เฮี้ยนผีกินยาตายทั้งกลม


    เรื่องนี้เฮี้ยนสุดๆประสบการณ์หลอนของคุณแนน เมื่อผีตายทั้งกลมด้วยการกินยาฆ่าตัวตายถูกเผาโดยไม่ได้นำร่างเด็กในท้องออก เกิดเหตุการณ์สุดหลอน งานนี้เธอกลับมาหลอกหลอนทุกคนในยามค่ำคืน และมาทวงคำสัญญากับคนที่เธอเคยสัญญาไว้  มาติดตามรับชมกันเลยครับว่าเรื่องราวสุดเฮี้ยนของเธอจะเป็นอย่างไรกัน

    เรื่องราวและเหตุการณ์ทั้งหมดนั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 17 ปีที่แล้ว ในตอนนั้นแนนยังเป็นเด็กอยู่ เหตุการณ์ทั้งหมดก็มีดังนี้ช่วงเวลานั้นแนนยังอาศัยอยู่ที่จังหวัดพิจิตร เป็นหมู่บ้านเล็กๆที่ยังไม่มีถนนลาดยาง ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำอาชีพทำนา เช่นเดียวกับพ่อและแม่ของแนน ช่วงปีนั้นเป็นปีที่หมู่บ้านมีแต่เรื่องลี้ลับ ซึ่งแนนก็ไม่แน่ใจว่ามีเรื่องอะไรบ้าง แต่ว่าพ่อของแนนชอบเล่าเรื่องลี้ลับให้ฟังก่อนนอนและคุณพ่อก็มักจะเล่าถึงเรื่องราวในช่วงเวลานี้เสมอ เหตุการณ์ที่จะนำมาเล่าให้ฟังก็คือ มีหญิงสาวอยู่คนหนึ่งเธอกำลังตั้งท้องแล้วก็ถูกแฟนทิ้งก็เลยตัดสินใจคิดสั้นฆ่าตัวตายด้วยการดื่มยาฆ่าแมลง แล้วก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาล หญิงสาวคนนี้นับว่าเป็นรุ่นพี่ของแนน พี่คนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับลูกพี่ลูกน้องของแนนเอง ซึ่งลูกพี่ลูกน้องที่สนิทกับผู้ตายนั้นก็อาศัยอยู่ในบ้านเดียวกับแนนด้วย แนนก็เลยได้ไปงานศพของที่คนที่เสียชีวิตเนื่องจากเป็นเพื่อนสนิทกับลูกพี่ลูกน้องนั่นเอง

               งานศพทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี เพียงแต่ว่าวันที่เผาศพนั้น ในขณะที่เผาศพอยู่แนนจำได้ว่าควันจากปล่องของเมรุไม่ยอมลอยไปขึ้นสู่ท้องฟ้าแต่กลับลอยร่วงลงสู่พื้นดิน ทำเอาคนที่อยู่ในงานศพนั้นต้องปิดจมูกไปตามๆกัน แถมควันนั้นก็ยังเป็นกลิ่นเหม็นอีกด้วยคนในหมู่บ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์กันว่า ที่เหตุการณ์เป็นแบบนี้น่าจะมาจากการที่ผู้ตายนั้นมีบาปหนักมากเนื่องจากทำการฆ่าตัวตายพร้อมกับ
ลูกในท้องของตัวเอง และภายหลังแนนก็ได้มารู้อีกว่าตอนที่สัปเหร่อจัดการกับศพของผู้ตายนั้น สัปเหร่อไม่ได้เอาเด็กที่ตายคาท้องออกมาด้วย

               หลังจากผ่านวันเผาศพนั้นมาก็ได้มีเหตุการณ์ที่น่ากลัวเกิดขึ้นมากมาย มีชาวบ้านในหมู่บ้านเล่ากันว่าวิญญาณของพี่คนนี้นั้นเฮี้ ยนมาก เคยมีคนเห็นในขณะที่กำลังขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่นาเพื่อดูน้ำในนาข้าว เวลาทำนานั้นมักจะมีทางส่งน้ำเข้าสู่นา แล้วก็ต้องหมั่นไปดูบ่อยๆเนื่องจากการเปิดทิ้งไว้จะทำให้น้ำล้นทำให้ข้าวนั้นเสียหายได้ คนที่ขี่มอเตอร์ไซค์ไปดูนาข้าวนั้นก็มักจะเห็นผู้หญิงเดินจูงมือเด็กเล็กๆไปตามถนนบางคนก็เห็นมีผู้หญิงยืนอุ้มลูกอยู่ริมสะพานที่พาดข้ามคลองชลประทาน ด้วยความที่มีเรื่องเล่าความเฮี้ยนของวิญญาณแบบนี้ ทำให้ช่วงเวลานั้นหลังเวลา 6 โมงเย็น ทุกคนในหมู่บ้านก็จะรีบทำภารกิจให้เสร็จแล้วก็รีบเข้าบ้าน โดยส่วนใหญ่ค่ำแล้วก็จะไม่ออกจากบ้านอีกเลย จะออกอีกครั้งก็ตอนช่วงเช้า

                และแล้วเหตุการณ์ในคืนนั้นก็มาถึง คืนนั้นพ่อและแม่ของแนนได้ทำการส่งน้ำเข้านาไว้ แล้วก็เป็นเรื่องที่จำเป็นมากที่พ่อและแม่ต้องไปนอนค้างที่นาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องออกจากบ้านไปที่หน้าบ่อยๆ ก็เลยตัดสินใจนอนที่นาเลย คืนนั้นแนนปฏิเสธที่จะไปกับพ่อและแม่ด้วยขอนอนอยู่ที่บ้านพร้อมกับลูกพี่ลูกน้อง ห้องของพี่แนนนั้นจะเป็นห้องที่มีหน้าต่างกระจกเป็นกระจกบานใสๆที่เหมือนกับบ้านที่อยู่ตามต่างจังหวัดทั่วไป และลักษณะของบ้านแบบนี้ก็มักจะมีฉากบ้าน แล้วก็มีบันไดไม้อยู่นอกบ้าน ซึ่งในห้องนอนพี่ของแนนนั้นจะมีหน้าต่างกระจกใสที่ติดอยู่กับชานบ้านและบันได ซึ่งจะมีช่องระหว่างบันไดกับหน้าต่างอยู่ประมาณ 1-2 เมตร

                ตกกลางดึกคืนนั้น ช่วงเวลาประมาณตี 2 ถึงตี 3 แนนจู่ๆก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา แล้วก็ได้ยินเสียงฝีเท้าคนกำลังเดินขึ้นบันไดบ้านเนื่องจากเป็นบันไดที่ทำด้วยไม้ เวลาที่มีคนเดินขึ้นเดินเดินลงก็มักจะได้ยินเสียงไม้สีกัน ในตอนที่ได้ยินเสียงฝีเท้า แวบแรกนั้นแนนก็คิดว่าน่าจะเป็นพ่อและแม่ที่กลับมาจากที่นา ก็เลยลุกขึ้นนั่งเพื่อคิดว่าจะเดินไปปลดล็อคประตู และเสียงฝีเท้าที่ได้ยินนั้นเดินขึ้นบันไดเร่งฝีเท้าเร็วขึ้นและเหมือนว่าคนที่ขึ้นมานั้น วิ่งมาใส่ประตูหน้าห้องอย่างรวดเร็วแล้วก็ตามมาด้วยเสียงเคาะประตู 3 ครั้ง แนนยังไม่ลุกเดินไปเปิดประตูเพราะปกติแล้วพ่อและแม่มักจะตะโกนเรียกชื่อก่อนเผื่อว่าแนนหรือพี่กำลังหลับ แต่ที่หน้าประตู ณ เวลานี้ก็ยังไม่มีเสียงเรียกทักของพ่อหรือแม่แต่กลับกลายเป็นเสียงเคาะประตูที่ถี่ขึ้น หลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเสียงบิดลูกบิดอย่างเร็ว แนนเลยตัดสินใจตะโกนออกไปถามว่า "พ่อ? แม่?" หลังจากที่แนนร้องถามออกไป เวียงที่กำลังบิดลูกบิดประตูอย่างเร็วนั้นก็หยุดลง เปลี่ยนเป็นเสียงฝีเท้าอีกครั้งแต่ว่าเป็นเสียงฝีเท้าที่กำลังเดินลงบันไดจากไปอย่างช้าๆ

                เสียงฝีเท้านั้นเดินห่างออกไปเรื่อยๆ ลงไปยังด้านล่างของบ้าน ตอนนั้นแนนรู้แล้วว่าไม่ใช่ทั้งพ่อและแม่ ก็เลยรีบล้มตัวลงนอนใหม่แล้วก็มองไปยังหน้าต่างกระจกใสอย่างใจจดใจจ่อ ไม่นานนักแนนก็ได้เห็นเงาดำๆ เป็นลักษณะเงาของคน คนคนนั้นค่อยๆสูงขึ้นเรื่อยๆสูงขึ้นมาจนถึงหน้าต่างกระจกใส ด้วยแสงจากดวงจันทร์ที่สว่างพอสมควรในคืนนั้น ทำให้แนนได้เห็นลักษณะของเงานั้นได้ว่าเป็นคนซูบผอมเหมือนกับคนขาดสารอาหาร ที่ดวงตามีลักษณะโป่งใหญ่น่ากลัว กำลังจ้องผ่านกระจกเข้ามาในห้องนอน วินาทีนั้นสติของแนนกระเจิง รีบกระโดดเข้าไปกอดรุ่นพี่รุ่นน้องอย่างแน่น ตัวของแนนนั้นสั่นเทิ้มไปทั้งตัว และไม่นานเท่าไหร่ แนนก็ได้ยินเสียงเหมือนกับมีวัตถุบางอย่างกระแทกเข้ากับหลังคาสังกะสีที่ยื่นออกมาบริเวณชานบ้านอย่างแรง แล้วก็ตามมาด้วยเสียงกรีดร้องเล็กแหลมตามมา เป็นเสียงร้องที่แหลมเล็กแล้วก็โหยหวนและกลัวมาก แนนพยายามปลุกพี่ แต่ว่าลูกพี่ลูกน้องนั้นก็ไม่ยอมขยับตัว แนนเลยค่อยๆกระซิบเพื่อที่จะปลุก ลูกพี่ลูกน้องของแนนนั้นตื่นตอนไหนก็ไม่ทราบได้ ตอบกลับมาว่า "อย่าเรียกชื่อกรุ เดี๋ยวมันรู้ว่ากรุอยู่ที่นี่" สักพักเดียวเท่านั้น เสียงกรีดร้องที่แหลมเล็กก็ค่อยๆเงียบหายไป

               รุ่งขึ้นเช้าวันถัดมาแนนไม่สบายมากมาก เป็นไข้ไม่สบายอยู่ 1 อาทิตย์เต็มๆ พอหายดีก็ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อกับแม่ฟังซึ่งลูกพี่ลูกน้องของแนนก็นั่งฟังอยู่ตรงนั้นด้วย ลูกพี่ลูกน้องก็พูดขึ้นมาว่าในคืนที่แนนเจอดีนั้น ความจริงแล้วน่าจะเป็นวิญญาณของเพื่อนสนิทแกซึ่งเสียชีวิตจากการกินยาตาย แล้ววิญญาณของเธอคนนั้นก็ไม่ได้ตั้งใจจะมาหลอกแนนแน่นอน แต่ว่าเธอตั้งใจจะมาหาลูกพี่ลูกน้องของแนนเนื่องจาก 2 คนนี้เป็นเพื่อนรักกัน และลูกพี่ลูกน้องของแนนก็เคยคุยกับพี่คนที่เสียชีวิตว่า ถ้าเกิดลูกของเขาก็ออกมาเมื่อไหร่ ลูกพี่ลูกน้องของแนนจะขอเป็นคนตั้งชื่อให้ แล้วก็อยากขออุ้มก่อนใคร พี่คนนั้นก็เลยน่าจะมาทวงสัญญา และส่วนที่แนนเห็นลักษณะเงานั้นค่อยๆสูงขึ้น ทุกคนก็ลงความเห็นกันว่าวิญญาณของเพื่อนลูกพี่ลูกน้องนั้นน่าจะกลายเป็นเปรต เนื่องจากบาปที่หนักในการฆ่าตัวตายพร้อมกับลูกในท้อง ลูกพี่ลูกน้องนั้นยังบอกอีกว่าตัวเขาเองรู้สึกตัวตื่นตั้งแต่ตอนที่แนนลุกขึ้นมานั่งและตะโกนเรียกพ่อและแม่แล้ว ถ้าเกิดแนนลุกขึ้นจะเดินไปเปิดประตู ลูกพี่ลูกน้องจะรีบลุกขึ้นมาห้ามเอาไว้

ไม่มีความคิดเห็น