สยองห้องพักชัน4 ที่
เรื่องราวของคุณตี๋เป็นเรื่องจริงที่รุ่นน้องคนหนึ่งของเขาชื่อบี เธอมีอาชีพแอร์โฮสเตจสายการบินแห่งหนึ่ง เธอต้องบินไปฮ่องกง ประมาณ 2วัน1คืน เธอออกเดินทางไปกับพี่สาวคุณเอเดินทางไปจากประเทศไทย ทั้งคู่นัดกันไปเจอที่ฮ่องกง บีเดินทางมาจากโดฮา (เป็นเมืองหลวงของกาตาร์อยู่แถวๆ
อ่าวเปอร์เซีย) เนื่องจากเป็นธุระด่วนทั้งคู่ก็ไม่ได้ทำการจองโรงแรมในฮ่องกงเอาไว้ ทั้งสองคนนั้นกะเอาไว้ว่าไปทำธุระในวันอังคารนอน 1 คืนวันรุ่งขึ้นธุระจะเสร็จในช่วงบ่าย แล้วก็จะเดินทางกลับประเทศไทยพร้อมๆกัน พอทั้งคู่ได้เจอกันแล้ว ทั้งสองคนก็มุ่งหน้าเข้าสู่เขตจอร์แดนซึ่งสถานที่ที่จะไปทำธุระนั้นก็อยู่ในบริเวณนั้นเอง
ในระหว่างทางที่กำลังเดินทางด้วยรถไฟจากสนามบิน บีก็เปิดโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเช็คโรงแรมบริเวณนั้นว่ามีโรงแรมอะไรว่างบ้างและแล้วก็ได้ชื่อมาโรงแรมหนึ่ง ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับบริเวณชั้นที่จะไปทำธุระด้วย พอไปถึงก็มุ่งหน้าไปที่โรงแรมดังกล่าวโดยทันที โรงแรมแห่งนั้นเป็นโรงแรมขนาดเล็กมีมาตรฐานประมาณซัก 3 ดาว โดยตำแหน่งที่ตั้งของโรงแรมนั้นก็ตั้งอยู่กลางซอย กลางแหล่งช้อปปิ้ง มีผู้คนขวักไขว่ไปมามากมาย ดูแล้วไม่น่ากลัว แถมราคาก็ไม่แพง ทั้งคู่ก็เลยตกลงเลือกโรงแรมนี้เป็นที่พัก ห้องพักที่ทั้งสองคนได้นั้นตั้งอยู่ชั้น 4 เลขที่ 414บรรยากาศภายในของโรงแรมนั้นเก่ามาก แต่ว่าได้รับการตกแต่งใหม่ ก็ทำให้ดูดีขึ้นในระดับหนึ่ง ลิฟท์โดยสารจากล็อบบี้นั้นยังเป็นลิฟท์แบบเก่า อาศัยขึ้นลงได้ไม่เกิน 4-5 คน อย่างที่บอกไปว่าโรงแรมนั้นเป็นโรงแรมเล็กๆ ลิฟท์นั้นขึ้นได้ถึงแค่ชั้น 3 พอลิฟท์จอด ก็ต้องเดินเลี้ยวขวาไป แล้วขึ้นบันไดเดินมุ่งหน้าสู่ชั้น 4
โถงทางเดินกลางนั้นเป็นโถงแคบๆ เดินผ่านไปอีก 2-3 ห้องขวามือก็จะเป็นห้องซักล้าง ซึ่งประตูนั้นถูกเปิดทิ้งเอาไว้ คาดว่าแม่บ้านอาจจะกำลังทำธุระอยู่ด้านใน ซึ่งห้องตรงข้ามกับห้องซักล้างก็คือห้องหมายเลข 414 พอทั้งสองคนเปิดประตูและก้าวเข้าไปภายในห้องนั้นซ้ายมือคือเตียง ขวามือเป็นกำแพง ถัดออกไปด้านขวาก็จะเป็นตู้และโต๊ะ แต่ที่แปลกมากก็คือด้านตรงกันข้ามกับประตูทางเข้าห้องนั้นแทนที่
จะเป็นระเบียง กลับกลายเป็นประตูเข้าห้องน้ำ ขอให้นึกภาพตามนะ ซ้ายมือในห้องนั้นจะเป็นเตียงเล็ก 2 เตียงติดกันถัดมาจะเป็นช่องว่างแล้วก็จะมีโต๊ะตัวเล็กซึ่งวางโคมไฟเอาไว้ตั้งคั่นอยู่ เถิบบอกไปจะเป็นเตียงเล็กอีก 1 เตียง เท่ากับว่าห้องนี้ใช้สำหรับนอนได้ 3 คน ซึ่งเตียงเล็กนั้นจะตั้งอยู่ติดผนังด้านฝั่งของห้องน้ำ ด้านปลายเตียงก็จะเป็นหน้าต่างซึ่งเป็นบานกระจกแบบเก่า
ทั้ง 2 คนหลังจากเช็คห้องแล้วก็คุยกันว่าโรงแรมนี้เก่า และก็เหมือนว่าชั้น 4 ที่ทั้งคู่มาพักนั้น ดูแล้วแต่เดิมอาจจะไม่ใช่ห้องพักแบบโรงแรม น่าจะมาทำการดัดแปลงในภายหลัง บีนั้นตั้งแต่ก้าวเข้ามาในห้องก็เริ่มจะรู้สึกแปลกๆ เธอบอกว่าได้กลิ่นอะไรสักอย่างซึ่งมันไม่ค่อยจะปกตินัก แต่เนื่องด้วยว่ามาครั้งนี้นั้นมาทำธุระอย่างเดียว ทั้ง 2 คนจึงวางข้าวของลงแล้วก็รีบออกจากห้อง มุ่งหน้าไปทำธุระแถวบริเวณโรงแรม กว่าจะเสร็จธุระก็ตกประมาณ 2 ทุ่ม หลังจากทั้งคู่เดินซื้อของนิดหน่อย กินข้าว ก็เดินกลับเข้าโรงแรมเป็นเวลา 3 ทุ่มกว่าๆ ทั้งสองคนก็ผลัดกันเข้าไปอาบน้ำ โดยที่เอเข้าไปอาบก่อนแล้วก็ออกมาเลือกเตียงแรกติดกำแพง ซึ่งใกล้กับประตูทางเข้าห้อง เป็นเตียงของเอ บีอาบน้ำออกมาทีหลัง เลือกนอนที่เตียงถัดมา เนื่องจากบีนั้นก่อนที่จะเดินทางมาที่นี่ก็ทำงาน แล้วก็บินมุ่งหน้ามาทันที ทำให้วันนี้รู้สึกร่างกายเหนื่อยล้ามาก บีหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาตั้งนาฬิกาปลุกเอาไว้ ตัวเธอเองจำได้ว่าแบตในโทรศัพท์มือถือนั้นเหลือเกินกว่า 80% จึงไม่ชาร์จ วางทิ้งไว้ที่หัวเตียงใกล้ๆกับโคมไฟ โดยที่หัวเตียงนั้นทั้งสองคนได้ปล่อยว่างเอาไว้ เวลาก็ผ่านไปเพียงแค่พักเดียวเท่านั้น ทั้งคู่ก่อนที่จะเข้านอนก็เปิดไฟ
หัวเตียงเอาไว้โดยที่ปิดไฟในห้องทั้งหมดรวมไปถึงทีวีก็ปิดแล้ว
ช่วงกลางดึกคืนนั้นบีรู้สึกหิวน้ำแล้วก็อยากเข้าห้องน้ำ จึงลุกขึ้นมาเดินไปเข้าห้องน้ำ พอกลับมานั่งที่เตียงก็หยิบน้ำมาดื่ม ระหว่างนั้นบีก็ต้องตกใจจนทำขวดนั้นน้ำที่ถืออยู่หก เนื่องจากว่าทีวีนั้นตอนนี้กำลังฉายอยู่ เป็นช่องการ์ตูนช่องหนึ่ง โดยที่เสียงนั้นตอนก่อนจะนอนเปิดเอาไว้เบาๆ 3-4 ขีดเท่านั้น แต่ในขณะนี้ทีวีกำลังดังขึ้นเรื่อยๆ บีมองไปที่ทีวีเห็นได้ชัดเจนว่าแถบเพิ่มเสียงสีเขียวๆกำลังถูกกดขึ้น แถบเสียงนั้นถูกกดเพิ่มขึ้นทีละขีด ทีละขีด เหมือนกับว่ากำลังมีใครใช้รีโมททีวีกดเพิ่มเสียงอยู่ในขณะนั้น บีสอดส่ายสายตามองหารีโมททีวี ซ฿ึ่งก็มองเห็นแล้วว่าถูกวางเอาไว้ที่เตียงว่างที่อยู่ติดห้องน้ำ โดยที่ไม่มีวัตถุอะไรกดอยู่บนรีโมทเลย ในระหว่างที่บีกำลังตกใจอยู่นั้นก็คิดได้ว่ารีบหยิบรีโมทมาเบาเสียงก่อนดีกว่า
ในระหว่างที่เธอกำลังเอื้อมมือไปยังเตียงว่างที่ติดผนังฝั่งห้องน้ำนั้น จู่ๆไฟหัวเตียงที่มีเปิดอยู่เพียงแค่ดวงเดียวก็กำลังค่อยๆหรี่ลง แล้วก็สว่างวูบขึ้นมา และดับลงในที่สุด บีกำลังตกใจรีบหยิบผ้าขึ้นมาคลุม ขณะนี้ทั้งห้องเหลือไฟแค่เพียงทีวีเท่านั้น เสียงทีวีที่ถูกเร่งจนเกือบสุดก็ค่อยๆลดลงๆ จนเหลือเพียง 2-3 ขีด เหมือนที่บีตั้งค่าไว้ก่อนที่จะนอน บีตกใจมากรีบหันไปทางซ้ายมือหยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมาพยายามที่จะกดเปิดไฟ แต่ว่าสิ่งที่เธอเห็นก็คือ แบตโทรศัพท์ขณะนี้นั้นหมดเกลี้ยง บีหันหน้าไปทางขวามือซึ่งเอพี่สาวของเธอกำลังนอนหลับไม่รู้เรื่องอยู่ ก่อนที่เธอจะปลุกพี่สาวสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น พี่เตียงว่างฝั่งตรงข้ามมีเสียงเด็กผู้ชายกำลังหัวเราะ บีหันไปมองเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งอายุไม่เกิน 8-9 ขวบ กำลังนั่งอยู่บนเตียง นั่งหัวเราะและก็มองทีวีไปด้วย และช่วงเวลาแค่พักเดียวเด็กคนนั้นก็ลุกขึ้นเดินลงมาจากเตียงมุ่งหน้าไปลากเก้าอี้ที่วางอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง
ณ วินาทีนั้นไฟในห้องไม่ติดสักดวง มีแค่ไฟในทีวีเท่านั้น บีจึงมองเห็นเด็กคนนั้นแบบลางๆไม่ชัดเจนมากนัก แต่ว่าเด็กคนนั้นกำลังลากเก้าอี้ไปที่ขอบหน้าต่าง ก่อนที่บีจะทำอะไรถูกเด็กผู้ชายคนนั้นก็ปีนขึ้นไปบนเก้าอี้ เปิดกระจกออกไป ทำท่ายักแย่ยักยัน แล้วก็พลัดตกจาก หน้าต่างนั้นหายไป หลังจากนั้นไฟหัวเตียงก็กลับติดขึ้นมาใหม่ บีรู้แล้วว่าตัวเองกำลังเผชิญอยู่กับอะไร จึงล้มตัวลงหันหน้าไปทางพี่สาวแล้วรีบคลุมโปงนอน เวลาในขณะนั้นตี 4 แล้ว เธอคิดว่าอีกที่ไม่กี่ชั่วโมงก็จะเช้า ทนอีกแค่แป๊บเดียว แต่ว่าสิ่งที่เธอต้องทนรอจนกว่าจะเช้า ก็คือมีเสียงเคาะรอบทั่วทั้งห้อง ทั้งหน้าประตู หน้าประตูห้องน้ำ ริมกระจกด้านนอก บริเวณหัวเตียง เสียงนั้นเหมือนเสียงคนมาไล่เคาะดังวนไปวนมาประมาณสักชั่วโมงหนึ่ง เสียงทุกอย่าก็หยุดลง
ประมาณซัก 6 โมงเช้าเอก็รู้สึกตัวตื่น ส่วนบีนั้นยังคงไม่ได้นอน ทั้งคู่รีบอาบน้ำแต่งตัวออกไปนั่งที่ล็อบบี้ แล้วบีก็เล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟัง เอรู้แค่เพียงว่ามีเสียงเหมือนกับใครมาเคาะอยู่รอบห้อง ทั้งสองคนจึงตัดสินใจเช็คเอาท์ทันที แล้วทั้งคู่ก็ได้รับคำเฉลยว่าห้องนั้นเคยเกิดอะไรขึ้น จริงๆแล้วห้องที่อยู่ชั้น 4 นั้นเคยเป็นที่พักของพนักงานมาก่อน ก็คือพนักงานซักล้างที่อยู่ห้องตรงกันข้ามนั่นแหละ เธอเอาลูกชายมาทำงานด้วย และลูกชายนั้นเกิดซนปีนเล่นอยู่บริเวณหน้าต่าง แล้วก็เกิดอุบัติเหตุตกลงมาเสียชีวิต โดยที่ลูกชายนั้นกำลังดูการ์ตูนอยู่ แล้วก็ทำตามเลียนแบบตัวการ์ตูน จนกระทั่งเกิดเหตุโศกนาฏกรรมขึ้น...
Post a Comment