จิตตก


     โรนินโดดเดี่ยว หรือสมาชิกพันทิป 3402998 นักแต่งนิยาย ผีวิญญาณและเรื่องลี้ลับสยองขวัญ โปรดติดตามผลงานของเขาขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย

ยามเย็นใกล้ค่ำในเมืองกรุง... อั๋น สาวทอมรูปร่างผอมบาง แต่หน้าตาสวยน่ารักเหมือนเน็ตไอดอลเกาหลีญี่ปุ่น ผิวเนียนขาวเหลือง มีไฝสเน่ห์เม็ดหนึ่งแต้มที่แก้มซ้าย มีลายสักสไตล์โกธิกมากมายที่แขนทั้งสองข้างและที่คอ เจาะหูข้างซ้ายข้างเดียวด้วยเครื่องประดับแฟชั่นทำด้วยเงิน ไว้ผมสั้นแค่ท้ายทอยแต่ข้างหน้ายาวปัดขวาลงมาจนเกือบบังตาขวา ย้อมไฮไลท์สีม่วงเข้มสะท้อนแสง แต่งตัวเซอร์ เธอกำลังยืนเท้ารั้วสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา สูบบุหรี่อยู่ด้วยใบหน้าอันเหม่อลอย ขอบตาบวม มีคราบน้ำตาไหล บ่งบอกว่าเธอเพิ่งร้องไห้เสร็จใหม่ๆ อั๋นได้นัดหญิงเลสเปี้ยนคู่ขาของเธอมาเคลียปัญหาหัวใจที่นี่ และสุดท้ายก็เลิกกันไปด้วยอารมณ์อันรุนแรง

"..... จะผู้ชาย รึผู้หญิง มันก็เลวเหมือนกันหมด เจ้าชู้พอกัน... พอกันทีชีวิตคู่ โสดดีกว่า"
 
              อั๋นอัดบุหรี่เข้าปอดของเธอเป็นเฮือกสุดท้าย และดีดบุหรี่ทิ้งลงน้ำทั้งที่ยังสูบไม่หมด ควบรถมอร์เตอไซค์รุ่นเอ็นเอสอาร์คันสีม่วงทึบอันเป็นสีโปรด สตาร์ทแล้วบึ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ขับมุ่งกลับไปสู่หอพักแห่งหนึ่งกลางกรุงที่เธอเช่าพักอาศัยอยู่ 
              อั๋นเดินเข้ามาในตึกหอพักอย่างอิดโรย ยกแขนอันไร้เรี่ยวขึ้น กดปุ่มเรียกลิฟท์ และเข้าลิฟท์ไปยืนหลังพิงกำแพงลิฟท์ รอให้ลิฟท์พาร่างกายอันอ่อนเพลียเพราะความเครียดของเธอ ส่งไปยังชั้นที่พัก
              แต่แล้ว... ! ขณะที่ลิฟท์กำลังเคลื่อนขึ้นไป หลอดไฟภายในลิพท์ก็เกิดอาการตกกระพริบ ติดๆดับๆ ทำเอาอั๋นสร่างจากอาการเหม่อลอย ตกใจหน้าตื่น เงยหน้าขึ้นมองหลอดไฟด้วยอาการหวาดผวา
              แล้วลิฟท์ก็หยุดอยู่ที่ชั้นที่พักของอั๋นในที่สุด... ประตูลิฟท์เปิดออก...

"เฮ้ย !!?"

              อั๋นอุทานออกมาด้วยความตกใจ สะดุ้งสุดขีด ข้างนอกลิฟท์นั้น มืดมิด มีเพียงแสงกระพริบจากในลิพท์เท่านั้นที่ส่องออกไป สภาพแวดล้อมที่แสงกระพริบส่องออกไปกระทบนั้น ไม่ใช่ทางเดินของตึกหอพักในสภาพปกติ แต่เป็นทางเดินตึกที่มีสภาพรกร้าง ทุกอย่างเก่าคร่ำคร่า สิ่งของรกระเกะระกะ ฝุ่นจับไปทั่ว ฝาผนังและประตูห้องทั้งหลายมีสภาพเก่าและสีลอกลงเกลื่อนกล่น ประตูบางห้องผุจนเป็นรูทะลุ บางห้องประตูถูกถอนออกไป ที่พื้นอันสกปรกเลอะเทอะกระเบื้องบางแผ่นได้แตกและหลุดออก

"น...นี่มันชั้นห้าชั้นของเราแล้วนี่หว่า !? ไม่ใช่ชั้นอื่นซะหน่อย... นี่มันบ้าบอคอแตกอะไรเนี่ย !!? "

              ความหวาดกลัวได้ครอบงำอั๋นอย่างหนักเพราะสภาพแวดล้อมอันน่าสะพรึงกลัวทั้งในและนอกลิฟท์นั้น อั๋นรีบกดปุ่มปิดประตูลิฟท์ ...แต่มันไม่ทำงาน !

"ปิดสิ !! ปิดสิเว้ย ไอ้ลิพท์บ้า !! ฉันบอกให้ปิด !!!"

              อั๋นที่กำลังอยู่ในอาการหวาดกลัวอย่างหนัก กดปุ่มปิดประตูลิฟท์ย้ำรัวๆอย่างแรงและรวดเร็ว และยกเท้าถีบไปที่แผงปุ่มควบคุมลิฟท์
                   
                  ทันใดนั้น !....

"โห่วววว..ว..ว..ว.....หู่ววว...ว...ว..ว..!"

             เสียงอันมิใช่ของมนุษย์ที่ดังก้องไปทั่วทั้งชั้นนั้น ทำเอาอั๋นสะดุ้ง ชะงักตัวแข็งนิ่งอยู่ ดวงตาอันเบิกโพลงของเธอมองออกไปข้างนอกลิฟท์.......... แต่ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น
             และแล้ว ไฟในลิพท์ที่กระพริบอยู่ก็ดับลง เหลือแต่ความมืดมิด !

"เฮ้ยยยยย !!!?"

              อั๋นสะดุ้งจนทรุดนั่งกองลงกับพื้นลิฟท์ ถอยกรูดหลังพิงแนบกำแพงลิฟท์ไว้แน่น เหงื่อชุ่มตัวอันสั่นเทาของเธอจนเสื้อผ้าชื้น ครางเสียงสั่นและเริ่มร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัวสุดขีด

              ตึ่ก...ตึ่ก...ตึ่ก...ตึ่ก...ตึ่ก...ตึ่ก................

              ความหวาดกลัวอันสุดขีดของอั๋นเพิ่มขึ้นเป็นอีกทวีคูณ เมื่อเธอได้ยินเสียงฝีเท้าของบางสิ่งข้างนอกนั่นที่ฟังดูเหมือนจะมีมากกว่าหนึ่ง และพวกมันกำลังเดินมาที่ลิฟท์... ใกล้เข้ามาทุกที... แต่แล้วก็เงียบหายไป

"ค...ค... ใคร !? .... น...นั่นใครน่ะ !?"

              อั๋นส่งเสียงอันสั่นเครือถามขึ้นมา ไม่มีเสียงตอบรับ...

              หวื่อ .....พรึ่บ !!

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด !!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!"

              อั๋นกรีดร้องดังลั่นลิฟท์ เสียงดังก้องไปทั่วทั้งชั้น เมื่อหลอดไฟในลิฟท์กลับมาสว่างเป็นปกติ พร้อมด้วยร่างอาบเลือดของผีตายโหงที่น่ากลัวมากมาย ยืนนิ่งอยู่หน้าประตูลิฟท์ บางตนมีลูกตาถลนออกมา บางตนทั้งจมูกและเบ้าตากลวงโบ๋ บางตนไม่มีหัว พวกมันจ้องมองมาที่อั๋นเป็นจุดเดียวกัน

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!"

"อั๋น ! ..... อั๋น !? .... เป็นอะไรของแกน่ะ !? ใจเย็นๆ ทำใจดีๆไว้  !"

             หนุ่มใหญ่ร่างท้วมหน้าตาปานกลางไว้ผมทรงสกินเฮด สวมผ้าเอี๊ยมกันเปื้อนคนหนึ่ง เข้ามาประคองอั๋นและพยายามทำให้เธอได้สติ... อั๋นได้สติ และพบว่าเธอกำลังอยู่ในลิฟท์ซึ่งยังไม่ได้กดขึ้นไปที่ชั้นของตน และกำลังอยู่ในอ้อมแขนของหนุ่มร่างท้วมที่เข้ามาช่วยเธอ อั๋นมองไปรอบๆอย่างงงงันและมีอาการเหวอทั้งที่กำลังร้องไห้กระซิกอยู่

"..พ....พ...พี่โก้ ?"

"นึกว่าใครร้องในลิฟท์ซะอีก แกนี่เอง... เป็นอะไรของแกวะ ? ท่าทางยังกะโดนผีหลอกแน่ะ ยังไม่ทันจะค่ำเลย"


             หลังจากที่โก้ส่งอาหารตามสั่งให้ลูกค้ารายหนึ่งที่อยู่ในตึกหอพักแล้ว เขาก็ลงลิฟท์ออกมาจากตึก และเดินกลับมาที่ร้านของเขาซึ่งอยู่ติดเยื้องกับหอพักไปไม่กี่เมตร พร้อมกับอั๋น

"แกยังไม่ได้กินข้าวเย็นเลยนี่หว่า... มา  มื้อนี้ฟรีฉันเลี้ยง... แกจะกินอะไร สั่งมาได้เลย"

"ไม่อ่ะพี่โก้... ตอนนี้ฉันไม่อยากกินอะไรทั้งนั้น"

"เอาน่า อย่าไปคิดอะไรมากเลย... ในเมื่อแม่นั่นมันไม่อยู่ในอำนาจวาสนาของแกแล้ว แกจะทำอะไรได้วะ...
คนที่แกจะคบยังมีในโลกอีกเยอะ แกเองเดี๋ยวก็ไปสนใจคนใหม่อีกนั่นแหละ... เชื่อสิ"

"ตอนนี้ฉันคงพอแล้วล่ะพี่... ฉันเข็ดแล้ว... พอกันที ความรักบ้าบอคอแตก... ไม่อยากเจ็บอีกแล้ว"

"....... เฮ้อ... แกนี่ขนาดหน้าตาดียังกะพวกเน็ตไอดอล ลุ๊คแจ่มยังกะพวกเคป๊อบ ยังอาภัพเรื่องรักได้
อย่าพูดถึงฉันเลย... อ้วนแถมไม่หล่ออย่างฉันนี่ ไม่เคยมีใครมาสนใจ แต่ก็ยังไม่ทุกข์ไม่ร้อนเท่าแกเลย...
พักไปซะบ้างก็ดีนะ ความรัก... หันมารักตัวเองบ้าง ทำปัจจุบันให้ดีก่อน พอมีชีวิตชีวาดีขึ้นแล้ว
ค่อยไปรักคนอื่นใหม่ เลือกรักเอาคนที่มีใจมั่นคงกับแกมากกว่านี้... ตอนนี้ทำใจให้ดีๆไว้ก่อน
ตั้งสติให้อยู่กับตัว อย่าเพิ่งไปคิดอะไรมากเลย"

"........................"

              คำพูดอันตรงของโก้กินใจอั๋นพอสมควร แต่เธอก็ได้ข้อคิดที่ดีอยู่เหมือนกัน ถึงกระนั้น โก้ก็เป็นคนคนเดียวที่เธอรู้สึกเหมือนเป็นเพื่อนในยามยาก เขามักให้คำปรึกษาเรื่องชีวิตแก่เธอมาตลอดตั้งแต่รู้จักกันมา เธอมักมากินมื้อกลางวันที่ร้านของเขาเสมอ และมากับกลุ่มเพื่อนของเธอเป็นบางครั้ง

"อืม........ งั้น... ฉันเอาผัดซีอิ๊วจานนึง เส้นน้อยๆคะน้าเยอะๆ... แล้วก็ทอดไข่ดาวมะตูมราดให้ด้วย"

"เอ้อ ต้องงี้สิวะ เข้มแข็งเข้าไว้... ได้เลย เหมือนเดิมนะ จัดให้"

************


             วันต่อมา... ที่มหาวิทยาลัยอันมีชื่อแห่งหนึ่งกลางกรุง... บริเวณที่นั่งเล่นอันร่มรื่นไปด้วยบรรดาพืชพรรณและต้นไม้ใหญ่ทั้งหลาย หลังอาคารแผนกวิชาทั่วไป

"โอ้ยยย เบื่อ !.... ฉันละเกลียดวิชาบ้านี่จริงๆ...ยายแก่นั่นก็จ้องแต่จะบ่นฉันอยู่คนเดียว ทีคนอื่นละพูดดีด้วย ! เหม็นหน้าวุ้ย !"

"แหม ยายเป๊กกี้... ก็แกเอาแต่แต่งตัวล่อตะเข้ผิดระเบียบซะขนาดนี้ 'จารย์แกก็เจ้าระเบียบ แกก็ต้องโดนแหงอยู่แล้วย่ะ"

"ใช่ ! แกก็รู้นี่ ว่าวันนี้จะมีวิชาสังคม วันนี้แกก็น่าจะแต่งตัวธรรมดามาซักวัน มันจะเป็นอะไรไป ? โดนบ่นรัวๆไปสิ"

"ยายเหมียว ! ยายเหมยลี่ ! พวกแกก็ด้วยเหรอ !? ... ฉันชอบแต่งสวยๆของฉันแบบนี้มันไปหนักอะไรใครนักหนายะ ? พวกหนุ่มๆเค้าชอบกันจะตาย"

"แหววววะะะะะะ !!"

             ในขณะที่เหมียวกับเหมยลี่พากันออกอาการรับไม่ได้กับความเลี่ยนในท่าทางยั่วยวนผู้ชายของเป๊กกี้ซึ่งเป็นลักษณะตามธรรมชาติของเธอ อั๋นยังคงนั่งนิ่ง มีอาการเหม่อลอย พลางจิบโค๊กผสมเครื่องดื่มชูกำลังไป ความเจ็บช้ำในใจยังคงเสียดแทงอยู่ในอก อั๋นกับคู่ขาคนนั้นของเธอคบกันมานานมากแล้ว แต่ก็มาเลิกร้างกันไปอย่างรวดเร็ว เพราะอั๋นจับได้ว่าคู่ขาแอบคบชู้กับผู้ชายที่รวยระดับเสี่ยคนหนึ่ง และอั๋นก็เพิ่งจะรู้ซึ้งถึงความเจ้าชู้อันล้ำลึกจับตัวได้ยากของคู่ขาคนนั้นของเธอ ความช็อคอันนั้นยังทำงานไหลเวียนอยู่ในอกของอั๋นไม่จางคลาย

"ยายอั๋น ?.... นี่ ยายอั๋น !"

"...... !! .... ห๊ะ... อะไร ?... อะไรเหรอ ?" อั๋นสร่างจากภวังค์อันมืดมนของเธอเพราะเสียงเรียกของเป๊กกี้

             เป๊กกี้หยุดแสดงท่าทางต่างๆ และกลับมีท่าทีสลด เข้ามานั่งไกล้อั๋น ลูบหลังอันแบบบางของอั๋นด้วยความเป็นห่วง

"นี่.... แกอย่าคิดมากเลย แกยังมีพวกฉันอยู่ทั้งคนนะยะ... ปล่อยมันไปเถอะ คนเลวคนเจ้าชู้สุดขั้วแบบนั้นน่ะ...
ยายนั่นมันเกินไปจริงๆ ขนาดฉันเองยังรับไม่ได้เลย... เจอมันที่ไหนฉันจะตบมันให้คว่ำเลย คอยดู !"

"ขอบใจแกนะ เป๊กกี้... แต่ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอก มันจะตายเอา" อั๋นรู้ซึ้งดีถึงความเป็นนักเลงที่เป็นนิสัยแฝงของเป๊กกี้

"ตายก็ดีน่ะสิ รกโลก... โอ๊ย ! ผู้หญิงอะไร มารยาจัด เป็นไบอีก... หลอกได้ทั้งผู้ชายผู้หญิง" ในใจลึกๆของเหมยลี่รู้สึกแขยงกับสังคมเพศที่สาม

"ใช่... เห็นแก่เงินจนไม่นึกถึงความสัมพันธ์ที่คบกันมานาน... งี้แหละ ความโลภกับความร่านบวกกัน... แกอย่าไปอาลัยอาวรกะมันเลยยายอั๋น" เหมียวแสดงอารมณ์บ้าง

"........................" อั๋นยังคงนิ่งเงียบ จิบโค้กไปไม่พูดอะไร

"นี่ ยายอั๋น... แกเลิกซึมได้แล้วย่ะ แค่นี้ไม่ตายหรอก ชีวิตคนเราน่ะยังมีอะไรสนุกๆอีกเยอะ......อ๊ะ!... พูดถึงความสนุก...  เฮ้ย นี่ พวกแก !... อาฉันบอกว่า คืนนี้ที่ ยูซีมี จะมีอีเว้นต์พิเศษนะเว้ย ดาราจะมากันหลายคนเลย ! พรุ่งนี้กับวันมะรืนไม่มีเรียนพอดี ไปมั้ยๆ ?"

"เฮ้ย จริงดิ !? ไปดิ ไปๆๆๆ !" เหมยลี่ตอบรับทันทีเพราะความบ้าดาราของเธอ

"ไปๆๆ ! ไงยายอั๋น แกจะได้คลายเครียดด้วยนะเว้ย... ไปแด๊นซ์กันซักตั้ง !"

".........." อั๋นพยักหน้า ยิ้มเพียงมุมปาก

             อั๋นไม่ได้ออกอาการตื่นเต้นเหมือนครั้งที่ผ่านมา เพราะความโศกในใจของเธอยังคงทำงานของมันอยู่ การไปเที่ยวที่ไนท์คลับชื่อ U. C. ME เป็นสิ่งที่อั๋นและเพื่อนๆของเธอโปรดปรานที่สุด แต่ตอนนี้เธอรู้สึกว่า ความตื่นเต้นอันนั้นมันหดหายจนรู้สึกเฉยๆไปซะแล้ว

***************

.

                  ประมาณสองทุ่มเศษ... ที่ U. C. ME ไนท์คลับ ซึ่งเป็นสถานบันเทิงยามราตรีที่มีชื่อแห่งหนึ่งกลางกรุง
และเป็นกิจการของอาของเป๊กกี้

              เสียงเพลงแด๊นซ์แนวดิสโก้สมัยใหม่แบบนอนสต็อปบรรเลงดังกระหึ่มออกมาจนได้ยินมาถึงลานจอดรถภายนอกคลับ ซึ่งเป็นอาคารสองชั้นอันใหญ่โตและมีแสงสีมากมายประดับประดาอย่างสวยงามมีศิลปะชวนให้เข้าไปอย่างยิ่ง ภายนอกคลับอันมีสภาพแวดล้อมดุจเป็นสถานบันเทิงกลางแจ้งนั้น มีผู้คนมากมายเป็นพิเศษมาเที่ยวและเข้าแถวรออยู่ภายนอกประตูอาคาร เนื่องจากคืนนี้ จะมีดารานักแสดงชื่อดังรวมถึงผู้มีหน้ามีตาหลายคนมาเที่ยวที่คลับแห่งนี้

"โอ้ มาแล้วเหรอสาวๆ ! ...มาๆ เข้ามาเลย เชิญๆ" ชายหน้าตาดีในชุดสูทหลากสีทรงผมเรียบมันคนหนึ่งออกหน้าออกตาเชื้อเชิญกลุ่มของอั๋น

"อานัท วันนี้อามาต้อนรับเองเลยเหรอ ? ทุกทีอยู่แต่ข้างในนี่นา" เป๊กกี้แปลกใจที่เจ้าของกิจการผู้เป็นอาของเธอ ออกมาต้อนรับแขกเองด้วยตัวเอง

"แหม่... คืนนี้จะมีลูกของพวกนักการเมืองหลายคนมาเที่ยว อาก็ต้องออกหน้าหน่อย...
ป่ะๆ เข้าไปเลย เอ้านี่ บัตรวีไอพี... สนุกกันให้เต็มที่เลยนะสาวๆ"

              นัทให้บัตรวีไอพีราคาหลายร้อยแก่ทุกคนในกลุ่มของหลานสาวของเขาฟรีๆ แล้วเชื้อเชิญให้ทั้งกลุ่มเข้าไปข้างในคลับทันทีโดยที่ไม่ต้องต่อแถวเข้าคิว ได้รับการต้อนรับและการปฏิบัติอย่างดีจากการ์ดและพนักงานทั้งหลายดุจเป็นยิ่งกว่าแขกวีไอพีคนอื่นๆ ในฐานะหลานของเจ้าของกิจการ

"หูยยยย แก ! .... คืนนี้คงไม่ใช่งานอีเว้นต์พิเศษธรรมดาๆซะแล้วว่ะ ! ได้ยินว่ามีถึงขนาด
พวกลูกนักการเมืองตั้งหลายคนมาเที่ยวด้วย !" เป๊กกี้ออกอาการตื่นเต้นอย่างออกหน้าออกตา

"ฉันว่าคราวนี้แกคงเปลี่ยนไปจีบลูกนักการเมืองแน่... ระวังพี่เต้ยวงดราก้อนกิ๊กแกเห็นเข้าล่ะ"

"แหม... ทำเป็นรู้ทันนะ ยายเหมยลี่... ช่างตาเต้ยปะไร คืนนี้มันก็คงไปจีบผู้หญิงคนอื่นน่ะแหละ
ก็อย่างที่แกรู้ ที่นี่ไม่มีใครจริงใจกันหรอก มีแต่ความสนุกเท่านั้นย่ะ....... วู้ว ! เย้ !"

              เป๊กกี้ส่งเสียงร้องพลางเดินไปเต้นไปตามจังหวะเพลงทันทีที่กลุ่มของเธอเข้าสู่โซนวีไอพี สภาพแวดล้อมนั้นพรั่งพร้อมไปด้วยแสงสีเสียง เป็นดุจโลกอนาคตในหนังไซไฟ เสียงเพลงในคลับดังกระหึ่มแทบกลบเสียงผู้คนทั้งหลายที่กำลังเต้นและส่งเสียงร้องออกมาเพราะความสนุกสุดเหวี่ยง คลื่นมนุษย์ได้เต้นกระเพื่อมอยู่ในพื้นที่เต้นที่อยู่ต่างระดับลงไปหนึ่งช่วงเข่า และกว้างถึงขนาดสระน้ำขนาดใหญ่สระหนึ่งโดยที่มีบู๊ทดีเจอยู่ตรงกลาง มีสเปเชี่ยลเอฟเฟ็กอยู่ทั่วทั้งบนทั้งล่าง พื้นที่เต้นนั้นล้อมรอบไปด้วยบาร์เครื่องดื่ม บาร์อาหาร เกมส์ และมุมบริการความสะดวกสบายต่างๆ บาร์และโซฟาที่นั่งทั้งหลายเป็นเหมือนถูกส่งมาจากโลกอนาคต บางส่วนมีแสงไฟสีต่างๆประกอบอยู่ด้วยอย่างน่าตื่นตา เสาทั้งหลายก็ได้เป็นดังนั้นเช่นกัน สถานที่นี้ ได้มีคนพูดกันปากต่อปากว่า มันจะทำให้ใครก็ตามที่เข้ามา ลืมโลกภายนอกไปได้อย่างรวดเร็วเหมือนเข้ามาในอีกมิติเลยทีเดียว
              แต่สิ่งแวดล้อมเห็นปานนี้ ไม่ได้ทำให้อั๋นดีขึ้นแม้แต่น้อย จริงอยู่ เธอเคยตื่นเต้นและสนุกสุดเหวี่ยงไปกับสิ่งต่างๆในที่นี้จนอยากจะมาทุกคืน แต่ครั้งนี้ เธอกลับรู้สึกว่า เธอได้เข้ามาสู่พื้นที่อันไม่น่ายินดี เป็นดุจเข้ามาในมิติโลกทุคติภูมิ และเธอก็แปลกใจอยู่ลึกๆว่า ทำไมเธอถึงรู้สึกอย่างนั้น

"ดีค่ะพี่เป๊กกี้"

"ดีครับ น้องเป๊กกี้"

"โอ้ ! คุณหนูเป๊กกี้ ไม่เห็นนานเลยนะครับ"

"ดีจ้ะ ทุกๆคน ขอให้สนุกกันนะ"

              เป๊กกี้ถูกลูกค้าวีไอพีทั้งหลายทักทายดุจเป็นเซเล็ปคนหนึ่งไม่แพ้พวกคนดังที่มาเที่ยวที่นี่ เธอนำกลุ่มมานั่งยังที่นั่งมุมประจำ แล้วเข้าไปนั่งใกล้อั๋นซึ่งดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา

"นี่ ยายอั๋น... มีชีวิตชีวาหน่อยสิยะ มาที่นี่ทั้งที... สนุกให้เต็มที่ แล้วลืมเรื่องนั้นไปซะ รู้มั้ย ?" เป๊กกี้ลูบไหล่ของอั๋น แล้วจึงลุกไปสั่งอาหารและเครื่องดื่มสำหรับกลุ่ม

             ในระหว่างทุกคนกำลังดื่มและกินพลางพยายามปลอบใจอั๋นต่างๆนาๆ ก็มีชายหนุ่มร่างท้วมหน้าตี๋แต่งตัวนำสมัยและประดับประดาด้วยเครื่องประดับทองคำเหลืองอร่ามคนหนึ่ง เข้ามาที่กลุ่ม

"หวัดดีครับสาวๆ ได้ที่กันรึยัง ? ผมไม่มีคู่เต้นด้วย ขอคุณน้องลุ๊คอาหมวยคนนี้ไปเต้นกับผมหน่อยได้มั้ยครับ ?"

"ว้ายๆๆ ยายเหมยลี่ ! แกคนแรกเลยนะยะครั้งนี้" เป๊กกี้กับเหมียวเอ่ยแซวเหมยลี่ที่กำลังหน้าแดงก่ำด้วยความขวยเขิน

              เหมยลี่ออกไปแล้ว สักครู่หนึ่งก็มีชายหนุ่มหล่อเข้มมีหนวดเคราเหมือนแขก ร่างกายกำยำล่ำสัน ท่าทางเป็นนักกีฬา มาชวนเหมียวออกไปเป็นคนที่สอง เหลือเพียงอั๋นกับเป๊กกี้ที่นั่งกินนั่งดื่มกันอยู่อีกครู่หนึ่ง

"แหม... ครั้งนี้ไม่มีใครมาชวนฉันเลยเหรอเนี่ย สงสัยพวกหนุ่มๆคงเบื่อฉันกันแล้วมั้ง ?"

"แหงสิ ยายเป๊กกี้ ทุกคนชวนแกคนแรกตลอดจนจำแกได้หมดแล้วนี่"

"ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ นั่นสินะ... ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ชิลๆบ้าง โดนชวนบ่อยมันเหนื่อย นั่งชิลกับแกนี่แหละ..."

              ...แต่ยังไม่ทันขาดคำ

"เอ่อ... น้องเป๊กกี้ครับ ถ้าไม่รังเกียจ ไปเต้นกับพี่หน่อยสิครับ"

".....ซะงั้น.... เอ่อ.... แล้วพี่ทำงานอะไรเหรอคะ ?"

"อ๋อ... พี่เป็นนักธุรกิจแอมเวย์ครับ... เงินเดือนไม่กี่แสนหรอก"

"ค่ะ โอเค........ 'โทษทีนะยายอั๋น เดี๋ยวก็ถึงตาแก เชื่อดิ... แล้วเจอกันจ้ะ"

              อั๋นมีสีหน้าฝืนยิ้ม ยกแก้วเหล้าปั่นชูขึ้นผงกหัวเป็นการรับคำ แล้วจึงดูดเหล้าปั่นเข้าไปปื้ดใหญ่

              อั๋นนั่งโดดเดี่ยวอยู่ในที่นั่งกิน คำปลอบใจทั้งหลายจากเพื่อนๆของเธอที่ทำให้เธอค่อยรู้สึกดีขึ้นมาบ้าง บัดนี้ค่อยๆละลายลงเหมือนยาชูกำลังที่กำลังหมดฤทธิ์ อั๋นนั่งดูดเหล้าปั่นใบหน้าเหม่อลอย มองดูผู้คนที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสุดเหวี่ยงตามจังหวะดนตรีที่ดังกระหึ่มจนหัวใจแทบจะเต้นหลุดออกมาด้วย ไม่มีผู้ชายคนไหนอยากชวนทอมอย่างอั๋นไปเต้นด้วย ไม่มีผู้หญิงคนใดในที่นี้อยากเปิดเผยตนว่านิยมรักร่วมเพศ ภาพของคนส่วนใหญ่ที่เต้นกันเป็นคู่นั้น เป็นดั่งศรธนูอาบยาพิษพันเล่มที่พุ่งระดมเข้ามาแทงที่อกของอั๋นเป็นจุดเดียว ความเหงาที่คืบคลานเข้ามาได้แม้กระทั่งในท่ามกลางบรรยากาศอันครื้นเครงได้ครอบงำอั๋นอย่างหนัก อั๋นสั่งเหล้าปั่นมาอีกแก้วใหญ่ ดูดย้อมใจอันหม่นหมองของเธอไปเรื่อยๆ ความเมามายไม่ได้ลดทอนความเจ็บช้ำลงไปได้เลยแม้แต่นิด น้ำตาที่เอ่อนองในเบ้าตาไหลลงมาในที่สุด เธอรู้สึกไม่มีความสุขเลยในคืนพิเศษนี้
              อั๋นฉีกกระดาษทิชชู่จากมุมโต๊ะมาซับน้ำตา... แต่เมื่อลืมตาขึ้นมา อั๋นก็ต้องช็อคสุดขีด สร่างจากความเมาเพราะฤทธิ์เหล้าในทันทีทันใด !

              ครืนนนนนนน !!! พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ !! ฉ่าาาาาาาา !!

"อ๊าาาาาาาากกกกกกกกกกกก !!!!!!"

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!"

                      ภายในคลับกลายเป็นเหมือนถ้ำใต้ดิน เสียงเพลงที่ดังกระหึ่มกลายเป็นเสียงครืนๆจากการไหลเวียนของลาวาในภูเขาไฟ แสงสีต่างๆกลายเป็นแสงสีเพลิงเพียงโทนเดียว มีไฟลุกอยู่ทั่วไป ผู้คนทั้งหลายที่กำลังเต้นอยู่ในพื้นที่เต้น กลับกลายเป็นสัตว์นรกที่กำลังถูกย่างอยู่บนพื้นที่เต้นที่ตอนนี้กลายเป็นพื้นแผ่นเหล็กไฟแดงฉานอันกว้างใหญ่ มีควันฉุยไปทั่วดั่งเป็นสเปเชี่ยลเอ็ฟเฟ็ก สัตว์นรกพวกนั้นมีสภาพเหมือนชิ้นเนื้อที่กำลังถูกย่างบนแผ่นกระทะในร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ บู๊ทดีเจได้กลายเป็นอ่างลาวาที่ปล่อยลาวาไหลเลี้ยงแผ่นเหล็กไฟอยู่ และมีสัตว์นรกจำนวนหนึ่งกำลังถูกทอดอยู่ในอ่างลาวานั้นจนฟองฟ่อดดุจทอดปาท่องโก๋ ดำผุดดำว่ายดิ้นรนไปมาอย่างทรมาณ เสาทั้งหลายกลายเป็นเสาเหล็กไฟมีหนามไฟลุกโชน มีสัตว์นรกถูกเหล่านายนิรยบาลที่มีร่างกายเป็นมนุษย์รูปร่างกำยำสูงใหญ่แต่หัวเป็นสัตว์หรือสัตว์ประหลาดชนิตต่างๆบังคับให้ปีนป่ายขึ้นไป ได้รับทุกข์แสนสาหัสจากการโดนหนามเหล็กไฟเกี่ยวแทง จุดบริการทั้งหลายรอบๆพื้นที่เต้น กลายเป็นจุดทรมาณหลายๆรูปแบบโดยพวกนายนิรยบาล เช่น ถูกเอาคีมเหล็กไฟคีบลิ้นออกมาแล้วตัดลิ้นออก ถูกรุมทิ่มแทงด้วยอาวุธแหลมคมที่เป็นเหล็กไฟ ถูกโยนลงไปในบ่อที่มีแมงป่องขนาดใหญ่เท่าฝ่ามือมีเขี้ยว ก้าม และเหล็กไนเป็นเหล็กไฟ ให้พวกมันรุมต่อยและกัดกิน ถูกเอาน้ำลาวากรอกใส่ปาก ถูกเอาก้อนถ่านเพลิงที่มีไฟลุกโชนป้อนยัดใส่ปาก ถูกแล่เนื้อผ่าท้องเอาเครื่องในออกมาด้วยมีดเหล็กไฟ แล้วมีอีกาปากและเล็บเป็นเหล็กไฟบินลงมาจิกกินเครื่องในเหล่านั้น และมีการทรมาณอันน่าสยดสยองต่างๆอีกมากมายต่อสัตว์นรกเหล่านั้นที่กำลังส่งเสียงกรีดร้องอย่างทุกข์ทรมาณดังก้องระงมไปทั่ว
             ภาพนั้นทำเอาอั๋นหายใจแรง ปากคอสั่น ตัวสั่นเทา นัยตาเบิกโพลงเต็มที่ เหงื่อไหลจนเสื้อผ้าชื้น เธอนั่งช็อคอยู่อย่างนั้น ร่างกายไม่ยอมขยับไปตามใจสั่งแม้แต่เพียงจะกรีดร้องเพราะความหวาดกลัวสุดขีด ถูกบังคับให้มองดูสภาพแวดล้อมที่เป็นดั่งนรกหลายๆขุมมาประกอบรวมกัน
             ทันใดนั้น นายนิรยบาลตนหนึ่งที่มีหัวเป็นไก่ จะงอยปากเป็นเหล็ก ดวงตาเป็นแสงสว่างสีเพลิง หันขึ้นมามองดูอั๋น แล้วรีบกระโดดขึ้นมาจากพื้นที่ทรมาณ ถือหอกเหล็กไฟปรี่เข้ามาหาเธอ มาหยุดอยู่ข้างโต๊ะ มองดูเธออย่างพิจารณา แล้วมันก็เปล่งเสียงโทนต่ำทุ้มและดังก้องฟังดูน่ากลัวออกมา

"ยายอั๋นนนนนนน .....!! "

              อั๋นอยากจะกรีดร้องเพราะความหวาดกลัวสุดขีด แต่ร่างกายอันแข็งกระด้างของเธอไม่ยอมทำงานตามนั้น

"ยายอั๋น ! .... ยายอั๋น !!"

              เสียงเรียกชื่ออันน่ากลัวของนายนิรยบาลหัวไก่กลายเป็นเสียงอันแจ๋นของเป๊กกี้

"....... !!!? ............ ป... เป๊กกี้ ?"

             สภาพแวดล้อมนรกกลับกลายเป็นคลับตามเดิม ทุกอย่างดำเนินไปเป็นปกติ อั๋นรู้สึกเหมือนกับเพิ่งตื่นจากฝันร้ายมาใหม่ๆ

"เหม่ออะไรของแก ? เรียกตั้งนานกว่าจะตอบ... ชิลเพลินเลยนะยะ"

"...... เอ่อ... อืม... โทษที... ทำไมแกกลับมาเร็วจัง ? พี่นักธุรกิจคนนั้นไปไหนซะล่ะ ?" อั๋นเกือบปรับตัวปรับใจไม่ทันในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอ

"ช่างมันเถอะ เสือผู้หญิงตัวพ่อแถมลามกบ้ากามแบบนั้นน่ะ แล้วมาโม้กับฉันอีกว่ามันเคยฟันพี่เก๋พิธีกร
รายการผู้หญิงเฮ้ลตี้ช่องเก้าด้วย มันเลยโดนฉันตบสั่งสอนจนหน้าแตกหนีไปแล้วล่ะ... แกยังไม่เมามาก
เท่าไหร่ใช่มั้ย ? มาเร็ว มาเต้นกับฉันหน่อย... เต้นกับเพื่อนดีกว่า สบายใจกว่าเยอะ"
 
             เป๊กกี้จูงอั๋นไปที่กลางพื้นที่เต้นใกล้กับบู๊ทดีเจ และเริ่มเต้นกับอั๋น ในขณะที่เต้นอยู่นั้น ในใจของอั๋นหวาดหวั่นอยู่กับภาพนิมิตนรกที่เพิ่งเกิดขึ้น อั๋นคิดว่า ขณะนี้เธอคงกำลังถูกย่างอยู่ในแผ่นเหล็กแดงแน่นอน แต่ก็พยายามข่มความกลัวไว้ไม่ให้เพื่อนของเธอมองออกด้วยเกรงว่าจะทำให้ทุกอย่างกร่อยลง อั๋นพยายามทำใจให้สนุกไปกับกิจกรรมที่กำลังทำอยู่ แต่ก็ยากลำบากเหลือเกิน

***************



                  เที่ยงวันต่อมา... ในร้านอาหารตามสั่งอันคับแคบของโก้

              หลังจากโก้เก็บจานล้างไปอีกชุดแล้ว ในร้านก็ว่างจากลูกค้าไปครู่หนึ่ง พอที่จะให้เขามานั่งพักดื่มน้ำดื่มท่าและอ่านหนังสือพิมพ์

"เฮ้อ... คนเราสมัยนี้มันเป็นอะไรกันไปหมดนะ... อ่านทีไรก็มีแต่การฆาตกรรม การฆ่าตัวตาย
ก่อกรรมทำเข็ญกับตัวเองแล้วก็ผู้อื่นกันถี่เหลือเกิน"

              แล้วอั๋นก็เดินเข้ามาในร้าน...

"พี่โก้... พริกกรอบไข่เจียวทะเลจานดิ... " สั่งอาหารแล้ว อั๋นก็ทอดกายอันอ่อนเปลี้ยของเธอนั่งลงในที่นั่งที่หนึ่งโดยที่ไม่ไปเอาแก้วน้ำดื่ม

"เซมาเลย แกเพิ่งตื่นรึไงวะเนี่ย ?... เมาค้างอีกแล้วสิ ?"

"อืม... เมื่อคืนฉันไปเที่ยวยูซีมีกับพวกยายเป๊กกี้มาน่ะพี่... ดื่มไปเยอะอยู่"

"อ้อ ว่าแล้วเชียว... โอเค พริกกรอบไข่เจียวทะเลนะ... จัดให้"

              โก้เทน้ำเย็นมีน้ำแข็งใส่แก้วมาวางให้อั๋น พูดให้เธอสบายใจ แล้วก็เข้าครัวไปทำอาหารตามที่เธอสั่ง

              อั๋นมองดูโก้ที่กำลังทำอาหารอยู่อย่างคลอ่งแคล่วว่องไว เธอแปลกใจว่า ผู้ชายที่มีความเป็นสุภาพบุรุษและเป็นมิตร แถมมีสเน่ห์ปลายจวักอย่างโก้นั้น ไม่มีผู้หญิงคนใดมองทะลุรูปร่างหน้าตาและสัมผัสในคุณสมบัติพวกนั้นของเขาบ้างเลยหรือ ? และคิดสงสัยต่อไปว่า แล้วผู้หญิงแบบไหนกัน ที่จะมาเคียงคู่กับเขา หรือเขาจะต้องโสดแบบนี้ตลอดไป ? แต่ในใจลึกๆแล้ว เธอไม่อยากให้เป็นแบบนั้นเลย เธอจิตนาการไปว่า คนคนนั้น อาจจะเป็นเธอเองก็ได้
              โก้ยกอาหารที่ทำเสร็จแล้วมาเสริฟอั๋น เอาผ้าเช็ดเหงื่อ แล้วไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ต่อที่โต๊ะห่างๆอั๋น

"โห พี่โก้... ไปนั่งซะห่างเลย มานั่งด้วยกันก็ได้ ฉันไม่กัดหรอก"

"อ้อ ไม่เป็นไร... มันจะรบกวนการกินของลูกค้าน่ะ"

"เหรอ ?..... อืมๆ... ตามใจพี่ละกัน"

             ในขณะที่อั๋นกำลังกินข้าวไปเล่นโทรศัพท์ไป และโก้กำลังอ่านหนังสือพิมพ์ ก็มีเสียงหญิงสาวดังแจ๋นเข้ามา ทำลายความเงียบในร้าน

"พี่โก้จ๋าาาาา !! ... ปลาหมึกพริกเผาสี่ที่จ้าาาาา !!"

"ยายบ้า ! เสียงดังไปได้ !... มันกินโทรโข่งมาค่ะพี่โก้"

              เป็นนักศึกษาสาวกลุ่มหนึ่งที่กำลังเดินเข้ามาในร้านสี่คน หนึ่งในนั้นสวยมากจนอั๋นอดแอบมองดูไม่ได้ แต่แล้วอั๋นก็จำได้ ว่าเธอคนนั้นเป็นดาวของมหาวิทยาลัยต่างสถาบัน

"ได้เลย... จัดให้" โก้รับคำสั่งแล้วเข้าครัวไปทำอาหาร

"แหม... ชอบจริงๆตอนที่พี่โก้พูดคำว่า จัดให้ น่ะ... ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ " นักศึกษาสาวเสียงแจ๋นพูดขึ้นตามหลังโก้

              นักศึกษาสาวกลุ่มนั้นมีสามคนที่คุยกันโขมงโฉงเฉงเสียงดังลั่นร้าน ส่วนอีกคนที่เป็นดาวมหาวิทยาลัยนั่งเงียบ มีท่าทางสงบเสงี่ยมเรียบร้อยสมกับความสวยงามของเธอ บ่งบอกว่าเธอมาจากครอบครัวที่มีความเป็นผู้ดีสูง เธอกำลังมองดูโก้ที่กำลังทำอาหารอยู่อย่างไม่ละสายตา และอั๋นก็สังเกตเห็นกิริยานั้นของเธอ
              โก้ยกถาดที่มีข้าวราดปลาหมึกผัดน้ำพริกเผาที่กำลังร้อนและหอมฉุยสี่จาน มาเสริฟกลุ่มนักศึกษาสาวทั้งสี่คนนั้น

"ว้าววว !! ทำไมข้าวที่พี่โก้ทำมันดูน่ากินตลอดเลยอ่ะ !?"

"จริงด้วยแก ! ขนาดฉันไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ตอนนี้หิวขึ้นมาทันทีเลย !"

"พี่โก้นี่ทำอาหารเก่งจังเลย ! ...แปลกนะทำไมพี่โก้ถึงไม่มีแฟน... หนูเป็นแฟนพี่เอาป่ะ ?.... อุ๊ย !"

              นักศึกษาสาวคนที่สามสะดุ้งเฮือกเมื่อเหลือบไปเห็นสายตาอันขุ่นเคืองของเพื่อนดาวมหาวิทยาลัยของเธอที่จ้องเขม็งเข้ามา

"แหม... ฉันแค่หยอกพี่เค้าเล่นย่ะ ยายมินนี่... ฉันรู้น่า  แกอย่าซีเรียสนักสิยะ... มาๆ กินๆๆๆ"

              มินนี่หันหน้าไปหาโก้ เปลี่ยนเป็นสีหน้าอ่อนโยน ผงกหัวยิ้มเจื่อนๆให้เขาเหมือนกับจะขอโทษแทนกลุ่ม โก้ยิ้มตอบเธอเพื่อความเป็นมารยาทและเดินกลับออกมาสีหน้าเรียบเฉย ความเป็นไปทั้งหมดนี้ถูกบันทึกลงในสายตาของอั๋นทุกวินาที
              เมื่ออั๋นกินข้าวเรียบร้อยแล้ว ก็ลุกจากเก้าอี้เดินเข้ามาหาโก้ที่กำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่มุมห่างๆมุมหนึ่งเพื่อจ่ายเงิน แต่โก้ปฏิเสธ โบ๊ยมือให้

"ไม่ต้องหรอก ฟรี... ฉันเลี้ยงแก"

"บ้าเหรอ !?... ของซื้อของขายนะ พี่จะเลี้ยงอะไรฉันนักหนา"

"เอาน่ะ... ฟรีก็ฟรีสิวะ ที่ผ่านมาแกก็ไม่ได้กินล้างกินผลาญอะไรฉันซะหน่อย มากินคราวต่อไป
ฉันก็จะให้แกกินฟรีเลย อยากกินอะไรก็สั่งมากินให้เต็มที่ไม่ต้องเกรงใจ... ใจแกตอนนี้น่ะ
ต้องการความสุขมากๆ มันกำลังป่วยเพราะความอกหัก... ตอนนี้ฉันก็คงช่วยแกในส่วนของฉันได้เท่านี้ก่อน
นอกนั้นก็คงอยู่ที่ตัวแกล้วนๆแล้วล่ะ"

              อั๋นฟังคำนั้นของโก้แล้ว เธอไม่แปลกใจเลยว่า ก่อนหน้านั้น ทำไมเธอถึงมีความรู้สึกกับเขาอยู่ลึกๆทั้งที่เธอกำลังมีคู่ขา ทำไมโก้ถึงทำให้แม้แต่มินนี่ ดาวมหาวิทยาลัยที่สวยจนดูเข้าถึงยากแบบนั้นสนใจเขาได้ และทำไมตอนนี้ เธอถึงรู้สึกหงุดหงิดลึกๆในอาการนั้นของมินนี่ที่มีต่อโก้ ไม่ต้องการให้มินนี่มาเกี่ยวข้องด้วยกับเขา โก้มักจะพูดอยู่เสมอถึงรูปร่างหน้าตาของเขาที่ทำให้ไม่มีสาวใดสนใจ แต่ในความเป็นจริงนั้นกลับตรงกันข้าม บางทีอาจมีบทเรียนอีกมากมายหลายอย่างที่อั๋นจะต้องเรียนรู้จากโก้ สำหรับเรื่องของหัวใจ

              ประมาณสามทุ่ม...

              หลังจากที่ไปเที่ยวช๊อปปิ้งในตัวเมืองกับเพื่อนๆ อั๋นก็กลับเข้ามาในห้องพักอันคับแคบและรกระเกะระกะของเธอพร้อมกับสิ่งของมากมายที่หิ้วมาอย่างพะรุงพะรัง เพิ่มความรกเข้าไปอีก เปิดไฟในห้อง วางของไว้ที่โต๊ะ แล้วทิ้งตัวลงนอนบนเตียงด้วยความเหน็ดเหนื่อย นอนนิ่งตามองเพดานอยู่ครู่หนึ่ง คิดอะไรไปต่างๆนาๆ แต่สิ่งหนึ่งที่อั๋นรู้อยู่ก็คือ จิตใจของเธอตอนนี้เริ่มกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ เนื่องจากการให้กำลังใจจากโก้และเพื่อนๆของเธอ

"เอาเถอะ ยายอั๋น... อดีตมันผ่านไปแล้ว ตอนนี้แกก็ทำใจให้เข้มแข็งแล้วเปิดกว้างเข้าไว้ดีกว่า...
มาเริ่มตั้งต้นเรื่องความรักกันใหม่นะ"

              อั๋นพึมพำกับตัวเองเบาๆอยู่ในลำคอ เริ่มรู้สึกว่าตัวเธอเองตอนนี้มีกำลังใจมากขึ้น แต่กำลังใจนั้นก็หดลงหน่อยหนึ่ง เมื่อคิดถึงฉากที่มินนี่มีอาการสนใจในตัวโก้อย่างลับๆ

              ทันใดนั้น...

              ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก ก๊อก... !

".... !?"

              อั๋นผุดลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว และเซหน่อยหนึ่งเพราะความหน้ามืด มีใจหวาดระแวงเดินไปที่ประตูห้อง ค่อยๆส่องดูไปที่ช่องมอง ในช่องมองมีเป๊กกี้ เหมยลี่ และเหมียว ยืนอยู่นอกประตู ทั้งสามตามองมายังที่ช่องมอง

"อะไรวะ ? มันกลับกันไปหมดแล้วไม่ใช่เหรอ ?... มากันซะพร้อมหน้าเลย มีอะไรรึเปล่านะ ?"

              คิดสงสัยดังนั้นแล้ว อั๋นก็เปิดประตูห้องให้เพื่อนๆเข้ามา...

"นึกว่าพวกแกกลับแล้วซะอีก... ห้องรกหน่อย.................. ห๊ะ !? ...... กรี๊ดดดดดดด !!! กรี๊ดดดดดดดดดด !!!!"

              อั๋นสะดุ้งตกใจสุดขีดจนล้มหงายก้นจ้ำเบ้าลงกับพื้น กรีดร้องดังลั่น พลางตะเกียกตะกายถอยกรูดออกมาจากประตูที่เปิด ผู้ที่อยู่ภายนอกประตูกลับไม่ใช่เพื่อนๆของอั๋น แต่เป็นกลุ่มผีตายโหงพวกเดียวกันกับที่อั๋นเห็นที่ลิฟท์ พวกมันยืนนิ่งและจ้องมามายังเธอ บรรยากาศภายนอกก็กลับกลายเป็นความมืดมิด มีเพียงแสงไฟในห้องส่องออกไปจนเห็นบรรยากาศของทางเดินตึกอันเก่าคร่ำคร่านั้นเพียงความสลัว
              อั๋นกระโจนขึ้นไปที่เตียง นั่งหดขากุมหัวอยู่มุมหัวเตียง พลางกรีดร้องเป็นวรรคเป็นเวร แล้วก็กรีดร้องหนักยิ่งขึ้นเมื่อพวกผีตายโหงเริ่มค่อยๆลอยเข้ามาในห้องทั้งที่อยู่ในท่ายืน ไฟในห้องก็มีอาการตกกระพริบ ติดๆดับๆอย่างหนัก อั๋นหลับตาปี๋ มือกุมหัวแน่น เธอทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากกรีดร้องอยู่อย่างนั้น

"กรี๊ดดดด !!!............................... !!?"

              อั๋นกรีดร้องและหยุดไปเมื่อลืมตาขึ้นมา ภาพข้างหน้าเป็นเพดานห้อง พบว่าตัวเธอเองกำลังนอนอยู่บนเตียงในท่าเดิมตอนที่เธอทิ้งตัวลงนอนเมื่อกลับมาถึงห้อง เหงื่อออกจนชุ่มเสื้อผ้า หอบหายใจแรง รู้สึกเหมือนตื่นจากฝันร้ายมาใหม่ๆ เมื่อได้สติแล้วก็เหลือบมองดูไปที่นาฬิกาซึ่งแสดงเวลาอยู่ที่ประมาณห้าทุ่มเศษๆ

"อ...อะไรกัน ? นี่เราหลับไปตั้งกะเมื่อไหร่ ?..... แถมฝันร้ายบ้าบอคอแตกแบบนั้นอีกแล้ว...
แค่อกหักทีเดียวถึงขนาดใกล้บ้าไปเลยเหรอเนี่ยเรา ?... เฮ้อ... ยายอั๋นนะยายอั๋น
ใจแกนี่มันอ่อนแอจริงๆ" อั๋นนึกในใจอย่างขุ่นเคืองตัวเธอเอง และเริ่มลุกไปอาบน้ำ

********************

 
        สายวันต่อมา... ที่ร้านอาหารตามสั่งของโก้

"พี่โก้... หมูกระเทียมไข่ดาวจาน"

"เอ้า อั๋น... วันนี้แกไม่ไปเที่ยวไหนเหรอ ?"

"ฉันเลิกกะแฟนแล้วน่ะดิพี่... ไม่รู้จะไปไหน"

"อ้อ... 'โทษทีว่ะ ลืมไป... ทุกทีแกจะไปเที่ยวกะแฟนทุกวันหยุด... อย่าไปคิดอะไรมากเลยนะ"

"ฉันเลิกคิดแล้วล่ะพี่... ตอนนี้ฉันว่าฉันดีขึ้นแล้วล่ะ ขอบใจพี่โก้ที่ให้กำลังใจฉันมาตลอดละกัน.......... แต่มัน..."

              อั๋นลดโทนเสียงลงในลำคอ ในคำพูดสุดท้าย มีสีหน้าหม่นลงเหมือนกับหวาดระแวง

"หือ ? อะไรเหรอ ?"

"......เอ่อ... เปล่าๆ ไม่มีอะไรพี่... เอาหมูกระเทียมไข่ดาวจาน"

"..............? .... อืม ได้ๆ... จัดให้"

              โก้เข้าครัวไปทำอาหาร อั๋นรินน้ำดื่มใส่แก้ว แล้วมานั่งเล่นโทรศัพท์รออาหารที่โต๊ะประจำ... เมื่อโก้ยกอาหารมาเสริฟแล้ว และทำท่าจะไปอ่านหนังสือพิมพ์ที่มุมห่างๆเช่นเคย

"นี่ ! พี่โก้ ไหนๆตอนนี้ร้านก็ว่าง วันนี้นั่งอยู่กับฉันหน่อยดิ... จะคุยอะไรด้วยหน่อย"

"อะไรของแกวะ ? ... มีอะไรจะปรึกษาอีกรึไง"

              แท้จริงโก้รู้แต่แรกแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ ตั้งแต่อั๋นแสดงอาการแปลกๆกับเขาตอนแรก แต่เขาเงียบหยั่งเชิงไว้

              อั๋นกินข้าวสีหน้ากังวล พลางเล่าถึงเหตุสยองขวัญที่เกิดขึ้นกับเธอ ตั้งแต่เหตุการณ์มิติผีในลิฟท์ที่โก้ช่วยเธอไว้ การเห็นนรกหลายขุมในคลับที่เธอไปเที่ยว และมิติผีอันเดียวกันกับในลิฟท์ที่ห้องพักของเธอเมื่อคืนที่ผ่านมา

"มีพี่คนเดียวนะเนี่ยที่ฉันกล้าเล่าให้ฟัง เพราะพี่เข้าใจฉันที่สุด... ถ้าเล่าให้พวกยายเป๊กกี้รึคนอื่นฟัง
มันคงไม่เชื่อกันหรอก หาว่าฉันบ้าแน่ ขนาดฉันเองก็ยังคิดเลยว่า กะอีแค่อกหักแค่นี้ก็เพี้ยนได้
ถึงขนาดนี้เลยรึไง"

              โก้ได้ฟังเรื่องเล่าจากอั๋นแล้ว ก็มีสีหน้าเคร่งขรึมนั่งจับคางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง มองดูอั๋นที่กำลังกินข้าวอยู่อย่างพิจารณาและเป็นห่วง

"อืม... แล้วแกตัดใจจากแฟนแกได้จริงรึเปล่าล่ะ ? ทำใจได้แน่นะ ?"

"แน่สิพี่... ฉันเลิกคิดเรื่องนั้นแล้วจริงๆ"

"ฉันขอถามแกบ้างนะ... แล้วแกคิดยังไงกับเรื่อง... เอ่อ... ผีวิญญาณ น่ะ ?"

.

                  คำถามนั้นทำเอาอั๋นเย็นสังหลังวาบหน่อยหนึ่ง แต่ก็...

"อืม.... ก็..... ฉันว่ามันเป็นจินตนาการของคนเราที่สร้างมาหลอกตัวเองมากกว่า แล้วเรื่องที่เกิดขึ้นมันคงเป็น
ผลข้างเคียงที่ฉันเครียดตอนอกหักน่ะ มันเลยสร้างภาพหลอนคล้ายๆในหนังสยองขวัญที่ฉันเคยดูมา... ถ้าผีมีจริง
ตั้งแต่เล็กจนโตฉันก็ต้องเห็นของจริงมาบ้างแหละ... นี่อะไร เห็นแต่ในทีวีกับสื่อบันเทิง... ฉันว่ามันเป็นอะไรที่
อยู่ในหนังในละครเท่านั้นแหละพี่... แค่จินตนาการเพราะความคิดด้านลบของคนเราเฉยๆ"

              อั๋นแสดงความเห็นในแง่มุมของเธอออกมาอย่างยืดยาวทันทีที่ได้ยินคำว่า ผี... อั๋นนั้นเติบโตมากับครอบครัวที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติ สุดโต่งไปในทางตรรกะเหตุผล พ่อของเธอเป็นนักวิทยาศาตร์ที่ทำงานให้องกรณ์รัฐวิสาหกิจฝ่ายพลังงานแห่งหนึ่งในต่างจังหวัด ส่วนแม่ของเธอเป็นหมอระดับใหญ่อยู่ในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังในกรุง

"หึ หึ... แต่แกก็เล่าเป็นฉากๆซะสมจริงเลยว่ะ... ถ้าเป็นงั้นแกก็ไม่ต้องกังวลไป แค่ภาพหลอนเพราะแกเครียด
เท่านั้นเอง... ถ้าแกดีขึ้นเดี๋ยวมันก็หายไปเองน่ะแหละ... เอาเหอะ กินข้าวให้อร่อย มีความสุขกับชีวิตให้มากๆ...
เอาให้แน่ใจว่าแกหายเครียดแล้วร้อยเปอร์เซ็นต์ละกัน" โก้ลุกไปนั่งที่มุมเดิมของเขา

".......เฮ้อ..... บอกตามตรงนะ... พี่โก้เนี่ย เป็นคนเดียวที่ฉันพึ่งได้จริงๆว่ะ ฉันระบายอะไรกะพี่ ไร้สาระก็ช่าง
พี่ไม่เคยรำคาญฉันเลย... แต่แปลกว่ะ ถามจริง พี่ไม่มีแฟนได้ไงเนี่ย ? ใจดีขนาดนี้... รึว่าแอบมีแล้วหาว่าไม่มี ?" อั๋นได้พูดในสิ่งที่เธอเคยครุ่นคิดออกมาจนได้ เพราะความปิติที่ได้มิตรแท้

"โฮ้ย ! ฮะ ฮะ ฮะ... อย่างที่แกเห็น หน้าตารูปร่างอย่างฉันใครจะมาสน คนเราสมัยนี้เค้าดูที่ภายนอกกันทั้งนั้นแหละ ชอบแต่ที่มันหล่อสวย รวยทรัพย์ ดอกฟ้ากิ่งสวรรค์กันทั้งนั้น คนธรรมดารากหญ้าเลิกหวังไปได้เลย... แล้วถ้าฉันมีแฟนจริงแกก็คงเห็นสาวซักคนมาช่วยฉันทำงานแล้ว... แต่นี่ มีที่ไหนซักคนเล่า ? ...มีแต่เจ้าสามหน่อนั่นมาช่วย" โก้บุ้ยปากไปที่พนักงานวัยรุ่นในร้านของเขาซึ่งกำลังทำงานกันอยู่

"โห พี่โก้... มองโลกในแง่ร้ายจังว่ะ ต้องมีซักคนน่า... ที่จริงมันอยู่ที่ความขวนขวายของพี่เองแหละ
ธรรมดาผู้ชายจะต้องเข้าหาผู้หญิง มารอให้ผู้หญิงเข้าหาเอง ชาตินี้พี่จะมีแฟนได้ไง ? ...มันไม่เป็นตามสเต็ปนี่"

"ที่แกพูดก็ถูก... แต่ฉันขอเลือกโสดดีกว่าว่ะ... จะได้ทำอะไรได้เต็มที่คล่องตัวหน่อย ไม่ต้องปวดหัวอะไรกะใครให้มันวุ่นวาย อิสระเสรี ...แกเองก็เห็นแล้วนี่ว่ามีแฟนมันเป็นยังไง... ขนาดรูปร่างหน้าตาปานเน็ตไอดอลเกาหลีญี่ปุ่นแถมมีตังค์อย่างแก ยังอกหักจนร้องไห้ตาบวมกะสาวมาแล้วกี่คน ?... เห็นรึยังเล่า ว่ามันสุขรึมันทุกข์ ?... บอกเลย สุขชั่วคราวทุกข์ถาวร ไม่มีใครต้องการหรอกว่ะ... เหมือนขนมหวานอาบยาพิษ อร่อยตอนแรกแป๊บเดียว แต่ทรมาณยาวนานแล้วตายตอนหลัง"


              คำพูดของโก้เป็นดุจท่อนไม้ท่อนใหญ่ที่กระทุ้งเข้าที่ต่อมสติปัญญาของอั๋น เธอเงียบไปครู่หนึ่ง กินข้าวไปสีหน้าครุ่นคิด

"...............อืม........  มันก็จริงพี่... แต่คนเรามันต้องมีครอบมีครัว สืบทอดตระกูลไม่ใช่เหรอ ?...
ใจคอพี่จะโสดอย่างเดียวเลยรึไง ? ระวังไม่มีลูกหลานสืบทอดตระกูลนา" อั๋นยังไม่ยอมแพ้ในความรู้สึกของเธอที่มีต่อโก้

"ฮะ ฮะ ฮะ... ต่อไปนี้แกก็ลองไปรักผู้ชายบ้างสิ เผื่อรักจะมั่นคงขึ้นบ้าง... สืบทอดตระกูลได้ด้วยนะเว้ย"

"บ้า ! พี่โก้อ่ะ !" อั๋นหน้าแดงนิดๆ

"ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ"

              ถึงกระนั้น อั๋นรู้สึกว่า คำพูดหยอกเล่นตัดบทอันนั้นของโก้ ไม่ใช่การหยอก เธอคิดเข้าข้างตัวเธอเองไปว่า โก้อาจจะปูทางไว้ก็ได้ และเธอก็ไม่เชื่อว่าโก้ตั้งใจจะโสดถึงขนาดนั้น

"โอเค ไม่ต้องจ่าย... ฟรีๆ"

"ระวังเหอะพี่... ขาดทุนไม่รู้ด้วยนะ"

"แค่แกคนเดียวจะไปขาดทุนอะไรวะ... เอาน่ะ ไม่ต้องจ่าย ฉันบอกแล้วไงว่าฉันเลี้ยงแก"

              อั๋นเดินยิ้มออกมาจากร้าน นึกประทับใจอยู่กับคำว่า 'แค่แกคนเดียว' จากโก้... และเธอก็พบกับคนคนหนึ่งหน้าร้านของโก้ที่กำลังเดินมาพอดี เกือบจะเดินชนกัน

"............!"

              เป็นมินนี่ ดาวมหาวิทยาลัยต่างสถาบัน นักศึกษาสาวผู้เลอโฉมงามระหงส์ที่แอบชอบโก้มานาน เธอกับอั๋นต่างหน้าตื่นที่พบกัน ครั้งนี้มินนี่มาคนเดียวโดยรถเบ๊นซ์คันหรูของเธอที่จอดอยู่ข้างร้าน เธอไม่เอ่ยคำขอโทษ เดินผ่านอั๋นพลางหันมามองอั๋นด้วยสายตาที่ไม่เป็นมิตรก่อนที่จะเข้าร้านไป เมื่อเห็นอาการนั้นของมินนี่แล้ว อั๋นเข้าใจทันทีว่าเธอกำลังประสบกับอะไร เธอหงุดหงิด แต่ไม่เด็ดเดี่ยวพอที่จะกลับเข้าไปในร้านและถามมินนี่ว่า เธอมีปัญหาอะไร ? ซึ่งถ้าเป็นเป๊กกี้ มิ่นนี่คงจะไม่ลอยนวลในข้อหาที่มองมาอย่างนั้นแน่นอน

              ที่ห้างดังแห่งหนึ่งกลางกรุง... ในร้านอาหารฟาสต์ฟู๊ดแห่งหนึ่งในห้าง

              ท่ามกลางเสียงเพลงในห้างและกลิ่นอาหารฟาสต์ฟู๊ดในร้าน อั๋นนั่งที่นั่งริมหน้าต่าง เหม่อมองออกไป มองดูความเป็นไปต่างๆนาๆในตัวเมืองอันร้อนระอุ วุ่นวาย และมีมลพิษ ซึ่งต่างจากห้องแอร์ในร้านและสภาพแวดล้อมอันสะอาดหรูหราสวยงามภายในห้าง บนโต๊ะของอั๋นมีแก้วโยเกิร์ดปั่นที่พร่องไปแค่นิดหน่อย และจานชีสเบอเกอร์ที่ถูกกัดแหว่งไปเพียงคำเล็กๆคำหนึ่ง

"...................."

              อั๋นนึกถึงสีหน้าอันน่าโมโหของมินนี่ และเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในร้านของโก้ที่มีมินนี่อยู่ด้วยกับเขาสองต่อสอง เธอจินตนาการไปต่างๆนาๆกับสถานการณ์ปัญหาหัวใจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งมีตัวละครสำคัญอยู่สามคนคือ ตัวเธอเอง โก้ และมินนี่ นอกจากนั้นแล้ว เธอยังรู้สึกว่า จิตใจของเธอนั้นอ่อนแอจริงๆ เธอกลัวการเผชิญหน้า และกังวลว่าจะไม่มีกำลังไปสู้กับคู่แข่งหัวใจที่ดูมีกำลังมากล้น ยากที่จะเอาชนะได้อย่างมินนี่ นี่อาจเป็นโทษของการเป็นในสิ่งที่เธอกำลังเป็น เป็นโทษที่เธอตัดสินเหมารวมไปว่า คนทุกเพศนั้น เลวพอๆกัน

"............. พี่โก้... นี่ฉันเป็นอะไรไป ? ...ฉันคิดอะไรกับพี่อยู่เนี่ย ? ...พี่เป็นแค่พี่ชายที่แสนดีของฉันเท่านั้นเอง
ไม่ใช่เหรอ ?...... แล้วทำไมผู้ชายโสดอย่างพี่จะไม่ชอบสาวสวยที่ชอบพี่เหมือนกันอย่างยายนั่นเล่า ?...
มันประจวบเหมาะดีขนาดนั้น พี่จะพลาดได้ไง ?"

              อั๋นละเมอเพ้อพกออกมาอยู่ในลำคอ รู้สึกถึงความพ่ายแพ้ที่อยู่ตั้งแต่ในมุ้งใน'สงคราม'นั้น เริ่มมีน้ำตาคลอ... แต่แล้วก็ผุดลุกนั่งตัวตรง เอาผ้าเช็ดน้ำตา

"ช่างปะไร !... อะไรจะเกิดขึ้นก็ให้มันเกิดไปสิ... พี่โก้ก็บอกเราแล้วนี่ ว่าเราต้องทำตัวให้มีความสุขเข้าไว้"

              คิดดังนั้นแล้ว อั๋นก็เริ่มฝืนกินอาการและเครื่องดื่มที่เหลืออย่างยากลำบาก ความอยากกินอะไรเข้าไปไม่มีเหลืออยู่เลย ที่เธอกินก็เพราะต้องการทำตามคำแนะนำของโก้เท่านั้น... แต่ช้าไป ความเครียดได้ครอบงำเธอแล้วอีกครั้ง เป็นอีกครั้งที่เธอไม่มีความสุขในสิ่งที่คนทั่วไปมีความสุขกับมัน

.

                  อั๋นต้องรีบเข้าห้องน้ำในห้าง เพราะเกิดอาการอยากอาเจียนอันเนื่องมาจากการฝืนกินอาหารในขณะที่ร่างกายของเธอระงับความต้องการอาหารแล้ว เงินค่าอาหารชุดนั้นได้ถูกโกรกลงไปในชักโครกในที่สุด อั๋นออกมาจากห้องส้วม บ้วนปากและล้างหน้าที่ซิ้งค์น้ำ ยังรู้สึกพะอืดพะอมอยากอาเจียนอยู่ทั้งที่ไม่มีอะไรเหลืออยู่ในกระเพาะแล้ว... แต่แล้ว เมื่อเธอเงยหน้ามองกระจก...

"เฮ้ย !!!?"

              เงาอีกฝั่งในกระจกบานใหญ่นั้น ได้กลายเป็นห้องน้ำในห้างอันมีสภาพรกร้างเก่าคร่ำคร่าและมืดมิด มีเพียงแสงไฟจากด้านโลกจริงส่องสลัวเข้าไป หลอดไฟในฝั่งนั้นมีสภาพเก่าและแตกจนใช้การไม่ได้ กระเบื้องฝาผนังรวมถึงซิ้งค์น้ำมีคราบสรกปรกสีเหลืองของหินปูนและตะไคร่น้ำสีดำจับอยู่จนหนา กระเบื้องอันสกปรกเหล่านั้นแตกร้าวและหลุดออกไปหลายจุด ส่วนที่เป็นโลหะทั้งหลายมีก๊อกน้ำเป็นต้น มีสนิมขึ้นเขรอะจนผุกร่อน ที่กั้นห้องส้วมผุพังและมีสีลอกลงเกลี่อนกล่น ทุกอย่างในนั้นได้เป็นเหมือนกับห้องน้ำในห้างที่ร้างมาแล้วหลายปี และเป็นเวลากลางคืนในนั้น... ที่สำคัญ ไม่มีเงาของอั๋นอยู่ในนั้นเลย !
              ความหวาดกลัวอันคุ้นเคยได้ปะทุขึ้นมาอย่างหนัก อั๋นสะดุ้งถอยกรูดออกมาจนหลังพิงฝาผนัง หน้าตื่นหอบหายใจแรง รีบไปเปิดประตูทางเข้าห้องน้ำ แต่ลูกบิดประตูไม่ขยับแม้แต่นิด เป็นเหมือนกับลูกบิดที่มีสนิมขึ้นจนบิดไม่ได้ฉะนั้น

"เฮ้ย !? หมาตัวไหนมาล็อคประตูไว้อีกวะ !!? ..... ใครก็ได้เปิดประตูหน่อยค่ะ ข้างในเปิดไม่ได้ มีคนแกล้งหนู !!!"

              อั๋นที่กำลังมีอาการหวาดกลัวใช้กำปั้นทุบประตูรัวๆให้คนที่อยู่ข้างนอกรู้ เพื่อที่จะได้มาเปิดประตูให้เธอออกไป

              แกร่ก !! ....... เอี๊ยดดดด ...... แอ๊ดดดดดด...... กร่อก กร่อก...

                  อันสะดุ้งสุดตัวหันขวับไปที่ต้นเสียง ซึ่งมาจากกระจก เป็นเสียงของประตูห้องส้วมอันเก่าคร่ำคร่าห้องหนึ่งในมิติโลกคู่ขนานที่กำลังเปิดอ้าออกมา.... แล้วอั๋นก็ต้องช็อคสุดขีด !

"...ห๊ะ !!? ........ กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดด  !!!!!!" 

              สิ่งที่ค่อยๆออกมาจากห้องส้วมห้องนั้น เป็นร่างผีของหญิงสาวผู้หนึ่ง มีสภาพเป็นศพเน่าเฟะดูน่ากลัวน่าสยองพองขน ผมปล่อยยาวลงมาจนถึงเอวและปรกใบหน้าบางส่วน แต่งกายด้วยเสื้อผ้าพนักงานทำความสะอาดที่มีสภาพเก่าและขาดวิ่นดุจผ้าขี้ริ้วเปื้อนเลือด รองเท้าบู๊ทและถุงมือยางเก่าจนมีคราบสกปรกและรูทะลุ มีเลือดและน้ำเหลืองไหลเป็นสายออกมาจากรูทะลุเหล่านั้น ในมือถือไม้ขัดส้วมที่เก่าและสกปรก ผีพนักงานสาวที่น่ากลัวตนนั้นค่อยๆเดินยึกๆยักๆออกมาดุจซอมบี้ ทุกครั้งที่มันก้าวเท้าและขยับตัวจะได้ยินเสียงกระดูกลั่น มันเดินมาหยุดอยู่ที่ซิ้งค์น้ำที่อยู่อีกฝั่งของซิ้งค์ที่อั๋นล้างหน้า ท่ามกลางเสียงกรีดร้องและพยายามทุบประตูของอั๋น

"อิหยังงงงงงง..... ห้องน้ำาาาาา .... บ่เคยสะอาดเลยยยยยยยยยย....... !?"

              เสียงอันแหบพร่าของผีสาวชาวอิสานตนนั้น ดังก้องไปทั่วทั้งห้องน้ำ ทำเอาอั๋นยิ่งออกอาการหวาดกลัวหนักยิ่งขึ้น

"เปิดซีเว้ยยยยย !!!! ไอ้ประตูบ้าาาาาาา !!!! .... ใครก็ได้ช่วยฉันด้วยยยยยย !!!!"

              อั๋นส่งเสียงร้องอย่างสุดเสียงและเริ่มใช้เท้าถีบประตู แต่ประตูก็นิ่งดุจถูกปิดตาย

              ทันใดนั้น... ไฟในห้องน้ำก็เริ่มกระพริบติดๆดับๆ เริ่มมีกลิ่นเหม็นเน่าดุจซากศพอบอวลขึ้นมา

"เหม็นนนนน..... ขี้เดียดขนาดดดดดดด..... เบื่อหลาาาาาายยยยยยยย.......ข้อยสิลาอออออกกกกกก  !!"

              อั๋นตกใจหันไปที่กระจก และเห็นผีสาวพนักงานทำความสะอาด ปล่อยมือทิ้งไม้ขัดส้วม เริ่มยื่นแขนมาที่กระจก และมือของมันก็ทะลุออกมาจากกระจก มันเริ่มปีนขึ้นที่ซิ้งค์น้ำฝั่งมิติของมัน คลานออกมาจากกระจกอย่างช้าๆ มีเสียงกระดูกลั่นจากตัวของมันเป็นระยะๆในขณะที่มันขยับตัว อาการติดๆดับๆของหลอดไฟและกลิ่นเหม็นเน่าที่อบอวลอยู่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น และมันก็ออกมายืนอยู่ในฝั่งโลกจริงในที่สุด

"ข้อยสิลาอออออออกกกกกกกกก .... !!"  มันยืนนิ่งเอ่ยคำพูดนั้นอยู่ซ้ำๆ ท่ามกลางเสียงกรีดร้องลั่นของอั๋น

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!! ... ช่วยด้วยยยยยยยยยยย !!!!!!!"

              อั๋นกรีดร้องสุดเสียง ทั้งทุบ ทั้งเตะและถีบประตูอยู่เป็นพัลวัล แต่ดูเหมือนประตูจะไม่มีความเสียหายจากการทำอย่างนั้นของอั๋นเลยแม้แต่แค่รอยเท้า และมันยังคงปิดแน่นไว้อย่างนั้น... แต่แล้ว อั๋นก็ชะงัก ยืนตัวแข็ง เพราะรู้สึกว่ามีอะไรอยู่มาข้างหลังใกล้ๆ เธอสั่นเกร็งอย่างหนัก หน้าซีดเป็นไก่ต้ม ปากคอสั่น เหงื่อไหลจนเปียกชุ่ม หอบหายใจแรง ดวงตาอันเบิกโพลงอยู่เต็มที่เหลือบไปข้างๆ ค่อยๆหันมองไปข้างหลัง

"ซอยข้อยแน.... !!!!... ข้อยอยากกลับบ้าาาาาานนนนนนน..... !!!!!"

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!!!!!!! "

             ผีสาวพนักงานทำความสะอาดได้มายืนอยู่ใกล้อั๋นเพียงไม่ถึงเมตรและขอความช่วยเหลือจากอั๋นด้วยเสียงอันน่ากลัวน่าขนลุก ทำเอาอั๋นทรุดนั่งย่อลงเอามือกุมหัว หลับตาปี๋กรีดร้องสุดเสียงเท่าที่จะดังได้... แล้วสติของเธอก็หลุดลอยในที่สุด........

"........ช่วย ด........ห๊ะ!!?"

              อั๋นสะดุ้งตื่นขึ้นมา พบว่าตัวเธอเองกำลังถูกหิ้วปีกโดยยามรักษาการณ์ประจำห้างชายสองคน และมีพนักงานทำความสะอาดห้องน้ำที่เป็นผู้หญิงหน้าตาออกไปในทางคนอิสานคนหนึ่งยืนดูอยู่อย่างตื่นตระหนก เธอได้พบอั๋นนอนสลบกองอยู่หน้าซิ้งค์น้ำและเรียกยามมาดู

"เย้ย ! ... ตื่นแล้วเหรอ ตกใจหมด......... น้องครับ เป็นยังไงบ้าง ? ไปหาหมอมั้ย ?"

***************

.

                  วันต่อมา... ที่มหาวิทยาลัย เวลาลาพักกลางวัน... ที่นั่งเล่นชุดประจำ

"เฮ้อออออออ.... เลิกซะที วันนึงผ่านไป" เป๊กกี้ถอนใจ บิดขี้เกียจอย่างเต็มที่

"นี่ ยายเป๊กกี้... แกขี้เกียจเรียนมากๆแบบนี้ เดี๋ยวก็สอบตกอีกหรอก... คราวก่อนแกเกือบไม่ได้เลื่อนชั้นกับพวกฉัน
ยังไม่เข็ดอีกเหรอ ?" เหมยลี่ซึ่งมีนิสัยขยันตรงข้ามกับเป๊กกี้ ปรามอาการนั้นของเธอ

"แหม... มีพวกแกอยู่ทั้งคน ฉันจะกลัวอะไร... ชิลๆไปน่า"

"เชอะ ชิลๆ... เทอมก่อนน่ะ วิชาเรียนมันง่าย เลยทำโพยง่าย แต่ไม่ใช่เทอมนี้นะยะ... แต่ละวิชาหินๆทั้งนั้น
ขนาดฉันยังมึนได้เลย" เหมียวผู้เรียนเก่งที่สุดในชั้นปรามเป๊กกี้บ้าง พลางขยับแว่นสายตาของเธอ

"เอาน่า... เดี๋ยวฉันคอยเป็นหน่วยเสบียงให้พวกแกเอง ฉันจะเลี้ยงพวกแกบ่อยๆ เดี๋ยวพวกแกก็ทำได้เองแหละ
เชื่อสิ....ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ" เป๊กกี้ยังคงเป็นไปตามเดิมของเธอ

"ว่าแต่... ยายอั๋นมันไม่มาเรียนวันนี้ แถมไม่บอกอีกว่าทำไม... มันเป็นอะไรของมันอีกวะ ?"

"นั่นสิ... เงียบไปเลย โทรไปเมื่อเช้าก็ไม่รับสาย... อย่าบอกนะว่าป่านนี้มันยังอกหักไม่หายอีก เป็นห่วงมันจริงๆ"

"อืม... งั้น บ่ายนี้พวกเราลองไปเที่ยวหามันที่หอมั้ย ? ไปดูมันหน่อยว่ามันเป็นอะไรยังไงของมันอีก"

"เออ ไปๆ"

              ตอนบ่ายเศษๆ... ตึกหอพักที่อั๋นพักอยู่...

             กลุ่มเพื่อนของอั๋นนำโดยเป๊กกี้ พากันเข้ามาในตึกหอพัก และพบใครคนหนึ่งซึ่งกำลังยืนรอลิฟท์อยู่พอดี มือหิ้วถุงกล่องข้าวกล่องหนึ่ง

"อ๊ะ... พี่โก้ !" เป๊กกี้อุทานออกมาเสียงแจ๋น

"อ้อ... พวกเพื่อนๆของอั๋นเองเหรอ... ว่าไง มาเยี่ยมเจ้าอั๋นกันใช่มั้ย ?"

"หา ? .... เยี่ยมเหรอคะ ?... ยายอั๋นมันเป็นอะไรไปเหรอคะพี่ !?" กลุ่มของเป๊กกี้เริ่มมีสีหน้าตื่นตระหนก

              ทุกคนเข้าลิฟท์ไปเมื่อประตูลิฟท์เปิดออก

"อ้อ ยังไม่รู้กันใช่มั้ย ? .... มันไม่สบายน่ะ เป็นไข้หนักเลย ไม่รู้ทำไม เมื่อวานมันก็ยังดีๆอยู่เลย...
แม่ของมันก็เพิ่งกลับออกไปเมื่อกี้นี่เอง แล้วก็ฝากให้พี่ดูแลมันเพราะรู้ว่าพี่รู้จักมัน"

              ลิฟท์มาถึงชั้นพักของอั๋น ทุกคนเดินไปตามทางเดินตึกจนมาอยู่หน้าประตูห้องพักของอั๋น โก้เคาะประตูเรียกอั๋น

"อั๋น.... อั๋น ?"

              ไร้เสียงตอบกลับของอั๋น โก้ลองบิดลูกบิดประตู ประตูไม่ได้ล็อค เขาพึมพำเอ่ยคำขอโทษในลำคอแล้วตัดสินใจเปิดเข้าไปในห้อง ... แล้วทุกคนก็ต้องตกตะลึง !

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!!"

              กลุ่มของเป๊กกี้เข้ากอดกันแน่น ผมตั้งชี้ กรีดร้องออกมาพร้อมกัน ช็อคสุดขีดกับสิ่งที่เห็น... อั๋นนั้นกำลังยืนลอยอยู่กลางอากาศบนเตียงของเธอ เหมือนกับศพของคนผูกคอตายที่กำลังห้อยอยู่ สูงจนหัวของเธอเกือบถึงเพดาน หลอดไฟในห้องกำลังมีอาการกระพริบติดๆดับๆ แล้วอั๋นก็หันขวับมามองกลุ่มคนทั้งหมดที่เข้ามาในห้อง เหมือนกับโจรที่สะดุ้งตกใจที่มีคนมาเห็นตนกำลังทำอะไรอยู่ลับๆ นัยตาของอั๋นเปล่งแสงสีเขียวออกมาแว่บหนึ่งดุจแมวที่กำลังขู่ศัตรู
                  แล้วเธอก็กลับร่วงฟุบลงมาที่เตียง นอนกองแน่นิ่งไป หลอดไฟในห้องที่ติดๆดับๆ ก็กลับสว่างเป็นปกติ... โก้วางถุงกล่องข้าวและรีบเข้าไปประคองอั๋นขึ้นมา ในขณะที่เพื่อนๆของเธอนั่งกองกันอยู่บริเวณประตูห้อง กอดกันแน่นหน้าตื่นตัวสั่น... อั๋นสะดุ้งตื่นขึ้นมาในที่สุด และเห็นโก้กำลังประคองเธอ

"พี่โก้... ? ................ พี่โก้ !!! ... ฮือ ฮือ โฮ โฮ โฮ !!!!"

              อั๋นเข้ากอดโก้ไว้แน่นแล้วร้องไห้ เหมือนกับเขามาช่วยเธอชีวิตเธอไว้จากความตาย กลุ่มเป๊กกี้รวบรวมสติได้แล้ว จึงรีบเข้าไปหาอั๋นทั้งกลุ่ม

"เฮ้ย ! ...ยายอั๋น ! นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับแกเนี่ย... ทำไมแกถึงเป็นแบบนี้ล่ะ !?"

             เป๊กกี้เสียงสั่นเครือมีน้ำตาคลอถามความเป็นไปกับอั๋นที่กำลังมีสภาพโทรมอย่างหนัก เหมยลี่และเหมียวเองก็มีอาการตื่นตระหนกไม่แพ้กัน

"เป๊กกี้.... เหมยลี่ .... เหมียว... ? ... พ... พวกแก...." อั๋นหันมาหาเพื่อนของเธอทั้งที่กำลังร้องให้อยู่

              อั๋นโผเข้ากอดเป๊กกี้ ซึ่งกำลังร้องไห้ไปด้วยและลูบหลังอั๋น รู้สึกได้ชัดว่าอั๋นกำลังหวาดกลัวสุดขีดเพราะตัวสั่น เหมยลี่กับเหมียวก็ออกอาการร้องไห้ตามไปด้วย เข้ามาอยู่ใกล้ๆกับอั๋น ทั้งกลุ่มต่างปลอบประโลมอั๋นต่างๆนาๆ ในขณะที่โก้ยืนพิจารณาอั๋นสีหน้าจริงจัง เหมือนกับเห็นอะไรบางอย่างในตัวเธอ แล้วมองไปรอบๆห้องและมองไปบนเพดานมุมต่างๆด้วยอาการเดียวกันนี้
              โก้เข้ามาหาอั๋น เอ่ยขอโทษแล้วเอามือทั้งสองจับใบหน้าเธอที่นองไปด้วยน้ำตาและเริ่มแดง จ้องเขม็งดูแววตาของเธออย่างพิจารณา ท่ามกลางความงุนงงของทั้งกลุ่มของอั๋นรวมถึงตัวเธอเอง แล้วเขาก็ผงกหัวหน่อยหนึ่งเหมือนกับเข้าใจอะไรบางอย่าง

"อ... อะไรเหรอพี่ ? ... ฉันเป็นอะไรเหรอ ?" อั๋นถามขึ้นด้วยความสงสัยระคนด้วยความหวาดระแวง

"อืม..... อั๋น... แกบอกว่า ผี เป็นแค่จินตนาการของคนเราตอนที่กำลังมีความคิดทางลบใช่มั้ย ?"

              คำถามของโก้ทำเอากลุ่มเป๊กกี้เย็นสันหลังวาบ ออกอาการหวาดผวา เมื่อได้ยินคำว่า ผี

".... !? ... อ... อื้อ...ท... ทำไมเหรอพี่ ?"

"จะบอกให้ อาการนั้นมันมีชื่อสั้นๆของมันอยู่... เรียกว่า จิตตก... แล้วตอนนี้แกก็กำลังจิตตกอย่างหนักเลย...
แกจูนคลื่นจิตไปตรงกับพวกมันโดยไม่รู้ตัว พวกมันเลยเข้ามารังควานแกได้"

"......!!!?"

              กลุ่มของอั๋นรวมถึงตัวเธอเอง หน้าตื่น มีอาการหวาดผวา ระคนไปด้วยความงุนงง

"...ฉ... ฉัน... จิตตก... งั้นเหรอ ?"

"แกน่ะ ปกติเป็นคนจิตใจอ่อนไหวง่าย ขวัญก็อ่อน... พอถึงเวลาจิตตก ตัวแกก็จะกลายเป็นเหมือนประตูบ้าน
ที่เปิดไว้อ้าซ่า ให้ใครเข้าไปในบ้านก็ได้... รวมทั้งโจรด้วย"

"................ !!!?"

              อั๋นไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของโก้เท่าใดนัก แต่เมื่อได้ยินแล้ว เธอรู้สึกหวาดผวาว่าเธอกำลังอยู่ในอันตราย รู้สึกว่ากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายอย่างหนัก อาจถึงชีวิตได้

"...ค... ใครจะมาทำอะไรฉันที่บ้านเหรอพี่ !? .... ล... แล้วฉันจะทำยังไงดี !?"

             โก้แอบถอนใจในความที่อั๋นเป็นคนที่ไม่เชื่อเรื่องเหนือธรรมชาติเอาเสียเลย ความเข้าใจในสิ่งที่เขาพูดจึงไม่มีในหัวของอั๋นเลยแม้สักนิด เหมือนกับจะไม่มีเซ้นส์ทางด้านนี้เลย

"ก่อนอื่นเลยนะ... แกเล่าให้เพื่อนๆของแกฟังหน่อยสิ ว่าแกเห็นอะไรมาบ้าง บอกไปให้หมดเลย
เหมือนที่แกบอกฉัน ไม่ต้องเก็บงำไว้"

"อะไรเหรอยายอั๋น ? แกเห็นอะไรมาเหรอ ?" เป๊กกี้ถามขึ้นสีหน้าหวาดหวั่น

              อันยอมเล่าให้เพื่อนๆของเธอฟังในที่สุดว่าเธอเห็นอะไรมา ที่ลิฟท์ ที่คลับ U. C. ME ในห้องของเธอเมื่อสองคืนก่อน และในห้องน้ำที่ห้างดังกลางกรุงเมื่อวาน ซึ่งตอนนี้โก้ก็พลอยมาได้ยินเรื่องสุดท้ายที่เป็นเรื่องใหม่ไปด้วย

"เฮ้ยยยยยยยย...... !!?"

    กลุ่มเป๊กกี้ได้ยินเรื่องแล้ว ก็หันมองหน้ากัน อุทานเสียงสูงออกมาพร้อมกันด้วยความหวาดกลัว โก้ถอนใจ มองดูอั๋นอย่างพิจารณา โดยเฉพาะที่แววตาของเธอ ตรวจหาความผิดปกติ แล้วเริ่มถามเธอ

"อั๋น... แกแน่ใจเหรอ ว่าแกตัดใจจากแฟนแกได้แล้วน่ะ หือ?... ทำไมแกยังอมทุกข์อมโศกอยู่ล่ะ ?"

"..........................."

              อั๋นนิ่งไป ตอนนี้เธอรู้สึกเป็นเหมือนกำลังถูกขังอยู่ในห้องกับดักห้องหนึ่ง และถูกกำแพงทั้งสี่ด้านค่อยๆเคลื่อนเข้ามาบีบตัวเธอ เธอได้ตัดใจจากคู่ขาเจ้าชู้คนนั้นได้แล้วจริงๆ แต่เหตุผลที่ทำให้เธอยังคงรู้สึกหม่นหมองจนเป็นเหตุให้เกิดเรื่องสยองขวัญได้อยู่นั้น มันเกิดมาจากความรู้สึกของเธอที่มีต่อโก้ และมินนี่ ผู้ซึ่งกลายเป็นข้าศึกหัวใจเพราะความคิดด้านเดียวของเธอเอง เธอเขินอายที่จะบอกความจริงอันนั้นต่อโก้ และยิ่งเขินอายมากขึ้นเมื่ออยู่ต่อหน้าเพื่อนๆของเธอ ความกดดันอันนั้นเป็นดุจภูเขาที่กำลังท่วมทับ
              แต่แล้ว... โก้ก็สังเกตเห็นว่าไฟในห้องเริ่มออกอาการกระพริบหน่อยหนึ่ง ในขณะที่ทุกคนไม่รู้สึกตัวว่ามันเกิดขึ้น

"เอ่อ โอเคๆ ช่างเถอะ...  เอาเป็นว่า... ตอนนี้แกทำใจให้สบาย อย่าไปคิดไปเครียดอะไรให้มาก...
จะเรื่องอะไรก็ช่างพับมันไว้ก่อน... ที่สำคัญ แกต้องเข้มแข็งไว้นะ อย่าไปนึกเรื่องเครียดๆ
พยายามอยู่ให้เป็นสุขไว้ กินยาตามเวลาจะได้หายไวๆ... นี่ พวกเธอก็อย่าไปถามอะไรอั๋นมันมากนะ
มันจะเครียด พยายามให้กำลังใจมันมากๆละกัน"

             แล้วโก้ก็เอาถุงข้าวกล่องวางไว้บนโต๊ะให้อั๋น ตรวจดูยาชนิดต่างๆที่อั๋นจะต้องกินเพื่อจำเวลากินไว้ บอกลาทุกคนแล้วเดินออกไปจากห้องท่ามกลางความงุนงงของทุกคน อั๋นนั้นมองตามหลังโก้จนเขาเดินลับออกไปและยังคงมองไปที่ประตูอยู่อย่างนั้น มีสีหน้าและแววตาที่เศร้าสร้อย  เป๊กกี้ผู้ไวต่อเรื่องรักโรแมนติกได้สังเกตเห็นอาการนั้นของอั๋น

.

                  ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา... ที่ร้านของโก้...

"พี่โก้ !" เสียงของเป๊กกี้แจ๋นเข้ามาในร้าน

"เอ้า พวกเธอยังไม่กลับกันอีกเหรอ ?... เจ้าอั๋นมันเป็นไงบ้าง ?"

"มันสบายดี โดนพวกหนูกล่อมเอ่เอ๊จนหลับไปแล้วล่ะ... เอากระเพราไก่ไข่ดาวสามที่จ้ะ"

"อ้อ... ได้เลย จัดให้"

              โก้เข้าครัวไปทำอาหารมาเสริฟสามสาวภายในระยะเวลาอันสั้น

"นี่ พี่โก้... ตกลงยายอั๋นมันเป็นอะไรแน่เหรอคะ ?... มันยังไม่ทันตอบอะไรพี่เลย ทำไมพี่รีบกลับออกมา
แบบนั้นล่ะ มันหงอยเลยจะบอกให้" เป๊กกี้เปิดฉากสนทนาขึ้น

"หงอยเหรอ ?... แล้วมันเครียดมากมั้ย ?" สีหน้าของโก้เริ่มมีความกังวลและเคร่งขรึมดูจริงจัง ทำเอาเป๊กกี้เหวอ

"เอ่อ... ก็... ไม่ทันได้เครียดค่ะ เจอพวกหนูตัดบท กล่อมให้มันนอนซะก่อน"

"ดีละๆ................. คืองี้... พวกเธอคงรู้จักอาการที่เรียก จิตตก แล้วใช่มั้ย ?"

"อืม.... ประมาณว่า... ตกใจจนใจตกไปที่ตาตุ่มอะไรแบบนี้รึเปล่าคะ?" เป๊กกี้เธอไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่าจิตตก แต่ก็ยังแสดงความเห็น

"...... เหมือนจะเป็นภาวะจิตใจในลักษณะแบบว่า เจออะไรเลวร้ายในชีวิตจนเครียดจัด
อาจทำให้ฆ่าตัวตายได้... ถ้าหนูจำไม่ผิดนะ" เหมียวผู้ฉลาดและมีความรู้มากที่สุดในกลุ่มตอบออกมาอย่างฉะฉาน

"ใช่แล้ว... แนวนั้นแหละ... แล้วพวกเธอเป็นเพื่อนกับมันตั้งแต่สมัย ม. ต้น ก็คงรู้ดีกันใช่มั้ย ? ว่าเจ้าอั๋นมัน
เป็นคนจิตใจอ่อนไหวง่าย แล้วก็ขวัญอ่อนอีก... พอมันเจออะไรที่จะทำให้มันมีความรู้สึกทางลบ มันจะ
รู้สึกแบบนั้นยิ่งซะกว่าชาวบ้านชาวช่องอีก"

"ใช่ค่ะพี่ มันเป็นแบบนั้นของมันมาแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะ................. แล้ว... ในเมื่อมันไม่ได้เครียดเรื่อง
เลิกกับแฟนมัน แล้วมันเครียดอะไรของมันอีกนะ ทำไมมันถึงจิตตกได้ ?... ก่อนหน้านั้นท่าทางมันก็
ดีๆอยู่นี่ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย" เหมยลี่แสดงความสงสัยของเธอออกมาบ้าง

             เป๊กกี้ซึ่งเป็นคนเดียวที่กระจ่างในเรื่องนี้ ได้โอกาสพูดขึ้นมาในที่สุด

"นี่ พี่โก้... ยายอั๋นมันไม่บอกพี่ก็จริง แต่หนูจะบอกให้ค่ะว่าทำไมมันถึง... เอ่อ อะไรนะ ?...
จิตตก ใช่มั้ย... หนูรู้ว่าทำไมมันจิตตก.... "

"..........." โก้นิ่งรอฟังคำตอบ

"ยายอั๋นมันชอบพี่ไงล่ะ !"

"หา? ....เฮ้ยยยย !? ...จริงเหรอ ?"

              เหมยลี่กับเหมียวเอามือป้องปาก สีหน้าตื่นตะลึงอุทานเสียงสูงออกมาพร้อมกัน ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน

"..........." โก้นิ่งไป สีหน้าครุ่นคิด

"หนูดูแววตาของมัน หนูรู้เลยมันชอบพี่ แต่มันไม่กล้าบอกความในใจกับพี่ มันเลยเครียด
เพราะเรื่องนี้มั้ง ? ...... แต่... ทำไมมันเครียดถึงขนาดไม่สบายแบบนี้นะ ก็แค่บอกความในใจเอง"

"อืม... บอกตามตรงนะ... พี่รู้นานแล้วล่ะ ว่ามันชอบพี่... มันชอบพี่ตั้งแต่ก่อนมันเลิกกะแฟนเลสเปี้ยนของมันซะอีก"

"หาาาาาาาา !!!?" คราวนี้ทั้งสามสาวตกตะลึงอุทานออกมาพร้อมกัน เสียงดังกว่าครั้งแรก

"แต่พี่เฉยไว้... เพราะพี่ยังไม่อยากลบภาพที่พี่เป็นพี่ชายที่แสนดีของมัน... มันชอบมาปรึกษาปัญหาชีวิต
กับพี่ตลอด เดี๋ยวจะไม่เป็นอันปรึกษาเอา พี่อยากรักษาความสัมพันธ์ที่บริสุทธิ์กับมันไว้นานๆ... ว่าไปก็...
ตอนนี้ก็มีเด็กนักศึกษาคนนึงมาจีบพี่ แต่พี่ปฏิเสธไปแล้ว เพราะเด็กคนนั้นเค้าเป็นลูกท่านหลานเธอ
มาจากครอบครัวชนชั้นสูง มันคนละฐานะกัน พี่ไม่อยากไปแปดเปื้อนอะไรให้เค้าเสื่อมเสีย
มีปัญหาอะไรกับครอบครัวเค้าทีหลังอีก........ อ๊ะ !!.......... มันคงเห็นเหตุการณ์นั่นแน่เลย
................ มิน่าล่ะ ถึงเป็นเอาซะขนาดนั้น"

"หา ? .... อ้อ รู้แล้ว ! มันหึงพี่นี่เอง !" เป๊กกี้แสดงความคิดเห็นอย่างรวดเร็วในเรื่องที่เธอถนัดทันที

"อะไรนะ !? มันหึงพี่โก้งั้นเหรอ ?" เหลยลี่กับเหมียวอุทานพร้อมกันอีกครั้ง แล้วมองหน้ากันหน้าตาตื่น

"แหมๆๆ....... แบบนี้ก็ดีน่ะสิ เหมือนในหนังโรแมนติกเลย มีดราม่าน่ารักๆด้วย... ดีแล้วค่ะพี่โก้
ที่พี่ปฏิเสธคนอื่นเพื่อยายอั๋นมัน... พี่โก้ก็ต้องตอบรับความรู้สึกมันนะคะ ทุกอย่างจะได้แฮ๊ปปี้เอนดิ้งซะที
... ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ"

"แหวววววววววะะะะะ !!"

              เป๊กกี้มีอาการระริกระรี้แสดงความเป็นผู้คลั่งในหนังละครแนวโรแมนติกดราม่าจนตาวาว ทำเอาเหมยลี่กับเหมียวแสดงอาการประจำออกมาเพราะความรับไม่ได้ในอาการนั้นของเป๊กกี้ ในขณะที่โก้หัวเราะอยู่ในลำคอด้วยความขำขันในความเป็นไปนั้นของสาวๆ

"อืม... เรื่องนั้น ไว้รอให้พี่มีโอกาสเหมาะๆก่อนนะ"

"ว่าแต่........ ทำไมผีมันถึงได้มาหลอกยายอั๋นล่ะคะ ?... แล้วทำไม... มันถึงเห็นอะไรน่ากลัวๆ
แบบนั้นด้วย ?... เห็นคลับของอาหนูเป็นนรกไปซะได้... ฟังมันเล่าแต่ละฉากแล้วน่ากลัวจริงๆ" เป๊กกี้กลับมาอยู่ในอาการเคร่งขรึมจริงจังอีกครั้ง และเริ่มเปลี่ยนเป็นอาการหวาดผวา

"นี่แหละ... ประเด็นที่พี่จะคุยกับพวกเธอล่ะ... แล้วพี่ก็รู้อยู่ว่าตอนนี้อะไรกำลังเกิดขึ้นกับเจ้าอั๋นมัน เพราะพี่ปฏิบัติธรรม"

             ทั้งสามสาวนิ่ง หน้าตื่น มองหน้ากัน แล้วมองมาที่โก้

"อ... อะไรเหรอคะพี่ ?.... อะไรกำลังเกิดขึ้นกับยายอั๋นเหรอ ?" เหมียวเปิดฉากถามขึ้นมา

"คือ... มันเป็นผลที่ตามมาของอาการจิตตกของเจ้าอั๋นน่ะ... เอางี้ พี่จะเล่าอะไรให้ฟัง มันออกจะเป็นเรื่อง
ที่เหนือธรรมชาติจนอาจจะฟังดูเหลือเชื่อไปซะหน่อย ทนฟังนิดนึงละกัน... อาการที่คนเครียดจนจิตตก
มันไม่ได้จบแค่นั้นนะ จิตที่ตกมันจะไปเชื่อมต่อกับทุคติภูมิ ก็คือโลกที่มีแต่ความทุกข์ เช่น โลกของภูติผีปีศาจ
รึนรก อะไรประมาณนี้ด้วย เพราะลักษณะของคลื่นจิตมันตรงกัน... คนเราน่ะ เหมือนเครื่องวิทยุ มีคลื่นจิตจูนไปหา
ที่ต่างๆตลอดเวลา... บางคนทำสมาธิจนคลื่นจิตแรงมีศักยภาพสูง จูนไปเห็นภพอื่นได้ เห็นสวรรค์เห็นนรกอะไรได้หมด...
ชาติก่อนๆเจ้าอั๋นมันคงเคยทำสมาธิมาขนาดหนัก จิตมันเลยมีความเคยชินแบบนั้น จนกลายเป็นคนขวัญอ่อน
จิตใจอ่อนแอในภพชาติปัจุบัน"

".... เอ๊ะ ?... ทำสมาธิทำให้คนขวัญอ่อน จิตใจอ่อนแอเหรอคะ ? " เหมยลี่ถามขึ้นบ้าง เพราะทางบ้านของเธอนิยมการทำสมาธิเพื่อฝึกศิลปะการต่อสู้ต่างๆของจีนและการทำพิธีทรงเจ้าเข้าผีตามความเชื่อของบรรพบุรุษของเธอ

"ใช่ ถ้าทำมากเกินไปแล้วก็ไม่เป็นไปเพื่อการฝึกตนเพื่อความหลุดพ้นตามที่พระพุทธเจ้าสอน... พอขวัญอ่อนแล้ว
มันก็ไปจูนหาทุคติภูมิได้ง่ายเมื่อจิตใจอยู่ในอารมณ์ทางลบสุดขีด... เมื่อเป็นแบบนั้น เหล่าภูติผีปีศาจจะเข้ามา
เล่นงานเอาได้ง่ายๆ โดยเฉพาะพวกเจ้ากรรมนายเวรแล้วก็พวกมารที่คอยหาโอกาสทำร้ายเราอยู่แล้ว
เหมือนกับเปิดบ้านให้โจรเข้ามาเลย... เจ้าผีตาเขียวที่สิงเจ้าอั๋นเมื่อกี๊ คงเป็นหนึ่งในพวกมันนี่แหละ... ไอ้ตัวนั้นน่ะ
มันคงก้าวข้ามมาโลกของเราผ่านทางจิตใจของเจ้าอั๋นสำเร็จแล้ว มันคงจะคอยสิงเล่นงานเจ้าอั๋นอีกแน่ๆ
ถ้าเจ้าอั๋นมันจิตตกอีก ...แล้วตอนนี้ พี่ก็หวังนะ ว่าจะมีแค่เจ้าตัวนั้นตัวเดียว ที่เข้ามาได้"

              เมื่อได้ฟังแบบนี้แล้ว ทั้งสามสาวก็เข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาทันที ว่าอะไรกำลังเกิดขึ้นกับอั๋น และอาจจะกับโลกมนุษย์ด้วย ทั้งสามสาวมองหน้ากัน มีสีหน้ากังวลกันอย่างหนัก

"เฮ้ยยยยย ... พวกแก ทำยังไงดีวะ !? แบบนี้ก็แย่ดิ !"

              เป๊กกี้ที่ดูท่าทางหวาดกลัวที่สุด มีเสียงสั่นถามขึ้นมา แล้วเธอก็นึกขึ้นได้ว่า เธอเพิ่งประสบพบเจอสิ่งเหนือธรรมชาติอันน่ากลัวมาหยกๆ ตอกย้ำความเป็นไปได้ในสิ่งที่โก้พูดออกมาทั้งหมด

"เหมือนทุกคนจะเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมาบ้างแล้วนะ... ตอนนี้พวกเราคงต้องช่วยกันดูแลเจ้าอั๋นให้มากๆ
ไม่ให้มันเครียดอะไรมากไปจนจิตตก... ส่วนตัวพี่เอง พี่ก็จะพยายามหาโอกาสตกลงปลงใจอะไรกะมันทีหลัง
แล้วก็จะหาทางไล่เจ้าผีตาเขียวนั่นให้กลับไปโลกของมันให้ได้... เอาล่ะ กินข้าวกันซะ เย็นจนไข่ดาวฝ่อหมดแล้ว" ว่าแล้วโก้ก็ดื่มน้ำเข้าไปทีเดียวจนหมดแก้ว เพราะพูดจนคอแห้ง

             กลุ่มเป๊กกี้นั่งนิ่ง มองหน้ากันสีหน้ากังวลและหวาดหวั่นอีกครู่หนึ่ง แล้วจึงเริ่มกินข้าวกันด้วยความยากลำบาก เพราะความเป็นห่วงอั๋นเพื่อนรักของพวกเธอ

.

                 ประมาณหกโมงใกล้ทุ่ม....

             โก้ตัดสินใจปิดร้านไว หิ้วถุงกล่องอาหารสองกล่องที่เขาทำขึ้นมาเป็นพิเศษสำหรับอั๋นและขวดน้ำดื่มที่ซื้อมาจากมินิมาร์ทหน้าร้านของเขา เข้าไปยังตึกหอพักที่อั๋นพักอยู่ เมื่อเข้ามาแล้วโก้ก็ชะงักไปครู่หนึ่ง

"........... ?"

             ในตึกหอพักเงียบงัน ไร้เสียงใดๆจากผู้คน ที่เค้าท์เตอร์ของผู้ดูแลหอพักก็ปิดเพราะเลยเวลาทำการแล้ว มีบรรยากาศอันหนัก มืดมนและวังเวง ชวนให้คิดไปในทางลบ ทุกอย่างดูสลัวทั้งที่ในหอพักก็เปิดไฟอยู่ทุกดวง

"เหอะ... ฉันไม่ใช่เจ้าอั๋นนะเว้ย"

             โก้พึมพำในลำคอแล้วจึงกดเรียกลิฟท์ พอเข้าไปในลิฟท์แล้ว โก้ก็พบว่า ปุ่มกดลิฟท์อื่นๆได้หายไป เหลือแต่ปุ่มกดไปยังชั้นที่ห้าเท่านั้น ! และปุ่มกดนั้นก็กลายเป็นปุ่มกดลิฟท์แบบเก่า เป็นปุ่มแบบหลอดไฟสีส้มทรงสี่เหลี่ยม ไม่ใช่ปุ่มกดหน้าสัมผัสบางๆแบบในในสมัยปัจจุบัน

"............ เออ ขอบใจนะ... จะไปชั้นห้าพอดี"

              โก้เอ่ยขึ้นสีหน้าเรียบเฉย แล้วจึงกดปุ่มนั้นในที่สุด ลิฟท์ได้เคลื่อนขึ้นไป มีเสียงดุจเป็นลิฟท์รุ่นเก่า แล้วไฟในลิฟท์ก็เริ่มมีอาการติดๆดับๆ และเมื่อลิฟท์หยุดแล้ว โก้ก็กดเปิดประตูลิฟท์ บรรยากาศภายนอกได้กลายเป็นสภาพตึกร้างมีสภาพแวดล้อมอันเก่าคร่ำคร่า และมืดมิด มีเพียงแสงกระพริบจากไฟในลิฟท์ส่องออกไปเท่านั้น เป็นสภาพแวดล้อมอันน่าสะพรึงกลัวแบบเดียวกับที่อั๋นประสบมา
              โก้ไม่รอให้อะไรเกิดขึ้นต่อไป เขาก้าวออกมาจากลิฟท์ทันที ยืนหิ้วถุงอาหารอยู่หน้าลิฟท์สีหน้าเรียบเฉยเจือด้วยความขขึงขังเล็กน้อย ปราศจากความหวาดกลัวแม้ขนาดเท่าปลายยอดหญ้า

“เห่ออออ...อ...อ...อ...อ........ !!!”

              มีเสียงอันต่ำทุ้มแหบพร่าฟังแล้วน่ากลัวน่าขนลุกหลายเสียงดังก้องไปทั่วทั้งชั้น

“เอ้า... กลัวอะไร ? ...ไหนๆก็ไหนๆแล้วมาพบปะอะไรกันหน่อยสิ... ต้องการความช่ายเหลือมานานแล้วไม่ใช่เหรอ ?
... ตอนนี้โอกาสนั้นมาถึงแล้วนะ”

                      โก้ถามขึ้น เสียงของเขาสะท้อนก้องไปทั่วทั้งชั้นเช่นกัน

“..............”

                      ไร้เสียงตอบกลับใดๆ...

“นี่ อย่ากลัวไปเลย ผมไม่ทำร้ายใครหรอก.... เอางี้ทุกท่าน... ผมว่าทุกท่านคงกำลังหิวกันอยู่นะ...
มา... มากินอาหารนี้กันเถอะ ผมเลี้ยง จะได้อิ่มกันซะที”

              โก้แก้ถุงกล่องข้าวสองกล่องที่ตั้งใจจะนำไปให้อั๋น เปิดกล่องทั้งสองจนมีกลิ่นอาหารหอมฟุ้งขึ้นมา หลับตาพึมพำอฐิษฐานบางอย่างกับอาหาร แล้ววางกล่องอาการไว้ที่พื้นทางเดินอันสกปรกเก่าคร่ำคร่า จากนั้นก็กลับเข้าไปนั่งในท่าสบายอยู่กับพื้นในลิฟท์ หลังพิงกำแพงลิฟท์ เฝ้ารอดูสิ่งที่จะเกิดขึ้น

“.................”

             ...ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบงันไร้วี่แวว มีแต่เสียงหวื่อๆจากหลอดไฟที่ติดๆดับๆในลิฟท์

“โอ้... ลืมไปๆ 'โทษทีๆ”

             โก้ลุกขึ้นออกจากลิฟท์ ยกเอากล่องข้าวเทอาหารกองลงกับพื้นแล้วห่อกล่องเปล่าใส่ถุง กลับเข้ามานั่งในลิฟท์ มองดูกองอาหารเหล่านั้นแล้วกล่าวเชิญให้มากิน

“เอ้า ทุกท่าน... อาหารนี้ผมอนุญาตให้เป็นของพวกท่านแล้ว... เชิญมากินได้”

“โอวววว...ว...ว...ว...ว..... !!!”

             ทันใดนั้น !.... ก็มีร่างผีตายโหงมากมาย ออกมาจากมุมมืดที่ลึกเข้าไปข้างใน เดินมาช้าๆดุจซอมบี้ บ้างก็คลานมาเพราะไม่มีขา บ้างก็ถือหัวที่ขาดของตัวเองเดินมาอย่างเชื่องช้า พวกมันเข้ามาที่กองอาหารที่โก้เทไว้ เริ่มหยิบกินกันมุ่มม่ำๆ พวกที่หัวขาดก็หยิบอาหารใส่ปากที่หัวตนเอง และดูเหมือนอาหารนั้นจะไม่มีความหมดไปเลย เพราะคำอฐิษฐานของโก้ที่ไม่ให้อาหารนั้นหมดไปจนกว่าผีทุกตนจะอิ่ม โก้มองดูความเป็นไปนั้นด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มชื่นมื่น
             ลำดับนั้น... ผีทุกตนที่กินอาหารอิ่มแล้วก็กลับมีร่างกายที่สมบูรณ์ ผิวพรรณผ่องใส่ พวกที่มีอวัยวะต่างๆขาด หรือเครื่องในไหลออกมา ก็กลับมีสภาพที่เป็นปกติสมประกอบ หน้าตาของผีเหล่านั้นดูมีความสุขกันทุกตน วิญญาณที่กลับกลายเป็นสภาพที่สมบูรณ์เหล่านั้น ได้มีลักษณะที่เปิดเผยว่า ทุกตนเคยเป็นอะไรกันมาเมื่อครั้งที่ยังมีชีวิต บ้างก็เป็นนักศึกษา บ้างก็เป็นพนักงานบริษัท บ้างก็เป็นพนักงานเซเว่นฯ บ่งบอกถึงสถานะและอาชีพต่างๆนาๆ ตามสัญญาความจำของแต่ละตนไป
              ... ผีทุกตนเหล่านั้น หันมาหาโก้ที่นั่งอยู่ในลิฟท์เป็นจุดเดียวกัน แล้วพร้อมใจกันไหว้ขอบคุณเขาด้วยความนอบน้อม แล้วโก้ก็รับไหว้ด้วยอาการเดียวกันนั้น

“ทุกท่านอิ่มกันแล้วสินะ... อะไรๆในสากลโลกนี้มันไม่ใช่ของเที่ยง มันเกิดจากเหตุปัจจัยที่มาประชุมปรุงแต่ง
กันแค่ชั่วคราวเท่านั้น สุดท้ายก็มีอันต้องแตกดับแตกสลายไปเป็นธรรมดา ขนาดตึกที่แข็งแรงขนาดนี้ยังถล่มได้
ชีวิตของพวกท่านก็ยังมาแตกดับได้ทั้งที่ดูเหมือนจะมีความมั่นคงและมีอนาคตที่สดใส ขอให้ทุกท่าน
อย่าได้ยึดมั่นถือมั่นเลย ว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นตัวเรา เป็นของเรา เพราะมันไม่เที่ยง แม้แต่ร่างกายของพวกท่านเอง
พวกท่านก็ยังไม่ได้เป็นเจ้าของเลย... ถ้าท่านรู้ความจริงของโลกและชีวิตที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้นี้แล้ว
ก็ปล่อยวางกันเถอะ อย่าได้เป็นทุกข์เป็นร้อนเพราะความยึดมั่นถือมั่นกันอีกเลย”

              ผีทุกตนได้ฟังธรรมที่โก้แสดงแล้ว ก็ไหว้โก้กันอีกครั้ง มีสีหน้าอิ่มอกอิ่มใจเพราะความปิติ แล้วก็ออกอาการสว่างสไวขึ้นมา แต่ละตนได้กลายสภาพเป็นดวงแสง จนทั้งชั้นนั้นสว่างจ้า แล้วอัตรธารหายไปไม่เหลือแม้แต่ตนเดียว จนทั้งชั้นกลับมืดอีกครั้ง แล้วประตูลิฟท์ก็ปิด หลอดไฟกลับเป็นปกติ แผงปุ่มกดก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม
              โก้กดปุ่มชั้นห้า ประตูลิฟท์เปิดออก ข้างนอกนั้นได้เป็นชั้นห้าของตึกหอพักยามค่ำในสภาพแวดล้อมตามปกติ  หลอดไฟทุกดวงสว่าง มีผู้พักบางรายเดินเข้ามาที่ลิฟท์เพื่อลงไปทำธุระของตน
              เมื่อหลายปีก่อนนั้น ตึกหอพักนี้เคยถล่มลงมาเพราะมีแผ่นดินไหว และอาคารสร้างไม่ได้มาตรฐาน จนทำให้ผู้คนทั้งหมดที่พักอาศัยอยู่ในตึกนี้ได้เสียชีวิตในซากตึกทั้งหมด โศกนาฏกรรมนี้ได้ถูกลงข่าวหน้าหนึ่งเป็นข่าวดังในหนังสือพิมพ์ ทำเอาผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายที่มีส่วนในการสร้างตึกนี้ต้องเข้าคุกไปหลายคน และได้มีการบูรณะและปรับปรุงสร้างตึกใหม่... โก้จำเหตุการณ์นี้ได้ดี เพราะเขาเป็นหนึ่งในไทยมุงที่มุงดูซากปรักหักพังของตึก และเห็นเจ้าหน้าที่กู้ภัยขนศพของผู้พักอาศัยออกมามากมาย

“เฮ้อ... เจ้าอั่นจะจิตตกรึไม่ตกก็ช่าง ที่นี่คงไม่มีอะไรเหลือให้เฮี้ยนอีกแล้วล่ะนะ ทุกคนไปดีกันหมดแล้ว...
แก้ปัญหาไปได้แล้วเรื่องนึง” คิดดังนั้นแล้ว โก้ก็ถอนใจด้วยความโล่งอกไปเปลาะหนึ่ง

.

                  โก้ทิ้งกล่องเปล่าลงในถังขยะของชั้น เหลือเพียงขวดน้ำ เข้าไปเยี่ยมอั๋นในห้องพักของเธอ เคลียร์เรื่องหัวอกหัวใจกับเธอแล้วเรียบร้อย โก้กับอั๋นได้ก็เป็นคู่รักกันแล้วอย่างเต็มตัว
              โก้นั่งอยู่กับอั๋นที่โต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆตัวหนึ่งกลางห้อง ทั้งคู่ได้พูดคุยสวีทกันอยู่นาน ทำให้ทั้งร่างกายและจิตใจของอั๋นกลับมาแข็งแรงขึ้น

“แกดีขี้นแล้วใช่มั้ย ? ลงไปกินข้าวในเมืองกับฉันไหวรึเปล่า ?”

“ไหวพี่... ฉันว่าฉันหายแล้วล่ะ” อั๋นหน้าแดงตอบรับโก้

“โอเค... แต่งตัวซะ เดี๋ยวฉันจะไปยืนรอแกนอกห้อง”

             โก้ออกไปยืนรอนอกห้อง อั๋นในชุดนอนลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า...... ทันใดนั้น !

“กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!”

"!!!!?"

             โก้ได้ยินเสียงกรีดร้องของอั๋นแล้ว ก็รีบเพื่อที่จะเปิดประตู แต่ลูกบิดประตูถูกล๊อคไว้

             แกร่กๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ !!!! ก๊อกๆๆๆๆๆ !!!!

"อั๋น !!? เกิดอะไรขึ้น เป็นอะไรไปวะ !!? เปิดประตูหน่อย !!" โก้เรียกอั๋นพลางพยายามบิดลูกบิดและเคาะประตู

             อั๋นก้นจ้ำเบ้าล้มหงายลงกับพื้นแล้วถอยกรูดออกมาจากตู้เสื้อผ้า กรีดร้องเป็นวรรคเป็นเวร สิ่งที่เธอเห็นในตู้เสื้อผ้านั้น เป็นร่างคล้ายคนเพศหญิงร่างหนึ่ง ดำทะมึน มีผมยาวปล่อยสยาย ดวงตาสว่างเป็นแสงสีเขียว นั่งขดอยู่ในตู้เสื้อผ้า ใบหน้าของมันนั้นแปลกประหลาดน่ากลัว มีจมูกเป็นเพียงรูสองรู และแสยะยิ้มกว้างถึงใบหูเห็นฟันอันแหลมคมเรียงรายอยู่บนเหงือกสีดำ มันค่อยๆลุกขึ้นและออกมาจากตู้เสื้อผ้า เดินกระย่องกระแย่งค่อยๆเยื้องกรายเข้าไปหาอั๋น หลอดไฟเริ่มมีอาการติดๆดับๆและมีลมพัดแรงอยู่ในห้องจนของที่มีน้ำหนักเบาปลิวว่อน เกิดจากรัศมีความมุ่งร้ายอันรุนแรงของมัน แล้วมันก็เริ่มเอียงคอขยับปากส่งเสียงอันขรมดุดันและต่ำทุ้มพูดขึ้นมา

"เหอะ... เหอะ... เหอะ... เหอะ..... พวกมนุษย์นี่มันดื้อด้านจริงๆ ! ชะตากรรมเป็นยังไงก็ ก็ไม่ยอมรับว่า
เป็นอย่างนั้น ! ... ดิ้นรนเก่งกันแบบนี้ ข้าไม่ชอบเลยจริงๆ !"

              ตามธรรมดา มีอั๋นเท่านั้นที่เห็นและได้ยินเสียงของอมนุษย์ตนนี้

"อั๋น เป็นอะไร !!? เปิดประตูหน่อย !!!"

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด !!!! พี่โก้ช่วยฉันด้วย !!!!"

              อั๋นล้มลุกคลุกคลานไปที่ประตู บิดลูกบิดเพื่อปลดล็อกเปิดประตู แต่ประตูไม่ปลดล็อค และยังคงปิดอยู่อย่างนั้น เพราะอำนาจของอมนุษย์ตนนั้นที่กำลังหัวเราะอย่างน่ากลัว ด้านอั๋นก็พยายามบิดลูกบิดอย่างไม่กลัวว่ามันจะพัง อมนุษย์ร่างดำทะมึนดวงตาสีเขียวเริ่มเดินเยื้องกรายไปหาอั๋นช้าๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันน่าสะพรึงกลัว

"ประตูมันไม่ยอมเปิด......... ห๊ะ !?  กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!" อั๋นกรีดร้องสุดเสียงเมื่อหันไปเห็นว่ามันกำลังเดินเข้ามาหา

"เหอะ... เหอะ... เหอะ... เหอะ...... ข้าจะกินเจ้าไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูกซักชิ้น เลือดแม้ซักหยดก็จะไม่ตกพิ้น... จะไม่มีใครพบเห็นเจ้า จะไม่มีใครรู้ว่าเจ้ามีตัวตนอยู่ในโลกนี้ !!"

             ว่าแล้วเจ้าปีศาจก็เริ่มอ้าปากอันกว้าง ฟันของมันที่เรียวแหลมอยู่แล้ว กลับงอกยาวขึ้นอีก มีน้ำลายไหลออกจากปาก เหมือนกับว่ามันกำลังหิวกระหายอยากจะกินอั๋นเข้าไปเสียเต็มที

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!" อั๋นตะเกียกตะกายถอยหนีอมนุษย์นั้นที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที แล้วหลังเธอก็ชนกำแพง จนมุมอยู่

"อั๋น !!!!!"

             โก้รวบรวมสติ เขารู้ทันทีว่าประตูนั้นไม่ได้ล็อคเพราะลูกบิดอย่างเดียว แต่ล็อคด้วยอำนาจเหนือธรรมชาติ เพราะฝ่ายอั๋นเองก็ยังเปิดไม่ออก โก้รีบพึมพำคาถาบทหนึ่ง แล้วเป่าไปที่ลูกบิดประตู
              ทันใดนั้น... ลูกบิดประตูก็มีควันโชยขึ้น พร้อมกับอมนุษย์ที่อยู่ๆก็ชะงักและส่งเสียงร้องคำรามออกมาเหมือนกับถูกทำร้ายจนได้รับความเจ็บปวด มีควันโชยออกมาจากตัวมันเช่นกัน ผงะถอยออกไปจากอั๋น ไฟกลับสว่างเป็นปกติ และลมหยุดพัด ทั้งห้องมีสภาพรกกระจัดกระจายเพราะแรงลม
             โก้เปิดประตูเข้ามาอย่างรวดเร็ว รีบเข้ามาประคองอั๋นที่กำลังหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ตัวสั่นงันงก

"อั๋น ! ฉันอยู่นี่แล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ทำใจดีๆไว้ !"

"ม... มัน... มันอยู่นั่น.... !!" อั๋นละล่ำละลักชี้ไปยังอมนุษย์ที่กำลังหันมามองทั้งคู่อย่างเคียดแค้น

"ไหน ? อะไรวะ ?... ไม่เห็นมีอะไรเลย ! แกเห็นอะไร ?"

"พ... พี่ไม่เห็นมันเหรอ !!?"

              อมนุษย์เริ่มแสยะยิ้มอีกรอบ ในขณะที่โก้พยายามมองมาที่มันและไม่เห็นว่ามันมีอยู่

"เหอะ... เหอะ... เหอะ... เจ้าอ้วนนี่มีดีพอตัวอยู่ แต่มันไม่เห็นข้าหรอก... ข้าจะกินเจ้า ให้มันเห็นเจ้า
แหลกเละไปเพราะโดนข้าเคี้ยวทั้งที่เจ้าอยู่ในอ้อมแขนของมันนั่นแหละ !!" แล้วมันก็เริ่มเยื้องกรายเดินยึกๆยักๆเข้ามาต่อ

              โก้พละออกจากอั๋น แล้วพนมมือขึ้นท่องคาถาอีกบทหนึ่ง แล้วเป่าใส่มือของตัวเอง แล้วเอามือที่พนมอยู่ยกขึ้นแล้วลูบตาทั้งสอง อมนุษย์นั้นชะงัก สงสัยในการกระทำของโก้ แล้วโก้ก็ลืมตามองไปยังตำแหน่งที่อั๋นชี้อีกครั้ง

"นั่นไง เจอตัวแล้ว ! ปีศาจนี่เอง เพศหญิงซะด้วย... ตาเขียวๆแบบนี้ แกนี่เองที่มาสิงเจ้าอั๋น !"

"อะไรกัน !!?... นี่เจ้าเห็นข้างั้นเรอะ !?... เป็นไปไม่ได้ !!!" นางปีศาจดวงตาสว่างโพลงแว่บขึ้นมา ออกอาการแปลกใจ

"ป... ปีศาจเหรอพี่ !?" อั๋นอุทานออกมา ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่เธอได้ยิน

"ใช่... มันเป็นเผ่าพันธุ์ที่มีฤทธิ์มากกว่าผีธรรมดา... นังตัวนี้ต้องเป็นเจ้ากรรมนายเวรของแกซักรายนึงแน่ๆ อั๋น...
มันถึงเจาะจงเล่นงานแก... มันใช้ภาวะจิตตกของแกเป็นประตูก้าวข้ามมาโลกเรา ออกมาจากตัวแกน่ะแหละ...
แล้วก็คอยเล่นงานแกอยู่ตลอด"

             โก้พูดกับอั๋นเบาๆ พลางมองไปที่นางปีศาจตนนั้นด้วยสีหน้าอันขึงขังจริงจัง พร้อมที่จะปกป้องอั๋นอยู่ทุกวินาที

"เหอะ... เหอะ... เหอะ... เจ้านี่ฉลาดดีนี่ เจ้าอ้วน !! ... แต่เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ! ถึงเจ้าจะมีของดีแค่ไหน
เจ้าก็สู้ข้าไม่ได้ !! ... เพราะการเล่นของมันเป็นเดรัจฉานวิชา เป็นทางไปสู่บาป มันจะเสริมพลังให้ข้าอีกด้วยซ้ำ...
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า !!!.... เอาล่ะ เสียเวลามากพอแล้ว... เจ้าอ้วน !! เจ้าเข้ามาแส่เรื่องของข้ากับนังนั่น
งั้นข้าจะจัดการเจ้าทั้งสองไปพร้อมกันซะเลย !!!"

              ประตูห้องปิดเองของมันและล็อคด้วยอำนาจของนางปีศาจอีกครั้ง เริ่มมีลมแรงภายในห้อง หลอดไฟออกอาการติดๆดับๆหนักกว่าเดิม... นางปีศาจมีดวงตาที่สว่างโพลงขึ้นมามากกว่าเดิม ร้องคำรามด้วยเสียงอันน่ากลัว และได้เริ่มกลายร่างเป็นเหมือนจรเข้ขนาดใหญ่ แต่มีปากยาวและกว้างกว่า ฟันที่ยาวและแหลมคมเรียงอยู่ในนั้นเป็นแถบ พร้อมที่จะกัดกินทั้งอั๋นและโก้เข้าไปภายในคำสองคำ
              หลังจากกลายร่างแล้ว นางปีศาจในร่างจรเข้ยักษ์ดำทะมึนมีดวงตาโพลงเป็นแสงสีเขียว ก็คลานเข้ามาอย่างรวดเร็วและไม่รีรอ อ้าปากกว้างหมายจะกินทั้งโก้และอั๋นเข้าไปภายในคำเดียว

"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!! กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด !!!!!!"

             อั๋นหลับตาปี๋ซบกอดโก้ไว้แน่น กรีดร้องเสียงหลง หวาดกลัวสุดขีดต่อความตายที่กำลังพุ่งเข้ามาในอีกไม่กี่อึดใจ แต่โก้ที่กำลังกอดอั๋นอยู่นั้น เขาไม่มีความสะดุ้งกลัวอยู่ในสีหน้าและท่าทางของเขาเลย ในวินาทีเมื่อเขากับอั๋นจวนจะโดนงับ เขาหลับตาพึมพำอะไรบางอย่าง แล้วโก้กับอั๋นก็โดนงาบเข้าไปทั้งคู่ในคำเดียว.........

.

"..............หือ !!? .............. อว๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาากกกกกกกกกกกกกก !!!!!"

             นางปีศาจร่างจรเข้ยักษ์สะดุ้งสุดตัว ส่งเสียงร้องดังก้อง และคายโก้กับอั๋นออกมา ผงะถอยส่ายหัวหันรีหันขวางไปมาออกอาการที่บ่งบอกถึงความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส เป็นเหมือนกับกินก้อนถ่านเพลิงร้อนๆเข้าไป โก้กับอั๋นไร้รอยขีดข่วน

"อ๊าาาาากกกกกกก ร้อนนนนนนน !! ....... โอยยย ปากข้า ปากข้า !!!"

              แล้วมันก็กลายร่างหดกลับลงมาเป็นเหมือนเดิม ยืนกุมปากที่หุบฟันแหลมยาวไว้ไม่อยู่ บิดไปบิดมาด้วยความทรมาณ มีควันโชยออกมาจากปากเหมือนโดนของร้อนนาบเข้าไป หลอดไฟในห้องกลับมาเป็นปกติ ลมที่พัดแรงก็หยุด และประตูก็ปลดล็อค
              อั๋นอยู่ในสภาพแน่นิ่ง ส่วนโก้ประคองอั๋นไว้ มองดูนางปีศาจที่กำลังดิ้นทุรนทุรายทรมาณอยู่

"โอยยยยย... อูยยยยยย.... ฮึ่ม !! ... เจ้าอ้วน แกใช้เดรัจฉานวิชาอะไร ทำไมมันไม่เสริมพลังให้ข้า ทำไมมันกลับทำร้ายข้าได้ !!?"

"นังโง่... มันจะไปเสริมอะไรให้แก ?... ก็สิ่งที่ฉันมีมันไม่ใช่เดรัจฉานวิชา... มันคือ พุทธานุภาพ !...
มันเป็นอะไรสิ่งเดียวที่กำจัดพวกอย่างแกได้แม้ซักพันซักหมื่นตนเลยล่ะ"

"พุทธานุภาพ !!? ... เป็นไปไม่ได้ !!! เจ้าเป็นอริยบุคคลงั้นเรอะ !!?... อริยะบุคคลไม่มีเหลืออยู่ในโลกมนุษย์
เป็นพันกว่าปีแล้วนี่ !!? .... เจ้าโกหก !!!!"

"แกจะเชื่อรึไม่เชื่อก็ช่างเถอะ... ฉันรู้ตัวฉันดี ว่าฉันเป็นอะไร... ส่วนแก ขนาดตัวแกเองแกยังไม่รู้เลย ว่าตัวแกเป็นอะไร"

"อย่ามาเล่นลิ้นกับข้า !!! ข้าคือข้า ข้ารู้ตัวตนของข้าดี ข้าเป็นผู้มีอำนาจเหนือมนุษย์ทุกคนในโลกนี้... เจ้าน่ะสิ ไม่รู้ !!
...ถ้าเจ้ารู้ งั้นบอกข้ามาว่าเจ้าเป็นอะไร แล้วข้าเป็นอะไร !!!?"

"ฉันกับแกเป็นเหมือนกัน... ฉันกับแกเป็นเพียงธรรมชาติชนิดหนึ่ง ที่มีความไม่เที่ยงเป็นธรรมดา
เกิดดับตามเหตุตามปัจจัยที่มาประชุมปรุงแต่งกันแค่ชั่วคราวเท่านั้น !"

"อ๊าาาากกกกกกก !! หยุดพูดแบบนั้นนะ !!!" นางปีศาจได้ยินคำพูดนั้นของโก้ มันก็เริ่มมีอาการเร่าร้อนขึ้นมา จนควันโชยออกมาจากตัว ยกมือป้องตัวเอง

"นั่นไง แกก็รู้อยู่เต็มอกนี่ ว่าอะไรเป็นอะไร... แสดงว่าแกก็เคยได้ยินคำสอนมา แต่ไม่มีความศรัทธาในคำสอนนั้น...
แกยอมรับมันไม่ได้เพราะแกบาปหนา... ความเป็นไปของโลกและชีวิตอันนี้ เป็นความจริงสูงสุดที่
พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงตรัสรู้และนำมาโปรดสัตว์ทั้งหลายให้พ้นจากทุกข์มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว
แกผู้มีแต่บาปและมารยาได้ยินแล้วถึงเร่าร้อนไงล่ะ... แกน่ะ ทำบาปกรรมมาจนมาเกิดเป็นปีศาจในโลกทุกคติภูมิ
ได้รับแต่ความทุกข์จนต้องตะเกียกตะกายหนีมาที่โลกมนุษย์ พอมาถึงนี่ก็ตั้งตัวเป็นใหญ่ คิดว่ามีอำนาจเหนือมนุษย์
และจะได้อยู่อย่างมีความสุข... แกคิดผิดแล้ว !! ... โลกมนุษย์นี่แหละ ที่จะทำให้ปีศาจอย่างพวกแก
ต้องหนีหัวซุกหัวซุนกลับไปโลกเดิม...เพราะโลกมนุษย์ที่มีทั้งทุกข์และสุขนี้ มันเป็นโลกของการฝึกตนของ
สัตว์ทั้งหลายที่ได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นโลกที่ทำให้พระพุทธเจ้าทั้งหลายอุบัติขึ้นมา ไม่สมควรกับผู้มีบาปทั้งหลาย...
โดยเฉพาะปีศาจบาปหนาที่ไม่รู้จักบาปบุญคุณโทษอย่างแก !!"

              นางปีศาจได้ฟังดังนั้นแล้ว ก็อ้าปากกว้างร้องคำรามก้องออกมาด้วยเสียงอันดัง เต็มไปด้วยความโกรธแค้น เยื้องกายอันพิลึกกึกกือมีควันโชยของมันปรี่เข้าไปหาโก้หมายจะฆ่าเขาให้ตาย
              ทันใดนั้น... ก็มีแสงสว่างสีเพลิงดุจเปลวไฟสว่างโพลงออกมาจากร่างของอั๋น ทำเอาโก้หันมาดูร่างของอั๋นที่เขากำลังประคองด้วยความตกใจเล็กน้อย ส่วนนางปีศาจชะงัก และร้องออกมาด้วยความตกใจสุดขีด ผงะถอยกลับไป
             มีร่างร่างหนึ่งปรากฏขึ้นมาจากตัวอั๋นดุจใช้ตัวเธอเป็นประตูออกมา ร่างกายอันกำยำมีเส้นเลือดปูดออกมาจนทั่วร่างดูน่ากลัว ผิวสีขาวซีด นุ่งเพียงโจงกระเบนสีแดงตัวหนึ่ง มือถือหอกมีตะขอไฟลุกโชน มีหัวเป็นไก่... เป็นนายนิยบาลหัวไก่ตนนั้นที่เคยพบอั๋นในนรก... มันหันหน้ามามองดูโก้หน่อยหนึ่ง ผงกหัวแสดงความเคารพ แล้วมันก็หันหน้าไปหานางปีศาจผู้เป็นเจ้ากรรมนายเวรของอั๋น ดวงตาอันสว่างเป็นแสงสีเพลิงของนายนิรยบาล สว่างวาบขึ้นมาพร้อมกับมีไฟลุก จ้องเขม็งไปยังนางปีศาจ ซึ่งกำลังออกอาการหวาดกลัวสุดขีด ดวงตาแสงสีเขียวของมันมีแสงเบาบางลงจนสลัวไป
              แล้วนายนิรบาลหัวไก่ตนนั้นก็ถือหอกไฟปรี่เข้าไปหานางปีศาจที่กำลังยกมือไหว้ร้องขอว่าอย่าเอามันไป ถีบมันจนล้ม แล้วเอาหอกไฟกระหน่ำทิ่มแทงทำเอานางปีศาจนั้นดิ้นทุรนทุรายมีควันขึ้นโขมง เหมือนเอาเหล็กแดงร้อนๆทิ่มเข้าไปในก้อนเนื้อฉะนั้น จากนั้นก็เอาขอที่มีไฟลุกสับเต็มแรงเข้าไปที่อกของนางปีศาจนั้นจนมันร้องออกมาดังลั่น เกี่ยวลากถูไปทั้งที่มันกำลังดิ้นพราดๆร้องครวญครางอยู่ ลากไปที่ประตูห้องพัก และจางหายไปในที่นั้น... โก้มองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นจนจบ มีสีหน้าที่สลดหดหู่และส่ายหัวเบาๆถอนใจออกมา

"แค่ก ! ... แค่ก !"

              อั๋นฟื้นขึ้นมาและสำลักเพราะความคอแห้ง ลืมตามองไปรอบๆ เมื่อความพร่ามัวของตากลับได้ศูนย์ที่ชัดเจน เธอก็เห็นโก้ที่กำลังประคองเธออีกครั้ง

"พี่โก้...." อั๋นอุทานเสียงแหบแห้ง

"ไง อั๋น... ยินดีต้อนรับกลับโลกจริง" โก้เอ่ยต้อนรับอั๋นด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลจนเธอค่อยยิ้มออก

"พี่โก้... ฉันหิวน้ำ"

              โก้ให้อั๋นดื่มน้ำจนเธอหายจากอาการกระหายน้ำอย่างหนัก... อั๋นเล่าว่า เธอได้ลงไปในที่ที่เธอต้องเชื่อในที่สุดว่าเป็นนรก เธอเห็นการทรมาณทรกรรมมากมาย แต่ไม่มีใครในนั้นสนใจเธอเลย เหมือนเธอไม่ได้อยู่ในที่นั้น ในนรกนั้นร้อนและแห้งทำให้เธอกระหายน้ำ แต่หาน้ำกินไม่ได้ เพราะมีแต่ลาวาเดือดๆ... แต่แล้วนายนิรยบาลหัวไก่ตนนั้นที่เธอเคยพบ ก็มาบอกว่าเธอยังไม่ถึงฆาต..........

"น... นรกจริงๆเหรอเนี่ย ? ...นี่ฉันตายไปแล้วใช่มั้ย ?"

"น่ากลัวมั้ยเล่า ?" นายนิรยบาลหัวไก่ถามย้อนอั๋นด้วยเสียงอันต่ำทุ้มน่ากลัว

"อ... อืม..."

"มันจะน่ากลัวกว่านี้ ถ้าเธอถึงฆาตจริง... ตอนนี้เธอยังไม่ถึงฆาต ฉันเลยเอาเธอไปไม่ได้"

"ห.. หา ?... นี่ฉันยังไม่ตายใช่มั้ย ?" อั๋นรู้สึกดีใจจนเธอค่อยยิ้มออกมาได้

"อย่าเพิ่งดีใจไป... เธอยังไม่ตายก็จริง แต่ตอนนี้เธอมีบาปมากกว่าบุญ เธอถึงหลุดมาที่นี่แทนที่จะไปสวรรค์
ไปเจอเทวดา แต่นี่เธอมาเจอฉันแทน... เธอเกิดมาในครอบครัวที่เป็นมิจฉาทิฐฐิ ถูกเสี้ยมสอนให้เป็นแบบนั้นไปด้วย...
ต่อไปนี้เธอต้องหมั่นทำกุศลกรรมให้มากอย่าได้ขาด เธออยู่กับคู่วาสนาผู้มีปัญญา เธอควรศึกษาเรียนรู้ธรรมต่างๆ
จากท่านให้มาก"

"...พี่โก้เหรอ ? ... ตอนนี้พี่โก้อยู่ไหน !?... เค้าตายรึยัง !?" อั๋นหน้าตื่น รู้สึกหวาดหวั่นใจ

"ใช่... ท่านผู้นั้นแหละ... ท่านยังไม่ตาย ท่านกำลังอยู่เป็นปกติในโลกมนุษย์ กำลังสั่งสอนนางปีศาจนั่นอยู่ด้วยธรรมอันเลิศ"

              แล้วนายนิรยบาลหัวไก่ก็เนรมิตให้อั๋นเห็นความเป็นไปทั้งหมดในห้องของเธอที่โลกมนุษย์ อั๋นได้เห็นโก้กำลังต่อสู้กับปีศาจด้วยพระธรรม เธอได้ยินคำพูดทั้งหมดของโก้ เธอถึงบางอ้อในที่สุด ว่าทำไมเขาถึงตอบทุกปัญหาของเธอได้เวลาที่เธอมาปรึกษาปัญหาชีวิตกับเขา ซึ่งที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้เชื่อคำพูดของเขาทั้งหมด ทั้งที่โก้บอกทางแก้ปัญหาชีวิตที่เป็นจริงให้แล้วแท้ๆ เพราะความมัวเมาในเรื่องหัวอกหัวใจจนรับความจริงบางอย่างไม่ได้ ตอนนี้อั๋นรู้สึกว่าเธอสร่างจากความเขลาและความอ่อนแออันนั้นแล้ว

"............... พี่โก้........... ตอนนี้ฉันเคลียร์แล้วล่ะ ว่าทำไมฉันถึงรักพี่... พี่เป็นคนคนเดียวที่แคร์ฉันที่สุด
เป็นคนที่คอยให้กำลังใจกับฉันมาตลอดจนฉันหายทุกข์ใจมาทุกครั้ง" อั๋นพึมพำอยู่ในลำคอ มีน้ำตาคลอมองดูโก้ที่กำลังประคองกอดร่างของเธอไว้แน่น ดุจพี่ชายกำลังประคองกอดน้องสาวที่เขารักมากที่สุด

"นี่ อย่าซึ้งให้มาก เดี๋ยวกิเลสจะครอบงำจนหนาแน่น... เธออ่อนไหวง่ายแบบนี้ไง ถึงถูกเบียดเบียนเอาง่ายๆ...
เอาล่ะ ไปกันเถอะ... ตอนนี้นางปีศาจนั้นสมควรตกนรกมากที่สุด เพราะมันเบียดเบียนอริยบุคคลท่านนั้น
มันคงหมดบุญของมันแล้วล่ะ... ฉันจะไปลากมันมาลงโทษโดยตรงตามคำบัญชาของท่านยมบาล"

             ว่าแล้ว นายนิรบาลหัวไก่ก็พาอั๋นเดินทางข้ามมิติ จากนรกเข้ามาสู่โลกมนุษย์ วิญญาณของอั๋นได้ยืนอยู่ข้างโก้ มองดูการกระทำทั้งหมดของนายนิรยบาลหัวไก่ที่ทำต่อนางปีศาจ

"เอ้า ยืนเซ่ออะไรอยู่ !? ร่างกายมนุษย์ของเธอมันกำลังแย่ลงเรื่อยๆ เดี๋ยวก็ตายจริงๆหรอก...
กลับเข้าร่างไปเร็ว !" นายนิรยบาลหัวไก่ที่กำลังลากนางปีศาจกลับลงไปในนรกตะโกนบอกอั๋นข้ามประตูมิติมา

"หา !!? .... ล... แล้วฉันจะกลับเข้าไปยังไงล่ะ ? ฉันกลับไม่เป็น"

              มีมือและแขนอันกำยำพุ่งยาวออกมาจากประตูมิติ จับอั๋นหิ้วขึ้นแล้วโยนเข้าไปที่ร่างของเธอ...

****************


.

                  วันต่อมา... ที่มหาวิทยาลัย... เวลาพักเที่ยง หลังเลิกเรียนภาคเช้า...
              ที่นั่งเล่นชุดประจำของกลุ่มอั๋น...

"โหหหหหห !!!"

              เป๊กกี้ เหมียว และเหมยลี่ มองหน้ากันตาตื่นอุทานออกมาเมื่อได้ยินอั๋นเล่าถึงสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นกับเธอเมื่อคืนวานนี้

"น่ากลัวอ่ะ... ฉันเองบางทีก็เกือบจะไม่เชื่อซะแล้วว่ามันมีจริง เพราะทั้งชีวิตไม่เคยเห็นเลย...
แต่มาได้ยินจากแกที่ไม่เคยเชื่อเรื่องผีเลยซักนิดแบบนี้แล้ว... ฉันมั่นใจแล้วล่ะว่ามัน...ม... มีจริง"

           เป๊กกี้มีอาการหวาดกลัวกว่าทุกคน ยิ่งเธอเคยเห็นอั๋นในสภาพที่กำลังถูกสิงแล้ว ความเชื่อในเรื่องผีวิญญาณและโลกอื่นของเธอก็ตอกย้ำฝั่งแน่นยิ่งขึ้น

"พี่โก้นี่เก่งจัง... ปราบผีได้ด้วย สมกับที่เป็นคนธรรมมะธรรมโม... แบบนี้คงต้องยืมตัวไปจัดการผีกะแถวบ้านฉัน
ซะหน่อยแล้วมั้ง... เห็นผู้ใหญ่เค้าร่ำลือกันจังว่ามันอาละวาดไปทั่ว" เหมียวผู้มาจากหมู่บ้านชายแดนภาคเหนือเอ่ยขึ้นบ้าง

"ส่วนฉัน ฉันจะเลิกฝึกสมาธิแล้วดีกว่า ไม่เป็นร่างทรงเหมือนที่อาม๊าเป็นแล้ว ก็แค่ประเพณี
ให้ญาติคนอื่นสืบทอดไป... ฉันกลัวเป็นเหมือนยายอั๋นมัน... แล้วฉันก็ไม่รู้ด้วย ว่าทำสมาธิ
ตามคำสอนพระพุทธองค์จริงๆมันเป็นยังไง ไม่ทำเลยดีสุด" เหมยลี่ตัดสินใจในที่สุดโดยไม่เกรงกลัวว่าจะเป็นลูกหลานที่นอกคอกของครอบครัว บัดนี้เธอมั่นใจแล้วว่าสิ่งที่โก้พูดให้ฟังเกี่ยวกับการทำสมาธิ เป็นไปตามนั้นจริงๆ

              อั๋นที่ล้างสีย้อมผมจนกลับมาดำแล้ว นั่งอมยิ้มมองดูเพื่อนทุกคนของเธอแสดงความคิดเห็นต่อสิ่งที่เธอเพิ่งเล่าไป ทุกคนต่างก็มีข้อสรุปในเรื่องของตัวเอง รวมถึงเธอด้วย... บัดนี้ อั๋นรู้สึกว่า ตัวเธอเองแข็งแกร่งพอที่จะเผชิญกับสิ่งต่างๆที่จะเข้ามาในชีวิตด้วยกำลังของเธอเอง ไม่คอยเอาแต่พึ่งคนอื่นอีก เพราะเธอเข้าใจแล้วในความจริงของโลกและชีวิตที่โก้พร่ำสอนเหมือนพี่สอนน้องตอนที่กินหมูกระทะด้วยกันเมื่อวานตอนดึก ในใจของเธอตอนนี้ค่อนข้างกระจ่างและเลิกสงสัยในสิ่งต่างๆในชีวิต และนี่คงจะเป็นจุดทำให้เธอเลิกเป็นคนอ่อนแอและจิตใจอ่อนไหวง่ายเสียที

"แล้ว.... เรื่องแกกับพี่โก้ ตกลงว่าไงวะ ?" เป๊กกี้เลิกแอ๊คติ้งอาการหวาดกลัว หันมายิ้มถามอั๋นตาวาว

"เอ่อ... ก.. ก็... ฉันกับพี่โก้จะคบกันแบบนี้ไปก่อนน่ะ... ฉันยังไม่รู้เลยว่าพ่อกับแม่ของฉันจะว่ายังไง...
อีกอย่าง พี่โก้ก็ไม่รีบด้วย"

"แหมๆๆ !!.... ฉันชอบจริงๆ เรื่องของแกกับพี่โก้เนี่ย... ทอมกลับตัวเป็นหญิงแล้วรักกับผู้ชายที่แอบชอบมานาน...
ดราม่าได้น่ารักม๊าก !... พ่อแม่ของเธอต้องยอมรับแน่ๆ ตามเนื้อผ้า เชื่อฉันสิ... เหมือนในหนังไง !" เป๊กกี้ยังคงชอบแสดงรสนิยมและท่าทางอันมีแววเป็นนักแสดงของเธอให้เพื่อนดูอยู่ไม่เคยหยุด

"แหวววววววววะะะะะะ !!" ส่วนเหมียวกับเหมยลี่ก็ยังคงรับไม่ได้กับการแอ๊คติ้งอันสุดโต่งของเป๊กกี้

              ตอนนี้ อั๋นได้เหตุปัจจัยที่ดีในการที่จะทำให้เธอเลิกมีอาการจิตตก ปิดประตูทางเข้าจากอะไรก็ตามที่อยู่ต่างภพที่จะมาเบียดเบียนเธออีกอย่างถาวร... เหตุปัจจัยนั้น คือ มิตรภาพที่ยั่งยืน ความรักอันเป็นของแท้ และที่สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ปัญญาธรรมที่ดับความสงสัยต่อสิ่งต่างๆในโลกและชีวิต

********(จบบริบูรณ์)*******

จากพันทิป (นิยาย ผี/วิญญาณ) จิตตก
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3402998  หรือในนาม โรนินโดดเดี่ยว

ไม่มีความคิดเห็น