หลอกทั้งเรื่อง หอใกล้ ม.ทักษิณ สงขลา


      เรื่องราวจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624 สาวสวยจากพัทลุง  นักเล่าจากแดนทักษิณผู้มีสัมผัสสยอง มีเรื่องราวความสยองจากภาคใต้ มากมายโปรดติดตามผลงานและเรื่อง "หลอกทั้งเรื่อง หอใกล้ ม.ทักษิณ สงขลา" ขอขอบคุณเรื่องราวสยองไว ฌ ที่นี้ด้วย

เช้าลืมตาขึ้นมามองเธอในยามเช้าตรู่
.................... แอบตดใส่เธอเบาๆ ทั้งๆ ที่เธอไม่รู้
.............................ฝันกลางวันด้วยกัน ดอกไม้ของเธอกับฉัน
.....................................แค่มีวันเหล่านั้นก็มีความสุขเหลือเกิน

....มันก็เป็นเรื่องประจำวัน  เมื่อไม่มีเรียนเช้า  พวกเราก็จะพากันนอนดึกๆแล้วตื่นสายๆภาษาบ้านๆเรียกว่า
แดดไม่แยงวานไม่ห่อนตื่น  เรากับอิเป๋อเพื่อนเกลอ  นอนกอดก่ายแขนขากันบนเตียงที่ไม่ค่อยจะนุ่มเท่าไหร่
ตดใส่กันไปมา  โดยที่ไม่รู้ตัว   เป๋อจะเป็นคนนอนง่ายและตื่นยาก   ชอบนอนกัดฟันและละเมอเหมือนเธอคุยกับใครอยู่ในฝัน  บางครั้งก็ตดออกมาสนั่นห้อง ดัง  ปู๊ดดดดดดดดดดดดดด  ชนิดที่รับรู้ได้ถึงคลื่นพลังตดจากก้นใหญ่ๆของนางมากระทบขา    เราคิดในใจว่า  อนาคตถ้ามันมีสามี  แล้วนอนกับสามี ในสภาพนี้   เค้าจะรับมันได้หรือเปล่า
กลัวนะ  กลัวสามีในอนาคตมันมาตั้งกระทู้ถามในพันทิปว่า


       “แฟนผมเธอสวย  แต่ชอบนอนกรนแล้วละเมอตดใส่ผมเสียงดังมาก  ผมควรทำไงดี”


......สายวันนั้น เราตื่นมาก่อน  ก็นอนลืมตากลิ้งไปกลิ้งมา  ก่อนจะหันไปเสียบลำโพงเล็กๆเข้ากับโทรศัพท์เพื่อเปิดเพลงฟังเบาๆ   ช่วงนั้นเรากำลังคลั่งไคล้เพลง   “หน้าหนาวที่แล้ว” เวอร์ชั่น   เบลล่า ไรวินทร์  ฟิจเจอริ่ง พี่แว่น
เราชอบตรงท่อนแร๊ฟมาก  เพราะรู้สึกว่าเวลาร้องท่อนนั้นตามเพลง  เหมือนเราได้บริหารการรัวลิ้นตอนเช้าๆดี
เคยจะอัดคลิปร้องเพลงนี้ลงยูทูบ  เลยเทสต์ การร้องให้คุณเป๋อฟัง  คุณเป๋อเธอก็นั่งทำหน้าเหมือนหมาพิตบูล อมขี้   บวมๆตุ่ยๆ  ก่อนจะบอกเรามาว่า

     “เดี๋ยวกุเลี้ยงโรตี ซอย20 ที่วชิรามืงนะ  แล้วอย่าไปร้องลงโซเชียลล่ะ กุสงสารคนฟังต้องมานั่งทำหน้าแบบกุ”

   ......อืมมมมมม    T_T ซึ้งใจกับเรตติ้งแล้วล่ะ  พับไว้ฟังคนเดียวแล้วกัน   แต่เราร้องได้นะ  ขึ้นใจเลย
ไม่เกี่ยวกับเรื่องผี  แต่อยากเล่าให้ฟัง    ตอนนั้นเรากำลังฮัมเพลงหน้าหนาวที่แล้วอยู่  จู่ๆเสียงโทรศัพท์เราก็ดังขึ้นมา
เราจึงต้อง ขัดใจ กดรับสาย  เป็นสายจากเพื่อนชายคนนึง  ที่มีนิสัยกวนบาทามากมายไม่ค่อยได้สุงสิงกัน   แต่เขาขอเบอร์เราไว้เผื่อมีการติดต่อขอความช่วยเหลือในด้านผีสาง  เมื่อเรากดรับสาย   จริงๆเราพูดใต้กัน  แต่กลัวคนอ่านภาคอื่นไม่เข้าใจ  เราจึงแปลมาเป็นกลางเลยแล้วกัน

        “สวัสดีค่ะ  หยกพูดนะ”

       “หยกจ๋า  ได้ยินไม๊ว่าเสียงใคร มันเหมือน เสียงคนร้องไห้
แต่คล้าย ชายเจ้าน้ำตา
เสียง นี้
คือเสียง คนปวด อุรา
จึงร้อง ครวญหา
หยกจ๋า หลบหน้าไปไหน “

       “...............????............ “

       “เงียบเลย    ไม่ตลกหรอ  อืมๆเค้าขอโต๊ษ”

       “มีอะไรหรือที่โทรมา”

        “คืองี้  เพื่อนเรามันโดนผีหลอก  เลยอยากจะรบกวนขอคาถาไล่ผีจากหยกหน่อย “

“เราไม่มีคาถาหรอก  เราไม่ใช่หมอผี  แค่คนเห็นผี  และก็ไม่ได้มีเวทมนตร์เหมือนแฮร์รี่พอตเตอร์ด้วย”

“โหย...อย่าตัดรอนกันเลยนะ  นี้เพื่อนเรามันเดือดร้อนจริงๆ ไม่กล้าไปนอนห้องตัวเอง   เที่ยวอาศัยนอนห้องเพื่อนคนนั้นคนนี้ไปทั่วแล้ว  จะย้ายออก ก็ยังทำไม่ได้  มันไม่รวย เดี๋ยวไม่ได้เงินประกันคืน  นะ นะ ช่วยหน่อยคาถาอะไรก็ได้”

.....เพื่อนคนนั้นก็เซ้าซี้จี้เรา จะขอคาถากันผี ไล่ผีให้ได้  ซึ่งเราก็ไม่มีอะไรแบบนั้น  ก็เลยถามข้อมูลว่าเป็นผีผู้หญิงผมยาวมาหลอก  เราก็ไม่รู้จะเอาคาถาอะไรให้  เพราะเราไม่มีอะไรแบบนี้  แต่พอถูกรบเร้ามากๆ เราก็เลยจัดให้ไป

“เอ้า นายฟังดีๆแล้วฟังให้ทันนะ”

“อ่าๆ เคๆ จัดมา รอจดอยู่”

“I wanna tell you 'bout something that we should be together But it someone that right there just break we down forever นึกถึงเธอเมื่อตอนตื่นนอนในตอนเช้า เวลาเก้านาฬิกาก็คิดถึง (ทุกที) And it start like everyday found my heart and I wanna play them you with you (oh baby)”

“เอ่อ  หยก  เราว่าไม่ใช่แล้วล่ะ  คาถาไล่ผีบ้าอัลไรเนี่ย  คุ้นชิหาย เหมือนได้ฟังจากยูทูปวันก่อนเลย ท่อนแร๊ฟเพลงหน้าหนาวที่แล้วชัดๆ”

“ก็เราบอกว่าเราไม่มีคาถา  เราแค่มีดวงตาเห็นผี  แต่เซ้าซี้จัง เลยจัดให้  จะเอาท่อนต่อไปไหม ของกำลังขึ้น  เดี๋ยวเย็นนี้เลิกเรียน  ลากเพื่อนนายมานั่งคุยกันที่ข้างโรงอาหารมหาลัย เคป่าว จะช่วยหาทาง”

.....เย็นนั้น  เราก็เลยไปเจอเพื่อนคนนั้น พร้อมอิเป๋อ เพื่อนชายคนนั้นพาเพื่อนคนที่ว่ามา  พอมานั่งก็แนะนำตัวกัน

   “อ่อ นี้คนนี้ชื่อหยกนะ  เป็นคนที่มีสัมผัสพิเศษ  อีกคนนั้นชื่อจำปี เพื่อนซี้เค้า”

  “สวัสดีครับ  ผมชื่อพงษ์นะ”

   “สวัสดี  เราหยก ไหนอาการเป็นยังไง บอกหมอซิ”

   .....พงษ์ก็เริ่มเล่าเรื่องที่ตัวเองเจอมา   พงษ์ว่า    พงษ์เข้าพักที่หอพักแห่งหนึ่ง  เป็นหอใหญ่แถวๆ ม.ทักษิณ  แต่พงษ์ไม่ค่อยอยู่ห้องเท่าไหร่  เพราะพงษ์ขี้เหงา  ไม่มีแฟน  แต่เป็นคนมีเพื่อนเยอะ  พงษ์ก็ชอบออกไปเฮฮาตามบริเวณ ลานดนตรีบ้าง  เก้าอี้ดำบ้าง   ศาลานางเงือกบ้าง  แต่หลักๆคือไปขลุกกินน้ำกระท่อมที่ห้องเพื่อน  แล้วก็เชือน นอนห้องเพื่อนจนเช้าสาย  ชีวิตของพงษ์ก็เหมือนว่าเขาเช่าห้องไว้เก็บของมากกว่านอน

.....พอนี้ในคืนนั้น  มีเพื่อนของพงษ์คนนึง  มาจากพัทลุง  มาขออาศัยนอนห้องพงษ์  พงษ์ก็เลยอนุญาต พาไปส่งห้องแล้วให้กุญแจห้องไว้  แต่พอคืนนั้น พงษ์กำลังแด๊นซ์อยู่ในผับ So Good กำลังสีหญิงฟินๆ เพื่อนคนที่ว่าก็โทรมาหาพงษ์  ตอนแรกพงษ์ไม่กดรับ  เพื่อนก็ยังโทรมาไม่หยุด  พงษ์หงุดหงิด  แต่ก็เดินออกมารับโทรศัพท์ตรง4แยกข้างผับ

    “ฮัลโหล ไหนว่าพรือไอ่เพื่อน กุอยู่ผับนิ”

    “มืง มารับกุไปส่งโรงแรม รีสอร์ท  ม่านรูด ห้องพักรายวันแถวนี้ทีพงษ์”

    “เอ้า ทำไมเห้ย  ไม่นอนห้องกุล่ะ”

.....พงษ์ว่าพงษ์ก็ไปรับเพื่อนคนนั้น พาไปส่งโรงแรมม่านรูดแห่งนึง ใกล้ๆร้าน Dr.Cool  เพื่อนคนนั้นก็เล่าให้ฟังว่า  พอกินข้าวเสร็จก็นั่งดูทีวีในห้อง  จนประมาณ3ทุ่ม ก็ลงมาซื้อเบียร์ที่ร้านค้าแถวหอขึ้นไปนั่งดื่ม  หมดไป2ป๋อง ก็อาบน้ำนอนหลับไป  พอกำลังนอนๆ  ก็ตกในตื่น  เพราะเห็นเงาคนตะคุ่ม ตะคุ่ม มายืนอยู่ข้างตู้ในห้อง

.....เพื่อนของพงษ์ก็นอนตัวแข็งเลยเพราะกลัว  ก็ทักไปว่า  “นั้นใครครับ  เพื่อนพงษ์ม้ายครับ”
เงียบ....เพื่อนพงษ์ว่า  ก็ใจไม่ดี  ทักถามไปอีก3-4ที    เพื่อนพงษ์ก็คิดว่าตัวเองคงเมาเบียร์จนตาลาย  เลยลุกมาเปิดไฟ
พอไฟสว่าง  ก็ไม่มีอะไร  ก็ยืนงงๆไป  พอไม่เห็นว่ามีอะไร  เพื่อนพงษ์ก็นอนต่อ  หลับไปได้พักเดียว  รู้สึกเหมือนเตียงที่นอนมันยวบไปยวบมา   ก็ลืมตามองที่ปลายเตียงอีก  เขาก็ตกใจร้อง “เห้ย”

.....เพราะว่าเขาเห็นว่า  มีใครไม่รู้  มานั่งที่ปลายเตียง   ห้องมันก็ไม่ได้มืดสนิท  ขนาดที่จะมองไม่เห็นว่า  เงาที่ว่าน่ะ  เป็นลักษณะผู้หญิงรูปร่างดี  ผมยาวถึงกลางหลัง  มองลางๆลักษณะแต่งตัวเหมือนเด็กเที่ยว  เด็กทำงานร้านเหล้า  ตอนนั้นเพื่อนของพงษ์ก็กลัวมากแล้ว แต่ไม่กล้าขยับหนี  เลยยกมือพนมบอกเสียงสั่นๆไปว่า

       “จะเป็นใครก็แล้วแต่  ผมแค่มาอาศัยเพื่อนนอนครับ  ผมขอโทษด้วยครับ ถ้ามารบกวนอะไรคุณ  อย่าหลอกผมเลย  ผมกลัวแล้วครับ “

.....แต่ว่าผู้หญิงคนนั้น ก็ยังนั่งหันหลังอยู่แบบนั้น  ไม่ยอมไปไหน  เพื่อนของพงษก็แทบจะร้องไห้ เลยหลับตาท่องนะโมตัสสะอรหังสัมมาไป3จบ  พอครบ3จบก็ลืมตา  ผู้หญิงคนนั้นก็หายไปจากปลายเตียง  แต่ไปนั่งอยู่บนหลังตู้แทน  แล้วหันหน้ามาประจันหน้ากับเพื่อนของพงษ์ที่นอนอยู่   เพื่อนของพงษ์ก็สติแตกเลย  คว้าโทรศัพท์ได้ ก็วิ่งออกจากห้องมาอยู่ข้างนอกแล้วโทรหาพงษ์นั่นแหละ

.....พงษ์ว่าพงษ์ก็คิดว่าเพื่อนน่ะเมาเบียร์จนหลอน  เพราะพงษ์ก็เคยนอนอยู่ไม่เคยเจอสักครั้ง  ก็ไมได้ใส่ใจอะไร  ก็ยังใช้ชีวิตไปเรื่อยๆ  แต่พอคืนนึง  พงษ์พาสาวไปกินตับที่ห้อง  เลยนอนค้างที่ห้องพงษ์  พงษ์ว่าพอนอนๆอยู่  หูได้ยินเสียงดัง
กึก กึก กึก กึก   เป็นจังหวะแบบเรื่อยๆ  แต่พงษ์รำคาญ เลยลืมตาตื่น  มองหาว่าเสียงนั้นดังมาจากไหน

…..ก็กวาดสายตามองไปรอบห้อง   ก็ตกใจ  เพราะว่า  เห็นว่ามีใครกำลังนั่งอยู่ที่เก้าอี้พิงหลังพลาสติกตรงหน้าตู้กระจกแต่งตัว  ในลักษณะนั่งคู้ตัว  งอขากอดเข่า ก้มหน้าซบหัวเข่า ผมยาวเฟื้อยเกือบถึงพื้น  แบบนั่งโยกเก้าอี้แบบยกขาเก้าอี้ด้านหน้าขึ้นแล้วปล่อยลง จนมีเสียงดัง กึก  กึก  กึก ที่ว่า   พงษ์ก็ขยี้ตาหลายที  แต่เงาไม่ไปหายไป
พงษ์เอื้อมมือไปจับสาวที่นอนข้างๆ  เธอก็นอนอยู่  พงษ์ก็กลัวขึ้นมา  ว่าใครเข้ามาในห้อง  ซึ่งไม่น่าจะเข้ามาได้
…..พงษ์เลยเขย่าตัวสาวที่นอนด้วย  เธอๆๆๆ  เธอๆๆๆ  แต่เธอไม่ยอมตื่นมาอยู่เป็นเพื่อนเลย  สักพักเงาที่พงษ์เห็นน่ะ  ก็ลุกขึ้นเดินเฉียดปลายเตียงเข้าห้องน้ำหายไปเลย  พงษ์ว่าเช้านั้นพงษ์ไม่กล้าเข้าไปขี้ในส้วม  ก็ไปส่งสาวที่นอนด้วยเสร็จ  ก็ไปอาศัยหอเพื่อนขี้และอาบน้ำ

......พงษ์เองก็เริ่มกลัวห้องตัวเองขึ้นมาเวลาจะไปห้อง ก็ต้องชวนเพื่อนคนอื่นไปเป็นเพื่อนด้วย  จนบางช่วงต้องเอาเสื้อผ้า และอุปกรณ์การเรียนไปฝากไว้ห้องเพื่อนที่ไปขออาศัยนอน  นานๆทีก็จะชวนเพื่อนคนอื่นกลับมาห้องสักครั้ง  แล้วก็เจอคนเฝ้าหอกวักมือเรียกในวันนึงที่กลับไปห้อง  คนดูแลหอก้บอกพงษ์ว่า

     “เออ น้อง  น้องอยู่ห้อง.....ใช่ไม๊  ห้องข้างๆหลายห้องเขามาฟ้อง  ว่าแฟนน้องน่ะร้องไห้เสียงดังกลางดึกบ่อยจังเลย  บอกแฟนน้องเบาๆเสียงหน่อยนะ รบกวนคนอื่น  บางคืนก็ออกมานั่งร้องตรงบันได  แฟนน้องเป็นอะไร ทะเลาะกันหรอ”

…..พงษ์ว่า เขาก็ได้แต่รับปากครับๆ  แต่เขาก็ไม่รู้จะจัดการปัญหานี้ยังไง  พงษ์มั่นใจว่าห้องของพงษ์มีผีแน่ๆ  เลยไปขอคำปรึกษาจากเพื่อนๆในวงน้ำกระท่อม  แล้วพอดีว่า  เพื่อนคนที่เขาปรึกษานั้น เขารู้จักกับเรา  และแนะนำว่า  เรานั้นมีสัมผัสจะให้ลองไปดูให้หน่อย  ไปกันหลายๆคนน่าจะอุ่นใจดี

.....เราก็ตกลงไปดูให้ตามที่เพื่อนคนนั้นขอมา  ก็ไปกันเย็นย่ำค่ำนั้นเลย  เรานั้นไปกับนังเป๋อ และ2หนุ่ม ไปถึงก็เดินตามพงษ์ไป  บรรยากาศทางเดินนั้นอึมครึม  เราไม่ยอมใช้ลิฟต์  เพราะเป๋อเป็นคนกลัวลิฟต์  เพราะเคยติดอยู่ในลิฟต์จนต้องงัดลิฟต์มาก่อนอย่างน่ากลัว  พอไปถึงหน้าห้องพงษ์  พงษ์ก็ไขลูกบิด  แต่ไม่กล้าเปิดเข้าไป

....เราก็เลยยืนนิ่งๆทำสมาธิ เบิ่งตามองเข้าไปในห้องนั้น  แต่ก็ยังไม่รู้สึกถึงพลังงานอะไรดังว่า  หรือคงเพราะมีประตูกั้นอยู่  หรือเพราะเค้าไม่อยากให้เราเห็น  คนอื่นๆก็หลบข้างหลังเราหมด พงษ์นั้นดูทำท่ากลัวที่สุด  ซึ่งเราก็เข้าใจได้  เรากลั้นใจเป็นคนเปิดประตู  เราบอกให้คนอื่นๆตามมา  ข้างในห้องมันมืดๆและมีกลิ่นอับ

    “พงษ์ เจ้าของห้อง เปิดไฟหน่อย”

....พวกเราเข้ามาในห้องหมดแล้ว ทันใดนั้น  ประตูห้องก็ปิดดัง ปั้ง  เป๋อถึงกับร้องกรี๊ดเสียงหลง   เราสะดุ้งเพราะเสียง
แล้วเพื่อนของพงษ์ก็หันไปทางประตูพร้อมๆกัน  พงษ์บอกมาว่า

     “โทษที  เราปิดแรงไปหน่อย  แหะๆ”

      “เอาเลย หยก  หลับตาใช้สมาธิดูเลย มีอะไรอยู่ในห้องนี้ไหม” เพื่อนของพงษ์ที่เป็นเพื่อนเราพูดขึ้น

.....เราก็เลยนั่งลงที่ปลายเตียง  หันหน้าไปยังหน้าโต๊ะเครื่องแป้งกระจก  ที่พงษ์บอกว่า ผู้หญิงผมยาวคนนั้นมานั่งโยกเก้าอี้หลอกเค้าอยู่  เรานั่งทำสมาธิ อธิษฐานหวังว่า จะได้รู้ว่าวิญญาณหญิงสาวคนนั้นอยู่ในนี้หรือต้องการอะไร พอเราลืมตาขึ้นอีกครั้ง  เราก็ตกใจ เพราะมีเงา3เงา ยืนล้อมเราอยู่ด้านหน้า   ทันใดนั้นไฟในห้องก็สว่างพรึ่บ  พร้อมกับมีเสียงดัง ปั้ง...
ริบบิ้นสีรุ้งลอยละลิ่วว่อนห้อง  พร้อมๆกับมีเสียงร้องเพลงประสานเสียง  แฮปปิเบิร์ดเดย์ทูยู ของเพื่อนๆในชุด นักศึกษา
จำปาถือเค้กวันเกิดเดินออกมาจากในส้วม  สุขสันต์วันเกิดนะหยก  มีความสุขมากๆนะเพื่อนรัก   เอ่อ  ที่เล่ามาซะยาวเนี่ยถูกหลอกให้อ่านหรอ  อืม  เราก็ถูกหลอกเซอร์ไพรส์มาเหมือนกัน  ก็ถือว่าแบ่งๆกันเคืองแล้วกันนะคะ สรุปคือเพื่อนๆเรามันวางแผนเซอร์ไพรส์วันเกิดเราโดยใช้เรื่องผีมาหลอกให้เรามาที่ห้องนี้ค่ะ ไหนๆก็ไหนๆแล้ว

เราดัดแปลงเนื้อเพลง  “มหาลัยวัวชน” เวอร์ชั่นคนเห็นผีไว้  ฝากเอาไปร้องใส่ทำนองเอาเองแล้วกัน  สวัสดี.

เรื่องจากพันทิป หลอกทั้งเรื่อง หอใกล้ ม.ทักษิณ สงขลา
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624

ไม่มีความคิดเห็น