หนุ่มหาของป่าผจญอาถรรพ์ปางไม้เถื่อน


สวัสดีครับ ผมมีเรื่องเล่า อยากจะเเชร์ประสบการณ์เกี่ยวกับเรื่องลึกลับ  อาถรรพ์ในป่า


ผมเป็นคนจังหวัดพะเยา บ้านเกิดที่ตั้งอยู่รอยต่อของอำเภอจุนกับอำเภอปง พื้นราบถัดไปก็เข้าเขตภูเขา ที่เป็นที่ตั้งหมู่บ้านของพวกชาวเขาเผ่าเย้า


สมัยยังเป็นวัยรุ่น ผมเป็นพรานหาของป่า ชื่อว่าพรานไม่ดุร้ายฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเพราะผมคือพรานเห็ด แฮะๆ  เห็ดราคาดีนะ ครับ  ช่วงหลังฝนตก อากาศชุ่มชื่น พอเหมาะ ชาวบ้านจะนิยมไปหาของป่ามาขาย  ผมก็คนหนึ่งในนั้น


ถ้าใครสามารถเก็บเห็ดป่า ช่วงที่มันพึ่งออกกลางคืน ดอกจะตูม เอามาทำกินไม่ว่า ต้ม ผัด แกง นึ่ง จะกรอบดี หมายถึง เคี้ยวกรุบ เคี้ยวแล้วไม่รู้สึกว่ามันเฟะทั้งเหนี่ยวเหมือนดอกเห็ดที่บาน


เห็ดที่ราคาดีก็มีเห็ดโคน เห็ดระโงก  เห็ดหล่ม  ส่วนเห็ดแดง เห็ดขมิ้น เห็ดถ่านใหญ่ จำพวกนี้ราคาจะลดหลั่นลงไป ส่วนใหญ่จะหากันในป่าชุมชน  แต่กับผมมันต้องไกลหน่อย เพราะคนหาเยอะ ต้องเดินข้ามเขากันไปไกลเลย


การเตรียมตัวเดินทาง สะพายย่าม มีดเหน็บ ตะกร้า สิ่งที่ขาดไม่ได้คือแบตเตอรี่ ไฟฉายคาดศีรษะ  ขึ้นควบมอเตอร์ไซด์โนวาคันเก่าได้ก็เเอ่นขึ้นถนนหลวง  ก่อนเลี้ยวสู่ถนนลูกรัง  มุ่งหน้าเข้าป่า ไปตั้งเเต่ห้าโมงเย็น ถึงชายเขาหกโมง แล้วจอดรถทิ้งไว้  ในป่ามันจะมืดค่ำเร็วมาก ผ่านไร่ร้างที่ชาวเขาทำไร่ข้าวโพด ดินมันจืดหมดเเล้ว เลยทิ้งร้างให้วัชพืชขึ้นเต็ม โดยเฉพาะต้นหญ้าสาบเสือสูงท่วมหัว รุงรังไปด้วยหญ้าไก่ไห้

เป้าหมายของผม ต้องเดินข้ามเขาไปไกลเลยครับ  ถ้าเร่งเดินหน่อยจะถึงก่อนเที่ยงคืน เขาลูกนั้น ชาวบ้านเรียก จำผีหลอก จำเป็นภาษาถิ่นแปลว่า  ป่าที่อุดมด้วยไม้มีค่า ประเภทตะเคียน  มะค่า พะยูง ส่วนคำว่าผีหลอก มาจากปากพวกที่ลับลอบตัดไม้ครับ  ข่าวลือมาว่าพวกนี้โดนดีจากผีนางไม้เล่นงานเข้า  เอาถึงตายมาแล้วก็มี

ผมยังจำตอนที่ไปร่วมงานศพได้ดี  ก็คนในหมู่บ้านนั่นแหละที่ตาย  จากไม้ที่โค่นล้มมาทับ  ก่อนถึงตัวบ้าน  เสียงร้องไห้โหยหวนดังมาจากลูกเมียที่ต้องทนมองสภาพศพ  ผมเองไม่ได้ขึ้นไปดูด้วย ยอมรับกลัว  กลัวภาพมันติดตา แต่ที่ได้ยินคือสภาพศพ กระดูกถูกทับเละ ลำไส้ทะลักออกมา  ก็ลองนึกภาพซุงหนักหลายตันทับร่างคนสิครับ เหมือนเอาค้อนทุบเนื้อที่ติดกระดูก  แค่นึกก็สยองแล้วครับ

เพื่อนที่ไปทำไม้ด้วย  ยืนยันมาจากอาถรรพ์นางไม้ทำให้ถึงตาย  ทำไม้มาก็หลายปี ไม่เคยต้องพบเหตุการณ์แบบนี้  จะหลบไปทางไหนต้นไม้ก็เอนไปทางนั้น  ผมฟังๆ ดู คิดไปอีกอย่าง ดวงคนมันจะถึงฆาตมากกว่า ภายหลังยังไม่มีคนเข็ดหลาบ  ยังเข้าไปทำกันอีก  ราคาไม้มันดีครับ แม้จะตายด้วยหลายสาเหตุ  เช่นจากไข้ป่า ที่ตายทันด่วนก็มียิงกันตาย เลยเป็นที่มาของชื่อ จำผีหลอก  มาตอนหลัง พวกทำไม้ก็เพลาๆ ลง ผมไม่รู้ว่าเพราะไม้ถูกตัดไปเยอะแล้ว หรือ ทนกับความน่ากลัวไม่ได้  คนหาของป่าเล็กๆ น้อยอย่างผม ไม่ใคร่จะสนใจ   

เดิมทีผมจะชวนน้องชายไปด้วย ซึ่งมันจะชวนเพื่อนไปด้วยอีกคน  ส่วนใหญ่ไม่มีใครออกป่ากลางคืนเดี่ยวๆ กันหรอกครับ ที่ออกเดี่ยวได้  ต้องมีของดีคุ้มครอง เพราะคนที่ตายในป่า คนหลงป่า ญาติต้องออกตามหามีทุกปี ส่วนตัวผมไม่สนใจ เพราะถือว่าเดินป่าละแวกนี้จนชำนาญ

เทือกเขาใหญ่ ที่เป็นอาณาเขตติดต่อของจังหวัดพะเยากับจังหวัดน่าน ในมุมมองจากหมู่บ้านของผม จะมองเห็นดอยแง่ม ภาษาถิ่นที่แปลว่ายอดเขาสูง ถ้าเดินทางไปถึงหลังเขาที่ว่า  พวกพราน  ชาวบ้านที่รอนแรมออกหาของป่า มักจะพบเห็นพระธุดงค์เที่ยวจรมาปฏิบัติกิจ  เป็นป่าที่ลึกลับซับซ้อนและมีสิ่งลึกลับอาถรรพ์ ท้าทายต่อการพิสูจน์


ในสมัยหนึ่งเคยเป็นพื้นที่หลบซ่อนของพวก  ผกค  รวมทั้งพวกเสือโจรปล้นที่หนีการตามล่าจากเจ้าหน้าที่บ้านเมือง  พื้นที่ป่ามันกว้าง  ใช่ว่าจะหลบหนีเจ้าหน้าที่บ้านเมืองได้พ้น  มีการยิงปะทะกันเกิดขึ้น  มีคนเจ็บคนตาย  แต่มันก็เป็นเรื่องเล่าของคนเฒ่าคนแก่ได้กล่าวเตือน ไม่จำเป็นอย่าได้เข้าไป ป่ามันมันที่เจ้าที่ปกปักษ์รักษา อยู่กันเป็นหมู่บ้าน  หรือจะเรียกหมู่บ้านลับแล  พวกเขาไม่เป็นมิตร  จะดลบันดาลให้คนที่บุกรุกมีอันเป็นไปต่างๆ นานา


ความเชื่อพวกนี้มันเจือจางไปตามยุคสมัย   ต่อมามีพวกลักลอบทำไม้  ตัดเส้นทางเข้าไปเพื่อชักลากไม้มีค่าออกมา   ก็พวกผู้มิอิทธิพลในพื้นที่กับเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็นเป็นใจครับ  ชาวบ้านที่เห็นดีไปเป็นแรงงานให้ทั้งนั้น  อุบัติเหตุจากการทำไม้ก็มีข่าวออกมาอยู่เรื่อย


ผมขอนำเอาเรื่องเล่านอกทางอีกสักหน่อยนะครับ  มันเกี่ยวกับพรานยิงเพื่อนที่เข้าไปในป่าด้วยกัน  เพราะมองเห็นเป็นไก่ป่าเลยซัดเปรี้ยงให้เข้า  มือยิงรีบเผ่นกลับมาเก็บตัวเงียบอยู่ที่บ้าน  ไม่บอกกล่าวกับใคร   จนหลายวันเข้าพวกญาติมาถามหามันยังไม่ยอมบอกความจริง ร้อนถึงผู้ใหญ่บ้านมาเค้นคอถาม  ไอ้เจ้าคนนี้ถึงยอมเอ่ยปากบอกความจริง พวกชาวบ้านต้องระดมกำลังไปตามเก็บศพ

อากาศช่วงนั้นร้อนอบอ้าว  สลับกับมีฝนตก   ทำให้ศพขึ้นอืดพองขึ้นอย่างรวดเร็ว   สัปเหร่อที่ไปด้วยบอกศพมันเน่าเฟะแล้ว  แกรอบคอบพอเอาถุงมือยางป้องกันเชื้อโรคไปด้วย  ช่วงนั้นโรคเอดส์ระบาดครับ  ไม่รู้ใครในหมูบ้านติดโรคนี้ไปบ้าง

เป็นใครมาเห็นน้ำเลือดน้ำเหลืองทำเอาผวากันเลย   สัปเหร่อถามหาญาติที่ไปด้วย   จะเอายังไง  จะหามกลับทั้งอย่างนี้  หรือจะฌาปนกิจไปเลย  แล้วนำกระดูกไปทำพิธี  ดูเหมือนเสียงจะเป็นเอกฉันท์ ว่าให้เผา  เพราะที่ตามสัปเหร่อไปด้วย คงมีคนคิดอ่านเรื่องนี้ไว้แล้ว


ครับเรื่องราวในครั้งนั้น  เป็นภาพจำทำเอาผมพะอืดพะอมทีเดียว  เข้าป่าทีไร ไม่วายนึกถึงมันทุกที


การตายครั้งนี้ทำให้คำพูดของผู้เฒ่าผู้แก่มีน้ำหนักอีกครั้ง  พวกพรานที่เข้าไปนอนคางอ้างแรมในป่าหลายคืน  เพื่อตามสัตว์ใหญ่  เขาจะมีจุดธูปบอกกล่าวกับเจ้าป่าเจ้าเขา ขอลาภ  ถ้าไม่ทำแล้ว  อาจจะโดนอาถรรพ์ป่าเล่นงานในสารพัดรูปแบบ


แม้แต่เพื่อนรุ่นพี่ของผมก็เคยโดนดีมาแล้ว  ไปกันสองคนกับน้องชาย   หาส่องกบเขียดบนภูเขา  ขากลับสี่ทุ่มกว่า  ไปเจอเอาพวกดักยิงหมูป่า  เห็นเดินอยู่เป็นเงาดำเดินผ่านหน้า  จะไปขอติดไฟบุหรี่หน่อย  เห็นในปากคาบบุหรี่ไฟแดง ร้องถามอะไรก็ไม่ตอบเอาแต่เดิน


ในเมื่อกำลังกลับไปในเส้นทางเดียวกัน  สองคนพี่น้องเลยเดินตาม โดยไม่คิดอะไร เพราะความที่หิวบุหรี่ด้วย  และอารมณ์อยากรู้ว่าเป็นใครเลยเร่งฝีเท้าตาม  น่าแปลกระยะห่างระหว่างคนเดินตามกับคนที่เดินนำไม่ได้ลดลงเลย


ร่างของชายปริศนาไม่ได้ฉายไฟส่องนำทาง  กลับเที่ยวเดินดุ่มๆ ไปในความมืด  ทั้งที่หนทางค่อนข้างรกชัฏ  ผิดดินขรุขระ น่ากลัวจะสะดุดรากไม้  ก้อนหิน  ทีน่ากลัวคือจะไปเหยียบงูหากินกลางคืน  อย่างเช่นงูทับสมิงคลา


แม้จะเร่งฝีเท้าแค่ไหนก็ตามคนปริศนาไม่ทัน


พอมาถึงทางลงเขาค่อนข้างลาดชัน  ทางเดินเล็กๆ ผ่านป่าไผ่  สองพี่น้องหยุดชะงักคอยมองลงไป   น้องชายวัยประถมเริ่มขวัญบิน   หันมามองพี่ชายรู้สึกผิดปกติขึ้นมาเหมือนกัน   ตอนนี้มันชัดมากเหมือนแสงสีแดงจากตอนท้ายรถจักรยานยนต์  ในจังหวะแตะเบรกจะเเดงโร่ จะเห็นได้ชัดมากในตอนกลางคืน  ตอนนี้เชายคนที่ว่ามีแสงออกมาชัดมาก  น่ากลัวจะไม่ใช่คนเเล้ว


พี่ชายหยิบเอาพระเครื่องห้อยคอมาสวมให้น้องชาย  เกรงจะวิ่งเตลิดเปิดเปิง  บอกไม่ต้องกลัว  เขาทำอะไรเราไม่ได้หรอก มีพี่อยู่ทั้งคน  รูปร่างที่เห็นคุ้นตามาก เป็นคนบ้านใต้  มาจำได้แน่ชัดเอาตอนนี้เองว่าคือชายคนเดียวที่ถูกยิงตายในป่า  แล้วการเดินก็เหมือนลอย ก่อนจะหายวับเข้าไปในป่าไผ่

มันก็น่าแปลกที่   พื้นที่เกิดเหตุที่พบศพ เป็นป่าไผ่เหมือนกัน  แต่อยู่ห่างจากที่พี่น้องคู่นี้ไปพบ  เอาเข้าจริงพื้นที่พรานออกเดินล่าสัตว์มันกินพื้นที่กว้างมาก และมันก็กลายเรื่องเล่าในเช้าวันต่อมา  ที่ผมพอได้ฟังแล้วส่ายหน้า ไอ้เจ้าสองคนพี่น้องมันต้องดมกาวแน่  เชื่อคำพูดมันไม่ได้หรอก


ตัวผมวัยกำลังห้าว ไม่ได้ใส่ใจเลยครับ  เครื่องรางของขลังติดตัวหรือก็ไม่มี   ยันต์สักตามร่างกายก็ไม่มี   อาศัยว่าเป็นคนไม่กลัวผี  เรื่องชอบบุกป่าคนเดียว  ไอ้เรื่องที่ไม่มีตัวตนไม่ค่อยจะกลัว  แต่มีสิ่งที่ผมกลัวคือศพคนตาย  สภาพการตายอันสยดสยอง   ร่างบวมอืดเน่าเฟะ  ถ้าไปเจอได้วิ่งป่าราบแน่  แค่นึกถึงยังสยองอยู่เลย


ครับ ผมเข็นรถโนวาคู่ชีพ   หาที่จอดแอบไว้ในป่า   แหงนหน้ามองเขาตรงหน้า  ต้องเดินกันหนักเลย  ไหนจะฝนฟ้าไม่เป็นใจตั้งเค้าจะตกอีกแล้ว

เดินไปได้หน่อยเดียว  ฝนเริ่มลงเม็ดพร้อมกับลมแรง   น้ำฝนเย็นจับใจเลยครับ  ปกติไม่ขี้หนาวขนาดนี้  จะหลบเข้ากระต๊อบข้างทาง  สภาพมันจะพังมิพังแหล่   หลังคาสังกะสีเผยอขึ้นลง ตีกับไม้แปดัง  แต๊ง แต๊ง ตะปูทำท่าจะยึดไว้ไม่อยู่

ผมนี่กลัวใจมันจะลอยมาโดนตัวเอาเสียจริง 

ได้ผ้าใบผืนใหญ่คลี่เอามาคลุมตัว  แล้วเดินสู้บุกบั่นเดินหน้าต่อไป  ทางเดินค่อนข้างเเคบอยู่เเล้ว  ต้นหญ้าสองข้างทางพอโดนน้ำฝน  ลำต้นกิ่งใบมันอุ้มน้ำจนโน้มลงมาปิดทางเข้าไปอีก  เสียงน้ำหลากในลำห้วยดังอื้ออึง ฝนตกสิ่งที่น่ากลัวตามมา คือน้ำป่าไหลหลาก

เรื่องน้ำป่ามันน่ากลัวกว่าผีสางอีกครับ  ผมเคยเจอฤทธิ์น้ำป่ามาแล้ว  ตอนเดินข้ามลำธารตื้นๆ  น้ำไหลตื้นผ่านเพียงตาตุ่ม  เพียงชั่วอึดใจเดียว  น้ำป่าไหลเชี่ยวถึงช่วงเอว  โชคดีที่ตอนนั้นผมปีนต้นไม้ได้ทัน  ส่วนสัมภาระที่วางทิ้งไว้  หายไปในกระแสน้ำ


ผมมาถึงยอดเขา  เหนื่อยเเทบขาดใจ มองหลังมือซีดขาว เป่าปากออกมาเป็นไอน้ำ  แสงไฟฉายมองป่าตรงหน้า  ฝนตกไม่ขาดสาย  สภาพป่าเปลี่ยนไป แทบจะถากทางเข้าไปเลย  ผมเงยหน้ามองต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งมันยืนต้นโดดเดี่ยว  ดำเกรียมจากเคยถูกฟ้าผ่าใส่  เบื้องบนขึ้นไปมีสายฟ้าแลบไปมา ส่งเสียงครืนครันเหมือนในท้องคนร้อง  ใช่ครับผมหิวมากด้วย ท้องร้องโครกคราก  ถ้าไม่สู้งาน วันต่อไปจะเอาอะไรมากิน 

มันเหมือนจะมีบางสิ่งพยายามสื่อสารด้วย   ป่าปิดแล้วสำหรับผม  อย่าได้พยายามไปต่ออีกเลย  ไอ้พื้นที่ตรงนี้ ผมจะจำมันไม่รู้ลืมเพราะเหตุการณ์เป็นตายในช่วงขากลับ

เรื่องจะถอยกลับก็ยังไงอยู่  คิดในเเง่บวกการที่ฝนตกโอกาสที่ความชื้นพอเหมาะ ใกล้รุ่งสาง ตี 3-4  ดอกเห็ดคงขึ้นงาม  พรุ่งนี้เช้าคงเก็บเห็ดกลับไปได้เยอะ ไม่มีใครอื่นมาแย่งเก็บ

จำผีหลอก  มันไม่มีใครคนไหนในหมู่บ้านกล้าไปกันหรอก  นอกจากผมคนเดียว

เส้นทางที่เดินยากที่สุด ผมผ่านมาแล้ว ไปโผล่อีกทีบนยอดภูเขาตัดที่เหมือนมีใครมาปราบที่ไว้  ใต้ต้นไม้สูงใหญ่ขึ้นกันเบียดเสียด  แผ่กิ่งก้านมืดครึ้มเหมือนหลังคาป่า ข้างล่างเตียนโล่ง  มีวัชพืชขึ้นประปราย  กลางวันแสงแดดแทบส่องลงมาไม่ถึงพื้น  ไม่แปลกที่พืชในระดับล่างที่ต้องการแสงแดดมาสังเคราะห์เป็นอาหารจะไม่สามารถเติบโตอยู่ได้


หยดน้ำค้างจากใบไม้เบื้องบน หยดลงมาดังเปาะแปะ ลมพัดมาทีดังซู่ซ่าราวกับฝนตก ดินซับความร้อนเมื่อตอนกลางวัน พอมีน้ำฝนซึมลงไป  กลายเป็นไอน้ำระเหยขึ้นมาเป็นหมอก


ผมฉายแสงไฟไปมา มันขาวโพลนไปหมด เรื่องยุ่งยากถัดจากฝนตกคือหมอกลง  เวลาตอนนี้ห้าทุ่มกว่า  ผมคงไปถึงที่หมายช้ากว่าที่กะไว้ แต่ไม่มีปัญหา เพราะเวลาหลังเที่ยงคืน จนถึงตีสาม ผมจะหาที่งีบหลับพักเอาแรง  พอได้เวลาจะออกเดินหาดูเห็ดที่เริ่มขึ้นมาสู่ผิวดิน


ผ่านยอดภู เดินไต่ลงมาตามทางของพวกชักลากไม้  เหมือนง่ายแต่อันตรายจากการลื่นล้ม  ไหนจะการมองเห็นที่ไม่ชัดจากหมอก บดบังทาง  ไม่มีปัญหาสำหรับผม  อาศัยคลำทางไปก็ได้


หนทางข้างหน้าจำได้มีต้นมะกอกป่า  ลมมาทีพัดเอาหมอกจางจึงเห็นกิ่งก้านมันโยกเสียงดังครืน ใบไม้ไหวดังซู่ซ่ารับกันคล้ายคนกำลังกระซิบกระซาบ  เวลานี้ผมกำลังคุยอยู่กับธรรมชาติ  ความเงียบคือบทสนทนาโต้ตอบ  ได้แต่ถอนใจเดินก้มหน้า ถ้าออกนอกทางไปอีกหน่อย  เคยมาหาตัดหวายกับไม้ไผ่ไปทำตอกจักสาน


ป่าคือห้างสรรพสินค้าของคน  คำนี้ผมเคยได้ยินจากในทีวี  มันก็จริง ถ้าหากคนรู้จักใช้อย่างรู้ค่า  ผมเสียดายป่ามาก  คนเพียงไม่กี่คนที่ละโมบ  ขโมยทรัพยากรของคนส่วนรวมไป  ทั้งที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ปลูกบ้านอาศัยกันอย่างง่ายๆ  ส่วนใหญ่ไม้ที่ถูกลักลอบตัดออกไป  จะขายออกนอกพื้นที่



ทางของพวกชักลากไม้คล้ายร่องที่ โค้งไปตามลูกเขา  มีรากไม้โผล่ออกมาให้ระเกะระกะสองข้างทาง  ดินเป็นดินแดง  เวลานี้อิ่มน้ำจึงค่อนข้างลื่น  เมื่อเท้าเหยียบลงไป  ใต้ผิวดินเป็นแผ่นหินเล็กบ้างใหญ่บ้าง  กรวดหินสากๆ  ดินพวกนี้ก็เหมือนจารบีดีๆ นี่เองเวลาฝนตก  คนเดินไม่ระวังจะหัวทิ่มหัวตำ  หงายหน้าหงายหลังเอาง่ายๆ  ดีที่ผมสวมรองเท้าบูทมาด้วย  ใส่เดินอาจไม่สะดวกแต่ยึดเกาะได้ดี  ป้องกันการไปเหยียบงูกับแมลงมีพิษได้ระดับหนึ่ง 


ร่องเล็กๆ บนพื้น  บางทีเหมือนมีคนมาขุดเอาไว้เป็นหลุมบ่ออันเกิดจากน้ำกัดเซาะ ทรายละเอียดกองพูนเหมือนที่กรองน้ำ มันจึงใสพอสมควร  พอให้ลงไปใช้สองมือกอบเอาน้ำมาลูบหน้า   ใบหญ้าคาบาดทำเอาแสบคันไม่น้อย


การดื่มน้ำจากกลางทางไม่ใช่ความคิดที่ดีนัก  เพราะเป็นทางเดินทั้งของคนและสัตว์ โดยเฉพาะวัวบ้าน  ที่เจ้าของปล่อยให้ออกหากินเองในป่า   พวกมันจะขับถ่ายของเสียทิ้งไว้  น้ำฝนได้ชะล้างให้ไหลมารวมกัน ถ้าจำเป็นก็พอเอามาเป็นน้ำใช้   อีกเรื่องคือไอ้น้ำไหลสายเล็กๆ พวกนี้  สามารถบอกได้ถึงอันตรายจากน้ำป่าไหลหลาก  จะเกิดขึ้นในหุบห้วยข้างล่าง ผมคงไม่เสี่ยงลงไปไกลกว่าปางไม้



โบร๋ววว บรู๋ววว  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์ บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์


ผมหยุดยืนอยู่ใต้ต้นเสี้ยวป่า  มีต้นมะกอกป่าใบโกร๋นอยู่ถัดไป   คลับคล้ายจะได้ยินเสียงหมาหอน   ยิ่งรู้ว่าแน่ชัดจากเสียงดังยืดยาวกังวานไปไกล  ให้ความรู้สึกเย็นพอกันกับอากาศรอบตัวขณะนี้   อาจจะด้วยตากฝน  ตากน้ำค้างมาเยอะเลยมีอาการหนาวๆ ร้อนๆ ตะครั่นตะครอจะเป็นไข้


หมอกเหมือนม่านที่ถูกแหวกออก  อากาศโปร่งโล่งขึ้น ในช่องว่างของกิ่งไม้ใบโกร๋น  แสงทองเรืองรอง กับการปรากฏของพระจันทร์เดือนแรมสี่ค่ำ  นกฮูกเกาะบนกิ่งไม้   ผมมัวกังวลกับอาการไข้  พอเงยหน้าถึงกับร้องเฮ้ย!  ผงะเล็กน้อย  ทำไมนกตัวใหญ่ขนาดนั้น  พอได้ยินเสียงของผม  มันกางปีกดังพรึบพรับบินผละจากไป   ประสาทผมคงไม่ค่อยจะดีจากไข้เล่นงานเสียแล้ว


ไม่รู้ตัวเลยว่า  ผมกำลังมาถึงที่หมาย   ‘จำผีหลอก’



เสียงหมาเจ้ากรรมเหมือนมันเฝ้าทาง  บอกการมาของผู้มาเยือน ทางเดินทอดยาวลงไป  แสงจันทร์เดือนแรมทำให้มองเห็นยอดไม้ทึบทะมึนในจำผีหลอกได้ง่ายขึ้น  มันเหมือนทางเดินเข้าไปในป่าช้าที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน  ผมไม่อยากจะใส่ใจนัก  จะป่าไหนก็เหมือนๆ กัน   กระชับย่ามบนบ่าชักมีดเหน็บออกมาฟันกิ่งไม้ที่ย้อยลงขวางทาง  อีกนัยหนึ่งขากลับจะได้จดจำรอยที่หมายเอาไว้   ลืมบอกไปผมเป็นคนเกิดวันเสาร์ครับ  คนเกิดวันนี้จิตแข็ง  ไม่ค่อยกลัวเกรงอะไรง่ายๆ  ถ้าเล่นศาสตร์คุณไสยจะก้าวหน้าได้ไว


ลูกมะกอกตกลงมาดังตุบตับ  ของพวกนี้ลูกอมป่าเลยครับ  ใช้มีดคว้านเอาแก่นแข็งๆ ออก โรยเกลือลงไปตัดเปรี้ยวอย่างร้ายกาจ  อมแล้วปลุกประสาทให้ตื่นตัวดีนักแล  ก่อนจะคลายอุแหวะออกมา   ไปหาเก็บลูกมะขามป้อมมาอมดีกว่า ของพวกนี้สรรพคุณป้องกันไข้หวัดดีนักแล



บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์  บรู้ววว์..บรู้ว์ว์ว์ว์ว์ว์


เสียงหมาหอนยังคงดังรบกวน  ความเหงา ความวังเวง  บางทีเสียงพวกนี้มันก็จู่โจมหัวใจได้เหมือนกัน  พอร่างกายเริ่มไม่ไหว  ประสาทเริ่มอ่อนด้อยลง ในใจมันผ่าไปคิดถึงเรื่องเล่า สมัยป้าๆ ข้างบ้านยังเป็นสาว ฤดูทำนาแกกับผัวและน้องสาวของผัวไปนอนกระต๊อบเฝ้านา  ใต้ถุนเอาไก่ไปเลี้ยงไว้ด้วยจนกว่าจะหมดฤดูทำนา   พอตกกลางคืนได้ยินเสียงไก่ร้องตกใจ  อาจมีสัตว์มากวน


ป้าชวนน้องผัวลงไปดูด้วยกัน  ฝ่ายผัวของป้า  ได้เหล้าเหล้าขาวไปแล้ว หลับไม่ยอมดิ้นเลย ผู้หญิงสองคนเลยลงมาดูกันเอง สงสัยจะเป็นหมามาลักกัดไก่ เลยจอมปลวกที่ปลูกพริกไว้  เหมือนเห็นหมาตัวหนึ่งกำลังวิ่งไปทางนั้น น้องผัวชี้บอกโน่นๆ ฉายไฟเห็นดวงไฟสีแดงสองจุดหันมาสู้ไฟ  สายตาสองคู่เห็นเหมือนกันในขนาดใหญ่โตของหมาตัวนั้น  ยืนสูงระดับเดียวกับจอมปลวก  โดยเฉพาะดวงตาแดงก่ำ


ป้าแกเล่าน้ำลายกระเซ็นจะให้ผมเชื่อให้ได้   จอมปลวกนั่นมันสูงกว่าตัวแกอีก  หมาที่ไหนจะตัวสูงใหญ่ขนาดนั้น  มันต้องเป็นหมาผีแน่  หรือเจ้าที่แปลงกายมาเพื่อเตือนบางอย่าง  ตัวแกกับผัวมานอนที่นี่ไม่เคยได้ไปเซ่นไหว้ผีเจ้าที่  มาคิดดูอีกทีแล้วผมนึกขำ ผมตอนนี้คงมีอาการเหมือนป้าแก   พอกลัวมากๆ  สติไม่มั่นคง  เลยเห็นหมาเห็นนกตัวใหญ่กว่าปกติ ถ้าคิดในแง่เหตุผล  เสียงหมาหอนตอนนี้ก็เหมือนกัน  พวกพรานจะพาหมาไปด้วยในป่า  ไม่แปลกจะได้ยินเสียงหมาเห่าหอน ช่วงฤดูติดสัด หากพวกมันต้องเข้าป่าตามนาย  จะเกิดอาการแบบนี้ หมาก็เหมือนคนมีช่วงเวลาที่เหงาได้


ยิ่งถ้าพรานมากันสองถึงสามคน  หมาเป็นฝูงเลยครับ  หมาไล่แลนคือตะกวดชนิดหนึ่ง  คนทางบ้านผมนิยมกินกัน  เจอตัวไม่จำเป็นต้องยิงให้เปลืองกระสุน  หมาไล่แลนพวกนี้จะไล่งับมาให้ได้  ตัวที่ฝึกมาดีจะไม่กัดให้ถึงตาย  เพื่อให้นายของมันมาจับเอาไปขายแบบเป็นๆ


ปางไม้อยู่ทางซ้ายมือ  เหมือนทางสามแพร่ง  มีกระต๊อบปลูกไว้ ไหล่ทางมีลำห้วยอุดมไปด้วยกอไผ่  ผมเลือกไปทางขวามือที่เป็นป่าโปร่ง  มีต้นเต็งขนาดสองสามคนโอบ   อายุคงเกินร้อยปี  บนพื้นมีซากใบไม้ทับถม  จะเป็นที่บ่อเกิดของเชื้อรา  เห็ดหล่มจะขึ้นกันมากมายที่นี่  ผมเคยมาเก็บตอนกลางวันได้ไปหาบใหญ่ แต่ดอกเห็ดบานแล้ว  ดอกเดียวอาจใหญ่ขนาดหน้าคนเสียอีก 


ยิ่งเดินเข้าไปใกล้  กระต๊อบหลังเล็ก  โปร่งโล่งมีเพียงหลังคา  ขนาดไม่ใหญ่ไปกว่าศาลเอาไว้วางของเซ่นไหว้ผี  ใต้ชายคามันมืด ผมเห็นร่างคนตัวดำๆ นั่งห้อยขาข้างหนึ่งไกวน้อยๆ  อีกข้างชันเข่า ที่รู้เพราะได้ยินเสียงขากเสลด  เสียงถ่ม  ทำให้หันไปมอง เห็นไฟแดงจากบุหรี่จุดสูบ  เป็นชายร่างผอม ไม่ใส่เสื้อ ผมบนหัวชี้ฟู  พอรู้ผมเข้าไปใกล้ ได้ยินเสียงหัวเราะ  น่าจะคนมีอายุวัยห้าสิบขึ้น  พอผมขานออกไป  บอกจะไปเก็บเห็ดใกล้ๆ นี่เอง  เหมือนไม่ได้ยิน ร่างนั้นเอนตัวลงนอน ไกวขาอย่างสบายใจ


อาจจะเป็นพวกมาทำไม้ก็เป็นไปได้   จำผีหลอกยังคงมีไม้มีค่าอีกมาก  หมาพวกนั้นจะเห่าหอน  เมื่อเห็นคนแปลกหน้าเข้ามาใกล้นายของมัน

เสียงดัง  แสก  แสก  คล้ายเสียงเลื่อยไม้ดังออกมาไม่ไกล  มันเป็นเลื่อยมือแบบเก่าที่ใช้แรงงานคน  พวกทำไม้รุ่นเก่าเมื่อสิบปีก่อนจะใช้กัน ปัจจุบันหายากเพราะหันมาใช้เลื่อนยนต์กันหมดแล้ว  เพราะการจะโค่นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งต้องใช้เวลาและพละกำลังมาก  ครู่หนึ่งก็หยุดมือคล้ายพักกินน้ำ  เวลาผ่านเที่ยงคืนมาแล้ว  คนพวกนี้ยังจะทำงานกันอีก  ผมก็เคยได้ยินพวกทำไม้คุยกัน  งานหนักจำเป็นต้องใช้ยาม้ายาขยันเข้าช่วย  แต่ไม่น่าจะทำกันดึกดื่นค่อนคืนขนาดนี้ 



ลมพัดใบไผ่เสียงดังแสกสาก  บางทีทำเอาหยุดชะงักเงี่ยหูฟัง  มันคล้ายเสียงคนพูดคุยกระซิบกระซาบกัน  รอบตัวขณะนี้คล้ายมีคนยืนมองเข้ามา   เหมือนว่ามีคนแปลกหน้ารุกล้ำเข้ามาในหมู่บ้านหลังเขาอันแสนกันดารแห่งนี้  ผมเอาหลังมือแตะหน้าผากมันอุ่นขึ้น  อาการไข้ทำเอารู้สึกเพลีย  ซ้ำร้ายหูยังจะมาเพี้ยนได้ยินเสียงอะไรแปลกๆ  ทั้งเสียงคนเลื่อยไม้และเสียงคนพูดคุยกันนั่นแหละ  คิดว่ามาจากอาการประสาทไม่ปกติจากพิษไข้มากกว่า



หลังคาสังกะสีอ้าขึ้นลงเผยิบๆ ตีกับไม้แปดัง  แต๊ง  แต๊ง  ผมยืนโงนเงน  สะดุ้งขึ้นมานึกว่าตัวเองได้ยืนอยู่ทางเข้าป่า เลยจากจุดจอดรถโนวาซะอีก   ถ้ามันจริง  ป่านนี้ผมขอถอยกลับบ้านดีกว่า  หายาแก้ไข้มากินแล้วนอนหลับพักผ่อน  แต่ในความเป็นจริงผมกำลังยืนอยู่อย่างโดดเดี่ยวกลางป่า   หากจำเป็นจริง  ไข้ขึ้นสูงเดินกลับตอนนี้ไม่ไหว  ผมจะไปอาศัยกระต๊อบหลังนั้นนอนเอาเเรง  รุ่งขึ้นค่อยหาทางกลับบ้าน



เลยจากกระต๊อบไปหน่อย   มีต้นตะเคียนสูงใหญ่อยู่เหนือยอดไม้ทั้งปวงเห็นเป็นเงาดำทะมึน   ผมหยุดยืนแหงนมองอย่างอดไม่ได้   นึกสงสัยพวกตัดไม้ทำไมไม่โค่นมันลงมา  หรือเห็นมีตำหนิจากโพรงไม้ภายในเลยเว้นมันไว้  ก็ได้แต่เดาเอาเท่านั้น  คงไม่ใช่เพราะอาถรรพ์จากนางไม้แรงเสียจนทำอะไรมันไม่ได้
 


เงาไม้เมื่อผ่านแสงไฟคล้ายเงาคนเดินล้ำอยู่ข้างหน้า  บ้างวิ่ง บ้างก็หลบหลังต้นไม้  เสียงฝีเท้าดัง  ตึก  ตึก  พอหยุดเดิน เสียงมันยังดังต่ออีกก้าวสองก้าวจึงหยุด  ไหนจะเสียงคล้ายคนกระซิบกระซาบกัน   ผมนึกขำตัวเอง  มันจะอะไรก็เสียงสะท้อนไง  จะนึกหลอนตัวเองทำไมว่ามีใครเดินตาม



“แน่จริงก็โผล่หน้าออกมาตัวเป็นๆ เลยสิวะ!”



ผมตะโกนออกไปอย่างเหลืออด  นึกว่าจะกลัวนักหรือไง  ไม่วายเสียงยังสะท้อนกลับมา  แน่จริงสิวะ  แน่จริงสิวะ แน่จริงสิวะ  ดังล้อๆ กัน  นี่ถ้าไม่ใช่เพราะพิษไข้  ประสาทของผมคงไม่ย่ำแย่ขนาดนี้ 



หูว่าเพี้ยนแล้ว  จมูกยังจะได้กลิ่นสาบสางตามลม  พอเดินหน้าไปได้หน่อยเดียว  กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงเข้าจมูก  มันฉุนกึกจนรู้สึกปวดหัว  นี่ไม่ใช่คิดไปเองแล้ว  ต้องมีอะไรตายอยู่แถวนี้แน่นอน



กลิ่นมันช่างคล้าย  ศพพรานที่ถูกยิงตายกลางป่าคราวนั้นเลย  ผมจำภาพใบหน้าที่บวมอืด  ลูกตาถลนออกนอกเบ้า เลือดที่ไหลออกจากบาดแผลสีออกคล้ำ มีแมลงวันตอมหึ่งๆ  ทำเอาผมโก่งคอสำรอกออกมา  มันมีแต่น้ำ



ผมจะไม่ยอมให้มันเล่นงานผมได้ฝ่ายเดียวแน่    ต้องไปดูให้แน่ชัด   ที่ร่องน้ำตื้นดินทรายพูนขึ้นมาจากตะกอนน้ำ  ทำเอาแทบผงะเมื่อเจอกับต้นเหตุของกลิ่นแล้ว  มันคือซากวัวที่ตัวไม่ใหญ่นัก น่าจะเป็นลูกวัว  เพราะยังเห็นพื้นหนังกับซี่โครง  มดไต่บนซากจนดำไปทั้งตัว  สภาพมันยุบโทรมไปมากแล้ว  ธรรมชาติกำลังทำหน้าที่ของมันในการย่อยสลาย



ถ้าไม่เห็นซี่โครงกับเศษหนัง   จะไม่รู้เลยมันคือซากสัตว์ชนิดใดกันแน่   เป็นเรื่องธรรมดา  วัวที่เจ้าของปล่อยให้หากินเองในป่า  บางทีอาทิตย์สองอาทิตย์ถึงตามไปดูที  นับจำนวนอย่างเดียวจะไม่รู้เลยว่ามีลูกวัวเกิดใหม่กี่ตัว  ถูกงูกัดตายบ้าง  ถูกขโมยฆ่าแล้วชำแหละเอาแต่เนื้อไปบ้าง   ผมเจอซากแบบนี้บ่อย         



ผมทิ้งจำผีหลอกไว้เบื้องหลัง  ป่าเต็งรังตรงหน้าคือเป้าหมาย  สภาพป่าโปร่งโล่ง  อากาศถ่ายเทสะดวกพอให้หายใจคล่องขึ้น  แสงจันทร์ส่องเห็นพื้นดินทรายละเอียดที่ถูกกระแสน้ำพัดมา   มีน้ำขังตามแอ่ง  ไหล่เอ่ยไปตามร่องเล็กๆ บนพื้น  ผมเดินตามเส้นทางน้ำไปถึงตลิ่งอันสูงชันเหนือลำห้วยขนาดใหญ่  เสียงดังอื้ออึงของน้ำป่าสีขุ่นเหมือนน้ำกาแฟ  ว่าเเล้วน้ำป่าต้องเเรงเเน่  จำผีหลอกอยู่ในเส้นทางน้ำด้วย  ขากลับเส้นทางอาจถูกน้ำปิดเเล้วก็เป็นได้



แม้ทุกอย่างรอบตัวจะชื้นแฉะ การก่อฟืนไฟไม่ใช่เรื่องง่ายเลย  ต้องหาไม้มีแก่นถึงจะจุดติด  ผมหมายตาท่อนไม้สักที่ไหม้เกรียมเป็นถ่าน  ใช้มีดถากเปิดเปลือกนอกมันออก  ทำเป็นชิ้นเล็กๆ ไว้ล่อไฟ  ผมไม่มีขวานจะสับไม้ท่อนใหญ่ได้



ไปได้ก้อนหินขนาดพอเหมาะมาทุบกับขอนไม้เสียงดังถนัดถนี่  พอแตกแล้ว ออกแรงกระชาก  ได้มาสามสี่ท่อน  ลำพังไม้ซีกเล็กๆ  จุดขอนไม้ไม่ติด   เสียงดังเมื่อครู่ถ้ามีคนอยู่แถวนี้คงรู้มีผมอยู่ตรงนี้   พอได้ไม้ขนาดพอเหมาะก็เริ่มจุดไฟ   หลังมือซีดขาวเลือดแทบไม่เดิน  ฝ่ามือได้อังไฟยกมานาบแก้มกับลำคอ  ความอบอุ่นช่วยได้เยอะ  ไม้สักเป็นฟื้นอย่างดี  จุดติดแล้วดับยาก เว้นเสียแต่เจอฝนหนักจริง  ช่วงนี้ก็ไม่แน่เหมือนกัน    ฝนฟ้าไม่เป็นใจ  อยู่ในที่โล่งโจ้งไปหน่อย  หากฝนตกลงมาคงต้องย้ายหนี



สายตาจับนิ่งไปที่ไม้ยืนต้นตายซาก  ที่ห่างออกไปไม่กี่ช่วงก้าวเดินถึง  ที่โคนมีน้ำท่วมขังเกือบจะเป็นปลัก  และคงอยู่ในสภาพนี้มานาน  รากของมันคงเน่า  ยึดลำต้นให้ยืนหยัดต่อไปได้ไม่นานแน่   หวังว่าคงไม่มาล้มตอนผมนั่งอยู่ตอนนี้



ได้มะขามป้อมมากำมือ  กลับมานั่งแทะข้างกองไฟ   ในย่ามมีน้ำตาลเกลือพริก  จัดเตรียมมาสารพัดที่จำเป็นยกเว้นยาพารา  กัดกับเม็ดเกลือช่วยตัดเปรี้ยวได้บ้าง  มันช่วยปลุกประสาทให้ตื่นตัวดีแท้  แข็งใจกลืนไปหลายลูก หวังทุเลาอาการไข้   ได้ไฟเป็นเพื่อนค่อยอุ่นใจหน่อย   มองไปรอบตัวฟังเสียงจิ้งหรีด  เสียงกบเขียดรู้สึกผ่อนคลายอ่างประหลาด  พอประสาทกลับมาปกติ   ป่าก็คือป่า  คนที่รักษาสติไว้ไม่ได้จะถูกอำนาจของป่าเลนงานให้มีอันเป็นไปต่างๆ นานา



ตีสอง ...



เวลาผ่านไปเนิบช้า  ไฟหมดเปลวเหลือเพียงถ่านแดงโร่   ผมนั่งผงกสะดุ้งตื่นขึ้นมา  รู้สึกเหมือนมีอะไรแหลมๆ มาสะกิดที่ท้ายทอยหลายที   พอคลำเจอใบไม้  ปลายใบมันแหลมมิน่าถึงรู้สึกเหมือนโดนสะกิด   เงยหน้ามองท้องฟ้าที่เคยโล่งเห็นดาว  กลับมามืดมิดอีกครั้ง  น้ำค้างลงแรงมาก  ได้ยินใบไม้ในความมืดดังซู่ซ่า  มือลูบขนแขนมันเปียกชุ่มไม่น้อย   อาการไข้ไม่สู้จะดี   นั่งกอดอกตัวสั่น  ยังดีที่มีพลาสติกผืนใหญ่คลุมตัวไว้



เสียงเลื่อยไม้ยังคงดังแว่วมา  ดัง  แสก แสก   ผมฉายไฟไปอย่างไร้ความหมาย  ป่ามันรกมากจะไปเห็นอะไร  นอกจากตะเคียนใหญ่มีอาการไหวเฮือก  คล้ายๆ คนสะดุ้งจากโดนจี้เอว  ไม้ใหญ่คงใกล้ล้มแล้ว  เสียงคงดังมาถึงทางนี้  แน่ล่ะจำผีหลอกอยู่ห่างออกไปแค่มีห้วยใหญ่กั้น   ผมลุกขึ้นไปคว้าตะกร้า  ออกไปเดินหาเห็ดดีกว่า  พึ่งได้เห็ดมาครึ่งตะกร้าเอง 



เพียงไม่กี่ก้าวที่ผมออกเดิน  เสียงดัง  ครืน ครืน  ของไม้ใหญ่กำลังจะล้มดังไล่หลังมาดังตึง!  แม้แผ่นดินที่ยืนอยู่  ยังรู้สึกถึงแรงสะเทือน  ใบไม้เศษฝุ่นผงปลิวว่อน   ผมหันไปอ้าปากร้องเฮ้ยลั่น!  ที่ล้มไม่ใช่ต้นตะเคียน  มันยังอยู่ แต่เป็นต้นไม้ตายซากเหนือหัวที่ผมนั่งเมื่อกี้  มันล้มลงมาหลังจากที่ผมเดินออกมาไม่กี่นาที

ผมผ่านช่วงเวลาเฉียดเป็นเฉียดตายมาได้   โดยพยายามทำจิตทำใจไม่ให้คิดอะไร   ในป่าภัยธรรมชาติมันมีได้ตลอด


ก้มเก็บเห็ดหล่มดอกตูมกำลังใส่ตะกร้า  เห็นจะพอแล้วรีบกลับดีกว่า  เงยหน้ามองท้องฟ้า เมฆฝนทั้งนั้นเลย   ไหนจะฟ้าแลบฟ้าร้อง ส่งเสียงดัง ครืน ครืน  น่ากลัวผมจะกลับไปส่งเห็ดที่ตลาดสดตอนเช้าไม่ทันเสียแล้ว   อาการอ่อนเพลียจากไข้เริ่มเล่นงานผมอีกแล้ว  เหมือนโลกจะหมุน  ลงไปนั่งยองๆ มือกุมขมับ  เห็นทีจะหานอนพักมันแถวนี้  ที่ผมหมายตาไว้แล้วแต่แรก


เป้าหมายก็ที่กระต๊อบของพวกทำไม้  ที่ตรงนั้นเป็นเนิน  ไม่ได้อยู่ในเส้นทางของน้ำป่า  เมื่อถึงคราวจำเป็น ผมจะไปนอนพักเอาแรงที่นั่น


ใบไม้ในป่าส่งเสียงซู่ซ่าขึ้นพร้อมกัน  ฝนตกลงมาแล้ว  ผมเดินกอดอกเนื้อตัวสั่นเทา  พลาสติกผืนที่คลุมตัวฉีกขาดวิ้นจากหนามเกี่ยว    สองเท้าที่ย้ำไปบนดินที่ชุ่มแฉะไปด้วยน้ำ  กองไฟที่ก่อไว้ได้ดับสนิท  ซากไม้ล้มเฉี่ยวมันไปนิดเดียวเอง  ไม่อยากนึกสภาพถ้าตอนนั้นไม่ได้ลุกเดินออกมาจะเป็นยังไง


กระต๊อบหลังนั้นอยู่ในเงามืด  เงียบเชียบและโดดเดี่ยว  ผมขยับไฟฉาย  แสงไฟมันหรี่ลงทุกที  สงสัยชาร์จไฟไม่เต็มที่  ปกติมันจะใช้ได้เกือบสว่าง  น่ากลัวผมจะไปได้ไม่ไกลจากจำผีหลอกเสียแล้ว  ผมเหมือนเห็นแสงไฟจุดเล็กๆ จากก้นบุหรี่ที่เจ้าของยกขึ้นสูบ  ก่อนจะคลายออกจากริมฝีปากเป่าควันฉุย   น่าแปลกที่ร่างในเงามืดไม่น่าจะสวมเสื้อ  นั่งห้อยขาอยู่อย่างนั้น แกทนความหนาวได้อย่างไร  ผมขานออกไป  ทางข้างหน้ามีน้ำป่าผ่านไหม  ฝนตกหนักทำให้น้ำป่าไหลแรง  ภายหลังเงียบเสียงของผม  เหมือนลุงแกจะนิ่งอีก  คล้ายผมพูดอยู่คนเดียว  ไฟฉายเจ้ากรรมแสงมันแทบส่องลายมือไม่เห็นอยู่แล้ว  ได้ยินลุงแกหัวเราะเสียงดังเหอะๆ แข่งกับเสียงฝน


“น้ำป่าตัดทาง เอ็งข้ามไปไม่ได้แล้ว” เสียงเยือกเย็นตอบมา


“ถ้างั้น ผมขอพักกับลุงที่กระต๊อบนี่นะครับ  น้ำป่ามาเร็วไปเร็ว  ไม่เกินชั่วโมงคงแห้ง แล้วผมจะรีบไป”


“ได้ มาพักสิ ฉันอนุญาต”


ความที่ไม่มีแสงไฟนำทาง  พอไปถึงแทบจะคลำหาตรงไหนเป็นเสา ตรงไหนเป็นพื้นไม้  มันมืดเสียจริงไม่ต่างจากคนตาบอด  นึกได้มีไฟแช็กเอามาจุดไฟ  ดวงเล็กๆ สีสุก แต่มันก็ดีกว่าไม่มี  ฟ้าแลบมาที ผมรีบมองไม่เห็นลุง  ไม่รู้ไปไหนเสียแล้ว  พื้นไม้ที่แกนั่ง  มือของผมคลำไปเจอถ้วย จาน และขวดวางอยู่ระเกะระกะ   ไม่รู้ลุงเอนหลังลงไปนอนได้ยังไง ผมเห็นไม่กล้าขึ้นไป   พื้นดินใต้ชายคาแห้งพอ  มีกอไผ่ช่วยบังลมกับบังฝนอีกแรง  รู้สึกไออุ่นจากผิวดินขึ้นมาอย่างประหลาด  ความอ่อนเพลียจากพิษไข้ ผมแทบจะลงไปนอนขดเหมือนหมาไอ้มอม   โชคดีที่มีฟืนเก่าที่ถูกพรากออก ผมสามารถใช้ก่อไฟขึ้นมาได้ แต่ยังติดเกรงใจเจ้าของ เลยขานออกไปเพื่อขออนุญาตอีกครั้ง


“ผมขอก่อไฟนะครับลุง  มันหนาวเหลือเกิน ” ไฟถูกจุดติดขึ้นอย่างรวดเร็ว ผมสะบัดน้ำจากผืนพลาสติกเพื่อปูลงกับพื้นแทนเสื่อ  ลงนอนข้างกองไฟ  ตอนนี้มันหนาวเข้าถึงกระดูก ยอมรับแทบจะขาดใจอยู่แล้ว  ข้างนอกฝนฟ้าตกลงมาหนักขึ้น ผมตัดสินใจถูกแล้วที่มาขอพัก   ไฟทำให้รู้สึกร่างกายดีขึ้น  ดวงตาปรือๆ หนังตามันหนัก ไม่มีกะใจจะมองหาเจ้าของที่ ไม่รู้ไปทางไหนแล้ว  อาจแวะไปทำธุระส่วนตัวก็เป็นได้

เพียงอึดใจต่อมา เหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าอ้อมมาทางด้านหลังกระต๊อบ  ก่อนส่งตัวขึ้นไปนั่งบนพื้นไม้เสียงดังแอด  ไกวขาข้างหนึ่งน้อยๆ  กลิ่นควันยาฉุนลอยมาแตะจมูก  ยาสูบที่คนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านชอบสูบกัน  ผมไม่อาจหันไปมองหน้าลุงได้ มีเพียงริมฝีปากขยับพูดเหมือนคนละเมอ


“ขอบคุณลุงมากที่ให้ผมพัก  ผมสัญญา  ขามาคราวหน้า จะเอาเหล้า เอาไก่มาตอบแทนให้ลุงนะ”  พูดจบผมก็แทบสลบด้วยพิษไข้  เสียงหัวเราะเยือกเย็นดังตอบมา คล้ายจ่อที่ใบหู


“เอ็งสัญญาแล้วนะ อย่าลืมเสียล่ะ”   


เสียงลมเสียงฝนภายนอกยังคงดังอื้ออึง  น้ำป่าไหลหลากอย่างน่ากลัว  ซุงที่พวกลักลอบตัดไม้ ถูกน้ำป่าพัดพามาด้วย ชนเข้ากับโขดหินและกับรากไม้ใหญ่ดัง  ตึ้ง ตึ้ง  คล้ายอสุรกายร่างใหญ่โตกำลังก้าวเท้าเดินมาถึง  ผมคล้ายจะฝันไป หรืออยู่ในภาวะผีอำ  เสียงหัวเราะพวกนั้นดังประหนึ่งเสียงของภูตผีปีศาจทำเอาขนลุกขนพอง  แห่กันมายืนอออยู่ด้านหน้ากระต๊อบ  ลุงหย่อนตัวลงเหยียบพื้นดิน  เดินอ้อมร่างของผมออกไปข้างนอก  ได้ยินเสียงพูดจากันดังไม่ได้ศัพท์ ที่ผมได้ยินถนัดคือประโยคท้ายๆ


“ลูกวัวหลุดเข้ามาในคอกสูแล้ว  เอามาฉีกแขนฉีกขา แบ่งกันกินเถอะ”


“ไม่ได้! พ่อหนุ่มเป็นแขกของฉัน เมื่อรับเข้ามาแล้ว  ใครจะทำอันตรายเขาไม่ได้”


หลังจากนั้นเหมือนพายุจะเข้ามาอีกระลอก  ต้นไม้ที่รายล้อมสั่นครืนอย่างน่ากลัว  ขนาดว่าต้นไม้ใหญ่เหมือนว่าจะถูกถอนรากถอนโคนจากความเกรี้ยวกราด  ขณะที่สติของผมค่อยเลือนลงคล้ายจมดิ่งสู่นิทรารมย์  เนิ่นนานจนรู้สึกถึงลมเย็นมาสัมผัสผิวกาย  ฝันร้ายได้ผ่านไปแล้ว  ขณะที่ความหนาวทารุณกำลังรุกรานเข้ามาถึง ฟืนไฟดับสนิทแล้ว  ไม่มีความอบอุ่นหลงเหลืออยู่  แต่ผมไม่อาจขยับลุกขึ้นมาช่วยเหลือตัวเองได้  อึดใจต่อมาคล้ายมีความอบอุ่นบางอย่างเข้ามาแนบลำตัวทั้งสองด้าน  จนคลายจากความทุรนทุราย



“เอ็งหลับให้สบายเถอะ  ไม่นานก็จะเช้าแล้ว  เฮอะๆ”  น้ำเสียงของลุงไม่มีแววตกใจจากเหตุวิวาทฟาดฟันในเมื่อครู่เลย  ทำให้ผมคลายจากความวิตกกังวล  จมดิ่งสู่นิทรารมย์อีกครั้ง 



รุ่งเช้าแล้ว  เสียงของป่าปลุกผมให้ตื่นขึ้น   ใบไม้สีเขียวสดปล่อยน้ำค้างหยดแมะ  นกกระจอกบินลงมาเขย่าตัวกับแอ่งน้ำขัง  ผมสลัดความอ่อนเพลียลุกขึ้นนั่งได้   ยกมือลูบใบหน้า มองดุ้นฟืนที่ดับสนิทแล้วเหลือแต่ขี้เถ้า  มือลูบสีข้างมีขนหมาติดเต็ม  เมื่อคืนมีหมามานอนขนาบผมแน่  มิน่าถึงรู้สึกอบอุ่น  แม้ว่าไฟจะดับไปนานแล้ว


พอยืนขึ้น ภาพที่เห็นตรงหน้าทำเอาผมเหมือนถูกสาบให้กลายเป็นหุ่น  ภายในกระต๊อบไม่ใช่อย่างที่คิดเสียแล้ว  สภาพเสาและไม้กระดาน  ฝุ่นจากปลวกหนาเป็นนิ้ว  ไม่มีร่องรอยที่ใครจะมานั่งเพราะมันมีแต่ของเซ่นไหว้  จานสังกะสีที่มีธูปเทียนดอกไม้  ยาฉุนกับไม้ขีดไฟ  ขวดเหล้าขาว  กระถางที่เหลือเพียงก้านกับขี้เถ้าธูป  ที่นี่คือศาลเจ้าที่  ทำเอาคนที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องภูตผีสิ่งลี้ลับอย่างผมหายใจไม่เต็มอิ่มนัก  ก่อนจะถอนใจออกมาดังแรง


“วางใจเถอะครับลุง  ผมจะเอาไก่และเอาเหล้ามาตอบแทนแน่”


เรื่องจากพันทิป หนุ่มหาของป่าผจญอาถรรพ์ปางไม้เถื่อน
เรื่องโดย สมาชิกพันทิป แจ็ค ในสวนถั่ว
ขอขอบคุณเรื่องราวสยองและขออนุญาตนำมาเผยแพร่ ณ ที่นี้ด้วย

ไม่มีความคิดเห็น