314 - 44... อดีตผี ปีศาจหลอน
โรนินโดดเดี่ยว หรือสมาชิกพันทิป 3402998 นักแต่งนิยาย ผีวิญญาณและเรื่องลี้ลับสยองขวัญ โปรดติดตามผลงานของเขาขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
จังหวัดลำปาง อำเภอะแม่เมาะ... ชุมชนแฟลตบ้านพักพนักงานรัฐวิสาหกิจ การไฟการไฟฟ้าฝ่ายผลิต(กฟผ.)
ตอนสายของวันเสาร์วันหนึ่ง...
โพละ !
"ตายๆๆ !... ทำไมซนกันอย่างนี้ล่ะลูก ! ดูสิ เสียหายหมดเลยเห็นมั้ย !?... ป่ะๆ พากันไปเล่นข้างล่างเลย
ก่อนที่จะโดนตีก้นกันทั้งสามคน... ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ !!"
จุ๊บแจง เด็กหญิงวัยหกขวบกับเพื่อนของเธอกลัวโดนตีและรีบวิ่งออกห้องพักไป หลังจากที่โดนเอ็ดเพราะเล่นไล่จั๊กจี้กันในห้องพักซึ่งก็คับแคบอยู่แล้ว จนไปชนถาดขนมจีบบนโต๊ะที่แม่ของเธอห่อเรียงไว้ตกกระจายหมด
"โฮ้ย !!.... ซนกันเป็นลิงเป็นค่างเลยเด็กพวกนี้ ! "
จุ๊บแจงกับเพื่อนเร่งสปีดในการวิ่งลงบันไดแฟลตเมื่อได้ยินเสียงแม่ของเธอบ่นไล่หลังมา
สนามเด็กเล่น... ในเรือโยกอันกว้าง หนึ่งในเครื่องเล่นของสนาม
"นี่ เล่นอะไรกันดีล่ะ ? คิดออกกันรึยัง ?" เจินเจิน หนึ่งในเด็กหญิงทั้งสามคนเอ่ยขึ้น หลังจากทั้งหมดเงียบกันไปสักครู่หนึ่ง
"ไม่อ่ะ... อะไรก็เล่นไปหมดแล้ว เม็ดต้อยติ่งที่แฟลตน้าเดือนก็หมด จะเล่นอะไรอีกดีล่ะ ? " มารีอาตอบพลางหันไปถามจุ๊บแจง
"ไม่รู้สิ... กลับบ้านมั้ง ? ตอนนี้มันเหมือนเป็นเวลากินข้าวแล้วนะ" แม้แต่จุ๊บแจงเองก็หมดไอเดีย จุ๊บแจงเป็นเด็กที่มีความ
เป็นผู้ใหญ่มากที่สุดในกลุ่ม เธอจึงกลายเป็นผู้นำกลุ่มไปโดยปริยาย
"จริงด้วย รู้สึกหิวข้าวแล้วเหมือนกัน"
แล้วก็มีกลุ่มเด็กผู้ชายสามคนเดินเข้ามาที่กลุ่มของจุ๊บแจง
"นี่ ! ถ้านึกไม่ออกว่าจะเล่นอะไร... ไปกับพวกเราเอาป่าว !?"
เด็กชายกลุ่มนี้เป็นเด็กดื้อประจำแฟลตที่อยู่ถัดไปจากแฟลตของจุ๊บแจง มีวีรกรรมในการสร้างความเสียหายมาแล้วอย่างโชกโชน จนผู้ใหญ่หลายๆคนเอือมระอาในความดื้อของพวกเขา
"อะไร นายเต้ ? พวกนายมาทำไม !?"
เจินเจินยืนขึ้นเท้าสะเอวถามด้วยท่าทางที่ไม่ต้อนรับ แล้วก็เสียการทรงตัวจนนั่งลงไปอย่างเดิมเพราะกำลังอยู่ในเรือโยก ทำให้เต้และลูกสมุนของเขาหัวเราะเยาะเจินเจินจนเธออาย หน้าแดงก่ำและบูด
"จะไปไหนของนายล่ะ ? พวกเราจะกลับบ้านแล้ว หิวข้าว" จุ๊บแจงหัวหน้ากลุ่มออกโรง
"ช่าย ! พวกเราไม่อยากเล่นกับพวกนายหรอก... แบร่ !" มารีอาเสริมขึ้นแล้วแลบลิ้นใส่กลุ่มเด็กแสบ
"โด่ ! ...พวกเธอนี่น่าเบื่อจัง เราว่าจะหาคนเพิ่มซะหน่อย... พวกเรากำลังจะไปผจญภัยกันนะ รู้ป่าว ?
สนุกกว่าเล่นอะไรแบบพวกเธออีก" เต้บ่นพลางเกาหัว
"ก็ไปหาคนอื่นสิ... พวกเราจะกลับบ้านไปกินข้าว" จุ๊บแจงปฏิเสธอย่างไม่ไยดี
"ก็ไม่มีใครมาเลยนี่นา เราเห็นแต่พวกเธอนี่แหละ"
"ก็พวกนายมันนิสัยไม่ดีน่ะสิ เลยไม่มีใครอยากเล่นด้วย" เจินเจินพูดออกมาบ้างเพื่อจะแก้เผ็ดเต้
"โด่ .... ตามใจ ! เล่นเป็นผู้หญิงต่อไปเหอะ !... ป่ะ พวกเราลูกผู้ชาย ไปกันเองก็ได้ อย่าไปสนใจพวก
ผู้หญิงอ่อนแอเลย"
เต้ออกอาการหัวเสีย ผิดหวังในการหาสมาชิกเพิ่มเพื่อร่วมการผจญภัยของเขา ไม่มีใครอยากเล่นกับเขาและพวกตามที่เจินเจินพูดจริงๆ เพราะเด็กทั้งหลายเคยโดนกลุ่มของเต้แกล้งและรังแกกันมาแล้วถ้วนหน้า
"แบร่ๆๆๆๆ !!" เจินเจินและมารีอาพร้อมใจกันแลบลิ้นไล่หลังพวกของเต้ที่กำลังเดินจากไป
"นี่.. พวกเราไปกันเถอะ ตอนเย็นค่อยมาเจอกันที่นี่นะ"
"จ้า !"
เมื่อจุ๊บแจงนัดเพื่อนของเธอเสร็จแล้ว เด็กหญิงทั้งหมดก็แยกย้ายกันกลับห้องพัก ซึ่งเป็นบ้านตามความรู้สึกของพวกเด็กๆทั้งหลายในชุมชน รวมถึงพวกเธอด้วย
ช่วงกลางวันในวันต่อมา... แฟลตหมายเลข 314
แฟลต 314 เป็นแฟลตที่อยู่ในบริเวณวงนอกของพื้นที่ชุมชน อยู่ติดชายป่าอันทึบ มีผู้อยู่อาศัยน้อย บางชั้นไม่มีผู้อยู่อาศัยเลย โดยเฉพาะชั้นบนสุดซึ่งเป็นชั้นสี่
ตึกแฟลตที่เป็นบ้านพักของพนักงาน กฟผ. นั้น มีสี่ชั้น แต่ละชั้นมีสี่ห้อง มีเลขห้องเรียงไปตามจำนวน เช่น ชั้นที่สอง ก็เรียงเลขห้องเป็น 21, 22, 23 และ 24 เป็นต้น
"แหวะ ! เหม็นจัง... นี่เหรอห้องอาถรรพ์ของนายน่ะ ? สกปรกที่สุด !" จุ๊บแจงผงะเพราะกลิ่นที่มากระทบจมูกของเธอ
กลุ่มเด็กหญิงเอามือปิดจมูก หน้านิ่วคิ้วขมวดด้วยความขยะแขยงทันทีที่พวกเธอกับกลุ่มของเต้มาถึงหน้าห้อง 44 ชั้นที่สี่ของตึก ซึ่งประตูทั้งหมดของห้องเปิดอ้าทิ้งไว้ ภายในห้องโล่ง มืดสลัว ที่พื้นมีกองหนังสือผุๆและของเก่าๆกระจัดกระจาย รกระเกะระกะ หลอดไฟแตกหมด หน้าต่างมีผ้าม่านเก่าๆมุงไว้ ตู้เสื้อผ้าโลหะประจำห้องเต็มไปด้วยสนิม ฟูกนอนประจำห้องเก่าและฉีกขาดจนเห็นใส้นุ่นที่อยู่ภายใน คราบสีผนังห้องที่ลอกลงเกลื่อนกล่น ฝุ่นจับไปทุกที่ กลิ่นสาบของอึและฉี่แมวที่ใช้ห้องนี้เป็นที่อยู่ในบางเวลา ตลบฟุ้งไปทั่วห้อง
"ห้องนี้แหละ เราได้ยินผู้ใหญ่พูดกันมาแบบนั้น... มาเถอะ เข้าไปสำรวจกัน"
เด็กชายเต้ ผู้กำลังจินตนาการว่า เขาคือผู้นำกลุ่มผจญภัยอวกาศเหมือนพระเอกในหนังฝรั่งแนวไซไฟผจญภัยเรื่องหนึ่ง ที่เขาชอบดูซ้ำๆซากๆ มือถือไฟฉาย ก้าวเท้าออกนำกลุ่มเด็กทั้งหมดเดินเข้าไปในห้อง เด็กทั้งหกคนเดินสำรวจไปทั่วพื้นที่ในห้อง ทั้งระเบียงหลังห้อง ห้องน้ำ และห้องนอนสองห้อง พวกเด็กชายแยกกันสำรวจ หยิบจับและค้นสิ่งของต่างๆขึ้นมาดู ในขณะที่พวกเด็กหญิงเกาะกลุ่มกัน ยืนดูสิ่งที่พวกเด็กชายทำกันอยู่ เต้ปัดฝุ่นสิ่งของที่กะว่าจะเอาไปด้วยหลังจบการสำรวจ วางกองรวมไว้ที่กลางห้องโถง
ทันใดนั้น... ! ก็มีลมพัดแรง ประตูหน้าห้องและประตูระเบียงหลังห้องปิดดังสนั่น ขังเด็กๆไว้ในห้องพักร้างอันมืดสลัวนั้น !
ปั้งงงง !!!! ปั้งงงง !!!!
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด !!!!"
*************
ยี่สิบปีต่อมา... กรุงเทพมหานคร... กลางดึก
"ห๊ะ !!!...."
จุ๊บแจงสะดุ้งตื่นลุกขึ้นมากลางดึก ทั่วทั้งตัวชุ่มไปด้วยเหงื่อจนที่นอนและผ้าห่มชื้นไปหมด ทอดถอนใจ และเอามือลูบหน้าอันมันเยิ้มเพราะเหงื่อ มองนาฬิกาปลุกดิจิตอลที่มีตัวเลขบอกเวลาอยู่ที่ 01:44 AM
"อีกแล้ว... เฮ้อ... พอฝันร้ายที่ไร ต้องฝันเกี่ยวกับห้องบ้านั่นทุกที... เมื่อไหร่จะออกไปจากหัวซะทีนะ"
เธอบ่นพึมพำสีหน้าเคร่งเครียด แล้วลุกออกจากเตียง เปิดไฟในห้อง เปิดเครื่องเล่นmp3 เดินออกไปที่ระเบียงหลังห้อง
อพาร์ทเม้นหรูที่เธอพักอาศัยอยู่กลางกรุง จุดบุหรี่สูบ ยืนกอดอกมองดูเมืองกรุงยามราตรีที่ไม่เคยหลับไหลไปกับคน
จุ๊บแจง บัดนี้มีลุ๊คทอมบอย ดูเป็นสาวมั่น ซอยผมสั้น ย้อมผมไฮไล้ท์เป็นสีทองสลับม่วง เจาะหูข้างขวา เธอเรียนจบเพียงวุฒิ ปวส. และออกทำงานโดยที่ไม่ได้เรียนต่อมหาวิทยาลัย เธอเลือกที่จะทำงานมากกว่าเรียนต่อ เธอต้องการพึ่งตนเองและเป็นที่พึ่งของครอบครัวให้เร็วที่สุด เพราะครอบครัวของเธอแตกแยก พ่อของเธอทิ้งครอบครัวไปมีครอบครัวใหม่ ทิ้งให้แม่ของเธอต้องมาอยู่กับยายที่บ้านเดิมในจังหวัดเชียงราย แม่ของเธอมีอาชีพขายอาหารจำพวกติ่มซำอยู่ที่นั่น
ในกรุงเทพฯ เมืองหลวง จุ๊บแจงทำงานและลาออกมาหลายงาน มีประสปการณ์ทั้งที่ดีและไม่ดีมาอย่างโชกโชน ล่าสุดตอนนี้ จุ๊บแจงได้เป็นนักธุกิจขายตรงของบริษัทๆหนึ่ง ซึ่งเธอประสบความสำเร็จและกำลังเป็นไปด้วยดี เธอเลี้ยงแม่กับยายและตัวเธอเองด้วยรายได้อันล้นเหลือ เป้าหมายต่อไปของเธอคือ ซื้อบ้านสเป็คที่พอดีหลังหนึ่งเป็นของตัวเองในกรุงเทพฯ เพราะเธอไม่ได้ใส่ใจในเรื่องการมีคู่ครองสักเท่าไหร่ ตามประสาผู้หญิงรุ่นใหม่ ที่ทำมาหากินด้วยตัวเอง และเพราะเธอเคยมีประสบการณ์ที่ไม่ดีในสถาบันครอบครัว
"ฮัลโหล เต้... เป็นไงบ้าง?"
"ไงจุ๊บแจง โทรมาตรงเวลาพอดีเลยนะ"
"ตกลงว่าไง เอาด้วยรึเปล่า ?"
"แน่นอน เอาสิ... เจอกันที่ร้านกาแฟ Starbucks ในเซ็นทรัลนะ"
"โอเค งั้นฉันจะออกไปละนะ แล้วเจอกันจ้ะ ...บาย"
จุ๊บแจงและเต้เพื่อนในวัยเด็กของเธอ บังเอิญมาเจอและจำกันได้ที่เมืองหลวงแห่งนี้ในขณะที่จุ๊บแจงกำลังเดินช๊อปปิ้งในห้าง ทั้งสองรำลึกถึงความหลังในวัยเด็กด้วยกัน พูดถึงเรื่องห้องอาถรรพ์นั้นด้วยนิดหน่อย
เต้นั้น โตขึ้นเป็นหนุ่มใส่แว่นสายตา แต่หน้าตาหล่อเข้ม คิ้วหนา มีเครากำลังเหมาะ มีหุ่นนักกีฬา เป็นคนฉลาด และยังโสด เขาจึงเป็นที่หมายปองของผู้หญิงทุกหมู่เหล่า ด้านชีวิตการทำงาน เต้ทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์แห่งหนึ่ง เป็นโปรแกรมเมอร์ที่มีความชำนาญอย่างสูงในการเขียนโปรแกรม อีกด้านหนึ่ง เขาชอบออกกำลังกาย เล่นฟิตเน็สทุกวันสุดสัปดาห์ และก็ยังเป็นคนที่สนใจในสิ่งลี้ลับต่างๆอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง ผี วิญญาณ หรือ มนุษย์ต่างดาว
ห้างเซ็นทรัล... ร้านกาแฟ Starbucks
"เอาล่ะ เป็นอันเสร็จ... เอ้านี่ เอกสารสินค้า ...เธอเข้าใจระบบหมดแล้วใช่มั้ยว่าจะต้องทำอะไรยังไงบ้าง ?"
"เข้าใจแล้ว ง่ายมาก คนรู้จักที่รักสวยรักงามแล้วก็รักสุขภาพในบริษัทฉัน มีเยอะ ไม่ต้องห่วง"
แล้วเต้ก็ควักเงินจำนวนสี่พันบาทถ้วนจ่ายให้จุ๊บแจงหลังจากทำการสมัครเป็นตัวแทนขายตรงใน
ธุรกิจเสร็จ ต่อขาธุรกิจให้จุ๊บแจงด้วยความเต็มใจ
"ขอบใจจ้ะ... เธอเป็นคนแรกเลยนะ ที่ตกลงร่วมธุรกิจโดยที่ฉันไม่ต้องมาเสียเวลาชักแม่น้ำทั้งห้าน่ะ"
"เพื่อนกันก็ต้องช่วยกันสิ เราจะได้รวยด้วยกันไง"
"ฮึ... ตาเยิ้มเชียว... รู้นะคิดอะไรอยู่"
จุ๊บแจงมองออกว่าเต้แอบมีใจให้เธอหลังจากที่พบกับเธอครั้งแรกในกรุงเทพฯ แต่เธอยังไม่ปักใจในเรื่องนั้นซะทีเดียว อีกอย่าง เธอเห็นเต้กำลังมีสาวสวยๆมาติดพันอยู่ด้วยหลายคน
"เอ่อนี่...จุ๊บแจง... ตอนนั้นที่เธอบอกว่าเธอฝันร้ายเกี่ยวกับห้องนั้นบ่อยน่ะ ในฝันมันเป็นยังไงบ้างเหรอ ?"
จุ๊บแจงชะงัก เย็นวาบไปทั้งตัว อยู่ๆเต้ก็มาถามเรื่องเกี่ยวกับห้องนั้น ทำเอาเธอกลัวว่า คืนนี้เธอจะฝันถึงมันอีก
"ถ... ถามทำไมเหรอ ?"
"อยากรู้น่ะ ตอนนี้เราทั้งคู่ก็ว่าง เล่าให้ฟังหน่อยสิ" เต้แอบประทับใจที่เขาใช้คำว่า 'เราทั้งคู่' กับจุ๊บแจง
".........."
**************
"กรี๊ดดดดด !!! ช่วยด้วย !!! จุ๊บแจงงงงงงงงง !!! ช่วยมารีอาด้วยยยย !!!"
มารีอาถูกสิ่งที่น่ากลัวสิ่งหนึ่งดำทะมึนลากไถลเข้าไปในห้องน้ำในห้องพัก 44 หลังจากที่มันลากเจินเจินเข้าไปแล้วคนหนึ่ง ท่ามกลางบรรยากาศอันมืดครึ่ม ลมพัดแรง และกลิ่นสาบของอึและฉี่แมว
"มารีอาาาาาา !!!! "
จุ๊บแจงวิ่งเข้าไปดึงแขนทั้งสองของมารีอา พยายามยื้อแย่งมารีอาจากปีศาจตนนั้น แต่จุ๊บแจงก็สู้แรงของมันไม่ไหวเพราะเธอเป็นเพียงแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง ร่างของเธอนั้นถูไถลไปตามแรงของปีศาจด้วย
"จุ๊บแจง ! มารีอาเจ็บแขน ! "
"ทนไว้นะมารีอา ฉันจะช่วยเธอให้ได้ !"
"จุ๊บแจง หนีไปเถอะ ! มารีอาไม่ไหวแล้ว..... กรี๊ดดดดดดด !!!"
มือของมารีอาลื่นหลุดจากจุ๊บแจงเพราะแรงดึงของปีศาจ แล้วถูกลากเข้าไปในห้องน้ำจนได้ ! ... หลังจากเสร็จกิจแล้ว มันก็คลานออกมาจากห้องน้ำในท่าหงาย และผุดลุกขึ้นยืนดุจตุ๊กตาล้มลุก ร่างกายของมันดำทะมึน บิดเบี้ยว ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนของมนุษย์ทั้งชายและหญิงรวมกัน มีหัวของมารีอาและเจินเจินประดับไว้ที่ไหล่ของมันหัวละข้าง นัยตาเดี่ยวดวงใหญ่อันเบิกโพลงที่เลื่อนมาอยู่บนอกของมัน จ้องเขม็งไปที่จุ๊บแจง ส่งเสียงที่เป็นเสียงของผู้ชายและผู้หญิงรวมกัน ดังก้องออกมาอย่างดุร้ายว่า
"แกเป็นรายต่อไป ...เจ้าเด็กน้อยยยยย !!"
"กรี๊ดดดดดดดดด !!!"
เด็กหญิงจุ๊บแจงหวีดร้องสุดเสียงด้วยความหวาดกลัวสุดขีดในขณะที่มันกำลังเยื้องกรายเข้ามาหาเธออย่างช้าๆ พร้อมกับเสียงหัวเราะอันน่ากลัว สุดวิสัยที่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆอย่างเธอจะรับได้
"ห๊ะ!!!..."
จุ๊บแจงสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากฝันร้ายของเธอจนเหงื่อชุ่มไปทั้งตัวดังเช่นเคย เวลาในนาฬิกาปลุกดิจิตอลครั้งนี้เป็น 04 : 44 AM
"ครั้งนี้เอาซะใกล้เช้าเลย... เฮ้อ... นายเต้นะตายเต้ ไม่น่ามาถามเลย... ฝันอย่างที่ระแวงไว้จริงด้วย ! ตองสี่..."
แต่แล้วจุ๊บแจงก็เริ่มเอะใจขึ้นมา.. หันไปมองดูนาฬิกาปลุกอีกที ซึ่งตัวเลขตอนนี้เลื่อนเป็น 04:45 AM แล้ว
"เอ... แล้วทำไม... ?"
ห้างเซ็นทรัล... ร้านอาหารเกาหลี Kimju
"อืม........ อาจจะมีความหมายบางอย่างก็ได้นะ" เต้พูดพลางใช้ตะเกียบคีบสามชั้นย่างกินเข้าไปคำหนึ่ง
"เหมือนเธอจะไม่ค่อยแปลกใจเลยนะ เต้...ที่เลขนาทีมันบังเอิญไปตรงกับเลขห้องบ้านั่นเข้าตลอดเลย
ตอนที่ฉันตื่นจากฝันร้ายน่ะ"
"แปลกใจอยู่... แต่ก็แค่นิดนึงน่ะ เรื่องลึกลับในโลกนี้มันมีเยอะ จุ๊บแจง" เต้พูดพลางเคี้ยวอาหารไป
สีหน้าเรียบเฉย
"แล้ว... เธอว่ามันมีความหมายอะไรเหรอ ?"
"ธรรมดาเลย... เช่น... ใครมีเงื่อนไขอะไรไว้ อีกกี่สิบปืให้หลังก็ช่าง ก็จะต้องกลับมาแก้เงื่อนไขนั้นในที่
เดิมจนได้ เพราะมีอะไรบางอย่างเตือนอยู่ตลอด ไม่งั้นอยู่ไม่เป็นสุขซะที... อะไรทำนองนี้... กรณีแบบนี้
พวกผู้กำกับหนังผีชอบเอาไปใช้เขียนบทบ่อย ในชีวิตจริงก็มีให้เห็นหลายเรื่องจากประสบการณ์ของคน
ทั่วโลกที่เคยมีเรื่องทำนองนี้"
เต้แสดงความรู้ที่เขามีอยู่ออกมา ดูเหมือนเขาจะชาชินกับเรื่องพวกนี้ไปเสียแล้ว เป็นเพราะเขาเคยหมกมุ่นและเสพมามาก และเต้เองก็เคยโดนผีหลอกมาแล้วอย่างโชกโชนเพราะความที่เขาเป็นคนชอบพิสูจน์ เกือบเอาชีวิตไม่รอดก็มี
การทำพารานอมอลแอ็คทีวิติ้ หรือการล่าท้าพิสูจน์ผีวิญญาณแล้วนำผลที่ได้ไปเผยแพร่ผ่านทางยูทูบ ก็เคยเป็นงานอดิเรกอย่างหนึ่งของเขาสมัยที่เขายังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย ทำเอาเพื่อนๆของเขาและอาจารย์บางคนในมหาวิทยาลัยที่ร่วมท้าพิสูจน์ด้วย จับไข้หัวโกร๋นกันไปหลายราย และเขาเป็นที่รู้จักดีในหมู่ยูทูบเบอร์ที่ทำกิจกรรมเกี่ยวกับเรื่องการท้าพิสูจน์ผี มีคนกดไล้ค์เขาเป็นจำนวนเหยียบแสน
บัดนี้เต้ต้องเลิกงานอดิเรกนั้นและสูญเสียความโด่งดังในโลกโซเชี่ยลออนไลน์ไป เพราะในปัจจุบันเขาต้องทำงาน ใช้ชีวิตในฐานะผู้ใหญ่คนหนึ่งที่เติบโตแล้ว ทำให้เขาไม่มีเวลาว่างมากเหมือนแต่ก่อน
"แล้ว... เธอว่า...ในเคสของฉัน เป็นยังไงบ้างล่ะ ?" จุ๊บแจงเปิดประเด็นซ้ำ จิบน้ำพั๊นช์เข้าไปหนึ่งอึก
"อืม... ฉันเองก็เคยฝันเกี่ยวกับห้องนั้นนะ แต่ไม่ค่อยบ่อย แล้วก็ไม่ค่อยน่ากลัวเหมือนของเธอด้วย
บางครั้งยังออกสนุกตื่นเต้นอีกด้วยซ้ำ เป็นเหมือนแค่ความทรงจำลางๆในสมัยเด็กเรื่องนึงที่มีอยู่ในหัวฉันเท่านั้นเอง...
แต่เธอฝันบ่อยเป็นประจำในเวลาที่เป็นสัญลักษณ์แบบนี้... ฉันคิดว่า เจ้าผีนั่นมันคงพุ่งเป้ามาที่เธอมากกว่าน่ะ...
แต่เพราะอะไร ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน อันนี้สุดวิสัยของฉันแล้ว"
"............"
จุ๊บแจงนิ่งไป สีหน้าไม่สบายใจ... คิดว่า ทำไมต้องเป็นเธอ ? มันต้องการอะไรจากเธอกันแน่ ?
"เฮ้อ... อยากให้พวกเจ้าแมนกับเอ๊ดดี้ แล้วก็มารีอากับเจินเจิน กลับมาเจอพวกเรากันอีกครั้งจริงๆ... เรื่อง
ห้องนั่นทำให้ฉันนึกถึงพวกนั้นเลย... ยายเจินเจินนี่ ตัวแสบ ปากเจ็บสุดๆ" ว่าแล้วเต้ก็คีบกิมจิกินล้างปาก
"ฉันก็เหมือนกัน... เจินเจินย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ฮ่องกง ส่วนมารีอาก็ย้ายไปอยู่กับสามีที่ซาอุฯ... แล้วพวก
ลูกสมุนของนายล่ะ แมนกับเอ๊ดดี้ เป็นยังไงกันบ้าง ? ยังติดต่อกับนายบ้างมั้ย ?"
"เจอพวกนั้นล่าสุดตอนอยู่ ม.6 น่ะ... หลังจากนั้นก็หายต๋อมไปเลยทั้งคู่ ไม่ได้ข่าวคราวอะไรอีกเลย
ได้แต่หวังว่าพวกมันคงสบายดีกันอยู่" เต้เคี้ยวอาหารไปพูดไป สีหน้าหม่นลงหน่อยหนึ่ง
พอเสร็จกิจในการกินมื้อกลางวันแล้ว เต้และจุ๊บแจงก็เดินคู่กันลงบันเลื่อนห้าง เดินออกมายัง
โรงจอดรถชั้นใต้ดินของห้าง
"โอเคนะ... คราวนี้ถ้าเธอฝันร้ายอีก ให้โทรมาหาฉันทันทีเลย กี่โมงก็ช่าง ไม่ต้องเกรงใจ"
"จะดีเหรอ ? มันสุ่มนะ... ฉันน่ะไม่มีปัญหา แต่เธอต้องตื่นเช้าไปทำงานที่..."
"ไม่เป็นไร เอาตามนี้แหละ... อย่างน้อยเธอจะได้สบายใจว่าเธอไม่ได้อยู่คนเดียวในตอนนั้น"
เต้ หนุ่มแว่นผู้หล่อเข้ม เอามือลูบเส้นผมสีม่วงเข้มตรงหน้าผากของจุ๊บแจงที่ปัดไปผิดทาง ให้มาอยู่ถูกทางอย่างอ่อนโยน แล้วแตะไหล่ของเธอเบาๆเพื่อให้ความมั่นใจ... จุ๊บแจงเขินจนหน้าแดงไปหมด
คืนหนึ่ง... คอนโดหรูกลางกรุงแห่งหนึ่ง... ห้องของเต้
ริ้งงงงง.... ริ้งงงงง
"ไง จุ๊บแจง "
"ฮัลโหล เต้..."
"ว่าไง... ฝันร้ายอีกแล้วใช่มั้ย ?" เต้ลุกขึ้น ขยี้ตา หยิบแว่นสายตามาสวม และเปิดไฟในห้อง
"...... อืม..."
"ทำใจดีๆไว้นะ เธอจะต้องไม่เป็นไร ฉันอยู่นี่แล้ว"
เต้มองดูนาฬิกาปลุกดิจิตอล ซึ่งตอนนี้เป็นเวลา 03:45 AM. แล้วก็ไปที่โต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ตามนิสัยความเคยชินของตน
"ขอบใจนะ... ฉันอยากเอามันออกไปจากหัวฉันซะที มันน่ากลัวขึ้นทุกครั้งที่ฉันฝัน ฉันชักจะทน
ไม่ไหวแล้ว..." เสียงของจุ๊บแจงสั่นเครือ เหมือนกับจะร้องไห้
"....เอ่อ... จุ๊บแจง ใจเย็นๆนะ... ทุกปัญหามีทางแก้... เราจะหาทางแก้ปัญหานี้กันนะ โอเค้ ? "
"ฉันนึกไม่ออกเลย ว่าจะแก้มันยังไง..."
"มันต้องมีสาเหตุอะไรซักอย่างนึงนั่นแหละ... ไม่ต้องกังวลนะ ฉันจะช่วยเธอหาทางแก้ให้ได้... ตอนนี้
ปล่อยให้เจ้าเอเลี่ยนตาเดียวนั่นชะล่าใจไปก่อน... พวกเราจะจัดการกับมันซักวันนึงแน่ ฉันจะเอามันให้
หงายเก๋งไปเลย... คอยดู !"
เต้ใช้เวลาภายในเช้ามืดนั้นพูดคุยปลอบใจจุ๊บแจง เหมือนกับเด็กผู้ชายคนหนึ่งกำลังปลอบใจ
เด็กผู้หญิงเพื่อนของเขาที่กำลังร้องไห้ฉะนั้น
**************
ร้านวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่ง...
"ไฟฉายรุ่นเก่าแบบนั้นมันไม่มีขายแล้วอาตี๋ มันพัฒนามาเป็นแบบที่เห็นนี่แหละ"
"เหรอครับ ?... อืม... งั้นโอเคครับเฮีย ผมเอาอันนี้แหละ"
"เอานะ.... 120 บาท"
เต้เดินออกมาจากร้านแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดโทรหาบอสของเขา
"หวัดดีครับพี่แอน"
"จ้ะ ว่าไงจ๊ะเต้ ?"
"ครับ...เอ่อ... ผมโทรมาขอลางานน่ะครับ คราวนี้จะลาไปซักสามวันน่ะ"
"เหรอ ?... ให้พี่ทำเรื่องให้อีกล่ะสิ ?"
"ครับ... รบกวนพี่แอนหน่อยนะครับ... เดี๋ยวผมเลี้ยงบุฟเฟ่ต์พี่อีกทีหลัง"
"หึ หึ..ได้เลยจ้ะ... เดี๋ยวพี่จัดการให้ สรุปเดือนนี้วันลาเหลือแค่วันนึงแล้วนะ... แล้วเราจะลาไปไหนอีกล่ะ ?"
"กลับลำปางครับพี่... มีเรื่องต้องไปเคลียร์ซะหน่อย ช่วงนี้ผมมีปัญหาน่ะ...ไว้ผมจะเล่าให้พี่ฟังอย่างละเอียด
ตอนเรากินบุฟเฟ่ต์กันนะครับ... บันทึกให้ผมว่า ลาไปธุระต่างจังหวัด ละกัน... โอเคนะครับพี่แอน"
"จ้ะๆ โชคดีจ้ะ คนหล่อ"
******************
จังหวัดลำปาง อำเภอะแม่เมาะ... ชุมชนแฟลตบ้านพักพนักงานรัฐวิสาหกิจ กฟผ. ...ปัจจุบัน
ตอนบ่าย บริเวณสันเขื่อนในพื้นที่ชุมชน... ในรถของเต้ที่จอดเปิดประตูอยู่ริมสันเขื่อน
"ขอให้สิ่งที่ฉันคิด ถูกทีเถอะ..."
เต้พึมพำกับตัวเองเบาๆ แต่จุ๊บแจงซึ่งนั่งอยู่ที่เบาะโดยสารหน้ารถ ได้ยิน
"เต้.... แน่ใจเหรอว่ามันจะได้ผล ?" จุ๊บแจงออกอาการหวาดหวั่นและไม่แน่ใจในสิ่งที่เต้จะทำ
"ในเมื่อจิตแพทย์ที่ชื่อว่าเก่งๆยังพึ่งพาไม่ได้ พวกพราห์มหมอผีก็ทำพิธีมั่วๆหลอกเอาเงินไปเป็นพัน
พระที่วัดไหนๆก็บอกทางแก้ไม่ตรงจุด... คงจะต้องใช้ประสปการณ์ส่วนตัวแล้วล่ะ"
"ประสปการณ์ส่วนตัว....?"
"ถามจริง... เธอจำไม่ได้จริงๆเหรอ ตอนที่ฉันทำให้พวกเธอออกจากห้องได้น่ะ ?"
"............" จุ๊บแจงนิ่งนึกครู่หนึ่ง แล้วหันหน้ามาหาเต้ ส่ายหัวเบาๆเป็นคำตอบ
"อืม ไม่เป็นไร... ตอนนั้นเธอคงกลัวมาก สติของเธอคงกำลังกระเจิงจนจำอะไรตอนนั้นไม่ได้"
".... ฉันจำได้แต่ตอนวิ่งลงบันไดตึกน่ะ... ตอนนั้นเธอทำอะไรงั้นเหรอ ?"
"ก็... เอาไฟฉายส่องที่ประตู แล้วมันก็เปิดน่ะ แล้วก็บอกให้พวกเธอรีบออกไป" เต้เฉลยสีหน้าเรียบเฉย
"แค่นั้นเหรอ ?"
"ใช่... แค่นั้นเอง"
"......... ?"
จุ๊บแจงฟังคำเฉลยในสิ่งที่เต้ทำในเหตุการที่ห้อง 44 ตอนนั้นแล้ว รู้สึกว่า มันไม่ได้ง่ายแบบนั้น มันเหมือนจะเป็นอะไรที่มากกว่านั้นเสียอีก เพียงแต่เธอจำไม่ได้เพราะสติของเธอกำลังกระเจิงด้วยความกลัวสุดขีด รับรู้อะไรได้น้อย
เต้กับจุ๊บแจงนั่งปิคนิคฆ่าเวลากันในรถ รอเวลาให้ถึงหกโมงครึ่งตอนเย็น ซึ่งก็ถึงแล้วในตอนนี้... เต้หยิบสมุดบันทึกเก่าๆเล่มหนึ่งที่เขาจดความรู้ทางจิตวิญญาณและเรื่องลึกลับต่างๆตั้งแต่ตอนสมัยเรียนอยู่ ม.6 ขึ้นมาเปิดอ่านทบทวนข้อความบางตอนสีหน้าเคร่งขรึม พลางจัดแว่นสายตาให้กระชับ ในสมุดนั้นนอกจากข้อความที่เป็นลายมือเขียนของเต้แล้ว ก็ยังมีสัญลักษณ์ประหลาดต่างๆวาดไว้หลายสัญลักษณ์
"เอาล่ะจุ๊บแจง... ทำใจให้ดีๆนะ อดทนฝ่ามันไปอีกสักนิด แล้วเธอก็จะหายฝันร้าย... ถ้ามันยังอยู่ เราจะ
จัดการมันไม่ให้มายุ่งกับเธออีก โอเค้ ?"
".....เต้....แบบนี้มันจะ..." จุ๊บแจงเสียงสั่นเครือ หวาดหวั่นกับสิ่งที่เธอกำลังจะต้องเผชิญในเวลาอีกอึดใจ
"บอกตามตรง ฉันก็ไม่มั่นใจ100%หรอก... แต่ดีกว่าไม่ทำอะไรเลยนะ"
".........!" จุ๊บแจงอกสั่นขวัญแขวน
"ในเมื่อคนอื่นพึ่งไม่ได้ เราก็จะแก้ปัญหานี้กันเอง... มาเถอะ ไปผจญภัยกัน !"
แล้วเต้ก็ออกรถ ขับไปยังสถานที่ที่เป็นเป้าหมาย
****************
แฟลตหมายเลข 314 ...ปัจจุบัน
"ให้ตายสิ... แย่ยิ่งกว่าคราวนั้นอีก... แบบนี้มันยังอยู่แน่"
เต้อุทานออกมาในลำคอ เมื่อตรงหน้าเขาคือแฟลต 314 ที่บัดนี้ ได้กลายเป็นหนึ่งในตึกที่ร้างโดยสิ้นเชิงในชุมชน พวกยามรักษาการณ์ของชุมชนบอกไว้เมื่อตอนบ่ายว่า ตึกนี้ได้ร้างมามากว่าห้าปีแล้ว เนื่องจากในปัจจุบันชุมชนนี้มีคนมาพักอาศัยน้อยลง แต่ละตึกที่มีผู้พักอาศัยก็มีไม่ถึงสี่ครอบครัว ผู้พักอาศัยบางครอบครัวก็ย้ายออกไปในสภาพที่เร่งรีบ ทิ้งข้าวของเครื่องใช้ที่ยังใช้ได้และมีราคาไว้เบื้องหลัง เช่น ตู้เย็น ทีวี กาน้ำร้อนไฟฟ้า เตาอบไมโครเวฟ และโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่ยังมีแผ่นซีดี เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้ทำให้เต้รู้สึกว่า ที่แห่งนี้มีอะไรบางอย่างที่ไม่ธรรมดา
บรรยากาศค่ำมืดในเวลาไกล้ทุ่ม ทำให้สภาพแวดล้อมรอบตึกเป็นเหมือนดั่งฉากหลังในหนังผีญี่ปุ่น ตัวตึกและใต้ถุนของมันมืดสนิทเพราะไม่มีใครมาเปิดไฟ เสาไฟนอกตัวตึกหลอดไฟก็มีอาการติดๆดับๆ ป่าหลังตึกรกชัฏและทึบยิ่งกว่าเดิมเพราะไร้การเหลียวแล ต้นไม้บางต้นยิ่นกิ่งก้านสาขาของมันเข้ามาในระเบียงหน้าห้องของบางห้อง ซากสัตว์ที่ตายเกลื่อนกล่น เสียงของพวกนกบางชนิดที่ร้องออกมากันอย่างน่ากลัว
เต้ส่องไฟฉายเดินนำไปที่ใต้ถุนตึกแฟลต เปิดไฟชั้นไต้ถุน ขึ้นบันไดดึก เปิดไฟชั้นหนึ่ง ชั้นสอง และชั้นสามซึ่งเปิดติดสองหลอดในสี่หลอด แล้วติดๆดับๆเสียหลอดหนึ่ง
จุ๊บแจงมองขึ้นไปยังบันไดทางขึ้นไปชั้นสี่ ข้างบนนั้นมืดมิด บวกกับแสงสลัววับๆแวมๆจากหลอดที่ติดๆดับๆที่ส่องไปยังบันไดนั้น
"เต้.... แบบนี้มันจะทำให้ฉันฝันร้ายยิ่งกว่าเดิมอีกนะ"
จุ๊บแจงซึ่งเกาะหลังเต้ไว้เริ่มออกอาการขวัญผวาอย่างหนัก ความกลัวสุดขีดเหมือนดั่งในฝันร้ายนั้นเริ่มมาเยือน ไม่อยากจะเชื่อว่าเธอต้องมาเผชิญกับมันจริงๆในสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวหนักกว่าเดิม
"เธอบอกว่ามันน่ากลัวยิ่งกว่าเดิมทุกครั้งที่ฝัน ก็ถือซะว่านี่เป็นด่านต่อไปสิ... เพียงแต่ตอนนี้เธอมีฉันอยู่
ด้วยทั้งคน ก็ไม่น่าจะเลวร้ายเท่าไหร่... อดทนไว้นะ เราจะต้องแก้ปัญหาได้... จะบ่งหนามออกก็ต้องทนเจ็บ
นิดนึง"
เต้ปลอบจุ๊บแจงทั้งๆที่หน้าผากของเขาเองกำลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ ความกล้าหาญในวัยเด็กของเขามันมากกว่านั้นเยอะถ้าเทียบกับตอนนี้
"เอาล่ะ ขึ้นไปชั้นสี่กันเถอะ... ตั้งสติไว้ให้ดี แล้วใจเย็นๆไว้"
เต้ส่องไฟฉายเดินขึ้นไปชั้นสี่ เปิดสวิตซ์ไฟประจำชั้น... แต่ไฟไม่ติดสักหลอด ! มีแต่แสงไฟฉาย
เท่านั้นที่ให้ความสว่าง ชั้นสี่ของตึกบัดนี้รกระเกะระกะไปด้วยสิ่งของเก่าๆ และกองขยะย่อมๆ
"ห๊ะ !!!"
จุ๊บแจงสะดุ้งเมื่อแสงไฟฉายของเต้ส่องไปกระทบกับสิ่งหนึ่งเข้า... มันคือตุ๊กตาเด็กผู้หญิงเก่าๆที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สนิมเขลอะ ดวงตากลมโตอันเบิกโพลงที่มีอยู่ข้างเดียวของมัน เป็นเหมือนจ้องมองมายังเต้และจุ๊บแจง อีกข้างหนึ่งกลวงโบ๋ !
"ตุ๊กตานี่เอง... ไม่มีอะไรหรอก จุ๊บแจง... แค่ตุ๊กตาเก่าๆตัวนึง" เต้พยายามปลอบจุ๊บแจงอยู่ตลอดเพื่อรักษา
สติของเธอไว้
ทั้งคู่กล้าๆกลัวๆ ค่อยๆเดินไปยังหน้าห้อง 44 ที่ประตูเปิดอ้าไว้อยู่ ภายในมืดสนิท พอมาถึงแล้ว เต้ก็ชะโงกดูและค่อยๆส่องแสงไฟฉายไปยังภายในห้อง ซึ่งมีสภาพรกและสรกปรกยึ่งกว่าที่เขาเคยเห็น กลิ่นสาบอึและฉี่แมวอันคุ้นเคยยังตลบฟุ้งอยู่ในห้องไม่มีจาง
"นี่... เราเจอกันอีกแล้วนะ เจ้าปีศาจ ! ว่าไง ? ไม่ออกมาต้อนรับกันหน่อยเหรอ !?" เสียงของเต้ดังก้องเพราะ
ความโล่งของห้อง
"ต...เต้ !!! อย่าไป...."
ยังไม่ทันขาดคำของจุ๊บแจงที่กำลังจะปรามความชอบท้าพิสูจน์ของเต้... อยู่ๆก็มีลมพัดแรงขึ้นมาเหมือนเมื่อสมัยก่อนไม่มีผิด เสียงต้นไม้ไหวไปมาดัง ซ่า...ซ่า.. ประกอบกับเสียงลมอันโหยหวน
"ข้า... อยู่.... นี่.... !!"
เต้และจุ๊บแจงสะดุ้งหันขวับไปข้างหลัง ส่องไฟฉายไปที่ต้นตอของเสียงอันต่ำทุ้มน่าสยองพองขน...มันคือตุ๊กตาเก่าตาเดียวตัวนั้นซึ่งบัดนี้มันลงจากเก้าอี้มายืนจังก้าอยู่ระหว่างทางเดินระเบียงหน้าห้อง ตาดวงเดียวของมันจ้องเขม็งมาที่ทั้งคู่ ส่งเสียงหัวเราะต่ำทุ้มอย่างน่ากลัว ไฟทั่วทั้งตึกดับลง บรรยากาศกลับมืดสนิทเพราะเป็นเวลาค่ำแล้ว เหลือเพียงแต่แสงจากไฟฉายของเต้เท่านั้น !
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด !!!!!" จุ๊บแจงทนกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ไหว นั่งย่อลงเอามือทั้งสองกุมหัว กรีดร้องเสียง
ดังลั่นไปทั้งตึก
"ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ !! ยินดีต้อนรับกลับสู่.... "
ไม่รอให้มันพูดจบ เต้ทำตามที่เขาเคยทำในสมัยเด็กทันที ตั้งจิตกำหนดไปว่า แสงไฟฉายนี้เป็นแสงปืนเลเซอร์ทำลายล้างศัตรู แล้วชี้ไฟฉายส่องแสงซ้ำไปยังตุ๊กตาผีตัวนั้นอีกครั้ง
"อ๊าาาากกกก !!! " ตุ๊กตาตัวนั้นทรุดฮวบล้มลงนอนกับพื้น มีควันคลุ้งออกมาเหมือนโดนไฟไหม้ แน่นิ่งไป
เต้รวบรวมสติและความกล้า บุกเข้าไปภายในห้อง 44 อย่างรู้เชิง ว่ามันยังไม่ตายและต้องกลับเข้าไปในห้องอีกแน่... จุ๊บแจงนั้นยังนั่งย่อ กุมหัว ตัวสั่นเทาอยู่ข้างนอกห้องท่ามกลางความมืดมิด
"เจ้า !! เจ้ายังมีพลังอยู่อีกเรอะ !?" เสียงต่ำทุ้มของปีศาจตนนั้นดังก้องขึ้นมาในห้อง
"แน่นอน ! เพื่อนของฉันฝันร้ายก็เพราะแก... หยุดทำแบบนั้นเดี๋ยวนี้เลยนะ !!"
"ความกลัวของมัน เป็นแหล่งพลังอย่างดีของข้า !! และตอนนี้ข้าก็แข็งแกร่งขึ้นเพราะมันกลัวข้าอยู่ตลอด
เวลา ! คราวนี้ข้าจะไม่หนี ข้าจะต่อสู้กับเจ้า.... ฮ่าาาาาาาา !!!"
ประตูห้องพัก 44 ทั้งหน้าทั้งหลัง ปิดอย่างแรงพร้อมกัน ขังเต้เอาไว้ข้างใน !
"เต้ !!!... ไม่นะ !!"
จุ๊บแจงซึ่งตอนนี้เริ่มตั้งสติได้บ้างแล้วเพราะความที่โตเป็นผู้ใหญ่ พยายามเปิดประตูจากข้างนอก แต่ประตูเปิดไม่ออกเพราะพลังอำนาจของปีศาจตนนั้นควบคุมไว้
"จุ๊บแจง ไม่ต้องห่วงฉัน ! ถึงฉันจะตาย ฉันก็จะเอาชนะมันให้ได้ เธอจะได้ไม่ต้องฝันร้ายอีก !"
แล้วปีศาจร้ายก็ปรากฏตัวออกมาจากในห้องน้ำ เหมือนกับในฝันร้ายของจุ๊บแจงทุกประการ รูปร่างของมันก็เป็นดั่งในฝันไม่มีผิดเพี้ยน ร่างที่ดำทะมึน บิดเบี้ยว ประกอบไปด้วยชิ้นส่วนอวัยวะของมนุษย์ทั้งชายหญิง มีหัวของมารีอาและเจินเจินในวัยเด็กประดับที่ไหล่หัวละข้าง ดวงตาอันเบิกโพลงดวงใหญ่เลื่อนมาอยู่ที่อก
"ไอ้เด็กอวดดี !! ข้าจะเอาแขน ขา และหัวของเจ้ามาประดับร่างกายของข้า เพิ่มพลัง !!" ปีศาจนั้นคำราม
เสียงชายหญิงที่ปนกันออกมาอย่างดุร้าย เยื้องกรายเข้ามาหาเต้
เต้ส่องไฟฉายเข้าไปที่มันซ้ำอีกด้วยจิตที่กำหนดให้แสงไฟฉายเป็นแสงเลเซอร์ทำลายล้าง ควันโชยออกมาจากร่างกายของมันเหมือนโดนเผา ......แต่
"หึ หึ หึ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ !!! ที่แท้แค่อุ่นๆ ! ตอนแรกข้าคงจะสะดุ้งไปเอง ! เจ้าในตอนเด็กกับตอนนี้มัน
ไม่เหมือนกัน เจ้าในตอนนี้อ่อนแอลงไปมาก !! คราวนี้เตรียมตัวตายได้เลย !!"
"มาสิวะ !! ฉันไม่กลัวแกหรอก........... อั้ก !!!"
โครม !!!
เต้โดนมือของปีศาจร้ายที่ทำไปด้วยเท้าของคนสองคน ตบเข้าจนกระเด็นติดฝาผนัง และทรุดลง เลือดกลบปาก ไฟฉายหลุดมือ... เขากัดฟันคลานไปหยิบไฟฉาย และส่องไปที่ปีศาจ ซึ่งกำลังหัวเราะก้องด้วยความกระหยิ่มใจที่มันกำลังได้เปรียบ
"เต้ !!!!"
จุ๊บแจงกรีดร้องเมื่อเห็นเต้โดนปีศาจในฝันของเธอเล่นงานเข้า เธอพยายามเปิดประตูอีกรอบแต่ผลก็เป็นเช่นเดิม ในใจเธอตอนนี้มีแต่ความต้องการที่จะช่วยเต้ออกมาเหนือสิ่งอื่นใด
"อั้ก !!!" โครม !!!!
เต้โดนมันตบเข้าไปอีกดอก จนกระเด็นกองลงกับพื้น ฝุ่นกระจาย... นอนล้า เหมือนกับนักมวยที่โดนคู่ต่อสู้น็อคเข้า
"อูยยย..... โอยยยย...... แก !..... ฉันไม่ยอมแพ้แกหรอก !! " เต้ยังคงทู่ซี้ส่องไฟฉายไปที่ปีศาจร้ายที่กำลัง
เยื้องกรายเข้ามาหาอย่างใจเย็นและดุดัน
"ป่วยการ !! พลังที่อ่อนลงของเจ้า เทียบกับพลังความกลัวที่มาจากยายเด็กนั่น ห่างชั้นกันนัก ! มันเพิ่มพลัง
ให้ข้าอยู่ตลอด ! คราวนี้ได้เวลาที่ข้าจะกินเจ้าแล้ว !!"
ท้องของปีศาจร้ายเริ่มอ้าออกกว้างเหมือนเป็นปาก ภายในมีฟันอันแหลมคมเรียงเป็นแถบๆ น้ำลายเหนียวยืดบ่งบอกถึงความหิวกระหาย เตรียมพร้อมที่จะขม้ำเต้เข้าไป
แต่แล้ว.... ก็มีลำแสงเล็กๆสีขาวพุ่งลอดออกมาจากหน้าต่างข้างประตู ยิงเข้าไปที่ดวงตาเดี่ยวดวงใหญ่ของปีศาจนั้นจนทะลุออกไปข้างหลัง กระเด็นหงายล้มลง ควันโขมง
"โอ๊ยยยย !!! อ๊าาากกกก !!! ตาข้า !!! ตาข้า !!!"
ปีศาจร้ายนอนดิ้นทุนรนทุราย ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดอย่างที่สุด นัยตาดวงโตของมันไหม้เป็นรูใหญ่ ควันฉุย... เต้หันไปมองต้นตอของแสงนั้น... ที่แท้เป็นแสงจากไฟฉาย LED อันเล็กของจุ๊บแจง ที่เกี่ยวติดไว้กับพวงกุญแจห้องพักของเธอ
"แต่ฉันหายกลัวแกแล้ว เจ้าปีศาจน่าเกลียด !!" จุ๊บแจงตวาดเข้ามาในห้องด้วยน้ำเสียงอันเกรี้ยวกราด ไม่มี
ความกลัวหลงเหลืออยู่เลย
จุ๊บแจงส่องไฟฉาย LED ของเธอ จี้ไปที่ลูกบิดประตู จนมันไหม้ควันโขมงเหมือนกำลังตัดเหล็กด้วยแสงเลเซอร์ แล้วประตูก็เปิดแง้มออกมา... เธอเปิดประตูวิ่งเข้าไปประคองเต้ขึ้นมา และพยายามนำเขาออกมาจากห้อง แต่เต้ขืนไว้
"ยัง ! จุ๊บแจง ...เราต้องเช็คบิลมันก่อน !"
"โอยยย... ทำไมแสงมันมีพลังถึงขนาดนี้!!? ..... เป็นไปไม่ได้..... !!"
เต้กับจุ๊บแจงเดินส่องไฟเข้าไปยืนข้างปีศาจร้ายในฝันซึ่งกำลังตะเกียกตะกายร่างอันบิดเบี้ยวของมัน ถอยกรูดไปด้วยความกลัว ไปจนมุมอยู่ข้างประตูระเบียงหลังห้องที่ปิดไว้ ควันคลุ้งไปทั่วตัวของมัน
"ทำไมแกถึงเจาะจงฉัน !? แกต้องการอะไรจากฉัน !?" จุ๊บแจงถามขึ้นด้วยความโกรธเกรี้ยว
".......หึ..... หึ หึ หึ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ.... ก็เจ้ามันขวัญอ่อนที่สุดในกลุ่มน่ะสิ ทำให้ข้าติดตามไปดูดพลังชีวิตได้ไม่ว่า
เจ้าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม... คนอย่างเจ้านี่แหละ เป็นแหล่งพลังชั้นดีสำหรับข้าเลยทีเดียว !" เจ้าปีศาจตอบกลับ
อย่างไร้สำนึก
"แล้วแกมาจากไหน ? ทำไมถึงมาอยู่ในห้องนี้ !?" เต้ถามขึ้นบ้าง ในใจเกิดความอยากรู้อยากเห็นขึ้น
"พวกมนุษย์หน้าโง่อย่างพวกเจ้าชอบเรื่องตื่นเต้นกันไม่ใช่รึ !? ข้าก็เลยถือโอกาสสนองกิเลสอันนั้นให้
พวกเจ้าไงล่ะ ! การทำบาปของพวกเจ้ามันดึงดูดข้ามา ! การงานของพวกเจ้ามันสร้างรายได้ให้ทีละ
มากๆ ทำให้พวกเจ้ามีกิเลสกันหนา ทำชั่วต่างๆนาๆในขณะที่อาศัยอยู่ที่นี่ จนทำให้ข้าเติบโตขึ้น !...การ
ยิงนกตกปลา การผิดผัวผิดเมีย การโกหกคดโกง การติดหล้าเมายา หัวหน้าครอบครัวที่ไม่ดูแลครอบครัว
บาปทั้งหลายทั้งปวงเหล่านี้เป็นต้น ทำให้ข้าเป็นอยู่ได้ ! พวกคนบาปทั้งนั้น ที่เคยมาอาศัยอยู่ในห้องนี้ !"
คำพูดของปีศาจร้าย ทำให้จุ๊บแจงนึกถึงพ่อของเธอ... จริงอย่างที่มันพูด... กฟผ. ที่พ่อของเธอทำงานอยู่เป็นองค์กรรัฐวิสาหกิจที่ใครก็ตามที่เข้ามาทำงานจะได้รับเงินเดือนและสวัสดิการที่ดีมาก สิ่งนั้นมักทำให้คนลืมกำพืดของตนเอง ทำให้มีกิเลสมัวเมาลุ่มหลงกับสิ่งยั่วยุต่างๆนาๆ จนทำให้ประพฤติตนออกนอกลู่นอกทางของครรลองคลองธรรมได้ ซึ่งพ่อของจุ๊บแจงก็เป็นหนึ่งในคนพวกนั้น... พ่อของเธอมีพฤติกรรมที่ชอบยิงนกตกปลา คบกับเพื่อนร่วมงานที่ติดเหล้า ติดผู้หญิง ใช้จ่ายเงินไปมากกับสิ่งบันเทิงเริงใจต่างๆนาๆ จนในที่สุดก็ทิ้งครอบครัวไป
"ร่างกายอันน่าเกลียดของแก ทำไปด้วยบาปของคนงั้นสิ ? มิน่า ถึงมีทั้งชายทั้งหญิง" เต้พูดขึ้นอย่างมีความรู้
"จะบอกให้รู้ไว้ ! ถึงตัวข้าเองจะถูกพวกเจ้าทำลาย... พวกของข้าในปรโลกก็จะมาแทนที่อยู่ดี เพราะบาป
ของพวกเจ้ามันมีอยู่มากมายมหาศาล หาที่สุดไม่ได้... ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ !!!... ฝันร้ายจะยังคงมีอยู่ต่อไป !!!!"
เต้และจุ๊บแจงพร้อมใจกันอฐิษฐานให้แสงไฟฉายเป็นแสงทำลายปีศาจ แล้วรุมส่องแสงไฟฉายของตนไปที่ร่างปีศาจร้าย มันกรีดร้องก้องดังออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณสุดขีด ร่างของมันมีควันโพยพลุ่ง แล้วค่อยๆละลายลงเหมือนกับเหล็กที่กำลังโดนน้ำกรดกัดกร่อน จนระเหยหายไปกับสายลมที่กำลังพัดแรง
"ไปกันเถอะจุ๊บแจง"
"อื้ม.."
มันยังไม่จบแค่นั้น ! ที่หัวบันไดของตึกมีร่างคล้ายคนดำทะมืนหลายร่างยืนขวางอยู่
"พวกแก... ต้องตาย... อยู่ที่นี่ !!" พวกมันส่งเสียงโทนต่ำร้องขู่ออกมา
"เอาสิ ! ขวางได้ขวางไป!! เจ้าพวกผีกินบาป !" เต้คำรามตอบกลับไป
เต้กับจุ๊บแจงสาดแสงไฟฉายใส่พวกมัน พวกมันกรีดร้องแตกสลายหายไปกับลมทันทีที่ถูกแสง เหมือนกับดาบไลท์เซเบอร์ที่ฟาดฟันศัตรูจนขาด ไหม้ไป... เต้กับจุ๊บแจงรีบวิ่งลงบันไดตึก พวกผีร่างดำทะมึนที่มีอยู่อีกในบริเวณนั้น กรูกันเข้ามาเพื่อโจมตีทั้งคู่ และถูกแสงไฟฉายกวาดทำลายจนสลายไปทุกตัว
เต้กับจุ๊บแจงเคียงบ่าเคียงไหล่กันฟาดฟันกับเหล่าภูติผีในตึก แต่ละชั้นที่ลงมาจะมีการต่อสู้เกิดขึ้นทุกชั้น และที่ใต้ถุนตึกนั้นก็มีพวกมันมากที่สุด ทำเอาจุ๊บแจงกับเต้หืดขึ้นคอ กว่าจะจัดการกับพวกมันลงได้ทั้งหมด
ทั้งคู่วิ่งกันออกนอกตึก หันหลังกลับมาเตรียมที่จะประจัญบานกับพวกผีร้ายระลอกต่อไป แต่พวกผีร้ายได้หยุดอยู่ในเขตของตึก พยายามจะพุ่งออกมา แต่ก็ออกไม่ได้ เหมือนกับพวกมันจะมีเขตอันจำกัดของตนอยู่ พวกมันร้องโหยหวนดังแข่งกับเสียงของลมที่พัดแรง
เมื่อมาถึงยังพื้นนอกตึกที่ที่มีแสงไฟสลัวติดๆดับๆแล้ว เต้กับจุ๊บแจงก็ปิดไฟฉายนั่งลงกับพื้น หอบหายใจแรงด้วยความเหนื่อยล้า มองดูพวกผีร้ายพวกนั้นเหมือนมองดูปลาในตู้ปลา
"ไม่ใช่แค่ห้อง 44 ห้องเดียวแล้ว... ที่แท้มันทั้งตึกเลย เต้"
"ฮะ ฮะ... แบบนี้สิ คุ้มค่ากับการผจญภัยในตอนเด็กหน่อย"
"ไม่เห็นสนุกเลย"
"แต่ก็... จริงอย่างที่มันพูดนะ... งานดีเงินเยอะ บางทีก็ทำให้คนเราลุ่มหลง ทำบาปทำกรรมกันได้... พ่อของ
ฉันติดเหล้าขนาดหนักจนตับแข็งตาย... เงินทองกับสวัสดิการดีๆที่มี ก็ไม่ได้ช่วยชีวิตพ่อของฉันเลย"
".............." จุ๊บแจงซึ่งกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ นิ่งไป สีหน้าหม่นหมอง เมือนึกถึงพ่อของเธอเองบ้าง
"นี่...อย่าคิดมากเลยนะ... พวกผู้ใหญ่เขาทำผิดกันไปแล้ว พวกเราลูกหลานก็แค่อย่าทำผิดซ้ำอีก... ถือว่า
เป็นอุทาหรณ์ละกัน" เต้โอบกอดไหล่จุ๊บแจงปลอบใจเธอ เพราะเขาเองก็รู้เรื่องราวครอบครัวของ
จุ๊บแจง
"ขอบใจนะเต้ ... นี่... ตอนนี้ฉันเริ่มจำได้ลางๆแล้วล่ะ ว่าเธอทำยังไงถึงพาพวกฉันออกจากห้องได้"
"ก็แค่ส่อง..."
"ไม่หรอก มากกว่านั้น... เธอทำท่าทางเหมือนกับต่อสู้อะไรซักอย่างนึง... เธอบอกว่า เธอจะเอาปืนเลเซอร์
ยิงมันให้ตาย แล้วเธอก็ส่องแสงไฟฉายมั่วๆไปทุกที่ในห้องนั้น จากนั้นเธอก็บอกให้พวกฉันรีบออกไป
จากห้องเพราะประตูเปิดแล้ว... ฉันกลัวมากเลยตอนนั้น วิ่งลงบันไดตึกซะแบบไม่คิดชีวิต"
"....... ตอนนั้นฉันไม่รู้สึกกลัวเลย ไม่รู้เพราะอะไร... ในหัวฉันตอนนั้นมีแต่เรื่องการผจญภัยในอวกาศจาก
หนังชื่อว่าอะไรน้าาา.. อ้อ ! สตาร์แอ็ดแวนเจอร์...ฉันเห็นทุกอย่างเป็นพวกเอเลี่ยนข้าศึกที่จะมาบุกโลก...
ตอนที่เกิดเรื่อง ฉันจินตนาการไปว่า มันเป็นลมที่มาจากการลงจอดของยานเอเลี่ยน...แล้วฉันก็สู้กับมัน"
เต้เล่าความรู้สึกตอนนั้นจนตาเป็นประกาย ทำเอาจุ๊บแจงมองดูด้วยความขบขัน และเธอรู้สึกว่ามันเป็นความน่ารักเฉพาะตัวของเต้... ทั้งคู่มองดูพวกผีที่พยายามจะออกจากเขตแดน ค่อยๆจางหายไป เหมือนกับพวกมันจะท้อถอยในความพยายาม และลมก็สงบลง
"สรุปแล้ว... เป็นพลังจากจินตนาการนี่เอง ที่ทำให้คนแข็งแกร่ง"
"ใช่... แต่นั่นก็เป็นแค่อย่างหนึ่งเท่านั้นเอง... ขุมพลังของคนเราน่ะ มันมีอีกหลายอย่าง แต่ก็มีหลายอย่างที่
เป็นดาบสองคม คิดบวกก็ให้คุณ คิดลบก็ให้โทษ เช่น จินตนาการของเธอตอนฝันร้ายก็ทำลายเธอด้วย
เหมือนกัน... ก็อย่างที่บอก เรื่องลึกลับในโลกนี้มันมีเยอะ จุ๊บแจง"
ทั้งคู่ขึ้นรถ ขับกลับออกไปจากชุมชน... ขับเดินทางไปเรื่อยๆท่ามกลางแสงสียามค่ำคืน ออกจากจังหวัดลำปางมุ่งไปสู่จังหวัดเชียงราย เพื่อไปเยี่ยมเยียนแม่กับยายของจุ๊บแจงที่บ้านเกิดของเธอ... จุ๊บแจงได้กลายเป็นผู้หญิงที่มีความกล้าหาญสมกับลุ๊คสาวมั่นของเธอ ยังคงใช้ชีวิตในสถานะโสด และบรรลุเป้าหมายในการซื้อบ้านหลังหนึ่งที่กรุงเทพฯ... นับแต่นั้นมา เธอก็ไม่เคยฝันร้ายอีกเลย
(จบบริบูรณ์)
จากพันทิป (นิยาย ผี/วิญญาณ) 314 - 44... อดีตผี ปีศาจหลอน
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3402998 หรือในนาม โรนินโดดเดี่ยว
Post a Comment