เธอ ฉัน อดีต และ เจ้ากรรม-นายเวร


      "เธอ ฉัน อดีต และ เจ้ากรรม-นายเวร" ยังคงเป็นเรื่องราวต่อจากซีรี่ย์ของสมาชิกพันทิป Rabbitizz  "คุณเคยเชื่อเรื่องคนตายแล้วฟื้นไม๊คะ"ขอขอบคุณประสบการณ์สยอง ไว้ ณ ที่นี้ด้วย

สวัสดีค่ะ ห่างหายไปนานมากเลย ยังไงก็ต้องขออภัยทุกๆท่านด้วยนะคะ เรื่องราวที่จะเล่าในวันนี้เป็นเรื่องจริง
ที่เกิดขึ้นกับตัวเราเอง ดังนั้นหากใครไม่ชอบหรือไม่เชื่อ ขอความกรุณางดทานมาม่าห้องนี้นะคะ
ยังไงก็ตามแต่ ขอความกรุณาใช้วิจารณญาณกันด้วยนะคะ

เรื่องนี้เราได้ไปหาเพื่อนคนนึงที่อยู่ตจว. ขอแทนนามสมมุติของเพื่อนว่า เอ แล้วกันนะคะ เอกับเราเป็นเพื่อนกันมานานมากแล้วค่ะ วันนึงเอมีปัญหาด้านสุขภาพที่รักษายังไงก็ไม่หายสักที พอดีช่วงนั้นเราหาเวลาว่างได้พอดี เลยขึ้นไปหาเอเลย พอไปถึงเจอ เอ และ แม่ของเอ เราก็ทักทายกันปกติค่ะ แต่สภาพของเพื่อนเราที่เห็นคือ เธอไม่สามารถ ลุกขึ้นมานั่ง ยืน เดิน ได้ตามปกติ

ด้วยการที่แม่ของเอพยายามหาหมอทุกๆที่แล้ว ไม่ว่าจะด้านแพทย์ปัจจุบัน แผนไทย แผนจีน หรือ ไปหาหมอดูต่างๆนานา ก็ยังหาเหตุผลไม่ได้เลยทำให้แม่ของเอร้อนรนใจมากๆ แต่แล้วบังเอิญเราก็ว่างพอดีเลยคิดว่าไปหาเอกับแม่สักหน่อยด้วยความที่แม่ของเอรู้ว่าเรามีสัมผัสพิเศษด้วยเลยอยากทราบว่าเราจะรู้ได้ไม๊นะ แต่สำหรับเราไม่ได้คิดอะไร ใจนึงคืออยากไปหาเพื่อน ดูแล รักษาเค้าค่ะ แต่อีกใจก็กลัวจะไปก้าวก่ายในกฏแห่งกรรมของเค้า แต่ท้ายที่สุด กรรมใดใครก่อกรรมนั้นคืนสนอง

โดยปกติแล้วเราเองจะเป็นคนที่สวดมนต์เป็นประจำ และรวมทั้งนั่งสมาธิหลังจากสวดมนต์ด้วยนั้น จึงทำให้เราติดเป็นนิสัยว่าไปไหนมาไหนก็สวดมนต์ แผ่เมตตาอยู่ตลอดค่ะ จนวันที่เราไปหาเอทำให้เราได้พบเจอปัญหา และ อาการของเอ นั่นเองที่ทำให้เรารู้ว่าอะไร คือจุดเริ่มต้นจากอาการที่เป็นอยู่ และ ยากพอที่จะรักษาหายได้เลย นอกเสียจากเขาผู้นั้นจะยอมปล่อยและ อโหสิกรรม ซึ่งมันยากมากพอที่จะเจรจากันได้ง่ายๆ

ก่อนหน้าที่เราจะเจอเอ ความรู้สึกบางอย่างที่มันแน่นอก อึดอัด หาคำตอบไม่ได้ มันมารุมเร้าเต็มไปหมดค่ะพอไปถึงอย่างที่บอกค่ะว่าความรู้สึกแปลกๆแล้ว ทำไมเดินเข้าไปหายใจไม่สะดวก หันไปมองหน้าเพื่อนเราที่นอนหลับอยู่บนเตียง ตกใจมาก คือ หน้าไม่ใช่เพื่อนเรา ไม่รู้เพราะความเบลอหรือ ยังไง แต่คิดว่ามีอะไรที่มันแปลกแน่ๆเลย วันนั้นก็เลยได้คุยเรื่องอาการของเอเนี่ยละค่ะ แถมมีคนใจบุญช่วยเอในเรื่องของใช้ส่วนตัวอีก แต่ก็ยังมีผู้ไม่หวังดี เปรียบเปรยได้ว่า มารไม่มี บารมีไม่เกิด แต่เนี่ย คิดในใจว่าอีมารที่มี เมื่อไหร่บารมีถึงจะเกิดนะ สักพักเสียงคุ้นเคยรับรู้ได้ว่า เจรจาสิ แต่!!!! ไม่ใช่ตอนนี้ เรายังไม่พร้อม หน้าเพื่อนเรายังไม่กล้ามองเลย เอาเป็นว่าเรามานอนกับเพื่อนกับแม่เพื่อน ไว้ขอดูอาการอย่างเงียบๆก่อนแล้วกันเนอะ

พอช่วงเย็น เราได้มีโอกาสทำวัตรเย็นที่วัดแห่งหนึ่ง พอเข้าไปเราแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตาเห็น กองขบวนแห่ (สมัยก่อน) คนฟันดาบบ้างเอย ชาวบ้านแต่งตัวสมัยก่อน เอ่.....เค้ายังจิตระลึกตรงนี้อยู่ เรานิ่งๆ เงียบๆและแผ่เมตตาให้เค้า สักพักมีชายท่านนึง เดินมาบอกเราว่า แม่หญิงอะไรที่มันเป็นกรรมของบุคคลนั้น ก็คือกรรมของๆเขา เรามิอาจจะไปก้าวก่ายได้ มิเช่นนั้น มันจะสนองกลับมาที่แม่หญิงเอง...... เอาแล้วไงตรู ทำได้อย่างเดียวนิ่งและอึ้ง!!! ถามว่าท่านเป็นใคร รู้จักหนูได้อย่างไร.... เค้ากลับยิ้มแล้วบอกว่า...คำสั่งเบื่องบน!!!

OMG!!!! คำสั่งอีกแล้ว เราได้ถามกลับไปว่าจากใครที่ฝากมา ผู้ชายคนนั้นชี้ไปบนบ้านไม้ใหญ่โต พอเราเดินขึ้นไป เราเจอกับสิ่งที่ไม่คาดคิด น้ำตานี่ไหล เราไม่เข้าใจว่าทำไมตอนนั้น แต่เรารักและเคารพต่อท่านมาก พระศพของท่านเคยพำนักยู่ที่วัดแห่งนี้ เรามองเข้าไป แล้วลมพัดโชยๆเข้ามายังไงก็ไม่แน่ใจ แต่รู้สึกอบอุ่นขึ้นทันทีทันใด เราพอจะรู้แล้วว่าใคร คือคำสั่งเบื้องบนมา ณ เวลานี้ ท่านเองเปรียบเหมือนพระสยามเทวาธิราช คอยปกปักษ์คุ้มครองเราคนไทยผืนแผ่นดินนี้มาตลอด

สักพักเราก็ลาท่านไปทำวัตรเย็น ท่านก็ยังเตือนว่าเรื่องของเขาก็คือของเขา มิใช่ของเรา เราได้แต่ทำใจ แล้วกราบลาท่านอีกที ระหว่างที่ทำวัตรเย็น จิตใจเรารู้สึกแปลกๆ กระสับกระส่ายยังไงก็ไม่แน่เราก็พยามที่จะดึงสติที่สุดเพื่อให้จิตนิ่ง จนถึง เข้าสมาธิ แต่แล้วก็ยั่งไม่ได้อีก เพราะรู้สึกว่าอะไรก็ไม่รู้เยอะแยะไปหมด ทั้งข้างใน ข้างนอก แต่เราก็ยังนั่งต่อไป จนมีเสียงหัวเราะดังลั่นในหูเรา เราพยามไม่สน จนต้องเรียกว่าพระคุ้มครองแล้ว ถึงเวลาถอนสมาธิ แผ่กุศล แล้วเราก็กลับที่พัก

หลังจากเรากลับที่พัก เราไปดูเพื่อนเราอีกรอบตอนนี้นางตื่นแล้ว แต่นางไม่ยอมทานอะไรเลย เราเลยถามแม่ว่า ทุกๆวันกินอะไรแม่บอกกินตามมีตามเกิด คือง่ายๆนะคะ จากคนที่มีกิน แต่รักษาลูกจนหมดตัวต้องมาอยู่ตจว. กัน2แม่ลูก มีมากสุดก็คือไข่ไก่บดเหลว ไม่ก็ถั่วเขียวต้มเหลวๆ แค่นั้นค่ะ ไม่มีมากไปกว่านี้ จนเราไปถึงบอกแม่ว่าขอแวะห้างหน่อย ซื้อปลา หมู มาปั่น จนเหลวให้เพื่อนเราทาน นางดูเหมือนไม่ได้ทานอะไรมาเป็นสิบๆปีงั้น (อันนี้มโนเอง) พอช่วงดึกเราก็คุยสับเพเหระกับแม่ไปต่างๆนานา จนถึงเวลาแม่ไล่เราไปนอน ก็ยังตะหงิดใจอยู่ดี อะไรนะ ที่เราเห็นไม่ใช่หน้าเพื่อนเรา ใครนะใคร เค้าต้องการอะไร เสียงหัวเราะก้องในหูมันทำไม เข้ามาได้ไง??? คำถามที่สลัดทิ้งไม่ได้เลย

พอก่อนที่เราจะนอน เราก็ได้สวดมนต์ นั่งสมาธิ แล้วก็แผ่เมตตาอีกรอบ แต่ช่วงที่นั่งสมาธินั่นล่ะค่ะ ทำให้เราได้รู้ว่าทำไมเพื่อนเรามาเป็นแบบนี้ อะไรที่ทำให้เพื่อนเราอยู่สภาพแบบนี้ และอะไรที่เขาทำร้ายขนาดนี้.........
ระหว่างที่เรานั่งสมาธินั้น จิตเราเริ่มนิ่ง แล้วค่อยเข้าสู่ห้วงของความลึก ภาพนั้นตัดมาทำให้เราเจอผู้หญิงคนนึง หน้าตาเธอดูโกรธแค้นมาก ตานี่แดงกล่ำ แต่ดูจากชุดที่เธอใส่แล้ว ไม่ใช่ชาวบ้านธรรมดาแน่นอน แต่น่าจะมาจากชนชั้นสูง (ไม่แน่ใจสมัยนั้นเรียกว่าอะไรนะคะ) ชุดไทย แต่ไม่ใช่แบบคอกระเช้า แต่คล้ายๆหนังไทยที่อยู่บนเรือนไทยสมัยก่อน ปล.อันนี้เราพยามอธิบายให้เห็นภาพนะคะ เราเรียกไม่เป็น ต้องขอโทษด้วยนะคะ

ปล.เราเรียนรร.นานาชาติมาก่อนเลยไม่รู้จะอธิบายเสื้อผ้าสมัยยุคนั้นยังไงค่ะ

     เธอคนนั้นมองหน้าเราแบบโกรธเคือง เราถามว่า คุณใช่ไม๊คะ ที่เราเห็นที่หน้าเพื่อนเรา....คำตอบคือ .....เงียบ.... ไม่พูด..... เอาไงดี
พอถามอีก ก็เงียบ แล้วนางก็หัวเราะ!!!!
โอเค....รู้เรื่อง เสียงเดียวกัน ก็คงเป็นคนเดียวกันสินะ เราพยายามจะเจรจา นางบอกเราว่า ........ ตามมา!!!
ห้วนๆแบบนั้นเลย เราก็ตามนางไปสิคะ รออะไร ในเมื่อมาแล้ว ก็มาเลยละกัน ตามไปค่ะ สักพักเราเห็นผู้หญิง 2คน ในสิ่งที่นางให้เราไปดูนั้นนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน แต่เหมือนเขาไม่เห็นเรา เพราะเธอคนนั้นพาเรามายังอดีต.... หรือว่ายังไงดี... เธอพาเรามาในห้วงเวลาของความแค้นที่สุดของเธอก็ว่าได้ค่ะ 

    เราซูมหน้าชัดๆแล้ว เห็นเป็นหน้าเธอคนนี้กับเพื่อนเรา....ยังไงอะไร เริ่มงง.....ก็เห็นเป็นเพื่อนกันหนิ แล้วทำไมถึงต้องทำร้ายกับเพื่อนเราขนาดนี้???

      เธอคนนั้นบอกว่า ดูไปก่อนสิ ภาพค่อยๆตัดไปเรื่อยๆ จนมาจบตรงรักสามเศร้า เราจะขอข้ามนะคะว่ารักสามเศร้ายังไง แต่ภาพที่จบคือ เพื่อนเราทำเธอเจ็บแค้นมากมายขนาดไหน ประจานเธอต่อหน้าประชาชี ดุด่าว่าความ ดูถูกต่างๆนานา เอาหินขว้างใส่ แล้วยังมิสมใจเพื่อนเรา ยุแหย่ให้ประชาชีรุมประชาทัณฑ์เธออีก เป็นใครๆก็คงจะไม่พอใจ หรือ เครียดแค้นจนตายบ้าง สุดท้ายแล้วจิตอาฆาตพยาบาทของเธอกับเพื่อนเรา เธอได้กล่าวก่อนสิ้นลมหายใจว่า จะตามจองล้างจองผลาญ ทำให้เพื่อนเราตายทั้งเป็นทุกๆชาติไป เพราะเธอได้ตายอย่างอนาถแท้ โดยไม่มีใครมาสนใจใยดีต่อการตายของเธอ มีแต่เพียงการสมน้ำหน้า การรังเกลียด ยกเว้นผู้เป็นแม่ของเธอร้องไห้ระทมทุกข์ต่อเหตุการณ์ ทั้งๆที่เธอเองไม่ได้เป็นผู้กระทำอันใดที่ผิดเลย หากแต่เพื่อนเราต่างหากที่เป็นคนก่อกรรม

      เพื่อนเราในสมัยนั้น สิ่งที่เราเห็นคือ นางไม่แคร์ หรือ ละอายใจต่อบาปกรรม นางยังยุแหล่แม้กระทั่งเธอตายไปแล้ว ทำให้แม่ของเธอนั้น เสียใจกระอักเจียนตาย  ภาพที่เราเห็นเรานึกในใจว่า เพื่อนเรา เห้ มาก แต่ก็นะ ทำไรไม่ได้แล้ว นอกจากต้องให้เค้าชดใช้เวร กรรม ของ กันและกัน เท่านั้นเอง

คืนนี้ขอมาแค่นี้นะคะทุกๆคน พรุ่งนี้จะรีบมาเล่าต่อนะคะ ขอบคุณมากค่า

 เดี๋ยวจะขออนุญาติบอกกล่าวกันก่อนว่า เราเป็นมนุษย์ที่พูดจาไม่รุ้เรื่องอยู่แล้ว ยิ่งเอาคำพูด ความรู้สึก ในช่วงเวลานั้น มาเรียบเรียนให้เป็นคำเขียน และอ่าน มันยากมากๆสำหรับเรา ยังไงก็ต้อง ขอบคุณทุกๆท่านนะคะ ที่รออ่าน ถึงแม้ว่าจะช้าก็ตาม

ยังไงก็มาต่อกันสักนิดสักหน่อยนะคะ

หลังจากนั้นเราได้ขอร้องกับเธอว่า อโหสิกรรมให้เพื่อนเราได้ไม๊ ชาตินี้มันก็จำอะไรไม่ได้ แต่เธอกลับไม่ยอม และยังส่งท้ายให้กับเราอีกว่า _ู_ ไม่ทำมันตายก็บุญโขแล้ว แต่เพียงจะทำให้มันตายทั้งเป็น เราก็อ่าว...อีนี่จะยังไง.....คือให้รับรู้เหตุการณ์โดยไม่ต้องทำอะไรเลยใช่ไม๊ เราด้วยความที่รักเพื่อน บอกไปว่า..... ไม่เป็นไร เราจะได้เห็นดีกัน!?!

อิ๊บหายแล้ว คือตอนนั้นไม่รู้ว่าจะเรียกว่ายังไง ไม่เข้าใจว่าไปพูดกับเธอแบบนั้นได้ไง คือเราอึ้งและนิ่งไปหมดว่า.....ทำไมกล้าพูดคำดูถูกกับเธอขนาดนี้ เราพยามประครองสติทุกๆอย่าง แล้วนิ่ง.....เธอบอกแค่ว่า จะคอยดูแล้วกัน....เอาล่ะสิ เหมือนเรากำลังต่อสู้กับสิ่งที่เป็นอะไรที่เหนือความคาดหมายมากๆ เราถามข้างในว่า ลูกจะทำอย่างไรต่อไปดี..... แต่ได้คำตอบแบบบาดใจมากค่ะว่า "พูดเองไม่ระวังตัวเอง สติไม่มีเองใครเค้าจะช่วยล่ะ ไม่ใช่คนตามเก็บตามเช็ดให้น่ะที่จะมาคอยจัดการปัญหาที่เราก่อไว้"

เอิ่ม.....ค่ะ ทราบแล้วเจ้าค่ะให้ทำไงได้ พูดเอง ก็ต้องยอมรับเอง แต่จุดมุ่งหมายของเธอไม่ใช่เรา เธอเหมือนจะไม่ได้เคียดแค้นอะไรเรา แต่แค่บอกเราว่าจะดูอยู่ว่าจะทำอะไรได้.....เราก็กลับมาโหมดปัจจุบันค่ะ คือ นอน....ขอไม่คิดละกัน....และก็หลับอย่างสบายอารมณ์ทั้งๆที่มีคนบอกหลายต่อหลายคนว่าที่นี่มีเยอะ ใครๆที่มาพัก มาอาศัย ไม่มีใครไม่เจอ แต่เอิ่ม....จุดๆนี้ ขอตัวนอนดีกว่า.....แล้วก็หลับไป......ตื่นมาหลายๆบุคคลเหมือนจะรอคำตอบจากเราว่า..... เจอดีไม๊??? โดนหลอกไม๊??? คือว่า.....คือ...หลับสนิทมากค่ะไม่รู้อะไรและไม่พบเจออะไรเลยจนถึงเช้านี้ล่ะค่ะคำตอบที่ตอบไปทำให้บุคคลที่ไถ่ถามนั้นตะลึง ไม่เว้นแม้กระทั่งพระสงฆ์ แต่ยังมีท่านมหาที่ไม่สงสัยอะไรในตัวเราเลย เราเองก็ไม่แปลกใจ ท่านเองก็ไม่แปลกใจ แปลว่า ท่านรู้อยู่แล้ว เพราะดูจากสีหน้าของท่าน(มโนไปเองนะคะเวลานั้น) หลังจากที่เราทำวัตรเช้า ทำกิจวัตรเสร็จเราก็ไปดูแลเพื่อนเราต่อ ตอนนี้หน้าของเอ ปกติ ถามอะไรไปก็ตอบไม่ได้ เลยให้กระพริบตา แต่ๆๆๆๆ อึ้งสิ การตอบสนองเอไวมาก จนเรานิ่ง และแล้วความรู้สึกอึดอัดก็กลับมาอยู่ในอกเหมือนเดิม เราเลยบอกแม่ว่า ขอตัวเข้าไปในโบสถ์สักแปปนะคะ เราอยากจะมีสติที่สุด เราก็เลยไปภาวนา และก็นั่งนิ่งๆ เรียกสติมาสักพัก และเราก็กลับไปรักษากับคุณเพื่อนเอต่อ....

มีใครต่อใครมาถามเราว่า  เอเป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นไม๊ เราเองก็ตอบอะไรมากไม่ค่อยจะได้ แต่สำหรับตัวเราเอง รู้สึกพอใจกับการรักษาเอในระดับนึง แต่ว่าก็ต้องรอดูกันต่อๆไปนะ ว่ายังไง และแล้วเราก็เข้าใจถึงสัจธรรมเวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร กรรมมันก็อยู่ส่วนของกรรม เธอผู้นั้นเห็นแล้วว่าเราตั้งใจที่จะอุทิศบุญกุศลไปให้ แม่เอ เอ และก็บุคคลรอบข้างๆเอก็เช่นกัน แผ่กุศลไปให้ ที่เธอไม่ได้ไปไหน เพราะ เธอแค่รอคอยใครสักคนที่จะรับรู้ความเจ็บปวดทรมานของเธอคนนั้น เธอมาบอกว่า เอสมควรได้รับกรรมของเอไป และ ตัวของเธอเองก็คงจะต้องไปรับใช้กรรมเช่นเกียวกัน เธอบอกว่า เธอยังไม่อโหสิกรรมให้ แต่จะไม่ทำอะไรไปมากกว่านี้ ที่ผ่านมาเธอทำให้เอเป็นอะไรมากมาย เพราะอยากให้เอรู้ว่าตัวของเธอนั้นทรมานแค่ไหน
เราเลยอธิบายทุกๆอย่างให้คนรแบข้างของเอฟัง ว่าเรื่องราวเป็นมายังไง ทุกๆคนทำได้แค่เพียงว่า ทำใจและ ยอมรับ กับผลกรรมจากอดีต ไม่ว่า กรรมในอดีต จะจำได้หรือไม่ก็ตาม คนทุกๆคนย่อมมีกรรมในอดีตติดตัวมา แต่เพียงแค่ว่า เราจะสร้างกรรมนั้นให้มันดี หรือ เลว เธอบอกกับเราว่า ขอบคุณที่ยอมรับฟัง ยอมรับรู้เรื่องราวต่างๆนานา ในที่ผ่านมา เธอเจ็บใจที่เธอต้องมาตายอย่างน่าอนาถ แต่ สิ่งที่เจ็บปวดมากกว่า คือ น้ำตาของแม่เธอ การเสียใจของแม่เธอ มันทำให้เธอผู้นั้น ยิ่งโกรธแค้า เธอบอกว่า ทำอะไรเธอก็ได้ แต่ แม่คือบุคคลที่สำคัญในชีวิตของเธอ แทนที่เธอจะมีโอกาสได้ดูแลแม่ แต่กลับกลายเป็นว่า แม่ต้องมาดูลูกในวันที่เธอทรมาน จากการโดนทำร้าย จนตาย แม่เธอ กล่าวโทษตัวเอง และ ได้เสียใจมากจนแทบจะไม่อยากอยู่ เพราะเธอคือ บุคคลคนเดียวของแม่ ที่แม่คอยประคบประหงม ดูแลอย่างดี กลับกลายเป็นการจากลาโดยไม่ได้ตอบแทนคุณของท่าน

ตอนนี้ เรา และ คนรอบข้างของเอ รู้ดีแล้วว่าทำไมชีวิตเอถึงเป็นแบบนี้ แต่ต้องยอมรับกับกฏของกรรม เอเองก็ต้องใช้กรรมกันต่อไป รวมทั้ง เอยังจะต้องติดหนี้แม่ของเอ ถามว่าเราสงสารไม๊ เราสงสารทั้งแม่และเอ แต่เราไม่สามารถก้าวก่ายกรรมของใครๆได้ทั้งนั้น อยู่เพียงช่วยได้ว่า เราสามารถแผ่บุญให้กับเอ และ เธอผู้นั้น

ขอบคุณมากๆนะคะ สำหรับที่ติดตามอ่านกัน
แต่เรื่องที่เราพบเจอมา กับสิ่งแวดล้อม คนใกล้ตัว คนไกลตัว  ยังมีอีกเยอะค่ะ

ยังไงจะพยายามมาอัพบ่อยๆนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

เรื่องจากพันทิป เธอ ฉัน อดีต และ เจ้ากรรม-นายเวร
เรื่องโดย สมาชิกพันทิป Rabbitizz

ไม่มีความคิดเห็น