วาจาข้างโลง


      เรื่องราวจากสมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624 สาวสวยจากพัทลุง  นักเล่าจากแดนทักษิณผู้มีสัมผัสสยอง มีเรื่องราวความสยองจากภาคใต้ มากมายโปรดติดตามผลงานและเรื่อง "วาจาข้างโลง" ขอขอบคุณเรื่องราวสยองไว ฌ ที่นี้ด้วย

ครั้งหนึ่งในชีวิตถ้าไม่เจอกับตัวไม่มีวันเข้าใจ
จากกันมันเจ็บปวดยังไง
ทำไมมันต้องเป็นแบบนี้
โลกก็หมุนไปอย่างนั้น
วันนี้เพิ่งเข้าใจ
ว่าไม่มีอะไรมั่นคงตลอดไป
นี่ใช่ไหมชีวิต
เป็นใครก็ต้องเจออยู่แล้ว
พลัดพรากและจากลา
เจอกันจากกัน เรื่องธรรมดา
มาเป็นบทเรียนให้ได้รู้...................

.........บทเพลง เรื่องธรรมดา ของพี่ๆ Buddha Bless ฟิตเจอริ่ง ป้าเจนนิเฟอร์ คิ้ม ถูกเปิดซ้ำไปซ้ำมา มีจำปาเพื่อนสาวนั่งปาดน้ำตาอยู่เรื่อยๆ งานศพคนรักคนแรกของเธอผ่านมาได้เกือบเดือนแล้ว แต่จำปา ก็ไม่มีทีท่าจะทุเลา เราได้แต่เอาคอยดูอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ เรารู้ว่ามันยากจริงๆ กับการที่จะทำใจยอมรับสิ่งที่เกิด
ถ้ามันไม่เคยเกิดขึ้นกับเราโดยตรง เราก็ยากจะเข้าใจ

......ย้อนกลับไปตั้งแต่ลอยกระทงปลายปีที่แล้ว จำปามีความรัก คนที่มากะเทาะเปลือกหัวใจจำปาได้ เป็นผู้ชายอัธยาศัยดีคนนึง ชื่อพี่แก้ว พี่แก้วเป็นคนนคร บ้านอยู่ทุ่งสง มาหลงรักจำปา และใช้เวลาตามจีบจำปาอยู่ครึ่งปี พอลอยกระทง พี่แก้วก็ขอจำปาเป็นแฟน ต่อหน้าพวกเราที่ไปด้วย จำปาเขินมาก แต่ก็ตอบรับยอมคบพี่แก้ว

……พี่แก้วเป็นคนน่ารัก นอกจากเทคแคร์จำปาอย่างดีแล้ว ก็ไม่เคยยุแยงให้จำปาทิ้งเพื่อนอย่างพวกเรา เวลาไปไหนมาไหนก็จะชวนพวกเราไปด้วยเสมอ พี่แก้วไม่เคยรวบรัดจำปา จำปาเองก็กลัวๆเพราะเหมือนพี่แก้วก็มีสาวๆมาชอบอยู่หลายคน แต่คบกันมาเข้าหลายเดือน เต็มที่คือจับมือกันเดิน จำปาเลยยิ่งหลงรักพี่แก้วเข้าไปใหญ่ เพราะความเป็นสุภาพบุรุษ พี่แก้วเคยบอกเอาไว้ว่า จะไม่ทำอะไรจำปามากกว่าขอจับมือเดินเที่ยวด้วยกัน จนกว่าจะได้แต่งงานกัน ซึ่งนับว่าหาได้ยากมากจากผู้ชายยุคนี้

.......ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ดูดีมาก น่าอิจฉา พวกเราต่างก็พากันอิจฉาในตัวจำปา เพราะพวกเราก็ยังหาใครคนนั้นของใจไม่เจอ แต่เหมือนโชคชะตาจะให้มาแค่นั้น ในวันที่รถเก๋งพี่แก้วเสียหลักชนต้นไม้ใหญ่ข้างถนน เมื่อตอนกลับบ้านช่วงเดือนมีนาคม

....จำปา รู้ข่าว เธอร้องไห้อย่างบ้าคลั่ง ร้องไม่หยุด ไม่กิน ไม่นอน เอาแต่นั่งกอดตุ๊กตาหมีที่พี่แก้วซื้อให้ แล้วก็นั่งเพ้อนั่งบ่นอย่างน่าเวทนา นั่งเรียนก็เหม่อ เผลอๆก็ร้องไห้อยู่อย่างนั้น เราพากันไปงานศพพี่แก้วที่ทุ่งสง
ไปไม่ทันตอนรดน้ำศพหรอก เพราะมัวงมหาทางไป ภาพแรกที่ทุกคนในงานเห็นคือ
จำปา ไปยืนกอดรูปพี่แก้ว ยืนร้องไห้ รำเพ้อรำพัน

“พี่ น้องมาแล้วนะ พี่ตื่นมาแหลงกับน้องได้หม้ายพี่แก้ว ไหนบอกอีแต่งงานกับน้องไง ฮือออออออ”

....ตอนนั้น เราไม่รู้จะพูดอะไร พ่อแม่พี่แก้ว เห็นก็คงพอจะรู้แล้วว่า จำปากับพี่แก้วเป็นอะไรกัน แม่พี่แก้ว เดินเข้ามากอดจำปา ทั้งๆที่เจอกันครั้งแรก

“แก้วมันไปดีแล้วลูก ให้แก้วมันไปดีนะลูก”

.....เรากับจำปี ยืนก้มหน้าน้ำตาไหล จุดธูปไหว้ศพไป น้ำตาไหลไป จะทำยังไงให้ไม่ต้องจากลา
จะทำยังไงไม่ให้เสียน้ำตา จะทำยังไงให้โลกหมุนกลับมา มันคงจะไม่มี จำปายังยืนกอดกับแม่ของพี่แก้ว โดยมีพ่อและญาติๆพี่แก้วเข้ามาปลอบใจ เขารู้แล้วว่า จำปาคือคนสำคัญของใคร ก็เจ้าภาพงานที่ไร้ลมหายใจที่นอนอยู่นั่นไง
ทุกคนช่วยกันปลอบจำปาที่ร้องไห้ หน้าตาเลอะเทอะ ไม่เหลือสภาพความสวยจากเครื่องสำอางอีก

.....เขาพากันประคองจำปา ที่ดูอาการแย่ เพราะร้องไห้ ตรอมใจขนาดหนัก ไปนั่งพักที่ม้านั่งยาวของวัด ช่วยกันพัดวี เช็ดหน้าให้ เรากับจำปี ปักธูป ก้มกราบศพพี่แก้วตามธรรมเนียม พอเราเงยหน้า เราก็ผงะพุ่งตัวออกจากจุดนั่งไปข้างหลัง จนก้นจ้ำเบ้า นั่งแหกขาเปิดหวอกระโปรง3ส่วนเข้าหาโลงศพ พร้อมๆกับอุทานลั่นศาลาตั้งศพด้วยคำว่า

“โอ๊ย !!Hee แม่มืง”

.....จะไม่ให้ตกใจได้ยังไง ดิฉันเป็นคนมีสัมผัสด้านนี้ พอก้มกราบเสร็จเงยหน้าขึ้น เห็นพี่แก้วมายืนเลือดท่วมตัว หน้าตาหมองหม่น มือข้างนึง เกาะที่ขอบโลงด้านหัว แต่สายตาพี่แก้ว ไม่ได้มองที่เรา แต่มองไปที่จำปา ที่อยู่ไกลออกไป
จำปีตกใจ ร้องทัก คนใกล้ๆก็มองเราอย่างประหลาดใจ

“เห้ย เป็นไหรหยก”

“ป่าวๆ กุตกใจแมงสาป”

“เออ ไปๆชวนจำปามันกินข้าว แล้วช่วยงานกัน”

...เดินฉันเดินตามจำปี หันหน้าไปดูอีกที พี่แก้วยังยืนอยู่ตรงนั้น ตรงหัวโลงศพ แต่เหมือนไม่ได้สนใจเราสักเท่าไหร่ พี่แก้วอาจจะไม่รู้ ว่าดิฉัน เห็นแก พี่แก้วยังยืนมองไปที่จำปา หน้าตาหมองเช่นเดิม พอดิชั้น หันมาหาจำปี แล้วหันกลับไปอีกที พี่แก้วก็หายไปแล้ว...

....จำปา พยายามฝืนนั่งกินข้าวกับพวกเรา แต่เหมือนจะไม่ใช่การกิน น่าจะเรียกว่าการร้องไห้ประกอบจานข้าวมากกว่า
ตักแต่ข้าวใส่ปาก แล้วก็นั่งร้อง ทั้งช้อนคาปาก ข้าวกระเด็นร่วงหมด

“มืง พี่แก้วบอกให้มืงกินข้าวนะมืง” ดิฉันจำเป็นต้องโกหก แล้วมันก็ได้ผล เพราะจำปารู้ดีว่าดิฉันเห็นอะไรแบบนี้ได้

“ไหนหยก พี่แก้วอยู่ไหน “ จำปา หันมาสนใจ

“แกนั่งอยู่ข้างๆมืงนั่นแล่ะ เขาฝากบอกให้มืงกินข้าวหน่อย ผอมมากแล้วนะ”

......พอบอกไปแบบนั้น จำปี คนขี้กลัวผี ก็ถอยกรูด รูดมาเกาะแขนดิฉัน ปล่อยจำปา นั่งหันหน้ามองไปมารอบตัว
มันมากระซิบถามดิฉันเบาๆ ว่า “จริงหรือมืง” ดิฉันก็ตอบไปว่า “จริง”
ดิฉันไม่ได้โกหกหรอกนะ ก็เห็นจริงๆ ที่หัวโลง ส่วนเรื่องที่บอกว่า พี่แก้วให้จำปากินข้าวนั้น ดิฉันแค่จำเป็น

“พี่แก้วไปแล้วมืง แกมีเวลาจำกัด เดี๋ยวแกก็มาอีก แต่แกบอก ให้มืงกินข้าวนะ ถ้าไม่กินแปลว่าไม่รักแก”

.....ได้ผลดี จำปาหันมากินข้าว ถึงจะดูฝืนๆ แต่ก็เหมือนจะหน้ายิ้มทั้งน้ำตา ตักข้าวกินได้มาก ดิฉันคงจะบอกความจริงพื่อนเอาในวันหลังที่มันอาการดีขึ้นสักระยะแล้วกัน พี่แก้วมาโผล่ให้ดิฉันเห็นก็จริง แต่ไอ้เรื่องมาคุยเหมือนตอนเป็น คงยากเกินไปกับวิญญาณที่ยังไม่รู้ทิศทางตัวเอง กินเสร็จเราช่วยล้างจาน เสิร์ฟน้ำ เตรียมของเข้างาน แยกย้ายช่วยๆกันทำไปแล้วแต่จะมีอะไรให้ทำ

.....จำปาถูกญาติๆพ่อแม่พี่แก้ว พาไปนั่งคุยถึงพี่แก้วอยู่ไกลๆ เราก็ไม่ได้เข้าไปข้องแวะอะไรมากมาย เหลียวมองเป็นบางที พอค่ำก็มีสวดอภิธรรมศพ พอสวดเสร็จ อยู่เก็บของกันในงาน แม่ของพีแก้วก็มาชวนพวกเราไปนอนที่บ้าน เพราะมากันไกลพอตัว มารถโดยสาร เราก็ได้ไปนอนที่บ้านแม่พี่แก้ว
จำปาดูซึมๆตลอดการเดิน เข้าบ้านพี่แก้ว เป็นบ้านปูน2ชั้นหลังใหญ่ มันน่าเสียดายนะ แทนที่จะได้เดินเข้าบ้านหลังนี้ในฐานะลูกสะใภ้ กลับต้องเดินเข้ามาในฐานะคนมางานศพลูกเจ้าของบ้าน

......แม่พี่แก้ว พาพวกเราไปดูห้องพี่แก้ว อยู่ใกล้ห้องน้ำ ทางทะลุไปห้องครัว ที่ชั้น1 แม่พี่แก้วให้พวกเราไปนอนที่ห้องน้องสาวพี่แก้วที่ชั้น2 น้องสาวพี่แก้ว ผมสั้นๆ น่าจะอยู่ ม.ปลาย หน้าตาน่ารัก ยิ้มทายทักยกมือไหว้พวกเรา แต่หน้าตาแฝงความเศร้า ซึ่งพวกเราก็เป็นกันทุกคน ยิ้มแต่หน้าเศร้าๆ

“ตามสบายนะลูกๆนะ คิดว่าเป็นบ้านเอง มีไหรก็บอกน้องมัน ตอนเช้าค่อยไปวัด”

......เราให้น้องสาวพี่แก้ว ที่ชื่อ แก้ม พาเราไปส่งห้องน้ำที่อยู่ชั้นล่าง ไปอาบน้ำ ผลัดกันอาบ ตอนนั้นเวลาประมาณ4ทุ่มไปแล้ว บ้านอื่นๆเขานอนกันหมดแล้ว โดยรอบเลยเงียบสงัด เราก็นั่งชวนกันคุยไปเรื่อย จู่จำปาก็พูดขึ้นมาว่า

“คิดถึงพี่แก้วจัง ไม่รู้ตอนนี้ไปอยู่ตรงไหน”

.....จำปีคู่เกลอ สะดุ้งเฮือก เพราะนางถือมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเรื่องนี้

“เห้ย มืง อย่าพูดถึงแกต่ะ นี้บ้านแกนะ กุกลัว”

.....พอเราอาบเสร็จ เราขึ้นไปแต่งตัวในห้องเตรียมตัวนอนกัน แต่เตียงนอน นอนได้แค่2คน ดิฉันกับจำปีเลยจะนอนที่พื้น
แต่ว่าน้องแก้ม บอกว่า ไปนอนห้องพี่แก้วไม๊ จำปีก็ร้องบอก “ไม่อาว ไม่เอา นอนพื้นดีแล้ว”
สุดท้ายเราเลยได้นอนพื้น ตกดึกมากๆ มีเสียงหมาหอนโหยหวนมาเป็นทอดๆ ดังมาพร้อมสายลมพัดยอดยางดังซู่ซ่า
ดิฉันลืมตาตื่น ได้ยินเสียงกระซิบมาจากที่ไหนสักที่ไกลๆในจิต ตามประสาคนมีผีตาม “ตื่น” เสียงที่ดังขึ้นในจิต มันคือเสียงของวิญญาณพี่สาวฝาแฝดดิฉันที่เสียไปตั้งแต่เด็กๆ ที่เคยเล่าไว้ในกระทู้แรกสุดนั่นแหละ
ดิฉันง่วงและเพลีย เลยจะหลับต่อ ก็ได้ยินเสียงอีก “พี่บอกให้ตื่นไง”

.......ดิฉันรู้ว่า วิญญาณพี่ฝาแฝดดิฉัน ไม่ได้ตามเข้ามาในบ้านด้วย เพราะเจ้าที่เจ้าทางไม่ยอม คงไปอยู่รอที่ไหนสักที่ด้านนอก เลยได้แต่ส่งกระแสคำพูดแล่นเข้ามาซ้ำ ดิฉันก็นอนลืมตา มองไปบนเตียง เห็นขาน้องสาวพี่แก้ว กับขาของจำปา ที่เกือบได้เป็นพี่สะใภ้บ้านนี้ ก่ายทับกันอยู่ หันไปมองดูข้างๆ จำปี นอนหันก้นใหญ่ๆมาให้ หน้าซุกไปใต้หมอน นอนกัดฟันแข่งกับเสียงจิ้งจกอยู่กรอดๆๆๆ

........ดิฉัน รู้สึกอึดอัด กระสับกระส่ายรับรู้ถึงการมาของอะไรบางอย่าง ต้องเป็นพี่แก้วแน่ๆ ดิฉันรับรู้ได้
ดิฉันจับตามองฝ่าความมืด ที่พอมองเห็นได้บ้างลางๆไปทั่วห้อง และก็เหมือนตัวดิฉันถูกตรึงกับฟูกนอนไว้แน่นๆ
เมื่อดิฉัน เห็นเงาๆนึง รูปร่างเงาอันคุ้นเคย ยืนอยู่ข้างเตียง เงานั้นพยายามจะยื่นมือมาจับร่างของทั้ง2สาวคือ
น้องแก้ม และจำปา แต่เหมือนจะเอื้มมาแตะไม่ได้ มีเสียงร้อง “ฮือออออออออออออออออออออๆๆ”
แต่เสียงนั้นเบามากๆ เหมือนร้องมาจากที่ไหนไกลๆอย่างน่าเวทนา

.......ดิฉันขนลุกไปทั่วตัว ไม่กล้าขยับตัว นอกจากกลอกตาไปมาในความมืด แต่ดิฉันรับรู้ได้ ถึงอาการสั่นจากก้นใหญ่ๆของจำปี ที่ยังมุดหน้าอยู่ใต้หมอน เงาร่างพี่แก้ว ที่ยืนทะมึน ก็เหมือนจะหันหน้ามาทางดิฉันกับจำปีที่นอนพื้นอยู่
เหมือนเงานั้นทำท่าขยับจะเดินมาทางนี้ ดิชั้นกลัว แต่ขยับยันตัวขึ้นพร้อมกับพูดออกไปว่า

“อย่าเข้ามาพี่แก้ว เพื่อนหนูมันฉี่จะแตกอยู่แล้ว”

.....เงาพี่แก้วก็ค่อยๆเลือนหายเข้าผนังบ้านไป สักพักเสียงนึงก็กระซิกๆขึ้น พร้อมๆกับการมาเกาะแขนดิชั้น

“ฮือๆๆๆๆกุกลัว หยก โอยยยย”

“มืงเห็นด้วยหรอ”

“กุไม่เห็น แต่กุได้ยินเสียงร้องไห้ กุสั่นหมดแล้วหยก ตะกี้พี่แก้วจะทำไร”

“เค้ามายืนจะจับขาน้องแก้มกับจำปา แล้วก็จะเดินมาที่เรา แต่กุบอกมืงกลัวตัวสั่นแล้วอย่าเข้ามาแกเลยไป”

.......คืนนั้นพอพ้นพี่แก้วไปแล้ว ดิฉันก็อึดอัดจากนางผู้หญิงข้างๆแทน เพราะจำปี กอดดิฉันทั้งคืน มันตัวใหญ่กว่าเยอะ เอาดิฉันไปกอดไว้แน่นยังกับเป็นตุ๊กตาของมัน มันเอาแต่พร่ำบอกตลอดก่อนมันจะหลับไปว่า อย่าทิ้งมันไว้คนเดียวนะ
ดิฉันก็ได้แต่ อืมๆๆๆ จนหลับไปทั้งคู่.......

.....เช้ามาเราแต่งตัวไปวัด ไปกินข้าวที่นั่น ญาติพี่แก้วหลายๆคนเข้ามาทักชวนพวกเราคุย โดยเฉพาะพวกลุงๆน้าๆผู้ชาย
จำปี นางเป็นคนเงอะๆเงิ่นๆ ทำข้าวของหล่นดัง เคร้งคร้าง ตลอด นั่งๆอยู่ น้องแก้ม น้องพี่พี่แก้วก็พูดขึ้นกลางวง

“เมื่อคืนน้องฝันเห็นพี่แก้ว พี่แก้วมายืนลูบหัวแก้ม”

....คนที่ได้ยินก็ฮือฮา เข้ามาสอบถามร่วมฟัง เราอยากจะบอกจังว่าเมื่อคืนน่ะพี่แก้วไม่ได้มาแค่ในฝันหรอก แต่มายืนข้างเตียงเลย จำปีก็มองหน้าเราเพราะนางก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของพี่แก้ว เรานั่งฟังคนพูดเกี่ยวกับพี่แก้วไปเรื่อยๆ แกะหอม กระเทียม พริก ไป จำปาถูกญาติพี่แก้วพาไปนั่งช่วยกันทำอะไรอยู่อีกด้าน ที่ไม่เกี่ยวกับงานครัว พอน้องแก้มคุยถึงเรื่องที่พี่แก้วมาเข้าฝันน้องแก้มเสร็จ ตาคนนึง เดินขาเขยกผ่านมา แกได้ยินเรื่องนั้น แกก็มานั่งยองๆแล้วพูดขึ้น

“ไอ่แก้วเร้อ ฉ้านอีบอกให้ฟัง แรกคืน ฉ้านนั่งอยู่หน้าบ้าน ถองยาดอง กับไอ่ลุย ดึกแล้วนิ กำลังอีแยกกันหลบไปนอน หมาหอนกราวมาแต่วัด ฉ้านกะไม่สนใจอะไร เพราะมันหอนเป็นปกติ ทีนี้ ว่าจะไปเปิดประตูรั้วบ้านให้ไอ่ลุยขี่รถหลบ เห็นไอ่แก้ว เดินผ่านหน้าบ้าน ไฟที่เสามันส่อง เห็นกันทั้งสองคน4ตาเลยนิ ว่าเป็นไอ่แก้ว ไอ่ลุยแล่นขึ้นบ้านกุเลย
ไม่หาญหลบบ้านมันแล้ว กลัวไปเจอไอ่แก้วระหว่างทาง มันนอนบ้านฉ้านยันสาย นี้มันพึ่งกลับบ้าน ฉ้านกะเลยติดรถมันมาลงวัด แต่ไอ่ลุยมันไม่กล้าเข้ามา มันกลัว”

....ทีนี้การคุยก็กลายเป็นการโล้งเล้งของป้าๆอาๆไปเลย ผ่านไปอีกวัน สวดอภิธรรมเสร็จ วันรุ่งขึ้นจะเป็นวันเผา ก่อนจะกลับไปนอนบ้าน ไม่รู้จำปา คิดอะไร เธอขอตัวเดินตรงไปที่โลงศพที่แก้ว แล้วก็ไปเคาะด้านหัวศพที่หันไปทางทิศตะวันตก
เราและจำปี ก็เดินตามไปใกล้ๆ

ก๊อก ก๊อก ก๊อก “พี่แก้ว พรุ่งนี้เราอีไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ น้องรักพี่นะ”

....ได้ประโยคนั้น น้ำตาจำปาก็ไหลคลอเบ้าอีกรอบ ตอนนั้นดิฉันรู้สึกขนลุกซู่ เป็นความรู้สึกแบบทุกครั้งที่เห็นผี แต่ครั้งนี้ดิฉันไม่เห็นอะไร แต่มั่นใจว่าพี่แก้วอยู่แถวๆนี้แน่ๆ ดิฉันเลยใช้วิธีที่ทำมาแต่ครั้งเด็กๆนั่นคือการ ยืนเบิ่งตานิ่งๆ ไม่กระพริบตา จ้องมองไปตรงจุดที่จำปายืนอยู่ แล้วภาพรอบๆมันก็เบลอไปหมด แต่จุดโฟกัสที่เพ่งมองไป ภาพกลับชัดขึ้นเรื่อยๆจนเห็นร่างที่เต็มไปด้วยเลือดและแผลเหวอะหวะ ของพี่แก้ว ยืนกอด หน้าซบอยู่ที่ท้ายทอยของจำปาที่กำลังเอาหัวตัวเองซบอยู่กับโลงเย็นเช่นกัน

…..พี่แก้วเหลือบตามามองดิฉัน ดิฉันสะดุ้งเฮือกถอยหลัง เกิดอาการหายใจติดขัด อึดอัด จำปีที่อยู่ใกล้ๆจับไหล่ดิฉันเขย่าตัว “เห้ยๆ หยกเป็นไร” ดิฉันเซ เพราะจำปีเขย่าแล้วลากจนต้องบอกให้มันเบามือ เราเข้าไปกอดคอจำปาแล้วพาออกไปมาจากตรงนั้น จำปายังหันไปหาโลง จับโลงแล้วบอก

“ขอให้เราได้รักกันอีกนะพี่แก้วมาหาน้องบ้างนะ”

“เชิ้ย” จำปีที่จับไหล่ดิฉันอยู่ถึงกับด่าออกมา แล้วนางก็สวนกลับไปว่า

“จะมาหามัน ก็มาตอนช้านไม่อยู่กับมันนะพี่แก้ว ช้านกลัว”

.....ตัวเราไม่เห็นด้วยเลยที่ จำปาจะพูดแบบนั้น เรารู้ว่านางรักพี่แก้วมาก แต่พอฟังที่นางบอกข้างโลงแล้ว ดิฉันกังวล
เพราะตาของเราเคยบอกไว้เสมอว่า อย่าไปบอกกับคนตายในเชิง อยากเจอ อยากให้มาหา หรือให้มาอยู่ด้วยเพราะเหมือนว่าเราเชื้อเชิญให้ผีมาอยู่กับเรา เทวดาประจำตัว สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คุ้มครองเราอยู่ เค้าก็จะห้ามไม่ได้ เพราะถือว่าตัวเราได้เอ่ยอนุญาตเองแล้ว แล้วยิ่งผีตายโหงนั้น จะมีลักษณะนิสัยดุร้ายผิดผีทั่วไป ต่อให้ตอนเป็นคนจะมีความใจเย็นยังไงก็เถอะ ประมาณว่า ตายโดยไม่ทันรู้ตัว พอรู้ตัวก็จะเกิดความเศร้า ทำใจยอมรับไม่ได้ จนเกิดเป็นโมหะโทสะ อยากให้คนอื่นๆที่เข้ามาใกล้ไปอยู่ด้วย อันนี้น่ากลัว

.....เราพากันกลับมานอนที่บ้านแม่พี่แก้ว คืนนั้นดิฉันลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำ พอออกมาจากห้องน้ำ จะเดินกลับเข้าห้อง ดิฉันก็ต้องหยุดกึกอยู่กับที่ ไม่กล้าเดินต่อ เพราะเห็นพี่แก้ว มายืนอยู่หน้าห้องในลักษณะยืนมองเข้าไปในห้องที่พวกเรานอนอยู่ ดิฉันจึงทักออกไปเบาๆ

“พี่แก้ว พี่แก้วหรอ”

...เงานั้นก็หันมาแล้วทำท่าเหมือนจะเดินเข้ามาใกล้ๆดิฉัน ดิฉันกลัว แต่ก็เจออะไรแบบนี้มาบ่อย เลยไม่ได้โวยวายลนลาน ก็ยืนนิ่งๆมองไม่วางตา พี่แก้วนั้น จะว่าเป็นการเดินก็ไม่เชิง เพราะไม่เห็นว่ามีเท้าแต่ประการใด ลักษณะเหมือนลอยไปบนความว่างเปล่ามากกว่า พอดิฉันกำลังจะเอยพูดต่อไป เงาพี่แก้วก็เลือนหายไป ดิฉันเลยเดินกลับเข้าห้อง จะนอน
แต่พอเข้ามาในห้อง ก็เห็นว่ามีเงาคนนอนทับอยู่บนร่างของจำปา ดิฉันเลยตวาดใส่ไป

“พี่แก้ว อย่าทำจำปามันนะ ปล่อยเพื่อนน้องไป”

.....เงาพี่แก้วก็หายไปเลย เช้ามานั้นจำปางัวเงียตื่นมา หน้าตาอิดโรย เธอบอก เธอฝันเห็นพี่แก้วทั้งคืน ฝันว่าพี่แก้วมาชวนไปอยู่ด้วย แต่นางไม่ยอมตอบตกลง เพราะเกิดความกลัวขึ้นมา เลยเดินหนี พี่แก้วก็เดินตามแล้วกระชากแขนนางบอกว่า “บอกให้ไปอยู่ด้วยกันไง” จำปาบอกแล้วก็เป็นการทะเลาะกัน เพราะเหมือนพี่แก้วน้อยใจที่จำปาไม่ยอมไปอยู่ด้วย แต่จำปาถามว่าไปอยู่ไหน พี่แก้วก็ไม่ตอบ จนจำปาตกใจตื่นขึ้นมา

....ดิฉันก็ไม่ยอมบอกหรอก ว่าเมื่อคืนเห็นพี่แก้วด้วยตาเนื้อ ไม่ใช่ในฝัน กลัวจำปา รวมทั้งจำปี ไม่สบายใจกับสิ่งที่บอก
ดิฉันเลยเงียบมันไว้ แล้วตอนเผาศพนั้นก็เป็นอีกเวลาที่น่าเวทนาของจำปา เพราะพอเปิดโลง จำปาก็พุ่งไปเกาะขอบโลงจับหน้าจับตาพี่แก้วที่นอนในโลง น้ำตาไหลพรากๆลงไปถึงศพ จำปีไปยืนดูห่างๆเพราะกลัว ญาติคนอื่นๆก็เข้ามากันเอาตัวจำปาออกไป ก่อนจะเอาศพขึ้นเผา จำปาเป็นลมเพราะร้องไห้มากไป...

.......เราอยู่เป็นเพื่อนจำปา จนเสร็จงานเสร็จพิธีทุกอย่าง เราพาจำปากลับสงขลาด้วยอาการซังกะตาย เหมือนคนไม่มีวิญญาณ การร้องไห้ไม่หยุดของเธอ ทำให้ร่างกายนางดูแย่มาก ดิฉันเลิกปลอบ เพราะปลอบอะไรไปตอนนี้มันก็คงไม่มีค่ามากนัก ดิฉันกับจำปี พาจำปามานอนที่ห้องดิฉัน ตอนแรกจำปาจะขอไปนอนห้องตัวเอง แต่พวกเราเกรงว่าเธอจะไม่ไหวเลยขอให้มานอนที่ห้องดิฉันก่อน

........ตกดึกเรานอนในห้องกัน3คน จำปานอนริมซ้าย จำปีนอนกลาง ส่วนดิฉันนอนริมขวา ขณะกำลังหลับสบายๆ ก้อย เพื่อนอีกคนของดิฉัน ที่เสียชีวิตไปแล้วจากการผูกคอตาย ก็มาเข้าฝันบอกเรื่องราว

"หยก มืงระวังพี่แก้วให้ดีนะ เค้าอีมาเอาจำปาไปอยู่ด้วย กูช่วยได้เท่านี้ละ "

ดิฉันลืมตาตกใจตื่น เพราะไม่ฝันเห็นก้อยมานานแล้ว แต่พอตะแคงไปอีกฝั่งของเตียง ร่างผมยาวถึงกลางหลังของจำปา ก็นั่งหันหลังอยู่ในความมืดนิ่งๆ ดิฉันผงะด้วยไม่ทันตั้งตัว ฉันกดเปิดไฟ แต่ไฟไม่ติด จึงตะโกนถามไปเบาๆ

"จำปา จำปา เป็นไหร นั่งทำไหรเกลอ"

...จำปาไม่ตอบ นั่งนิ่งเป็นตอไม้ ฉันตีแขนจำปี จำปีงัวเงียตื่น

"มีไหรหยก ปลุกไซร"

"แลต่ะ ข้างๆมืง"

"อ้าว ไหนพันพรืออิจำปา ลุกมานั่งไซร"

จำปี เป็นเพื่อนรักกับจำปามาก่อน เลยจับไหล่เพื่อนให้หันมา จำปาหันหน้ามา เธอนิ่งไม่ยอมพูดอะไรแม้สักคำเดียว จำปีคงไม่เห็นเหมือนที่ฉันเห็น ใบหน้าของพี่แก้วซ้อนทับอยู่กับจำปาพอเห็นได้ลางๆในแสงสว่างที่ส่องเข้ามาจากด้านนอก ร่างเป็นจำปา แต่ข้างในไม่ใช่
ฉันตกใจ พี่แก้วเข้ามาได้ยังไง ห้องของดิฉันมีพระของตาที่ให้มาตั้งอยู่บนตู้ วิญญาณไม่น่าจะบุกรุกได้เลย

"พี่แก้ว อย่าทำพันนี้ต่ะ" ฉันพูดออกไป

"ห๊า!!! พี่แก้ว yesแหม่ม แล่วๆๆๆๆ"

จำปี ผละถอยหนีออกจากร่างจำปา ที่ยังนั่งนิ่งๆในความมืด ผมยาวถึงกลางหลังของนาง ช่วยเสริมความน่ากลัวไปอีก จำปี นางก็เป็นแบบนี้ของนางเมื่อเจอผี โดดหนีไว้ก่อน จำปีหลบมามุดอยู่ข้างหลังฉัน ทั้งๆที่นางตัวโตกว่าเป็นกระบุง
พนมมือได้ก็สั่นงกๆ

"พี่แก้วจ๋า น้องขลาดอิตายแล้วเด้ ไปที่ชอบที่ชอบต่ะ ไปโซกู๊ด หรือเรือนศิลากะได้น๊า สาวๆกะลั่กกะลุย ไปสิงเข้าต้าสักคน โหม๋ อกเติบๆนุ"

ร่างของจำปา เริ่มมีเสียงร้อง ฮือๆๆๆๆร้องไห้ออกมาไม่หยุด
ก่อนที่จะหยุด แล้วร่างของจำปาก็หล่นตุ๊บ ลงบนที่นอน
ฉันปราด เข้าไปจับประคอง ไฟที่เปิดไว้สว่างขึ้น จำปียังนั่งหมกตัวที่มุมห้อง

"ไปแล้วเออหยก พี่แก้วไปยัง"

"ไปแล้ว เขาไปแล้ว"

ฉันไปที่บ้านตา เล่าเรื่องนี้ให้ตาฟัง

ตาไม่พูดอะไรมาก ยื่นสร้อยอะไรบางอย่าง มีลูกกลมๆห้อยอยู่มาให้ บอกให้เอาไปให้เพื่อนใส่ เดี๋ยวเขาก็หายไปเอง

"คนตายแล้ว รักมากแค่ไหน อย่าไปเรียก อย่าไปชวนให้เขามาหา ยิ่งคนตายโหงพันนี้ เรียกเขามาเอง เขาก็เลยเข้ามาได้ ถ้าปล่อยให้เขามาเข้าตัวมากๆ ร่างของเรามันกะอีตายเอง"

ฉันกลับมาหอในสัปดาห์ต่อมา ไปเจอจำปา ฉันกอดคอจำปา พร้อมกับพูดถึงเรื่องนี้

"จำปา เรารู้นะว่าเธอเสียใจและคิดถึงพี่แก้วมาก เธอรักพี่แก้วมาก แต่คนเป็นกับคนตายอยู่ด้วยกันไม่ได้"

"แล้วเห็นหยก มีผีพี่สาวฝาแฝดคอยตามได้ล่ะ"

"ไม่เหมือนกัน พี่สาวเรา เขาเป็นแฝดเรา เขาคอยช่วยเรา และไม่ได้มาอยู่ตลอด แต่พี่แก้ว เขาอยากเอาเธอไปอยู่ด้วย เธอมีพ่อแม่นะ เธอจะปล่อยให้พี่แก้วมาเข้าสิงบ่อยๆไม่ได้ ไม่นานเธอจะตายเหมือนเขา เธอต้องให้เขาไปตามทางของเขานะ และเธอก็ต้องอยู่ต่อไป เอานี่ไปคล้องไว้นะ"

"เอ่อ สวมไว้ต่ะอิเคยเห้อ สงสารกูมั่ง มาทีๆกูเหมือนอีเยิ่ยวเล็ด ไม่สงสารตัวเอง สงสารกูมั่ง" จำปีนั่งบ่นงึมงำ

....จำปานั่งอยู่สักพัก ก็ยอมรับสร้อยไปสวมไว้ ตั้งแต่วันนั้นมา
ก็ไม่พบว่าพี่แก้วจะมาเข้าจำปาได้อีก แต่จำปายังคงนั่งเศร้าอยู่เสมอ บทเพลงปลอบใจถูกเปิดซ้ำไปซ้ำมา ฉันรู้ว่ามันทำใจยาก รักมาก ยิ่งลืมยาก จากเป็น แม้เลิกกันแล้ว ก็ยังส่องเฟสพอได้เห็น แต่จากตาย ไปอยู่ไหน จะได้เห็นอีกไม๊ ก็ยังไม่รู้เลย
อยากให้คนที่มีความรัก ได้มีโอกาสใช้ชีวิตกับแฟน หันไปมองคนข้างๆนะ ในวันที่เราเบื่อแฟน ในวันที่แฟนเราจู้จี้ขี้บ่น ในวันที่แฟนเราไม่สวยไม่หล่อเหมือนวันแรกเจอ ในวันที่เราเผลอบอกใครว่าทำไมแฟนคนอื่นหน้าตาดีกว่าแฟนเรา
หากสักวัน เขาหรือเธอ ออกจากห้องไปแล้ว ไม่ได้กลับมาให้คุณเบื่อ หายไปจากคุณตลอดกาล คุณจะรับได้หรือเปล่า
ส่วนเพื่อนของเรา เธอก็ยังคงนั่งทำใจกับบทเพลงปลอบใจต่อไป ท่ามกลางกำลังใจจากเพื่อนๆอย่างพวกเรา สวัสดีค่ะ..

เรื่องจากพันทิป วาจาข้างโลง
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3341624

ไม่มีความคิดเห็น