เที่ยววัดร้าง!จับไข้ไปหลายวัน
เรื่องราวการท้าทายผีของคุณแมนและกลุ่มเพื่อนของเขาย้อนไปประมาณปี2005 เขายังเป็นวัยรุ่นวัยคะนอง รวมไปถึงเพื่อนของเขาด้วย พวกเขาไม่เคยเชื่อเรื่องผีวิญญาณเรื่องลี้ลับสักเท่าไหร่ ด้วยความคะนองของเขาและเพื่อนๆวัยรุ่นด้วยความเป็นต่างจังหวัดไม่มีอะไรให้ทำมาก เพื่อนคนหนึ่งจึงชวนเพื่อนๆออกไปท้าทายหาผีในยามวิกาล และพวกเขาก็สมใจอยาก ลองไปติดตามรับฟังเรื่องของเขากันเลยครับ
เรื่องราวและประสบการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดกับคุณแมนโดยตรง ย้อนหลังกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว ตอนนั้นแมนมีอายุเพียง 18 ปี ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงของวัยรุ่น ยอมรับว่าแมนไม่เคยเชื่อเรื่องภูติผีวิญญาณเลย แมนมีเพื่อนในกลุ่มที่มักจะไปไหนด้วยกันเสมอมีกันอยู่ทั้งหมด 7 คน แมนและเพื่อนๆนั้นอาศัยอยู่ใน จ.จันทบุรี ในวันที่เกิดเรื่องนั้นแมนก็ได้นั่งทานเข้าวอยู่กับเพื่อนๆ พอถึงเวลากลับประมาณซักตี 2 ระหว่างทางนั้นต้องผ่านวัดร้างแห่งหนึ่ง เพื่อนคนนึงในกลุ่มชื่อว่าเอ ก็ได้ทักขึ้นว่า "เห้ย พวกเรา เขาว่าวัดร้างแห่งนี้ผีดุ ลองแวะดูกันซะหน่อยมั้ย" เพื่อนทุกคนได้ยินแบบนั้นก็เฮโลตามกัน เห็นด้วยกับคำชวนของเอ
แมนซึ่งเป็นคนขับรถก็ได้ทำการเลี้ยวรถเข้าที่ซุ้มประตูวัดนั้น พอทุกคนเข้าไปถึง สภาพวัดแห่งนั้นดูแล้วน่าจะรถร้างมานานหลายสิบปี ถึงแม้ว่าตัววัดจะติดถนนใหญ่ก็ตามที แต่ว่ามีหญ้าขึ้นรกครึ้มเกือบจะท่วมหัว แมนก็ได้ขับรถไปจอดที่หน้ากุฏิแห่งหนึ่งซึ่งเป็นกุฏิไม้ 2 ชั้น พอจอดรถเสร็จแมนดับเครื่องยนต์ เพื่อนทุกคนก็พากันลงจากรถ พอดับไฟหน้ารถทุกอย่างรอบตัวนั้นมืดมาก มืดจนมองกันแทบไม่เห็น แต่ว่าในรถของแมนมีไฟฉายอยู่ซึ่งไฟฉายนั้นเป็นแบบชาร์จ ก็สามารถให้แรงไฟได้ดีแล้วก็มองได้ไกลมาก พอแมนเปิดไฟฉายเจ้าเอก็บอกว่าเริ่มต้นที่กุฏินี้กันก่อนเลยแมนและเพื่อนๆก็ค่อยๆเดินขึ้นไปชั้นบน ตัวของกุฏินั้นมีสภาพที่เก่าแก่มาก ทุกคนต้องเดินกันด้วยความระมัดระวังเนื่องจากกลัวพื้นไม้กระดานจะหักลงไปชั้นล่าง ในระหว่างที่ทุกคนกำลังเดินสำรวจกันอยู่นั้น เอก็พูดท้าทายไปด้วยตลอดเวลา
กุฏิหลังแรกนั้นสำรวจจนทั่วก็ไม่มีอะไร ทุกคนเลยเดินลงกันมาแล้วมุ่งหน้าเดินไปที่ศาลาการเปรียญหลังใหญ่ ซึ่งมีขนาด 2 ชั้นแล้วก็สร้างด้วยปูน ทุกคนเดินขึ้นไปถึงชั้นบน ศาลาหลังนี้ใหญ่พอสมควร ลักษณะดูแล้วน่าจะเอาไว้ให้ญาติโยมมาทำบุญกันในวันพระ เลยด้านในสุดของศาลาเข้าไปมีห้องลักษณะเป็นห้องพักทั้งหมด 3 ห้อง เอเป็นคนถือไฟฉาย แล้วก็ได้สาดแสงไฟไปทางบริเวณนั้นแว็บนึง แสงไฟจากกระบอกไฟฉายได้สาดเลยไปแล้ว แต่ว่าเอก็ต้องฉายไฟกลับไปทางเดิมใหม่เนื่องจากว่าเหมือนกับไปเห็นวัตถุบางอย่าง พอฉายไฟฉายกลับไปก็มีร่างร่างหนึ่งปรากฏอยู่เบื้องหน้าของทุกคน เจ้าของร่างที่กำลังถูกแสงจากไฟฉายกระทบอยู่นั้นเป็นพระภิกษุสงฆ์รูปหนึ่งที่มีลักษณะชราภาพมาก
เอที่ปากไวที่สุดก็ร้องทักไปว่า "ขอโทษครับ พวกผมนึกว่าวัดร้างไม่มีพระอยู่ ยังไงก็ขอโทษด้วยนะครับ" เพื่อนอีกคนที่ชื่อว่าเจมอยู่ๆก็ร้องแทรกขึ้นมาว่า "อุ้ย! มดกัดขาๆ มดอะไรกัดไม่รู้" เอก็เลยหันไฟไปส่องที่ขาของเพื่อนแต่ก็ไม่พบอะไร ไม่มีรังมด ไม่มีตัวอะไรผิดปกติ ก็เลยหันไฟกลับไปที่พระรูปนั้น แต่ว่าพระรูปนั้นไม่ได้อยู่ต่ออีกแล้ว มันเป็นช่วงเวลาแค่แว๊บเดียว ถ้าเกิดบอกว่าเป็นคนหลวงตาก็ต้องมีความไวมากกับศาลาหลังใหญ่แล้วก็กว้างขนาดนี้ และอีกอย่างหนึ่ง ท่านดูแล้วก็ชราภาพมากไม่น่าจะเดินได้เร็วขนาดนั้น เจ้าเอมองไม่เห็นก็เลยร้องเรียก "หลวงตาครับ หลวงตาครับ หายไปไหนแล้ว ไวจริงๆเลย คนหรือผีกันแน่เนี่ย" พอเจ้าเอพูดจบทุกคนในกลุ่มรวมทั้งแมนก็ต้องสะดุ้งขึ้นสุดตัวด้วยความตกใจเพราะมีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้อง "พวกหนูมาทำอะไรกันที่นี่"
ทุกคนทั้งกลุ่มก็หันไปมองตามเสียงนั้น ลักษณะเป็นผู้หญิงอายุประมาณซัก 50 ปี นุ่งขาวห่มขาวแบบคนที่มาปฎิบัติธรรมแต่ไม่ได้โกนหัว เดินขึ้นมาตามทางที่พวกเราเพิ่งจะเข้ามา เอก็พูดออกไประโยคเดิมเหมือนตอนที่พูดกับหลวงตาว่า "ขอโทษนะครับ พวกผมไม่รู้ นึกว่าเป็นวัดร้างไม่มีใครอยู่" ชีพราหมคนนั้นก็พูดพร้อมกับเดินก้าวเข้ามาใจความดังนี้ "พวกแกจะมาลองดีอยู่แล้วไม่ใช่หรือ" แล้วก็หัวเราะ ชีพราหมคนนั้นก็ค่อยๆขยับเท้าก้าวเข้าหาคนทั้งกลุ่มพร้อมด้วยเสียงหัวเราะที่ดังสนั่นหวั่นไหวไปทั้งศาลา และปากของแกก็ค่อยๆกว้างขึ้น กว้างขึ้น จนติดใบหู แมนและฃเพื่อนทั้งกลุ่มนั้นเห็นกันหมดเต็ม 2 ตา ทุกคนตกอยู่ในอาการอึ้ง ช็อค ก้าวขาวิ่งกันแทบไม่ออก พอตั้งสติได้ก็ต่างคนต่างวิ่งกันแบบไม่คิดชีวิต
พอทุกคนวิ่งไปถึงชั้นล่าง กำลังจะวิ่งมุ่งหน้าไปที่รถซึ่งจอดเอาไว้ เอก็ได้ส่องไฟฉายไปกระทบกับร่างร่างหนึ่ง ซึ่งก็คือหลวงตาผู้ชราภาพรูปเดิมนั่นเอง หลวงตาที่ตอนแรกหายไปนั้น ในขณะนี้กำลังยืนอยู่หน้ารถ มือหนึ่งเท้าสะเอว อีกมือก็ยกขึ้นมาชี้ไปทางพวกของแมน ทำให้ทุกคนที่กำลังวิ่งๆมาอยู่นั้นต้องหยุดชะงักลง ไม่มีใครในกลุ่มกล้าวิ่งไปที่รถต่อ บางคนหันหลังให้กับรถเนื่องจากไม่อยากเห็นพระชรารูปนั้น พอเอผู้ที่กำลังถือไฟฉายหลังหลังกลับไปทางศาลาการเปรียญด้วยนั้น ก็ต้องพบกับแม่ชีคนเดิมกำลังเดินหัวเราะแล้วก็ก้าวขาลงบันไดมา ปากฉีกกว้างถึงใบหู และก็เสียงหัวเราะที่ดังสนั่นหวั่นไหวนั้นชวนขนลุกขนพองมาก
แต่ว่าที่น่ากลัวมากไปกว่านั้นก็คือ ยังมีพระภิกษุอีก 2 รูปกำลังเดินตามหลังแม่ชีลงมา พอทั้งหมดลงมาถึงที่พื้นดินชาย 2 คนที่มีลักษณะเหมือนกับพระที่อยู่ด้านหลังแม่ชีนั้นก็ค่อยๆสูงขึ้นๆ สูงขึ้น สูงขึ้นเรื่อยๆจนสามารถยืนคร่อมศาลาการเปรียญหลังใหญ่ 2 ชั้นนั้นได้ พอทุกคนได้เห็นเหตุการณ์แบบนั้น บอกเลยว่าไม่สามารถรับรู้เรื่องราวอะไรได้อีก มารู้สึกตัวอีกทีก็มีชาวบ้านแถวนั้นมาปลุกแล้วก็ถามว่า "มาทำอะไรกันในวัดร้างแบบนี้ รีบกลับบ้านกันเลย" ทุกคนพอได้สติก็รีบกลับบ้าน บอกกับพ่อแม่แล้วพ่อแม่ของเพื่อนๆก็โทรคุยกัน แล้วก็ได้นัดรวมตัวพาแมนและเพื่อนๆไปทำบุญรดน้ำมนต์ เหตการณ์นั้นทำให้แมนและเพื่อนทั้งกลุ่มถึงกับป่วย จับไข้ไปตามๆกันอยู่หลายวันเลยทีเดียว
Post a Comment