คืนหลอนนอนสัตหีบ
"คืนหลอนนอนสัตหีบ" เรื่องประสบการณ์จริงสุดหลอนของสมาชิกพันทิปหมายเลข 3928237 การเดินทางของเขาที่พบกับเรื่องราวผจญภัยมากมาย ขอขอบคุณเรื่องราวสยองขวัญไว้ ณ ที่นี้ด้วย
วันที่ผมปลดจากทหาร ผมกลับบ้านมาก็ไม่มีอะไรทำ จนเงินที่เก็บไว้ตอนเป็นทหารก็เริ่มหมด พ่อแม่ก็ไม่ได้ว่าอะไรผมหรอกถ้าผมจะอยู่เกาะพ่อแม่ เพราะผมก็จะได้ช่วยทำงานไปด้วย แต่ใจของผมนั้นรู้สึกอยากมีอิสระในการใช้เงิน อยากใช้ก็ไม่ต้องขอพ่อแม่มากกว่า เลยเริ่มคิดจะไปหางานทำตามที่ต่างๆในตัวจังหวัดและจังหวัดข้างเคียง แต่ผมพบว่ารายชื่อในทะเบียนบ้านของผม ถูกย้ายเข้าไปอยู่ในทะเบียนของกองทัพโดยอัตโนมัติตั้งแต่ตอนไหนผมก็ไม่รู้ ผมไปปรึกษาสัสดีที่อำเภอ แต่ได้รับคำตอบว่า
อ๋อ พี่ย้ายกลับมาให้น้องไม่ได้หรอก น้องต้องไปย้ายเองที่ว่าการ อ.สัตหีบนู่น
ผมหงุดหงิดและหัวเสียมาก คิดในใจว่า อ้าว เห้ย ตอนย้ายชื่อกูไป ทำไมย้ายไปได้โดยไม่ถามกูสักคำ พอจะให้ย้ายกลับมาให้ ดันทำไม่ได้ ผมหัวเสียกลับมาบ้าน บอกที่บ้านถึงปัญหานี้ แม่ผมก็ปลอบใจแล้วให้เดินทางไปย้ายเอาเอง ผมต้องคิดมาก เพราะตอนนั้นผมมีเงินติดตัวแค่1000กว่าๆ การที่จะไปสัตหิบ ที่อยู่ไกลขนาดนั้น แปลว่ามันต้องใช้ค่าใช้จ่ายในการเดินทาง ไหนจะค่ากิน ค่ารถ ค่าที่พักอีก
แม่เลยบอก ไม่เป็นไร แม่จะให้ผมอีก1000เพื่อความอุ่นใจ ผมรับไว้ แต่ผมก็อยากประหยัดให้มากที่สุด
ตอนนั้นผมเล่นเฟส แล้วบังเอิญว่าผมอยู่ในกลุ่มของคนเล่นเกมส์ออนไลน์ ก็สนิทกันในระดับพูดมืงกูได้ แต่ไม่เคยเจอหน้ากัน
ผมก็เอาเรื่องไประบายที่ว่าทำไมกองทัพย้ายชื่อเราออกจากทะเบียนบ้านได้ แต่พอปลดทำไมเราต้องไปย้ายเองถึงสัตหิบ
ผมบ่นระบายเรื่องไม่ค่อยจะมีเงินอยู่ด้วย แล้วผมก็ไม่สันทัดเรื่องเส้นทางที่ชลบุรี ไหนจะที่พักอีก ตอนนั้นก็มีพี่คนนึงในกลุ่ม ผมขอเรียกแกว่าพี่โป้ พี่โป้ก็บอกผมว่า เห้ย ไม่เป็นไรนะ พี่อยู่สัตหิบพอดี ไม่ไกลจากที่ว่าการอำเภอ น้องมาถึง โทรหาพี่ได้ตามเบอร์นี้ เดี๋ยวมาพักที่พี่ก็ได้ มีห้องพักแบ่งเช่าพี่ว่างอยู่พอดี เดี๋ยวให้น้องไปนอนนั่นฟรี ผมก็สบายใจไปเปราะนึง เลยเดินทางไปสัตหิบด้วยรถไฟชั้น3 ทนเมื่อยหน่อยแต่ก็ถือว่าประหยัดค่าเดินทางได้มาก และผมก็ไม่รีบมากมายอะไร พอไปถึงหัวลำโพง ผมก็ขึ้นแท็กซี่ไปหมอชิต ขึ้นรถทัวร์พัดลมไป ก็ไม่กี่บาท ไปถึงผมลงตรงข้ามกับทางเข้าโรงเรียนสิงห์สมุทร
ผมกดเบอร์โทรหาพี่โป้ แต่โทรไม่ติด ผมหงุดหงิด แต่ไม่รู้จะทำยังไง ผมเลยเดินไปตามถนนเรื่อยๆ เหมือนเราได้สำรวจเส้นทางชัดๆสักครั้ง เพราะตอนเป็นทหารผมไม่ได้มีโอกาสมาสำรวจอะไร เจอหนุ่มคนนึง ขับมอเตอร์ไซค์มากับแฟน ท่าทางเหมือนสายแว้นซ์ มาจอดถามผม
“ไปไหนพี่”
“จะไปอำเภอครับ”
“มาครับพี่ ขึ้นมาผมไปส่ง “
ตอนนั้นผมก็งงๆในความมีน้ำใจจากคนที่ดูภายนอกไม่น่าจะมีน้ำใจ จะขึ้นแต่สาวนุ่งสั้นไม่ยอมลงจากรถ
“เอ่อ น้อง น้องไม่ลงไปนั่งหน้าแฟนล่ะ พี่จะนั่งยังไง”
“หึ้ยยยย ไม่เป็นไรพี่ ขึ้นมาเลย หนูไม่ถือ แซนวิชเลย”
ถึงตอนนั้นจะยังงงๆ แต่ผมก็ตอบรับในความมีน้ำใจ ไอ่หนุ่มคนขับ ดูมันก็ไม่ถือสาที่จะนั่งประกบก้นแฟนเขาไป ผมเองก็เอากระเป๋า ที่ใส่เสื้อผ้ากับของใช้มาเล็กน้อย วางปิดก่อนแล้วขึ้นนั่ง เพื่อเว้นช่องว่างด้วยความเกรงใจ กลัวอะไรจะไปชนหลังน้องคนนั้น
แล้วเขาก็พาผมไปส่งถึงที่ว่าการอำเภอแถวใกล้ๆตลาด ผมก็ขึ้นไปจัดการธุระจนเสร็จก็ลงมานั่งที่แถวต้นตาลริมทะเล โทรหาพี่โป้อีกครั้ง
แต่ก็โทรไม่ติดอยู่อีก ตอนนั้นผมเองก็จิตตก เพราะเงินในกระเป๋าก็หมดลงไปเรื่อยๆ แล้วผมก็ไม่มั่นใจเส้นทางและค่าที่พักในสัตหิบด้วยว่าจะแพงหรือเปล่า ผมเลยตั้งใจจะเดินเข้าไปที่ กรฝ. เพราะผมเคยฝึกอยู่ที่นั่น อาจจะพอยื่นบัตรทหารที่หมดอายุไปแล้วให้เขาดู เพื่อจะขออาศัยนอนประหยัดเงินได้บ้าง
ผมเดินไกล แต่เดินชมทะเลไปเรื่อยๆ จนถึงแถวๆแผงขายปลา ผมเจอ2คนนั้นที่มาส่งผม นั่งอยู่กับกลุ่มเด็กขับมอไซค์อีก4คน พอเขาเห็นผม ผมก็ยิ้มให้ น้องผู้ชายก็ถามผมด้วยน้ำเสียงกวนๆตามสไตล์วัยรุ่น
“อ้าววว ไปไหนมาไหนล่ะพี่”
ผมก็เลยถือโอกาสหยุดพักพอหายเหนื่อยแล้วเจรจาด้วย ในฐานะที่เขามีน้ำใจกับเรา ผมก็เล่าเรื่องให้ฟัง พอคุยต่ออีกหน่อยผมก็ขอตัว เพราะใกล้มืดแล้ว จู่ๆน้องคนนึงในกลุ่มที่ผมไม่คุ้นอะไรก็พูดมาว่า
“เออ ไหนๆพี่เขาก็มาไกล เอางี้ไหม ให้พี่เขาไปพักบ้านพี่สาวกูก็ได้”
“มันจะดีหรอ” คนนึงแซง
“เออ นอนฟรี ไม่ต้องเสียเงินนะ พี่เอาไม๊”
“เออ ก็ดีนะ ขอบน้ำใจน้องมากเลย คนสัตหิบใจดีน้ำใจงามแท้”
“ขึ้นรถครับพี่”
แว๊นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน แว้นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน
ผมขึ้นซ้อนท้ายน้องชายคนนึง แฟนของเขาไปนั่งซ้อน3อีกคัน ขับไปด้วยกันด้วยเสียงท่อที่แสบแก้วหู จริงๆ ถ้าไม่เพราะเขาช่วยผม ผมก็คงด่าเขาตามหลังไปแล้ว เหมือนที่เคยทำบ่อยๆใส่พวกเด็กแว้นซ์ เพราะผมก็ไม่ค่อยชอบพวกแว้นซ์ที่ชอบทำให้ท่อรถมีเสียงดังๆเวลาขับ
พวกเขาพาผมไปจนถึงบ้านหลังนึง เป็นห้องแถว2ชั้น หลายคูหา อยู่ไกลออกมาจากเมืองสักหน่อย ผมลงรถก็ยืนสำรวจ ไฟหน้าบ้านเปิดอยู่
พอน้องผู้หญิงสวยๆเปิดประตู ข้างในก็มืดมาก น้องเขาเดินหายไป ไฟในบ้านก็สว่าง
“เชิญค่ะพี่ชาย เข้ามา เข้ามา”
ผมตามเข้าไปอย่างเกร็งๆ วางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้ไม้ยาว
“หิวไม๊พี่”
“อ่าๆๆครับ ยังไม่ได้กินอะไรเลย”
“เห้ย พวกมืงอยู่เป็นเพื่อนพี่เขาแปบนะ “
สาวเจ้าของที่ ออกไปพร้อมกับแฟนหนุ่ม บิดรถหายไป คนที่เหลือก็พากันไปนั่งสูบบุหรี่ พูดคุยอยู่หน้าบ้าน ผมนั่งสำรวจไปมา เป็นบ้านที่น่าอยู่ดี สภาพยังใหม่เอี่ยม เว้นแต่มีฝุ่นสักนิดนึง อากาศอับๆ เหมือนไม่ค่อยได้รับการระบายอากาศ อาคารมี2ชั้น ผมสำรวจชั้นล่างจนทั่วไปถึงด้านหลัง มีเฟอร์นิเจอร์บ้าง ของตกแต่งก็มีบ้างตามลักษณะบ้านทั่วไป ตรงบันไดที่ขึ้นไปชั้น2 มีประตูกระจกปิดล๊อคไว้อีกชั้น ผมมองขึ้นไปก็เห็นแต่ความมืดมิด ผมเลยกลับมานั่งรอ ไม่นานเกินครึ่ง ชม. น้องคนนั้นเขาก็กลับมา พร้อมข้าวกล่อง น้ำ และของกินพวกขนมปัง มาถึงก็เอามายื่นให้ผม
“เอาๆ พี่กินก่อน “
ผมโบกมือปฏิเสธเพราะเกรงใจ “ เห้ย ไม่เป็นไรน้อง แค่นี้พี่ก็เกรงใจมากๆแล้ว”
แต่น้องคนนั้นก็ยัดใส่มือผมจนได้ เขาบอกซื้อมาให้เรา ช่วยกินหน่อย แล้วเธอก็พาผมไปเปิดห้องชั้นล่าง ในห้องมีฟูกนอน มีหมอน มีพัดลม แต่ไม่มีอะไรอื่นนอกจากนี้ ห้องมีหน้าต่างกระจกเหนือหัวนอน มีผ้าม่านแลดูเก่าๆติดอยู่ ด้านบนก็เป็นดวงไฟสมัยใหม่
“พี่นอนห้องนี้นะ ห้องหนูเอง เวลาหนูจะมาอะไรกับแฟน หรือเลี้ยงกันถึงจะมานอน แต่บ้านหนูจริงๆ อยู่ไม่ไกลจากนี่หรอก ออกไปสุดถนนก็เจอแล้ว บ้านนี้ บ้านพี่สาวกับพี่เขยหนูเอง”
ผมก็กล่าวขอบคุณน้องเค้า ที่ช่วยเหลือคนแปลกหน้าอย่างผม ให้ที่พักและอาหาร เมื่อรู้ว่าผมมาแบบคนยากจน น้องเขาบอกตามสบายเลยนะ ตอนเช้าจะมารับ พาผมไปขึ้นรถ ผมก็เลยไปล๊อคประตู แล้วมานั่งกินของกินที่น้องเขาซื้อมาให้ พออิ่ม เลยไปอาบน้ำ เปลี่ยนชุดได้ก็ปิดห้องล้มตัวลงนอนหลับ ก่อนจะนอนผมก็ยกมือไหว้ขอนอน ผมเดินทางมาทั้งวัน พอหัวถึงหมอนได้ ก็เคลิ้มๆจะหลับอย่างไว แต่
“ตื๊ดดดดดดดดดดดดดด @#@@##!##$$$##$#$$^@@” เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมสะดุ้งจากความเคลิ้ม รับสาย คนโทรมาคือพี่โป้
“เห้ยๆ อยู่ไหนแล้วน้อง พี่โทษที โทรศัพท์พี่เสีย เอาไปซ่อมพึ่งใช้ได้”
“ไม่เป็นไรครับพี่ มีคนช่วยผมแล้ว”
“เออๆพี่ขอโทษจริงๆ นี่พี่ตกใจแทบแย่ว่าเอ็งจะนอนไหน เอาๆ ไม่รบกวนละ มีอะไรโทรหาพี่ได้เลยนะ” ตื๊ดดด
ผมวางสาย ความตกใจจากการสะดุ้งเสียงโทรเข้า ทำให้หัวใจผมเต้นแรง มันสูบฉีดจนผมหายง่วง เลยเอามือก่ายหน้าผากมองเพดานฝ่าความมืด มันเห็นอะไรลางๆเหมือนกัน อากาศอบอ้าว แต่ยังดีที่มีพัดลม ผมอยากจะเปิดหน้าต่างกระจกบานเลื่อน แต่ก็ไม่อยากให้ยุงเข้ามาหามผม เลยทนอับ และอบอ้าวไป จ้องเพดานพอเคลิ้มๆ
“ตึง”......... เสียงตึง เหมือนใครกระทุ้งเท้าดังมาจากด้านบน ที่น่าจะเป็นห้องชั้น2 ทำให้ผมสะดุ้งอีกครั้ง ผมคิดในใจว่า อะไรวะ ใครอยู่ข้างบน หรือน้องคนนั้นกลับมานอน หรือพี่สาวพี่เขยเขากลับมานะ ผมตั้งใจฟัง เผื่อจะได้ยินเสียงอะไรอีก แต่ก็ไม่มี จ้องอยู่ดีๆ ผมเริ่มตาลาย มองเห็นเหมือนมีอะไรดำๆ ผุดออกมาจากเพดานห้อง ผมก็ เอ๊ะ..อะไรวะ เลยกระพริบตาถี่ๆแล้วก็หายไป เพื่อความแน่ใจ ผมลุกขึ้นเปิดไฟ แล้วมอง เออ...ก็ไม่มีอะไรนี่หว่า มันก็เพดานโล่งๆธรรมดาเลยปิดไฟนอนต่อ ผมรู้สึกมันร้อนเพราะอากาศไม่ถ่ายเท เลยถอดเสื้อผ้านอนจนล่อนจ้อน กลิ้งไปกลิ้งมา ภาพน้องสก๊อยส์นุ่งสั้นที่ผมซ้อนท้ายเมื่อตอนกลางวันมันผุดขึ้นมาในหัว อนาคอนด้าในตัวมันตื่น ผมเลยสไลค์มันจนมันสงบไป แล้วผมก็กลับไปตอนไหนไม่จำได้ หลับๆอยู่ ผมรู้สึกเหมือนมีอะไรมาลูบที่ง่ามก้น เพราะตอนนั้นผมนอนคว่ำจูบหมอนอยู่ ผมสะลึมสะลือ เลยตวัดมือไปเพราะคิดว่าอาจจะเป็นแมลงบางอย่าง ตีโดนก้นตัวเองดังเพี๊ยะ
แต่พอหลับต่อ ก็จะรู้สึกเหมือนถูกอะไรมาสะกิดตลอด เหมือนใครเอาไม้กวาดมาลูบกับตัวผม
ผมง่วงเลยหงุดหงิด ผมลุกขึ้นเปิดไฟสำรวจหาพวกแมลงอะไรดังที่คิด ก็ไม่เจออะไรสักนิด ผมสบถกับตัวเอง เป็นคำหยาบที่ไม่ควรออก
อากาศ แล้วปิดไฟนอนต่อ ทีนี้ผมนอนหงาย พอจะหลับ เหมือนมีอะไรมาโดนพวงเงาะส่วนตัวอีก ผมหรี่ตามอง
ตาเถรเณรชีเจ้าคณะจังหวัดช่วยผมด้วยเถอะ ใครก็ไม่รู้ มายืนให้ผมเห็นลางๆที่ปลายเท้า ผมมองไม่เห็นหน้า แต่ส่วนที่น่าจะเป็นแขน ยาวลงมาจนถึงตัวผม เงาที่ว่ายืนนิ่งๆ แต่พยายามก่อกวนผมด้วยการจับปลายผมตัวเองมาปัดไปบนร่างกายผม
ตอนนั้นผมกลัวมาก กลัวจนแข็งไปทั้งตัว ไม่กล้าขยับ และแทบไม่อยากจะหายใจ
ผมต้องอดทน เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่า ผมเห็นทุกอย่าง เขาก็ยังกวนต่อไปแบบนั้น จนผมทนไม่ไหวแล้ว เลยพูดออกไปเบาๆเสียงสั่นๆ
“ผมแค่มาๆๆๆนอนๆๆๆๆเฉยๆๆๆครับ ผมๆๆๆคนๆๆๆจน ไม่ๆๆๆๆได้ๆๆๆจะๆๆมาล่วงๆๆๆเกิน ไปเถอะนะจ๊ะ คุณผีผมยาวสลวยสวยเก๋ปานอั้มพัชราภาผสมใหม่ดาวิกา กลับบ้านไป จะๆๆๆๆๆทำบุญให้ๆๆๆๆนะๆๆๆ ขอเค้านอนนะตะเอง งืออออออออ”
ผมรู้แล้วว่าตอนนั้นผมกำลังเจออะไร ผมไม่ด่า เพราะกลัวเขาไม่พอใจ ผมคิดว่าผีก็คงเหมือนคน คงชอบให้คนชม ผมเลยชมไปแบบนั้น และนึกถึงใครไม่ออก ก็เลยเปรียบเปรยเธอว่าสวยเหมือนดาราที่ทำให้ผมมีความสุขได้ในทุกค่ำคืน
เธอที่น่าจะเป็นหญิง หายไปจริงๆครับ พอผมพูด ผมเอาผ้าห่มมาคลุมโปง แต่ได้ไม่นานเพราะร้อน มันก็กลายเป็นการนอนที่พยายามจะหลับ แต่ไม่หลับเพราะทรมาน จะวิ่งออกจากบ้านไปตอนนี้ ผมจะไปนอนไหน เส้นทางก็ไม่รู้จัก ผมเอาผ้าห่มออกจากหน้า เอาวะ คลุมตัวไว้ก่อนก็ยังดี โผล่แค่ตาพอ แต่พอเงยหน้ามองบน ที่ผ้าม่านปลิวไสวตามแรงพัดลม ผมก็มองเห็นลางๆ ว่ามีเงาใครสักคน ยืนมองผมอยู่ที่นอกหน้าต่างกระจกเลื่อนนั้น ผมหลับตาปี๋ คร่ำครวญ
“โอยยยยยยยย พอแล้ว กลัวแล้วจ้า จะเอาอะไรละจ๊ะ กลัวจนฉี่จะกระจายแล้ว”
ผมไม่กล้าเงยหน้าไปมองอีก คิดว่า ถ้าไม่เห็นก็จบ เลยข่มใจหลับตาตะแคงข้างคลุมโปงจนมิด ผมจะถือคติ ไม่เห็นก็ไม่กลัว ยอมทนร้อนแล้วคืนนี้ ผมเผลอหลับไปตอนไหนไม่รู้ รู้อีกทีคือ ได้ยินเสียงเหมือนใครเดินไปเดินมาข้างๆฟูกนอนในห้อง มันดังเสียงเหมือนฝีเท้าคนที่ถอดรองเท้าเดิน ดัง ฟึ่บๆ ๆๆ จนผมรู้สึกตัวและตื่นได้ ผมลืมตาในผ้าห่ม เลยแง้มๆผ้าห่มมองลอดออกไป
เห็นเป็นเงา ลักษณะเหมือนเท้าคน แต่มีแค่ส่วนตั้งแต่น่องไปถึงเท้าเดินไปเดินมา ในผมตอนนั้นคือมันร้องไห้หนักมาก ผมขยับตัวทีละนิดไปจนชิดผนังห้อง ตั้งใจจะใช้ผนังห้องเป็นที่พักพิง แล้วก็นอนเป็นมัมมี่พันผ้าห่มไปแบบนั้น
ผมสอดนิ้วแหวกผ้าห่ม เพื่อจะมองอีกครั้ง โอยยยยยยยยยยยยยย หนนี้เธอขึ้นมานอนข้างๆผมเลยครับ แต่หันหลังให้ ผมสวด อรหังสัมมาใส่ แต่ไม่ได้ผล เธอก็ยังนอนอยู่ ลมจากพัดลมพีดผ้าม่านอยู่ ผมชำเลืองไปตรงหน้าต่าง โอยยยยยย เงานั้นก็ยังยืนอยู่
“ตัวเดียวกูก็เยิ่ยวแตกแล้ว มืงมากัน2เลย นี่ถ้ากูไม่ขี้แตกมืงจะไม่หยุดหลอกกันใช่ไม๊ งืออออออออ เห็นกูกลัวละหลอกกูจั๊ง”
ผมเลยนอนหลับตาต่อ พอลืมตาดูอีกที เงาก็หายไป ผมโล่งใจ กลิ้งกลับมานอนแบบเดิมผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา ตี3กว่าๆ พอกดๆโทรศัพท์อยู่ เอาอีกแล้ว มายืนดำอยู่หลายเท้า เป็นรูปร่างผู้หญิงเลย แถมพอเงยหน้ามองที่หน้าต่างกระจกก็มายืนอีกแล้ว
“นี่กะจะไม่ให้หลับให้นอนกันเลยใช่ไม๊ งือออออออออออ”
ตอนนั้นก็ก็โมโหนิดๆแล้ว เพราะนอนไม่ได้นอน แถมหลอกหลอนกันตลอดซีน แทบจะไม่ได้พักหายใจ ไม่รู้คิดไงตอนนั้นผมเปิดโทรศัพท์ไปที่โหมดกล้องถ่ายรูป แล้วรัวชัตเตอร์ใส่ทั้ง2ที่ด้วยความโมโหนิดๆ
แช๊ะๆๆๆๆๆ รัวเหมือนปืนกล “ มา มืงมา ไหนๆก็มากันแล้ว เผื่อกูจะดัง พวกมืงรู้จักพี่ป๋องเดอะช๊อค ม๊ายยยยยย ห๊า ผมแช๊ะมันไปทั้งห้อง แสงแฟลชกระจายตามแรงการแช๊ะ ได้ผลครับ เงาพวกนั้นหายไปอย่างไว
ผมลุกขึ้นเปิดไฟนอนแล้วทีนี้
ผมยืนเท้าเอวด้วยร่างเปลือย ตะโกนออกไปท้าทาย
“มา ถ้าหนนี้มืงมาหลอกอีก กูจะYes ให้ตายรอบ2เลย มา ออกมาสิโว้ย”
ผมก็ล้มตัวลงนอนต่อครับ แล้วก็ไม่โดนหลอกอีกเลย
พอเช้ามา ผมไม่ค่อยสดชื่นนัก ตื่นมาได้ก็อาบน้ำออกมานั่งรอพวกน้องๆกลุ่มนั้นมารับ
พอพวกเขามาก็ทักทายผม
“เป็นไงพี่ หลับสบายดีไม๊”
“สบายมากครับ หลับจนตาคล้ำเป็นหมีแพนด้าเลย”
“พี่เก่งอ่ะ นอนได้จนเช้า ผมนับถือพี่เลย”
“ทำไม”
“พี่อย่าโกรธพวกผมนะ บ้านหลังนี้ที่ไม่มีใครอยู่ เพราะผีดุมากๆ”
“ผีใคร”
“พม่า2คน เป็นลูกจ้าง ฆ่ากันตายในบ้าน ห้องที่พี่นอนอ่ะ “
ผมหันไปมองหน้าสาวน้อยคนที่พาผมไปนอน เธอยิ้มหน้าแห้ง ยกมือขอโทษผม ผมบอกไม่เป็นไร แต่ในใจผมนั้น อยากจะกระโดดถีบ
ผมยิ้มให้ พวกเขาพาผมไปเลี้ยงข้าว แล้วก็ส่งผมขึ้นรถ พวกเขาตะโกนมา
“แล้วมาเที่ยวอีกนะพี่”
“เออ ไม่มาแล้วโว้ย โชคดี ขอบใจมาก”
It’s been a long day without you my friend
And I’ll tell you all about it when I see you again
We’ve come a long way from where we began
Oh I’ll tell you all about it when I see you again
When I see you again…..
เรื่องจากพันทิป คืนหลอนนอนสัตหิบ
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3928237
เรื่องโดย สมาชิกพันทิปหมายเลข 3928237
Post a Comment