กรรมเก่า เรื่องเล่าจากอดีตชาติ
"กรรมเก่า เรื่องเล่าจากอดีตชาติ" ยังคงเป็นเรื่องราวต่อจากซีรี่ย์ของสมาชิกพันทิป Rabbitizz "คุณเคยเชื่อเรื่องคนตายแล้วฟื้นไม๊คะ"ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย
เรื่องราวที่จะเล่าต่อไปนี้นะคะ จากความเป็นความตายมาหลายครั้งหลายครา จนทำให้เด็กคนนึง(ในช่วงเวลานั้น) หันมาถือศีล ปฏิบัติธรรม
ในช่วงแรกๆ เราเองไม่ค่อยเชื่อเรื่องราวเหล่านี้ และคิดว่า คนทั้วๆไปอาจจะมโนเองก็ได้ แต่จนวันนึง สิ่งที่เราอยากรู้ว่า ทำไมนะ เราเองถึงต้องมาเป็นแบบนี้ โรคที่รักษาไม่หายสักที ผ่าตัดก้หลายหน เฉียดตายแล้ว หรือตายมาแล้วก็ว่าได้ค่ะ
วันดีคืนดี จำได้ว่าคืนนั้นป็นคืนวันพระ ซึ่งเราเองก็สวดมนต์เป็นประจำ นั่สมาธิ และแผ่เมตตาอยู่เป็นประจำ โดยใจเราละลึกถึงกรรมอะไร ที่เราเป็นแบบนี้อยู่ได้
จนวันนึงเราได้รับคำตอบที่จดจำฝังใจไปเลย
ระหว่างที่เราเข้าสมาธินั้น ได้ยินเสียงที่มันก้องอยู่ในหัวตลอด
ต่อให้รักษายังไงก็ไม่หายหรอก ในเมื่อคุณ ทำกับกรูไว้มากขนาดนี้ จะหายง่ายๆหรือ มันยากที่จะหายได้.....
จิตเราได้ตั้งคำถามว่า คุณเป็นใคร มาจากไหน ต้องการอะไรกันแน่
เสียงนั้นค่อยๆตอบมากลับเราว่า ยิ้ม อยากรู้มากเลยหรือไง
เราจะค่อยๆเรียบเรียงนะคะ อาจจะยาว หรือ ช้าหน่อย เพราะเรื่องนี้ผ่านมาหลังจากการเหตุการ์ณผ่าตัดมาได้แค่ประมาณเกือบ ปีนึงเอง
และมันนานมาก ขอแทนนามตัวเองว่าต่ายน้อยนะคะ .......
หลังจากเสียงนั้นที่ต่ายได้ยินอยู่ในหู มันค่อยกังก้องเรื่อยๆ เราพยามรวบรวมสติ และ คิดว่าจิตเราฟุ้งซ่านอีกแล้วหรอ?? แต่กลับไม่ใช่ค่ะ เค้าบอกกับเราว่า ยิ้ม ไม่ได้คิดไปเอง กรูจะทำให้เมิงรู้ว่า สิ่งที่เมิงเป็นอยู่นั้น มันทรมาณแค่ไหน ถ้ามันเทียบเท่ากับ ตัวของกรู เรื่องของเมิงนะ มันไม่ง่าย
เราเริ่มสะดุ้งตัวเอง หลุดจากสมาธิ และคิดๆๆๆ ว่าเกิดอะไรขึ้น ลงไปแล้วก็เจอมาแล้ว เห็นของๆคนอื่นมาเยอะแล้ว แต่ไม่น่าจะใช่ของตัวเราเอง มากกว่า เพราะคิดมาเสมอว่า ตัวเราเองไม่สามารถจะรับรู้เรื่องราวของตัวเราเองได้มาตลอด......
หลังจากนั้น ก็ออกจากสมาธิก็แผ่เมตตาปกติ แต่ไอ้ที่แปลกๆคือ เสียงรอบข้างคำนึง สาธุ.... แต่เสียงปลิวมากับลมนี่สิ มันดัง.....หึหึ.....
ความหลอนของเราเริ่มทำเราสติแตกแล้ว แต่ว่าเราพยามเงียบ เดินไปเข้านอนดีกว่า .......
พอจะนอน หันซ้ายที ขวาที..... ไม่หลับเลย ง่วงไม๊ ก็ไม่ง่วง จนหลังๆมาค่อยมานั่งจับว่าทำไมไม่ง่วงนะ อาทิตย์นึงจะเป็นอยู่ช่วงๆนึง
คือ ก่อนวันโกน วันโกน วันพระ และเลยวันพระไปค่อนเช้าแล้วตาเราถึงปิดสนิทได้...... มารู้แบบนี้โอเค ทำใจยอมรับก็ได้ค่ะ จนทุกๆวันนี้กลายเป็นความชินที่อยู่ในตัว คนรอบข้างก็เลยชินตาม ไม่หลับก็ไม่หลับ เพราะเคยเหนื่อยล้ามาก หลับไป...วันนั้นวันพระใหญ่ ตื่นมาตัวเองจะมีรอยช้ำๆ รอยมือบีบ เล็บจิก เลือดออก ตามแขนตามขา แรกๆเราไม่รู้ว่าเกิดอะไร เพราะไม่เจ็บเลยสักนิด คิดว่าจะเป็นโรคพุ่มพวงไม๊ เลยไปหาหมอ หมอบอกว่าปกติดี เดินชนแล้วจำไม่ได้ป่าว OMG!!!! คือจะเป็นช่วงวันเวลาเฉพาะนี่ต้องเดินชนทั้งตัวหรอไงคะหมอ!?!
กลับมาเข้าเรื่องต่อนะคะ.... หลังจากไม่นอนแล้ว เราเองก็คิดตลอดทั้งคืนว่ามเสียงจากใคร ต้องการอะไร เพราะเสียงนี่ไม่เคยคุ้นเคยเลย.....
ในที่สุดตี4แล้ว ประมาณคร่าวๆนะคะ เราลุกมาทำกับข้าว เพื่อจะใส่บาตร ระหว่างรอพระท่านมาบิณฑบาตร เราเห็นเงาไม่สิ ร่างคน อยู่ตรงหน้าเรา จำได้แม่น ผญ. ผมยาว ตานี่ดุดันมาก มองมาที่เรา และ เค้าก็หายไป ......
สรุปว่า เค้าคือใคร??? ใช่คนๆนี้ไม๊ ที่เสียงดังก้องมาในหัวของเรา.... พระท่านกำลังจะเดินมาถึง มองเห็นเราเหม่อ ท่านทักเรา โยมๆ สติ คำเดียวเท่านั้นค่ะ เรากราบหลวงพ่อท่าน และใส่บาตร กรวดน้ำให้กับสรรพสัตว์ทั้งหลาย หลวงพ่อเตือนเราอยู่ว่า สติ จำไว้ ต้องมี เท่านั้น ถ้าไม่มีสติ จิตเราก็ไม่อยู่กับตัว เราพอจะแปลความหมายของท่านออกว่า ท่านหมายถึงอะไร และเราก็พยักหน้า ก้มกราบท่านอีกที......
หลังจากนั้นเข้าบ้านมาด้วยความเพลียๆ ก็เตรียมแต่งตัวไปเรียนต่อละค่ะ (ช่วงวัยนั้น)ตอนนี้วัยแก่ละ แหะๆ
เป็นเรื่องปกติของๆเราที่ เราบทจะลุกขึ้นมาทำอาหารใส่บาตร ไม่ก็บึ่งรถไปถวายภัตราหารเช้า แรกๆแม่เราก็งง หิ้วกะบข้าวเป็นหม้อไปไหน หลังๆพอจะรู้ แม่ก็ปล่อยให้เราจัดแจงไป....วันดีคืนดี โทรบอกแม่ว่าไม่กลับบ้านนะ ไปวัด แม่ถามว่าไปถือศีลหรอ เราก็ค่ะ... จนปกตินี่บทจะไปก็เก็บชุดเข้าเป๋าแล้วสตาร์ทรถออกตัว บึ่งไปชลบุรี ไปวัดที่พระท่านมาสายธรรมยุทธ โชคดีมากที่ว่าวัดนี้นั้น เป็นวัดที่เงียบสงบ โล่ง และ หลวงพ่อไม่มีการมานั่งประพรมน้ำมนต์ หรือ แจกวัตถุมงคลต่างๆ ไม่มีการเรี่ยไรเอาเงินเข้าวัด ไม่มีคนเอาซองมายื่นให้แล้วร่วมทอดผ้าป่า ไม่มีแก้กรรม บังสุกุลเป็น-ตาย เราชอบตรงนี้แหละค่ะ ที่วัดถือเป็นวัดจริงๆ ไม่ใช่วัดเพื่อธุรกิจ เพราะสมัยนี้วัดหลายๆที่ทำเป็นธุรกิจไปหมดละค่ะ... แต่แค่บางวัดเนอะ ต่ายไม่ได้เหมารวม....
หลังจากที่เราพยามคิดมาหลายวัน....จนกระทั่งลืมเรื่องนี้ไปสนิท เพราะคิดไปก็ปวดหัว
อยู่มาวันนึง อาการโรคที่เป็นอยู่ก็ได้กำเริบขึ้น วินาทีนั้นเหมือนมีเข็มเป็นร้อยๆเล่ม แทงเข้ามาปักในหัวใจรวดเดียว
เจ็บมาก ณ ตอนนั้น อาการแน่นหน้าอกก็เริ่มขึ้นเหมือนจะหายใจไม่ออก คอเหมือนโดนอะไรมาบาด แต่ที่แน่ๆ ไม่ได้มีเลือดเลยสักนิด
รีบกดโทรศัพท์บอกแม่ในสภาพหายใจไม่ออก แม่อยู่แค่ห้องข้างๆนี่เองแต่เราไม่มีเสียงจะจะโกนเรียกให้ใครมาช่วยเลยในเวลาแบบนั้น
แม่พาเราส่งโรงพยาบาลทันที เพราะกลัวว่าจะมีประวัติซ้ำรอย พอมาถึงโรงพยาบาล ปรากฏว่าหายซะงั้น หมอก็งง แม่ก็งง ส่วนเรางงหนักกว่าใคร
อะไร ทำไมเมื่อกี๊เหมือนแทบจะตายให้ได้ ดีที่ยังไม่ดึกมาก แม่พาเรากลับบ้าน มานึกได้ว่า วันพรุ่งนี้เป็นวันพระ....
พอเรากลับถึงบ้าน ก็ไปอาบน้ำแต่งตัว เตรียมตัวเข้าห้องพระ ก่อนที่จะสวดมนต์ เราก็พยามไม่คิดอะไร จนเราควบคุมสติและตัดความคิดและรู้สึกออกไป.... เราเริ่มด้วยบทชุมนุมเทวดา และก็สวดไปปกติ จนกระทั่ง เข้าสู่สมาธิ....
ระหว่างที่เราอยู่ในสมาธิ จิตตอนนั้นเรามั่นใจว่านิ่ง และปล่อยให้รับรู้กับสิ่งรอบกาย และแล้วเสียงที่เราเคยได้ยินก็ดังก้องอยู่ในหัวเรา....
เสียงร้องหึหึ.... ปนขำๆ มันไม่ใช่เรื่องตลกสำหรับเราเลยนะ
เราได้ถามว่าคุณเป็นใคร ต้องการอะไร ที่เมื่อค่ำเราเป็น เกิดมาจากคุณใช่ไม๊
เสียงนั้นกลับตอบมาว่าใช่ แต่ไม่ใช่เค้าคนเดียวที่ทำ....
เค้าทำให้เราได้กลิ่นคาวเลือด กลิ่นเนื้อ ที่เราแพ้หนักมาก แค่เดินผ่านปกติทุกวันนี้ก็อาเจียรได้
เราเลยถามว่าเรามีพันธะอะไรกับเค้า เค้าบอกว่า ไปกับเราสิ เราบอกว่าไม่ แต่แล้วเสียงนั้นตะคอกใส่เรา
ยิ้มจะมาดีๆกับกู หรือ จะให้กูเอายิ้มไปอยู่ด้วย จะได้สาสมใจกับทุกๆคนที่ยิ้มได้กระทำ....
เราเงียบ ณ วินาทีนั้น อยากถอดจิตกลับมา แต่ไม่ได้เลย เรานึกถึงพระท่านที่ช่วยเราไว้ .....
หลวงพ่อขา....ช่วยโยมด้วย โยมไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น โยมจะได้กลับมาไม๊ แต่เสียงที่ตอบกลับมาว่านั้น คือเสียงที่คุ้นเคย...อบอุ่น และปลอดภัย
แต่ทำเรากลัวได้.....
"กัมมุนา วัตตติ โลโก" = สัตว์โลกทั้งหลายต้องเป็นไปตามกรรม
สำหรับเรา เข้าใจคำนี้ดี และแปลความหมายออกตั้งแต่หลวงพ่อท่านได้บอกไป เราเงียบและ ไม่ตอบอะไร คิดได้ว่าอะไรจะเกิดก็คงต้องเกิด ไม่ช้าหรือเร็วก็ต้องเกิด......
สักพัก ภาพที่เราเห็นคือ....ใคร?? เรามองอยู่ห่างๆ แต่เสียงนั้นไม่ได้มากับเรา แต่มาแค่เสียง เสียงที่กรีดร้องโหยหวน ภาพที่น่าสยดสยอง เลือดที่นองตามพื้น สัตว์ที่อยู่ข้างหน้าเรา ล้มลง ดิ้นพล่านๆ และแล้ว หอกก็ไปปักอยู่ที่หัวใจของสัตว์ตัวนั้น แน่นิ่งไปในทันทีทันใด ภาพที่เราเห็น คือคนๆนึงที่หน้าตาคุ้นมาก เรารู้สึกโกรธและโมโหมากกับการกระทำของคนๆนั้น ใจเราอยากจะด่า อยากจะสาปแช่ง แต่เรามองวัวตัวนั้นแล้วน้ำตาเราไหลอาบแก้ม
เสียงนั้นก็ค่อยๆเผยตัวให้เราเห็น ผู้หญิงคนนั้นที่ยืนอยู่ตรงข้ามวันที่เราจะใส่บาตร เค้าเดินเข้ามา และ บีบคอเรา
เมิ ง รู้ยัง ว่าเมิงทำอะไรลงไป กรูยังไม่ทันได้เห็นหน้าลูกของกรูเลย
เมิ งมันเหี้ ย มโหดมาก ใจยิ้มทำด้วยอะไร ภาพที่เราเห็นคือ คนๆนั้นหน้าตาคุ้นๆมันคือ หน้าตาเดึยวกับเรา.... เรามองตัวเอง ทำไมวะ กรูทำได้ไง
ทั้งๆที่ทุกวันนี้ยุงไม่กล้าจะตบ มดไม่กล้าจะบี้ แล้วอีนั่นทำไมต้องยิ้มชอบใจว่าสิ่งมีชีวิตตายต่อหน้าต่อตาวะ....
ยิ้มอยากรู้ไม๊ว่ายิ้มทำไรอีกบ้าง นั่น....หนังแผ่นนั้นพ่อของกรู.... นี่ก็แม่กรู ส่วนผัวกู ยิ้มเอาเค้าไปขายต่อ ยิ้มทำได้ไง ยิ้มเอาชีวิตของกรูทั้งบ้านไปได้ไง.....
เราเงียบ เธอคนนั้นยังบีบคอเราอยู่จนเราไม่ไหวแล้ว.... เรายกมือไหว้ ขอโทษ
เธอคนนั้นปล่อยมือออก เราล้มลงไปกองกับพื้น ขาเราไม่มีแรงอะไรเลย เรากราบเค้า ขอโทษเค้า
แต่ว่า.... เรากำลังจะพูดว่า เราขออโหสิกรรม.... เธอคนนั้นบอกกับเราว่า กรูไม่เอา กรูไม่เอา กรูไม่ยกโทษให้ เป็นยิ้ม ใครเอาชีวิตพ่อแม่ลูกยิ้มไป ยิ้มจะให้อภัยเค้าไม๊ห๊ะ....
เราเงียบ....และส่ายหัวเบาๆ
หลังจากที่เราไม่สามารถพูดอะไรได้ เพราะการที่เราพูดอะไรไป มันก็เป็นการแก้ตัวไปเปล่าๆ เราหันหน้ามามองเค้า มองอย่างจริงจัง
เราได้แต่บอกว่า เราขออโหสิกรรมให้นะ เธอคนนั้นยืนมองหน้าเราและเหมือนจะฟังสิ่งที่เราพูดไปเรื่อยๆ เราได้แต่ขอขมาโทษ และขออโหสิกรรม ที่เราได้เคยกระทำไว้กับครอบครัวของเธอ แม่ของเธอเผยตัวมาให้เราเห็น เป็นผู้หญิงที่สวยมากอีกคนนึง แม่เค้าบอกกับเราว่า หากเค้าอโหให้ ยังไงกรรมมันก็ต้องตาม อันนี้เราเข้าใจดี และยอมรับผลที่เคยกระทำ แต่แล้ว แม่ของเธอคนนั้นก็บอกกับเราว่า ถึงเราจะให้ได้แต่สัตว์ที่เธอได้ทำไปเป็น 10 เป็น 100 เธอจะทำยังไง เราอึ้ง ค่ะ!!!!
เราทำได้ขนาดนั้นเลยหรอ!?! คำถามในหัวเราตื้อมาก แม่ของเธอให้อภัยเรา และเค้าบอกว่า ก่อนที่เราจะชำแหละเค้า เป็นเพราะมีเหตุที่จำเป็น เราไม่ได้มีอาชีพนี้ แต่เราแค่จำเป็นต้องทำเพื่อเลี้ยงปากท้องของเรา และเรายังเป็นคนที่ดูแลแม่เค้าตอนเด็กๆ ในเวลาที่เรากำลังทำร้ายแม่วัวตัวนี้ เค้าบอกว่า เราได้แต่บอกขอโทษ ทั้งคู่น้ำตาไหล เค้าบอกว่าที่ผ่านๆมา ในเวลานั้น เรากับเค้าเป็นสหายกันแต่เล็ก ดูแลกันตลอด วันนั้นมาถึงแม่เค้าเองก็ตระเตรียมใจแล้ว แต่สิ่งที่เราทำมันเตลิดขึ้นไปเรื่อยๆ
เรายิ่งฟัง เรายิ่งอึ้งค่ะ เราพูดไม่ออก มันจุกไปหมดเวลานั้น แต่เธอก็บอกกับแม่ของเธอว่า ยังไงก็จะไม่ปล่อย ชาตินี้ ชาติหน้า เราก็จะต้องเป็นโรคนี้ไปเรื่อยๆ
เราได้คุกเข่ายกมือไหว้ ขอขมา2แม่ลูก ขออโหสิกรรมเค้า เธอบอกว่าไม่ และแม่เค้าไม่สามารถขัดอะไรได้เลย เราเลยบอกว่า ไม่เป็นไรค่ะ
ยังไงก็ตามแต่ หนูจะทำบุญ อุทิศบุญกุศล และ แผ่เมตตาต่อไป ให้ครอบครัวคุณเรื่อยๆ เธอคนนั้นกรี๊ดดดดด ดังมาก เข้ามาผลักเรา และแล้วเรากลับมาใช้ชีวิตปกติ แต่เรื่องนี้ยังไม่จบนะคะ
เข้าเรื่องต่อเลยนะคะ
หลังจากที่เธอคนนั้นกรีดร้องและผลักเราเข้ามา เราหลุดจากสมาธิและกลับมาใช้ชีวิตแบบเหมือนจะปกติ แต่มันไม่ค่ะ คุณลองคิดตามนะคะ ทุกๆวันเห็นวิญญาญ ตรงนี้ที่ตรงนั้นที บางคนติดอยู่ที่เดิมมาเป็นหลายร้อยปีก็มี บางคนจิตติดอยู่ในห้วงเวลาของอดีตชาติ เค้าก็ไม่เห็นเราก็มี แต่สำหรับเรา มันไม่ใช่ เราพยามทำเท่าไหร่ก็ตาม ให้เธอคนนั้นอโหสิกรรมให้ ไม่ว่าจะถือศีล ไม่ว่าจะสวดมนต์ นั่งสมาธิ วิปัสนา แต่ละครั้งเราจะนึกถึงเจ้ากรรมนายเวรของเรา ไม่ว่าชาติไหนๆก็ตาม รวมทั้งครอบครัวเธอด้วย...
จนวันนึง การนั่งสมาธิเราเริ่มเปลี่ยนไป ไม่ใช่จิตไม่นิ่ง แต่มันคือการกระทำที่เราทำไว้กับเขาในชาติก่อนๆนั้นเอง.....
ช่วงหลังๆที่เราเจอกับเธอวันนั้น เราไม่ได้เจออีกเลย แต่เรารู้สึกว่าเธอมองดูเราตลอดเวลา เพียงแค่ไม่ให้เราเห็น เหมือนซุ่มรอจังหวะ ฉุดเรา ทำร้ายเราก็ว่าได้
วันนั้น เราเข้าห้องพระปกติ สวดมนต์ จนถึงเวลานั่งสมาธิ ใจเรารนๆแบบบอกไม่ถูก นั่งได้ไปไม่ถึง 5นาทืต้องถอดสมาธิออก และเริ่มใหม่ พอเริ่มใหม่ก็เป็นอีก เป็นอยู่อย่างนี้ 5-6รอบได้ จนรอบสุดท้าย เราไม่สนแล้ว เราจะนั่ง ถึงจะเป็นยังไงก็ตามเราก็จะนั่ง ด้วยนิสัยของเราเองที่ดื้อรั้น......
ความรู้สึกที่เรารับรู้ว่าเค้าทรมารมันเป็นยังไง เรารู้ได้ทันทีเลย และ เธอเกือบจะทำให้เราไม่ยอมนั่งสมาธิอีกต่อไป
วันนั้น เราเข้าไปห้องพระ นั่งสวดมนต์ และตามด้วยสมาธิต่อ เราค่อยๆกำหนดจิตของเรา และควบคุมให้นิ่ง ปล่อยให้ตัวเองนั่งอยู่แบบนั้น
แต่แล้ว วันนั้น เธอทำให้เราเข้าใจซึ้งถึงความเจ็บปวดอีกระรอก หลังจากที่นั่งอยู่ เข็มเริ่มกระหน่ำแทงเข้ามาแบบที่เราไม่ได้ทันตั้งตัว เวลานั้น จะให้ยอมรับว่า สมาธิหลุดไปเลยก็ว่าได้ ลงไปนอนกอง และ ขดอยู่กับพื้น ขาดิ้นพล่านๆ แต่ที่ทรมารมากกว่าคือ เหมือนมีคนค่อยๆเอามีด มาเลื่อยอยู่ที่คอ อย่างช้าๆ ค่อยๆบาดไปทีละเล็กละน้อย แต่ว่า ไม่มีเลือด นะคะ
หลังจากนั้น สิ่งที่รับรู้ได้เลยและฝังใจมาก คือ เสียง เชือด อยู่ที่คอเรา ตอนนั้น เราเหมือนคอของเราจะหลุด หายใจไม่ออก ยังไม่สมใจ เข็มปักเข้ามาอีกระรอกนึง เท่านั้นค่ะ เกิดการช๊อค ขึ้นมาทันที ดีที่แม่จะคอยเข้ามาดูเรื่อยๆ ว่าลืมปิดไฟ ปิดแอร์ไม๊ พอแม่เห็นเราในสภาพนั้น จับส่งรพ. คงไม่ไหวมั๊งคะ
แม่เดินเข้าไปกราบพระรุทธรูป ที่โต๊ะหมู่บูชา และสวดมนต์ตามปกติ น้ำที่วางไว้อยู่ตรงหน้าพระประธานนั่น แม่ระลึกถึงน้ำพุทธมนต์ให้ดื่ม ตอนนั้น และ หาขันมาใส่ เอามาล้างหน้าตา ราดผม เปียกชุ่มไปหมดค่ะ หลังจากนั้นหูเราได้ยินเสียงกรี๊ดลั่นอีกระรอก ประมาณว่าไปทำร้ายไล่เค้าไป จนกระทั่งเราไปปฏิบัติธรรม ก็ได้เจอทเปรตที่ไม่น่าจะเขื่อได้ว่ากรรมของก็ต้องรับใช้กรรม ในจุดๆนี้ไป
ยังไงก็ตาม ขอบคุณทุกๆคนนะคะ ที่ติดตาม เราพยามที่จะอัพให้จบไวๆ เพื่อให้ไม่ดูดึงกระทู้ืแต่เราก็ไม่ได้ว่างตลอดทที่จะมาเล่าและจบทีเดียวแต่ละเรื่อง เนื้อหาความหมายต่างกันมากเหลือเกินค่ะ
ขอบคุณมากๆนะคะ
เรื่องจากพันทิป กรรมเก่า เรื่องเล่าจากอดีตชาติ
เรื่องโดย สมาชิกพันทิป Rabbitizz
Post a Comment