เปรตเมืองบึงกาฬ
เปรต แปลว่า ผู้ล่วงลับ ในทางศาสนาพุทธหมายถึง อมนุษย์พวกหนึ่งที่เกิดในเปตวิสัยซึ่งเป็น ๑ ใน ๔ อบายภูมิ เปรตมีหลายประเภท เช่นประเภทหนึ่งเรียกว่า ปรทัตตูปชีวิเปรต คือเปรตที่ดำรงชีวิตอยู่ได้ด้วยส่วนบุญที่มีผู้ทำอุทิศให้ หากไม่มีส่วนบุญที่มีผู้อุทิศให้ก็มักจะกินเลือดและหนองของตัวเองเป็นอาหาร โบราณมีความเชื่อที่ว่า ถ้าใครทำร้ายพ่อแม่ ชาติหน้าจะไปเกิดเป็นผีเปรต
เปรตตามความเชื่อไทย เป็นผี มีรูปร่างสูงเท่าต้นตาล ผมยาว คอยาว ผอมโซ ผิวดำ ท้องโต มือเท่าใบตาล แต่มีปากเท่ารูเข็ม และเปรตจะหิวอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากกินอะไรไม่ได้ จึงชอบมาขอส่วนบุญในงานบุญต่างๆ ซึ่งเมื่อสะสมบุญได้แล้วเกิดใหม่ชาติหน้าจะได้ไม่ต้องทุกข์ทรมานอย่างที่เป็นอยู่ ซึ่งจากลักษณะนี้ทำให้คำว่า เปรต กลายมาเป็นคำด่าในภาษาไทยที่หมายถึง คนที่อดอยากผอมโซ เที่ยวรบกวนขอเขากิน หรือเมื่อมีใครได้โชคลาภก็เข้ามาขอแบ่งปัน
เรื่องราวต่อไปนี้คุณวิน ได้พบเจอกับเปรตที่จังหวัดบึงกาฬครับลองไปชมกันเลยครับ
ปัจจุบันนี้วินอายุ 27 ปี พักอาศัยอยู่ย่านพระราม 2 มีประสบการณ์ตรงกับตัวเองอยากจะเล่าให้ฟัง แต่ว่าไม่ค่อยมีเวลาจึงส่งมาทางอีเมล์ ขอย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว วินได้มีโอกาสขับรถแท็กซี่แล้วก็ต้องไปเจอประสบการณ์ที่หลอนที่สุดขีดในชีวิต เรื่องของเรื่องก็มีอยู่ว่า วันนั้นวินมีลูกค้าคนหนึ่งที่เรียกใช้บริการของวินอยู่เป็นประจำ จะเป็นผู้หญิงอายุราวๆสัก 32 ปี ได้เรียกใช้ให้วินไปส่งที่ต่างจังหวัด
เนื่องจากเธอจะกลับไปอยู่บ้าน และเก็บของสำคัญเพื่อที่จะย้ายบ้านไปยังจังหวัดแห่งหนึ่ง วินจึงรับปากว่าจะไปส่ง จนมาถึงวันเดินทางวันนั้นวินก็ออกเดินทางจากกรุงเทพเวลาประมาณบ่าย 2 โมง มุ่งหน้าสู่จังหวัดแห่งหนึ่งระยะทางประมาณ 700 กว่า กม.ก็จะถึง รวมแวะที่ต่างๆแล้วเสร็จสรรพก็ไปถึงจังหวัดแห่งนั้นในเวลาประมาณตี 2 กว่า
เมื่อไปถึงแล้ววินก็ได้คุยกับผู้โดยสารที่เป็นคุนพี่คนนั้นว่าจะนอนที่ไหน พักอย่างไร ในตอนแรกนั้นพี่ผู้โดยสารก็แนะนำว่าให้เข้าไปนอนพักด้านในได้ แต่เนื่องจากผู้โดยสารที่มากันหลายคนล้วนแล้วแต่เป็นผู้หญิงทั้งหมด วินจึงเกิดความเกรงใจ ก็เลยบอกออกไปว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวนอนในรถเอาก็ได้ ที่จริงแล้วถ้าเกิดวินรู้ว่าวันนั้นจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จะกลับไปหาโรงแรมเปิดนอนเองจะดีกว่า คุณพี่ผู้หญิงผู้หญิงหลายคนก็ได้พยายามคะยั้นคะยอว่าสามารถไปพักนอนในบ้านได้เนื่องจากในบ้านมีกันอยู่หลายคนดูแล้วไม่น่าเกลียดอะไร แต่ว่าวินด้วยความเกรงใจจึงยืนยันว่าขอนอนในรถนี่แหละ
หลังจากที่คุยกันเสร็จสิ้นแล้วต่างคนก็ต่างแยกย้าย ส่วนตัวของวินนั้น ด้วยร่างกายที่เหนื่อยล้าจากการขับรถมานานก็เลยเดินกลับเข้าไปในรถ เอนเบาะลงด้านหน้าคนขับนอนหลับไปอยู่พักหนึ่ง จนกระทั่งวินสะดุ้งตื่นขึ้นมาเนื่องจากปวดฉี่ จึงลุกขึ้นเปิดประตูรถเพื่อจะไปหาห้องน้ำฉี่ ด้วยบรรยากาศที่น่าวังเวงมากๆ และก็แปลกที่อากาศในคืนนั้นร้อนอบอ้าวมากๆ ทั้งๆที่วินก็ได้จอดรถเอาไว้ริมถนนแล้วก็มีแต่ป่าไม้สองข้างทาง ไม่น่าจะเป็นบรรยากาศแบบนี้ได้เลย แต่ว่าวินก็ไม่ได้คิดอะไร เลยไปหาที่ฉี่ จนไปเจอข้างทางข้างต้นไม้ต้นหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างจากรถประมาณไม่ถึง 2 เมตร วินทำธุระเสร็จก็เดินกลับไปที่รถ ขณะที่วินจะเข้าไปนอนต่อก็หยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบ ระหว่างที่ยืนพิงรถสูบบุหรี่อยู่นั้นวินได้หันหน้าเข้าหาตัวบ้านก็ได้สังเกตเห็นว่าบริเวณหน้าบ้านทุกหลังแถวนี้จะมีเสาปักอยู่สูงมาก เสานั้นสูงเลยหลังคาบ้านไปนิดๆ คล้ายๆกับศาลอะไรสักอย่าง มีทั้งพวงมาลัยทั้งดอกไม้ห้อยอยู่เต็มไปหมด แล้วก็ยังมีบันไดขึ้นไปด้วย
ด้วยความสงสัย วินก็เลยเดินถอยออกมา แล้วเขย่งปลายเท้าดู ก็เห็นเป็นเครื่องเซ่นอะไรสักอย่างตั้งอยู่บนนั้น แต่ว่าก็ไม่ได้คิดอะไรมองไปโดยรอบทุกๆบ้านจะมีเหมือนกันทั้งหมด ในใจก็คิดว่าน่าจะเป็นศาลเจ้าที่ของบ้านทางจังหวัดนี้มั้ง วินก็เลยเดินกลับเข้าไปนอนในรถอีกรอบจนกระทั่งหลับไป ระหว่างที่นอนหลับอยู่นั้นวินก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากว่าวินรู้สึกได้ว่ารถนั้นกำลังสั่น เหมือนเวลารถสิบล้อวิ่งผ่านความรู้สึกเป็นแบบนั้นเลย วินจึงลุกขึ้นมาดูแต่ก็ไม่เห็นอะไร จึงไม่ได้สนใจเข้านอนต่อ หลับไปได้สักพักก็ต้องสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากครั้งนี้ได้ยินเสียงเหมือนกับว่ามีอะไรหล่นใส่หลังคารถ วินรีบลุกขึ้นออกไปดูแต่ก็ไม่เห็นอะไรอยู่ดี คราวนี้บรรยากาศเริ่มเย็นลงมาก เย็นแบบบอกไม่ถูก ไม่มีลมแต่ว่าเย็นมาก
วินเริ่มคิดแล้วว่ามันคืออะไร งงๆอยู่เหมือนกัน แล้วก็เดินกลับเข้าไปในรถเพื่อที่จะนอนต่อ ครั้งนี้วินหลับตานอนไปซักพักก็ได้ยินเสียงแต่ว่าเป็นเสียงคน กำลังเดินอยู่ข้างรถ เสียงเดินนั้นเดินอยู่รอบตัวรถ วินลืมตาขึ้นมาแล้วก็กวาดสายตาไปตามเสียงเดินรอบรถ แต่ก็ไม่เจออะไรเริ่มคิดมากแล้ว นอนไม่ได้แล้ว เพราะกลัว ครั้งนี้ไม่กล้าลงจากตัวรถเลย คิดในใจเอาว่าตัวเองน่าจะเจอดีเข้าให้แล้ว วินเริ่มสวดมนต์ในรถตัวสั่นเหมือนเป็นไข้ พอสวดเสร็จสิ่งต่างๆก็เงียบไปหายไปอยู่พักใหญ่ๆ ในใจก็คิดว่าไม่น่ามีอะไรอีกแล้ว จึงหลับตาลงเพื่อที่จะเข้านอนต่อเนื่องจากไม่ไหวแล้ว สภาพร่างกายนั้นอ่อนเพลียจากการขับรถมานาน ในขณะที่กำลังจะเคลิ้มหลับนั้น เอาอีกแล้ว เสียงมาอีกแล้ว คราวนี้วินพยายามข่มตา ตัวสั่นมาก กลัวมาก
แล้วอยู่ดีๆรถก็เขย่า เขย่าแบบแรงมาก แล้วในขณะเดียวกันนั้นวินก็ได้มองเห็นเหมือนเงาร่างใหญ่สะท้อนกับแสงไฟหน้าบ้านส่องผ่านมา เงานั้นเดินวนอยู่รอบนอกตัวรถ ลักษณะของเงาที่เห็นนั้นเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่ ตาแดง ผมยาวถึงดิน ตัวดำ แขนยาว ขายาว ยืนอยู่หน้ารถของวิน ตอนนั้นตกใจมาก ทำอะไรไม่ถูก ตัวสั่น เหงื่อไหลเต็มตัวไปหมด ได้แต่สวดมนต์ผิดๆถูกๆ พร้อมกับจ้องมองไปที่เงาร่างนั้นอยู่และแล้วร่างนั้นก็ได้หันมามองทางวิน บอกตรงๆว่าวินถึงกับฉี่ราด ในใจนั้นอยากจะวิ่งหนีออกจากรถ แต่ว่าก้าวขาไม่ออก ตัวแข็งทื่อ เนื่องจากสิ่งที่เผชิญหน้าอยู่ในขณะนี้มันคือเปรต เปรตจริงๆ เปรต ตรงตามลักษณะในหนังสือเหมือนที่เคยได้อ่านมา เปรตนั้นเดินมากินเครื่องเซ่น เครื่องเซ่นที่วางอยู่บนเสาด้านบนกำลังถูกเปรตกัดกิน ระหว่างนั้นวินก็ได้กวาดสายตาไปรอบๆบ้านแทบทุกหลัง วินเห็นเปรตหลายตัวตามหน้าบ้านของทุกหลังเลย วินาทีนั้นวินเหมือนกับช็อค อาการเหมือนคนจะเป็นลม หายใจไม่ออก ขนลุก ผมบนหัวนั้นตั้งชี้ฟู เกร็งไปทั้งตัว กลัวมากจนกระทั่งสลบไป
กระทั่งเช้าก็มีคุณพี่ผู้หญิงมาเปิดประตูรถ เขย่าปลุกวินจนกระทั่งตื่น ร้องลั่นด้วยความตกใจขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ด้วยความตกใจนั้นวินไม่พูดจาอะไร ใส่เกียร์ขับรถออกมาจากบริเวณนั้นทันที ออกมาได้ระยะหนึ่งก็ไปจอดพักเปลี่ยนกางเกงที่ปั๊มน้ำมันห่างจากจังหวัดนั้นมาไกลพอสมควร แล้วก็มีโทรศัพท์ดังขึ้น คุณพี่ผู้หญิงที่เป็นลูกค้าประจำกันนั้นโทรเข้ามาถามว่าเป็นอะไร ทำไมหนีออกมาอย่างนั้น วินก็เลยเล่าเรื่องราวทุกอย่างทั้งหมดที่เจอเมื่อคืนนี้ให้คุณพี่ได้ฟัง แล้วคุณพี่คนนั้นก็บอกว่าในจังหวัดนั้น ทุกๆวันก่อนวันโกนจะมีการบูชาผีกัน บูชาเครื่องเซ่นไหว้ที่ทำต่อๆกันมาในหมู่บ้านหลายสิบปีแล้ว ให้คอยดูแลหมู่บ้าน ใครที่มันทำอะไรไม่ดีก็จะเจอกันหมด
ตอนนั้นวินไม่แปลกใจแล้วว่าเสาต้นสูงๆนั้นคืออะไร และสิ่งที่วินเจอมาคืออะไร วินก็ได้คิดว่าเพราะตอนที่ไปฉี่รดต้นไม้ไว้หน้าบ้านโดยที่ไม่ได้ยกมือไหว้ หรือว่าขอขมานั้นแหละ วินช็อคมากๆ และหลังจากเหตุการคืนนั้น วินได้พบเจออะไรอะไรเยอะแยะมากมายเต็มไปหมดตอนขับรถในเวลากลางคืน จนกระทั่งต้องเลิกอาชีพขับรถแท็กซี่ไป ส่วนจังหวัดที่วินได้เจอเหตุการณ์นี้มาก็คือ จังหวัดบึงกาฬ
Post a Comment