ความผูกพันกับกุมารทอง

   
     กุมารทอง เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทย โดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย หากเป็นวิญญาณผู้หญิงที่คนเลี้ยงไว้จะเรียกว่า "โหงพราย"  ที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูตผีปีศาจไว้ใช้งาน ว่ากันว่าหากเลี้ยงเขาดีเข้าจะช่วยเหลือปกป้องภัยอันตรายได้ วันนี้เราจะนำเสนอเรื่องของชายคนหนึ่งเขาได้รับเลี้ยง โหงพราย เอาไว้ เรื่องราของเขากับความรู้สึกผูกพันกับโหงพรายจะเป็นอย่างไรไปติดตามกันเลยครับ

     เป็นเรื่องแรกที่ทำให้เรามองตัวเองเปลี่ยนไป เราเริ่มเชื่อว่าตัวเองมีเซ้นส์เรื่องแบบนี้แล้วหล่ะ แต่ไม่ใช่สายผีโหด คือว่า ตอนนั้นเราอยู่ ม.6 กำลังจะจบ เข้าเรียนต่อมหาลัยละ ก็ช่วงปลายปี2005-ต้นปี2006 ช่วงนั้นอยู่ในช่วงที่เรากำลังเตรียมตัวไปเรียนต่อ(เราได้โควต้าสถาบันนึงในกรุงเทพฯ) เราฝันว่าเราขี่รถมอไซค์ ผ่านถนนหลังวัด แล้วพอถึงตรงที่เป็นเมรุเผาศพ ตรงข้างๆเมรุจะมีสถูปเจดีย์ ที่บรรจุกระดูกคนตายตั้งเรียงรายอยู่ ในฝันพอเราขี่รถมาถึงตรงนี้ ก็จะมีเด็กผมจุกเสื้อขาวโจงกระเบนเขียว กระโดดซ้อนท้ายเราทุกครั้ง ที่บอกว่าทุกครั้งเพราะเราฝันแบบนี้ติดต่อกันหลายวันมาก จนจิตเริ่มตก กลัวว่าจะเป็นลางไม่ดี เราเลยเล่าให้ย่าฟัง ย่าก็พาไปหาหลวงปู่ที่วัด เล่าความฝันให้หลวงปู่ฟัง หลวงปู่เลยให้เราพาไปตรงข้างเมรุตามในฝันอ่ะ เราก็พาไป ปรากฏว่า ไปเจอหุ่นปั้นกุมารทองโจงกระเบนเขียวนี่จริงๆ มันถูกวางไว้ใต้ต้นน้อยหน่าข้างๆเมรุนั่นแหล่ะ ทันทีที่เราเห็นก็ตกใจอ่ะ เหมือนเค้าดึงสายตาเราให้มองไปเจอเค้า หลวงปู่ให้เราหยิบกุมารทองขึ้นมา แล้วกลับไปที่กุฏิหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่า เค้าอยากมาอยู่กับเรา อยากให้เราเลี้ยง เค้าจะอยู่กับเรา8ปีแล้วเค้าจะไป เราก็ ห๊ะ!! 8ปีเลยหรอ ทำไมต้องเป็นเราด้วยอ่ะ เราไม่อยากเลี้ยง ไม่ได้กลัวนะ แต่เลี้ยงไม่เป็น...!!


...คืออารมร์ตอนนั้น ไม่กลัว แต่ไม่อยากรับมาเลี้ยงไว้ เพราะเราเลี้ยงไม่เป็น แล้วไหนจะต้องเข้ากรุงเทพฯมาเรียนต่ออีก จะให้เราเอาติดตัวมาด้วยหรือไง เราก็บอกหลวงปู่ว่า ไม่เลี้ยงได้มั๊ย คือไม่อยากเอาติดตัวไป แล้วก็เลี้ยงไม่เป็นด้วย หลวงปู่ก็บอกว่า ได้ งั้นให้ฝากเค้าไว้ที่หลวงปู่นี่แหล่ะ ให้เราตั้งชื่อเค้า หลวงปู่บอกว่าเค้าเป็นเด็กผู้หญิง เราเลยตั้งชื่อว่า "น้อยหน่า" ตามที่เราเจอเค้าใต้ต้นน้อยหน่า หลังจากนั้น หลวงปู่ก็จับน้อยหน้าขึ้นไปแล้วก็สวดมนต์ขมุบขมิบ เราก็ฟังไม่รู้เรื่อง เสร็จแล้วก็ให้เราเอาน้ำมนต์ ตักมาราดตัวน้อยหน่า เช็ดตัวให้เค้าแล้วก็หาแป้งมาทา เอานมเอาน้ำมาให้ หลวงปู่เก็บน้อยหน่าไว้ในกุฏิ หลังจากนั้นเราก็กลับบ้าน จนกระทั่งเราเข้ากรุงเทพฯมาเรียนต่อ ก่อนเข้ากรุงเทพฯ เราฝันเห็นน้อยหน่า มาบอกเราว่าให้ไปหาหน่อย ตอนเช้าก่อนไปกรุงเทพฯ เราก็ไปบอกน้อยหน่าที่วัดว่า จะไปอยู่กรุงเทพฯแล้วนะ ช่วยคุ้มครองด้วยนะ อยู่กับหลวงปู่อย่าดื้อนะ


.....จนเรามาเรียนกรุงเทพฯ ก็ลืมๆกุมารทองน้อยหน่าไป แต่เรารู้สึกว่า น้อยหน่าจะช่วยดูแลเราในเรื่องของการเดินทางบ่อยๆ มีครั้งนึง เราจะไปเที่ยวเชียงใหม่ ไปรถไฟนี่แหล่ะ แล้วน้อยหน่าเหมือนมาทำให้เรากังวลใจ ทำให้เราลืมของ จนพลาดรถไฟเที่ยวที่จองไว้ ปรากฏว่ารถไฟขบวนนั้นไปตกรางแถวขุนตาล แต่เราคิดว่าคงเป็นความบังเอิญมากกว่า แต่ก็อดคิดถึงน้อยหน่าไม่ได้ แล้วทุกๆสงกรานต์ เราจะซื้อของเล่น ซื้อกุมารทองตัวใหม่ไปเปลี่ยนให้น้อยหน่า เพราะเค้าจะมาเข้าฝันเราว่า อยากเปลี่ยนไปใส่ชุดสีอะไร เราก็จะไปหาซื้อหุ่นปั้นกุมารทองที่ใส่ชุดสีที่น้อยหน่าต้องการ เอาไปเปลี่ยนให้


....จนปี2556 เราเจอน้อยหน่าปี2549 ปี2556ก็ครบ8ปีพอดี เราลืมไปแล้วด้วยเรื่องครบ8ปีแล้วเค้าจะไปเนี่ย จนเราเรียนจบ รับปริญญาเรียบร้อย คืนนั้นจำได้ว่า เค้ามาเข้าฝันเรา บอกว่าจะไปแล้วนะ แต่ไม่ได้บอกว่าไปไหน ไปเกิดหรือไปไหนเค้าไม่ได้บอก เค้าบอกแต่ว่า ต่อไปนี้ดูแลตัวเองดีๆ ให้สวดมนต์ให้เค้าทุกวันด้วย เราจำความฝันได้แค่นี้แหล่ะ พอตื่นมา เรามานั่งร้องไห้ ความรู้สึกมันเหมือนสูญเสียอะไรไปจริงๆอ่ะ เราหาวันว่างๆกลับบ้าน ไปหาหลวงปู่ หลวงปู่บอกว่า น้อยหน่าไปแล้ว ให้เราเอาน้อยหน่าไปเผา เราถือหุ่นกุมารทองน้อยหน่าไปเผาหลังวัด ร้องไห้เลย มันเหมือนผูกพันกัน แล้วตั้งแต่นั้นมาเราก็ไม่ฝันถึงเค้าอีกเลย จนทุกวันนี้ แต่ก็ไม่ลืมเค้านะ ยังนึกถึงอยู่บ้าง.....

ปล. สำหรับใครที่อยากรู้ว่าเวลาน้อยหน่ามาเข้าฝันเรา เค้ามาในรูปแบบไหน เราบอกเลยว่า จำไม่ได้เลย เหมือนเค้าไม่อยากให้เรามีภาพจำของเค้า เราสารภาพเลยว่าเราจำน้อยหน่าตอนมาเข้าฝันไม่ได้เลยซักครั้ง แม้กระทั่งโทนเสียงที่เค้าพูดกับเราในฝัน

ไม่มีความคิดเห็น