ปากไวพาไปก่อนกำหนด


          เรื่องราวจากผู้ไม่ประสงค์ออกนามจากเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับตัวเขาเองเมื่อปี 2532 ตั้งแต่เขาอายุเพียงแค่ 1 เดือน ครับไม่ผิดครับเพียงแค่ 1 เดือน เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นกับตัวเองแต่ตัวเองนั้นยังไม่มีสติรับรู้โดยเรื่องคุณพ่อคุณแม่มาเล่าให้ฟังครับ ครอบครับของผมอยู่ต่างจังหวัดครับ พี่ทำงานเป็นพนักงานกรมป่าไม้จังหวัดตาก ส่วนแม่เป็นแม่บ้านครับและผมมีพี่สาวอายุห่างกัน 7 ปี นนั้นวันที่เกิดเหตุตรงกับวันที่ 24 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2532 ครับซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 เดือนของผมพอดี พ่อออกไปทำงานปกติครับที่ทำงานห่างจากบ้านพอสมควร คือถ้าออกจากบ้านต้องขับรถไปตามถนนในหมู่บ้านออกมาประมาณ 3-4 กิโล พอเจอถนนใหญ่ก็เจอสี่แยกที่เป็นที่ตั้งของศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินครับ แล้วเลี้ยวขวาขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำปิงไปอีกเป็นโลครับ แต่วันนั้นมีข่าวร้าย คือคุณพ่อนั้นถูกให้ออกจากงานที่ทำ เพราะว่าเป็นแค่ลูกจ้างชั่วคราว

          จนคุยกันไปสักพักแล้วก็นึกขึ้นมาได้ว่าพรุ่งนี้เช้าจะต้องโกนผมไฟให้ผม พ่อก็เลยจัดแจงเดินไปที่คลองหน้าบ้านเพื่อจะไปตัดใบบัวเพื่อมารองเก็บผมไฟวันพรุ่งนี้ ในจังหวะที่พ่อเดินลงไปก็เห็นผู้ชายคนหนึ่งยืนตรงถนนทางเข้าบ้านแล้วก็พูดว่า "ที่นี่แหละ" แต่พ่อก็ไม่ได้สนใจอะไร ก็ไปตัดใบบัวมาแล้วก็กลับเข้าบ้าน พอพ่อกลับเข้าบ้านปั๊บผมที่กำลังหลับอยู่ก็สะดุ้งตัวตื่น ตามคำบอกของแม่นะครับ แล้วตื่นพร้อมกับร้องไม่ยอมหยุด ร้องนาน 2-3 ชั่วโมงอาการเริ่มเปลี่ยนไป จากเสียงเด็กอ่อนปกติ เปลี่ยนเป็นเสียงใหญ่ขึ้นคล้ายเสียงผู้ชาย แล้วก็มีเสียงหลุดออกมาเหมือนบ่นอะไรสักอย่างจับใจความไม่ได้ครับ จนน้าชายของผมทนไม่ไหวออกมาจากห้องนอนแล้วก็หยิบตะกรุดจากหิ้งพระมาใส่ให้ พอใส่ตะกรุดเท่านั้นแหละครับก็ผมเนี่ยกลับไปหลับเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย

               พอตอนเช้าพ่อกับแม่ก็พาไปที่วัดเยื้องๆกับบ้าน เพื่อจะไปให้พระโกนผมไฟให้ พอไปถึงกุฏิหลวงพ่อ ก่อนเข้าไปหลวงพ่อบอกว่า "โยมที่กดหัวเด็กอยู่น่ะปล่อยมือออกจากหัวเด็กก่อน" ซึ่งตอนนั้นมีแต่พ่อที่ถือพานธูปเทียนกับแม่พี่อุ้มผมอยู่ ไม่มีใครจับหัวผมเลยสักคน พ่อแม่มองหน้ากันแบบงงๆแล้วก็เดินไปหาหลวงพ่อ หลวงพ่อก็ถามว่า "โยมไปทำอะไรเขาถึงตามโยมมา" พ่อก็บอกว่า "เปล่านี่ครับ ไม่ได้ไปทำอะไรเลย" หลวงพ่อก็เลยบอกว่า "ตอนที่เขาตายเขาหัวเราะไม่ออกตามที่โยมบอกให้เขาเป็นแล้วนะ" พ่อได้ยินก็ตกใจแล้วนึกถึงเหตุการณ์เมื่อคืนแล้วก็ร้องไห้ หลวงพ่อก็เลยถามว่า "โยมคนนั้นที่ตามเขามาน่ะ อยากได้อะไรจากเค้าหรอ" แล้วก็หันมาบอกพ่อว่า "เขายังไม่ถึงที่ตาย เขารอจนกว่าจะมีคนให้เขาเกิด" 

                พ่อไม่เข้าใจครับ ก็เลยถามว่าหมายถึงอะไร หลวงพ่อก็อธิบาย "ว่าถ้าลูกของโยมคนนี้ยังอยู่ที่นี่ ต้องมีสักวันที่เขาต้องเอาลูกของโยมไปเป็นตัวตายตัวแทนในที่ที่เขาตาย เพื่อเขาจะได้ไปเกิด โยมพาลูกของโยมไปอยู่ที่อื่นเถิด ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บริเวณนี้ ห้ามพาเขาผ่านที่เกิดเหตุ ถ้าโยมทำได้ลูกโยมก็จะปลอดภัย แต่ไม่ได้จบแค่นั้นนะ ลูกฌยมปลอดภัยก็แสดงว่าเขาจะต้องอยู่ตรงนั้นเหมือนเดิม ไม่ได้เกิด เขาก็ยังจะต้องรอจนกว่าลูกของโยมจะมีที่ให้เขาเกิดนั่นแหละ" หมายถึงว่าต้องรอจนกว่าผมเนี่ยจะมีลูก 

                หลังจากคุยกันก็โกนผมไฟจนเสร็จแล้วก็กลับบ้าน พ่อผมยังไม่ได้เชื่อสนิทใจเลยพาผมกับแม่ไปหาปู่ที่มีวงปี่พาทย์แถวๆบ้านครับ เขาบอกว่าเขามีองค์ ปู่คนนี้ก็พูดเหมือนกับหลวงพ่อองค์นั้นเปี๊ยบเลยครับ พ่อแม่เลยตัดสินใจเขียนจดหมายไปเล่าให้พี่สาวแม่ที่อยู่กรุงเทพฟังหลังจากนั้นประมาณอาทิตย์นึงก็ได้รับจดหมายตอบกลับ เขาตอบกลับมาว่าให้พาลูกมาอยู่ที่นี่กันเลย มาให้เร็วที่สุด วันรุ่งขึ้นเรา 4 คนพ่อแม่ลูกก็ได้เดินทางไปที่กรุงเทพฯกันเลยครับ แล้วก็อยู่ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ไม่เคยกลับไปอีกเลย เรื่องนี้พ่อเล่าให้ผมฟังตั้งแต่ผมเริ่มจำความได้แล้วคอยบอกให้ผมทำบุญให้คนคนนั้นเสมอ

                จนทุกวันนี้ก็ผมยังทำอยู่ครับ แต่มันมีเรื่องแปลกอยู่อย่างครับ คือพอครบรอบวันเกิดผมทีไรผมจะฝันเห็นผู้ชายคนนึงที่ผมไม่รู้จักทุกครั้งเลยครับ แล้วก็เป็นคนเดิมทุกปี แต่เขาไม่ได้ทำอะไรผมนะครับ จนมาวันเกิดปีนี้ผมก็ฝันเห็นเขาอีกครั้ง แล้วเขาก็บอกว่า "ขอบคุณ" ผมก็ไม่รู้ว่าขอบคุณเรื่องอะไรนะครับ แต่หลังจากนั้น วันที่ 29 มกราคมผมก็เพิ่งรู้ครับว่าแฟนของกำลังตั้งท้อง ถ้าเรื่องทั้งหมดมันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงตอนนี้เขาคงมาเกิดเป็นลูกผมแล้วครับ ต้นเดือนหน้าก็มีกำหนดจะกลับบ้านที่ต่างกันครั้งแรกหลังจากไม่ได้กลับมาเลย 22 ปี

ไม่มีความคิดเห็น