บ้านเช่าผีเฮี้ยน
เรื่องราวจากคุณบอยครับ เป็นประสบการณ์ของลูกพี่ลูกน้องของคนที่เจอโดยตรง ซึ่งเป็นฝาแฝดกันแฝดผู้พี่นั้นชื่อว่าเอ แฝดผู้น้องชื่อบี ทั้งคู่นั้นเป็นผู้ชาย
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อ เอและบีย้ายออกจากบ้านจึงมองหาบ้านเช่าหลังหนึ่งอยู่หลังอำเภอ แฝดน้องค่อนข้างรู้จักกับเจ้าของบ้านจึงได้ราคาเช่าถูกเพียง 1,500 บาทเท่านั้น สองฝาแฝดตัดสินใจย้ายเข้าทันทีวันนั้นเลย ลักษณะของตัวบ้านเป็นบ้านชั้นครึ่ง ส่วนหน้าของบ้านนั้นมีบันไดขึ้นไปมี 1 ห้อง แล้วก็ใต้บันไดมีหม้อและกระทะคว่ำอยู่หลายใบ ซึ่งของเหล่านี้เป็นของเจ้าของบ้าน ส่วนหลังของบ้านก็มีอีก 1 ห้อง แต่ว่าใต้บันไดเป็นห้องน้ำ นั่นก็เท่ากับว่าส่วนกลางของบ้านนั้นโล่งสูงขึ้นไปจนติดกับเพดาน
บ้านเช่าหลังนี้อยู่กันทั้งหมด 3 คน เอนั้นจะอยู่ห้องชั้นบนส่วนหน้าบ้าน และบีกับแฟนนอนด้านล่างหน้าทีวี ห้องด้านบนส่วนหลังของตัวบ้านนั้นเป็นห้องเก็บของ แต่ว่ามีรูปถ่ายของคนแก่แขวนอยู่ 4-5 รูป ซึ่งรูปถ่ายเหล่านั้นก็เป็นรูปที่วางหน้าศพนั่นเอง น่าจะเป็นรูปของบรรพบุรุษของเจ้าของบ้าน แต่ดูเหมือนจะเป็นห้องพระเก่าด้วยเนื่องจากมีโต๊ะหมู่บูชาและพระพุทธรูปตั้งอยู่และก็ยังมีผ้าขาวผูกเชือกสี่มุมขึงอยู่บนเพดานห้องอีกต่างหาก คุ้นคุ้นว่าเขาจะเรียกกันว่าหิ้งตาหลวงอะไรสักอย่าง ตอนนั้นเห็นห้องนี้แล้วในใจไม่อยากจะอยู่บ้านหลังนี้เลย แต่หาที่ไหนไม่ได้อีกแล้วก็เลยจำเป็นต้องอยู่
มีอยู่วันหนึ่งในช่วงเย็นๆเอนั้นกำลังรื้อหาของอยู่ แต่เผอิญไปเจอผ้าอนามัยวางอยู่บนตู้เสื้อผ้า ตู้เสื้อผ้าที่ว่านี้จะอยู่เหนือหัวนอนของบีพอดี ผ้าอนามัยนั้นแกะออกจากซองแล้วแต่ว่ายังไม่ได้ใช้ มีฝุ่นเกาะเต็ม พอเอเห็นแบบนั้นก็โวยวายว่าใครเอาผ้าอนามัยมาวางไว้ตรงนี้ ทุกคนไม่มีใครเอามาวาง ตอนย้ายเข้ามาบนตู้ก็ไม่มีอะไรวางอยู่เลย ตัวเอเริ่มจะอารมณ์ค้างก็เลยด่าลอยๆไปหลายคำ พร้อมกันนั้นก็หยิบผ้าอนามัยนั้นทิ้งลงถังขยะไป ซึ่งตามความเป็นจริงแล้วมันก็ไม่ควรอยู่แล้วที่จะมีใครมาเอาผ้าอนามัยไปวางเอาไว้บนหัวนอน ลืมบอกไป ลักษณะของบ้านเช่าเป็นบ้านติดกันเป็นแถวๆและมีถนนคั่นกลางระหว่างบ้านเช่ากับอำเภอ ซึ่งประตูหลังอำเภอนั้นจะอยู่เยื้องกับหน้าบ้านของเอนิดเดียวเท่านั้น นั่นก็เท่ากับว่าประตูหลังอำเภอนั้นจะอยู่ตรงกับประตูของบ้านที่อยู่ติดกันฝั่งซ้ายมือพอดี บ้านหลังนี้ขายข้าวแกง พนักงานส่วนใหญ่ในอำเภอพอพักเที่ยงก็มักจะมาทานอาหารเที่ยงที่ร้านเป็นประจำ คนเต็มร้านแทบทุกวัน
หลังจากที่เอได้ทิ้งผ้าอนามัยนั้นไปแล้ว คืนนั้นเวลาประมาณ 5 ทุ่มกว่าๆ เอกำลังนอนดูทีวีอยู่ข้างล่างคนเดียว บีกลับไปที่บ้านต่างอำเภอ ส่วนแฟนของบีก็กำลังทำงานที่ร้านสะดวกซื้อ คืนนั้นเออยู่บ้านคนเดียว ฝนตกปรอยๆ เอได้ยินเหมือนคนคุยกันอยู่หน้าบ้าน คิดว่าน่าจะเป็นคนแวะมาหลบฝน เอก็เลยขึ้นไปชั้นบนแอบฟังเสียงคนที่กำลังคุยกันอยู่นั้นเหมือนผู้หญิงกับผู้ชาย แต่ว่าฟังไม่ได้ศัพท์ สักพักหนึ่งเสียงนั้นก็เงียบไป ครู่เดียวเท่านั้นก็ได้ยินเหมือนกับคนเดินอยู่บนหลังคากันสาด ซึ่งมีแค่ฝาเท่านั้นที่กั้นระหว่างเอกับกันสาดหน้าบ้าน เสียงนั้นดังชัดมากวูบแรกเอก็นึกว่าเป็นโจร แต่ว่าเหล็กกันสาดนั้นบางมากจะสามารถรับน้ำหนักคนได้ยังไง เอจึงตัดสินใจเปิดม่านดู สิ่งที่เจอก็คือความว่างเปล่า แต่ว่ายังคงมีเสียงคนย่ำอยู่บนนั้น เท่านั้นเองก็รู้แล้วว่าตัวเองกำลังเผชิญอยู่กับอะไร
เอทรุดลงนั่งเอาหลังพิงฝา ในขณะที่กำลังรวบรวมสตินั้นสายตาของเอก็เหลือบไปเห็นเงาดำๆ ยืนอยู่ที่มุมห้อง แน่ใจได้เลยว่าเงานั้นเป็นผู้หญิงเพราะไฟภายในห้องยังคงเปิดอยู่ จู่ๆเงานั้นก็วิ่งหายเข้าไปในโต๊ะเครื่องแป้ง โดยที่ลักษณะการวิ่งของเงานั้นมือและแขนของเขาอยู่แนบลำตัว ไม่มีการแกว่งใดๆเลย ตอนนั้นหัวใจของเอเหมือนจะหลุดออกมาจากตัว บวกกับเสียงที่เดินย่ำอยู่นอกหน้าต่างก็ยังคงดังอยู่ พอเอตัดสินใจจะลุกไปเปิดประตู ทันใดนั้น หม้อกับกะทะที่อยู่ใต้บันไดก็มีเสียงเหมือนกับกำลังถูกรื้อค้น เอทำอะไรไม่ ถูกด้านหลังก็มีเสียง ด้านหน้าก็มีเสียงอยู่ เอพยายามตั้งสติรวบรวมความกล้ทั้งหมดวิ่งไปเปิดประตู วิ่งลงบันไดไป เปิดประตูลูกกรงเหล็กกระโดดทีเดียวถึงมอเตอร์ไซค์บิดออกไปทันที ประตูบ้านนั้นก็เปิดทิ้งเอาไว้
คืนนั้นเอไปนอนบ้านพี่ที่รู้จักคนหนึ่งชื่อว่าพี่ก้อง ซึ่งพี่ก้องนั้นก็พอจะมีความรู้เรื่องไสยศาสตร์อยู่บ้าง ตอนนั้นเอโทรไปบอกบีและแฟนของบีว่า "ยังไงก็แล้วแต่ ห้ามกลับไปที่บ้านเด็ดขาด" แล้วก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่ได้พบประสบมาให้ทุกคนฟัง คืนนั้นทั้งคืนในโสตประสาทหูของเอได้ยินเสียงดัง ป๊องแป๊งๆ ตลอดเวลา แต่ว่าคืนนั้นพอแฟนของบีเลิกงานก็กลับไปที่บ้านหลังนั้นจนได้ แต่ว่าแค่จอดหน้าบ้านเท่านั้น ยังไม่ทันได้เข้าบ้านก็นึกขึ้นได้ว่าเอสั่งห้ามกลับบ้าน ก็เลยขี่รถกลับไปหาเอที่บ้านของพี่ก้อง และในทันทีที่แฟนของบีขี่รถเข้ามาในเขตบ้านของพี่ก้องนั้น แกก็ทักขึ้นมาว่า "เขาตามมาด้วย" คือเหมือนกับว่าแฟนของบีนั้นแวะไปรับเขามาด้วย พี่ก้องนั้นก็รีบให้แฟนของบีเข้าไปในตัวบ้าน ตอนนั้นแฟนของบีมีอาการสั่น ผวา คือเห็นเลยว่าผมของแฟนบีกระจุกหนึ่งนั้นตั้งสูงขึ้นอยู่ แล้วหัวก็กระตุกตาม คือลักษณะเหมือนกับมีคนกำลังดึงผมกระจุกนั้นของเธออยู่แล้วกระชากเป็นจังหวะๆ
แล้วสักพักนึงบีก็ตามมาสบทบที่บ้านของพี่ก้อง พอเห็นแฟนของตัวเองพูดจาไม่รู้เรื่องก็พยายามเรียกสติไปหลายที คิดว่าแฟนแกล้งส่วนตัวของบีนั้น บีเป็นคนไม่เชื่อเรื่องลึกลับแบบนี้อยู่แล้ว พี่ก้องเจ้าของบ้านก็เลยเอาสร้อยพระไปคล้องไว้ที่คอของเธอ เธอมีอาการนิ่งลงลักษณะเหมือนกับไม่ใช่ผีเข้า เหมือนกับว่าสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังแกล้งแฟนของบีอยู่มากกว่า คือคล้ายกับว่าเขาจะเอาบ้านหลังนั้น พี่ก้องบอกเหมือนกับแกจะสื่อสารกับเขาได้ประมาณนี้ บ้านหลังที่เอเช่าอยู่เป็นของเขาไปแล้ว และพี่ก้องก็บอกอีกว่าขอให้เอและทุกๆคนย้ายออกจากบ้านหลังนั้น และอะไรที่เคยด่าหรือว่าพูดไม่ดีอะไรไปก็ไปขอโทษเขาด้วย แล้วพี่ก้องก็พาทุกคนไปที่ทางสามแพร่ง จุดธูปคนละ 9 ดอก พูดจาขอขมาตามแก คืนนั้นไม่มีใครได้นอนเลย กว่าเรื่องทุกอย่างจะจบก็ปาเข้าไปตี 4 ครึ่ง
เช้าวันรุ่งขึ้น เอและเพื่อนๆจะกลับไปกินข้าวที่บ้านแล้วก็จะขนของออกมาด้วย ปรากฏว่า ตู้กับข้าว ฝาน้ำปลา ขวดน้ำตาล หรือว่าอะไรแบบนี้ทุกอย่างถูกเปิดทิ้งเอาไว้ทั้งหมด นั่นจึงเป็นวันสุดท้ายที่อยู่ในบ้านเช่าหลังนี้
Post a Comment