บ้านร้างหลังโรงเรียน


     โรนินโดดเดี่ยว หรือสมาชิกพันทิป 3402998 นักแต่งนิยาย ผีวิญญาณและเรื่องลี้ลับสยองขวัญ โปรดติดตามผลงานของเขาขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย

.                         
"แน่จริงก็เข้าไปสิ"

"บ้านแกสิ ไอ้บ้า ! ... แกจะให้ฉันเข้าไปคนเดียวรึไงวะ !?"

"ปัดโถ่ววว อะไรกัน ? ... ไหนแกคุยว่าไม่กลัว ดูสิ สั่นเป็นลูกนกเชียว"

"พวกแกก็เข้ามาด้วยสิวะ !... นี่ตกลงจะเข้าไปกันจริงๆรึเปล่าเนี่ย !?"

"...เอ่อ .... นี่ พวกนาย... ฉันว่าอย่าเข้าไปเลยนะ มันคงอันตรายจริงๆอย่างที่เค้าว่ากันนั่นแหละ"

                      โฟกัสออกปากเตือนเพื่อนของเธอในสิ่งที่พวกเขากำลังจะทำ เธอเป็นหนึ่งในกลุ่มนักเรียนวัยรุ่นชั้น ม.4 หกคน มีชายสามคน หญิงสามคน ทั้งหมดกำลังหาทำเรื่องสนุกตื่นเต้นในช่วงเวลาพักกลางวันที่โรงเรียนมัธยมแห่งหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่รอบนอกกรุง และใกล้ป่า ข้างหน้าของกลุ่มนักเรียนวัยรุ่นพวกนั้น เป็นบ้านร้างหลังใหญ่หลังหนึ่งตั้งตะหง่านอยู่ มันเป็นบ้านแบบโมเดิร์นสมัยช่วงปลายยุค 80's มีสามชั้น อยู่ในสภาพเก่าโทรม ประตูหน้าต่างผุพัง บางบานกระจกแตกหมด เผยถึงความมืดมิดที่อยู่ภายใน สีที่ฝาผนังลอกลงอยู่เกลื่อนกล่นจนเห็นฝาปูนที่เต็มไปด้วยคราบเชื้อราและคราบสกปรกอื่นๆ หลายแห่งมีวัชพืชต่างๆนาๆโตขึ้นปกคลุม มีเถาพืชและดอกไม้เลื้อยคลุมอยู่เต็มไปหมด แต่ถึงกระนั้น มันยังคงรักษาเค้าโครงอันบ่งบอกว่า ผู้ที่เคยอยู่อาศัยนั้น เป็นครอบครัวที่มีฐานะดี บ้านหลังนี้ตั้งอยู่ในป่าอันรกชัฏซึ่งเป็นบริเวณพื้นที่ที่ไม่ไกลจากด้านหลังของโรงเรียนมากนัก ตอนนี้มันดูน่ากลัวยิ่งขึ้นเพราะบรรยากาศครึ้มฟ้าครึ้มฝนในยามหน้าฝน สภาพนั้นของมันทำให้อ๊อด นักเรียนชายผู้เป็นสมาชิกคนหนึ่งในกลุ่ม ซึ่งมีลักษณะและอุปนิสัยเป็นนักเรียนนักเลง ยังต้องออกอาการหวาดหวั่น

"ไม่เอาน่า โฟกัส... ฉันก็อยากรู้มานานแล้วว่าในบ้านนี้มันเป็นยังไง เห็นเค้าลือกันจัง ว่ามันมีอะไรลึกลับอยู่ในนั้น"

"ใช่ๆ... ถ้าพวกเราเข้าไปกันหมด ก็ไม่เห็นต้องกลัวเลยนี่"

                       ดาวกับไป่ สองนักเรียนหญิงในกลุ่มที่เหลือพากันปรามโฟกัสทันทีที่เธอพูดจบ เพราะความอยากรู้อยากเห็นของทั้งคู่

"..... เอ้า... เกม ! เป็นอะไรของแกวะ... ? ...รึว่าแกเกิดป๊อดไปอีกคน ?"

                       แซมทักเกมที่กำลังจ้องมองไปยังหน้าต่างบานหนึ่งที่ชั้นบนแล้วนิ่งไป จนเกมสร่างภวังค์

"...หือ ?... เอ่อ ก็... แล้วจะเข้ากันไปมั้ยล่ะ ?"

"เฮ้ย เข้าสิวะ ! อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว... มาๆ เข้าไปซะที ฉันนำเอง พวกแกอย่าแกล้งทิ้งฉันอย่างตอนไปเที่ยวบ้านผีสิงที่ดรีมเวิร์ลเมื่อปีก่อนละกัน"

                      ว่าแล้ว อ๊อดผู้เป็นนักเลงของกลุ่มก็เริ่มนำกลุ่มเดินกล้าๆกลัวๆเข้าประตูรั้วบ้านสนิมเขรอะ เกาะกลุ่มกันเดินจนไปถึงประตูหน้าบ้าน อ๊อดลองบิดลูกบิดประตูดู พบว่า มันไม่ได้ล็อคไว้ ทั้งกลุ่มหันมองหน้าอันตื่นเต้นแกมหวาดหวั่นของกันและกัน กลืนน้ำลายกันคนละอึก รู้สึกเหมือนเมื่อครั้งที่จะเข้าบ้านผีสิงจำลองที่สวนสนุกดรีมเวิร์ลในตัวเมืองกันเมื่อปีก่อนตอนฤดูหนาว... ทุกคนนำโทรศัพท์ของตนขึ้นมา เปิดไฟฉายโทรศัพท์ แล้วอ๊อดก็ค่อยๆเปิดประตูนำเข้าไป ข้างในนั้น มืดมิดดุจไฟฟ้าที่ดับลงกลางดึก มีเพียงแสงไฟฉายเท่านั้นที่กระทบกับสิ่งต่างๆภายใน สภาพภายในนั้นน่าอึดอัด เย็นชื้น กลิ่นปูนจากผนังอบอวลอยู่ดุจเป็นถ้ำ สิ่งของและสิ่งตกแต่งบ้านทั้งหลายรกระเกะระกะอยู่ตามพื้นบ้านและฝาผนังอันสกปรก ซุ้มประตูบริเวณทางเดินภายในบ้านยังมีผ้าม่านเก่าๆมุงไว้อยู่ ทุกสิ่งทุกอย่างมีฝุ่นและไยแมงมุมจับอยู่หนา กลุ่มนักเรียนวัยรุ่นพวกนั้นพากันเดินจับกลุ่มเกาะกันไปตามทางเดินของบ้านอันกว้าง และเข้าสู่ห้องรับแขกอันโอ่โถง

"โห... ทำไมในบ้านนี้มันกว้างจัง ? ดูข้างนอกเหมือนกับเป็นแค่บ้านขนาดกลางไม่ค่อยกว้างเท่าไหร่เลยนี่"

"นั่นสิ... นี่มันบ้านคนรวยชัดๆ ดูสิ มีเสาสวยๆในบ้านด้วย โซฟารับแขกหรูๆยังอยู่ หัวบันไดตรงนั้นก็สวยมาก ยังกะในละครคุณหญิงคุณนายเลย"

                       ดาวกับไป่พากันพูดซุบซิบถึงขนาดและลักษณะของพื้นที่ภายในบ้านอย่างตื่นเต้น ทั้งที่กำลังมีอาการหวาดผวาเพราะสภาพที่เก่าคร่ำคร่าน่าสะพรึงกลัวภายในบ้าน ที่มองเห็นได้เพียงจากแสงไฟฉายกำลังแสงต่ำที่ส่องออกมาจากโทรศัพท์มือถือเท่านั้น

"นี่ ฉันว่า... ต้องมีใครเคยมาสำรวจบ้างแล้วแน่ๆ ดูสิ มีขวดเหล้าทั้งกลมทั้งแบนตรงนั้นเต็มเลย"

                      แซมเอ่ยขึ้นเมื่อเขาเห็นร่องรอยของการมั่วสุมที่มุมๆหนึ่งของห้องรับแขก บริเวณนั้นมีการพ่นสีที่ฝาผนังเป็นคำลามกและหยาบคาย มีภาพและอักษรศิลปะแบบพ่นสีที่ฝาผนังอยู่ด้วย

"ธรรมดาเว้ย... มันต้องมีพวกขี้ยาแอบมาเล่นยาอะไรกันที่นี่แหละ คงไม่ได้มาสำรวจอย่างเดียวหรอกว่ะ ก็ที่มันลับออกแบบนี้... เผลอๆนัดกันมามีอะไรกันที่นี่ด้วยซ้ำ... อืม... แต่ไม่ยักกะมีเศษถุงยางเลยแฮะ"

                       อ๊อดแสดงความคิดเห็นตามทัศนคติของเขา

                      ทุกคนเกาะกลุ่มเดินสำรวจกันไปทั่ว ทั้งห้องรับแขก ห้องครัว ห้องน้ำ และห้องเก็บของภายในบ้าน สิ่งของมีค่าต่างๆยังคงอยู่ในบ้านดุจถูกละทิ้งไว้จนมีสภาพเก่าใช้การไม่ได้ เช่น ตู้เย็นที่ยังเสียบปลั๊กไว้ที่เต้าเสียบฝาผนัง เครื่องซักผ้า กาน้ำร้อนไฟฟ้า ถ้วยจาน และที่ปิ้งขนมปัง เป็นต้น สร้างความแปลกใจและอัศจรรย์ใจให้แก่กลุ่มนักเรียนวัยรุ่นผู้อยากรู้อยากเห็นพวกนี้เป็นอย่างยิ่ง

"เหมือนรีบย้ายออกเลยอ่ะ... ของยังอยู่อยู่เลย"

                       โฟกัสเริ่มเอ่ยปากออกมาบ้างเมื่อเห็นความแปลกอันนี้ ทุกคนหันมามองหน้ากันและหันไปมองดูสภาพแวดล้อมที่น่าแปลกใจนั้นอีกที

"พวกขี้ยาพวกนั้นมันไม่ขโมยอะไรออกไปบ้างเลยรึไงวะ ?... เป็นฉันนะ ไม่เหลือไว้แน่ๆ อย่างน้อยขายได้ซักครึ่งราคาก็ยังดี"

"แต่ดีที่แกไม่ได้เป็นพวกนั้นว่ะ อ๊อด... โธ่ ไอ้บ้า... ความคิดแกแต่ละอย่างนี่ดีเหลือเกิน แกถึงโดนตีหน้าเสาธงตลอดไง"

                       แซมชักเริ่มรำคาญอุปนิสัยประจำของเพื่อนของเขา

"เออๆ หุบปากซะ ยังไงก็ช่างเหอะ... พวกเราสำรวจชั้นแรกทั่วหมดแล้ว... ป่ะ พวกแก ขึ้นไปชั้นสองกันบ้าง"

"เฮ้ยยย....... อ... เอาจริงเหรอ ?... แค่นี้ก็พอแล้วมั้ง"

                       ดาวกับไป่เริ่มมีอาการทนไม่ไหวกับความน่ากลัวของสถานที่

"อ๊อด... ฉันว่าพอก่อนเหอะว่ะ ดูนาฬิกา อีกสิบกว่านาทีจะเข้าเรียนแล้ว... กว่าจะหลบลุงภารโรงนั่นกันอีก"

                       คำปรามจากปากของเกมผู้นิ่งเงียบมานานเป็นดุจเสียงสวรรค์ที่มาโปรดแก่พวกนักเรียนหญิงซึ่งกำลังมีอาการหวาดกลัว ไม่เหลือเค้าความอยากรู้อยากเห็นอีกแม้แต่นิด

"โถ่ววว.... อะไรว้า เซ็งเลย.... เออๆ พอก่อนก็ได้"

                        ตอนเย็น ชุมชนบริเวณตลาดนัดแห่งหนึ่ง

                        โฟกัสเดินผ่านตลาดนัด กลับมาถึงบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน... ภายในช่วงเย็นถึงหัวค่ำ เมื่อทำการบ้าน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า และกินข้าวมื้อเย็นกับพ่อแม่ของเธอแล้ว เธอก็เข้าห้องนอนเพื่อพักผ่อน ทำกิจกรรมส่วนตัว เช่น นอนบนเตียงอ่านหนังสือที่ยืมมาจากห้องสมุดของโรงเรียน และการแชทไลน์กลุ่มกับดาวและไป่ ครั้งนี้พูดคุยกันถึงสิ่งที่ได้ทำกันในช่วงพักกลางวันที่โรงเรียน คือการสำรวจบ้านร้างหลังโรงเรียนหลังนั้น

                        กลางดึก...

"...ห๊ะ !!!"

                       โฟกัสสะดุ้งตื่นขึ้นมา ดวงตาเบิกโพลง ใบหน้าอันสวยน่ารักของเธอชุ่มไปด้วยเหงื่อ หอบหายใจแรง เมื่อสร่างจากการฝันร้ายและตั้งสติได้แล้ว เธอก็ค่อยๆลุกขึ้นมา

"นี่เรา... ถึงขนาดเก็บมาฝันเลยเหรอเนี่ย ?... เฮ้อ... เพื่อนนะเพื่อน... พากันไปที่บ้านน่ากลัวนั่นทำไมก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะน่าสนุกเลย... อยากรู้อยากเห็นกันไม่เข้าเรื่อง"

                       นึกขุ่นเคืองใจดังนั้นแล้ว โฟกัสก็ออกจากห้องนอนของเธอ เดินฝ่าความมืดสลัวมุ่งไปยังห้องน้ำ เพื่อที่จะล้างหน้าและปลดทุกข์เบา เมื่อทำธุระส่วนตัวแล้ว ในขณะที่ปิดประตูห้องน้ำ โฟกัสต้องชะงัก เมื่อเธอได้เห็นเงาดำคล้ายเงาของผู้ชาย ยืนนิ่งอยู่หน้าห้องนอนของเธอท่ามกลางความมืดสลัว โฟกัสรีบพิงแอบซอกข้างฝา พยายามเพ่งมองเงานั้นเพื่อดูว่าเป็นใคร แต่พยายามมองเท่าไร เธอก็ยังหาความชัดเจนของสิ่งๆนั้นไม่ได้อยู่ดี  ใจเริ่มหวาดหวั่น

"...........ค... คุณพ่อ ?........... คุณพ่อรึเปล่าคะ ?"

                      ไร้เสียงตอบกลับ เงานั้นเริ่มขยับตัว และเริ่มมีกริยาท่าทางตอบสนองเสียงโฟกัสเหมือนกับว่า มันหันมาและเริ่มจะเดินมาหาเธอ ดุจรู้ตำแหน่งที่เธอแอบอยู่ !

"ห๊ะ !!"

                       โฟกัสหน้าตื่น หันหลบเข้าซอกข้างฝาตามเดิม ทรุดนั่งย่อกอดเข่า ตัวเกร็งชิดข้างฝาแน่น หลับตาปี๋ พยามข่มทุกเสียงที่จะออกมาจากตัวของเธอเพราะอาการสั่นกลัว เสียงฝีเท้าอันหนักและช้าของมันที่ดังใกล้เข้ามาทุกที ยิ่งทำให้เธอกลัวมากขึ้น

                       ตึ่ก... ตึ่ก... ตึ่ก... ตึ่ก...

                       ... แล้วแสงไฟสีนวลจากห้องน้ำก็สว่างวาบออกมา

".......อ้าว......โฟกัส ? ... มานั่งทำอะไรมืดๆอยู่มุมนั้นล่ะลูก ? ...ทำไมไม่นอนล่ะ ?"

"... ค... คุณพ่อ ?"

"เอ๊ะ ?... ทำไมหน้าซีดๆล่ะ เหงื่อเต็มหน้าเลย ไม่สบายรึเหล่าเนี่ย ?"

                       พ่อของโฟกัสมีสีหน้ากังวลรีบเข้ามาแตะหน้าผากของเธอที่กำลังชุ่มไปด้วยเหงื่อรอบที่สอง

"... ป... เปล่าค่ะ หนูสบายดี............. คุณพ่อ... เมื่อกี๊คุณพ่อมาหาหนูที่ห้องเหรอคะ ?"

"หือ ? ...เปล่านี่ลูก พ่อเพิ่งออกมาจากห้องนอนของพ่อเมื่อกี้นี่เองนะ ว่าจะเข้าห้องน้ำซะหน่อย... แล้วก็หันมาเจอลูกนั่งอยู่นี่แหละ พ่อตกใจหมด"

"........ !!?"

                       โฟกัสออกอาการงงงันอย่างหนักในสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้น ห้องนอนของเธอและของพ่อแม่อยู่คนละฝั่งกัน โดยมีห้องน้ำขั้นกลางอยู่ เป็นบริเวณทางเดินกลางบ้าน หากไม่ใช่พ่อของเธอ แล้วเงานั้นเป็นเงาของใคร ? แล้วตอนนี้มันหายไปไหน ?

.                     ที่โรงเรียนช่วงพักกลางวันวันต่อมา...
                  ม้านั่งประจำกลุ่มของกลุ่มนักเรียนหญิงสามเกลอ...

"........ใช่มั้ยล่ะ โฟกัส ?........ หือ ?.... โฟกัส ?...................ยายโฟกัส !"

"อ๊ะ !.... อ... อะไรเหรอ ?"

                   เสียงอันดังและแจ๋นของไป่ทำเอาโฟกัสตื่นจากภวังค์ความเหม่อลอย

"อะไรน่ะ ? ...แกเหม่ออะไรอยู่เหรอ ? ตกลงได้ฟังที่พวกฉันพูดกันมั้ยเนี่ย ?"

"...เอ่อ ก็... พอจับความได้อยู่... เรื่องทำติ่มซำเจร้านแกที่เยาราช กับเรื่องข้าวหมกไก่อิสลามร้านยายดาวใช่มั้ย ?"

                  ดาวกับไป่หันมองหน้ากันอย่างงุนงง

"บ้าเหรอ เรื่องโครงงานทำขนมของกลุ่มเราเดือนหน้าที่จะถึงนี้ตะหาก... ยายโฟกัส แกเป็นอะไรไปน่ะ ? ..... เดี๋ยวสิ... จะว่าไป แกดูซึมๆตั้งแต่เช้าแล้วนะ... แล้วดูสิ ข้าวของแกแกก็ยังไม่แตะเลยซักคำ แกมีอะไรก็บอกพวกฉันได้นี่ มีเพื่อนไว้ทำไมล่ะ ?"

"ใช่ แกไม่สบายใจอะไรรึเปล่า ? บอกมาเหอะ พวกฉันจะได้ช่วยไง... ถ้าช่วยได้นะ"

                  เมื่อถูกดาวกับไป่แสดงความเป็นห่วงแกมคะยั้นคะยอเอาแบบนั้น โฟกัสจึงถอนใจหน่อยหนึ่ง แล้วตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างออกมา

"....คือ.... ฉันฝันร้ายน่ะ..."

".... อ๋อ.... ฝันร้ายนี่เอง.... เฮ้ย แก มันก็แค่ฝันเอง ไม่จริงหรอก อย่าไปใส่ใจมันเลย"

                  ไป่ว่าพลางลูบหลังโฟกัส เพื่อนทั้งสองของโฟกัสรู้ดีว่า เธอเป็นคนขวัญอ่อน

"ใช่ แค่ฝันเอง มันทำอะไรเราในชีวิตจริงไม่ได้หรอก... เออ แล้วแกฝันว่าไงเหรอ ?"

                  จบคำถามของดาวแล้ว โฟกัสนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงพูดต่อ

"ฉันฝันว่า... ฉันโดนขังอยู่ในบ้านร้างหลังโรงเรียนนั่น แล้วหาทางออกไม่ได้... มีเสียงน่ากลัวในนั้น ฉันตะโกนออกไปยังไงก็ไม่มีใครได้ยินรึมาช่วยเลย เหมือนมีฉันอยู่คนเดียวจริงๆ บรรยากาศข้างนอกบ้าน ขนาดตอนกลางวันก็ยังมืดๆยังไงก็ไม่รู้... แล้วมัน... เหมือนมีอะไรก็ไม่รู้ ลงมาจากบันไดมาจากชั้นสองนั่นที่เราไม่ได้ขึ้นไปน่ะ... ฉันกลัวมาก เลยสะดุ้งตื่นขึ้นมาเลย"

                  ในขณะที่ฟังสิ่งที่โฟกัสพยายามบอกเล่ามา สีหน้าของดาวกับไป่ได้ซีดลง นิ่งฟังไม่มีแทรก พอจบแล้ว ทั้งคู่ก็มองหน้ากันอย่างหวาดหวั่น แล้วหันกลับไปหาโฟกัส

"แกฝันเหมือนฉัน................ !!? .............."

"...!!?"

                  ดาวกับไป่พูดออกมาพร้อมกันแล้วหยุดกึก เหมือนเป็นความบังเอิญ หันหน้ามามามองกันอีกครั้งตะลึงหนักเข้าไปอีก ทุกคนนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง หน้าตาตื่น มีอาการเลิ่กลั่กมองกันและกัน

"...อ... อะไรนะ... นี่พวกแก ก็...... ?"

                  โฟกัสถามขึ้นน้ำเสียงหวาดหวั่น

"... เออสิ... ฉันว่าจะข่มความกลัวไว้ แล้วก็จะไม่พูดให้ใครฟังแล้วนะเนี่ย... นี่มันอะไรกันเนี่ย ? พวกแกก็..."

                  ดาวพูดออกมาน้ำเสียงอย่างเดียวกันกับโฟกัส

"..... ฉ... ฉันก็ฝันแบบที่แกเล่าเลย... ในฝัน ฉันแหกปากให้ตายยังไงก็เหมือนไม่มีเสียงยังไงไม่รู้... แล้วก็รู้สึกว่ามีอะไรน่ากลัวๆลงมาจากจากบันได ไม่เห็นตัวมันหรอก แต่ฉันกรี๊ดแตกเลย... เท่านั้นแหละ ตื่นเลย... โอ๊ย หัวใจจะวาย"

                  ไป่ผู้มีเสียงแจดแจ๋นถึงกับแจ๋นไม่ออก

                  สิ่งประหลาดได้เกิดขึ้นกับนักเรียนหญิงสามเกลอพวกนี้ ทั้งหมดได้ฝันถึงสิ่งเดียวกันดุจถูกจับมาวางไว้ในบทหนังแนวสยองขวัญเรื่องหนึ่งร่วมกัน ข้าวกลางวันของทั้งสามได้ถูกปล่อยไว้ให้เหลือและชืดอยู่อย่างนั้น สำหรับโฟกัสนั้น เธอตัดสินใจไม่เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอหลังตื่นจากจากฝันร้ายแล้ว คือเรื่องของเงาลึกลับน่ากลัวนั้นที่เธอเข้าใจว่าเป็นพ่อของเธอ เพราะเกรงว่าจะทำให้เพื่อนกลัวกันมากกว่านี้

                  อีกมุมหนึ่งของโรงเรียน...
                  บริเวณหลังโรงยิม... ซึ่งเป็นที่ประจำของกลุ่มนักเรียนชายสามเกลอ กลุ่มของอ๊อด ซึ่งอยู่ต่างห้องเรียนกับพวกนักเรียนหญิงพวกนั้น

"มันจะเชื่อได้ซักแค่ไหนวะ แอพอะไรแบบนั้นน่ะ ?... มันไม่ใช่เครื่องมือจริงเหมือนที่พวกฝรั่งเค้าใช้กันซะหน่อย... มันจะตรวจจับผีได้จริงๆเหรอ ?"

"โถ่ ! แกนี่ไม่รู้เรื่องบ้าบออะไรเลยว่ะ แซม... แอพนี้นะเว้ย รายการ'โม่งท้าผี'ช่องสามเค้าใช้กันได้ผล จับผีได้จริง ขนาดในยูทูปมีคนเอาไปพิสูจน์ ยังได้ผล เจอดีเข้าจริงๆมาแล้ว... ไม่เชื่อแกลองไปค้นหาดูสิ... อีกอย่าง กว่าฉันจะดาวน์โหลดมาได้ ต้องเสียตังค์ซื้อเอาเป็นเกือบร้อย... ไม่จริงก็ไม่รู้จะว่าไงแล้ว"

                  อ๊อดพูดอย่างยืดยาวด้วยความหัวเสีย เมื่อแซมแสดงความเห็นออกมาแบบนั้นกับแอพพลิเคชั่นตรวจจับผีในมือถือที่เขามั่นใจ

".... แต่เท่าที่อ่านคอมเม้นต์พวกคนที่ใช้แล้ว เห็นหลายคนบอกปลอม ใช้ไม่ได้จริง ซื้อไปเสียดายตัง นี่หว่า... นี่ขนาดแกยังไม่ทันใช้ก็เชื่อซะแล้ว"

"เหอะ ! พวกเกรียนออนไลน์มันมีอยู่ทุกที่แหละ... แกก็ดูเอาสิ ว่าคนที่ใช้แล้วได้ผลมีมากกว่า คนที่บอกใช้ไม่ได้ผลมันมีแค่กี่คนเอง"

"เออๆ เอาเหอะ... ฉันไม่ได้บ้าเหมือนแกนี่หว่า อุตส่าห์เสียตังค์ตั้งเกือบร้อยเอาไปซื้อของที่กินไม่ได้จับไม่ได้แบบนั้น... แล้วอย่าบอกนะ ว่าแกจะเข้าไปในบ้านนั้นอีก"

"แน่นอนเว้ย ! ทำไมฉันจะไม่เข้าไปอีกเล่า ?... เมื่อวาน ยังไม่ทันสะใจฉันเลย ก็ถึงเวลาเข้าเรียนบ่ายแล้ว เซ็งฉิบ... เสาร์นี้แหละ ฉันจะมาที่โรงเรียน แล้วก็จะไปที่บ้านนั้นอีก จะได้ลองแอพนี่ด้วย... พวกแกก็ต้องมากันด้วยนะเว้ย !"

"จะบ้ารึไง !? ... แกก็ไปคนเดียวของแกสิ มาดึงพวกฉันไปด้วยทำไมเล่า !"

"ปัดโถ่ !... แกยังเป็นเพื่อนฉันอยู่รึเปล่าเนี่ย !?... ป๊อดไปแล้วรึไง ? เห็นทีแรกอยากจะเข้าไปจะตายชัก"

"แล้วแกไม่ป๊อดรึไง ? ... เดินนำก็จริง แต่สั่นเป็นเจ้าเข้าเลยว่ะ... น่ากลัวแบบนั้นยังจะเข้าไปอยู่อีกเหรอ ?"

"จะกลัวทำไมนานนักหนาล่ะวะ !?... ถ้ามีแอพนี่อยู่ก็ปลอดภัย ตรวจจับได้ปุ๊บก็วิ่งออกบ้านปั๊บเลยสิ มันไม่ทันทำอะไรแกหรอกเว้ย"

"เอ๊า !? ...โถ่ ไอ้บ้า !... เพื่ออะไรวะ !?"

                  ในขณะที่อ๊อดกับแซมพูดคุยกันอยู่นั้น เกมนั่งเอกเขนกบนเก้าอี้ห้องเรียนที่ถูกนำลงมาจากตึกเรียน เท้าทั้งสองพาดไขว่ห้างอยู่บนลังกระดาษ ดูบางสิ่งในโทรศัพท์ของเขาอยู่ มีหูฟังที่หู มีสีหน้าจริงจัง

"............... ไม่มีข้อมูลของบ้านหลังนั้นเลยเหรอเนี่ย ?... มีแต่ข้อมูลของโรงเรียน... คงเป็นบ้านเก่าๆของใครไม่รู้ซักคนนึงนั่นแหละมั้ง"

                  เกมพึมพำในลำคอเบาๆ เขาใช้เวลาค้นหาข้อมูลอยู่นานแล้ว แต่ก็ไม่พบข้อมูลใดๆของบ้านหลังนั้นในอินเตอร์เน็ตเลย ผิดกับในชีวิตจริง ที่มันเป็นที่รู้จักดีในหมู่นักเรียนในโรงเรียน ในเรื่องของความลึกลับและเป็นที่อยากรู้อยากเห็น แต่ตอนนี้ก็ยังไม่มีใครที่จะกล้าเข้าไปยุ่มย่ามที่นั่นเหมือนกลุ่มของเขาเลย


                   กรี๊งงงงงงงงงงงงงงง !!!

                  ถึงเวลาเลิกเรียนในตอนเย็น กลุ่มของอ๊อดกับกลุ่มของโฟกัสได้มาพบกันที่ที่นั่งประจำก่อนแยกย้ายกลับบ้าน กิจกรรมนี้เป็นสิ่งนักเรียนวัยรุ่นกลุ่มนี้ทำมานานแล้วตั้งแต่อยู่ห้องเดียวกันสมัยเรียนชั้น ม.ต้น

"....หือ ?.... พวกเธอเป็นอะไรกันน่ะ ทำไมเงียบไป ?... ปกติเสียงของยายไป่จะมาก่อนเลยนี่"

                  อ๊อดสังเกตเห็นอาการผิดปกติของทั้งสามสาว

"...นี่ นายอ๊อด ! นายทำแสบมากเลยนะยะ !... คืนเมื่อวานพวกฉันพากันฝันร้ายเกี่ยวกับบ้านร้างนั่น ก็เพราะนายนั่นแหละ !"

                  ไป่ตัดพ้อขึ้นก่อนเพื่อน

"เอ้า !? .... อะไรของเธอเนี่ย ?... เก็บไปฝันกันเองนี่ ฉันผิดซะงั้นเลย แล้วพวกเธอฝันพร้อมกันหมดเลยเหรอ ?"

".............."

                  เกมมีสีหน้าที่สนใจในสิ่งที่ได้ยินจากปากของไป่

"นั่นสิ บังเอิญเกินไปรึเปล่า ? ...มันฟังดูเหลือเชื่อไปนา"

                  แซมเสริมขึ้น

"พวกนายไม่เชื่อก็เรื่องของพวกนายสิ ที่แน่ๆพวกฉันกลัวนะยะ... นึกถึงฝันบ้านั่นทีไรก็ร้อนๆหนาวๆที่หลังคอยังไม่หายเลย"

                  ดาวตัดพ้อขึ้นอีกคน

"...เอ่อ... แล้วพวกเธอฝันว่ายังไงกันบ้างล่ะ ?"

                  เกมตัดสินใจถามขึ้นมาหลังจากเงียบอยู่นาน แล้วพวกนักเรียนหญิงโดยเฉพาะดาวกับไป ก็แย่งกันเล่าถึงความน่ากลัวของฝันร้ายนั้นให้พวกนักเรียนชายฟังอย่างยืดยาว

"โห... ฮะ ฮะ ฮะ... พวกเธอฝันเรื่องเดียวกันโมเม้นต์เดียวกันเลยเหรอ ?... มันจะบังเอิญเกินไปละมั้ง ?"

                  แซมเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าแล้ว ก็ออกอาการขำ เพราะเป็นคนที่ไม่เชื่อในสิ่งลี้ลับเหนือธรรมชาติ

"เฮ้ย !! แซม... แกไม่เชื่ออย่าลบหลู่นะเว้ย ! บ้านนั้นอาจจะมีอาถรรพ์รึคำสาปอะไรก็ได้ !"

                  อ๊อดพูดขัดแซมขึ้นสีหน้าจริงจัง

"เอ๊า ไอ้นี่ก็อีกคน... งมงายอะไรไม่เข้าเรื่อง... คำสาปอาถรรพ์บ้าบออะไรของแกวะ แกดูหนังมากไปรึเปล่า? ...ของแบบนี้มันไม่มีจริงหรอกเว้ย... บ้านนั่นแค่โดนทิ้งร้างไว้เฉยๆนั่นแหละ เผลอๆเป็นที่แอบเล่นยาเล่นเซ็กซ์ของพวกขี้ยามันด้วย อย่างที่เห็นกันเต็มๆสองลูกตาเมื่อวานนั่นไง... แล้วไงอีก ? ก็ไม่เห็นมีผงมีผีโผล่ขึ้นมาให้เจอซักตัวเลย อยากจะเห็นนักว่ามันเป็นยังไง... พวกรุ่นพี่เค้าก็แค่ลือตามความรู้สึกกันเฉยๆป่ะวะ ?"

"....................ต... แต่... ฉันฝันแบบนั้นจริงๆนะ... ปกติฝันร้ายแล้ว ก็ลืมได้ หายกลัวได้... แต่นี่ป่านนี้ฉันยังไม่ลืมเลย ยังกลัวด้วย"

                  โฟกัสพูดขึ้นบ้างในขณะที่แซมกำลังถูกคนที่เหลือเว้นเกมกับเธอ มองอย่างไม่พอใจหลังจากที่เขาแสดงทัศนคติของตัวเองออกมาอย่างยืดยาวแบบนั้นแล้ว

"งั้นแกก็ต้องไปกับฉันวันเสาร์สิวะ แซม ฉันเองก็อยากเห็นผีว่ามันเป็นยังไง... ว่าไง ?... แกอยากเห็นผีนี่หว่า"
 
"จะบ้ารึไง ไปคนเดียวสิวะ !"
 
"อะไรเหรอ นายอ๊อด ? ...ไปเที่ยวบ้านผีสิงที่ดรีมเวิร์ลกันใช่มั้ย ?... ไม่ชวนเลย"

"...แจ๋นเหมือนเดิมเชียว...... คือ ฉันจะไปที่บ้านร้างนั้นอีกน่ะ"

"...หาาาาาาา !!!? "

                  ดาวกับไป่ร้องขึ้นพร้อมกันเสียงหลง ส่วนโฟกัสหน้าตื่น มือทั้งสองปิดปาก

"ฮะ ฮะ ฮะ... ตกใจล่ะสิ พอดีฉันจะไปลองแอพตรวจจับผีในมือถือน่ะ อุตส่าห์เสียตังค์ดาวน์โหลดมาเมื่อวานนี่เอง มีข้อมูลพิสูจน์จากหลายๆที่บอกว่าแอพนี้ใช้ได้จริงด้วยล่ะ บอกให้... น่าสนุกจนอยากไปตอนนี้เลยตริงๆ อดใจแทบไม่ไหวละ ถ้าไม่มีลุงภารโรงนั่นป้วนเปี้ยนแถวหลังโรงเรียนนะ ฉันคงไปตอนนี้วันนี้เลยแหละ"

.                     ประมาณหกโมงเกือบหนึ่งทุ่ม ย่านเยาราชอันคึกคักยามค่ำ...
                  ที่ร้านภัตตาคารจีนขนาดกลางแห่งหนึ่งของย่าน กิจการครอบครัวของไป่

                  ภายในภัตคารอันกว้างใหญ่และตกแต่งอย่างหรูหราแบบจีน มีเพลงจีนบรรเลงคลอ อบอวลหอมหวลไปด้วยกลิ่นอาหาร และเสียงกินอาหารของผู้คนมากมาย พวกพนักงานเสริฟทั้งชายหญิงแต่งชุดจีนสีแดงเป็นเครื่องแบบ ทำงานวิ่งกันไปมาอย่างเร่งรีบแทบชนกัน บ้างก็แบกถาดอาหารออกมาทั้งสองมือ เคลื่อนไหวอย่างคล่องแคล่ว มาที่โต๊ะเพื่อเสริฟอาหารแก่ลูกค้า ในบรรดาพนักงานเสริฟพวกนั้น มีไป่ และดาวซึ่งที่บ้านปิดร้านตั้งแต่ช่วงห้าโมง และมาช่วยไป่ทำงาน

"นี่ นี่ ! หนู ! "

"ค่ะ เฮีย... รับอะไรเพิ่มดีคะ ?"

                  ไป่ที่แต่งชุดจีนอย่างน่ารัก แต่งหน้าใส ผูกผมแบบซาลาเปาคู่สีขาว ปล่อยหน้าม้า รีบวิ่งแจ้นเข้ามารอจดรายการอาหารที่โต๊ะลูกค้า

"...เอ่อ... เอากุ้งชุบแป้งทอดมาอีกสามจานนะ...อ้อ  แล้วก็ ปลากระพงนึ่งสามรสอีกจาน"

"ค่ะ... กุ้งชุบแป้งทอดสาม ปลากระพงหนึ่งนะคะ... ขอบคุณค่ะ"

                   ไป่รีบจดรายการอาหาร แล้ววิ่งแจ้นไปที่เค้าเตอร์รับออร์เดอร์ รีบเสียบรายการอาหารลงไป ในขณะที่ดาวในชุดจีนแบบยาวก็กำลังทำหน้าที่อย่างเดียวกันนี้อย่างวุ่นวายไม่แพ้ไป่ ทั้งสองสาวช่วยกันทำงานกันอย่างนี้ทุกครั้งเมื่อดาวมีโอกาสมาช่วยงาน

"อ้าว อาหมวย ?... ลื้อเป็นเด็กที่ร้านข้าวหมกไก่อิสลามแถวทางเข้าย่านนี่ ? เปลี่ยนงานแล้วเหรอ ?"

                   ลูกค้าคนหนึ่งทักดาวเมื่อจำเธอได้

"อ๋อ หนูแค่มาช่วยเพื่อนทำงานน่ะค่ะ... ตกลง รับอะไรดีคะ ?"

"อ้อ... เอิ่ม... เอานี่ กุ้งมังกรผัดเต้าซี่ แล้วก็เอานี่ ผัดเห็ดสามสหาย... อย่างละสองนา"

"อย่างละสอง... ค่ะ ขอบคุณค่ะ"

                  เมื่อจดรายการอาหารแล้ว ดาวก็รีบจ้ำอ้าวออกไป

".....อั่ยย่ะ.... ขยันจริงๆ เด็กคนนี้... ทำงานคนเดียวตั้งสองที่เลย"

                   หลังจากที่ดาวเสียบออเดอร์ลงที่รับออเดอร์แล้ว ในขณะที่กำลังเดินไปยังตำแหน่งประจำที่เธอยืนมองหาลูกค้าที่อาจจะเรียกเธออีก เธอเหลือบไปเห็นเกมที่ยังอยู่ในชุดนักเรียน นั่งอยู่ที่โต๊ะเล็กมุมหนึ่งของร้าน ดูเมนูอาหารอยู่

"อ้าว เกม !?... มากินข้าวที่นี่ด้วยเหรอ ไม่เห็นรู้เลย"

"..... พอดีวันนี้อยากมากินอะไรอร่อยๆหน่อยน่ะ"

"แหม..... คิดถึงไป่ล่ะซี้"

"......."

                   เกมยิ้มแหยๆ หน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด มือลูบหลังหัว

"เอางี้ เดี๋ยวฉันไปบอกไป่ให้... ไป่จะได้มาเสริฟอาหารนายไง"

"...เอ่อ... ม... ไม่ต้องหรอก เธอนี่แหละดีแล้ว อย่าไปกวนไป่เลย"

"เฮ้อ น่ารักจังคู่นี้... โอเค นายจะเอาอะไรดีล่ะ สั่งมาเลย"

"อืม... เอาอันนี้ละกัน แบบพิเศษนะ"

"เช่าหมี่น(บะหมี่ผัด)ไก่เหรอ ได้สิ... แบบพิเศษ......... โอเคจ้ะ รอแป๊บนะ"

                  เกมนั่งรออยู่ครู่ใหญ่ ในที่สุด อาหารก็มาถึงที่โต๊ะเขา... แล้วเกมก็ต้องหน้าแดง

"นี่... มาเงียบเลยนะ"

                  เป็นไป่ที่มาเสริฟอาหาร

"... ก็... พอดีเห็นทำงานยุ่งอยู่ เลยไม่อยากกวนน่ะ"

"บ้า... เรียกกันก็ได้นี่ ฉันเป็นพนักงานเสริฟ นายเป็นลูกค้า ก็เรียกได้อยู่แล้ว... นายขับรถมอ'ไซมาเที่ยวในเมืองอีกล่ะสิ ชีวิตนายนี่มันชิลดีจัง... การบ้านทำรึยังน่ะ ?"

"ไว้กลับไปค่อยทำละกัน"

"...นี่เกม....  คราวหลังพาฉันขับรถเล่นมั่งสิ"

"ได้สิ... หลังเธอเลิกงานนี่เลยมั้ยล่ะ ?"

"หา ? คืนนี้เลยเหรอ ?... ไม่ได้หรอก เตี่ยจะด่าฉันเอา เอาไว้วันหยุดเถอะ"

"...อ... อืม โทษที... งั้น... เสาร์นี้เป็นไง ?"

"ฮื่อ... โอเค ได้สิ....... พูดถึงวันเสาร์นี้... นายอ๊อดมันจะไปที่บ้านร้างนั่นจริงๆเหรอ ? นายห้ามมันมั่งรึเปล่า ?"

"ไม่ได้ห้ามมันหรอก มันพูดไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว... ซ้ำมันอยากลองของใหม่ของมันอีก ห้ามยาก"

"เฮ้อ !.... เจ้าบ้านั่นมันท่าจะอยากตายจริงๆ"

"...คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง แค่บ้านร้างไม่มีใครอยู่เฉยๆ ถ้ามันจะตาย ก็คงตายก็เพราะโดนตะขาบกัด แมงป่องต่อย งูกัด อะไรแบบนี้มากกว่า ที่ร้างสกปรกออกแบบนั้น... แล้วตอนกลับ เห็นแซมบอกนะ ว่าจะไปกับมันด้วย"

"อ้าว เหรอ !? ...มันไม่เชื่อเรื่องผีนี่ ?"

"มันก็คงอยากพิสูจน์นั่นแหละ... มันจะได้เอาเหตุผลที่ว่าไม่มีผีจริง มาเถียงกับเจ้าอ๊อดอีก"

"แซมมันก็เหลือเกินนะ วิทยาศาสตร์จ๋าเลย ตรรกกะเยอะ...... โอเค เกม กินให้อร่อยนะ เดี๋ยวฉันไปทำงานก่อน... แล้วค่อยเจอกันวันเสาร์จ้ะ"

"...ฮื่อ โอเค"


                  ประมาณสองทุ่ม...

                  เกมขับรถมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงที่อยู่ของเขา เป็นบ้านเช่าชั้นเดียวหลังเล็กหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่ออกจะลับตาคนทั่วไป พี่ชายของเขาที่ทำงานแล้วได้เช่าไว้ให้เขาอยู่เป็นการส่วนตัว เกมมีชีวิตที่ค่อนข้างอิสระ แต่เขาก็ต้องช่วยพี่ชายของเขาทำงานในบางครั้งเรื่องการหาข่าว พี่ชายของเกมทำงานเป็นนักสืบในกลุ่มนักสืบเอกชนกลุ่มหนึ่ง เคยถูกว่าจ้างโดยตำรวจชุดสืบสวนในการช่วยหาข้อมูลทำคดีสำคัญหลายคดี ที่ฝาผนังด้านหนึ่งมีป้ายรางวัลชนะเลิศการแข่งขันประลองศิลปะการต่อสู้แบบมวยจีนสมัยเรียนชั้น ม.ต้น แขวนไว้อยู่
                  หลังจากอาบน้ำแต่งตัวและทำการบ้านแล้ว เกมก็ไปห้องน้ำอีกรอบเพื่อล้างหน้าแปรงฟันก่อนนอน... เมื่อแปรงฟันและล้างหน้ารอบสุดท้ายแล้ว ตอนเงยขึ้นมา เกมต้องตกใจ เมื่อเขาเห็นเหมือนใครคนหนึ่งกำลังเดินผ่านหลังเขาไป ในเงากระจก

".....!?"

                   เกมรีบหันขวับไปมองอย่ารวดเร็ว และรีบชะโงกดูข้างนอกห้องน้ำ

"..................... ? ...............พี่ ?.......... พี่ นั่นพี่ใช่มั้ย ?"

                   ไร้เสียงตอบกลับ...

                   เกมนิ่งไปครู่หนึ่ง เริ่มเดินอย่างระวัง ตาดูไปยังมุมอับทุกมุมในบ้านพัก ร่างกายทุกส่วนของเขาเริ่มพร้อมที่จะโจมตีตอบโต้ใครหรืออะไรก็ตาม ด้วยศิลปะการต่อสู้ที่ได้ฝึกฝนมาตั้งแต่ยังเด็ก หากมันเข้าทำร้ายเขาก่อน แล้วเขาก็สังเกตเห็นว่า หลอดไฟในบ้านพักออกอาการตก กระพริบติดๆดับๆหน่อยหนึ่ง

                  ก๊อก..... ก๊อก..... ก๊อก.....

                  เกมหันไปที่ประตูเข้าบ้านพักอย่างรวดเร็ว นิ่งอยู่ครู่หนึ่ง ไม่มีเสียงใครเรียกให้เปิดประตู เขาเริ่มเดินไปที่ประตูอย่างระวัง ตามองลอดรูส่องของประตู

"..... !!?"

                   ผู้ที่อยู่ข้างนอกนั้น เป็นไป่ในชุดนักเรียน เธอยืนกุมมือนิ่งอยู่ สีหน้าเรียบเฉยมองสบตามาที่รูประตู

"...ไป่ ?"

                   เกมออกอาการตื่นเต้นและแปลกใจที่ ไป่ เพื่อนสาวเชื้อสายจีนที่เขาชอบพอ จะมาหาเขาถึงบ้านพักในเวลานี้ มือขยับจะรีบเปิดประตูให้เธอ... แต่... เมื่อจับลูกบิดแล้ว เกมก็ยั้งมือไว้ไม่บิดเปิดให้ เพราะรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า มีอะไรบางอย่างที่ไม่ปกติ เขาจำได้ว่า ไป่ไม่เคยรู้มาก่อนว่าเขาอาศัยอยู่ที่ไหน และการสวมชุดนักเรียนของเธอมันดูไม่สมเหตุสมผล เพราะเมื่อเธอทำงานอยู่ เธอควรจะอยู่ในชุดจีน คงไม่ใส่ชุดนักเรียนที่หมักหมมมาทั้งวันอีกแน่... เกมตัดสินใจถามออกไป

"...ไป่... เธอมายังไงเนี่ย ? ทำไมถึงมาดึกป่านนี้ล่ะ ?"

"........................ เกม... เปิดประตูหน่อยสิ ฉันคิดถึงนายนะ"

                  น้ำเสียงของไป่นั้นฟังดูแล้วไม่ค่อยเหมือนตัวเธอจริงๆ เป็นเสียงคล้ายเสียงเอฟเฟ็กของเด็กสาวที่ก้องสะท้อนมาจากที่ไกลๆ และดูไม่ร่าเริง ผิดกับลักษณะตามปกติของเธอ ดูเหมือนเกมจะรู้ในทันที ว่าเขากำลังเจออะไรอยู่ เขาค่อยๆถอยออกมาจากประตู มีสีหน้าระวังภัยอยู่เต็มที่ เกมพูดไปที่ประตู

"........งั้น... รอแป๊บนึงนะ เดี๋ยวฉันมาเปิดให้"

                  เกมรีบเข้าไปในห้องนอนของเขา รีบเปิดดูมอนิเตอร์ของกล้องวงจรปิดที่ซ่อนไว้ที่มุมหนึ่งบริเวณหน้าห้องพัก

                  ในจอภาพกล้องวงจรปิดแบบขาวดำที่แสดงสภาพแวดล้อมข้างนอกห้องนั้น สิ่งที่อยู่หน้าห้องของเขากลับไม่ใช่ไป่ สาววัยรุ่นรูปร่างเล็กเตี้ยและบอบบาง แต่เป็นเงาดำทะมึนรูปร่างคล้ายคน มีขนาดสูงใหญ่เหมือนเงาของผู้ชายที่โตเต็มวัย มองเห็นรายละเอียดได้ไม่ชัดเจน มันยืนอยู่นิ่งรอการเปิดประตูจากเกม

"........ ท่าทางแบบนี้คงไม่ได้มาขอส่วนบุญแน่"

                  เกมพึมพำออกมาเบาๆ เปิดตู้เสื้อผ้า ค้นเอากล่องไม้กล่องหนึ่งออกมา เปิดกล่อง แล้วหยิบเอาสิ่งสิ่งๆหนึ่งขึ้นมา เป็นกริชเล็กๆที่ทำด้วยดินและปิดทองทั้งเล่ม มีอักระลงไว้ที่ด้ามและใบมีด แล้วจึงเดินกลับไปประตูห้องพัก มือถือกริชซ่อนไว้ข้างหลัง ส่องดูออกไปภายนอกอีกครั้ง

"................!?"

                  บรรยากาศข้างนอกนั้นกลับมืดสลัวเพราะหลอดไฟหน้าบ้านพักได้ดับไป ไร้วี่แววของไป่ที่สวมชุดนักเรียน เธอได้หายไปแล้ว และไม่มีใครหรืออะไรอยู่ในที่นั้นเลย

.                      ที่โรงเรียนเช้าวันศุกร์...
                   บริเวณที่พบปะและใช้นั่งเล่นประจำของทั้งกลุ่ม ก่อนเวลาเข้าแถวหน้าธงชาติ...

"...มันมาแล้วนั่นไง"

                  แซมเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นเกมเป็นคนแรก

                  เกมมาถึงที่พบปะประจำกลุ่มทีหลังสุด แต่วันนี้ ได้มีมีบางอย่างเกิดขึ้นในกลุ่ม ทั้งกลุ่มมีสีหน้าตื่นตกใจ และทั้งหมดก็หันมาหาเกม เมื่อทุกคนเห็นเขาแล้วก็ยิ่งมีสีหน้ากังวล เกมเข้าไปนั่งอยู่ในมุมหนึ่ง และเพิ่งสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางของเพื่อนที่กำลังมองเขาอยู่ และไม่มีไป่อยู่ในกลุ่ม

"...ท... ทำไมเหรอ ? เกิดอะไรขึ้น ? ......... อ้าว... แล้ววันนี้ไป่ทำไมไม่มาโรงเรียนล่ะ ?"

"เกม...... คืองี้.... ยายไป่น่ะ.... ตอนนี้มันเข้าโรง'บาลนะ"

"หา !?......"

                  ดาวมีน้ำเสียงกังวล บอกความเป็นไปนั้นแก่เกมด้วยความกังวลในความรู้สึกของเขาที่อาจมีขึ้น เพราะอุตส่าห์นัดกันเดทในวันเสาร์นี้ เกมออกอาการตื่นตระหนกเมื่อได้ยินเช่นนั้น

"...ป... ไป่... เป็นอะไรไปเหรอ ?"

"ผีหลอกมันเมื่อคืนน่ะสิวะ !"

".......!!!"

                   คำตอบจากอ๊อดทำเอาเกมนิ่งงัน หน้าตาตื่น รู้สึกทั้งตกใจทั้งแปลกใจ แล้วดาวจึงเริ่มอธิบายความเป็นไป

"เมื่อเช้าฉันไปรับมันที่บ้าน ไม่มีใครอยู่บ้านเลย ซุ้มประตูปิดหมด... แล้วอาแปะข้างบ้านของมัน มาบอกฉันว่า ตอนประมาณตีสี่ มันโดนผีหลอก ร้องไห้เอาแต่พูดว่า ผีหลอกๆ พ่อแม่มันพาส่งไปโรง'บาลโน่นแล้ว... ฉันได้ยินแบบนั้นแล้ว ฉันอึ้งเลย"

                   ส่วนโฟกัสนั้น ยังอยู่ในกริยาที่เอามือที่มีผ้าเช็ดหน้า ปิดปาก น้ำตาคลอ มีความหวาดกลัวในเรื่องราวความเคราะห์ร้ายอันนั้นของไป่ และมันก็ตอกย้ำความกลัวในประสปการณ์เกี่ยวกับเงาดำนั้นที่บ้านของเธอ

"ผีนั่นท่าจะแรงจริงๆ ศาลเจ้าจีนหรูๆนั่นที่บ้านยายไป่ไม่เห็นช่วยอะไรได้เลย... ฉันน่าจะอยู่ด้วยนะ จะได้ดูว่าแอพของฉันมันเวิร์กมั้ย"

"บ้า !! ...นี่นายยังเห็นเป็นเรื่องสนุกอยู่อีกเหรอ !?"

                  ดาวเอ็ดอ๊อดจนเขาสะดุ้งโหยง หน้าเจื่อน

"เออ เรื่องผีบ้าผีบออะไรนั่นช่างมันก่อน อาการของยายไป่สิ สำคัญ... ฉันว่า ตอนเย็นพวกเราไปเยี่ยมมันที่โรง'บาลซะหน่อยดีกว่า ไปดูมันว่ามันเป็นยังไงบ้าง"

                   แซมเสริมขึ้นและชักชวนทั้งกลุ่มไปเยี่ยมไป่ที่โรงพยาบาลตอนเย็นหลังเลิกเรียน ทุกคนตกลงตามนั้น


                  ที่โรงพยาบาล...
                      ห้องพักฟื้นพิเศษที่ไป่เข้าพัก...

"ดีครับ คุณป้า... พวกผมมาเยี่ยมไป่ครับ"

                  ทั้งกลุ่มนำโดยแซมค่อยๆเปิดประตูเข้าไป ข้างในห้องมีหญิงวัยกลางคนแต่งตัวดีแบบแฟชั่นจีนคนหนึ่ง นั่งจับมือไป่ในชุดคนไข้ที่กำลังร้องไห้อยู่จนตาบวม ผมปล่อยยาวรุงรัง มีหน้าม้าที่ยุ่งเหยิง

"อ้อ เพื่อนๆของไป่เองเรอะ... เชิญๆ .........นี่ ไป่เอ๊ย เพื่อนๆของลื้อมาเยี่ยมแล้วนา ไม่ต้องร้องไห้แล้ว"

                  หญิงที่เป็นแม่ของไป่ออกไปจากห้องพักฟื้นเพื่อไปซื้อของกินให้ไป่ ปล่อยให้พวกนักเรียนวัยรุ่นกลุ่มนั้นอยู่ด้วยกัน... โฟกัสกับดาวเข้าไปหาไป่ที่เตียง พากันจับมือของเธอไว้ รู้สึกถึงความสั่นงันงก

"ไป่... เป็นไงบ้างวะ ? พวกฉันมาหาแล้ว ทำใจดีๆไว้นะ"
"ฮือ ฮือ ฮือ..... ฮึก.... ฮือ ฮือ ฮือ..."

                   ไป่มีอาการตอบสนอง มือของเธอกำมือของเพื่อนไว้แน่น แต่ก็ยังคงร้องไห้อยู่อย่างนั้น

                   แล้วเกมก็เข้ามา...

"ไป่..."

                  ทันทีที่ไป่เห็นเกม เธอละมือจากพวกเพื่อนสาวของเธอ โผเข้ากอดเกมแล้วปล่อยโฮออกมา

"เกม !!! ...โฮ โฮ โฮ ฮือ ฮือ ฮือ.... !!!... ผีบ้านร้างนั่นมันหลอกฉัน !!! ฉันกลัวววว !!!"

                  ทุกคนตกตะลึงเมื่อได้ยินไป่บ่นเพ้อออกมาอย่างนั้น

"....ผีบ้านร้าง ?..."

                  เกมพึมพำอยู่ในลำคอ

"ฮือ ฮือ ฮือ ..... มันลงบันไดมา....ตามันแดง.....ฮือ ฮือ ฮือ... ล...แล้วมัน...แล้วมันก็ออกมาจากฝัน.....ฮือ ฮือ... ฉันกลัว... ฮือ ฮือ ฮือ... ฮึก... ฮือ ฮือ ฮือ........"

                  ไป่พยายามควบคุมสติ ละล่ำละลักเล่าถึงความน่าสยองพองขนสุดขีดที่เกิดขึ้นกับเธอ เธอได้ฝันร้ายเกี่ยวกับบ้านร้างนั้นอีกครั้ง และได้เจอสิ่งน่ากลัวในฝันร้ายที่เธอบอกลักษณะเบี้องตนของมันว่า ตาแดง มันไม่เพียงเล่นงานเธอในฝันเท่านั้น มันยังได้เล่นงานเธอในโลกจริงอีกด้วยเมื่อเธอตื่นขึ้น

"...ม... มันเป็น...เป็นผีผู้ชาย... มันยืนตาแดงยิ้มที่ปลายเตียงของฉัน.... ม...มันทำคางหลุด... หัวหลุด... แขนหลุด... ล... แล้วก็ มีเสียงหัวเราะจากตัวมัน.... ล...แล้ว... ชิ้นส่วนของมัน... ก็รวมกัน...กลายเป็นสัตว์ประหลาด......ร... ร้องเสียงดังใส่ฉัน....ม... มันขึ้นเตียงมาหาฉัน มันจะกินฉัน.... ล...แล้วมันก็หายไป..."

"........!!!"

                  ทั้งกลุ่มเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าจากไป่ดังนั้นแล้ว ก็นิ่งงัน ดาวกับโฟกัสมีสีหน้าตื่นกลัวไปตามคำบอกเล่า มีความรู้สึกหนาวๆร้อนๆที่คอ รู้สึกว่าหัวใจแต้นแรงขึ้น พวกเธอได้ฟังลักษณะของสิ่งน่ากลัวนั้นที่ลงบันไดมาจากชั้นสองของบ้านร้างนั้น ซึ่งเป็นวินาทีที่น่ากลัวที่สุดในฝันจนทำให้สะดุ้งตื่น อ๊อดฟังอย่างใจจดใจจ่อ รู้สึกตื่นเต้นท้าทาย แต่ก็มีเค้าของความหวาดผวา ส่วนแซมยังนิ่งอยู่ ข้อมูลหลายอย่างในสมองของเขากำลังขัดแย้งตีกันอย่างรุนแรง... ส่วนเกมนั้น นิ่งฟังสีหน้าเรียบเฉย แต่แฝงไปด้วยความขึงขังจริงจัง ครุ่นคิด

".... เหมือนมันตั้งใจจะเล่นงานพวกเราจริงๆ เพราะพวกเราเข้าไปในบ้านหลังนั้น"

"...ห... หา ?"

                  ทุกคนหันไปที่เกมเป็นจุดเดียวกัน

"...เอ่อ... ก็... มันเหมือนจะเป็นอย่างนั้นน่ะ"

                  เกมหน้าเจื่อนนิดๆเมื่อถูกจ้องมองเอาแบบนั้น

"... ม... มันจะเล่นงานพวกเราเหรอ ?"

                  ดาวถามขึ้นอย่างหวาดผวา

"ก่อนอื่นฉันขอถามอะไรไป่นิดนึงนะ..... ไป่... ผีผู้ชายที่ว่านั่น มันใส่เสื้อสูทสีขาวใช่มั้ย ?"

                   ไป่ได้ยินคำถามดังนั้นแล้ว ก็หน้าตื่น มีอาการแปลกใจ และรีบผงกหัว

"...ช... ช.. ใช่.....ใช่แล้ว !!....ธ ...เธอรู้ได้ไงเหรอ !?"

"....ฉันเคยเห็นมันน่ะ เห็นตอนที่พวกเราจะเข้าไปในบ้านร้างนั่น มันยืนมองพวกเราอยู่จากชั้นสองที่หน้าต่างบานนึง"

"เฮ้ยยย !!!?"

                  ทุกคนร้องขึ้นพร้อมกัน

"........ล... แล้วทำไมแกไม่บอกฉันวะ ?"

                  อ๊อดถามขึ้นอย่างหวาดผวา

"จะบอกได้ไงเล่า ?... พวกแกยกเว้นโฟกัส กระเฮี้ยนกระหือจะเข้าไปกันซะขนาดนั้น... รู้อยู่โฟกัสมันขวัญอ่อน สัมผัสอะไรแบบนี้ได้ แล้วมันก็เตือนพวกแกแล้ว พวกแกก็ไม่ฟัง ฉันก็เลยปล่อยไปตามน้ำ... ดีว่าตอนที่เจ้าอ๊อดบอกจะขึ้นไปชั้นสองน่ะ มันใกล้เวลาเข้าเรียนพอดี ฉันเลยหาเรื่องเบรกมันไว้ได้... ไม่งั้นก็เจอดีกันหมดทั้งกลุ่มตั้งแต่ตอนนั้นน่ะแหละ"

"............. ฉันกะแล้ว.... ! ว่าข้างบนนั้นมันต้องมีอะไรน่ากลัวแน่ๆ !.... ฮือ ฮือ ฮือ....."

                   ไป่เริ่มร้องไห้อีกรอบ ทั้งดาวและโฟกัสต้องรีบเข้าไปปลอบเพราะกลัวไป่จะมีอาการแย่ลงไปมากกว่านี้ ส่วนอ๊อดหน้าเจื่อน รู้สึกเหมือนกับตนเองกำลังมีความผิดที่ร้ายแรง เพราะเป็นคนต้นคิดที่จะเข้าไปสำรวจบ้านร้างนั้น เพียงเพราะต้องการที่จะแก้ความเบื่อเซ็งในช่วงเวลาพักกลางวัน แต่หารู้ไม่ว่า ได้ไปทำสิ่งที่เป็นเหมือนไปแหย่รังแตนเข้า

"ไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว... ฉันขอบอกเลยละกัน เมื่อวานฉันก็เจอผีมาเหมือนกันนะ"

"...หา ?... ธ... เธอก็.... "

                   ไป่หยุดร้องไห้เมื่อได้ยินคำนั้นจากปากของเกม

"..........ไม่รู้ว่าเป็นตัวเดียวกันกับเจ้าตัวใส่สูทที่บ้านร้างนั้นรึเปล่านะ แต่สัมผัสมันเหมือนกับตอนที่ฉันเห็นมันยืนที่หน้าต่างชั้นสอง... ตอนเจอมันที่บ้านฉัน ฉันเจอแบบเป็นเงาดำผู้ชาย ตัวสูงมาก แต่เพ่งดูยังไงก็ดูไม่ชัด... มันไม่เผยร่างจริง"

"...ง... เงาดำ... ?"

                  โฟกัสหน้าตื่น พึมพำอยู่ในลำคอ เธอตะลึงเมื่อเกมได้เจอสิ่งเดียวกันกับที่เธอได้เจอมา เธอแน่ใจดังนั้น เพราะความที่มันมีลักษณะตรงกัน คือ เป็นเงาดำของผู้ชาย สูงใหญ่ และมองเห็นได่ไม่ชัดเจน... หลังจากที่ทุกคนเงียบไปครู่หนึ่ง โฟกัสก็เริ่มพูดขึ้นขึ้นบ้าง

".........เอ่อ... นี่...พวกเธอ...."

                  ทุกคนหันมาหาโฟกัส

"...ฉ ... ฉันก็เจอเหมือนกันนะ... เจอเป็นเงาดำตัวใหญ่ๆมองไม่ชัดเหมือนที่เกมเจอเลย"

                  ทุกคนได้ฟังโฟกัสเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมด ซึ่งเป็นที่มาว่า เธอซึมไปจนดาวกับไป่สังเกตเห็นเมื่อสองวันก่อน เรื่องเล่านั้นสร้างความแปลกใจและความหวาดกลัวให้กับกลุ่มมากกว่าเรื่องที่นักเรียนหญิงทั้งสามฝันถึงสิ่งเดียวกันเสียอีก

"............ ตกลงยายโฟกัสมันเจอก่อนเพื่อนเลยนี่หว่า... คงเป็นเพราะขวัญอ่อนสุดในกลุ่มล่ะมั้ง"

                   แซมกอดอกพูดขึ้นเมื่อได้ฟังเรื่องเล่าแล้ว แต่กริยาของความไม่เชื่อได้ลดลงไปมาก
 
"ดีที่พ่อมันมาซะก่อน ไม่งั้น... อึ๋ย... ไม่อยากคิดเลย........ โอ๊ะ !... โฟกัส โทษทีว่ะ"

                   ดาวรีบขอโทษเมื่อเห็นสีหน้าอันหวาดกลัวของโฟกัส

"ช่างเถอะ... ฉันปลอดภัยเพราะพ่อของฉันก็ถือว่าโชคดีแล้วล่ะ............ แล้ว... ถ้าเรื่องมันเป็นแบบนี้ พวกเราจะทำยังไงกันดีล่ะ ?"

"ใช่... มันจะเล่นงานใครอีก ฉันไม่ปล่อยให้เป็นแบบนั้นแน่ ทำยังไงกันดีวะ ?"

                  อ๊อดเสริมขึ้นหลังจากจ๋อยอยู่นาน สิ่งต่างๆที่ได้ฟังและได้เห็นอยู่ตอนนี้ ทำให้เขาเปลี่ยนความคิด เลิกความคึกคะนองอยากที่จะลองแอพตรวจจับผีที่บ้านร้างหลังนั้นลงได้ ส่วนเกมนั้น นิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงถอนใจ

"..................... คิดไม่ออกว่ะ... ฉันก็พยายามหาข้อมูลของบ้านหลังนั้นอยู่เหมือนกัน แต่ไม่มีเลย เหมือนมันจะไม่ได้อยู่ในสารระบบข้อมูลในเน็ตเลย... เจอแต่ข้อมูลโรงเรียนของเรา นอกนั้นก็ข้อมูลปัจจุบันของชุมชนแถวๆนั้น"

".... งั้น... พวกเราลองไปถามลุงภารโรงที่เฝ้าหลังโรงเรียนกันมั้ย ? ฉันว่าลุงเค้าคงรู้อะไรบ้างน่ะ... ลุงเค้าอยู่มานานแล้วนี่"

                  ทุกคนหันไปหาโฟกัส ต่างมีสีหน้าเหมือนกับพบแสงสว่างที่ปากถ้ำ

"...ต... แต่... ลุงเค้าจะดุพวกเราเอาน่ะสิ ดูเคร่งขรึมน่ากลัวออกขนาดนั้น... ยิ่งถ้ารู้ว่าพวกเราเข้าไปกัน โดนสวดกันยับแน่... เผลอๆไปฟ้องครูฝ่ายปกครองอีก เพราะพวกเราออกนอกรั้วโรงเรียน"

                   ดาวที่กำลังกอดไป่ไว้เอ่ยขึ้นอย่างหวาดหวั่น

                  ทุกคนจนปัญญา และไป่เริ่มที่จะร้องไห้อีกเพราะสถานการณ์ที่ตึงเครียดนี้

"แต่แบบนั้นก็ตามเถอะ เราคงต้องยอมรับผิดไปก่อนน่ะ ถ้าคิดจะแก้ปัญหากันจริงๆ... อย่างที่โฟกัสบอก พวกเราคงต้องไปถามลุงภารโรงกัน เพราะลุงเค้าอยู่มานาน อาจจะมีทางแก้ปัญหาก็ได้... ฉันว่าลุงเค้าคงไม่ใจร้ายแบบนั้นหรอก"

                  เกมพูดด้วยสีหน้าที่จริงจัง

"แกรู้ได้ไงวะ เกม ?"

                 แซมถามขึ้น

"ก็... อาทิตย์ก่อน ฉันยังเห็นลุงเค้าให้ขนมพวกน้อง ม.1 อยู่เลย ถึงลุงเค้าจะไม่ค่อยยิ้มก็เถอะ... คนเรามันมีหลายประเภท บางคนหน้าดุเฉยๆ แต่ใจดี บางคนก็หน้าเป็นมิตร แต่ใจร้าย... เราไม่รู้หรอกว่าใครเป็นยังไง ถ้าไม่ไปทำความรู้จักก่อน"

.                     ที่โรงเรียน ช่วงเช้าวันเสาร์...

                  ทุกคนเว้นไป่ที่ยังอยู่ในโรงพยาบาล ตัดสินใจมาพบกันที่โรงเรียนในวันหยุด เพียงเพื่อมาถามหาข้อมูลของบ้านหลังนั้นจากภารโรง ผู้เป็นชายวัยชราต้นๆ เส้นผมและหนวดเครามีหงอกแซม มีสีผิวและหน้าตาที่เข้มดุดัน มีแผลเป็นเป็นทางยาวที่แก้มขวา ดูเคร่งขรึมจริงจังราวกับว่าผ่านโลกมาอย่างโชกโชน มีร่างกายที่ยังคงเค้าความบึกบึนกำยำเมื่อครั้งยังอยู่ในวัยหนุ่ม แต่ยังคล่องแคล่วแข็งแรงราวกับยังอยู่ในวัยนั้น รูปลักษณ์นั้นของชายชราทำเอานักเรียนในโรงเรียนหลายคนกลัว แม้กระทั่งครูบางคนก็กลัวเช่นกัน โดยเฉพาะพวกครูฝึกสอนทั้งหลาย

"นั่นไง เป็นเรื่องจนได้... เฮ้อ... พวกเอ็งไม่น่าไปแหย่รังแตนกันเลยนะ... พวกเอ็งกี่รุ่นๆมาก็รู้อยู่ ว่าบ้านนั้นมันเฮี้ยน ยังจะเข้าไปลองดีกันอีก ไม่เข็ดไม่หลาบ... ขนาดเทศบาลยังไม่กล้ามายุ่งมาทำอะไรกับที่ตรงนั้นเลย............... เอ้อ... แล้วยัยหนูลูกจีนนั่นที่โรง'บาลมันเป็นยังไงบ้างตอนนี้ ?"

"...เอ่อ...... ตอนนี้ดีขึ้นแล้วครับคุณลุง"

                  เกมตอบแทนเพื่อนๆที่กำลังนั่งจ๋อยอยู่ หน้าหดเหลือสามนิ้ว ทุกคงกำลังนั่งอยู่ที่ม้านั่ง หน้าที่พักของภารโรง

"เอ้อ ดีแล้ว... พวกเอ็งนี่นับว่าโชคดีนะ ที่ไม่มีใครตาย ยังมีบุญคุ้มกะลาหัวอยู่"

"....ต... ตาย ? ..."

                   โฟกัสหน้าตื่นอุทานออกมาเบาๆ

"เออ ! ... พวกเอ็งมันรู้น้อยไป... มา ข้าจะเล่าให้ฟัง... ที่พวกรุ่นพี่พวกเอ็งมันลือๆกันเรื่องบ้านนั้นน่ะ ต้นเรื่องมันเป็นเรื่องของนักเรียนพวกนึงสมัยก่อน... เล่นพิเรนทร์กันไม่เข้าเรื่อง ท้ากันให้เข้าไปในบ้านนั้นตอนกลางค่ำกลางคืน สุดท้ายก็มีไอ้หนูคนนึง ไปตายในบ้านนั้นนั่นแหละ... เจ้าเด็กเวรพวกนั้นที่เป็นเพื่อนของมันยอมบอกความจริงว่าพวกมันทำอะไรกัน ตำรวจถึงมาหาศพไอ้หนูนั่นเจอ ได้ยินว่าตายเพราะหัวใจวาย ไม่มีร่องรอยของสัตว์ชนิดไหนมาทำร้ายรึกัดต่อยเลย"

"................. ! "

                   ทุกคนเงียบฟังอย่างตั้งใจ

"ไอ้หนูนั่นน่ะ มันน่าสงสาร มันเป็นคนซื่อๆเซ่อๆ เพื่อนในกลุ่มชอบแกล้งมัน... เพื่อนของมันท้าให้มันเข้าไปบ้านหลังนั้นตอนกลางคืน ไปสำรวจดูว่าในนั้นมีอะไรบ้าง แล้วให้มาบอกพวกมัน พวกมันถึงจะหยุดแกล้ง ไอ้หนูนั่นมันก็ยอมไป คิดแค่ว่าเพื่อนมันจะได้ไม่แกล้งมันอีก... แล้วสุดท้ายก็เจอดีจนตาย... แล้วมีอีกเรื่องนึง เรื่องของพวกตำรวจที่เข้าบ้านหลังนั้นไปหาศพของไอ้หนูนั่นน่ะแหละ... พวกมันกลับมาตรวจในบ้านนั่นอีกรอบ แล้วก็เจอดีจนจับไข้หัวโกร๋นเข้าโรง'บาลกันหมด กลางวันแสกๆแท้ๆ... ไม่ต้องได้ทำมันแล้ว คดง คดี... จากนั้นก็ไม่มีใครกล้าไปยุ่งที่นั่นอีกเลย... จนล่าสุดนี่ ก็มีนักเรียนบางพวกกับพวกเอ็งนี่แหละ ทะลึ่งเข้าไปกันอีกจนได้" 

"................................."

                  ทั้งกลุ่มฟังเรื่องแล้ว ก็นิ่งงัน ถูกครอบงำไปด้วยความสยองพองขน ความหนาวๆร้อนๆได้แผ่ไปทั่วบริเวณหลังคอ โดยเฉพาะโฟกัสกับดาว มีอาการสั่นกลัวออกมาอย่างเห็นได้ชัด ไม่คิดว่าจะเป็นพวกเขา ที่เป็นพวกล่าสุดที่กล้าเข้าไปยุ่มย่ามในบ้านหลังนั้น ทั้งที่มันมีประวัติอันน่ากลัว ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งอีก

"...อ... ไอ้พวกบ้านั่น... มันแกล้งเพื่อนของมันขนาดนี้เชียวเหรอ..."

                  อ๊อดเริ่มมีสีหน้าจากกลัวเป็นโกรธ กำหมัดแน่น พูดออกมา เมื่อได้ฟังเรื่องแล้ว

"เฮ้ยๆ ใจเย็นๆ อ๊อด !... เรื่องมันผ่านไปนานแล้วเว้ย"

                   แซมเตือนสติอ๊อดที่กำลังมีท่าทางเหมือนพร้อมที่จะมีเรื่องกับใครก็ตาม

"แต่มันเกินไปจริงๆนี่หว่า !... เพื่อนประเภทกันไหนวะ แกล้งเพื่อนเอาจนถึงตายแบบนั้น เป็นฉันไม่ทนโง่คบกับพวกมันหรอก"

"ก็ลุงเค้าบอกอยู่ ว่าเจ้านั่นน่ะ มันเป็นคนซื่อๆเซ่อๆ ก็เลยซวยไปไง"

"เฮ้อ... ถือซะว่าเป็นกรรมของมันละกัน ไอ้หนูเอ๊ย... พระพุทธเจ้าถึงบอกไงว่า คบคนพาล คนพาลพาพินาศ... พวกเอ็งก็เถอะ คราวนี้จำไว้ อย่าเข้าไปในนั้นอีก อย่าไปหาเรื่องให้ได้ซวยกันอีกเลย"

"....เอ่อ... คุณลุงครับ... แล้วบ้านหลังนั้น มันเป็นบ้านของใครเหรอครับ ? ทำไมถึงโดนปล่อยทิ้งร้างไว้แบบนั้นล่ะ ?"

                  เกมเริ่มถามในสิ่งที่เขาอยากรู้มานาน ทั้งกลุ่มผงกหัวเห็นด้วย ชายชราได้ฟังคำถามแล้ว ก็มีสีหน้าเคร่งขรึม ยกขวดเครื่องดื่มชูกำลังดื่มไปรวดเดียวจนหมดขวด กระแอมกระไอ แล้วจึงเริ่มพูดขึ้นมา

"มันเป็นบ้านที่เจ้าของบ้านมันฆ่าคนในบ้านยกครัว... ลูก เมีย คนใช้ มันฆ่าหมด แล้วมันก็ฆ่าตัวตายทีหลัง ตายกันหมดในบ้านนั้นแหละ"

"...!!!"

                   ทุกคนตะลึงงัน นิ่งไปครู่หนึ่ง

".... ท... ทำไมเหรอคะ ? ทำไมเค้าถึงทำอะไรแบบนั้นล่ะ ?"

                  โฟกัสถามบ้าง

"บอกตามตรง ข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน... ข่าวมันไม่ออก... ทุกอย่างมันจัดการกันไปเงียบๆซะแบบนั้น แล้วก็ไม่เห็นมีใครพูดถึงอีกเลย เอาแต่ทำมาหากินกันลูกเดียว เพราะสมัยนั้นเศรษฐกิจมันแย่แบบลงเหว คนเห็นเงินสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด... ข้าเห็นแต่ตำรวจมาขึงป้ายไว้ที่ประตูรั้วบ้านนั่นว่า ห้ามเข้า แต่ก็ยังไม่วาย ยังมีพวกขโมยขโจรไปดึงป้ายออก เข้าไปลักของข้างในอีก"

"... เอ่อ..... แล้ว... คุณลุงเคยเข้าไปมั้ยครับ ?"

                   ทุกคนหันมาจ้องอ๊อดเป็นสายตาเดียวกัน เมื่อเขาถามออกมาแบบนั้น

"... อ... อะไรเล่า ?... ฉันแค่อยากรู้เฉยๆนี่..."

"หึ หึ หึ หึ... ไอ้หนู ความอยากรู้อยากเห็นมันมีอยู่ในตัวทุกคนแหละ... เออ ข้าเคยเข้าไป... แต่ไม่ใช่เข้าไปจุ้นจ้านเพราะความอยากรู้อยากเห็นเหมือนพวกเอ็งหรอกนะ... แต่ข้าเข้าไปไล่ไอ้พวกนักเรียนที่มันแอบเข้าไปแบบพวกเอ็งนี่แหละ พวกครูฝ่ายปกครองมันขอมา... พวกเด็กโง่นั่นมันยังมาพูดอีกว่า ข้าน่ากลัวกว่าบ้านนั่นซะอีก ...เหอะ... อย่างน้อยมันก็ไม่กล้าเข้าไปอีกแล้วล่ะ... แต่ข้าบอกเลย..."

"............................"

                  ทั้งกลุ่มนิ่งฟังอย่างตั้งใจ

"... ตอนที่ข้าจะเข้าไปตอนนั้นน่ะ ข้ารู้สึกเลยว่ามันมีอะไรที่ไม่ธรรมดาอยู่จริงๆ โดยเฉพาะที่ชั้นสองบ้านนั่นน่ะ ข้าเงยดูแถวหน้าต่างข้างบนตอนที่ข้ากำลังจะเข้าไป ข้าขนลุกไปทั่วตัวตั้งแต่ยังไม่เข้าไปเลย แต่ข้าต้องข่มไว้ เพื่อไปไล่ไอ้พวกเด็กโง่นั่นออกมา... ตอนเข้าไป ข้ายังคิดในใจเลยว่า ไอ้พวกเด็กโง่นั่นมันเข้าไปได้ยังไง สภาพข้างในนี่... ขนาดข้าเองยังอดสั่นไม่ได้เลย... พอไล่ไอ้พวกนั้นกระเจิงไปแล้ว จะออกบ้านไป ข้ารู้สึกว่ามันมีอะไรไล่ตามหลังข้าอยู่ ข้าถึงรีบออกมาให้ไวที่สุด... นั่นน่ะ เป็นครั้งแรกของข้าเลยที่เคยเข้าไป... แต่มันมีอะไรที่ข้าสงสัยอยู่อย่างหนึ่ง ในห้องครัวในบ้านนั่น ข้าเดินเข้าไป รู้สึกพื้นมุมนึงมันกลวงๆ เดินดังเหมือนกับเดินอยู่บนบ้านชั้นบน ทั้งที่มันอยู่ชั่นล่างสุดแท้ๆ"

"เออ ใช่ๆๆ ! ใช่เลยครับคุณลุง ผมก็รู้สึกแบบนั้น ตรงหน้าตู้เย็นใช่มั้ยครับ ?"

                  อ๊อดเมื่อได้ยินประโยคหลังแล้ว เขาก็รีบพูดขึ้นมา เพราะชายชราได้มีประสปการณ์อันนั้นเหมือนกับเขา

"เอ้า... เอ็งก็ไปที่นั่นด้วยเรอะ... แสดงว่าไปจนทั่วล่ะสิ"

"...เอ่อ... ครับ... แต่....... เฮ้ย อ๊อด ? แกรู้สึกงั้นเหรอวะ ฉันไม่เห็นรู้สึกแบบนั้นเลย มันก็ปกตินะ"

                  แซมหันไปถามอ๊อด

"แต่... แซม... ฉันก็รู้สึกแบบนั้นจริงๆนะ ตอนเดิน พื้นมันดังเหมือนเดินอยู่ชั้นบนเลย"

                 โฟกัสแสดงความเห็นย้ำ

".........เฮ้ย อย่าบอกนะ ว่าบ้านนั้นมีชั้นใต้ดินอีก... "

                  ทุกคนหันไปที่ดาวเมื่อเธอพูดแบบนั้น
 
"...จริงเหรอ ? ...เท่าที่สำรวจมา ก็ไม่เห็นมีประตูไหนที่เปิดลงไปห้องใต้ดินเลยนี่... นี่บ้านคนไทยนะ ไม่ใช่บ้านฝรั่งซะหน่อย ที่จะมีห้องใต้ดินน่ะ"

                  แซมยังคงแสดงความสงสัยของเขาออกมา

"แต่มันก็เป็นไปได้อยู่นะ บ้านคนรวยนี่ มันไม่เหมือนบ้านของคนธรรมดาๆอยู่แล้ว... บางทีเค้าอาจจะสร้างไว้ใช้เองก็ได้ มีตังซะอย่างนี่... เพียงแต่เราหาทางเข้ากันไม่เจอกันแค่นั้นเอง"

                  เกมแสดงความเห็นบ้างหลังจากเงียบอยู่นาน

".........อืม... เอ็งพูดมีเหตุผลดีนี่ไอ้หนู"

"แต่ คุณลุงครับ... มันเป็นไปได้มั้ยครับ ที่จะรื้อเอาบ้านหลังนั้นออกไปจากที่นั่นน่ะ ?... ผมว่าปล่อยไว้แบบนี้มันอันตราย เดี๋ยวก็มีเหยื่อรายต่อไปไม่รู้จักจบสิ้นอีก... ผมว่าทางการน่าจะเข้ามาจัดการอะไรที่นั่นซักทีนะครับ... ส่วนผีนั่นน่ะ ถ้ามันจะเอาแต่เบียดเบียนคนอย่างเดียว มันควรจะถูกกำจัดออกไปได้แล้ว ไม่น่าอยู่สร้างความเดือดร้อนอีก"

                  ทั้งกลุ่มรวมถึงชายชรามองไปยังเกม ที่พูดขึ้นมาอย่างแน่วแน่ จริงจัง โดยเฉพาะชายชรานั้น มีสีหน้าที่ราวกับว่า ได้พบคนที่เขาตามหามานาน

"...หึ หึ..... แต่ไหนแต่ไรมา ข้าไม่เห็นมีใครพูดแบบเอ็งกันซักคนเลยว่ะ... ตำรวจก็เจอดีจนกระเจิงกันไปทุกครั้งเลยที่มาตรวจ พวกคอมมานโดที่ว่าแน่ๆก็ยังทิ้งปืนวิ่งหน้าตั้งหนีกันมาแล้ว... เอ็งพูดแบบนี้ เอ็งมั่นใจรึเปล่าวะ ไอ้หนู ?"

"เอ่อ... ก็... ผมคิดว่ามันน่าจะเป็นอย่างนั้นนะครับ..."

"...ถ้าเอ็งยังไม่เต็มร้อย ก็อย่าเสี่ยงเลย... อย่าไปยุ่งกับมันดีที่สุด... ถ้าจะมีคนตายอีก ก็คงเป็นกรรมของพวกมันไป ที่ได้มีเรื่องให้ไปตายในนั้น... เค้าติดป้ายบอกอยู่ว่า ห้ามเข้า ก็ยังมีคนมาดึงออกตลอด... พวกดื้อด้านมันก็ต้องได้รับบทเรียนกันบ้างนั่นแหละ"

.                     ตอนเย็นไกล้ค่ำ ที่โรงเรียน...

                  ชายชราผู้เป็นภารโรงมองดูป้ายอันใหญ่ที่เขียนข้อความในนั้นด้วยลายมือของตนเองว่า 'ห้ามเข้า ! ระวังผีดุ !'

"... หึ... มันต้องเขียนแบบนี้... ดูซิมันจะกล้าเข้าไปกันอีกมั้ย ?... ขึงป้ายบอกไว้ทีไรก็โดนพวกมือบอนดึงออกทุกที... แค่บอกว่า 'ห้ามเข้า' มันก็จะยิ่งเข้า... คนบางพวกมันยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ"

                  ว่าแล้วก็เดินออกมาจากที่พักภารโรงพร้อมกับป้ายนั้นและเชือกฟางกลุ่มหนึ่ง เหน็บไฟฉายทหารแบบกลัดติดไว้ที่กระเป๋าเสื้อ และผูกสอดมีดพร้าเดินป่าแบบคอมแบ็ตเล่มหนึ่งไว้ที่เอว ออกหลังโรงเรียนเดินไปตามทางเดินที่นำเข้าไปสู่ป่าหลังโรงเรียนอันรกชัฏมืดมิด ฟันพวกกิ่งไม้และเถาวัลย์ที่ขวาง และเดินจนมาถึงหน้าประตูรั้วบ้านร้างหลังนั้น ยืนนิ่งมองดูบ้านอยู่ครู่หนึ่ง

".............. อะไรมันทำให้เอ็งทำบาปทำกรรมถึงขนาดนั้นนะ... เฮ้อ... ปัญหาชีวิตมันก็มีกันทุกคน ทางแก้ก็มีตั้งเยอะ ถ้ารู้จักใจเย็นแล้วตั้งสติไว้... ไม่น่าเลยจริงๆ"

                  แล้วชายชราจึงเริ่มเดินเข้าไปที่ประตูรั้วบ้านที่เปิดไว้อยู่ ปิดประตูคล้องโซ่ไว้อย่างแน่นหนาและล็อคด้วยแม่กุญแจอันใหญ่มีสนิมเขรอะ ร้อยป้ายที่เขียนไว้กับเชือกฟาง แล้วขึงพาดไว้ที่ประตู

"...... เอาล่ะ... ถึงมันจะดื้อด้านดึงป้ายออกก็ช่าง มันก็เปิดประตูไม่ได้เพราะล็อคไว้ขนาดนี้ ถ้ามันจะปีนกำแพง ก็โดนพวกเศษแก้วบนกำแพงบาดมือบาดแขนไปซะ"

                  ทันใดนั้น ก็เกิดมีลมพัดขึ้นมาจนใบไม้ที่ต้นไม้ทั้งหลายสั่นไหว เสียดสีกันดัง ซ่า ซ่า

".... !!?"

                  แล้วลมก็ลมพัดแรงขึ้นจนมีเสียง หู่ว หู่ว ฟังดูน่ากลัว ฝุ่นและใบไม้ปลิวว่อนไปทั่วจนชายชราต้องยกมือป้องหน้า

"เห้ย เห้ย !!... ข้ามาดีนะเว้ย ! ... ข้าแค่มาปิดประตูให้ จะได้ไม่มีใครเข้าไปในบ้านที่เอ็งหวงอีก !... เอ็งอย่าสร้างเวรสร้างกรรมอีกเลย !"

                  ท่ามกลางบรรยากาศอันน่ากลัวนั้น ชายชราก็ได้เห็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นเป็นครั้งแรกในชีวิต พวกต้นไม้ที่ตายเหลือแต่กิ่งที่อยู่บริเวณประตูรั้วบ้าน ได้พากันโน้มกิ่งลงมาอย่างรวดเร็ว เกี่ยวดึงป้ายที่ร้อยด้วยเชือกฟางจนขาดปลิวออกไปตามลม และมีกิ่งที่ใหญ่กว่าขนาดเท่าท่อนซุงย่อมๆ กระหน่ำฟาดและกระทุ้งไปที่ประตูหลายครั้ง เสียงดังสนั่น จนโซ่ที่คล้องไว้ขาดกระเด็น ประตูรั้วที่เป็นโครงเหล็กบิดเบี้ยวพังกองลงที่พื้น

"มันบ้าอะไรกันวะเนี่ย !!?...... อุ๊บ !!! "

                  ยังไม่ทันจบคำอุทานอันตื่นตระหนกของชายชรา ก็มีบางอย่างฉุดเขาจนล้มลงกับพื้น ที่เท้าข้างหนึ่งมีปอยเถาวัลย์ขนาดเท่าแขนเด็กรัดอยู่ มันได้ยืดยาวออกมาจากตัวบ้านมรณะหลังนั้น ลากดึงชายชราไปกับพื้นดิน ถูไถผ่านรั้วเข้าไปภายในบริเวณรอบบ้าน

"เห้ยๆๆๆๆ !!!"

                  ในขณะที่ชายชราถูกลากดึงไป เขาก็ได้ยินเสียงคล้ายกับเสียงคนหลายคนร้องขอความช่วยเหลือ แว่วขึ้นมาดุจตะโกนมาจากที่ไกลๆ และเหมือนจะดังออกมาจากหน้าต่างทุกๆบาน ทั้งที่ไม่มีใครอยู่ในบ้านเลยสักคนนอกจากความมืดมิด

"....ช่วยด้วยยยย.... ช่วยด้วยยยย.... !!"

                      ชายชรารีบตั้งสติในขณะที่ถูกลากไป ชักมีดพร้าเดินป่าออกมาจากฝักที่เอว กระหน่ำฟันเถาวัลย์ที่เท้าอยู่เป็นพัลวัลและยากลำบาก เขาถูกลากจนเข้าไปใกล้หน้าประตูบ้าน แล้วประตูบ้านก็เปิดออกมาอย่างแรงเสียงดัง ปั้ง เผยความมืดมิดที่อยู่ภายใน และเผยว่า เถาวัลย์มรณะนั้นได้มีต้นตอมาจากภายในบ้าน มันจะเอาชายชราเข้าไปในนั้นดุจสัตว์ร้ายที่พยายามจะกลืนกินเหยื่อ !

"เห้ย ! ...ไม่ !!... ข้าไม่เข้า !!"

                      ชายชราออกแรงฟันเพิ่มขึ้น ฟันถี่ขึ้นจนเถาวัลย์เริ่มจะขาด และฟันครั้งสุดท้ายอย่างสุดแรงจนมันขาดออกในที่สุด

"โอวววววววววววว !!!!!"

                   ทันทีที่เถาวัลย์ขาด ก็มีเสียงประหลาดร้องออกมาจากตัวบ้าน ดังก้องกลบเสียงขอความช่วยเหลือพวกนั้น ดุจมันถูกทำร้ายจนร้องขึ้นมา ชายชรารีบสลัดเถาวัลย์ที่ขาดติดอยู่ที่เท้าและรีบลุกขึ้น วิ่งหนีออกไปจากที่นั้น ที่ทางออกของรั้วบ้านซึ่งประตูของมันได้พังลง ได้มีกิ่งไม้หลายกิ่งโน้มลงมาพาดขวางอยู่แทนประตูรั้ว ประสานกันปิดอยู่อย่างหนาแน่น ชายชราวิ่งมาหยุดอยู่ที่กิ่งไม้เจ้ากรรมพวกนั้น แล้วหันมองกลับไปที่ตัวบ้าน ปอยเถาวัลย์มรณะนั้นได้เลื้อยกลับมาหาเขา เพื่อที่จะลากเขาเข้าไปในบ้านอีก
                   ไม่รอให้มันมาถึง ชายชราได้วิ่งเลี่ยงจากพวกกิ่งไม้กระโดดปีนขึ้นกำแพงรั้วบ้าน มือและแขนของเขาถูกเศษแก้วกันขโมยบนขอบกำแพงบาดจนเลือดออก แต่ก็ข่มความเจ็บปวดอันแสนสาหัสนั้นไว้ ปีนตะเกียกตะกายขึ้นไป เลือดนองบนขอบกำแพง

"อ๊ากกก !... โอย.... อูย... ซี๊ดดดด .......เวรจริงๆ !! พูดเองโดนเองแท้ๆ !"

                   ปอยเถาวัลย์มรณะนั้นรีบเลื้อยเข้ามาอย่างรวดเร็ว ไปหาชายชราที่กำลังจะกระโดดลงนอกกำแพง แล้วมันก็ตวัดพุ่งไปที่เท้าของเขา หมายจะรัดฉุดดึงกลับลงมา

                   ควับ !

                   มันพลาดไปอย่างหวุดหวิด ชายชราได้กระโดดลงมาจากรั้วบ้านได้สำเร็จ มีเสียงร้องประหลาดดังขึ้นมาจากบ้านอีก ร้องโหยหวนก้องกังวาลไล่หลังชายชราอยู่อย่างนั้นแข่งกับเสียงลม ในขณะที่เขาวิ่งหนีกลับออกไปจากที่นั้นอย่างสุดชีวิต มีเลือดไหลโชกอยู่เต็มมือและแขนทั้งสองข้าง

     
                       ที่โรงเรียน วันจันทร์...

"อะไรนะครับ ?... ลุงภารโรงลาออกไปแล้วเหรอ ?"

                   เกมอุทานขึ้นเมื่อได้ฟังว่าชายชราผู้เป็นภารโรงที่โรงเรียนมานานตั้งแต่สมัยเขาเข้าเรียน ม.ต้น ได้ลาออกไปแล้ว

"ใช่... แกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้ว สงสัยคงเบื่องานแล้วน่ะ... อยู่มานานแล้วนี่"

                  ครูพละชายคนหนึ่งที่มีที่ทำงานอยู่ใกล้กับที่พักภารโรง ตอบตามสิ่งที่เขาได้ยินมาจากฝ่ายบุคลากรของโรงเรียน
   
"อะไรกัน ?... ไปซะแล้วเหรอ.... ?"

                  ดาวรำพันขึ้นมา มีสีหน้าหม่นหมองไม่แพ้เพื่อนๆในกลุ่ม

"พวกเธอคงผูกพันกับลุงแกมากล่ะสิ... ไม่แปลกใจหรอก ลุงแกใจดีขนาดนั้น นักเรียนหลายคนรักแกมาก ถึงแกออกจะดูน่ากลัวไปหน่อยก็เหอะ... มีอะไรมาปรึกษาลุงแกอีกรึไงถึงมานี่ ?.... ปรึกษาครูก็ได้นี่... หือ ?"

                  กลุ่มนักเรียนวัยรุ่นมีเกมเป็นต้น มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่แน่ใจนักที่จะพูดถึงสิ่งที่จะมาปรึกษาชายภารโรง และพวกเขาเพิ่งจะรู้ว่า ชายชรานั้นได้เป็นที่รักของนักเรียนขนาดไหน

"...เอ่อ... ก็... พวกผมแค่จะมาเที่ยวหาลุงเค้าน่ะครับครู ไม่มีอะไรหรอก"

                  แซมตอบโกหกไปแทนเพื่อนๆ แท้จริงแล้ว พวกเขาจะมาปรึกษาเรื่อง การสำรวจในบ้านหลังนั้นอีกครั้ง เพื่อเข้าไปสำรวจพื้นกลวงห้องครัวในบ้านหลังนั้น ที่เดินแล้วรู้สึกเหมือนเดินอยู่ชั้นบนของบ้าน โดยที่จะให้ชายชรานั้นร่วมสำรวจด้วย ความคิดนี้เป็นความคิดของอ๊อดที่ถูกแทบทุกคนในกลุ่มปฏิเสธทันที แต่เกมนั้นเห็นด้วยว่าควรทำ


                  ที่นั่งเล่นของกลุ่ม...
 
"ไงล่ะแก เจ้าอ๊อด... ดีใจด้วยนะ แผนเล่นเป็นเชอร์ล็อกโฮล์มของแกพังไม่เป็นท่าเลยว่ะ ตัวละครบัฟกลุ่มไม่อยู่แล้วนี่... อดลองแอพด้วย"

"ไอ้บ้า หุบปากเลย ! ตอกย้ำอยู่นั่นแหละ....... เซ็งเว้ย ! ...ลุงเค้าจะออกไปทำไมวะ !?"

                  อ๊อดยิ่งออกอาการหัวเสียมากขึ้นเพราะคำพูดของแซม

"นายอย่าโมโหไปหน่อยเลย นายอ๊อด... ฉันว่าดีแล้วที่ไม่ได้ไปบ้านนั่น เดี๋ยวก็โดนเหมือนยายไป่กันหมดหรอก"

                   ดาวพูดสำทับอ๊อดอีกต่อหนึ่ง

"ลองมันมาสิหาฉันสิ... จะตั๊นหน้ามันให้หงายเลย... ทำชั่วฆ่าครอบครัวตัวเอง แล้วจะมาทำกับคนอื่นอีก เดี๋ยวได้ตายอีกรอบ"

"หึ... แกนี่ปากดีจริงๆว่ะ อ๊อด... ถ้าอยากเป็นฮีโร่นัก งั้นแกก็บุกไปหามันเลยสิ  ตอนนี้เลย... รอให้มันมาหาทำไมเล่า ?"

"...จ... จะบ้ารึไง !?... ไปถิ่นมัน มันก็ได้เปรียบสิวะ...... แล้วพวกแกจะปล่อยให้เจ้าผีนั่นมันมาหลอกอีกเหรอ !?... น่าจะมีใครปราบมันซะหน่อยนะ... มันเล่นงานยายไป่มาก็จริง แต่ฉันจะไม่ให้มันมาเล่นงานฉันหรอกเว้ย"

"โห้ย พอเหอะๆ... แกไม่หาเรื่อง แกก็ไม่มีเรื่อง... ตรรกกะง่ายๆแค่นี้ เป็นแกก็น่าจะเข้าใจอยู่นะ"

                   ในขณะที่อ๊อดกับแซมกำลังเถียงกันอยู่ โฟกัสซึ่งนิ่งเรียบร้อยอยู่นาน ก็เหลือบมองมาที่เกมที่กำลังนั่งเอกเขนกอยู่ที่ม้านั่งอีกชุดหนึ่ง เขามีสีหน้าที่เรียบเฉยเหมือนเคย แต่ทว่าตอนนี้ เธอสังเกตเห็นว่า ในความเรียบเฉยนั้นของเกม แฝงไปด้วยความตึงเครียดและครุ่นคิด เธอจึงลุกขึ้นเข้าไปหาเขา

".... เกม....."

"....หือ ?... ว่าไงโฟกัส ?.... มาๆ... นั่งนี่สิ"

                  เกมลุกขึ้นขยับที่ว่างให้โฟกัสเข้าไปนั่งด้วย โฟกัสออกอาการหน้าแดงนิดๆ

"ทำไมล่ะ ? คิดอะไรอยู่เหรอ ?... นายดูเครียดไม่เหมือนนายคนเดิมเลย"

".... อืม...ก็....... "

"...นี่... ฉันว่าป่านนี้ยายไป่มันคงไม่เป็นไรแล้วล่ะมั้ง เห็นมันไลน์บอกว่าพรุ่งนี้ก็ออกโรง'บาลแล้ว"

"เหรอ ?"

"... ฮื่อ... ไม่ต้องห่วงมันหรอกนะ"

"อืม ก็ดีแล้วล่ะที่ไป่ไม่เป็นไร ฉันไม่ได้แอดไลน์มันไว้น่ะ แต่เดี๋ยวฉันจะขอแอดมันไว้ละกัน ขอบใจที่บอกนะ

"...ฮื่อ แอดเถอะ ชอบกัน แต่ไม่แอดไลน์ไว้ มันก็กระไรอยู่นะ"

"...อ... อืม........ แต่ที่ฉันกำลังคิดอยู่จริงๆนี่ มันเป็นเรื่องบ้านหลังนั้นน่ะ... ต้นเหตุที่มันทำให้ทุกคนต้องเดือดร้อน... รวมถึงรุ่นพี่คนนั้นที่ถูกแกล้งจนตายตอนสมัยก่อนด้วย... ฉันว่ามันควรจบได้แล้วล่ะ ปิดตำนานมันซะที... ที่ดินตรงนั้นก็จะได้มีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง... อีกอย่างที่สำคัญกว่านั้น ฉันมีลางสังหรณ์ว่า เจ้าผีชุดสูทตาแดงนั่นมันจะตามมาเล่นงานพวกเราทุกคนด้วย ฉันจะไม่ยอมให้มันเกิดขึ้นแน่"

                  โฟกัสฟังความคิดอันนั้นอย่างยืดยาวของเกมแล้ว สีหน้าก็หมองลง เธอเริ่มรู้สึกหวั่นใจ แท้จริงแล้วเกมกับอ๊อดได้มีความคิดเหมือนกันในเรื่องที่จะกำจัดสิ่งชั่วร้ายนั้นไป ไม่ให้อยู่สร้างความเดือดร้อนแก่ใครอีก ต่างกันก็แค่การแสดงออกเท่านั้น เธอไม่มั่นใจว่า ใครก็ตามที่คิดกำจัดมัน คนคนนั้นจะทำอย่างไร ? ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่สร้างชื่อของมันเองมานานแล้วในการหลอกหลอนและเอาชีวิตคน แล้วเธอจะอยู่ฝั่งไหนดี ระหว่างอ๊อดกับเกม และคนที่เหลือ ที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดอันเด็ดเดี่ยวแสนยากและดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้ที่จะทำนี้ ? และเธอก็เริ่มรู้สึกหวาดผวา เมื่อได้ยินว่า มันจะไม่หยุดอยู่แค่ไป่ มันจะเล่นงานทุกคนที่ได้ย่างเท้าเข้าไปในบ้านหลังนั้น

.                      เวลาประมาณสามทุ่ม...
                   ที่บ้านเช่าที่เกมพักอยู่...

                   เกมยังไม่นอนหลับ เขานั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง มีกริชอาคมนั้นที่เอามาจากกล่องไม้วางอยู่ตรงหน้า เขาถ่ายรูปกริชนั้นด้วยโทรศัพท์และกดส่งต่อไปยังไอดีไลน์ของเพื่อนๆ เขากำลังแชทไลน์ในกลุ่มเพื่อนนักเรียนของเขา

อ๊อด : "โห แกมีของแบบนี้ด้วยเหรอ ไปเอามาจากไหนวะ [อิโมจิ ว้าว]"

เกม : "ได้มาจากปู่น่ะ กันผีได้ เวลาผีมา ให้พวกแกรีบเปิดรูปนี้ขึ้นมาแล้วโชว์รูปใส่มัน มันจะหนี"

แซม : "มันจะได้ผลจริงอ่ะ [อิโมจิ หัวเราะ]"

ไป่ : "แซม นายนี่สงสัยไปซะทุกเรื่องเลยนะ [อิโมจิ รำคาญ]"

เกม : "ฉันมีประสปการณ์มาก่อน คนรู้จักแถวบ้านฉันเคยใช้วิธีนี้ได้ผลมาแล้ว"

อ๊อด : "แค่รูปก็ขลังแล้วเหรอ"

เกม : "ใช่"

ไป่ : [อนิเมชั่น ตัวละครอนิเมะจิบิ ว้าว]

อ๊อด : [สติกเกอร์ ตาวาว]

ไป่ : [อนิเมชั่น ตัวละครอนิเมะจิบิ เต้นเชียร์ลีดเดอร์]

แซม : [สติ๊กเกอร์ ทหารสงสัย]

อ๊อด : "ของมันคงดีจริงๆว่ะ น่าจะแพง แกมีกี่อันวะ ขอหน่อยสิ [อิโมจิ ว้าว]"

เกม : "มีอันเดียวนี่แหละ"

อ๊อด : [อนิเมชั่น หัวโขกโต๊ะ]

ดาว : "เหมือนมีดพกโบราณของแขกขาวเลย"

เกม : "อันนี้เป็นกริชแบบล้านนาน่ะ"

เกม : "ทำด้วยธาตุของฤษีพุทธ ปั้นผสมกับดินออกมาเป็นรูปกริช"

อ๊อด : [สติ๊กเกอร์ ตื่นเต้น]

อ๊อด : [อนิเมชั่น โจรจี้ปล้น]

ไป่ : "โฟกัสเงียบไปเลยอ่ะ สงสัยหลับไปแล้วมั้ง"

โฟกัส : "ยังอยู่ [อิโมจิ ง่วง]"

ไป่ : [อนิเมชั่น ตัวละครอนิเมะจิบิ หัวเราะ]

ดาว : [อนิเมชั่น นาฬิกาปลุก]

เกม : "ทุกคนอย่าลืมเซฟรูปลงเครื่องไว้นะ"

ไป : "จ้า"

ดาว : "จ้า"

ไป่ : [อนิเมชั่น ตัวละครอนิเมะจิบิ ส่งจูบ]

อ๊อด : [อนิเมชั่น ตัวอักษรดิ้นแนวเรเบล YES ]

โฟกัส : "ขอบใจจ้ะ"

แซม : [อนิเมชั่น ทหารยกมือทำความเคารพ มีคำว่า YES SIR !!]


                  ในห้องนอนที่บ้านของโฟกัส...

                  โฟกัสทำตามที่เกมบอก กดดาวโหลดภาพกริชนั้นจากไลน์ บันทึกลงในแฟ้มภาพในเครื่องโทรศัพท์ เธอเปิดมันขึ้นมาดูหน่อยหนึ่ง แล้วปิดไป... เวลาในการสนทนากลุ่มในโทรศัพท์ได้ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ทุกคนจึงเลิกการสนทนา โฟกัสพักหน้าจอโทรศัพท์ เสียบสายชาร์ตแบ็ตเตอรี่ไว้ ปิดโคมไฟที่โต๊ะเล็กข้างเตียงจนห้องมืด แต่มีแสงสลัวหน่อยหนึ่งจากหน้าต่าง ซึ่งเป็นแสงไฟนีออนอ่อนๆส่องมาจากหลอดไฟข้างถนน... โฟกัสนอนครุ่นคิดถึงสิ่งต่างๆ รวมถึงเรื่องกริชนั้นที่เกมพูดถึงคุณสมบัติไล่ผีของมันที่แม้เป็นแค่รูปภาพแต่ก็มีผล คิดเรื่องต่างๆนาๆอีกจนม่อยหลับไป..........

.                     .............................

                  โฟกัสลืมตาตื่นขึ้นมา แล้วเธอก็ต้องตกใจ เธอตื่นขึ้นมาท่ามกลางความมืดสนิทราวกับว่าเธอได้ตาบอดไป เนื้อตัวรู้สึกมีเหงื่อ เหนียวเหนอะหนะและอึดอัดอบอ้าว เหม็นเหงื่อเหมือนกับไม่ได้อาบน้ำมาหลายวัน รู้สึกเหนื่อยเหมือนเพิ่งได้พักหลังจากออกกำลังกายมาอย่างหนัก เธอรู้สึกถึงบางสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อที่อกของเธอ ล้วงคลำแล้วจึงรู้ว่ามันเป็นโทรศัพท์มือถือ เธอรีบกดปลดล็อกหน้าจอ แสงจากโทรศัพท์อันมีกำลังน้อยนิดที่ส่องออกมามีรัศมีไม่ถึงหนึ่งเมตร แต่สิ่งที่ถูกแสงกระทบได้เผยว่า บัดนี้ เธอได้เข้ามาอยู่ในห้องโถงรับแขกที่บ้านร้างมรณะหลังนั้นอีกครั้ง !! และเธอก็กำลังสวมชุดนักเรียนสภาพปอนๆ เปื้อนไปด้วยฝุ่น และมีบางส่วนขาดวิ่น

".....ม...ไม่..... ไม่นะ....."

                   โฟกัสอุนทานขึ้นในลำคอเสียงสั่นเครือในขณะที่กำลังมองไปรอบๆด้วยความหวาดกลัว เธอเปิดไฟฉายของโทรศัพท์ ค่อยๆลุกขึ้นอย่างยากลำบากเพราะความเหนื่อยอ่อน เธอรีบแอบชิดข้างฝา และค่อยๆเดินเลียบมุ่งไปที่ประตูทางออกของบ้าน เมื่อเธอผ่านหน้าต่างของบ้านและส่องไฟฉายออกไป เธอพบว่า ข้างนอกนั้น บัดนี้มันได้เป็นตอนกลางคืนที่มืดสนิทน่าสะพรึงกลัว ป่ารกชัฏ มีเสียงนกฮูกร้องและเสียงสุนัขเห่าหอน ตรงกันข้ามกับฝันเมื่อคราวก่อนซึ่งเป็นตอนกลางวัน แต่วังเวงมืดมนและเงียบงัน
                   โฟกัสเดินไปถึงประตูทางออกของบ้าน เธอบิดลูกบิดประตูได้ แต่มันเปิดไม่ออก เหมือนมีแรงอันหนักของบางสิ่งบางอย่างดันขวางไว้ เธอพยายามเปิดและดันประตูสู้แรงลึกลับอันนั้นท่ามกลางแสงสว่างอันน้อยนิดของไฟฉายโทรศัพท์

                   ตึ้งงงงงงงงงงง !!!!! โครม !! โคร้งงงง เคร้งงงง !!

"กรี๊ดดดดดดดดด !!!"

                  เสียงอันดังสนั่นหวั่นไหวปานฟ้าผ่านั้น ทำเอาโฟกัสสะดุ้งสุดตัวร้องขึ้น ทรุดย่อลงเอามือกุมหัวหลับตาปี๋ หัวใจเป็นเหมือนจะหลุดออกมาจากอกเสียให้ได้ เสียงนั้นเป็นเสียงดุจผนังหรือพื้นปูนที่ถูกทุบด้วยแรงอันมหาศาลจนข้าวของที่อยู่บริเวณรอบๆกระเด็นตกกระจัดกระจาย ก้องดังไปทั่วเพราะความรกร้างของตัวบ้าน โฟกัสตัวสั่นงันงกร้องไห้กระซิก นั่งหดเข่าหลังชิดประตูบ้าน บันนี้เธอเป็นเหมือนจนมุมไร้ทางออก ไม่รู้ว่าจะทำอะไรอย่างไรต่อไปดี

".............ช่วยด้วย.............. ช่วยด้วย...."

"....!!?"

                   เสียงร้องขอความช่วยเหลือดังแว่วขึ้นมาจากที่แห่งหนึ่งในบ้าน มันเป็นเสียงของชายหญิงที่ปะปนกันหลายคน ฟังดูเป็นทุกข์น่าเวทนา

"....ส.... เสียงใครน่ะ ?"

                  โฟกัสพึมพำเสียงสั่นในลำคอ ค่อยๆยืนขึ้น เธอตัดสินใจส่องไฟฉายโทรศัพท์เดินไปตามเสียงพวกนั้น โฟกัสพยายามข่มความหวาดกลัวค่อยๆเดินหาต้นตอของเสียง มันดังขึ้นเรื่อยๆ และชัดเจนขึ้น

"ช่วยด้วย........ ช่วยพวกเราด้วย.........."

"ทรมาณเหลือเกิน.... พาพวกเราออกไปจากที่นี่...."

                   เสียงของพวกมันดังระงมออกมาจากห้องครัวของบ้าน โฟกัสเหยียบเท้าเดินผ่านห้องกินข้าวอันโอ่โถงแต่รกร้างมีโต๊ะเก้าอี้ล้มระเกะระกะ แล้วเสียงของพวกมันก็ได้เงียบหายไป... แล้วโฟกัสก็ต้องตกตะลึง เมื่อเธอมาถึงซุ้มประตูห้องครัว พื้นภายในห้องครัวได้พังลงไปครึ่งหนึ่งของห้อง พังลงไปเป็นหลุม ขอบหลุมมีโครงเหล็กยื่นออกมา ตู้เย็น เตาแก๊ส และเค้าเตอร์ทำอาหารได้พังล้มลงระเนระนาด จานชามและเครื่องใช้ในครัวต่างๆได้กระจายกระจายเกลื่อนที่พื้น ที่รอยพังลงเป็นหลุมอันนั้น เผยถึงความโล่งอันมืดมิดที่อยู่ภายใต้ โฟกัสส่องไฟฉายโทรศัพท์เดินไปที่ขอบหลุม เธอส่องลงไป แล้วเธอก็ได้เห็นบันไดเหล็กสนิมเขรอะ มีขอบ และแคบแค่ช่วงตัวบุคคล พาดจากขอบหลุมตรงเท้าของเธอ มันพาดลงไปสู่ความมืดมิด มองไม่เห็นพื้นข้างล่างนั้นเลย โฟกัสยืนนิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วจึงกลั้นใจค่อยๆย่างเท้าก้าวลงบันไดไป

                   แก๊ง..... แก๊ง.... แก๊ง.... แก๊ง....

"........................"

                  เมื่อลงไปแล้ว ความกลัวได้ครอบงำโฟกัสเข้าอีกระลอก อาการหวาดเสียวปะทุขึ้นมาที่ท้องน้อย และขาทั้งคู่เริ่มสั่น ดูเหมือนหลุมนั้นจะกลายเป็นเหมือนห้วงเหวอันเวิ้งว้างและมืดมิด บันไดนั้นได้ยาวลงไปเรื่อยๆเหมือนจะไม่มีจุดสิ้นสุด ยิ่งเดินลงไปก็ยิ่งเป็นเหมือนกับกำลังเคลื่อนที่อยู่กับที่ สภาพแวดล้อมในบัดนี้ มีแต่ตัวเธอ และบันไดเหล็กที่มองได้เห็นเพียงแค่รัศมีของแสงไฟฉายโทรศัพท์เท่านั้น มีลมเย็นยะเยือกปะทะอยู่เป็นระยะๆ 

"...น...นี่เรา... อยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย..... ?"

                   โฟกัสเริ่มเกาะขอบบันไดแน่นขึ้น กลั้นใจอีกระลอก ค่อยๆเดินส่องไฟลงไปต่อทั้งที่ร่างกายกำลังสั่นเทาอยู่ เมื่อเดินลงบันไดเหล็กอันยืดยาวนั้นไปได้ครู่หนึ่ง เธอก็เริ่มเห็นแสงสีคล้ายสีเพลิงค่อยๆปรากฏขึ้นที่ปลายสุดของบันได โฟกัสได้เดินลงมาถึงพื้นในที่สุด ที่พื้นนั้นเป็นพื้นคอนกรีตแบบตาราง เย็นชื้น มีมอสและตะไคร่น้ำงอกออกมาตามร่องของตาราง
                   ข้างล่างนี้ แสงสีเพลิงสลัวๆดุจแสงเทียนของหลอดไฟรุ่นเก่าที่ติดอยู่ที่ด้านหนึ่งของกำแพงคอนกรีตอันเก่าคร่ำคร่า เผยให้เห็นว่า มีทางเดินไปต่ออีก เป็นทางที่ไม่กว้างนัก และมันก็ยาวลึกไปในความมืดมิด โฟกัสยืนนิ่งอยู่ ลังเลใจที่จะเดินเข้าไปในทางนั้น แล้วเธอก็เหลือบไปเห็นแท่งโครงเหล็กขนาดยาวเท่าช่วงแขนเล่มหนึ่ง ที่ตกลงมาจากข้างบนเพราะพื้นพัง เธอหยิบมันขึ้นมา เพื่อใช้มันเป็นอาวุธป้องกันตัว

"......ช่วยด้วย..... ช่วยพวกเราด้วย....."

                   โฟกัสเริ่มได้ยินเสียงอันน่าเวทนาพวกนั้นอีกครั้ง มันค่อยๆดังระงมมาจากความมืดมิดที่อยู่ตรงหน้าของเธอ โฟกัสกัดฟัน เริ่มเดินเข้าไปทางนั้น มือข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ส่องไฟ ข้างหนึ่งถือแท่งเหล็กไว้แน่น เดินเข้าสู่ความมืดและเริ่มมีวิสัยทัศน์ที่จำกัดของแสงไฟกำลังต่ำ ในระหว่างเดินไป เธอเห็นว่า หลอดไฟตามผนังได้แตกเสียหายใช้การไม่ได้ มีประตูอยู่ทั้งสองข้างทางเรียงรายกันยาวออกไป แต่ละบานถูกปิดล็อกไว้แน่นด้วยแม่กุญแจ โซ่ และสิ่งกีดขวางต่างๆ บางบานก็เปิดไว้ แต่โฟกัสไม่มีเวลาที่จะส่องเข้าไปดูข้างใน เพราะเสียงร้องขอความช่วยเหลือพวกนั้น มีอิทธิพลรั้งดึงเธอให้เร่งรีบเข้าไปหาพวกมัน

"...คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่นะ ?... จะให้เราช่วยออกไปจากที่นี่ทำไมเหรอ ?"

                   ความรู้สึกอย่างหนึ่งเริ่มเกิดขึ้นภายในใจของโฟกัส ความหวาดกลัวของเธอได้เริ่มลดลง เริ่มเดินเร็วขึ้น มีความรู้สึกที่ต้องเร่งรีบเข้าไปให้ถึงต้นตอเสียงพวกนั้น แต่แล้ว บรรยาการของความรกร้างนั้นก็เริ่มน่าสะพรึงกลัวขึ้น เมื่อมันส่อเค้าของความเป็นสถานที่ที่ไม่ปรากฏบนโลกมนุษย์ ทั่วบริเวณเริ่มมีพวกเถาวัลย์และรากไม้ เลื้อยขึ้นปกคลุม ยิ่งเดินไป พวกมันยิ่งหนาขึ้น จนประตูหลายบานมีสภาพพังเพราะถูกรากไม้เลื้อยชอนไชเข้าไปปกคลุม แล้วโฟกัสก็เดินไปถึงจุดสิ้นสุดที่เป็นโพรงคล้ายกับถ้ำรากไม้ มีเถาวัลย์ห้อยระย้ายุ่งเหยิงดุจเป็นม่านอย่างน่ากลัว เป็นทางให้เธอเข้าไปอีกต่อหนึ่ง

".....ช่วยด้วย.... ช่วยด้วย....."

                   เสียงร้องขอความช่วยเหลือพวกนั้นดังออกมาจากโพรงที่น่ากลัวนั้น เสียงได้ชัดเจนขึ้นเหมือนเข้าไปอยู่ใกล้... แต่แล้ว เสียงพวกนั้นก็ได้จางหายไป เหลือแต่ความเงียบงันอีกครั้งหนึ่ง

                     โฟกัสเริ่มยกมือที่กำแท่งเหล็กขึ้นมาอยู่ในท่าป้องกัน และเริ่มเดินฝ่าเถาวัลย์เข้าไปในโพรงนั้น มีทางคดเคี้ยวเลี้ยวเข้าไปไกลพอสมควร จนเธอเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของทาง เป็นกำแพงคอนกรีดที่มีรากไม้คลุม มีประตูเหล็กสนิมเขรอะบานหนึ่งติดตั้งอยู่ โฟกัสถอนใจเฮือกหนึ่ง แล้วจึงจับลูกบิด ค่อยๆบิดเปิดเข้าไป

                   แกร่ก.... เอี๊ยดดดดดดด....

                   สภาพแวดล้อมภายในนั้น ทำเอาโฟกัสตกตะลึงยืนเหวออยู่ไปครู่หนึ่ง มันเป็นสถานที่ที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน  ในที่นั้น ได้มีกลิ่นหอมๆเหม็นๆโชยอบอวลไปทั่วสถานที่ มีแสงสีแดงส่องสลัวขึ้นเป็นช่วงๆตามซอกรากไม้และเถาวัลย์ที่รกชัฏดูน่าสะพรึงกลัว พวกมันขยับไปมาเป็นระยะๆเหมือนกับมีชีวิต ปกคลุมไปทั่วกำแพงและเพดาน มีพวกรากไม้อ้วนใหญ่ก่อตัวย้อยลงมาเป็นเสาอยู่หลายต้น แล้วข้างหน้าของเธอก็มีสิ่งประหลาดสิ่งหนึ่งเด่นอยู่ตรงหน้า มันเป็นดอกไม้ยักษ์สีแดงสดคล้ายเลือด มีขนาดเท่ากับคนตัวสูงๆคนหนึ่ง มีปุ่มตะปุ่มตะป่ำไปตามกลีบดอก ดูประหลาดน่าเกลียดน่ากลัวไม่เหมือนดอกไม้ใดๆในโลกที่เธอเคยเห็น มันห้อยเป็นตูมลงมาจากเพดาน โคนดอกเชื่อมติดอยู่กับรากไม้ทั้งหลาย

                   เอี๊ยดดดดดด !... กึ้งงงงงงงง !!!! ...แกร่ก !!!
 
                  โฟกัสสะดุ้งสุดตัวหันไปที่ประตูเหล็กที่ปิดไล่หลังเธอ เธอรีบวิ่งไปที่ประตู พยายามบิดเปิด แต่ทว่า มันเปิดไม่ออก !! ... ความหวาดกลัวได้เริ่มเข้าครอบงำอีกครั้ง โฟกัสหันกลับมา หน้าตื่นหายใจแรง แนบหลังพิงประตูส่องไฟมองไปรอบๆทั่วบริเวณ มือกำแท่งเหล็กไว้แน่น พร้อมป้องกันตัวอยู่ทุกวินาที

                   ฉึ่บ...

"....ห๊ะ !!!?"

                  มีบางอย่างเกิดขึ้นกับดอกไม้ยักษ์นั้น มันเริ่มขยับ และเริ่มแย้มกลีบของมันออกมา และค่อยๆเบ่งบานออก เผยถึงความเป็นสีชมพูอ่อนที่ด้านในของกลีบ และที่มีสิ่งที่คล้ายเส้นเลือดฝอยสีแดงกลัดจับอยู่มากมาย ในที่สุดมันก็บานออกมาเต็มที่ มีบางอย่างสีดำทะมึนตกลงมาจากกลุ่มเกสรของดอก โฟกัสเห็นมันแล้ว เธอจำได้ทันที ว่าเป็นร่างเงาดำร่างนั้นที่เคยมายืนอยู่หน้าห้องนอนของเธอ

".......น....นั่น.... มัน...."

.

                      เงาดำร่างนั้น มันค่อยๆลุกขึ้นยืน ค่อยๆหันมาที่โฟกัสซึ่งกำลังสั่นกลัว แล้วมันก็เริ่มแสดงร่างที่ชัดเจนของมันให้เธอเห็น... เป็นร่างของผู้ชายที่ใส่ชุทสูทสีขาว ทั้งเสื้อและกางเกงมีกลีบรีดอย่างเรียบร้อย รองเท้าสีดำเป็นมัน มีเนกไทด์สีแดง เหน็บดอกไม้สีแดงที่กระเป๋าเสื้อ แต่ทว่า หน้าตา และมือที่ประดับแหวนทองหลายวงของมัน ได้มีสภาพแห้งเหี่ยวเหลืองซีดดุจมัมมี่ จมูกและตากลวงโบ๋ มีแสงสีแดงเรืองออกมาจากเบ้าตาทั้งคู่ และมีทรงผมเรียบร้อยสีดำสนิทเป็นเงามันเหมือนใส่เจล รูปลักษณ์และผิวพรรณอันนั้นของมันทำเอาโฟกัสช็อก ตาเบิกโพง เผลออ้าปากค้าง มือที่ถือของทั้งสองของเธอสั่นอยู่เต็มที่ เธอจำเรื่องที่ไป่โดนผีชุดสูทหลอกจนสติแตกได้ และเธอก็ได้เห็นมันแล้วเช่นกันในตอนนี้
                  เสียงร้องขอความช่วยเหลือได้เกิดขึ้นอีกครั้งและดังลั่นระงมไปทั่ว ดุจเป็นเสียงแบ็กกราวด์ในหนังสยองขวัญ ประโคมความน่าสะพรึงกลัวให้มากเข้าไปอีก ปีศาจในชุดสูทผู้มาจากดอกไม้นั้นเริ่มยื่นมือดุจเป็นการชักชวน ยิ้มแสยะเห็นเหงือกสีม่วง มีฟันแหลมเหลืองเขรอะ

".........มาเถอะ.... แม่หนูน้อย..... อย่ากลัวไปเลย ที่นี่คือบ้านของเธอ... อยู่ที่นี่ เธอจะได้ทุกสิ่งทุกอย่างตามที่เธอต้องการ เธอจะได้แม้แต่สิ่งที่เธอจินตนาการไว้... อย่าไปฟังเสียงของพวกมัน.... พวกโง่นั่น มันไม่เห็นค่าในสิ่งที่ตัวเองอยากได้"

                  เสียงอันเย็นและยานของมันทำเอาโฟกัสขนลุกซ้ำขึ้นไปอีก

"...ค... ค... คุณเป็นใคร ?"

"ฉัน... เป็นได้หลายสิ่งหลายอย่างตามที่เธออยากให้เป็น...... หึ หึ หึ หึ หึ"

"....ค... คุณทำอะไรกับคนพวกนั้น ?... ล... แล้วทำไมต้องมาทำเพื่อนของหนูด้วย ?"

"พวกมันทุกคนอยากเห็นในสิ่งที่พวกมันอยากเห็น... แล้วฉันก็ให้พวกมันเห็นในสิ่งที่อยากเห็นไงล่ะ... เธอเองก็เหมือนกัน.... แม่หนูน้อย.... หึ หึ หึ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ !"

".....ค...คุณอยู่ในบ้านนี้ใช่มั้ย ?... ท...ทำไมคุณถึงต้องฆ่าครอบครัวของตัวเองด้วย !?"

"....ฉันไม่ได้ทำ ฉันอยู่ที่นี่มาก่อน.... มันผู้มาอยู่ทีหลังนั่นต่างหาก ที่ทำบาปนั้นของมันเอง...."

                   ปีศาจนั้นได้ชี้ไปที่เสารากไม้ต้นหนึ่ง เสานั้นได้ปรากฏวิญญาณของผู้ชายตนหนึ่งขึ้นมา มีสภาพครึ่งตัว เลือดโชกไปทั่ว หน้าตาบิดเบี้ยวน่ากลัว ดวงตาขาวโพลนไม่มีนัยตา ร้องเสียงแปลกๆอยู่อย่างทุกข์ทรมาณ

"มันทำให้ฉันไม่ต้องเสียแรงลงมือทำอะไรเหมือนรายอื่นๆเลย... เจ้าวิญญาณโง่ที่ชุ่มฉ่ำไปด้วยบาปนั่น มันถือว่ามันรวย ทำอะไรได้ทุกอย่าง มันเล่นหุ้นแถมยังไปติดการพนันจนหนี้ท่วมหัว แล้วเครียดจนคลั่งฆ่าทุกคนในบ้าน แล้วสุดท้ายก็ฆ่าก็ตัวเอง... ปรุงมาแบบนี้อร่อยมาก ฉันชอบ... ฉันจะกินมันช้าๆ... ของอร่อยต้องกินทีละนิด อร่อยไปนานๆ"

"...ค... คุณกินวิญญาณ..... ?"

"หึ หึ หึ... ฉันเป็นอยู่อย่างนี้ และฉันก็มีความสุขกับมัน.... แต่ไม่ต้องกลัว ฉันจะไม่กินเธอแน่ๆ เธอมีบาปน้อยเกินไป ไม่อร่อย... เพื่อนของเธอก็ดูเหมือนจะน่าอร่อย แต่ก็ไม่มีความหอมหวล ไม่มีความชวนกิน ฉันเลยเปลี่ยนใจ ไว้ฉันจะจับเอามันมาเป็นบริวารทีหลัง เพราะพวกเธอเข้ามาในเขตของฉัน... ใครที่เข้ามาในเขตของฉัน ต้องอยู่ในเงื้อมมือของฉันทุกราย"

"....ย... อย่านะ !.... ขอร้องล่ะ อย่าทำเพื่อนๆของหนูเลย"

"หึ หึ หึ หึ... เธอช่างเป็นเด็กที่แสนดีและมีบุญมากจริงๆ แม่หนูน้อย... บุญของเธอจะทำให้สิ่งที่ฉันต้องการสำเร็จได้ง่าย... มาเถอะ... ฉันจะให้ตำแหน่งบริวารสูงสุดแก่เธอ"
 
                   พูดจบ มันก็ค่อยๆเยื้องกายเดินเข้ามาหาโฟกัส พลางยื่นมืออันแห้งเหี่ยวดุจมัมมี่ มีท่าทีชักชวน

"...ย.... อย่า... อย่าเข้ามานะ !...."

"เป็นบริวารรับใช้ฉัน... แล้วเธอจะได้ทุกอย่างตามใจปราถนาบนโลกมนุษย์อันเน่าเหม็นของเธอ"

                   มันเดินเข้ามาใกล้เธอทุกที

"ไม่นะ  !!!.... อย่า !!! .......... กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!"

                  ปีศาจร้ายนั้นใช้กำลังที่เหนือมนุษย์อุ้มโฟกัสขึ้นชูดุจยกหมอนใบหนึ่ง ในขณะที่ถูกอุ้มขึ้นมา โฟกัสกระหน่ำตีมันด้วยแท่งเหล็กอยู่เป็นพัลวัล แต่การตีขนาดนั้นก็ไม่ได้มีความสะเทือนอะไรแก่ปีศาจร้ายนั้นเลย เมื่อใบหน้าและหัวของมันถูกตีมากเข้า ก็ได้เปลี่ยนไปจากเดิม บิดเบี้ยวแปลงเป็นเหมือนหัวของสัตว์เลื้อยคลาน มันอ้าปากกว้างเห็นฟันแหลมคมเรียงกันเป็นแถบไปตามความยาวปาก ดุจมันพร้อมที่จะขม้ำกัดกินเธอ เบ้าตาของมันมีแสงสีแดงสว่างแว่บขึ้น

"อย่าดื้อ นังเด็กมนุษย์ ! ... ไม่งั้นฉันจะเปลี่ยนใจกินเธอซะ !  อร่อยรึไม่อร่อยก็ตาม !"

                  ในวินาทีของความเป็นความตายและความหมดหวังที่จะรอดไปได้นั้น ความทรงจำอันหนึ่งก็ได้ผุดขึ้นมาในสมองของโฟกัส เธอทิ้งท่อนเหล็ก รีบกดโทรศัพท์มือถือเปิดแฟ้มภาพขึ้นมา

".... ?"

                   ปีศาจร้ายชะงัก สงสัยในการกระทำนั้นของโฟกัส

"อย่ามาทำอะไรพวกเรานะ !!!"

                   โฟกัสตวาดใส่มัน แล้วโชว์รูปกริชอาคมของเกมในโทรศัพท์มือถือใส่ปีศาจร้ายที่กำลังจับเธอไว้ เมื่อมันเห็นรูปกริชนั้นแล้ว มันก็ออกอาการตื่นตระหนก ร้องเสียงแปลกประหลาดออกมาดังก้อง มีแสงสีขาวสว่างวาบไปทั่ว ณ ที่นั้น

                   ......................

"..........ห๊ะ !!?............ แฮ่ก..... แฮ่ก..... แฮ่ก....."

                   โฟกัสสะดุ้งตื่นขึ้น เหงื่อเต็มหน้า เธอพบว่าตัวเธอนอนอยู่บนเตียงในห้องนอนของเธอ

"....ฮึ่มมมม.... นังเด็กดื้อด้าน !!....... อีกนิดเดียวแท้ๆ ฉันจะเอาแกไปได้อยู่แล้วเชียว !!"

"ห๊ะ !!!"

                  โฟกัสตกใจสุดขีด เมื่อปีศาจร้ายในฝันนั้น ได้มายืนอยู่ที่ปลายเตียงของเธอในโลกจริง พูดเสียงประหลาดของมันออกมาอย่างเคียดแค้น

"ไม่อร่อยก็ตามเถอะ ฉันจะกินแกซะ !!"

                  มันได้กลายร่างจากชายชุดสูท บิดเบี้ยวขึ้นกลายเป็นสัตว์ประหลาดที่มีร่างเป็นดุจรากไม้ประกอบกัน มีแขนทั้งสองยื่นโง้งออกมาเป็นเคียวอันใหญ่และแหลมคม มีขาหลายขาและหางเป็นเดือยแหลมเหมือนสัตว์จำพวกแมงป่อง มีหัวเหมือนสัตว์เลื้อยคลาน ปากยาว มีฟันแหลมคมเรียงเป็นแถบ เบ้าตามีแสงสีแดงสว่างโพลง

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!"

                   โฟกัสร้องขึ้นดังลั่นเมื่อเห็นมันกลายร่างเป็นแบบนั้น เธอรีบดึงโทรศัพท์ที่ชารต์อยู่ข้างหัวเตียงออก รีบเปิดหน้าจอขึ้นมา ในนาทีเป็นนาทีตายนั้น เธอพบว่า เบตเตอร์รี่ได้เหลืออยู่ไม่ถึงสิบเปอร์เซ็นต์เพราะชาร์ตไม่เข้าแต่แรก  ปีศาจร้ายอ้าปากกว้างกว่าเดิม เข้างาบเตียงรวมถึงท่อนล่างของโฟกัส พยายามขยอกกลืนเข้าไป

"กรี๊ดดดดดดดด !!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!"

                   โฟกัสร้องเสียงหลง  รีบเปิดรูปกริชอาคมขึ้นมา โชว์รูปกริชนั้นใส่ปีศาจร้าย

"ไปให้พ้น !!!!"

"กว๊าาาาาาาาาาาาาาาาากกกกกกกก !!!!!!"

                  ปีศาจร้ายร้องขึ้นเสียงดังก้อง คายโฟกัสและเตียงออก กลายสภาพเป็นควันฟุ้ง คละคลุ้งไปทั่วห้อง แล้วจึงจางหายไปในที่สุด

"...แฮ่ก.... แฮ่ก.... แฮ่ก.... แฮ่ก..."

                   ในห้องกลับเงียบงัน เว้นแต่เสียงหอบหายใจของโฟกัสที่กำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนกสุดขีด มีเหงื่อท่วม ทุกอย่างกลับกลายเป็นเหมือนเดิมเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น โทรศัพท์ได้ดับไปเพราะแบ็ตเตอร์รี่หมด

                   ตึ่ก ตึ่ก ตึ่ก ตึ่ก ตึ่ก !.... แกร่ก !

"โฟกัส ... โฟกัส !?........ เป็นอะไรเหรอลูก !? ทำใจดีๆไว้"

                   พ่อแม่ของโฟกัสในชุดนอน รีบเปิดประตูเข้ามาในห้องของเธอ และรีบเข้าตรวจเช็คอาการของเธอด้วยความเป็นห่วง ดูเหมือนว่าพ่อแม่ของโฟกัส จะได้ยินแต่เสียงร้องของเธอเท่านั้น

.                      วันต่อมา ที่โรงเรียน...
                  ที่ประจำช่วงพักกลางวัน...

                  ทุกคนในกลุ่มนิ่งงัน และมีอาการตกตะลึง มองหน้ากันและกัน เมื่อโฟกัสได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ซึ่งเธอถูกคะยั้นคะยอถามจากเพื่อนๆของเธอ เพราะเธอมาโรงเรียนในสภาพที่หม่นหมอง ไม่สดชื่นแจ่มใส

"...ป... เป็นฉัน ฉันคงเข้าโรงบาลรอบสองแน่"

                   ไป่เอ่ยขึ้นด้วยความหวาดกลัว รู้สึกอยู่ว่า ถึงแม้เธอจะออกจากโรงพยาบาลแล้ว ก็ยังมีเรื่องให้เธอได้กลัวอยู่ไม่หยุด

"... ใช่จริงๆด้วย... แค่รูปมีดนั่นก็ได้ผลขนาดนั้นแล้ว ถ้าเป็นของจริงจะขนาดไหน"

                     อ๊อดนั้นสนใจในเรื่องฤทธิ์ของกริชมากกว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับโฟกัส

"อืม.... ตกลงที่พื้นห้องครัวนั่น มันมีบันไดลงไปชั้นใต้ดินเหรอเนี่ย... ?.... แล้วลึกยังกะเหวแบบนั้นเลยเหรอ ?... แล้วก็เป็นที่แปลกๆอีก"

                   ดาวกอดอกจับคางพูดด้วยความสงสัย

"นี่ มันก็แค่ฝันนะ อย่าลืมสิ... ใต้พื้นนั่น เราไม่รู้จริงๆหรอกว่ามันเป็นอะไรในโลกจริง อาจเป็นอย่างอื่นก็ได้"

                   แซมพูดขึ้นบ้าง

"........................"

                   ส่วนเกมนั้น เมื่อได้ฟังเรื่องของโฟกัสแล้ว เขาก็มีสีหน้าที่จริงจัง ในสมองกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ เขานั่งเคียงคู่อยู่กับไป่ ในขณะที่เพื่อนๆกำลังพูดกันอยู่ ไป่แอบจับมือของเกมไว้แน่นโดยที่ไม่ให้เพื่อนๆเห็น

".... เกม.... ฉันกลัว...."

                  ไป่พึมพำกับเกมอยู่เบาๆด้วยความกลัว 

".... ไม่ต้องห่วงนะ... พวกเราจะจัดการมัน ไม่ให้มันมาทำอะไรใครอีก"

"... ต... แต่... จะทำยังไงล่ะ มันน่ากลัวออกขนาดนั้น"

"นี่เกม... แกว่าไงบ้างวะ ?"

                  แซมหันมาถามเกมหลังจากพูดกับคนที่เหลือแล้ว

"....อืม... จากที่ฟังเรื่องของโฟกัสแล้ว พวกเรามีของดีอยู่กับตัว ก็ปลอดภัยในระดับนึง... แต่ฉันว่ามันคงไม่เลิกแค่นี้หรอก ผีร้ายแบบนั้น... แล้วพวกเราก็คงไม่มีทางอื่นแล้ว นอกจากจะกำจัดมันซะ ถ้าไม่มีใครเคยทำ พวกเรานี่แหละจะเริ่มเอง เพราะตอนนี้มันมุ่งเป้ามาที่พวกเรามากกว่าคนพวกอื่น แล้วฉันก็ไม่อยากยอมแพ้มัน... อีกอย่าง จะได้ไม่มีมันมาทำอะไรใครอีก"

"แล้วแกจะทำยังไงวะ ?"

                   แซมฟังคำพูดถึงขนาดนั้นของเกมแล้ว ก็ยังมีความไม่เชื่อว่าจะทำได้

"ทำไงเหรอ ? ถามมาได้... ก็เอามีดปลุกเสกนั่นเสียบพุงกระทิมันสิวะ ! ... ใช่มั้ยล่ะ เกม ?"
 
                  อ๊อดตอบขึ้นแทนเกมด้วยความกระเหี้ยนกระหือ ด้วยความมั่นใจว่ามีของดีอยู่ สู้กับปีศาจร้ายนั้นได้

"เฮ้ยๆ เจ้าอ๊อด !... อีกฝ่ายมันไม่ใช่พวกเด็กเทคนิคคู่อริแกนะเว้ย... มันเป็น ผี~ !! "

                  แซมพยายามทำเสียงและหน้าตาให้น่ากลัวเมื่อพูดคำว่า ผี เพื่อให้อ๊อดกลัว

"... ผ... ผีแล้วไงวะ !? พวกเรามีของดีขนาดนี้ จะไปกลัวมันทำไมอีกเล่า !?....... นี่ เกม บอกมาเลยว่าแกจะเอาไง ฉันเอาด้วย... ว่าไงวะ ?"

                   อ๊อดยังไม่ยอมแพ้ในความตั้งใจของเขา ตอนนี้เป็นครั้งแรกที่เกมรู้สึกพอใจในความเป็นนักเลงของอ๊อด

"นี่ ทุกคน.....ตอนนี้ ฉันว่า พวกเราน่าจะสู้มันนะ"

                   โฟกัสพูดขึ้นมาบ้าง เธอสนับสนุนความคิดของเกมกับอ๊อด ในขณะที่คนนอกนั้นมีอาการบ่งบอกถึงความไม่มั่นใจ

"ฉันเข้าใจ ว่ากลัวกัน... แต่... ถ้าเราทำสำเร็จ พวกเรากับคนอื่นๆต่อไปจะได้ปลอดภัยกัน... ฉันว่าพวกเราคงต้องไปที่บ้านนั่นกันอีกรอบ ไปกำจัดผีร้ายนั่นกันซะที... พวกวิญญาณในนั้นก็จะได้ถูกปลดปล่อยด้วย พวกเค้าไม่ได้อยากอยู่กันที่นั่นตลอดไปหรอก ไม่ได้อยากอยู่ในอำนาจของผีร้ายนั่นด้วย พวกเค้าก็มีหัวจิตหัวใจเหมือนกัน... ฉันอยากจะให้พวกเค้าเป็นอิสระ ได้ไปที่ชอบๆกันซะที"

                   โฟกัสแสดงเหตุผลที่ทำให้ทุกคนเถียงหรือถามต่อไม่ออก ในขณะที่โฟกัสพูด เธอดูเปลี่ยนไปจนดาวกับไป่หันมองหน้ากันอย่างตกตะลึง บัดนี้โฟกัสมีบุคลิกที่ดูมั่นใจ และดูกล้าหาญ ผิดกับที่ผ่านๆมาอย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ที่มีแต่บุคลิกความอ่อนโยนใจดี และอ่อนไหวง่าย

"อืม... มันก็แค่ฝันเองไม่ใช่เหรอ ?...."

                  แซมยังคงแสดงความสงสัยอยู่ไม่หยุด

"แต่มันก็ออกมากินฉันในโลกจริงได้นะ แซม ! ตกลงนายฟังที่ฉันเล่าจริงๆรึเปล่า ?... แล้วยายไป่เองก็คงไม่แกล้งเข้าโรงบาลเสียค่ารักษาไปฟรีๆหรอก... แบบนี้นายยังจะสงสัยอะไรอยู่อีกเหรอ ?... ต้องรอให้มันเกิดขึ้นกับนายเองซะก่อนใช่มั้ย ?"

                   คำพูดของโฟกัสทำเอาแซมหงอไป สิ้นปฏิภาณของความเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องลี้ลับเหนือธรรมชาติ ทุกคนรู้ดีว่า โฟกัสมีนิสัยที่ซื่อตรง ไม่ใช่คนที่จะโกหกหรือล้อเล่นกับใครได้ง่ายๆ

"...จ... ใจเย็นๆ โฟกัส... พวกฉันเชื่อเธอนะ"

                   เป็นครั้งแรกที่ดาวกับไป่รู้สึกถึงความเกรี้ยวกราดของโฟกัส

"...อืม... เอาล่ะ... ตกลงว่า พวกเราจะไปกัน... แต่ถ้ามีใครไม่อยากไป ก็ไม่เป็นไรนะ ก็เข้าใจอยู่ว่ากลัว ไม่ว่ากันหรอก... ต่อให้เหลือแค่ฉันกับอ๊อดก็ช่าง ฉันก็จะไป"

"...กับฉัน ?.... เอ่อ... ใช่ๆ !....ฉ... ฉันไปแน่ จะเหลือแค่เกมกับฉันก็ช่าง !"

                   อ๊อดกลัวอยู่ในใจว่า อาจจะเหลือแค่เขากับเกมจริงๆที่จะไปบ้านหลังนั้น ซึ่งแบบนั้นก็อาจจะทำให้เขาเปลี่ยนใจได้

"พูดอะไรแบบนั้น เกม... ไปก็ต้องไปกันหมดสิ... มีของดีอยู่กับตัว จะกลัวทำไมอีก จริงมั้ยล่ะ ?"

                   ดาวเริ่มมีใจเข้าร่วมด้วย ถึ งแม้เธอจะเป็นมุสลิมซึ่งมีข้อห้ามในเรื่องการยุ่งเกี่ยวกับของปลุกเสกหรือรูปเคารพก็ตาม

"...หา ?... อ... เอางั้นเหรอ ?........... งั้น เอาก็เอา ! ถ้าเกมไปฉันก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว !"

                   ไป่เกือบจะถอนตัว แต่ก็ต้องยอมเพราะเกม และมั่นใจว่า เขาจะปกป้องเธอกับเพื่อนๆได้

"อืม... งั้นเอาซักตั้งก็ได้ อยากดูเหมือนกัน ว่าผีมันเป็นยังไง"

                   แซมไม่เด็ดเดี่ยวพอที่จะปฏิเสธกลุ่ม และหวังว่า รูปกริชนั้นจะได้ผลตามที่โฟกัสยืนยันมาจริงๆ

                   แต่แล้ว...

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า !... ข้ารออะไรแบบนี้มานานแล้วเหมือนกัน !"

                  ชายสวมหมวกแก๊บแบบทหารคนหนึ่งซึ่งนั่งฟังอยู่นานแล้วที่ม้านั่งอีกชุดหนึ่ง โพล่งขึ้นมาจนพวกกลุ่มนักเรียนวันรุ่นตกใจกันทั้งกลุ่ม

"ลุงภารโรง !!?"

                   ทั้งกลุ่มอุทานขึ้นมาพร้อมกันเมื่อเห็นชายคนนั้น เป็นชายชราผู้เคยเป็นภารโรง บัดนี้เขาได้สวมเสื้อแขนยาวลายสก๊อตพับแขน เสื้อกั๊กทหารแบบสมัยสงครามเวียดนาม กางเกงขายาวลายพราง และสวมรองเท้ากีฬา ดูแล้วเหมือนเป็นคนที่มีวิถีชีวิตที่โลดโผน

"เห้ย... ข้าไม่ได้เป็นแล้ว ภารโรง... พวกเอ็งคงลืมแล้วมั้ง ว่าข้าชื่อ สัน... ทุกทีเรียกแต่ ลุงภารโรงๆ นี่หว่า"

"...ลืมไปเลยจริงๆ... แล้ว... ลุงสัน มาเที่ยวเหรอครับ ?"

"เออ... อยู่บ้านกินเงินบำนาญเฉยๆมันเซ็ง เลยมาเที่ยวยืดเส้นยืดสายซะหน่อย... มาดูลาดเลาอะไรด้วย"

"ดูลาดเลา ? "

"มาดูว่า จะมีใครกล้าแอบออกหลังโรงเรียนไปบ้านเวรนั่นอีก... แล้วก็มาเจอพวกเอ็งคุยกันนี่แหละ ข้าฟังดูแล้ว คงมีแต่พวกเอ็งนั่นแหละที่จะไปกัน... ได้ยินว่าเอ็งมีของดีนี่ ไอ้หนู"

                   ชายชรามองมาที่เกม

"...เอ่อ ครับ... เป็นกริชทำด้วยดินน่ะครับ มีพลังป้องกันสิ่งชั่วร้าย"

"ข้าเดานะ ... เป็นกริชฐาตุฤษีพุทธใช่มั้ยล่ะ ? ที่ปั้นด้ามเป็นพญานาค แล้วใบมีดเป็นไฟจากปากน่ะ... อายุมันเก่าแก่ยาวนานเชียวล่ะ ปั้นตั้งแต่ยุคพระนางจามเทวีที่ลำพูนแล้ว"

"ล... ลุงสันรู้ได้ไงครับ ?"

                   เกมออกอาการตื่นตะลึง เมื่อชายชราเดาถึงสิ่งที่เขามีอยู่อย่างถูกต้อง เขาไม่เคยพูดถึงเรื่องของกริชนั้นอย่างละเอียดให้ใครฟังมาก่อนเลย
     
"ไอ้หนูเอ๊ย ของนี่มันแรง แล้วก็ดังในพวกที่เล่นพระเล่นของด้วย มีไม่กี่คนหรอกที่จะได้มา... เท่าที่ฟังพวกเอ็งพูดแล้ว ข้าคิดอยู่ว่าต้องใช่มันแน่... มันเด่นตรงที่ ถึงเป็นแค่รูปก็ศักดิ์สิทธิ์แล้ว ไม่มีของอื่นเลยที่เป็นแบบนี้... มันทำด้วยดินผสมเถ้ากระดูกของพวกนักบวชที่มั่นคงต่อพุทธศาสนา มีพุทธานุภาพ บวกกับฌาณระดับสูงอีก มันเลยแรงถึงขนาดแค่รูปก็มีผล พวกผีสางนางไม้ที่ชั่วร้ายเห็นเข้าก็หนีกันตั้งแต่อยู่ไกลๆแล้ว... เอ็งคงมีบุญมากจริงๆ ถึงครอบครองได้ ไม่งั้นก็ป่วยนั่นป่วยนี่เพราะมันแล้ว คนบุญไม่ถึง ครอบครองไม่ได้หรอก"

                   กรี๊งงงงงงงงงงงงง !!

                   เสียงออดโรงเรียนเตือนเวลาเข้าเรียนภาคบ่าย ได้ดังขึ้น

"เอ้า... หมดเวลาซะแล้ว พูดยังไม่ทันสะใจเลย"

"อ๋อ... คาบบ่าย ม.4 ว่างครับวันนี้"

"ถึงว่าสิ ข้าก็เคยคิดอยู่ ว่าพวกเอ็งไม่เรียนหนังสือกันรึไง...... เอ้อ... ข้าฟังพวกเอ็งพูดแล้ว พวกเอ็งมีรูปกริชนั่นในโทรศัพท์กันแล้วใช่มั้ย ?"

"ครับ มีแล้ว"

"ดี ! ... มีเกราะป้องกันตัวไว้ เวลาเข้าไปในบ้านเวรนั่น จะได้อุ่นใจหน่อย"

"... อย่าบอกนะครับ... ว่าลุงสันจะเข้าไปด้วย ?"


                  อ๊อดถามขึ้นมาอย่างตื่นเต้น

"มันทำข้าแสบ... ถึงว่า ทำไมป้าย 'ห้ามเข้า' โดนดึงออกตลอด... ฝีมือมันนี่เอง"

"...มัน ?"

"ก็ไอ้บ้านเวรนั่นไงเล่า !... เฮี้ยนทั้งบ้าน ยังกะมันมีชีวิต !... มันกะจะเอาคนเข้าไปให้ได้ ใครไปปิดมัน จะได้เจอมันเล่นงานเอา... ที่ผ่านมาคงไม่มีใครกล้าเข้าไปที่นั่นจริงๆหรอก ข้าเห็นตำตาแล้วว่าเป็นมัน"
 
                  แล้วชายชราก็ยกแขนทั้งสองแสดงแผลเป็นทั้งหลายที่เกิดจากเศษแก้วกันขโมยที่ขอบรั้วบาด แล้วก็เล่าถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ทุกคนฟังแล้วก็ออกอาการหวาดกลัว ยกเว้นเกมกับแซมที่ยังนิ่งได้อยู่

"อืม... ในโลกจริงก็แผลงฤทธิ์เอาซะดื้อๆแบบนั้นเลยแฮะ"

                  แซมกอดอกจับคางพูดแสดงความคิดเห็น

"แล้วลุงสันลาออกจากภารโรงแบบนี้ จะดีเหรอครับ ?"

"ที่ข้าลาออกจากภารโรงเพราะข้าอยากจะทำอะไรให้มันคล่องตัวขึ้นหน่อย แล้วข้าก็มีเงินบำนาญทหารผ่านศึกเลี้ยงตัวเองอยู่แล้ว ไม่เดือดร้อน... ที่ผ่านมา ข้ามาเป็นภารโรงก็เพื่อแก้เซ็งไปวันๆเท่านั้น มาหาทำประโยชน์ให้คนอื่นบ้าง ดีกว่าอยู่เฉยๆเซ็งๆ ... ตอนนี้ข้าอยากจะกลับเข้าไปในบ้านเวรนั่นแล้วเอาค้อนไปทุบดูจริงๆ ว่าในพื้นห้องครัวนั่น จะเป็นเหมือนกับในฝันของยัยหนูนี่รึเปล่า... ถ้าเป็นแบบนั้นจริง บ้านเวรนั่นคงจะไม่ได้สร้างมาให้คนอยู่เฉยๆหรอก มันต้องมีอะไรอีกแน่ๆ.......... เอ้อ... แล้วพวกเอ็งจะไปกันเมื่อไหร่ล่ะ ?"

.                     วันเสาร์ ช่วงสายประมาณเก้าโมงเช้า...
                  ใต้โคนต้นไม้ต้นใหญ่ต้นหนึ่ง บริเวณชายป่าหลังโรงเรียน...

"ทุกคน !.... ฉันมาแล้ว !"

                  ไป่ได้มาทีหลังสุดของกลุ่ม หอบหายใจรีบวิ่งเข้ามาที่กลุ่ม ที่มี สัน ชายชราทหารผ่านศึกสมัยสงครามเวียดนามอยู่ในกลุ่มด้วย กำลังยืนเท้าด้ามค้อนปอนด์อันใหญ่ที่เอามาด้วย และที่เอวคาดเข็มขัดที่มีกระเป๋าใส่ของ กระเป๋าเสื้อกั๊กทหารที่อกกลัดไฟฉายไว้ โดยมีถ่านไฟฉายสำรองอยู่ในกระเป๋า ผูกสอดมีดพร้าคอมแบ็ทพร้อมสรรพ ดุจพร้อมออกไปรบ ส่วนเกมนั้นสะพายกระเป๋าหนังอันเล็กๆห้อยเฉวียงบ่าไว้ ข้างในมีกริชฐาตุฤษี ทุกคนเตรียมไฟฉายของตนเองมาพร้อม

"ทำไมช้าจัง ?... นั่งรอเป็นเกือบครึ่งชั่วโมงแน่ะ"

                   อ๊อดบ่นขึ้นเพราะความเป็นคนใจร้อน

"โทษที... ฉันต้องขอเตี่ยมาน่ะ เตี่ยฉันดุ...กว่าจะมาได้ โดนใช้ทำงานตั้งหลายอย่าง............ ไอ้หยาาา !!"

                   อยู่ๆไป่ก็อุทานออกมาเหมือนนึกอะไรได้

"อะไรอีกล่ะ ?"

"แฮ่ะๆ... ฉ... ฉันลืมเอาไฟฉายมา"

                   ทั้งกลุ่มยกเว้นเกม โฟกัส และสัน ออกอาการละเหี่ยใจในความขี้ลืมอันเป็นจุดเด่นของไป่

"ไม่เป็นไร ไป่... เธออยู่กลางกลุ่มเอาไว้ละกัน"

"ขอบใจจ้ะ โฟกัส"

"เอาล่ะ เด็กๆ... ที่พวกเรามากันที่นี่ เพื่อสำรวจพื้นที่ห้องครั้วนั่น ค้นหาต้นตอของไอ้ผีในฝันพวกเอ็งที่ทำให้ที่นี่มันเฮี้ยน แล้วก็หาทางทำให้มันหายเฮี้ยนให้ได้... เอาแต่เบียดเบียน แบบนี้ต้องส่งกลับปรโลก พวกที่เป็นบริวารของมันจะได้ไปที่ชอบๆกันซะที... แล้วอย่าไปคิดว่า เป็นภาระกิจฆ่าตัวตาย ไร้ประโยชน์ ให้คิดซะว่า เป็นภารระกิจทำประโยชน์ให้คนอื่นๆที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ในอนาคต แล้วก็เป็นการช่วยพวกวิญญาณที่โดนขังมานานเอาบุญด้วย จะได้มีกำลังใจกันหน่อย......... พร้อมกันรึยัง ?"

                  สันจับค้อนยกขึ้นพาดบ่าอันล่ำสันของเขา

"ครับ / ค่ะ"

"...พ.... พร้อมก็พร้อม..."

                  ไป่มีสีหน้าหวาดหวั่นพึมพำอยู่ในลำคอ เดินตามหลังเกมไป

                   ทุกคนเดินเข้าไปในป่าหลังโรงเรียน ค่อยๆเดินไปตามทางที่มีร่องรอยของการฟันไม้ของสัน ในที่สุด ทุกคนก็เดินมาถึงด้านหน้าของรั้วบ้านร้างมรณะหลังนั้น ที่ตั้งอยู่ใจกลางของป่าอันรกชัฎ มืดครึ้มไปด้วยบรรยากาศหน้าฝน วังเวงดุจในฝันของพวกนักเรียนหญิงไม่มีผิด พวกนกในป่าเริ่มพากันร้องขึ้นอย่างน่ากลัว เหมือนจะเตือนทุกคนในกลุ่มให้หนีไป พวกนักเรียนหญิงทั้งสามนั้น ความหวาดกลัวเริ่มครอบงำพวกเธอตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปในบ้าน เริ่มเข้ากอดกัน

"....ม...ม... เหมือนในฝันเป๊ะเลย..."

"...ช ...ใช่ ...แบบนี้เลย... ทำไมวันนี้มันเป็นแบบนี้ ?..."

                   สันเหลือบตามองดูพวกต้นไม้ที่ตายเหลือแต่กิ่งที่อยู่บริเวณประตูรั้ว ด้วยสายตาที่ระแวงระวัง บัดนี้พวกมันได้อยู่ในสภาพเดิม ไม่ได้โน้มเอากิ่งมาขวางไว้เหมือนค่ำวันนั้น

"...ต้นไม้มันก็ปกตินี่ครับ ลุงสัน"

                   แซมเอ่ยขึ้นเมื่อเขาไม่เห็นว่าต้นไม้พวกนั้น เป็นเหมือนที่สันเล่าไว้

"...เหอะ... ทีแบบนี้ทำเป็นนิ่งไว้นะเอ็ง... นิ่งให้มันจริงๆล่ะ"

                   สันพูดพึมพำออกมาเบาๆพลางมองไปที่บ้านร้างหลังนั้น ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่อย่างน่ากลัว เหมือนท้าทายให้ทุกคนเข้าไปในนั้น

"เฮ้ย... แต่ประตูพังนะ ดูสิ"

                  อ๊อดชี้ไปที่ประตูรั้วสนิมเขรอะที่บิดเบี้ยวกองอยู่กับพื้น แซมนั้น อยากจะพูดว่า อาจจะเป็นสันเองนั่นแหละ ที่พังประตู แต่ก็ไม่กล้าพูดออกมา

                  บรรยากาศที่มืดแม้เป็นตอนกลางวันนั้น ทำให้แสงไฟฉายของทุกคนที่เปิดขึ้นมาด้วยคำสั่งของสัน สว่างขึ้นกว่าปกติ และทำให้สภาพแว้ดล้อมนอกนั้นมืดลงเหมือนเป็นตอนค่ำ วิสัยทัศน์ที่จำกัดด้วยแสงไฟฉายได้เริ่มเบียดเบียนทุกคนอีกครั้ง
                  ทั้งกลุ่มนำโดยสันเดินเข้ารั้วบ้าน ในขณะที่เดินอยู่ เกมเงยมองขึ้นไปที่หน้าต่างทั้งหลายที่ชั้นบนของบ้าน บัดนี่เขาไม่เห็นปีศาจในชุดสูทตนนั้นมายืนที่หน้าต่างจ้องมองดูกลุ่มเหมือนวันแรกที่เขาเห็นมัน นอกจากความมืดมิดที่อยู่ภายในหน้าต่าง เมื่อไปหยุดอยู่หน้าประตูบ้าน ทุกคนได้กลิ่นสาบสางที่ไม่เคยได้กลิ่นมาก่อนในชีวิต ยกเว้นโฟกัส เธอจำได้ว่า มันเป็นกลิ่นของห้องลับนั้นที่เต็มไปด้วยรากไม้มีชีวิตที่น่ากลัวในฝันครั้งล่าสุดของเธอ

"กลิ่นยังกะหมาเน่าราดน้ำหอมกลิ่นกุหลาบเลย"

                  ทุกคนหันมองอ๊อดที่แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับกลิ่นออกมาอย่างนั้น อ๊อดยักไหล่ แบะมือเลิกคิ้ว

"ตกลงมันจะหอมรึเหม็นกันแน่วะ ?.... เอาล่ะ เด็กๆ... พร้อมรึยัง ?"

"ค.... ครับ / ค่ะ"

                   อ๊อดมองซ้ายมองขวา เหลือบไปเห็นท่อนไม้ขนาดเหมาะมือท่อนหนึ่ง เขาจึงรีบหยิบขึ้นมาเพื่อเป็นอาวุธป้องกันตัว

"พร้อมครับ !"

"หึ หึ... สมกับเป็นเอ็งจริงๆว่ะ ไอ้หนู ....... เอาล่ะ ! งั้นเข้าไปกันเลย !"

                   สันเปิดประตูบ้าน เดินส่องไฟเดินนำกลุ่มนักเรียนเข้าไปในบ้าน ค่อยๆเดินเข้าไปภายใน มุ่งสู่ห้องครัวห้องนั้น ที่ดูเหมือนพื้นภายใต้จะกลวง

"....ช่วยด้วยยยย... ช่วยด้วยยยยยยย"

                   เสียงขอความช่วยเหลือพวกนั้นเริ่มดังขึ้นมา ทุกคนได้ยินเสียงขอความช่วยเหลือนั้นชัดเจนเต็มสองหู

"ส...ส....เสียงใครน่ะ !?"

                   ไป่ออกอาการหวาดผวาอย่างหนักถามขึ้นเสียงสั่น มืดจับแขนของเกมไว้แน่น

"...ต... ต้องเป็นเสียงวิญญาณพวกนั้นที่อยู่ในฝันของโฟกัสแน่"

                   ดาวออกอาการเดียวกันกับไป่ มือที่ถือไฟฉายสั่นจนแสงสั่นตาม

"...มันดังออกมาจากห้องครัวน่ะ"

                   โฟกัสนั้นก็กลัว แต่ไม่ได้มากเท่าดาวกับไป่ ในใจลึกๆเธอรู้สึกสงสารวิญญาณพวกนั้นมากกว่า

                   แต่แล้ว...

"โฮกกกกกกกกกกก !!! ฮึ่มมมมมมมมมมมมมม !!!! แแแแแแแฮ่ !!!!!"

"กรี๊ดดดดดดด !!!!"

                   มีเสียงประหลาดคำรามดังก้องขึ้นมาทั่วบ้านดุจเป็นเสียงฟ้าร้องจนหน้าต่างสั่นสะเทือน ทุกคนยกเว้นสัน สะดุ้งสุดตัว พวกนักเรียนหญิงทรุดนั่งย่อเอามือปิดหูหลับตาปี๋ เสียงของพวกวิญญาณทั้งหลายเงียบหายไป มีแต่เสียงร้องระงมของพวกนักเรียนหญิง

"...ม.... ไม่ไหว !.... ฉันไม่ไหวแล้ว !..... ฉันอยากกลับบ้าน !"

                   ไป่ร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว

"ไป่ !.... ทนไว้นะ พวกเราต้องไม่เป็นไร... อยู่กับพวกเราไว้"

                   ดาวรีบปลอบไป่ทั้งที่เธอก็แทบจะมีอาการอย่างเดียวกัน

"ไป่.... ไม่ต้องกลัวนะ... พวกเราจะปราบมัน ไม่ให้มันมายุ่งกับพวกเราอีก"

                   เกมเข้าปลอบไป่อีกคน จนเธอตั้งสติขึ้นมาได้

"เข้มแข็งไว้ยัยหนู... ยิ่งกลัวมันจะยิ่งได้ใจ มีกำลังเพิ่มขึ้นอีก... ไอ้พวกแบบนี้มันข่มมนุษย์ด้วยความกลัว"

                   ทั้งกลุ่มรีบพากันเดินมุ่งไปยังห้องครัวนั้น... แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึงสุดขีด เมื่อฉายไฟส่องเข้าไปในห้องครัว !

"เฮ้ย !? .... นี่มันบ้าอะไรกันวะ !!?"

.                      อ๊อดร้องอุทานขึ้นมาก่อนคนอื่น

                   บัดนี้ ตรงหน้าของทุกคนนั้น บริเวณที่สงสัยว่าพื้นจะกลวง ได้มีกอรากไม้ยักษ์โตทะลุพื้นขึ้นมาจนสูงถึงเพดาน และแผ่ปกคลุมเพดานส่วนนั้น มีเถาวัลย์เป็นเส้นย้อยยุ่งเหยิงลงมาถึงพื้น มันได้โตขึ้นอุดหลุมไว้ ทำเอาค้อนที่สันเตรียมมาด้วย กลายเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์ไป สิ่งของ ชั้นวางและเค้าเตอร์ทั้งหลายได้พังล้มลงเกลื่อนพื้น เพราะมีรากไม้ประหลาดพวกนั้นชอนไชไปตามฝาผนัง และรากไม้พวกนั้นได้ขยับไปมาเป็นระยะๆเหมือนพวกมันมีชีวิต มีแสงสีแดงสลัวเรืองออกมาตามซอกระหว่างราก กลายเป็นห้องที่มีสภาพแวดล้อมและบรรยากาศน่าสะพรึงกลัว ดุจในฝันของโฟกัสไม่มีผิด กลิ่นสาบสางอันนั้นที่บอกไม่ได้ว่าหอมหรือเหม็นเริ่มแรงขึ้น

"....น.... นรกชัดๆ......... นี่เหรอ ที่อยู่ในฝันของโฟกัส ?...... ยังกะในหนังไซไฟสยองขวัญเลย..."

                   แซมผู้เริ่มมีใจเชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติขึ้นมาบ้าง พึมพำออกมาเบาๆ สีหน้าตื่นตะหนกเต็มที่ ส่วนสันนั้น เมื่อเห็นเถาวัลย์เข้า ก็จำได้

"มันมาจากไอ้พวกรากไม้ผีนี่เองเรอะ ?"

".... ล... ลุงสันคะ แบบนี้พวกเราจะทำยังไงกันดี ?" 

                   ดาวถามขึ้นพลางมองไปยังรากไม้พวกนั้นด้วยความหวาดกลัว

"...ไม่รู้สิ..... ข้าว่าพวกเราออกจากห้องบ้านี่ แล้วลองไปสำรวจที่อื่นกันก่อนดีกว่า"

"พ....พวกเรา ยังจะอยู่กันที่นี่อีกเหรอคะ ลุงสัน... ?"

                   ไป่เสียงสั่นถามสันทั้งที่กำลังกอดแขนเกมไว้แน่น เนื้อตัวสั่น

"ยัยหนูเอ๊ย... ไหนๆพวกเราก็มากันแล้ว อย่าให้มันเป็นการเสียเที่ยวเลย"

"... นี่พวกแก พวกเรายังไม่เคยขึ้นไปชั้นบนกันเลยนะเว้ย... ลองไปสำรวจชั้นบนบ้างสิ"

                   คำพูดของอ๊อดทำให้ทุกคนหันมามองเขาเป็นจุดเดียวอีกครั้ง

"...ท... ทำไมเล่า ? ... ถึงขั้นนี้แล้ว ยังจะมาป๊อดอะไรกันอีก ?"

"นี่... ฉันว่าจริงอย่างที่อ๊อดมันพูดนะ... ในเมื่อเราตั้งใจกันมาสำรวจที่นี่ให้รู้ดำรู้แดง ไม่สำรวจให้ทั่วมันก็กะไรอยู่นะ... เผื่อจะเจออะไรที่มันนำพวกเราไปสู่ต้นตอของผีนั่น"

                  เกมเสริมขึ้นแบบนั้น ทำให้อ๊อดยิ้มออก

"เกม... ม.. มันจะดีเหรอ ?.... ข้างบนนั่นมัน...."

                  ไป่เริ่มมีอาการหวาดกลัวขึ้นอีก

"ไม่ต้องกลัวหรอกนะ ไป่... อย่าลืมสิ พวกเรามีรูปกริชไล่ผีในโทรศัพท์กันนะ แถมของจริงมีอยู่ในกระเป๋าของฉันนี่แล้ว... พวกเราเตรียมโทรศัพท์กันไว้เถอะ อาจได้ใช้แน่"

                   คำพูดของเกมทำให้ความกลัวของทุกคนลดลงไปมาก ทุกคนลืมไปว่า ตัวเองมีสิ่งที่จะเป็นเกราะป้องกันอยู่

"เฮ้ย !.... จริงด้วย ! ...... มัวแต่กลัวจนลืมไปเลย"

                   อ๊อดมีสีหน้าที่ตื่นเต้น รีบเปิดโทรศัพท์ เปิดแอพพลิเคชั่นตรวจจับผีขึ้นมา

"อะไรของเอ็งวะ ไอ้หนู ?"

                  แอพพลิเคชั่นนั้นได้อยู่ในโหมดEVPเป็นโหมดเริ่มต้น มีเสียงออกมาดัง ปิ๊บ ปิ๊บ ชายชราไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต

"แอพสำรวจผีครับ... มันจะตรวจจับผี ถ้าเสียงเริ่มเร็วขึ้นแสดงว่ามีผีอยู่ใกล้ๆ ยิ่งใกล้จะยิ่งรัว"

"แล้วตอนนี้มันใกล้รึยังล่ะ ?"

                   อ๊อดดูไปที่เรทการเข้าใกล้ บัดนี้มันแสดงเป็นตัวเลขเป็น 43 มีหน่วยเป็นเปอร์เซ็นต์

"43 %.......... หือ ?....  44..... 45.... ส... 46....."

                   ปิ๊บ.... ปิ๊บ... ปิ๊บ.. ปิ๊บ.. ปิ๊บ.. ปิ๊บ.. !

                   เสียงของแอพพลิเคชั่นนั้นได้ดังถี่ขึ้นๆ ตัวเลขได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งกลุ่มเริ่มมองซ้ายมองขวาและตามที่ต่างๆ อย่างหวาดระแวง

"เห้ย !?"

    ท่ามกลางเสียงนั้น อยู่ๆสันก็ออกอาการสะดุ้งขึ้นมา หันขวับกลับหลังไปเงื้อง่าค้อนเตรียมทุบทั้งที่ไม่มีใครอยู่ข้างหลัง ทำเอาพวกนักเรียนตกใจในกริยาอันนั้นของชายชรา

"....อ... อะไรเหรอคะลุงสัน ?"

"...ไม่รู้สิวะ.... รู้สึกยังกะมีคนเดินผ่านหลังแล้วลูบไหล่ข้า..."

                   ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ ปิ๊บ !!!

"เฮ้ย.... ก.... 98 %....... ร..... 100%  !!!"

                   ทุกคนหน้าตื่นหันมองอ๊อด และเริ่มหันมองไปยังที่ต่างๆอีกครั้งอย่างตื่นกลัว... เกมนั้น บัดนี้ใบหน้าของเขาเริ่มมีเหงื่อไหลมากขึ้น มือจับไปที่กระเป๋าที่ใส่กริชไว้

"ก... แกแกล้งให้พวกฉันกลัวรึเปล่าวะ อ๊อด !?... ไม่ตลกนะเว้ย !"

                   แซมถามขึ้นน้ำเสียงสั่นกลัวปนโมโห

"แกล้งอะไรวะ !? ฉันเองก็ยังไม่คิดเลยว่ามันจะได้ผลขนาดนี้เลย"

"แอพปลอมใช้แกล้งคนน่ะสิวะ ไอ้บ้า !!"

                  อ๊อดไม่ฟังคำนั้นของแซม เขารีบเปิดโหมดอินฟาเรดแทรกเกอร์ของแอพพิลเคชั่นซ้อนขึ้นมา ซึ่งเป็นโหมดตรวจหาวิญญาณโดยใช้กล้องมือถือ มือหนึ่งส่องไฟฉาย มือหนึ่งใช้กล้องโหมดนั้นส่องไปตามที่ที่แสงไฟฉายส่องไป

"...ฮ... เฮ้ยยยย !!!"

"เป็นบ้าอะไรของแกอีกวะ !!?"

                  อ๊อดมีสีหน้าที่หวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ละล่ำละลักชี้ไปที่มุมมุมหนึ่งของห้องครัว ซึ่งตรงนั้นไม่มีอะไรเลย

"น... น... น... นั่น.... ผ.... ผ.... ผี !!!!"

"น... ไหนวะ!? ไม่เห็นมีอะไร เลิกบ้าซะที ! พวกยายโฟกัสสั่นไปหมดแล้วเห็นมั้ย !!"

"ก.. แกก็มาดูในกล้องฉันซะก่อนสิวะ เจ้าโง่ !!!"

                   แซมฮึดฮัด เดินมาหาอ๊อด แล้วดูหน้าจอโทรศัพท์ของเขาที่เป็นหน้ากล้องมีกราฟฟิกเป็นโหมดอินฟาเรด แล้วอาการฮึดฮัดโมโหอันนั้นของแซมก็ได้เริ่มจางลงไป ตาเริ่มโต เริ่มเปลี่ยนสีหน้าเป็นหวาดกลัว แล้วก็มองไปยังมุมนั้นสลับกับหน้าจอกล้องซ้ำไปซ้ำมา... ที่หน้าจอนั้น ได้ปรากฏร่างคล้ายร่างคนขึ้นมาหลายร่าง ยืนอยู่ในที่ที่อ๊อดส่องแสงไป แสงนั้นตกกระทบไปที่พวกมันจนเห็นเป็นร่างผีตายโหงหลายตน ดวงตาต้องแสงจนสะท้อนแวบออกมาเหมือนสัตว์กลางคืนจนดูน่ากลัว

"...อะไร... อะไรเหรอ แซม ?"

                  โฟกัสหน้าตื่น ถามแซมในขณะที่เขานิ่งงันไปเหมือนกับช็อคที่ได้เห็นสิ่งที่ไม่เคยได้เห็นเข้า

"....ผ.... ผ.... ผี ... จริงด้วย....!!"

                   คำตอบของแซมที่อยู่ในอาการช็อคนั้น ทำเอาทั้งกลุ่มยกเว้นสันขนลุกขนพอง ความกลัวหวาดเข้าครอบงำอีกระลอก โดยเฉพาะไป่ เธอหลับตาปี๋กอดแขนเกมไว้แน่น ร้องให้ออกมา เกมกอดไป่ไว้ทั้งที่เขาก็อดกลัวไม่ได้ สันเดินเข้ามาหาอ๊อดกับแซมที่กำลังสั่นอยู่

"ไหนวะ ? ดูหน่อย.....................................  โห้ยยย !!!!"

                   เป็นครั้งแรกที่สันผู้ดูเหมือนจะไม่กลัวอะไร ออกอาการตกใจในสิ่งที่กล้องนั้นแสดง ดูกล้องกับพื้นที่ว่างเปล่านั้นสลับกันไปมาเช่นกับแซม แล้วสีหน้าที่ตื่นกลัวนิดๆของชายชรา เริ่มกลายเป็นเครียดขรึม เมื่อเขาเห็นร่างผีตนหนึ่ง เป็นร่างเด็กวัยรุ่นสวมชุดนักเรียนชาย ดูคุ้นตาในความทรงจำของเขา

"ช่วยด้วยยยย...... ช่วยพวกเราด้วยยย..."

                  โดยที่ไม่ต้องดูกล้อง เสียงขอความช่วยเหลือดังโหยหวนมาจากร่างผีพวกนั้นในกล้อง และจากที่ที่อ๊อดส่องแสงไปในขณะเดียวกัน บ่งบอกว่า วิญญาณพวกนั้นได้ปรากฏตัวขึ้นในที่นั้นและร้องขอความช่วยเหลือ

"....นั่นมัน..... ไอ้หนูคนนั้นนี่..."

                  ชายชราพึมพำออกมา สายตาจับจ้องไปที่ผีเด็กวัยรุ่นชุดนักเรียนตนนั้น

"...ค... ใครเหรอครับ ลุงสัน ?"

                  อ๊อดถามขึ้นทั้งที่กำลังอยู่ในอาการสั่นกลัว

                   แล้วทั้งอ๊อด แซม และสัน ก็ได้เห็นผีพวกนั้นในจอกล้องจางหายเข้าไปในกำแพงด้านหลังของพวกมัน พร้อมกับเสียงร้องขอความช่วยเหลือที่ได้จางหายไปเช่นกัน เสียงของแอพพลิเคชั่นโหมดEVPก็เริ่มมีจังหวะช้าลงจนเป็นเหมือนตอนแรกเริ่มที่ยังตรวจจับอะไรไม่ได้ สันส่องไฟฉายไปยังที่ว่างเปล่านั้น นิ่งมองไปยังที่นั้นครู่หนึ่ง
 
".... อืม...... หลังกำแพงนั่นเรอะ ?...."

"................ ??"

                  ท่ามกลางงุนงงสงสัยของกลุ่มนักเรียน สันถือค้อน เดินไปที่กำแพงนั้น

"เด็กๆ..... ถอยออกไปก่อน เดี๋ยวเศษปูนกระเด็นใส่"

                  แล้วสันก็เงื้อง่าค้อน เหวี่ยงไปที่กำแพง

                   โครม !!!

"กรี๊ดดดดดดดด !!"

                  พวกนักเรียนหญิงร้องขึ้นเพราะเสียงทุบกำแพงอันดังสนั่นก้องไปทั่วบ้าน

                  โครม !!! ... โครม !!! ... โครม !!! ... โครม !!! ...

                   ชายชรากระหน่ำทุบกำแพงอย่างหนักโดยที่ไม่ออกอาการแรงตกเลย จนกำแพงที่แตกออกเรื่อยๆเป็นเศษปูนเกลื่อนพื้น ได้เริ่มเผยอะไรบางสิ่งออย่างที่ทุกคนไม่ได้คาดคิดมาก่อน

"....นั่นไงล่ะ"

                  ชายชราหยุดทุบกำแพง ปาดเหงื่อที่หน้าผาก กำแพงที่แตกออกนั้น มันเผยถึงช่องว่างลึกลับอันมืดมิดที่อยูภายใน กลิ่นอับชื้นปูนคล้ายกลิ่นถ้ำโชยออกมาจากช่องนั้น ทั้งกลุ่มมายืนอยู่ต่อหน้าช่องกำแพง

"....อะไรเนี่ย ?... กำแพงตรงนี้ มีอีกด้านนึงด้วยเหรอ ?"

    โฟกัสพึมพำออกมาเบาๆด้วยความแปลกใจ

"นี่ๆ ดูสิ... มีผนังไม้ซ้อนข้างในด้วย"

                  ดาวสังเกตเห็นเศษไมที่เก่าจนผุ ซึ่งโดนทุบพังลงพร้อมกำแพง แล้วมีบุไปตามขอบช่องกำแพงอีกด้านหนึ่ง

"โฮ่.... เจอที่เก่าที่แก่เข้าแล้วสิพวกเอ็ง สมกับเป็นบ้านผีเฮี้ยนจริงๆ... ไอ้หนูนั่นกับพวกของมันอุตส่าห์มาบอกทางให้... เหอะๆๆ ทางผีบอก.......... เอาล่ะ เดี๋ยวข้าจะเข้าไปดูก่อนว่ามันเป็นยังไง... พวกเอ็งรอนี่กันก่อนละกัน อย่าไปไหนซะล่ะ"

"ม... ไม่กล้าไปไหนหรอกครับ"

                  อ๊อดว่าพลางมองไปยังรากไม้ลึกลับน่าเกลียดน่ากลัวพวกนั้นที่กำลังขยับไปมาเป็นระยะๆ ส่วนไป่นั้น เธอกำลังมีอาการคล้ายกับตอนที่อยู่โรงพยาบาล กอดแขนเกมไว้แน่นอยู่ตลอดจนเขาเริ่มรู้สึกอึดอัด แต่ก็ต้องทนไว้

                  ชายชราวางค้อนที่เกะกะทิ้งไว้ข้างนอก จับไฟฉายที่อก แล้วค่อยๆตะแคงเบี่ยงตัวเดินเข้าไปสู่ความมืดมิดภายในช่องกำแพงที่ถูกทุบนั้น

"..................."

                  ทุกคนเงียบกริบ รออยู่ข้างนอกช่องกำแพง พลางหันไปส่องมองพวกรากไม้ประหลาดอย่างหวาดระแวง รากไม้พวกนั้นเมื่อต้องแสงไฟฉายแล้ว ดูน่าสะพรึงกลัว น่ากลัวว่ามันจะเลื้อยเข้ามาจับใครไป

"เอ้า เด็กๆ.... เข้ามาเลย !"

                   ทันทีที่ได้ยินเสียงของสัน พวกนักเรียนแต่ละคนก็รีบเรียงกันตะแคงตัวเข้าไปในช่องกำแพงทันที เพราะความกลัวรากไม้พวกนั้น โดยที่เกมรั้งท้ายถือค้อนของสันไว้ รอเพื่อนๆเข้าไปในช่องกำแพงก่อน แล้วตนเองจึงเข้าไปทีหลัง

"น... นี่มัน...?"

                   โฟกัสส่องไฟฉายมองไปรอบๆห้องลับอันคับแคบเหม็นอับมีผนังไม้บุ และมีไยแมงมุมไปทั่วทุกมุม มันเป็นห้องว่างที่ไม่มีอะไรเลยนอกจากหลอดไฟที่แตกเสียหายและสวิทซ์ของมันที่ใช้การไม่ได้

"ข้าเดาว่า มันเคยเป็นห้องเก็บของใต้บันได... ดูบนหัวพวกเอ็งตรงนั้นสิ มีขั้นบันไดของชั้นสองมุงอยู่ข้างบน"

"ห้องเก็บของเหรอครับ ?... แต่ไม่ยักกะมีประตูเข้าเลยนะลุง"

                  แซมผู้มักสงสัยต่อสิ่งต่างๆ แสดงความสงสัยออกมาอีกครั้ง

"เออ นั่นสิ... ถ้าเป็นห้องเก็บของก็น่าจะมีประตูนะ... แต่นี่เหมือนมันเทปูนฉาบคอนกรีตปิดห้องไว้... ถ้าเป็นงั้น แสดงว่าห้องนี้ต้องมีอะไรไม่ธรรมดาแน่... พวกเอ็งลองช่วยกันดูให้ทั่วซิ"

                   ทุกส่องไฟฉายหาสิ่งที่ผิดสังเกตในห้องลับอันว่างและมืดมิดมานานนั้นอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากผนังและพื้น จนกระทั่ง...

"ห้องนี้ไม่เห็นมีอะไรเลยว่ะ ขนาดดูทั่วแล้วนะ"

                  กร๊อบบบ !!

"........อุ๊บ !?"

                  อ๊อดบ่นพลางใส่อารมณ์นั่งลงไปที่มุมชิดขอบด้านหนึ่งของฝาผนัง แล้วเขาก็ตกใจ เพราะทันทีที่ก้นของเขากระทบกับพื้นไม้ตรงนั้น มันได้แตกยุบลงจนเขาเสียหลัก หงายหลังขาชี้ขึ้น

"เฮ้ย ! อะไรวะ !?"

.                      อ๊อดรีบพลิกตัวลุกขึ้นมา ส่องไฟฉายดูที่ที่เขาได้นั่งลง ทุกคนได้เห็นสิ่งผิดสังเกตในห้องในที่สุด พื้นไม้ตรงนั้นผุแตกยุบลงเป็นรูหน่อยหนึ่งจนเห็นความมืดมิดในนั้น สันรีบเข้ามาส่องไฟดูในรูนั้น เห็นเหมือนเป็นบันไดลาดลงไปในนั้น

"เอ้า.... มีทางลงไปใต้ดินอีกเรอะเนี่ย ?"

                  สันส่องไฟดูรอบๆรูผุที่พื้นไม้ตรงนั้นอีกครั้งอย่างละเอียด แล้วเขาก็พบบางสิ่งเข้า...

"นี่ไง ที่เปิดมัน !"

                  สันพบที่จับเหล็กสนิมเขรอะอันเล็กๆแนบติดเป็นร่องอยู่กับพื้น เขาก็งัดที่จับนั้นขึ้นมา แล้วดึงขึ้น

"ฮึบ...."

                  ครึ่ก.... แอ๊ดดดดดดดดด.....เอี๊ยดดดดดดด...

    สันออกแรงดึงฝาประตูของทางลงชั้นใต้ดินที่ผุเป็นรูขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะอายุและความฝืดของมัน

                  ปั้ง !

".....เฮ้อ กว่าจะเปิดออก..... กี่ปีแล้ววะเนี่ย สนิมกินเหล็กฝาขนาดนี้ ทำเอาฝืดเกือบเปิดไม่ออกแน่ะ"

                   สันพึมพำในลำคอพลางปาดเหงื่อที่หน้าผากอีกรอบ ในขณะดาวกำลังซุบซิบกับเพื่อนหญิงทั้งสอง

"ไม่น่าเชื่อ... มีที่เปิดลงไปชั้นใต้ดินด้วย"

"คิดแล้วเชียว... บ้านนี้ไม่ธรรมดาจริงๆด้วย"

                  อ๊อดมีอาการตื่นเต้นและกลัวในขณะเดียวกัน

                 กลุ่มนักเรียนเกาะกลุ่มกันแน่น ทุกคนเริ่มรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่ชักจะเพิ่มมากขึ้นไปทุกทีเมื่อพวกเขาเห็นทางลงใต้ดินที่พื้นนั้น พวกเขาได้ประสบกับสิ่งที่น่ากลัวและยังจะต้องอยู่กับมัน เพื่อจุดประสงค์ที่พวกเขาเริ่มไม่มั่นใจกันเสียแล้วว่า จะสำเร็จหรือไม่ ? สงสัยกันว่า จะต้องทำอะไร และทำอย่างไร ถึงจะได้ความสำเร็จที่หวังนั้น ?... แต่ดูเหมือนเกมนั้น จะเป็นนักเรียนคนเดียวในกลุ่มที่ยังตั้งสติได้อย่างมั่นคง และไม่ออกอาการอะไรมากนัก เขาคอยระวังหลังให้กลุ่มอยู่ตลอด และคอยมองดูที่ช่องกำแพงไว้เมื่อเข้ามาในห้องลับนี้แล้ว... แต่แล้ว

                 ฉึ่บ... ฉึ่บ...

".... !!!?"
 
                   ท่ามกลางความมืดมิดที่มีวิสัยทัศน์จำกัดด้วยแสงไฟฉาย บางสิ่งบางอย่างก็ได้เกิดขึ้นในสายตาของเกมที่กำลังถือค้อนส่องไฟฉายมองช่องกำแพงนั้นอยู่แล้ว รากไม้ประหลาดพวกนั้นได้เลื้อยมาที่ด้านนอกช่องกำแพงแล้วค่อยๆแผ่รากของพวกมันเข้ามาข้างใน

"ห๊ะ !?........กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด !!!"

"เหวออออ !!!"

                  พวกนักเรียนที่เหลือเมื่อได้เห็นสิ่งนั้น ก็ร้องขึ้นระงมด้วยความตกใจกลัว

                   รากไม้ประหลาดพวกนั้นได้สานตัวกัน ปิดช่องกำแพงนั้นไว้อย่างแน่นหนา มีรากบางส่วนชูไปมาเหมือนกับงูที่กำลังยกหัวขู่ไม่ให้สิ่งใดเข้าไปใกล้มัน พวกนักเรียนได้เข้าหลบหลังสันผู้กำลังส่องไฟฉายมองไปที่พวกรากไม้ประหลาดนั้น มีสีหน้าตื่นตระหนกนิดๆ
 
"เวรล่ะสิ... มันกะจะไม่ให้กลับออกไปเชียวเรอะ"

"ท...ท...ท... ทำยังไงดีคะ ลุงสัน !?"

                   ไป่ที่ขลาดกลัวมากที่สุดในกลุ่ม ถามขึ้นเสียงสั่นเครือ
 
"นี่ พวกเอ็ง พยายามตั้งสติไว้ก่อน อย่าไปกลัวให้มาก ไอ้ผีนั่นมันจะได้ใจเอา"

"...ม... ไม่ใช่ผีธรรมดาแล้วมั้งครับลุง นี่มันปีศาจชัดๆ !"

                   อ๊อดนั้น บัดนี้ ดูเหมือนความมั่นใจและความกล้าบ้าบิ่นของเขาจะไม่มีเหลือเลยสักนิด

"...ส... สัตว์ประหลาด !"

                   แซมเองก็ไม่เหลือเค้าของความสุขุมแล้วเหมือนกัน เพราะสิ่งต่างๆที่เขาได้เห็น มันชัดเจนแจ่มแจ้งแล้วขนาดนั้น และเข้าใจแล้วว่า ทำไมผู้คนถึงกลัวในสิ่งที่เขาคิดว่าไม่มีอยู่จริง

"เออ มันจะเป็นอะไรก็ช่าง... ถ้าพวกเอ็งสติแตก ก็ไม่ต้องได้ทำอะไรมันแล้วล่ะ อย่าลืมสิวะ ว่าพวกเรามาที่นี่กันเพื่ออะไร... ในเมื่อมันไม่ให้กลับ พวกเราก็ไปต่อให้รู้ดำรู้แดงกันไปเลยว่ามันจะซักแค่ไหน อย่าไปกลัวมัน... คนแหละน่ากลัวกว่า เพราะมันฆ่าพวกเอ็งตายได้ แต่ผีมันแค่หลอกเท่านั้น... โหดๆกว่านี้ข้าเคยผ่านมาแล้ว ไปที่แปลกๆอันตรายๆข้าก็เคยไปมาแล้วหลายที่นับไม่ได้ มีข้าอยู่ พวกเอ็งไม่ต้องกลัว" 
 
                   สันพยายามปลุกขวัญกำลังใจแก่พวกนักเรียนตามอุปนิสัยความเป็นทหารผ่านศึกของเขา
 
"นี่ พวกแก... ไม่ต้องกลัวนะ ฉันจะระวังหลังให้ละกัน... อย่าลืมสิ ว่าพวกเรามีของป้องกันตัว"

                   เกมสนับสนุนการให้กำลังใจอันนั้นของสัน ตบกระเป๋าใส่กริชฐาตุฤษีให้เพื่อนๆดู

"เออ... จริงด้วยว่ะ... กลัวจนลืมอีกแล้ว..."

                   อ๊อดมีท่าทีที่เหมือนนึกอะไรขึ้นได้ และเริ่มยิ้มออก

                  ท่ามกลางความน่าสะพรึงกลัวของสิ่งแวดล้อมและสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น ทั้งกลุ่มเริ่มมีขวัญกำลังใจดีขึ้นตามลำดับ เมื่อมีคนกล้าหาญอยู่ในกลุ่มถึงสองคนคอยช่วยเหลือในด้านอารมณ์และขวัญกำลังใจ แม้มันจะยากสำหรับไป่อยู่ก็ตาม และเธอก็ยังคงกอดแขนเกมไว้ไม่ยอมปล่อย

"มา ข้านำเอง อย่าไปสนใจไอ้พวกรากไม้เวรนั่น....... พร้อมจะลงไปกันรึยัง ?"

"...ค... ครับ / ค่ะ"

"ดี !... เอาล่ะ ข้าจะลงไปดูข้างล่างก่อน รอข้าเรียกให้ลงมาละกัน"

                  สันถอนใจเฮือกหนึ่ง แล้วส้องไฟฉายเดินบันไดเหล็กลงไป...

                  แก๊ง... แก๊ง... แก๊ง...

                  ทันทีที่ลงมาถึงพื้นข้างล่างที่มีความลึกประมาณสองชั่วคน สันก็ส่องไฟฉายสำรวจไปรอบๆที่นั้น พบว่า สภาพแว้ดล้อมเป็นดุจบังเกอร์ใต้ดิน ผนัง พื้น และเพดาน เป็นคอนกรีตทั้งหมด สภาพคร่ำคร่า มีแต่คราบสกปรกของเชื้อราและตะไคร่น้ำแห้ง หลอดไฟตามผนังแตกเสียหายมีสภาพใช้การไม่ได้ มีช่องระบายอากาศอยู่ตามผนัง บรรยากาศอับชื้นและมีกลิ่นเหม็นเหมือนกำลังอยู่ในท่อระบายน้ำหรือห้องน้ำที่สกปรก แล้วสันก็เห็นประตูเหล็กสนิมเขรอะอยู่บานหนึ่ง มันเป็นประตูเพียงบานเดียวในห้องคอนกรีตสี่เหลี่ยมห้องนั้น
                  เมื่อกลุ่มนักเรียนลงมาตามคำเรียกของสันแล้ว ต่างก็มีสีหน้าสยิ้วเพราะสภาพแวดล้อมเห็นปานนั้น ยกเว้นอ๊อด

"อี๋..... ยังกะตอนลงมาในท่อระบายน้ำสมัยเข้าค่ายลูกเสือตอน ม.3 เลย !"

                   ไป่หน้าสยิ้วบ่นเสียงแจดแจ๋นขึ้นมา

"กิจกรรมบ้าบอคอแตกอะไรก็ไม่รู้... บำเพ็ญประโยชน์ ทำความสะอาดท่อระบายน้ำสาธารณะ... หยะแหยงอยากอ้วกจริงๆ"

                   ดาวก็มีอาการเดียวกันนี้

"อะไรกัน ตอนนั้นสนุกจะตาย พวกฉันเล่นน้ำเพลินเลย เย็นฉ่ำสดชื่น... พวกเธอเนตรนารีนี่สำอางค์กันไม่เข้าเรื่องจริงๆ"

"พวกฉันไม่ได้ซกมกเหมือนนายนี่ อ๊อด... อี๋.... เล่นเข้าไปได้ไง น้ำในท่อระบายน้ำ"

"ก็ท่อมันสะอาดแล้วนี่ น้ำก็สะอาดแล้ว พื้นมีแต่ทรายยังกะไปเที่ยวน้ำตก... จะไปหยะแหยงอะไรอีกเล่า ?"

"ฮะ ฮะ... รำลึกความทรงจำกันใหญ่เลยนะพวกเอ็ง... สมัยนั้น ข้าเห็นมีพวกเอ็งหลายคนเลยขึ้นมาอ้วกกันที่ปากท่อ... ครูเค้าก็ฝึกให้พวกเอ็งรู้จักลุยการลุยงาน ฝ่าฟันความยากลำบากบ้างน่ะแหละ... มันเป็นประสปการณ์"

".........."

                   เกมอมยิ้มเมื่อเห็นเพื่อนๆยังมีขวัญกำลังใจที่ดีอยู่ อย่างน้อยความทรงจำอันน่าขยะแขยงนั้นก็ช่วยทำให้พวกเขาลดความหวาดกลัวลงไปได้บ้าง... แต่ไม่ใช่กับโฟกัส ที่กำลังมีสีหน้าหวาดหวั่น ดวงตาอันตื่นกลัวของเธอทั้งคู่มองไปที่ประตูเหล็กนั้น

"...เอ่อ....ท... ทุกคน... ฉันว่า... ตอนนี้พวกเราเปิดรูปกริชในโทรศัพท์ขึ้นมาเถอะ"

"หือ ?.... ท.. ทำไมเหรอ ?"

                   โฟกัสยังมองไปที่ประตูบานนั้นจนทุกคนหันมองไปตาม เริ่มมีอาการหวาดผวา

"อ... อะไรเหรอ โฟกัส... ?... แกสัมผัสอะไรขึ้นมาอีกเหรอ ?"

"ประตูนั่นมัน.... เหมือนในฝันฉันเลย"

                   เมื่อทุกคนได้ยินคำนั้นแล้ว ก็นิ่งเงียบ หน้าตื่นหันมองหน้ากัน แล้วก็มองไปที่ประตูบานนั้น กลืนน้ำลายกันคนละอึก

"ช...ใช่จริงๆเหรอ โฟกัส ?"

                   แซมมีอาการหวาดผวาถามขึ้น

"ฉันจำได้... เป็นประตูเหล็กแล้วก็มีสนิมแบบนี้เลย"

".............."

                  เกมมองไปที่ประตูนั้น สีหน้าขรึมเตรียมรับศึก

".................. เอาล่ะ เด็กๆ... มันอาจจะเป็นอย่างในฝันของยัยหนูนี่ก็ได้ สงสัยแบบนั้นไว้ก่อน... ไหน พวกเอ็งมีรูปกริชนั้นในโทรศัพท์กันใช่มั้ย ?... เปิดมันขึ้นมาก่อนเลย เผื่อจะเจอดีเข้าจริงๆ"

                  พวกนักเรียนรีบทำกันตามนั้น เกมวางค้อนแล้วเปิดกระเป๋า ล้วงถือกริชฐาตุฤษีขึ้นมาถือในมือ ส่วนชายชราซึ่งมีไฟฉายกลัดติดที่อก ชักมีดพร้าคอมแบ็ตขนาดประมาณหนึ่งศอกออกมาจากฝักที่เอว ถือไว้ในท่าเตรียมต่อสู้ อีกมือหนึ่งเริ่มจับลูกบิดประตู ค่อยๆบิดเปิดเข้าไป

.                      แล้วทุกอย่างก็เป็นเหมือนที่ทุกคนหวาดระแวง ! ... ข้างในนั้นได้เป็นเหมือนในฝันของโฟกัสทุกกระการ มันเป็นห้องรากไม้ประหลาดที่มีชีวิต สภาพแวดล้อมน่าสะพรึงกลัว รากไม้ใหญ่ย้อยลงมาเป็นเสาหลายแห่ง กลิ่นหอมๆเหม็นๆแรงขึ้น มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่ขาดหายไป คือดอกไม้ยักษ์ประหลาดดอกนั้น ทุกคนลืมนึกถึงการใช้โทรศัพท์ของตนไปเสียสนิทเพราะความตกตะลึงนั้น

"....น...น... นี่เหรอ ? ...ห... ห้องนรกนั่น... ?"

                   แซมมีอาการเหมือนจะเป็นบ้าเสียให้ได้ เมื่อได้เห็นสิ่งที่เขาไม่เคยเห็นมาทั้งชีวิต

                   ในขณะที่ทุกคนยกเว้นเกมกับสัน กำลังตื่นตะลึง สั่นกลัวและเตรียมจะรีบหนีกลับออกไป......

                   เอี๊ยดดดดดด !... กึ้งงงงงงงง !!!! ...แกร่ก !!!

                   ประตูเหล็กเจ้ากรรมนั้น ได้ปิดล็อกของมันเองดุจในฝันของโฟกัส ขังทุกคนไว้ในห้องนั้น

"เฮ้ยยยยยย !!!?"

                  ปึ้ง ปึ้ง ปึ่ง ปึ้ง !!!

"เปิด !!! เปิดสิวะ !!! ไอ้ประตูบ้านี่ !!!"

                   อ๊อดทุบประตูเป็นพัลวัล และพยายามเปิดประตูดึงอย่างสุดชีวิต แต่ก็สู้แรงลึกลับอันมหาศาลนั้นที่กำลังครอบงำประตูไม่ได้

"เฮ้ย !!! พวกแกยืนนิ่งอยู่ทำไมเล่า มาช่วยกัน..........ป... เปิด.... "

                  อาการเกรี้ยวกราดปนไปด้วยความหวาดกลัวของอ๊อดค่อยๆจางลง และนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น เมื่อเขาหันมาเห็นบางสิ่งเข้า ทุกคนกำลังมีอาการนั้นก่อนเขาเสียอีก

"ฮื่อออออออออออออ............."

                   เป็นสัตว์ร้ายนั้นในฝันของโฟกัสที่ได้กลายร่างจากร่างผีชุดสูท มันค่อยๆไต่กำแพงลงมาจากเพดานช้าๆ ตาของมันเปล่าแสงสีแดงสว่างวาบขึ้น รัศมีอำมหิตของมันได้แผ่ออกมาอย่างแรงกล้าบ่งบอกถึงโทสะที่มันมี

"พวกแกคิดจะกำจัดฉันงั้นเรอะ !!?  กล้าดีนี่ !!!.... ไม่รู้กำลังของฉันซะแล้ว !!!... ที่นี่เป็นเขตของฉัน ฉันมีอำนาจที่นี่มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว !!!... และฉันก็จะขยายเขตของฉันไปเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่นี่นี่เท่านั้น !!!"

                   เสียงประกลาดที่ดังก้องของมัน ทำเอาทุกคนสะดุ้งกลัว ใจฝ่อลงอย่างหนัก พวกนักเรียนหญิงกรีดร้องกันระงม แม้แต่สันกับเกมเองก็ยังอดออกอาการตื่นตระหนกไม่ได้

"...ต....ตัวนี้เลย.... อ...ไอ้ตัวนี้เลย....มันจะกินฉัน...."

                   ไป่บ่นเพ้อออกมา ในขณะที่กอดกลมกับเพื่อนสาวทั้งสองของเธอ

"หึ หึ หึ หึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า...ฉันเปลี่ยนใจหรอก นังหนู เธอมันดูเหมือนจะอร่อย แต่เอาเข้าจริงไม่น่าอร่อยเลย !!!.... แล้วแก เจ้าหนูนั่นน่ะ แกคิดจะกำจัดฉันด้วยไม้จิ้มฟันนั่นเรอะ !!?... ไม่ได้ผลหรอก !!!... ฉันหลงกลัวตั้งนาน ที่แท้ไม่ได้มีอำนาจมากมายอะไรเลย รัศมีอ่อนๆแค่นั้นฉันทนได้ ไม่สะดุ้งสะเทือนฉันหรอก !!!... ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!"

                   ปีศาจในร่างสัตว์ประหลาดนั้นหันมาหาเกมแล้วข่มขู่เขาอย่างดุดัน  เกมได้ยินคำนั้นของมันแล้วก็จริง แต่เขาก็ไม่ได้รู้สึกหวาดหวั่นและคิดยอมแพ้เลย เขาคิดถึงจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่เท่านั้น

"แต่มันจิ้มตาแกบอดได้แน่ เจ้าปีศาจ !!"

                   แล้วเกมก็ตั้งท่าเตรียมป้องกันตัว ถือกริชไว้ในมือเตรียมต่อสู้ ทั้งที่เหงื่อกำลังอาบอยู่เต็มหน้า

"ฮึ่มมมมม เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม !!!........ อวดเก่งนักใช่มั้ย !!!? งั้นฉันจะกินแกเป็นคนแรกเลย !!! ...แแแแแแแฮ่ !!!!"

                   ปีศาจร้ายได้คลานแปดขาของมันอย่างรวดเร็วมุ่งไปที่เกม หมายจะกัดกินเขาเข้าไปแค่ภายในคำสองคำ

"เกมมมมม !!!!"

                   ทุกคนเมื่อได้เห็นวินาทีที่ใกล้ความเป็นความตายอันนั้นของเกม ก็ร้องขึ้นมาดังลั่นพร้อมกัน

                   แต่แล้ว.... !!

"แแแแแแฮ่ !!!?"

                   สันได้กระโดดเข้าขี่หลังมัน มือหนึ่งถือมืด มือหนึ่งเกาะหลังมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย แม้มันจะดิ้นสลัดด้วยแรงอันเหนือมนุษย์ก็ตาม ความเป็นไปนั้นได้เกิดขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของพวกนักเรียน หางที่เป็นเดือยแหลมมีพิษร้ายแรงของสัตว์ร้ายนั้นพยายามจ้วงต่อยชายชรา แต่ก็ต่อยไม่ถูกเขาแม้แค่สักทีเพราะอยู่ในอาการที่ไม่ถนัด ขาทั้งสองของชายชราได้เกี่ยวรัดหางมันไว้

"อย่ามาขวางฉัน ไอ้แก่ !!! ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้ !!!"

                  สันได้จังหวะ เอามีดเสียบเข้ากลางหลังของมันจนมิดด้าม ทะลุเปลือกที่คล้ายกับเป็นไม้ของมัน มีของเหลวขาวใสพุ่งขึ้น

"บอกให้ปล่อย !!!"

                  สัตว์ร้ายนั้นไม่มีอาการใดๆเลยจากการถูกแทงเข้าแบบนั้น มันสลัดสันจนหลุดกระเด็นลอยไปที่ประตูเหล็ก
 
                  กึ้งงงงงงง !!!!

"อั้ก !!....... โอยยยย... อูยยย....ซี๊ดดด...."

                  ร่างของชายชราลอยมากระแทกประตูดังสนั่น ลงมานอนกองที่พื้น

"ลุงสัน !!!"

                   พวกนักเรียนกรูกันเข้าไปที่สัน อ๊อดกับแซมรีบประคองเขาขึ้นมา

"... ข้าไม่เป็นไร กระดูกยังดีอยู่....... อูยยย... ไอ้ตัวบ้านั่นมันเอาเรื่องจริงๆ โดนแทงก็ไม่รู้สึกอะไรเลย..."

                  ปีศาจร้ายนั้นกลายร่างจากสัตว์ประหลาดหดกลับมาเป็นร่างผีชุดสูทอย่างเดิม มันดึงมีดออกจากหลังของมัน แล้วโยนทิ้งไป ทำท่าจัดเสื้อสูทของมันเองให้กระชับเรียบร้อย แล้วจึงหันมาที่สันและพวกนักเรียน แสงไฟสีแดงจากเบ้าตาสว่างวาบ แสยะยิ้มอย่างน่ากลัว ย่างเท้าเดินเข้าไปที่กลุ่มผู้บุกรุก

"หึ........ หึ หึ หึ หึ... เอาล่ะ... ฉันว่าพวกแกคงไม่อยากตายกันหรอก งั้นเรามาตกลงอะไรกันหน่อยเป็นไง... ไหนๆก็มาถึงนี่แล้วนี่"

                  ปีศาจร้ายทำท่าทางเชื้อเชิญอย่างสุภาพเรียบร้อย และทำให้ทั้งห้องสว่างขึ้นเป็นแสงไฟนีออนสีนวล จนเห็นทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องรวมถึงดอกไม้ยักษ์นั้นที่อยู่ในสภาพเบ่งบานเต็มที่บนเพดานห้อง ในขณะที่พวกนักเรียนซึ่งกำลังกลัวจนสั่น หันมองสภาพแวดล้อมใหม่ไปมาอยู่อย่างงุนงง
                  แล้วปีศาจร้ายก็ยืดมืออันยาวดุจเถาวัลย์เข้าฉวยแย่งกริชฐาตุฤษีในมือของเกมมาดูอย่างสนใจ มีควันขึ้นโขมงที่มือของมัน

"อืมมมม รัศมีอ่อนก็จริง แต่พลังอำนาจในตัวเยอะดีเหมือนกันนี่ ย่างมือฉันไหม้หมด... ถ้าขายจะได้เงินเป็นหลักแสนเชียวล่ะ... หึ... แต่ก็ได้แค่นี้แหละนะ มันใช้ฆ่าพวกที่อ่อนแอได้เท่านั้นแหละ ไม่ใช่ผู้ที่มีอำนาจมากอย่างฉัน !"

                  ลำดับนั้น ปีศาจร้ายก็เหวี่ยงกริชนั้นลงที่พื้นอย่างแรงจนแตกละเอียด แล้วก็หัวเราะขึ้นอย่างน่ากลัว

"เฮ้ยยยยยย !!!?"

                   อ๊อดอุทานเสียงหลงเมื่อเขาเห็นสิ่งที่เกิดเพิ่งขึ้นต่อหน้า ทั้งกลุ่มยกเว้นสันกับเกมมีอาการหวาดกลัวกันขึ้นมาอีก ที่พึ่งหนึ่งเดียวของพวกเขาได้ถูกทำลายแตกไปเสียแล้ว

"แล้วเอ็งต้องการอะไร ไอ้ปีศาจเถาวัลย์ !!?" 

                  สันยิงคำถามขึ้นมา ทั้งที่กำลังมีอาการบาดเจ็บ

"...หึ หึ หึ หึ"

                   ปีศาจร้ายค่อยๆยกมืออันเหี่ยวย่นและไหม้ของมัน ชี้ไปที่โฟกัส แสยะยิ้มอย่างน่ากลัว

"ฉันต้องการนังเด็กนี่ ไปเป็นบริวารรับใช้ฉัน !"

"ห๊ะ !!!?"

                   โฟกัสตกใจหน้าตื่น เมื่อมันเลือกเธอ     

"แค่นังเด็กนี่คนเดียวเท่านั้น ด้วยกำลังบุญของมัน ทุกอย่างจะง่ายขึ้นมากสำหรับฉัน ฉันจะมีอำนาจขยายอาณาเขตได้กว้างขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า.... ส่งมันมา แล้วฉันจะปล่อยพวกแกไป... รวมถึงพวกนี้ด้วย"

                  ปีศาจร้ายหันชี้ไปที่มุมมุมหนึ่งของห้อง ที่นั้นได้ปรากฏวิญญาณมากมายยืนนิ่งเบียดเสียดกันอยู่ ใบหน้าซูบซีด เบ้าตา จมูก และปากกลวงโบ๋ ดูน่ากลัว แต่แฝงไปด้วยความโศกเศร้าและความทุกข์ทรมาณ บางตนก็มีร่างกายขาดหาย แหว่งไปไม่สมกระกอบ บางตนก็มีอยู่ครึ่งท่อนลอยอยู่ บ้างก็เหลือแต่ขาท่อนล่างยืนอยู่ พวกนักเรียนยกเว้นเกมเข้ากอดกันด้วยความหวาดกลัว รู้สึกกลัววิญญาณพวกนั้นมากกว่ากลัวปีศาจร้ายเสียอีก
                      แต่มีวิญญาณตนหนึ่ง มีรูปร่างสมบูรณ์ ดูสว่างกว่าพวกที่เหลือ เป็นวิญญาณเด็กหนุ่มที่สวมชุดนักเรียน หน้าตาหล่อเหลา แต่ดูเศร้าสร้อย

"ยกเว้นมันผู้นั้น ! มันยังมีประโยชน์กับฉันอยู่ !..... แกมาทำไม ? กลับเข้าที่ไปซะ !"

                  วิญญาณเด็กนักเรียนหนุ่มตนนั้น เมื่อถูกปีศาจร้ายชี้และไล่ไปอย่างนั้นแล้ว เขาก็จางหายไป สันเห็นดังนั้นแล้ว ความโกรธก็เริ่มปะทุขึ้นมาที่อก หน้าตาที่ดูเหี้ยมเกรียมอยู่แล้วได้ดูเหี้ยมยิ่งขึ้นไปอีก เขาลุกขึ้นมาอย่างยากลำบากเพราะอาการบาดเจ็บ

"เอ็ง.... เอ็งมันชั่วช้าสมกับเป็นปีศาจนรกแตกจริงๆ !! ขังวิญญาณพวกนั้นไว้เบียดเบียด กินพวกมันยังไม่พอ ยังใช้ประโยชน์จากบุญของพวกมันอีก แทนที่พวกมันจะได้ไปที่ชอบๆกันตั้งนานแล้ว กลับต้องมาติดแหง็กทุกข์ทรมาณอยู่กับเอ็งแบบนี้ ! แล้วเอ็งยังจะทะลึ่งมากินมนุษย์เป็นๆอีก... อย่ามาทำใหญ่ในโลกมนุษย์นะโว้ย !!"

"หึ หึ หึ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ !! ...... แม้ตอนที่ฉันยังเป็นมนุษย์ ฉันก็ใหญ่กว่าใครเหมือนกัน ขนาดทางการยังไม่กล้าหือฉันเลย ! แต่ร่างมนุษย์นั้นมันอ่อนแอ ทำอะไรไม่ได้มากดังใจฉันเท่าไร... ตอนนี้ฉันมีอำนาจเต็มที่ คล่องตัว แต่ตอนนี้ฉันยังไม่พอใจในอำนาจที่กำลังมี ฉันต้องการอำนาจมากกว่านี้อีก บุญของพวกวิญญาณโง่ๆทั้งหลายจะช่วยเพิ่มอำนาจให้ฉันได้... ส่งนังเด็กนั่นมาซะ ! แล้วฉันจะปล่อยพวกแก และพวกขยะไร้ประโยชน์พวกนั้นไป... ว่าไง !?"

                  ทั้งกลุ่มนิ่งงัน ข้อตกลงอันเห็นแก่ตัวของปีศาจร้ายนั้นได้กดดันพวกเขาอย่างหนัก พวกนักเรียนหญิงร้องไห้กันระงม กอดกันอยู่ตัวสั่นงันงก โดยเฉพาะโฟกัสนั้น บัดนี้ได้เป็นเหมือนกับกำลังถูกบีบไปด้วยกำแพงทั้งสี่ด้าน... ส่วนหนึ่งภายในใจของเธอคิดขึ้นมาว่า ในเมื่อเธอได้เผชิญกับสิ่งที่เลวร้ายถึงขนาดนี้ เธอควรจะเลือกเสียสละตัวเธอเอง เพื่อให้คนอื่นๆ รวมทั้งวิญญาณที่น่าสงสารพวกนั้น ได้เป็นอิสระออกไปจากนรกแห่งนี้ และความคิดนั้นก็ได้ค่อยๆก่อตัวหนักแน่นขึ้นจนคับอกของโฟกัส มองไปยังบริเวณที่วิญญาณนักเรียนหนุ่มตนนั้นได้จางหายไปในสภาพที่หม่นหมองน่าเวทนา
                  เมื่อโฟกัสที่กำลังร้องไห้อยู่ เริ่มจะอ้าปากพูดเพราะทนความกดดันไม่ไหว....

"นี่ คุณ ! ... ผมว่าคุณเลิกทำบาปทำกรรมจะดีกว่านะ ถ้าคุณอยากได้บุญจริงๆ !"

.                      ทุกคนรวมทั้งปีศาจร้ายหันมามองเกมเป็นจุดเดียว ปีศาจร้ายนั้นได้เริ่มมีสีหน้าที่ไม่สบอารมณ์

"แน่ใจเหรอว่าคุณต้องการบุญจริงๆ ? เพราะบุญที่คุณอยากได้น่ะ มันจะเผาคุณเป็นจุณไป เหมือนไฟเผากระดาษเลย"

"ฮึ่มมมมม !!! เจ้าเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม !!... แกกล้าดียังไงมาห้ามฉันทำสิ่งที่เป็นผลประโยชน์ของฉัน !!?... อาวุธอานุภาพเท่าหางอึ่งของแกโดนทำลายไปแล้ว แกจะทำอะไรฉันได้ !!?"

                  หัวของปีศาจร้ายได้กลายเป็นเหมือนหัวสัตว์เลื้อยคลานที่เป็นร่างแปลงของมัน

"คุณอยู่ในโลกทิพย์คุณก็รู้นี่ ว่าบุญกับบาปมันเป็นของไม่ถูกกัน หักล้างกัน อะไรมากกว่า อันนั้นชนะ การสะสมวิญญาณเพื่อใช้กำลังบุญของวิญญาณทำประโยชน์ให้คุณเรื่องขยายเขตแดน มันเป็นคำอ้างหาสาระไม่ได้ของคุณมากกว่า เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ความจริงทุกชีวิตย่อมมีกรรมเป็นของตัวเอง ไม่มีใครทำให้หรือบันดาลให้ได้"

                  สีหน้าของปีศาจร้ายได้เริ่มบิดเบี้ยวไปด้วยความโกรธ หายใจแรงดังฟืดฟาด เป็นเหมือนกำลังจะถูกล้วงความลับที่มันปกปิดไว้

"แล้วที่จริง คุณเป็นแค่อสูรกายมีฤทธิ์ตนนึงจากเปตวิสัยที่เบียดเบียนกินวิญญาณอื่นมากกว่า คุณน่ะ หิวกระหายอยู่ตลอดเวลา วิญญาณที่คุณยังไม่กิน คุณแค่เก็บไว้กินทีหลังเฉยๆ ต่อให้คุณได้น้องคนนี้ไป คุณก็จะกินน้องเค้าแน่นอน อดใจไม่ไหวหรอก วิญญาณทุกตนอร่อยสำหรับคุณทุกดวงนั่นแหละ แล้วคุณก็จะไม่ปล่อยใครไปทั้งนั้นหรอก อย่ามาแสร้งเล่นละครสร้างเรื่องป่วนไปหน่อยเลย... แล้วตัวคุณเป็นบาปทั้งแท่งแบบนี้ จะมาใช้บุญมากขนาดนั้นทำกิจของตัวเองได้ไง แบบนั้นตัวคุณก็สลายไปน่ะสิ... คุณคงไม่อยากฆ่าตัวเองตายหรอกมั้ง ?"

                  คำพูดอันหนักแน่นและยืดยาวของเกม ทำเอาปีศาจร้ายโกรธแค้นสุดขีด โกรธที่เขาได้รู้ตัวตนที่แท้จริงของมันเข้าอย่างน่าประหลาด แต่แล้ว อาการนั้นของมันก็หยุด เมื่อมันก็จ้องเขม็งไปที่เกมอีกครั้ง ครู่หนึ่งมันก็ออกอาการโกรธแค้นยิ่งกว่าเดิม แสงไฟสีแดงสว่างวาบขึ้นที่เบ้าตาของมัน

"จ... เจ้าเด็กเวรนี่ !!! ..... แกบังอาจทรยศฉันเรอะ !!!? แกหนีไปเข้าสิงร่างเจ้าเด็กนั่นแล้วคิดว่าแกจะรอดไปจากเงื้อมมือฉันได้งั้นใช่มั้ย !!?... ไว้ฉันจะลงโทษกินแกทีหลัง !! เตรียมตัวไว้เถอะ ฉันจะกินแกเข้าไปในคำเดียว แล้วจะเคี้ยวให้แหลกลงท้องฉันไปเลย !!"

                   ทุกคนเห็นอาการและได้ยินคำพูดของปีศาจร้ายแล้ว จึงหันมองมาที่เกมอย่างงุนงง ที่นัยตาดำของเขาบัดนี้ได้เรืองแสงสีเหลืองทองอ่อนๆ ตาไม่กระพริบ ทุกคนไม่รู้เลยว่าเกมถูกสิงตั้งแต่เมื่อไหร่

"พอเถอะ คุณก่อเวรมานานแล้ว... ได้เวลาปลดปล่อยเหยื่อความชั่วทั้งหลายของคุณซะที"

                  ว่าแล้ว ร่างของเกมก็เดินตรงไปที่ปีศาจร้ายนั้น ปีศาจร้ายได้ออกอาการผงะและเริ่มถอย

"...ก... แก !!?.........เป็นไปไม่ได้ !... ทุกทีแกไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนี้นี่ !?"

"ที่ผ่านมาผมไร้ที่พึ่ง ไร้ตัวช่วย ไร้ทางเลือก ผมถึงอยู่ในอำนาจของคุณ... แต่ตอนนี้ผมมีที่พึ่งแล้ว ก็คือเด็กคนนี้ บุญที่มากมายของเขากับบุญของผม รวมกันแล้วมีอำนาจมากกว่าคุณหลายเท่า !"

                  แล้วเกมก็กระโดดลอยขึ้นสูงพุ่งไปหาปีศาจร้าย ถีบแบบวิชากังฟูเข้าใส่เต็มท้องของปีศาจร้าย จนร่างผีในชุดสูทสีขาวของมันกระเด็นปลิวติดข้างฝา และล้มกองลงพื้น ท่ามกลางความตกตะลึงสุดขีดของทุกคน ปีศาจร้ายเงยขึ้นมามองเกมอย่างเคียดแค้นทั้งที่ร่างกายของมันกำลังฟุบคว่ำอยู่

"....... ฮึ่มมมมมม แก !!! แกกล้าบังอาจเอาเท้าอันต่ำช้าของมนุษย์มาแตะตัวฉันเชียวเรอะ !!!?.... งั้นลองซักตั้งก็ได้ ว่าใครจะแน่กว่ากัน !!!!"

                  แล้วดอกไม้ยักษ์สีแดงสดที่เชื่อมต่อรากไม้ติดอยู่บนเพดาน ก็เปล่งแสงสีแดงสว่างโพลงขึ้น จนห้องสว่างกลายเป็นแสงสีแดงกลบสีทั้งหมด ทุกอย่างกลายเป็นสีแดงล้วนเมื่อกระทบกับแสงนั้น ปีศาจร้ายผุดลุกขึ้นดุจตุ๊กตาล้มลุก แล้วร้องคำรามขึ้นเสียงดังก้อง ร่างผีของมันได้แปลงเป็นสัตว์ประหลาดที่ตัวใหญ่กว่า น่ากลัวกว่า ร่างกายดูหยาบขึ้น มีปุ่มและหนามแหลมขึ้นไปทั่วตามส่วนที่เป็นกระดอง หัวดุจไดโนเสาร์พันธุ์กินเนื้อของมันมีปากและเขี้ยวที่ยาวขึ้น แขนที่มีมือเป็นเคียวใหญ่งอกเพิ่มขึ้นมาอีกสองข้างเป็นสี่ข้าง หางปล้องมีเดือยเหล็กไนพิษแบบแมงป่องงอกขึ้นมาจากก้นอีกสอง กลายเป็นสามหาง มีเสียงกรีดร้องที่หวาดกลัวสุดขีดของพวกนักเรียนหญิงดังขึ้นระงม

"แแแแฮ่ !!!................ หึ หึ หึ หึ เอาล่ะ... ฉันจะจัดการแกซะ ! ลองพิษที่ร้ายแรงกว่าพิษทุกชนิดในโลกนี้หน่อยเป็นไง !!!"

                  สัตว์ร้ายนั้นชูหางทั้งสามของมันพ่นพิษที่กลายสภาพเป็นเปลวเพลิงใส่เกม เหมือนยิงเครื่องพ่นไฟใส่ก้อนเนื้อ

                  พรึ่บ ! พรึ่บ ! ฉ่าาา !

"เฮ้ยยยย !!!!"

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดด !!! เกมมมมมม !!!!"

                   ทุกคนร้องขึ้น โดยเฉพาะไป่ เธอกรีดร้องขึ้นสุดเสียงเมื่อได้เห็นผู้ชายที่เธอรักกำลังถูกเปลวเพลิงที่เป็นดุจผ้าห่มเผาคลุมอยู่จนไม่เห็นร่าง

"ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่าาาาา !!!!.... แค่นี้ก็สิ้นท่าแล้วเรอะ !!? แล้วมาสำคัญตนว่ามีอำนาจกว่าฉัน !! ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!! ให้มันรู้ซะบ้าง !!!!"

                   ปีศาจร้ายในร่างสัตว์ประหลาดหัวเราะดังก้อง กระหยิ่มใจด้วยชัยชนะอันนั้นของมันอย่างเต็มที่ พวกนักเรียนทั้งชายหญิงพากันร้องไห้ระงม เพราะสูญเสียเพื่อนของพวกเขาไป ส่วนสันชายชรานั้นกัดกรามกรอด กำหมัดแน่น สีหน้าเหี้ยมเกรียมมองไปที่ปีศาจร้ายนั้นด้วยความโกรธแค้นสุดขีด

"หึ หึ หึ หึ.... ทีนี้ก็ไม่เหลือตัวขัดลาภแล้ว... เอาล่ะ ในเมื่อพวกแกรู้เรื่องของฉันจนหมดแล้ว ฉันจะกินพวกแกซะให้หมดเลย และจะกินวิญญาณที่เหลือพวกนั้นด้วยไม่ให้เหลือเลยซักดวงนึง !... ไว้ฉันจะเริ่มล่าวิญญาณใหม่ทีหลัง !"

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด !!!"

                   พวกนักเรียนหญิงกรีดร้องขึ้นระงม เมื่อปีศาจร้ายได้เริ่มคลานแปดขาของมันมายังกลุ่ม และอ้าปากเตรียมจะกินสันที่กำลังอยู่ในสภาพสิ้นหวังเป็นคนแรก 

                   ฟู่ !!!

"หือ ? ..... "

                  ปีศาจร้ายชะงัก หันไปตามเสียงของกองเพลิงนั้นที่แสดงปฏิกริยาบางอย่างขึ้นมา

"พิษของคุณ เทียบกับพิษของพญานาคแล้ว ไม่ได้เสี้ยวของพิษพญานาคเลย... ทำอะไรผมไม่ได้หรอก"
 
"....!!!?" 

                  เสียงพูดอันหนักแน่นที่เป็นเสียงของผู้ชายได้ดังออกมาจากกองไฟที่กำลังลุกโชติช่วง แล้วเปลวไฟของกองไฟนั้นก็แปรสภาพกลายเป็นชุดเกราะนักรบที่ถูกสวมใส่โดยชายหนุ่มซึ่งบัดนี้ไม่ใช่ร่างอันเก้งก้างอย่างเด็กวัยรุ่นของเกม แต่เขามีรูปร่างสูงใหญ่อย่างมนุษย์ในยุคอดีด บึกบึนกำยำ หน้าตาหล่อเหลา ชุดเกราะและโล่ห์มีเกล็ดเหมือนงู เป็นเหล็กแดงมีไฟลุกโชน มีอาวุธรูปร่างคล้ายกริชฐาตุฤษีรูปพยานาคพ่นไฟที่ถูกทำลายไป เพียงแต่บัดนี้มันได้ยาวกลายเป็นดาบอย่างเต็มตัว และเป็นดาบที่มีไฟลุกโพลงอยู่ทั้งเล่ม เขาได้ยืนโชติช่วงอยู่อย่างนั้น ท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งกลุ่มนักเรียนและปีศาจร้าย

"...ก... แก !!? ..."

.                      ปีศาจร้ายเริ่มออกอาการหวั่นเกรง และเริ่มทั้งท่าเตรียมต่อสู้ป้องกันตัว แล้วมีดพร้าคอมแบ็ตของสันก็ได้ลอยมาจากมุมหนึ่งของห้อง มาตกอยู่ตรงหน้าเขา และมีแสงสีทองเปล่งออกมาจากมีด แล้วได้ยาวกลายเป็นดาบขนาดเหมาะมือ

"คุณสัน ผมจะจัดการกับปีศาจนี่เอง... ส่วนคุณกับเด็กพวกนั้น รีบช่วยกันทำลายเสารากไม้ที่นี่ให้หมด แล้วถอนดอกไม้ทั้งหลายที่อยู่ตามฝาผนังรากไม้นั่นซะ... รากไม้พวกนั้นไม่มีอะไรในโลกตัดได้ มีเพียงมีดของคุณเท่านั้นแหละที่ตัดได้" 

                   ปีศาจร้ายได้ยินดังนั้นแล้วก็เริ่มออกอาการหวาดผวาออกมาอย่างชัดเจน

"ฉันไม่ให้พวกแกทำอย่างนั้นเด็ดขาด !!!"

                   ว่าแล้ว มันก็คลานพุ่งเข้ามาที่ชายชราที่กำลังหยิบดาบนั้นขึ้นมา แล้วมันก็ถูกหยุดด้วยโล่ห์ของนักรบเกราะเพลิงที่เข้ามากระทบบังไว้จนร่างอันใหญ่โตของมันเซกลับไป มันโกรธจนร้องขึ้นเสียงดังก้อง

"ไปเร็วเด็กๆ อย่ามัวช็อค ! ช่วยกันถอนดอกไม้ที่เค้าว่าให้หมด ข้าจะฟันรากไม้ที่เป็นเสาพวกนั้นเอง !!"

"ต... แต่รากไม้มัน..."

                   ไป่ยังออกอาการหวาดกลัว ไม่กล้าทำสิ่งที่ทุกคนต้องทำ

"ยายไป่ ! แกเลิกกลัวได้แล้ว มันยึกยือๆอยู่แบบนั้นเฉยๆ ไม่ทำอะไรเราหรอก !... ไปช่วยกันถอนดอกไม้พวกนั้นกันเร็ว !"

                  ดาวดุไป่จนเธอจำต้องกล้ำกลืนความกลัวเอาไว้แล้วจึงตามเพื่อนๆไปในที่สุด

"ไหนวะดอกไม้ ? ไม่เห็นมี.......... เอ้า ! นี่ไงๆ เต็มเลย ! "

                   เพราะแสงที่สว่างจนเห็นสิ่งต่างๆได้ทั่วทั้งห้อง ทุกคนจึงได้เห็นพวกดอกไม้สีแดงเล็กๆรูปร่างแปลกๆที่ขึ้นอยู่ตามรากไม้ยักษ์ขนาดเท่าท่อนซุงที่กำลังขยับยึกยือไปมาดุจพวกมันกำลังกลัวที่จะถูกเบียดเบียน

"ถอนทำไมก็ไม่รู้ แต่รีบถอนกันเร็ว !"

                  นักรบเกราะเพลิงได้เข้าต่อสู้ฟันปีศาจร้ายจนมันขาดออกเป็นส่วนๆ แต่ส่วนที่ถูกฟันขาดกลับงอกขึ้นมาใหม่อย่างรวดเร็ว ส่วนปีศาจร้ายก็ได้ใช้กำลังของมันทำเอานักรบเกราะเพลิงกระเด็นไปหลายที บ้างก็ใช้ทั้งเคียวที่มือฟัน แทง และใช้เหล็กไนที่หางทั้งสามจ้วงต่อย แต่ก็ถูกนักรบเกราะเพลิงหลบและปัดป้องได้หมดทุกการโจมตี เป็นการต่อสู้ที่ไม่มีใครทำร้ายใครได้จริงๆ ในระหว่างการต่อสู้ปีศาจร้ายนั้นได้พยายามจะเข้าไปทำร้ายพวกกลุ่มนักเรียนที่กำลังถอนดอกไม้กันเป็นพัลวัล และสันที่กำลังฟันทำลายพวกรากไม้ยักษ์ที่ย้อยเป็นเสาอยู่ ขาดลงเป็นท่อนๆ นักรบเกราะเพลิงก็พยายามที่จะขัดขวาง ถ่วงปีศาจร้ายไว้ ดุจกำลังรอบางสิ่งบางอย่างอยู่

"อุ๊ฟ เหม็น !! กลิ่นหมาเน่าผสมน้ำหอมนี่มันมาจากดอกไม้พวกนี้นี่เอง... อยากอ้วก !!.......... แหวะะะะะ !!"

                   อ๊อดออกอาการพะอืดพะอมในขณะที่กำลังถอนดอกไม้อยู่ และอาเจียนออกมาในที่สุดจนทุกคนร้องยี้ แต่กลิ่นนั้นที่มาจากดอกไม้ประหลาดได้โชยกลบกลิ่นอาเจียนของอ๊อดไป

"ถอนไปเรื่อยๆ เด็กๆ อย่าหยุด !... คงมีอะไรซักอย่างแน่ ทำตามที่เค้าบอกไปก่อน !.... แต่จะเรียกเค้าว่าอะไรดีวะ !? ไอ้หนูเกม เทวดา รึพญานาค !?"

                   ชายชราพูดพลางทำลายเสารากไม้ไปเรื่อยๆเช่นกัน

                   ดอกไม้ยักษ์บนเพดานที่กำลังเปล่งแสงสีแดงอยู่ แสงของมันได้เริ่มสลัวอ่อนลงขณะที่ทุกคนกำลังทำลายสิ่งที่เป็นส่วนของมัน

"ไมมมมมมม่ !!!!"

                   ปีศาจร้ายคำรามขึ้นดังก้อง เมื่อมันประสบกับสถานะอันถดถอยของตัวมันเอง พลังของมันที่มีอยู่เต็มที่เริ่มหดหาย ร่างของมันได้หดเล็กลงจนมีขนาดเท่ากับนักรบเกราะเพลิง มันได้แปลงร่างกลับกลายมาเป็นร่างผีของมันตามเดิม แต่ก็ยังมีกำลังฤทธิ์ต่อสู้อยู่ด้วยการแปลงแขนของมันให้กลายเป็นดาบทั้งสองข้าง ชุดสูทของมันกลายเป็นเกราะกระดองสัตว์ เข้าห้ำหั่นกับนักรบเกราะเพลิง

"คุณต้องผ่านผมไปให้ได้ก่อน !"

"หยุดขวางฉันซะที เจ้าเด็กเวร !!........... หือ !?.... อ... อะไรกัน !!!?"

                   ดอกไม้ทั้งหลายที่งอกอยู่บนเพดานซึ่งเป็นส่วนที่กลุ่มนักเรียนเอื้อมไม่ถึง ได้เริ่มหลุดร่วงลงไปทีละดอกสองดอก จนเริ่มร่วงเพิ่มขึ้นหลายดอก กลุ่มนักเรียนเงยมองที่มาของการร่วงของดอกไม้บนเพดานพวกนั้น

"เฮ้ยยยยยย !!!"

                  อ๊อดอุทานขึ้นเสียงหลงเมื่อเห็นพวกวิญญาณรูปร่างน่ากลัวทั้งหลายค่อยๆปรากฏตัวขึ้นในกริยาที่กำลังไล่ถอนดอกไม้พวกนั้นอยู่ พวกที่มีแต่ท่อนล่างและขาก็ยังอุตส่าห์ใช้เท้าขยี้ทำลายดอกไม้ และใช้ง่ามนิ้วเท้าดึงดอกไม้ออก

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า !! เป็นไงเล่า !?... ขนาดผีก็ยังมาช่วยเลย ไม่มีใครยอมเอ็งหรอกโว้ย เจ้าปีศาจบาปหนา !... เด็กๆ ไม่ต้องกลัวแล้ว ถอนดอกไม้ไป ปล่อยให้พวกผีเค้าถอนส่วนที่พวกเราเอื้อมไม่ถึง !"

                   ว่าแล้วสันก็ฟันรากไม้ต่ออย่างเมามัน มีใจฮึกเหิมขึ้น

"ไมมมมมม่ !!!.... ฮึ่มมมม เจ้าพวกอ่อนแอ !!! ได้ทีแล้วเอาใหญ่เชียวเรอะ !!! ฉันจะกินพวกแกให้หมดเลย คอยดู !!!"

"คุณจะกินใครไม่ได้ทั้งนั้น เพราะคุณต้องโดนกำจัดไปซะ !!"

                   นักรบเกาะเพลิงกระหน่ำฟันปีศาจร้ายอย่างมีกระบวนท่าเป็นจักรผัน จนปีศาจร้ายต้องใช้แขนที่เป็นดาบคู่ของมันปัดป้องเป็นพัลวัล อยู่ในสถานะที่เสียเปรียบอย่างสิ้นเชิงเพราะเริ่มมีพลังอำนาจน้อยลง และหมดโอกาสที่จะเข้าไปถึงกลุ่มนักเรียนพวกนั้น

                       เมื่อดอกไม้ตามรากไม้ทั้งหลายโดนถอนจนไม่เหลือแล้ว ดอกไม้ยักษ์บนเพดานที่ใจกลางห้องก็มีแสงสีแดงที่อ่อนลงไปเรื่อยๆ และดับลงไปในที่สุด จนห้องเหลือแต่แสงเพลิงของนักรบเกราะเพลิงที่ยังทำให้ห้องสว่างไสว ทำให้ทุกอย่างดูเป็นเหมือนสีทอง ไม่เหลือแสงสีแดงแม้แต่น้อยจากส่วนใดของรากไม้ในห้องเลย แล้วดอกไม้ยักษ์นั้นก็เริ่มมีควันโขมงขึ้นตามกลีบ เริ่มฝ่อลงจนเหี่ยว เปลี่ยนสีจากสีแดงสดกลายเป็นสีม่วงเข้ม รากไม้ที่ขยับไปมาก็เริ่มหยุดขยับ และแน่นิ่งไป ทุกอย่างได้ตายลงอย่างสนิท

"ไม่นะ !! ไมมมมม่ !!!"

                   ปีศาจร้ายในร่างผีได้มืดลงกลับกลายเป็นร่างเงาดำ และแสงเพลิงจากนักรบเกราะเพลิงก็เผยรายระเอียดตัวตนของร่างเงาดำนั้น มันเป็นร่างโครงกระดูกมนุษย์ธรรมดาๆสีม่วงอ่อน ที่ถูกห่อหุ้มด้วยกลุ่มพลังงานสีดำเท่านั้น แต่ในซี่โครงของมัน มีหัวใจเรืองแสงสีแดงเต้นอยู่ เต้นตุบๆดุจกำลังหวาดกลัว
                   ทุกคนได้เข้ามาห้อมล้อมปีศาจร้าย ที่กำลังคุกเข่าลงอย่างหมดสภาพ เป็นเหมือนผู้ร้ายที่ถูกตำรวจจับกุมควบคุมตัวอยู่ โดยมีเจ้าทุกข์คือวิญญาณทั้งหลายยืนมุงดูอยู่... แล้ววิญญาณบางพวกก็ได้พุ่งเข้ามา จับพยุงปีศาจร้ายนั้นขึ้นมา ล็อคไว้อยู่อย่างนั้น

"ย... อย่านะ ฉันยอมแล้ว ปล่อยฉันไปเถอะ... ฉันผูกพันธ์กับที่นี่ แต่รับรอง ฉันจะไม่ทำอะไรใครอีก... ฉันจะอยู่ชดใช้บาปกรรมที่ทำไว้สมัยตอนเป็นมุนษย์อย่างสงบ จะไม่ก่อเรื่องอีกแล้ว... ขอเถอะ อย่าทำฉัน อย่าทำลายบ้านหลังนี้"

                   เสียงพูดร้องขอชีวิตของปีศาจร้ายฟังดูแล้วน่าเวทนาไม่ต่างกับเสียงของวิญญาณทั้งหลายที่ได้ถูกมันเบียดเบียน มีสภาพผิดกับตอนที่กำลังมีฤทธิ์อย่างหน้ามือเป็นหลังมือ ทำเอาโฟกัสผู้มีใจอ่อนโยนเริ่มมีความเห็นใจแม้แต่ในปีศาจร้ายนั้น
 
"งั้นคุณก็เริ่มชดใช้บาปของคุณเถอะ แล้วบ้านหลังนี้ก็ไม่ได้เป็นของคุณอีกแล้ว... พ้นโทษจากนรกแล้วก็อย่าทำบาปอีกละกัน"

"ย.... อย่าาาาาา !!!"

                   นักรบเกราะเพลิงยกดาบขึ้น หันมองไปที่กลุ่มนักเรียน ผงกหัวบ่งบอกถึงการจากลา แล้วจึงใช้ดาบที่มีเปลวเพลิงเสียบเข้าไปที่หัวใจของปีศาจร้ายที่กำลังโดนพวกวิญญาณจับล็อคไว้

                   สวบ !!

"อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาากกกกกกกกกก !!!!!"

                  เกิดมีแสงสว่างขาววาบไปทั่วห้องพร้อมกับเสียงร้องของปีศาจร้ายที่กำลังจางหายไป ทุกอย่างกลายเป็นห้วงมิติโลกสีขาว

                      .....................

".... !?"

                   โฟกัสพบว่าตัวเธอกำลังอยู่ในที่นั้นคนเดียว ด้วยมิตินั้น เธอแยกไม่ออกเลยว่าเธอกำลังหลับตาหรือกำลังลืมตากันแน่ มีความอบอุ่นแผ่ซ่านอาบไปทั่วร่างกายของเธอ... แต่แล้ว

"โฟกัส ?... โฟกัส !... ทางนี้ !"

                   ท่ามกลางมิตินั้น เกมได้ปรากฏตัวขึ้น และวิ่งเข้ามาหาเธอ

"เกม !?..."

"อ้าว... แล้วคนอื่นๆล่ะ ?"

                  โฟกัสมองไปรอบๆ เธอเห็นแต่มิติสีขาว และตัวเธอกับเกมเท่านั้น

"ม... ไม่รู้สิ... มีแต่ฉันตั้งแต่แรกแล้วน่ะ... แปลกจัง ไปไหนกันหมด ?"

"บุญพวกเค้ายังไม่ถึงน่ะ... ที่นี่เป็นทางเชื่อมต่อไปสวรรค์ชั้นดาวดึงส์"

                  เสียงเด็กหนุ่มดังมาจากที่หนึ่ง โฟกัสกับเกมหันไปยังที่นั้น ทั้งคู่เห็นเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนที่มีตัวอักษรสถาบันเดียวกันที่อก เดินมากับใครคนหนึ่งที่แต่งกายคล้ายนักรบโบราณไม่ทราบสัญชาติ มีเกราะอันวิจิตร มีดาบพร้อมฝักที่สวยงามห้อยติดอยู่ที่เอว ที่หลังสะพายโล่เงินอันใหญ่ประดับขอบด้วยทอง

"ฉันเป็นตัวแทนของวิญญาณทุกตนในบ้านร้างหลังนั้นน่ะ... ขอบคุณพวกเธอมากนะ ที่มาช่วยปลดปล่อยพวกฉันจากปีศาจอันธพาลนั้น พวกที่มีบุญไปสวรรค์กันหมดแล้ว ส่วนที่มีบาปก็ตามเวรตามกรรมไป... แล้วผู้นี้ก็คือ พญานาคที่มีหน้าที่เฝ้ารักษากริชฐาตุฤษี"

                   แล้วนักรบหุ้มเกราะผู้เป็นพญานาคก็ทำท่าถอนใจ

"แต่มันถูกทำลายไปแล้วน่ะสิ... ผมเลยได้หน้าที่ใหม่ หน้าที่ปกปักษ์รักษาพวกคุณทุกคนที่เข้าร่วมการปลดปล่อยครั้งนี้ แทนกริชนั้น... เพราะกรรมนี้ที่พวกคุณทำ เป็นกรรมดีที่ทำได้ยาก มีประโยชน์ต่อผู้อื่นอย่างกว้างขวาง มีอานิสงส์มาก ความเป็นธรรมอันมากมายจะเกิดขึ้นเพราะกรรมนี้ทีเดียว"

"เป็นกรรมดีของคุณด้วย คุณพญานาค เพราะคุณมาร่วมรวมร่างกับผมแล้วก็เพื่อนคนนี้ ต่อสู้กับปีศาจบาปหนานั่น"

                  เมื่อเกมพูดจบแล้ว พญานาคก็ได้มีรัศสีทองสว่างขึ้นจากตัว ทั้งเกราะ โล่ และฝักดาบ ได้กลายเป็นสีทองอร่ามไปทั่ว บ่งบอกถึงความเพิ่มขึ้นของบุญ แล้วเขาก็ยกมือไหว้เกม

"โอ... ทำไมผมคิดไม่ถึงนะ มัวแต่พะวงยึดติดกับกริชที่โดนทำลายนั้นอย่างเดียว... มนุษย์ช่วยชาวทิพย์ได้แบบนี้จริงๆ" 
 
"เอ่อ.... แล้ว.... เธอเป็นใครเหรอ ?"

                   โฟกัสถามเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนคนนั้นขึ้นในที่สุด

"ฉันชื่อ ยิ่ว เรียนอยู่ชั้น ม.4/2.... ฉันรู้แล้วล่ะ ว่าลุงสันเล่าเรื่องของฉันให้เธอฟังแล้ว ฉันคือเด็กที่โดนเพื่อนแกล้งให้ไปในบ้านหลังนั้นตอนตอนกลางคืนสมัยเมื่อสิบปีก่อน... ฉันตายเพราะปีศาจร้ายนั่นฆ่าร่างมนุษย์ของฉัน แล้วเอาฉันไปอยู่กับมัน... มันจะเอาฉันไว้กินทีหลังสุด เพราะฉันมีบุญมาก มันกินได้ยาก"

"อืม... กินยากก็น่าจะปล่อยไปนะ มันกะจะกินทุกอย่างที่มันจับได้เลยเหรอ... ตะกละจริงๆ"

                  เกมแสดงความคิดเห็นขึ้นมา

"เป็นความโลภที่มากมายของมันเมื่อสมัยมันเป็นมนุษย์ผู้ชั่วร้าย เมื่อมันตายกลายมาเป็นปีศาจที่กินวิญญาณอื่นเป็นอาหาร ความโลภนั้นก็กลายมาเป็นความหิวกระหายที่มากมายหาที่สุดไม่ได้ของมัน ... ตอนนี้มันไปรับโทษนั้นของมันในนรกชั้นอเวจีแล้ว"

                   พญานาคเสริมขึ้นอีก

"เอาล่ะ ฉันต้องไปแล้ว..... เกม โฟกัส... ไว้เรามาเป็นเพื่อนกันในชาติต่อๆไปนะ... ตอนนี้ฉันคงต้องไปของฉันก่อนล่ะ"

"จ้ะ... โชคดีนะ แล้วเจอกันใหม่"

"ขอให้นายมีความสุขมากๆในสวรรค์นะ"

                  แล้วร่างของยิ่วก็ได้สว่างขึ้นเป็นแสงสีทอง กลายเป็นเทพบุตรใส่ชุดสูทสีขาวมีขริบทองตามขอบชุด ประดับประดาด้วยเครื่องทองอย่างคนมีฐานะดีในโลกมนุษย์ มีหน้าตาและผิวพรรณที่สดใส ทรงผมเรียบมัน จางหายไปพร้อมกับแสงสีทองนั้น โดยที่พยานาคพนมมืออนุโมทนากับการไปอย่างนั้นของยิ่ว แล้วก็ได้มีลมปะทะขึ้นอย่างแรง
                  ........................
.                   
"เกม !"

"โฟกัส !"

                   เกมกับโฟกัสลืมตาขึ้น แสงสว่างของไฟฉายที่กำลังส่องหน้าได้เผยถึงรูม่านตาที่กว้างอยู่กำลังหดแคบลง

"นี่ฉัน... ?"

"เกมมมมมมม !!!! โฮ โฮ โฮ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ !!!"

                   ไป่ร้องไห้กอดเกมไว้แน่นโดยที่เขาไม่ทันพูดอะไรอีก ในขณะที่ดาวก็กอดโฟกัสแบบนั้นเช่นกัน

"เฮ้อ.... โล่งอก.... ตอนแรกชีพจรไม่เต้นเลย นึกว่าตายแล้วจริงๆ.... ผับผ่าสิ เอ็งสองคนนี่ หลอกให้ข้าใจเสียหมด"

                   สันมีสีหน้าที่โล่งอกทั้งที่มีหน้าตาดุดันน่ากลัว

                   ทุกคนได้รวมกลุ่มกันอยู่ในสถานที่แห่งหนึ่ง ท่ามกลางความมืดที่มีวิสัยทัศน์จำกัดด้วยแสงไฟฉาย แต่ด้วยไฟฉายของทุกคน ก็ได้ทำให้ที่นั้นสว่างอยู่พอสมควร และเผยถึงรายละเอียดของพื้นที่อันรกร้างคร่ำคร่านั้น

"นี่มัน... ที่ไหนกันน่ะ... ?"

                   โฟกัสถามขึ้นด้วยอาการงัวเงีย

"ห้องโรงงานใช้ผลิตยาเสพย์ติดของพวกแก๊งค์ยาเสพย์ติดระดับชาติน่ะ ยัยหนู... มีหลายอย่างเลย ม้า ไอ๊ซ์ เฮโรอีน โคเคน... เจ้าแก๊งค์พวกนี้มันสร้างบ้านหรูๆพรางโรงงานนี่ไว้"

                   โฟกัสได้ยินกำพูดของสันดังนั้นแล้ว จึงมองไปรอบๆ เธอพบว่า มันเป็นห้องกว้างประมาณเท่าห้องเรียนสามห้องรวมกัน มีเครื่องจักรแปลกๆหลายชนิด มีสนิมขึ้นเขรอะ มีโต๊ะที่ใช้บรรจุยาเสพย์ติดหลายโต๊ะเป็นเวิร์กช็อป มีชั้นวางยาเสพย์ติดเรียงกันไปตามข้างฝา มียาเสพย์ติดนาๆชนิดที่เหลือรอดจากการขนออกไป วางเก็บอยู่บนชั้นบางชั้น ที่คอกไม้อัดเล็กๆหลายคอกที่ใช้ทำงานด้านการบัญชีและเอกสาร มีโต๊ะที่เต็มไปด้วยเอกสารเก่าที่กระจัดกระจายไปทั้งโต๊ะและที่พื้น มีห้องส่วนตัวสำหรับผู้บริหารสูงสุดห้องหนึ่งซึ่งก่อด้วยไม้อัด แยกจากคอกทำงานทั้งหลาย
                   ห้องโรงงานผลิตยาเสพย์ติดใต้ดินนี้ เป็นห้องในโลกจริงที่ปีศาจร้ายได้เปลี่ยนมิติให้กลายเป็นห้องรากไม้ประหลาดซึ่งใช้เป็นที่อยู่ของมัน และถูกฉาบปิดทางเข้าโดยแก๊งค์ที่กำลังระส่ำระส่ายเพราะหัวหน้าแก๊งค์ถูกฆ่าตาย และรีบขายบ้านที่เป็นเซฟเฮ้าส์กึ่งโรงงานของแก๊งหลังนี้ทอดต่อแก่ผู้อื่นเพื่อการกลบร่องรอยในการหลบหนี แต่ใครก็ตามที่ได้มาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ ก็ต้องมีอันเป็นไปเพราะปีศาจร้ายนั้น จนบ้านถูกทิ้งร้างไปในที่สุด

"เป็นโรงงานย่อมๆเลยนะเนี่ย แล้วไอ้หัวหน้าแก๊งค์มันก็เส้นใหญ่น่าดูเลย... มิน่า มันตายไปแล้วถึงมาเกิดเป็นปีศาจเฝ้าแหล่งเงินของมัน"

                  ในมือของสันมีแฟ้มอัลบั้มรูปถ่ายเล่มหนึ่ง เป็นรูปถ่ายในช่วงเวลาส่วนตัวของแก๊งค์ มีหลายรูปเป็นรูปที่สมาชิกของแก๊งค์กำลังทำอนาจารหมู่กับพวกผู้หญิงขายตัว รูปตอนกำลังฆ่าคนด้วยวิธีการต่างๆ และรูปหัวหน้าแก๊งค์ที่ยืนอยู่กับชาวต่างชาติในบรรยากาศอันหรูหราคล้ายงานเลี้ยง หัวหน้าแก๊งค์คนนั้นได้สวมชุดสูทสีขาวแบบเดียวกันกับปีศาจร้ายนั้น เขามีหน้าตาที่หล่อเข้ม มีหนวดเคราพองามดุจพวกดาวร้ายในหนังและละคร สันนั้นคุ้นหน้าคุ้นตาเขาเป็นอย่างดีในรูปหมายจับ และที่สำคัญ ได้มีรูปหัวหน้าแก๊งค์คนนั้น กำลังนั่งคาบซิก้าสนทนาในที่โอ่อ่าหรูหราอย่างเป็นกันเองกับนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่ง ที่ในปัจจุบันก็ยังคงเป็นนักการเมืองอยู่ในพรรครัฐบาลที่สำคัญพรรคหนึ่ง... สันสนใจรูปนั้นเป็นพิเศษ

"หึ... มิน่า... ปราบยังไงก็ไม่หมด... ผลประโยชน์นี่เอง... แล้วไอ้คนถ่ายรูปนี่ก็โง่บรรลัยเลยว่ะ ถ่ายมาแบบนี้ ถ้ารูปหลุดลอดโดนใครเห็นเข้า ก็ได้ซวยกันหมด... ใหญ่ แต่โง่ ก็พินาศไปซะ"

                   สันพึมพำอยู่ในลำคออย่างยืดยาว ปิดอัลบั้มรูปลง แล้วหันไปที่พวกนักเรียนที่กำลังส่องไฟฉายสำรวจไปทั่วบริเวณ

"เฮ้ย พวกเอ็ง ! อย่าแตะต้องอะไรเด็ดขาดนะเว้ย !... เดี๋ยวตำรวจจะทำงานกันยากขึ้นอีก"

                  อ๊อดรีบเก็บถุงยาไอซ์ที่เก่าจนราขึ้นเข้าที่เดิม

                   เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับบ้านร้างหลังนี้ ได้นำไปสู่การสืบสวนและสอบสวนของตำรวจในเวลาปัจจุบัน เป็นผลให้นักการเมืองคนนั้นที่ปรากฏตัวอยู่ในรูปถ่ายของพวกแก๊งค์ค้ายาเสพย์ติดในสมัยสามสิบปีก่อนนั้น ถูกติดตามจับกุมกำเนินคดีในที่สุด และมีการซัดทอดถึงแก๊งค์ค้ายาเสพย์ติดและแก๊งค์ค้ามนุษย์พวกอื่นๆที่เคยเป็นเครือข่ายของชายชุดสูทสีขาวด้วย จนถูกตำรวจประสานงานกับต่างประเทศติดตามจับกุมได้ทั้งหมดภายในระยะเวลาอันสั้น ไม่มีใครหนีรอดไปได้
                   ข่าวคดีนักการเมืองพัวพันกับแก๊งค์ค้ายาเสพย์ติดรายนี้ที่ได้เป็นเรื่องบานปลายขยายผลการจับกุมผู้ร้ายออกเป็นวงกว้าง ได้กลายเป็นข่าวคดีดังทั้งในและต่างประเทศ มีผู้คนพูดถึงกันอย่างกว้างขวางไม่หยุดหย่อน โดยเฉพาะ จุดเริ่มต้นที่เป็นเรื่องของการสำรวจบ้านร้างหลังนั้นของกลุ่มนักเรียนวัยรุ่นที่นำโดยชายชรา ผู้เป็นทหารผ่านศึกสมัยสงครามเวียดนามคนหนึ่ง และเรื่องราวของประสปการณ์เหนือธรรมชาติอันเหลือเชื่อของพวกเขา มีนักเขียนนิยายแนวแอ็คชั่นและแนวสยองขวัญหลายรายได้นำเรื่องนี้ไปเป็นแรงบันดาลใจในการเขียนงานของตน


                   ย่านเยาราชที่เต็มไปด้วยแสงสีและบรรยากาศการค้าขายตอนค่ำ...
                   ที่ภัตตาคารจีนของครอบครัวของไป่...

                   กลุ่มนักเรียนวัยรุ่นและสันที่แต่งตัวกันอย่างสุภาพเรียบร้อย กำลังนั่งรออาหารที่โต๊ะสำหรับแขกพิเศษ มีจานของว่างและกาน้ำชาเซรามิกสวยงามวางอยู่ตรงกลางโต๊ะกลมแบบหมุนเลื่อนได้  แต่ละคนมีถ้วยน้ำชาอยู่ตรงหน้า

"สรุปแล้ว วิญญาณรุ่นพี่คนนั้นได้ไปดีแล้วสินะ.... น่าสงสารพี่เค้าจริงๆ"

                  ดาวเอ่ยขึ้นหลังจากรินน้ำชาให้สันแล้ว

"หึ... แต่ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ ว่ามันจะเป็นโดมิโน่ไปถึงขนาดนั้น... ยิ่งกว่าแหย่รังแตนซะอีกว่ะ... ดังใหญ่เลยนะพวกเอ็งเนี่ย"

                  สันที่ใบหน้ายิ้มแย้มพูดแล้วจึงจิบ้น้ำชาเข้าไปอึกหนึ่ง ในขณะที่อ๊อดหยิบของว่างกินอยู่ไม่หยุดเพราะความหิว

"ลุงสันก็ดังนะครับ... ไปรบที่เวียดนามได้เหรียญกล้าหาญตั้งสามเหรียญ ทำไมไม่เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังบ้างเลยล่ะครับ ? ...เช่น เรื่องการบุกของเวียดนามเหนือในเทศกาล เท็ต ปีใหม่ของเวียดนามสมัยนั้นน่ะครับ"

                   แซมผู้สนใจในเรื่องการทหารเป็นชีวิตจิตใจพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น เมื่อเขาเพิ่งรู้ถึงวีรกรรมของสันในสงครามเพราะถูกสื่อสัมภาษณ์ วีรกรรมที่สันและเพื่อนทหารนานาชาติของเขาเพียงกองร้อยหนึ่ง ต้านทานทหารเวียดนามเหนือและเวียดกงที่บุกมาเป็นพันๆคนจนถอยออกไปได้

"มันนองเลือดเกิน ไอ้หนูเอ๊ย คนตายเอาง่ายๆเป็นว่าเล่นเลย... ข้าไม่อยากเล่าให้ใครฟังหรอก เอ็งไปหาอ่านหนังสือเอาเถอะ ว่ามันเป็นยังไง ถ้าเอ็งสนใจจริงๆ"

"ลุงเค้าคงไม่อยากจำอดีตที่เลวร้ายหรอก แซม... อย่าไปทำให้ลุงเค้านึกถึงมันสิ"

                  ดาวปรามแซม ทั้งที่ใต้โต๊ะเธอกับเขาได้จับมือกันไว้

"ฮะ ฮะ ฮะ ... แต่ข้าว่า เรื่องของพวกเราที่ปราบเจ้าปีศาจขายยานั่นลงได้ แล้วก็มีพญานาคมาช่วยน่ะ น่าสนใจกว่านะ... ใครมาถามข้าเรื่องนี้ ข้าจะเล่าให้หมดเปลือกไปเลย เอาจนมันเบื่อแล้วหนีไปกันเองนั่นแหละ"

                   ทั้งกลุ่มหัวเราะขึ้น ยกเว้นไป่ที่หัวเราะแหยๆ เพราะยังจดจำความหวาดกลัวจากทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเธอ โดยเฉพาะตอนเมื่อเธอกำลังจะถูกปีศาจนั้นกินที่ห้องนอนของเธอ รากไม้ประหลาด และร่างกายอันน่ากลัวของปีศาจร้ายนั้น

"นี่ ทุกคน ฉันว่ายกเว้นยายไป่มันนะ... ดูสิ ทำหน้ากลัวอีกแล้ว"

                  อ๊อดมีสีหน้ายิ้มว่าพลางกินของว่างไป

"...ก... ก็... ฉันกลัวนี่..."

"เอาน่ะ ไป่... แกก็นึกถึงหวานใจของแกเข้าไว้สิ อุตส่าห์สู้ปีศาจนั่นเพื่อแกเชียวนะ"

                  ไป่กับเกมหน้าแดงเพราะคำแซวของดาว ในขณะที่ทั้งกลุ่มหัวเราะกัน ที่ใต้โตะ เธอกับเกมก็ได้จับมือกันเช่นกัน อ๊อดแอบเหลือบมองโฟกัสที่กำลังนั่งเรียบร้อยอยู่ แต่โฟกัสหลบตาลงมองไปที่อื่น

                  แล้วพนักงานสาวหมวยแต่งชุดจีนสีแดงสองคน ก็นำถาดอาหารชุดใหญ่เข้ามาเสริฟที่โต๊ะ

"เอาล่ะ เด็กๆ... กินข้าวกันเถอะ กินแล้วจะได้กลับบ้านพักผ่อนกัน... พรุ่งนี้พวกเราต้องไปให้สัมภาษณ์กับพวกรายการล่าท้าผีอะไรนั่นอีก... เฮ้อ... มีแต่คนหาเรื่องเจอดีกันทั้งนั้น สมัยนี้"

                 ที่ปลายหลังคาของภัตตาคาร งูจงอางสีทองมีหงอนที่หัวตัวหนึ่งได้เลื้อยขึ้นมา มันยกหัวแผ่แม่เบี้ย มองลงไปดูบรรยากาศความเป็นไปต่างๆของเหล่าคนไทยเชื้อสายจีน ที่กำลังค้าขายและทำกิจกรรมต่างๆท่ามกลางแสงสีเสียงอันคึกคักและสวยงามของย่านเยาราชในคืนวันตลาดนัดของย่าน


(จบ)


จากพันทิป (นิยาย ผี/วิญญาณ) บ้านร้างหลังโรงเรียน
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3402998  หรือในนาม โรนินโดดเดี่ยว

ไม่มีความคิดเห็น