉลยกัน
เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : หนูอยู่ตรงนี้ (5) ตอนจบ
เราเล่าให้พี่พี่ฟังเรื่องที่ได้ยินมา พี่พลอย พี่ตา นั่งน้ำตาคลอ ด่าเราใหญ่ว่าทำไมเราไม่บอก เราบอกว่า บอกไปก็กลัวดิ พี่ภัทรนั่งฟังเงียบ แอบสวดมนต์ในใจรึป่าวไม่รู้ 55+ แต่พี่อิ๋มนี่ตัวพีค "ตั้งแต่มาวันแรก พี่เห็นเด็กผู้หญิงคนนึงยืนอยู่ข้างถนนข้างหนองน้ำ มัดมืด พี่ไม่แน่ใจว่าตัวเปียกรึป่าว แต่พี่ไม่ค่อยกลัวเรื่องแบบนี้เห็นบ่อย แต่ไม่อยากทัก เดี๋ยวเค้ารู้ว่าเราเห็น พอวันต่อมา พี่เห็นเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ มานั่งอยู่ที่ศาลา เห็นอยู่แบบนั้นสามวัน วันที่สามเห็นมีผู้ชายแก่ๆ ใส่ชุดขาวเดินจูงมือเด็กคนนั้น อยู่ข้างถนน" แม่เจ้าาา เรานั่งน้ำตาไหลเลยค่ะ พี่อิ๋มเป็นผู้ใหญ่เกินกว่าที่จะมาล้อเล่นกับพวกเรา เพราะปกติก็ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น คืนนั้นเราแยกย้ายกันนอนปกติ แต่ก็นอนไม่ค่อยจะหลับหรอกค่ะ แต่โชคดีที่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอถึงกำหนดเดินทางต่อไปที่สาขาอื่น เราก็ไปลาพี่พี่ที่สาขาของจังหวัดอุดร แล้วก็มุ่งหน้าไปสู่อีกสาขา เราเดินทางตอนกลางวันค่ะ เลยขับรถกันแบบสบายๆ ไม่เร่งรีบมากมาย ระหว่างทาง "บีกูมีไรจะบอกเมิง" เราพูดขึ้นทำลายบรรยากาศเพลงสนุกๆในรถ แล้วเราก็เล่าเรื่องที่รู้มา รวมถึงเรื่องพี่อิ๋มด้วย ไอ้บีทำหน้าเฉยๆ จนเราหมั่นไส้ "เมิงไม่กลัวเลยเหรอวะ เมิงไปส่งทุกวัน" เราถาม ไอ้บีตอบว่า กูเห็นตั้งแต่วันแรกแล้วแมร่งงงง แล้วไอ้บีก็เล่ายาวเลย วันแรกที่เรากลับจากร้องคาราโอเกะ มันขับรถออกมาจากซอยแล้วเจอเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 12-13 ปี ยืนมองรถมันอยู่ข้างทาง ทีแรกบีก็ไม่คิดว่าเป็นผี แต่พอขับไปใกล้ เด็กคนนั้นก็เหมือนไกลเข้าอีก ทั้งๆที่มั่นใจว่าเด็กไม่ได้เดิน แต่กลับยืนนิ่งๆ ด้วยซ้ำ เพราะตาก็มองอยู่ตลอด บีจึงรู้ว่าตัวว่าโดนหลอกเข้าให้แล้ว แต่ก็ไม่กล้าบอกใคร เรานี่โคตรนับถือเพื่อนเลย เป็นเราคงสติแตก แล้ววันต่อมา บีมันมาส่ง แล้วมันก็โทรศัพท์หาแฟนมัน ตอนที่ขับรถกลับ แต่คืนที่สอง มันไม่เจออะไร แต่คืนที่สามนี่ เจออะไรไม่รู้แว๊บบบ ผ่านหน้ารถ เหมือนแมวตัวใหญ่ แต่ไม่ใช่ เพราะไปเร็วมาก แล้วคืนต่อๆ มาเวลามันกลับก็จะโทรหาแฟนมันตลอด เพื่อคุยเป็นเพื่อน แต่มีคืนหนึ่ง มันเจอเด็กผู้หญิงคนเดิม แต่คราวนี้จูงมือเด็กผู้ชายเดินอยู่ข้างหนองน้ำ แต่ไม่ได้หันหน้ามาทางมัน แล้วเด็กสองคนก็โดดจ๋อมลงน้ำตรงศาลาทรงไทยนั่น มันก็รู้ทันทีว่าโดนอีกแล้ว และพอขับรถเลยศาลาทรงไทย กำลังจะเลี้ยวซ้ายออกจากสามแยก พอดีกับกระจกหน้ารถ ส่องเห็นศาลาทรงไทย มันก็เห็นเด็กสองคนนั่น กระโดดน้ำอีก มันก็ไม่รู้จะทำยังไง ได้แต่รีบขับรถกลับบริษัท แต่พี่อิ๋มบอกว่า นอกจากคืนแรก พี่เห็นแต่เด็กผู้ชายนะ นั่งอยู่ศาลาทรงไทย บีบอกตอนไปส่ง ไม่เห็น เห็นตอนขากลับ
เรื่องนี้ไม่เจอเองก็หลอนค่ะ เพราะมันคือสถานที่ที่เราเห็นมากับตา ><
เรื่องจากพันทิป เรื่องหลอนประสบการณ์ผี : หนูอยู่ตรงนี้
เรื่องโดย โดยสมาชิกพันทิปนาม มดตะนอยตัวน้อยนิด
Post a Comment