ผีปากฉีกบนแพร
เรื่องของจากคุณวิน จากประสบการณ์ไปเที่ยวแพรที่เขาต้องจดจำไปตลอดชีวิต เมื่อเขาคนเดียวในกลุ่มที่ไปเที่ยวพบกับ วิญญาณหญิงปริศนาที่เข้าไม่ทาบมาก่อนว่าเธอต้องการอะไร การเที่ยวควรมีของหรือพกของไปด้วย เพราะจะช่วยคุณได้เมื่อต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ และยังช่วยปกป้องคุณได้จากวิญญาณชั่วร้าย
เรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้วินไม่เคยลืมเหตุการณ์นั้น เมื่อสมัยยังเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 ก็ผ่านมาได้ 5-6 ปีแล้ว ตอนนั้นวินอายุประมาณ 18-19 ปี เนื่องจากในช่วงเวลานั้นวินและเพื่อนกำลังใกล้จะจบมัธยมปลาย ทุกคนจึงรวมตัวกันประมาณ 15 คน ตกลงไปเที่ยวแพที่จังหวัดกาญจนบุรีเป็นเวลา 2 วัน 3 คืน เด็กๆทั้งกลุ่มก็ได้เดินทางกันโดยรถไฟ หลังจากที่ไปถึงก็ขึ้นรถสองแถวเข้าไปอีก ต้องบอกก่อนว่า
วินและเพื่อนไม่ได้มีการจองแพไว้ล่วงหน้าเลย ทุกคนกะว่าจะไปหาเช่าแพกันหน้างาน แล้วในช่วงเวลานั้นก็เป็นช่วงเทศกาลพอดี พอทุกคนไปถึงก็เดินลงไปถามทีละแพ ทีละแพ ต้องวนถามกันหลายเจ้าอยู่ จนกระทั่งได้แพเจ้าหนึ่ง เด็กๆทุกคนด้วยความที่อยากเที่ยวก็ไม่ได้ถามอะไรมากตอบตกลงทันทีที่มีแพว่าง
วินและเพื่อนก็เลยช่วยกันยกของลง เอาของขึ้นแพ ในช่วงที่กำลังยกของลงไปที่แพอยู่นั้น วินเดินอยู่คนสุดท้าย ซึ่งทางลงแพจะเดินได้คนเดียวเพราะเป็นทางเล็กๆแคบๆ ในตอนนั้นเองที่วินชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง วินจึงหันหน้าไปมอง เธอคนนั้นก็กำลังมองมาที่วินพอดี หญิงสาวคนนี้เธอเป็นผู้หญิงที่มีหน้าตาสวย แต่ว่าสายตาของเธอนั้นกำลังมองไปที่วินด้วยความไม่พอใจ และก็รู้สึกน่าขนลุกมาก แต่ด้วยความที่วินกำลังจะไปสนุกสนานกับเพื่อนๆ วินจึงขอโทษเธอแล้วก็เดินจากไปโดยที่ไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากนั้นทุกคนก็เดินลงไปที่แพกันเรียบร้อยแล้วแพก็ค่อยๆล่องออกไปจากที่จอด เนื่องด้วยเป็นช่วงเทศกาล ที่จอดก็เลยไม่ค่อยจะมีนัก พี่ที่ขับเรือก็เลยบังคับเรือไปจอดอยู่ที่ที่หนึ่ง ซึ่งที่ที่ไปจอดแพนั้นจะอยู่บริเวณใกล้กับน้ำตก แต่ว่าสิ่งที่แปลกใจก็คือ ไปจอดรถติดกับแพเก่าๆแพหนึ่ง และแพนั้นก็ไม่มีใครอยู่เลย สภาพไม้เก่ามาก เก่าจนดูแล้วถ้าเกิดมีใครไปเหยียบแพมันอาจจะหักหรือว่าพังลงได้ โดยที่คนขับเรือก็จอดให้หน้าแพของกลุ่มวินกับแพเก่านั้นมันหันหน้าชนกันพอดี ด้วยความที่เด็กๆเป็นกลุ่มวัยรุ่นวัยคะนอง ก็เลยไม่มีใครมีปัญหาอะไร
จนกระทั่งเวลาผ่านเข้าสู่ช่วงพลบค่ำ พอค่ำแล้วทุกคนก็สังสรรค์ดื่มดื่มกัน โดยที่นั่งรวมกันเป็นวงกลม เล่นดนตรีร้องเพลงกันไปตามปกติ และต้องบอกก่อนเลยว่าตัวของวินเองเป็นคนที่ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้วินนั้นมีสติสัมปชัญญะครบถ้วน แต่ว่าเรื่องก็เกิดขึ้นจนได้ ตอนเวลาประมาณสักเที่ยงคืน คืนนั้นเป็นวันที่พระจันทร์สว่างมาก ในระหว่างที่กลุ่มวินกำลังสังสรรค์กันอยู่นั้น วินก็นั่งพิงผนังห้อง โดยที่วินนั้นนั่งหันหน้าไปทางแพเก่าที่จอดอยู่ข้างๆกันพอดี เนื่องจากแสงจันทร์ที่ค่อนข้างส่องสว่างในคืนนั้น สายตาของวินก็มองไปเรื่อย จนกระทั่งไปมองที่แพเก่า สิ่งที่วินกำลังมองเห็นอยู่ในเวลานี้ก็คือ ขาของใครคนหนึ่งโดยแสงจันทร์ส่องเฉียงเข้ามา ทำให้เห็นช่วงขาของใครคนหนึ่งยืนอยู่ตรงบริเวณประตูห้องของแพเก่านั้น พอวินมองเห็นก็เลยสะกิดถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆว่า "เห็นอะไรไหม" แต่เพื่อนก็ตอบกลับมาว่า "ไม่"วินก็จ้องมองอยู่นานพอสมควร ในตอนแรกนั้นวินคิดว่าอาจจะเป็นมู่ลี่ที่เป็นรูปคน และด้วยความที่เพื่อนนั่งอยู่กันเยอะ วินก็เลยยังไม่ได้คิดมาก แล้วเวลาก็ล่วงผ่าน ดวงจันทร์นั้นก็ส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ วินเดินเข้าห้องไปพักหนึ่งแล้วก็ออกมาใหม่ นั่งลงคุยกับเพื่อนได้พักเดียวเท่านั้น
สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น แสงจากพระจันทร์ที่ส่องเฉียงสูงขึ้นตรงบริเวณของประตูแพเก่านั้น มันก็ทำให้วินถึงกับตัวชาไปชั่วขณะวินเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ผมสั้น ใส่กางเกงยีนส์ขาสั้น ยืนตระหง่านอยู่ตรงประตูของแพเก่า แต่ว่าแสงจันทร์ที่กำลังส่องอยู่นั้น ส่องเฉียงถึงบริเวณคอของเธอ และสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีก เธอคนที่ยืนอยู่ตรงประตูแพเก่านั้นกำลังค่อยๆยื่นหน้าเข้ามาหาตรงบริเวณที่แสงจันทร์นั้นส่องมาถึงใบหน้าของเธอนั้นเปียกชุ่มไปหมดทั้งหน้า เหมือนกับเธอรับรู้ได้แล้วว่าวินกำลังมองเธออยู่ แต่ว่าสิ่งที่ทำให้วินนั้นตกใจช็อคจนถึงที่สุดก็คือปากที่ฉีกยิ้มกว้างถึงหูและดวงตาที่ไม่มีหนังตา เธอกำลังค่อยๆบิดคอ โยกซ้ายทีขวาที โยกไปมา วินนั้นช็อคทันทีกับภาพเบื้องหน้า ได้แต่หงายหลังพิงผนังห้อง แน่นหน้าอกหายใจไม่ออก วินก็เลยบอกกับเพื่อนๆ กลุ่มเพื่อนนั้นเห็นอาการไม่ดี ก็รีบวิ่งเข้ามาล้อมดู บางคนก็ไปหายาดมมาให้ บางคนก็เริ่มที่จะโวยวาย และแล้วสิ่งที่ทำให้วินถึงกับต้องอ้าปากทางนั้นก็คือ ในช่วงที่เพื่อนกำลังวิ่งเข้ามารุมล้อมอยู่นั้นมันจะมีช่องว่างระหว่างเพื่อนคนหนึ่งกับเพื่อนอีกคนหนึ่ง จู่ๆก็มีใบหน้าหนึ่งโผล่ขึ้นมา ทำเอาวินถึงกับสลบไป เนื่องจากใบหน้านั้นเป็นเธอคนเดิมนั่นแหละ เธอคนนั้นยื่นหน้าเข้าไปหาวินโดยที่ใบหน้าของเธอเปียกแล้วก็เปื่อย เธอกำลังยิ้มแต่ว่ารอยยิ้มแล้วก็ดวงตานั้นน่ากลัวสุดขีด วินจึงสลบไปทันที
วินรู้สึกตัวตื่นอีกครั้งก็ประมาณ 10 โมง เพื่อนๆทุกคนก็มาถามด้วยความเป็นห่วงว่า เกิดอะไรขึ้น เป็นยังไงบ้าง วินก็รีบถามเพื่อนกลับไปว่าไม่เห็นอะไรกันเลยหรอ คำตอบที่ได้รับก็คือ ไม่มีใครเห็นอย่างที่วินได้เห็นเลย วินจึงร้องไห้แล้วก็ร้องจะกลับบ้านในทันที เพื่อนๆนั้นด้วยความเป็นห่วงก็ตกลงกลับกันทันทีเหมือนกัน ค่าแพก็ไม่เอาคืน ทุกคนอยู่กันได้แค่คืนเดียวจริงๆ เด็กทั้งกลุ่มรีบขึ้นแพกลับกันทันทีในระหว่างขากลับนั้นก็ได้แวะหาอะไรกินกัน วินจึงได้เล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อคืนให้กับเพื่อนๆทุกคนได้ฟัง ในระหว่างนั้นป้าที่ขายข้าวก็เดินตรงมาที่กลุ่มของวินเนื่องจากได้ยินสิ่งที่วินกําลังเล่าอยู่ แล้วป้าก็ถามขึ้นมาว่า "พวกหนุ่มๆเจอผู้หญิงผมสั้นกันด้วยหรือ" วินได้ยินแบบนั้นก็รีบตอบกลับไปว่า "ครับป้า เจอครับ"
คุณป้าที่ร้านขายข้าวก็เลยเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟังว่า เคยมีผู้หญิงคนไทยได้มาเที่ยวกับแฟนต่างชาติลงแพไป พอวันต่อมาก็มีคนพบศพผู้หญิงนอนตายลอยอยู่ใต้แพ ซึ่งแพที่ว่าก็คือแพเก่าที่กลุ่มของวินได้ไปจอดประจันหน้ากันนั่นเอง และนับตั้งแต่นั้นมาวินและเพื่อนๆก็ไม่ได้มีการนัดไปเที่ยวแพกันอีกเลย ในระหว่างตอนที่กับรถไฟนั้น วินนั่งทบทวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดดู แล้วก็ต้องพบกับความขนลุกอีกครั้งเมื่อวินนึกออกว่าตอนที่มาถึง วินกำลังเดินลงแพแล้วชนเข้ากับผู้หญิงคนหนึ่ง มานึกหน้าดูอีกที เธอคือคนเดียวกับคนที่เห็นโผล่หน้าเข้ามากลางกลุ่มเพื่อน แล้วก็เป็นคนเดียวกับที่ยืนอยู่บริเวณประตูแพเก่า..
Post a Comment