ลูกรัก... พ่อแม่ขออภัย
โรนินโดดเดี่ยว หรือสมาชิกพันทิป 3402998 นักแต่งนิยาย ผีวิญญาณและเรื่องลี้ลับสยองขวัญ โปรดติดตามผลงานของเขาขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย
ปุด.. ปุด.. ปุด.. ปุด..
เสียงซอสบาร์บีคิวทำเองที่สุกและเดือดได้ที่แล้ว พร้อมที่จะถูกราดลงไปบนเส้นพาสต้าต้มสุกที่เตรียมไว้ในจาน
"พ่อ !... เสร็จแล้ว มากินได้แล้ว"
"เออ... แกกินก่อนเลย พ่อกำลังติดพันงานอยู่"
"ทั้งปี พ่อเนี่ย ข้าวปลาไม่กินเอาแต่บ้างาน ... แล้วกาแฟน่ะ หยุดซะบ้างเหอะ จะติ๊สไปถึงไหน ?"
"ติ๊สคืออะไรวะ ? เดี๋ยวนี้นับวันภาษาแปลกๆจะมีมากขึ้นนะแกเนี่ย ลัคกี้"
"แปลกก็ช่างเหอะ ! วันนี้พ่อไม่ได้กินอะไรมาทั้งวันเลยไม่ใช่เหรอ ? ...มากินข้าวเดี๋ยวนี้เลย !!"
เคน ชายโสดวัยกลางคนร่างผอม ผมยาวซอยแบบเกาหลี หนวดเคราและคิ้วหนา อดีตพาสทรี่เชฟที่เคยทำงานในโรงแรมห้าดาวกลางกรุงแห่งหนึ่ง แต่ถูกไล่ออก เพราะครั้งหนึ่งเขาถูกลูกค้าโวยวาย เนื่องจากอาหารที่ทำไปด้วยเส้นมักกะโรนีที่เขามีหน้าที่รับผิดชอบปรุง มีซากแมลงสาบอยู่ข้างใน
เคนผันตัวเขาเองมาเป็นนักเขียนหลากแนว และประสบความสำเร็จพอสมควร เพราะเขานั้นมีทักษะในด้านการเขียนที่สูง นอกจากทักษะในด้านการทำอาหารประเภทเส้นที่สูงเช่นกัน
คืนหนึ่ง เขาพบเด็กทารกเพศหญิงเนื้อตัวแดงเหลือง รกยังติดตัว สภาพอดโซ กำลังนอนร้องไห้จ้าตัวสั่นในกองผ้าเปื้อนเลือดที่ยังสดๆ ถูกวางทิ้งไว้ในพงหญ้าข้างตึกที่กำลังอยู่ในสภาพก่อสร้างยังไม่เสร็จ ซึ่งอยู่ข้างสำนักพิมพ์ที่เขานำงานไปส่ง เขารีบนำเด็กทารกหญิงที่กำลังใกล้จะตายนั้นไปที่โรงพยาบาลในพื้นที่ เพื่อรักษาชีวิตของเธอไว้ ภายหลังเกิดความสิเน่หาในเด็กทารกหญิงนั้น จึงติดต่อทางโรงพยายาบาลเพื่อขอรับอุปการะเลี้ยงดูเธอ เป็นพ่อบุญธรรม และตั้งชื่อให้เธอว่า ลัคกี้ ใช้เป็นทั้งชื่อเล่นและชื่อจริง เพราะเธอได้รอดชีวิตจากสังคมอันฟอนเฟะที่กำลังระบาดไปทั่วโลกในยุคปัจจุบัน
ลัคกี้ตอนนี้เติบโตเป็นเด็กสาววัยรุ่นอายุย่างเข้าสิบเจ็ดปี ผิวขาวเหลืองแต่ใส รูปร่างดี มีเขี้ยวสเน่ห์ จมูกโด่งกำลังงาม หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กญี่ปุ่น ไม่มีเค้าของความเป็นไทยเลย ผมดำสนิท เรียบ ไว้สั้นบ๊อบและหน้าม้าที่หนา ปัดไปทางขวานิดๆ ... แต่เธอมีนิสัยดุ ห้าว ใจร้อน เป็นมวย ชกต่อยเก่งเหมือนผู้ชาย เธอมักมีเรื่องปะทะกับพวกนักเรียนชายทั้งในและนอกโรงเรียน และพวกนักเรียนหญิงในโรงเรียนที่นิยมเพศเดียวกันมักมาห้อมล้อมเธออยู่เสมอ แต่เธอก็ทำเอาพวกนั้นกระเจิงไปทุกทีเพราะเธอนั้นแค่ดุ แต่ไม่ได้นิยมในโลกเพศที่สาม
"ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ... ทำไมแกไม่เป็นทอมไปซะเลยวะ ลัคกี้... พ่อไม่ถือหรอก แปลกใหม่ดีจะตาย"
เคนแซวลูกสาวบุญธรรมหลังจากที่ฟังเรื่องในโรงเรียนตอนเย็นวันนี้จากเธอแล้ว... ทั้งคู่กำลังกินมื้อเย็นด้วยกัน
"จะบ้ารึไงพ่อ !? หนูไม่ได้ชอบแนวนั้นซะหน่อย !... ถ้าเป็นเพื่อนหนูนี่โดนมะเหงกไปแล้วนะเนี่ย !"
"แหม่... แกนี่มันดุจริงๆว่ะ ลัคกี้... เป็นสาวเป็นนางน่ะ ธรรมดาต้องอ่อนหวานนะเว้ย... หน้าตาแกก็คิกขุ
อาโนเนะขนาดนี้... พอ่แม่แท้ๆของแกนี่เป็นยากูซ่ากันรึไงวะ ?" ความที่ตรงและแรง เป็นนิสัยเสียอย่าง
หนึ่งของเคน
"จะยากูซ่ารึอะไรก็ช่าง... มันทิ้งหนู ดีที่หนูไม่ได้เป็นลูกของพวกมัน" ลั๊คกี้รู้ความที่เธอถูกเคนเก็บมาเลี้ยง
"เออๆ 'โทษทีว่ะ พ่อมันปากเสียเอง... นี่... เส้นพาสต้าวันนี้ดีขึ้นนะ แกนี่เรียนรู้อะไรไวดีนี่หว่า"
"ฮึ... ไม่ต้องมาทำเป็นยอหนูหรอก หนูรู้ว่าหนูรักใครมากที่สุดตอนนี้" แล้วเธอก็ดูดเส้นพาสต้าซอส
บาร์บีคิวเข้าไปในปากจนซอสเลอะขอบปาก เคี้ยวสีหน้าเรียบเฉย
"ฮะ ฮะ ฮะ...โดนสาวญี่ปุ่นบอกรักนี่มันจึ๊กกระดึ๋ยดีว่ะ... คราวหน้าพ่อจะสอนแกทำซอสครีมเห็ดเป็น
ซอสที่หก... แล้วเส้นน่ะ แกต้องลดเวลาต้มนิดนึง มันจะเหนียวหนึบเป็นอัลเด็นเต้พอดี"
กลางดึก....
ลัคกี้ตื่นขึ้นมาเพราะปวดปัสวะ เดินออกจากห้องตรงไปยังห้องน้ำในบ้านชั้นเดียวอันคับแคบที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองอันแออัด เมื่อเสร็จกิจและออกมาจากห้องน้ำแล้ว เธอชะงักเพราะเห็นเงา ดำตะคุ่มคล้ายเงาของคนเดินเข้าไปในห้องของเธอ
"หือ ?..... ใครวะ ?... พ่อ... พ่อใช่มั้ย ?"
ไร้เสียงตอบกลับ... ลัคกี้ คว้าไม้เบสบอลโลหะที่สั่งตรงจากญี่ปุ่นออกมาจากตู้เสื้อผ้า ซึ่งเป็นอาวุธประจำตัวที่เคยใช้ต่อสู้กับกลุ่มเด็กแว้นวัยรุ่นทั้งชายและหญิงที่มาก่อกวนสร้างความเดือดร้อนรำคาญให้กับละแวกบ้านของเธอ จนพวกมันแตกกระเจิงไป ไม่มาอีกเลย
"ค... ใครน่ะ !? นั่นมันห้องของฉัน อยากลองดีใช่มั้ย !? ออกมาเดี๋ยวนี้นะ !!"
ลัคกี้ค่อยๆ เดินเข้าไปในท่าเตรียมต่อสู้ ชะโงกดูภายในห้อง... แต่ไม่มีใครเลย !
"อะไรวะ ?... ผีรึไง ? ... ไปๆ ! ไปอยู่ส่วนผีซะ อย่ามายุ่งกะคน !"
ตึ่ก... ตึ่ก... ตึ่ก...
แล้วเธอก็หันขวับกลับหลังหันโดยเร็ว ทำท่าเตรียมทุบคู่ต่อสู้ด้วยอาวุธประจำกาย ทันทีที่ได้ยินเสียงคนเดินที่ดังมาจากข้างหลัง... แต่ก็ไม่มีใครเดินอยู่บนทางเดินหน้าห้องน้ำซึ่งลัคกี้เพิ่งจะผ่านมาหยกๆ... เธอเกาหัวสีหน้างุนงง แล้วก็ไปที่เตียงเพื่อหลับต่อ โดยมีไม้เบสบอลโลหะวางเตรียมเอาไว้บนหัวเตียง
โรงเรียน...
ที่โรงเรียนของลัคกี้จะมีการจัดมหกรรมอาหารสากลขึ้นในอีกหนึ่งอาทิตย์ เพื่อต้อนรับผู้หลักผู้ใหญ่ชาวต่างชาติจากหลายๆประเทศที่จะมาเยื่ยมชมโรงเรียนและฟังวิทยากรของโรงเรียนบรรยายความรู้ทางวิชาการ ทางโรงเรียนจึงลดเวลาในการเรียนการสอนลงเพื่อจัดเตรียมงาน และเปิดโอกาสให้นักเรียนที่มีฝีมือหรือสนใจในเรื่องอาหาร หารายได้จากการขายอาหารของตน ทั้งในช่วงเวลาเตรียมงานและในวันจริง
"บอกว่าหมดแล้ว ยังจะมาถามหาอีก ! เดี๊ยะ แม่บ้องหูเตือนสติซะนี่ ! นี่ชิมรึยัดกันแน่ยะ ?"
"แหม... ก็มันอร่อยนี่ ... เห็นแกดุเหมือนยักษ์แบบนี้ใครจะไปนึกล่ะ ว่าแกจะทำอาหารเก่งแล้วก็อร่อย
ขนาดนี้"
ตั้ม โอ๊ต และ ยิ่ว นักเรียนชายสามเกลอคู่กัดประจำของลั๊คกี้ บัดนี้ได้หลงสเน่ห์ปลายจวักของเธอจนต้องยอมแพ้เธอไปวันหนึ่ง... ทั้งเธอและสามเกลอพวกนี้ ทะเลาะกันเป็นไม้เบื่อไม้เมามานานจนเริ่มสนิทกัน... บางครั้ง ถ้าวันไหนทั้งสองฝ่ายไม่ได้หาเรื่องกัน วันนั้นจะเป็นวันที่เซ็งที่สุดในชีวิตของพวกเขา
"กระเพาะวัวกันนักใช่มั้ย ?... เอ้านี่ เหลือสามที่พอดี กินให้หน่อย... ขายไม่ออก ขี้เกียจขายแล้ว...
สปาเกตตี้หน้าไก่ผัดซอสเพสโต้"
"ว้าาาว...ว...ว....... !!"
แล้วทั้งสามเกลอก็นั่งกินสปาเก็ตตี้กันอย่างเอร็ดอร่อย มูมมาม พลางส่งเสียงชื่นชมอาหารกันเสียงดังจนนักเรียนคนอื่นๆที่อยู่ในที่นั้น หันมามองที่ซุ้มขายอาหารของลัคกี้กันเป็นจุดเดียว จนลัคกี้อาย เอามือข้างหนึ่งปิดหน้าตัวเอง ทอดถอนใจ
"กินจุเนอะ พวกนี้... แต่ก็ดี จะได้เป็นโฆษณาให้ร้านเราเด่นขึ้น" นักเรียนหญิงคนหนึ่งในกลุ่มขายอาหาร
ของลัคกี้เอ่ยขึ้น สีหน้าแขยงเล็กน้อยในอากัปกริยาของพวกสามเกลอ
"เฮ้อ... แต่โฆษณาแบบนี้มันน่าเกลียดไปนะ"
ลัคกี้ถอนใจ เธอคิดว่า นี่อาจจะเป็นการโจมตีชนิดหนึ่งของพวกคู่กัดพวกนี้ก็ได้ แต่ก็เลิกความคิดนี้ไป เมื่อเห็นว่าทั้งสามกำลังมีความสุขกับการกินอาหารของเธอจริงๆ... แน่ล่ะ... ฝีมือระดับเชฟ ที่อดีตเชฟพาสทรี่อย่างพ่อของเธอเป็นคนประสิทธิ์ประสาทให้เองกับมือ จากนั้นก็เริ่มมีนักเรียนทยอยเข้ามาซื้ออาหารที่ซุ้มขายอาหารของลัคกี้กันมากขึ้น จนกระทั่งมีครูหลายคนเข้ามาซื้อบ้าง
ที่บ้าน... ตอนค่ำในวันเดียวกัน
"ซอสเพสโต้มันก็คือซอสใบโหระพาน่ะแหละ ลูกค้าแกอาจจะไม่ค่อยชอบกลิ่นมัน... เด็กสมัยนี้ไม่ค่อย
ชอบกินผักกันด้วย"
"แต่พวกคู่อริหนูมันกินเอาๆ มูมมามยังกะหมูเลย... ว่าไปก็... ถ้าไม่มีพวกมัน คงได้เหลือกลับมากินเป็นมื้อเย็นนี้แน่"
"ฮะ ฮะ ฮะ... พ่อว่าแกกับพวกนั้นน่ะ เริ่มสนิทกันมากขึ้นแล้วนะ... กัดกันมาตั้งกะ ม.ต้น แล้วนี่"
"..............." ลัคกี้เคี้ยวก๋วยเตี๋ยวเซี่ยงไฮ้ผัดขี้เมาฝีมือพ่อของเธอสีหน้าเรียบเฉย ในใจคิดว่า... คงอย่างนั้น
เพล้ง !!!!
เคนกับลัคกี้สองพ่อลูกหยุดชะงักจากการกินอาหารมื้อเย็น... เสียงเหมือนจานใบหนึ่งตกแตกดังออกมาจากห้องครัว
"อะไรวะ ?... กินไปนะ เดี๋ยวพ่อไปดูที่ห้องครัวเอง"
เคนลุกขึ้นออกจากที่นั่งพื้น เดินจากห้องโถงอันคับแคบที่มีเพียงโต๊ะญี่ปุ่นตัวหนึ่งเป็นจุดเด่นของห้อง ตรงไปยังห้องครัว... ในห้องไม่มีอะไรแม้แต่แมวตัวหนึ่งที่อาจจะเป็นสาเหตุทำให้จานตกแตก
"จานก็ไม่ได้วางไว้หมิ่นเหม่นี่หว่า ตกลงมาได้ไงวะ ?" แล้วเคนก็เริ่มเก็บกวาดเศษจานเซรามิคใบที่ตกแตก
***************
ที่โรงเรียน... วันมหกรรมอาหาร... ตอนเย็นไกล้ค่ำ หลังกิจกรรมเสร็จสิ้น
"นี่พวกเธอ... เอ้า ค่าเหนื่อยคนละ 400...... ฟู่วววว..... งานหนักจริงๆวันนี้"
ลัคกี้แบ่งกำไรที่ได้จากการขายอาหารให้เพื่อนๆในกลุ่ม หน้าตาของเธอมันเยิ้ม ชุ่มไปด้วยเหงื่อ เสื้อกันเปื้อนสีขาวเลอะเทอะไปด้วยซอสนาๆชนิด หลากสี
"ขอบใจจ้ะ... แต่งานหนักจริงๆนะ... ร้านเราขายดีมากจริงๆ... ลุงฝรั่งคนอิตาลีคนนั้นออกปากชมใหญ่
เลย ทั้งที่เป็นอาหารของประเทศตัวเองแท้ๆ ฉันนึกว่าเค้าจะเฉยๆซะอีก... เธอมีฝีมือจริงๆด้วยแหละ
ลัคกี้"
"จริงด้วย... ว่าแต่ ป้าคนญี่ปุ่นคนนั้น ทำไมชอบมองหน้าเธอจังนะ... เธอรู้จักกับป้าคนนั้นรึเปล่า ?"
"ไม่นิ... ฉันไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่... หน้าฉันมันคงเหมือนคนญี่ปุ่นมากไปอย่างที่หลายคนว่ากันมั้ง ?"
มีผู้หญิงวัยกลางคนชาวญี่ปุ่นคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหนึ่งในคณะผู้มาเยือนจากต่างประเทศ ชอบมองหน้าของลัคกี้ในระหว่างที่ซื้ออาหารในซุ้มขายอาหารของเธอ... จ้องมองเหมือนกำลังพยายามนึกอยู่ว่า เคยรู้จักกับลัคกี้หรือไม่
"ยังไงก็ช่าง... ต้องขอบใจเจ้าสามตัวนั่นอยู่ดี มันชอบมากินแต่ที่ร้านเรา แล้วก็ชอบทำท่าทางปัญญาอ่อน
จนคนหันมามองกันใหญ่... เฮอะ... เป็นการติดหนี้บุญคุณที่งี่เง่าที่สุดในสามโลกเลย"
เคนขับรถกระบะของเขาเข้ามาในโรงเรียนเพื่อมารับลัคกี้และช่วยขนย้ายเครื่องครัวกลับบ้าน
"ไง สาวๆ... ขายดีกันรึเปล่า ?"
"มาช้าจังนะพ่อ... รอจนเหงกแล้ว"
วันเสาร์... ที่บ้าน
ลัคกี้ต้องอยู่บ้านคนเดียวเพราะเคนออกไปช็อปปี้งที่ห้างในเมือง เนื่องจากวัตถุดิบที่ใช้ในการทำอาหารในบ้านหมดไปมากกับงานมหกรรมอาหารที่โรงเรียนเมื่อวาน
"เก่งแค่สามยกแรก มาโดนน็อคเพราะเหนื่อย... ทุเรศชะมัด... โฮ้ยยย ผิดหวังๆๆๆๆ !"
ลัคกี้ติเตียนนักมวยหนุ่มหล่อฝ่ายน้ำเงินในโทรทัศน์ที่ทำให้เธอผิดหวัง แล้วกัดขนมเซ็มเบ้เคี้ยวกรุบๆ สีหน้าไม่พอใจ แล้วก็กดรีโมตเปลี่ยนเป็นช่องต่อไป... เป็นละครคุณหญิงคุณนาย
"วุ๊ !! ผ่านๆๆๆ !!" แล้วกดเลื่อนช่องต่อไป... เป็นสารคดีสัตว์โลกที่ลัคกี้ชอบดู ครั้งนี้เกี่ยวกับงู
พรึ่บ !!
ไฟทั้งบ้านดับลงในขณะที่ลัคกี้กำลังเพลิดเพลินกับรายการโปรด... ทั้งบ้านมืดสลัว
"โห่ววววว ! ...มาดับอะไรตอนนี้วะ !? ...ฉากมันกำลังสู้กับเหยี่ยวซะด้วย !"
ดูเหมือนวันนี้จะเป็นวันเสาร์ที่สุดเซ็งสำหรับลัคกี้ มีแต่เรื่องที่ทำให้เธอหงุดหงิดทั้งนั้น จนเธอนึกอยากจะเตะก้นพวกสามหน่อคู่กัดเพื่อระบายอารมณ์ หน้าตาตอนโมโหของเธอนั้นน่ากลัวเข้ากับความมืดอันสลัวในบ้าน
ลัคกี้ถอนใจ เดินออกไปที่หน้าซุ้มประตูบ้านเพื่อจะดูว่า มีใครมาซ่อมระบบไฟหรือเปล่า... แต่ก็ไม่มีวี่แววของช่างซ่อมระบบไฟเลยสักคน และลัคกี้ก็ได้ยินเสียงเพลงแนวเพื่อชีวิตที่เธอไม่ชอบดังมาจากบ้านของเพื่อนบ้านข้างๆที่มักจะเปิดวนซ้ำไปซ้ำมาเพียงสี่ห้าเพลง
"นี่ลุงอี๊ด บ้านลุงไฟไม่ดับเหรอ ?... ไฟบ้านหนูดับเนี่ย"
"เรอะ ? ...แล้วเอ็งจ่ายค่าไฟเค้าไปรึยังล่ะ ?"
"จ่ายแล้ว ! ... จ่ายตั้งกะวันที่บิลค่าไฟมาเลยด้วย"
"อืม... งั้นลุงก็ไม่รู้แล้วล่ะ... เอ็งลองไปแจ้งที่ออฟฟิซสิ" แล้วเพื่อนบ้านวัยชราต้นๆก็เอนเก้าอี้ฟังเพลงต่อ
".... โห้ย ! วันนี้มีแต่เรื่องน่าโมโหว่ะ ! ตอนเช้าก็โดนจิ้งจกตกใส่ แถมมันยังรอดโดนทุบอีก !"
ลัคกี้ สาวน้อยผู้น่ารักแต่โมโหร้ายดุจยักษ์บ่นพลางเดินกระทืบเท้ากลับเข้าไปในบ้านอันมืดและร้อนเพราะความคับแคบ ยุงก็มีเยอะ เวลานี้ทุกอย่างรอบๆตัวลัคกี้เป็นดั่งน้ำมันที่กำลังราดเข้าไปในกองเพลิงคือตัวเธอเอง... ลัคกี้แต่งตัวและคว้ากุญแจรถมอเตอร์ไซ พร้อมออกเดินทางไปเฉ่งสำนักงานการไฟฟ้า
พรึ่บ พรึ่บ... หวื่อออออ.... จ๊อกแจ๊ก จอแจ
ไฟฟ้าในบ้านของลัคกี้กลับมาจ่าย โทรทัศน์ที่เปิดค้างไว้ก็กลับมาเล่นต่อ... สารคดีสัตว์โลกอันเป็นรายการโปรดของลัคกี้กำลังจะจบลงพอดี
"กวน... ส้น... มาก... !!"
ลัคกี้กัดกรามกรอด คำรามเสียงดุขรม หน้าแดง ตัวสั่น เธอขว้างพวงกุญแจรถลงพื้นระบายอารมณ์ ยีผมตัวเองซะยุ่ง หายใจแรง สีหน้าเหี้ยมเกรียมบ่งบอกว่าพร้อมที่จะมีเรื่องกับใครก็ได้ทุกเมื่อ
".....(ภาษาญี่ปุ่น)...."
"!!!?"
ลัคกี้ได้ยินเสียงดุจเสียงกระซิบภาษาญี่ปุ่นอันเบาแผ่วและก้อง เป็นเสียงของผู้หญิง....... และ
"...........(ภาษาญี่ปุ่น)..........." เสียงโทนเดียวกันแต่เป็นเสียงผู้ชาย
"อะไรวะ !? ... เฮ้ย !!! ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ !!! ?......... ออกมานะ จะได้โดนเบาลงหน่อย !!!"
ลัคกี้คว้าไม้เบสบอลโลหะมาถือทำท่าเตรียมสู้ ตวาดขู่เจ้าของเสียงทั้งชายและหญิง
"....."
"..........?"
ไร้เสียงตอบกลับ ความโมโหเป็นไฟของลัคกี้เริ่มถูกดับไปด้วยน้ำคือความงงงัน เธอเกาหัวสีหน้างุนงงแต่ยังมีเค้าของความหงุดหงิดอยู่ และเธอรู้สึกว่า เสียงของผู้หญิงตอนแรกนั้นเหมือนจะมีชื่อของเธออยู่ในประโยคด้วย
"โอเค... นี่ คุณผี !... วันนี้หนูอยู่บ้านคนเดียว มีแต่หนูกับพวกคุณเท่านั้น ไม่ต้องอาย... ลองปรากฏตัวมา
ให้ดูหน่อยดิ๊... อยากรู้เหมือนกัน ว่าผีมันจะเป็นเหมือนกับในหนังรึเปล่า"
"ผีอะไรของแกวะ ?......"
"เฮ้ย !!!"
"...เฮ้ย !!!"
เคนเกือบโดนลูกสาวบุญธรรมของเขาตีหัวด้วยไม้เบสบอลโลหะเพราะความตกใจ โชคดีที่เธอยั้งมือทัน
"พ่อ !? ... โห เกือบไปมั้ยล่ะ มาตั้งกะเมื่อไหร่ ?"
"มาตอนแกตะโกนเป็นบ้าอยู่คนเดียวพอดีนี่แหละ... เป็นอะไรของแก ไอ้หื่นดวงซวยคนไหนมันบุกมา
หาแกอีกวะ ?"
ลัคกี้เคยโดนผู้ชายบ้ากามบุกเข้าบ้านเพื่อที่จะข่มขืนตอนเธออยู่ในบ้านคนเดียว แต่เธอก็หักฟันหน้าของมันเสียสองสามซี่ด้วยกระบองพิฆาตอาวุธประจำกาย ทำเอามันหนีออกจากบ้านไปแทบไม่ทัน
"ไม่อ่ะ.... เมื้อกี้ได้ยินใครก็ไม่รู้กระซิบกันยังกะภาษาญี่ปุ่น นึกว่าโจรขึ้นบ้าน... เสียงผู้หญิงกะผู้ชาย"
"โจรที่ไหนจะเอาสาวมาด้วยตอนทำงานวะ ? แถมเป็นโจรญี่ปุ่นอีก เข้ากะหน้าแกเลยว่ะ... มาๆๆ...
มาช่วยพ่อขนของเข้าบ้านหน่อย"
*************
กลางดึก...
"ลัค... กี้... จัง......... ลัค... กี้...จัง......."
ลัคกี้ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงเรียกชื่อของเธอ เป็นเสียงแบบเดียวกันกับที่เธอได้ยินเมื่อตอนกลางวัน
"อือออออ... ใครเรียกวะ คนจะหลับจะ............ !"
ลัคกี้ลุกขึ้นมาและต้องชะงัก... ที่ปลายเตียงของเธอมีเงาดำทะมึนรูปร่างคล้ายคนสองร่างยืนอยู่นิ่ง ลัคกี้ขยี้ตาและมองซ้ำ เงาสองร่างนั้นก็ยังคงยืนนิ่งเงียบอยู่ในที่นั้น ความขนหัวลุกเริ่มมาเยือนแม้แต่ลัคกี้ผู้ไม่เคยกลัวใคร... แล้วก็เริ่มมีเสียงพูดออกมาจากเงาทั้งสอง เป็นภาษาญี่ปุ่นอันแผ่วเบาและก้องดุจเสียงกระซิบที่มีเอฟเฟ็คเสียงสะท้อน
".......(ภาษาญี่ปุ่น-ชาย)........."
"...(ภาษาญี่ปุ่น-หญิง)..."
พอเงาทั้งสองพูดจบ ทั้งพวกมันก็ค่อยๆแสดงรูปร่างออกมา ผู้ชายนั้นแต่งกายชุดสูทสีดำ เน็คไทด์สีดำ เสื้อเชิตชั้นในสีขาวแต่เปรอะไปด้วยรอยเลือดเพราะหัวขาด หัวที่มันถืออยู่ในมือทั้งคู่หน้าตามีเลือดเปรอะ ส่วนฝ่ายหญิงนั้นอยู่ในชุดคลุมท้องสีขาว หน้าตาสวยแบบชาวเอเชียตะวันออกไกล แต่ดูซีดเซียว ปล่อยผมยาวสยาย บริเวณท้องน้อยลงไปจนถึงท่อนขาส่วนบน ชุ่มไปด้วยเลือด... หน้าตาของผีทั้งคู่บ่งบอกถึงความเป็นคนญี่ปุ่นขนานแท้ แล้วปากของพวกมันก็เริ่มขยับ
"...(ภาษาญี่ปุ่น-หญิง)..."
"........(ภาษาญี่ปุ่น-ชาย)........."
...แล้วพวกมันก็ค่อยๆจางหายไป
ลัคกี้นิ่ง ตัวแข็ง ตาเบิกโพลง ร่างกายทุกส่วนของเธอเป็นดุจเครื่องจักรไฮดรอลิคเก่าๆที่สนิมกินจนข้อต่อเครื่องติดขัดใช้การไม่ได้ฉะนั้น... พอตั้งสติได้แล้ว เธอก็เอาผ้าห่มมาคลุม นอนคลุมโปงไปแบบนั้นทั้งคืน
รุ่งเช้า...
"เฮ้ย ลัคกี้ !! ทำไมอยู่ๆถึงมาเป็นไข้ตัวร้อนขนาดนี้ แกเป็นอะไรแน่วะ !?... ทำใจดีๆไว้ ! "
"พ่อ... หนู... ปวดหัว...."
แล้วลัคกี้ที่หน้ากำลังซีดเหลืองและเหงื่อท่วมตัว ก็เริ่มตาเหลือก ออกอาการช็อคเพราะไข้ขึ้นสูงอย่างเฉียบพลัน เคนรีบอุ้มลัคกี้วิ่งผลุนผลันจนชนข้าวของในบ้านกระจัดกระจาย เพราะความแคบของบ้าน รีบนำเธอเข้าไปในรถ รีบสตาร์ทรถ และบึ่งรถตรงไปที่โรงพยายาบาลทันที
เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้ว ลัคกี้ถูกนำขึ้นเตียงฉุกเฉิน พวกเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลรีบต่อท่ออ๊อกซิเจนให้ลัคกี้ แล้วเข็นเตียงวิ่งเข้าห้องฉุกเฉิน กันเคนไว้ภายนอกห้อง เคนกุมหัว สีหน้าเครียดจัด เดินวนไปวนมาอยู่ในที่นั้นอย่างกระวนกระวาย
ต่อมา... ห้องพักฟื้นพิเศษ
ลัคกี้กำลังหลับสนิทอยู่บนเตียงคนไข้ เจาะน้ำเกลือสายระโยงระยาง... เคนนั่งกอดอกบนโซฟา มองดูลัคกี้อย่างเป็นห่วง สีหน้าเครียด เขาเกิดอยากสูบบุหรี่ขึ้นมา เพราะเขามักจะสูบในเวลาที่เครียด แต่ก็ต้องอดทนความอยากไว้ เพราะที่นี่เป็นโรงพยายาบาล และควันบุหรี่จะเป็นอันตรายต่อลูกบุญธรรมสุดรักของเขา
ครู่หนึ่ง ลัคกี้ก็ลืมตา ลุกขึ้นช้าๆมาอยู่ในท่านั่ง
"เอ้า ตื่นแล้วเรอะ ? ...นอนลงเหอะ ไม่ต้องนั่งหรอก เดี๋ยวอาการจะกำเริบเอา"
ลัคกี้ค่อยๆหันมาหาเคน มองหน้าเขาแล้วยิ้ม ก้มหัวให้อย่างช้าๆและสุภาพ ท่าทางเหมือนกับทักทายและขอบคุณในเวลาเดียวกัน
"...(ภาษาณี่ปุ่น)... เคนซัง"
"!?..."
เคนออกอาการงุนงง ที่ลูกสาวบุญธรรมของเขาอยู่ๆก็เปลี่ยนพฤติกรรมไปเป็นเหมือนคนญี่ปุ่น สายตาของลัคกี้เปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่เธอคนก่อน แต่เป็นใครอีกคนหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นชาวญี่ปุ่นด้วย
"ฮะ ฮะ ฮะ... อะไรวะ ลัคกี้ ? เป็นไข้ทีถึงกับจำสัญชาติเดิมของตัวเองได้เลยเรอะ ?"
ถึงจะงง และรู้สึกแปลกใจกับสภาพในปัจจุบันของลัคกี้ แต่เคนก็รู้สึกโล่งอกที่ลูกสาวดีขึ้นและยังมาเล่นมุขกับเขาอีก เขาจึงปล่อยมุขอันฝืดแซวตอบกลับไป... แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิด ลัคกี้เริ่มมีสีหน้าเศร้าลง น้ำตาเริ่มคลอเบ้า และไหลออกมา ก้มหัวผงกๆ พูดภาษาญี่ปุ่นน้ำเสียงสะอื้นสั่นเครือกับเขา
"เคนซัง......................(ภาษาญี่ปุ่น)...................... ! .............(ภาษาญี่ปุ่น)................ !"
"ห... หา ?"
เคนงงหนัก อยู่ๆลัคกี้ก็ร้องไห้ออกมา แล้วพูดภาษาญี่ปุ่นพลางทำท่าทางเหมือนกำลังขอร้องอะไร
กับเขาสักอย่าง
"......................ฮ.... ไฮ่.... เอ่อ.... คุณคือใครเหรอครับ ?"
เคนเข้าใจทันทีว่าเขากำลังเจอกับสถานการณ์อะไรอยู่ เพราะแต่ไหนแต่ไรมา ลัคกี้ไม่เคยพูดภาษาต่างประเทศได้เลยสักภาษา แม้แต่ภาษาอังกฤษที่เธออ่อนที่สุดในบรรดาวิชาที่เรียน นอกจากภาษาไทยแล้ว เธอพูดแต่ภาษาวิบัติที่วัยรุ่นสมัยนี้พูดกันเท่านั้น ตามประสปการณ์ที่เคนเคยเป็นเด็กวัดมาก่อน เขานึกไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นอะไรไปได้อีก นอกจาก... ถูกผีสิง !!
"............(ภาษาญี่ปุ่น)........................... !! ......................"
ลัคกี้ที่ถูกผีญี่ปุ่นสิงร่าง พูดขึ้นมาอีกประโยคแล้วเอามือทั้งสองปิดปาก ร้องไห้คร่ำครวญอย่างน่าสงสาร... เคนฉีกกระดาษทิชชู่เข้าไปให้อย่างสุภาพ เพราะรู้ว่านี่ไม่ใช่ลัคกี้ แต่เป็นใครสักคนที่อาจรู้จักกับเธอแล้วมาสิงใช้ร่างของเธอเพื่อพยายามติดต่ออะไรบางอย่าง
"เอ่อ... ผมไม่เข้าใจว่าคุณกำลังพูดอะไร... เดี๋ยวรอแป๊บนึงนะครับ อย่าเพิ่งออกร่างไปไหนซะล่ะ"
เคนพยายามทำท่าทางสื่อสารว่า ให้รออยู่ก่อน จนอีกฝ่ายเข้าใจ... แล้วจึงออกจากห้องพักฟื้นคนไข้ไปที่ประชาสัมพันธ์ เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้เจ้าหน้าที่ฟัง แล้วติดต่อขอให้หมอหรือพยายาบาลที่เก่งภาษาญี่ปุ่นตามเขาไปในห้องพิเศษที่ลัคกี้พักฟื้นอยู่... ท่ามกลางความยุ่งยาก โชคดีของเคน ที่เขาได้หมอผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเก่งภาษาต่างประเทศถึงสี่ภาษารวมถึงภาษาญี่ปุ่นด้วย ตามเขาไปที่ห้องพร้อมกับนางพยาบาลผู้ช่วยอีกสองคน
**************
สิบหกปีก่อน... อพาร์ทเม้นถูกๆแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
" (ภาษาญี่ปุ่น) เป็นยังไงบ้าง นานาโกะ... เธอยังเจ็บท้องอยู่รึเปล่า ?"
ฮิโรชิเข้ามาดูภรรยาของเขาซึ่งกำลังท้องแก่ด้วยความเป็นห่วงหลังกลับมาจากการซื้อเสบียงอาหารเข้าห้อง เพราะล่าสุดนี้เธอออกอาการเจ็บท้องเพราะลูกในท้องดิ้น
" (ภาษาญี่ปุ่น) ตอนนั้นลูกแค่ดิ้นเท่านั้นเองจ้ะพี่ ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะ ลูกหลับไปแล้ว"
นานาโกะลูบท้องของเธออย่างแผ่วเบา ส่งความรักไปให้ลูกในท้องของเธอ ฮิโรชิร่วมลูบท้องของนานาโกะด้วยความรู้สึกเดียวกัน
" (ภาษาญี่ปุ่น) ไม่ต้องห่วงนะ... ฉันจะดูแลเธอกับลูกให้ดีที่สุด ฉันจะปกป้องเธอกับลูกอย่างสุดชีวิต
ชีวิตใหม่ของพวกเราจะต้องมีความสุข"
ฮิโรชิ อดีตสมาชิกแก๊งยากูซ่าในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในแก๊งที่ชื่อว่าโหดเหี้ยมที่สุดของประเทศ เขาเป็นหัวกระทิคนหนึ่งในแก๊งที่สมาชิกแก๊งไว้เนื้อเชิ่อใจ แต่กระนั้น นิ้วก้อยมือข้างซ้ายของเขากุดไปเพราะถูกแก๊งลงโทษเนื่องจากความผิดพลาดในหน้าที่บางอย่างของเขา สิ่งนี้บ่งบอกได้ถึงความโหดเหี้ยมของแก๊ง ส่วนนานาโกะนั้น เป็นเกอิชาที่มีรูปโฉมงดงามจนถูกยกให้เป็นเกอิชาระดับสูง มีราคาค่าตัวแพง และเป็นเกอิชาคนโปรดของหัวหน้าใหญ่ของแก๊งที่ฮิโรชิเป็นสมาชิกอยู่
ฮิโรชิและนานาโกะได้เกิดความรักขึ้นแก่กัน ทั้งทนความไร้มนุษยธรรมของแก๊งไม่ไหว ทั้งคู่จึงติดสินใจทรยศแก๊งด้วยการพากันหนีไปอยู่อาศัยที่เกาะฮ็อกไกโด แต่ก็ถูกแก๊งตามล่าเอาชีวิตอย่างไม่ลดละ ฮิโรชิกับนานาโกะซึ่งกำลังตั้งครรภ์กับฮิโรชิโดยที่ทั้งคู่ไม่ได้แต่งงาน พากันหนีมายังประเทศไทยที่ทั้งคู่เชื่อว่าเป็นประเทศที่สงบสุข ผู้คนมีน้ำใจดีงาม....... แต่คืนหนึ่ง
ปัง ปัง ปัง ปัง !!!!
ฮิโรชิหันหลังกลับและกระหน่ำยิงปืนพกไปที่พวกสมาชิกแก๊งของเขาที่อุตส่าห์ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อตามล่าเขากับภรรยาในประเทศไทย เพราะความโลภในรางวัลค่าหัวฮิโรชิที่ทางแก๊งตั้งขึ้นเป็นจำนวนหนึ่งล้านห้าแสนเยน... ไล่ยิงกันมาจนมาถึงตึกที่อยู่ในสภาพกำลังก่อสร้างแห่งหนึ่ง
" (ภาษาญี่ปุ่น) แกไม่รอดหรอกไอ้ฮิโรชิ !! แกทรยศพวกเรา แกกับนังเกอิชาไม่รักดีนั่นต้องตาย !!"
หัวหน้าสาขาคนหนึ่งของแก๊งตะโกนขู่พร้อมกับวิ่งไล่ยิงฮิโรชิอย่างดุดัน ลูกน้องของมันคนหนึ่งโดนกระสุนของฮิโรชิที่ยิงสวนมา เจาะเข้าไปที่อก ล้มคว่ำขาดใจตาย
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด นานาโกะที่ฮิโรชิพาวิ่งมา เกิดอาการเจ็บท้องเหมือนจะคลอด !
" (ภาษาญี่ปุ่น) อ๊าาาาา !! .... พี่ฮิโรชิ ฉันเจ็บท้อง !!!"
" (ภาษาญี่ปุ่น) นานาโกะ !!"
ฮิโรชิกระหน่ำยิงสกัดพวกแก๊งจนพวกมันหยุดหลบกระสุนกันแทบไม่ทัน พาภรรยาเข้าไปหลบที่ไต้ถุนตึก
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง !!!! เฟี้ยวววว.. ฟุ่บ !!!
"อั้ก ! "
"ฮิโรชิ !!! "
นานาโกะกรีดร้องขึ้นเมื่อสามีของเธอถูกกระสุนปืนที่พวกแก๊งยิงเข้ามา เจาะเข้าไปที่น่องข้างขวาจนล้มกลิ้ง
" (ภาษาญี่ปุ่น) นานาโกะ !! เธอหนีไปซะ ไปเร็วๆ !!"
ฮิโรชิกับนานาโกะหนีไปไม่รอด ถูกพวกแก๊งที่ติดตามมาจนทัน ล้อมเอาไว้จนได้... หลังจากพูดจาขู่เข็ญทั้งสองสามีภรรยาแล้ว หัวหน้าสาขาแก๊งก็จิกผมของนานาโกะ ลากเธอเข้ามาในมุมมุมหนึ่งของใต้ถุนถึก ถลกเสื้อคลุมท้องของนานาโกะขึ้น เตรียมที่จะข่มขืนทั้งๆที่เธอกำลังท้องแก่เต็มที ฮิโรชิซึ่งกำลังโดนพวกลูกสมุนของมันจับตัวไว้ ตะโกนขู่มันสุดเสียงด้วยความโกรธแค้น
" (ภาษาญี่ปุ่น) ไอ้มิฮาร่า !!!.... ถ้าแกกล้าทำเมียฉัน แกไม่ได้ตายดีแน่ !!!"
" (ภาษาญี่ปุ่น) ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ... แกคงกำลังลืมว่าใครเป็นฝ่ายคุมสถานการณ์อยู่สินะ... คนใกล้จะตายมัก
ละเมอเพ้อพกแบบนี้แหละ... แกทรยศพวกเรา ฮิโรชิ... แกต้องถูกลงโทษ... เฮ้ย เด็กๆ ! อย่าเสียเวลา !
ตัดหัวไอ้ฮิโรชิซะ !! เงินรางวัลจะได้เป็นของพวกเรา !!"
พวกแก๊งยากูซ่าพากันจับฮิโรชิให้คุกเข่า จับแขนทั้งสองของเขาไว้ จิกผมกดหัวให้ก้มลง
"นานาโกะ....."
ฮิโรชิเอ่ยชื่อภรรยาของเขาในลำคอเป็นครั้งสุดท้าย แล้วถูกดาบซามูไรที่พวกแก๊งยากูซ่าเตรียมมา ฟันคอจนขาด เลือดสาดนองพื้น
"ฮิโรชิ !!!!"
นานาโกะกรีดร้องเมื่อเห็นความตายของสามีของเธอ แล้วจึงโดนมิฮาร่า สัตว์นรกในร่างคน ข่มขืนทางทวารหนักจนสำเร็จความใคร่... เมื่อเสร็จกิจอันเลวทรามแล้ว มันก็ชักดาบสั้นแบบญี่ปุ่นอันคมกริบขึ้นมา
" (ภาษาญี่ปุ่น) ฮ้าาา... นานเลยที่ไม่ได้สนุกแบบนี้.... เอาล่ะ คราวนี้ฉันจะเป็นคนทำคลอดให้แกเอง !"
"กรี๊ดดดดดดดดดดด !!!!!!"
.......... ดูเหมือนจะไม่มีใครได้ยินเสียงการยิงกันในบริเวณนั้นเลย แม้แต่เสียงกรีดร้องอย่างสุดเสียงเจ็บปวดทรมาณของนานาโกะ เกอิชารูปสวยผู้ถึงฆาต... ไม่มีพลเมืองดีคนไหนกล้าเสี่ยงชีวิตไปยุ่งเกี่ยวกับความทารุณโหดร้ายของพวกสัตว์นรกในร่างมนุษย์พันธุ์อาทิตย์อุทัยพวกนี้เลยสักคน
**************
ทุกคนในห้องพิเศษ นิ่งอึ้งกับเรื่องราวที่วิญญาณของนานาโกะบอกเล่าผ่านร่างของลัคกี้ เคนนั้นถึงขนาดกัดกรามกรอด สีหน้าเหี้ยมเกรียม กำมือแน่นจนสั่นด้วยความโกรธในการกระทำของพวกแก๊งยากูซ่าใจสัตว์พวกนั้น ที่ทำต่อพ่อแม่แท้ๆของลัคกี้ เขาเข้าใจแล้วว่า ผีที่มีความแค้นจนเฮี้ยนนั้น มันรู้สึกกันแบบนี้นี่เอง... คิดว่า ตอนนั้นถ้าเขาอยู่ที่นั่น เขาย่อมสละชีวิตเพื่อขัดขวางการกระทำของพวกมันในฐานะพลเมืองดีขนานแท้อย่างแน่นอน
"เอ่อ... คุณคะ ใจเย็นๆนะ เรื่องมันนานมาตั้งสิบหกปีแล้วค่ะ คุณนานาโกะเองก็บอกแล้วว่า แก๊งนั้นโดน
แก๊งตรงข้ามฆ่าตายไปหมดแล้ว เธอกับสามีเลยกลายเป็นวิญญาณที่เร่ร่อน"
เคนกลับได้สติเพราะคำเตือนของหมอหญิง พอความโกรธเกรี้ยวของเขาหายไป ความอายนิดๆก็เข้ามาแทน
"อะแฮ่ม...เอ่อ... ลองถามคุณนานาโกะซิครับ ว่าเขาต้องการให้ช่วยอะไรบ้าง ? ความแค้นดับไปแล้ว
ยังมีอะไรที่เป็นห่วงอยู่อีกเหรอ ?"
หมอหญิงถามคำถามนานาโกะตามที่เคนถามไว้เป็นภาษาญี่ปุ่น ในมือก็เตรียมจดข้อมูลลงในสมุดบันทึก พอนานาโกะที่กำลังร้องไห้ ตอบคำถามอย่างยืดยาวแล้ว หมอหญิงก็มีสีหน้าสลดหดหู่ หยุดจดบันทึกข้อมูล และมองมาที่เคน
"คุณคะ เค้าน่าสงสารนะ... เค้าบอกว่า น้องลัคกี้ลูกบุญธรรมของคุณเกลียดพวกเค้า เพราะคิดว่า
พวกเค้าตั้งใจทิ้งน้องเค้าให้ตาย... คุณนานาโกะอยากจะให้คุณอธิบายให้น้องลัคกี้เข้าใจน่ะค่ะ
ว่าพวกเค้าไม่ได้เป็นแบบนั้น พวกเค้ารักน้องลัคกี้มาก... ที่ยังไปไหนไม่ได้ เพราะเค้าอยากจะให้
น้องลัคกี้ได้รู้ความจริง และให้อภัยพวกเค้าด้วยน่ะค่ะ"
คำร้องขอของนานาโกะที่แปลโดยหมอหญิง ทำเอานางพยาบาลผู้ช่วยทั้งสองคนที่อยู่ในที่นั้นด้วย กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่... ส่วนเคนนั้นถึงความสลดใจ มองดูไปที่ลัคกี้ที่กำลังถูกแม่ของเธอสิงร่าง ร่ำไห้อยู่ไม่หยุดหย่อน หมดกระดาษทิษชู่ไปหลายแผ่น
".... ครับ... บอกเค้าไปว่า ผมจะช่วยทำให้ลูกบุญธรรมของผมเข้าใจตามนั้น และบอกเค้าด้วยว่า
ขอให้พวกเค้าทั้งคู่ อยู่ดีมีสุขนับแต่บัดนี้เป็นต้นไป"
สิ้นคำตอบรับของเคนจากหมอหญิงแล้ว นานาโกะในร่างลูกสาวของเธอ ก็ออกอาการร้องไห้หนักขึ้นเพราะความปิติ และหันมาหาเคนก้มหัวผงกๆ แสดงความขอบคุณเป็นการใหญ่... แล้วลัคกี้ก็นอนหงายสลบลงไปทั้งน้ำตาที่นองหน้า และเคนรู้สึกได้ว่า มีลมเย็นๆผ่านไปข้างหลังของเขาสองวูบ บ่งบอกว่า วิญญาณที่มาทำการติดต่อเขา มากันทั้งสองสามีภรรยา
หน้าบ้านตอนเช้าวันหยุด... ซุ้มขายอาหารแนวคิกขุอาโนเนะของลัคกี้ที่เคนช่วยทำขึ้นให้
".............อายุวรรโณ สุขัง ....พะ...ลังงงง.... "
"....สาธุ สาธุ สาธุ"
เคนกับลัคกี้อุทิศส่วนบุญไปให้วิญญาณของนานาโกะกับฮิโรชิ ให้ทั้งคู่ไปสู่สุคติ... หลังจากที่พระไปแล้ว ลัคกี้ก็กลับมาที่ซุ้มขายอาหาร เตรียมอาหารขึ้นมาขาย
"เฮ้อ... ทำบุญนี่มันรู้สึกเย็นใจจริงๆ"
"เป็นไง ดีมั้ยล่ะ ?...ที่ผ่านมา แกเอาแต่ดุ ตื่นมาตอนเช้าก็ชอบหงุดหงิด พ่อทักไม่ได้เลย... พอมาทำ
อะไรที่มันเย็นๆบ้าง แกก็ได้เย็นสดชื่นแบบนี้แหละ"
"ก็หนูมันลูกยากูซ่านี่ จะไม่ให้ดุได้ไง ?" ลัคกี้ออกจะภูมิใจในภูมิหลังของเธอเสียด้วยซ้ำ
"เฮอะ.... พ่อก็นึกไม่ถึงจริงๆว่ะ ว่าแกจะเป็นจริงๆ"
"หนูทำบุญเป็นแล้ว ชักอยากจะลองทำพิธีสาปแช่งให้เป็นเหมือนกันซะแล้วสิ... จะสาปวิญญาณของ
ไอ้มิฮาร่า ไม่ให้มันได้ผุดได้เกิดเลย !"
"เฮ้ยๆ ! ไม่ต้องเลย... ป่านนี้มันคงอยู่ในนรกเรียบร้อยแล้วล่ะ ช่างมันเหอะ... การให้อภัยคนที่แก
ไม่พอใจ เป็นบุญยิ่งกว่าบุญที่แกทำกะพระเมื้อกี้อีกนะเว้ย"
"เฮ้อ.... คุยกะเด็กวัดเก่านี่น่าเบื่อจังว่ะ เข้าใจยากด้วย... ขายของต่อดีกว่า"
เคนอมยิ้มถอนใจ ส่ายหัวช้าๆ แต่ก็เข้าใจที่ลัคกี้ยังอายุน้อย ความคิดยังไม่เติบโตพอ... แล้วก็เริ่มมีลูกค้าทยอยเข้ามาซื้ออาหารอิตาเลี่ยนและญี่ปุ่นของลัคกี้ เคนกับลัคกี้สองพ่อลูกช่วยกันขายอาหารท่ามกลางความวุ่นวายเนื่องจากมีลูกค้าเข้ามาซื้ออาหารกันมากขึ้น เพราะบ้านอยู่ไม่ไกลจากตลาด... ในใจของเคนตอนนี้เริ่มมีความคิดอยากจะลองไปเที่ยวที่ประเทศญี่ปุ่นดูสักครั้ง ไปกินอาหารประเภทเส้น
ที่นั่น และแอบหวังจะได้ไปเจอสาวญี่ปุ่นสวยๆ ที่มีสเป็คเหมือนที่เขาชอบ
*************
โตเกียว... ประเทศญี่ปุ่น... ที่สุสานคริสเตียนแห่งหนึ่ง... หน้าป้ายหลุมศพชื่อ ฮาราดะ นานาโกะ
คายาโกะ หญิงม่ายวัยกลางคนผู้เป็นหนึ่งในคณะผู้มาเยือนโรงเรียนของลัคกี้ นำช่อดอกไม้วางลงที่หน้าป้ายหลุมศพของน้องสาวคนเดียวของเธอ นัยตาแดง มีน้ำตาซึม
" (ภาษาญี่ปุ่น) นานาโกะ เธอคงสบายดีอยู่ในโลกโน้นนะ... แต่ฉันอยู่ในโลกนี้ ไม่สบายเลย... ที่นี่มีแต่
ความวุ่นวาย ผู้คนในโลกสมัยนี้มีแต่คนชั่วคนเลว จนฉันอยากจะตายตามเธอไปอีกคน... ฉันคิดถึงเธอ
มาก น้องรัก...."
ไม่สามารถทนกับความเศร้าโศกได้ คายาโกะจึงร้องไห้ออกมา เธอทำใจไม่เคยได้กับความสูญเสียน้องสาวของเธอ... พอหายเศร้าลงบ้างแล้ว จึงเริ่มพรรณนากับหลุมศพของน้องสาวต่อ มือกำสร้อยไม้กางเขนที่คอ
" (ภาษาญี่ปุ่น) นี่ นานาโกะ... จะบอกอะไรให้ ฉันได้ไปประเทศไทย ประเทศที่เธอไปตาย...
ฉันพบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่น หน้าตาคล้ายกับเธอมาก เด็กคนนั้นมีฝีมือการทำอาหารที่ยอดเยี่ยม
เหมือนกับแม่ของพวกเราเลยล่ะ... มันอาจจะบ้าไปซักหน่อย แต่ฉันรู้สึกเหมือนกับว่า เด็กคนนั้น
คือเธอกลับชาติมาเกิดใหม่ รู้สึกผูกพันเหมือนกับที่ฉันผูกพันเธอไม่มีผิด... ตอนนี้ฉันอยากจะพบ
เด็กคนนั้นอีกครั้งหนึ่งจริงๆ อยากจะพูดคุยด้วย... แต่เด็กคนนั้นเป็นคนไทย คงจะพูดไม่ได้
และก็ไม่เข้าใจภาษาของพวกเรา... แต่ยังไงก็ตาม ฉันจะไปที่นั่นอีกครั้งหนึ่ง ฉันจะตามหา
เด็กคนนั้น แล้วพูดคุยกับเด็กคนนั้นให้ได้... ตอนนี้คงมีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นใคร"
เมื่อเสร็จกิจการเยี่ยมหลุมศพของน้องสาวแล้ว คายาโกะก็กลับออกไปจากสุสาน ขับรถออกไป ท่ามกลางลมอันหนาวเย็นที่พัดใบไม้แห้งยามฤดูใบไม้ร่วง หลุดจากต้นที่ใกล้จะเหลือแต่กิ่งก้าน ปลิวโปรยปราย
(จบบริบูรณ์)
จากพันทิป (นิยาย ผี/วิญญาณ) ลูกรัก... พ่อแม่ขออภัย
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3402998 หรือในนาม โรนินโดดเดี่ยว
Post a Comment