เขาใหญ่กับเสือกินคน ภาค 2
เรื่องจริงสุดสยองดำเนินมายังช่วงชุดท้าย เราไปติดตามตอนจบของเรื่องนี้กันเลยครับ
"ครืด..ครืด..ครืด" เสียงเหมือนคนตัวใหญ่มาทำพิเรนทร์ เอาสีข้างถูกับสังกะสี สลับกับเสียงย่ำไปมารอบๆบ้านดังอยู่ในความมืด ตรงด้านหลังห้องแถวหลังที่สอง ที่เจ้าของห้องเพิ่งถูกงับหามเข้าโรงพยาบาลไป
สมกิตตกใจตื่นขึ้นมา เพราะเสียงย่ำพื้นดังขึ้นทุกที โดยเฉพาะตอนที่มันย่ำลงไปบนแผ่นสังกะสี และกองข้าวของที่วางทิ้งละเกะละกะที่พื้น สงสัยเป็นเม่น สมกิตบอกตัวเอง แต่ก็ยังสงสัยอยู่ว่า เม่นอะไรมันจะย่ำหนักขนาดนั้น
ปกติเม่นแถวนี้จะมากินเศษอาหารใต้ถุนเรือนทุกคืน แต่ก็ไม่มาดึกอย่างนี้ เสียงก็ไม่ดังเหมือนคนตัวใหญ่ๆตั้งใจเดินย่ำดังๆ มืดก็มืด แต่ด้วยความสงสัยจึงฉายไฟฉายสี่ท่อน แง้มบานหน้าต่างเผยอแบบที่ใช้ไม้ค้ำ ชะโงกหน้าส่องไฟลงไปดูเจ้าตัวที่อยู่บนพื้น
ทำเอาเด็กหนุ่มว่าที่เจ้าบ่าวตัวเย็นเชียบ เจ้าของร่างสีเหลืองลายพร้อย ตาวาวโลด จ้องเขม็งสวนขึ้นมา เฉพาะหัวของมันใหญ่เท่าไหใบย่อมๆ มันอยู่ข้างล่าง ห่างออกไปไม่ถึงสี่เมตรนี่เอง ถ้ามันกระโจนขึ้นมาก็ถึงตัวพอดี
พอตั้งสติได้ก็รีบปิดหน้าต่างแล้วแหกปากร้องเรียกพ่อ "ไม่ใช่เม่นโว้ย!! เสือมา ช่วยด้วย พ่อ ช่วยด้วย!!" เสียงโครมครามดังลั่นอยู่ในความมืดมิด ในทันทีที่ลุงเชิดกับเมียจะทะลึ่งพรวดตื่นขึ้นมาเพราะเสียงร้องของเจ้าสมกิต
ไอ้ลายมันก็แสยะเขี้ยว เบนหัวจากบ้านหลังที่สอง กระโดดขึ้นชนฝาบ้านสมกิต ใช้อุ้งตีนตะกุยจนบ้านไหวเยือก เท่านั้นยังไม่พอ มันกระโดดตามขึ้นมาจนถึงชานบ้านที่ส่วนหนึ่งตีด้วยไม้ระแนง อุ้งตีนใหญ่กว่าชามตราไก่ หวดทีเดียวไม้ระแนงบางๆก็หักสะบั้น ถังน้ำอลูมิเนียมที่ตั้งอยู่บนชานบ้าน เสือร้ายก็ขม้ำซะจนยับเยิน
ประตูสังกะสีใส่กลอนถูกเขย่าโครมคราม เพราะไอ้ลายใช้อุ้งตีนตะกุยเสียงดังก้องไปทั้งป่า ลุงเชิดตื่นแล้วก่อนที่เสือดุจะพังประตูบุกเข้าไปเล่นงานลูกชาย แกคว้าไฟฉายค่อยๆแง้มประตูเพื่อสังเกตการณ์
แสงไฟฉายและเสียงกุกกักที่รอดออกมาจากประตูบ้านอีกหลัง ทำให้เสือใหญ่หันหลังกลับ พุ่งเข้าใส่ประตูบ้านลุงเชิดแทน มันพุ่งชนใช้อุ้งตีนตะกุยอย่างโกรธเกรี้ยว ในความมืดมิด ลุงเชิดกับเมียสองคนช่วยกันดันประตูยื้อกับเสือใหญ่ ไม่ให้มันผลักเข้ามาสำเร็จ
ขณะเดียวกันก็ต้องระวังด้านล่าง ตรงช่องประตูที่สูงเหนือพื้นขึ้นมาสักคืบเศษ ไอ้ลายวาดกรงเล็บเข้ามา สองผัวเมียดันประตูใส่กลอนสำเร็จก่อนเจ้าเสือร้ายจะพังเข้ามา สังกะสีผุร่วงกราวตอนที่มันกระแทกประตู
เอามันไม่อยู่หรอก กลัวจนไม่รู้จะกลัวยังไง คิดว่าไม่รอดเสียแล้ว ลุงเชิดสารภาพในตอนหลัง เพื่อนบ้านอีกร่วมสิบคนช่วยอะไรไม่ได้ มันมืดมิดไปหมด ไม่มีใครกล้าออกมา เพราะรู้ว่าเจ้าเสือใหญ่ยังอยู่ คลำๆไปเจอลูกซองห้านัด
เอาละวะ กระชากลูกเลื่อน พอลั่นไกกลับลั่นไม่ออก ตายแน่กู พอดีเจอเอชเค.พิงฝาอยู่อีกกระบอก ฉวยเอชเค.ขึ้นมาขยับเตรียมยิง มือไม้สั่น บอกเมียให้มาซุกอยู่ข้างหลังกูนี่ ยิงมันไม่ตายข้าก็ต้องตายก่อน
เจ้าเสือหิวหายใจฟืดฟาดอยู่นอกประตูบ้าน มันพังเข้ามาไม่ได้ แต่เพราะความตกใจ ไม่มีใครฉุดคิดว่า เสือร้ายตัวนี้ไม่ได้ขู่คำรามเลยขณะที่บุกเข้ามาถึงถิ่นมนุษ์ ลุงเชิดกระชากลูกเลื่อนไรเฟิลอัตโนมัติ อารมณ์ตกใจกระชากไม่ไป ทีแรกทีสองมันก็ไม่ไป
เอาไงดีล่ะกู เอาวะทีที่สามกระชากสุดชีวิต มันดัง "แคร็ก!!" แกเล่าพรางทำมือไม้ประกอบ สีหน้าไม่หายตื่นเต้น ปากลำกล้องกดต่ำ อาศัยแสงไฟฉายลอดใต้ประตู ตะแคงปืนเตรียมยิง ปากก็ยังห่วงลูกชายที่เงียบไป
"กิตโว้ย! อยู่ไหน ปีนขึ้นที่สูงไปก่อน กูจะยิงแล้ว!!" แกตะโกนเตือน "อยู่บนหลังคาแล้วพ่อ เอาเลยๆ!!" สมกิตวัยทายาท ปีนไปตามขื่อขึ้นไปอยู่บนหลังคา ถ้าพ่อไม่มีปืนล่อเสือ มีหวังต้องแกร่วอยู่บนนั้นตลอดทั้งคืนแน่ๆ
เสียงดังสนั่นของกระสุนที่ระเบิดจากลำกล้องปืน ที่ตั้งไว้ในระบบฟูลออโต้ดังกังวาลในความเงียบ "ปั้งๆๆๆๆ!!" กระสุนทะลุประตูสังกะสีออกไปยังความมืดมิดเบื้องนอก แกไม่รู้ว่าชุดใหญ่ที่ยิงออกไปกี่นัด
หลังยิงแล้วทุกอย่างก็กลับสู่ความเงียบ ความเงียบที่น่าสะพรึงกลัว ไม่มีเสียงโฮก ไม่มีเสียงร้องแสดงความเจ็บปวด ไม่มีเสียงร่างยักษ์กระโดดลงเรือน แกค่อยๆปีนขึ้นไปเหนือช่องประตูใช้ไฟฉายส่องดู ก็เห็นไอ้ลายนอนแน่นิ่งขวางประตูบ้านเลือดนองพื้น จึงตะโกนเรียกลูกชายให้ลงมา
"เอาไฟส่องดูเห็นรอยกระสุนเข้าเต็มหัว นัดนึงเข้าที่เบ้าตาพอดี" น้ำเสียงราบเรียบ ไม่บ่งบอกถึงความสะใจหรือเวทนา กระสุนหัวแหล่มขนาดเล็กดับความคลั่งแค้นของไอ้ลายด้วยอำนาจทะลุทะลวง จากการยิงในระยะกระชั้นชิด ในจังหวะที่มันกำลังตะกุยประตูบ้านพอดี นับปลอกกระสุนได้แปดนัด เข้าหมดทุกนัด แทบไม่มีใครได้หลับได้นอนกันหลังจากนั้น
กระทั่งรุ่งสาง จึงได้ช่วยกันหามร่างไร้วิญญาณของเพชรฆาตแห่งเขาใหญ่ ไปชำแหละกันตรงใกล้กับศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ลุงเชิดเล่าให้ฟังทีหลังว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมเสือตัวนี้ถึงไม่หนี มันกัดไม้ระแนง กัดขันน้ำบู้บี้ด้วยความคลั้งแค้น ผิดวิสัยเสือที่แกรู้จัก
ชายผู้มีประสบการณ์เสือมากกว่าใครในเขาใหญ่ เคยขี่มอเตอร์ไซค์เข้าเวรที่หอดูสัตว์หนองผักชีตอนโพล้เพล้ ขับมาได้กลางทางถูกเสือโคร่งกระโจนใส่ งัดล้อรถจนล้มกลิ้ง จากนั้นทั้งเสือทั้งคนก็เผ่นไปคนละทาง แต่ไม่มีครั้งไหนอกสั่นขวัญแขวนเท่ากับครั้งนี้
"ผมนึกดูแล้ว ถ้าไม่ยิง มันตบประตูทีเดียวไม่เหลือแน่ บอกตรงๆเลยว่ากลัวมาก กลัวตาย ห่วงลูกชายด้วย ก็ต้องยิง ไม่ยิงมันก็กัด ถึงตอนนั้นนายจะลงโทษหรือยังไงก็ไม่รู้แล้ว ผิดถูกว่ากันทีหลัง"
ตอนสายหลังคืนเปื้อนเลือด ล้วนจันทร์นวล พิทักษ์ป่าอาวุโสแห่งเขาใหญ่ เป็นผู้ลงมือชำแหละซากเสือ พบว่ามันเป็นเสือตัวเมียยังไม่แก่ เขี้ยวยังคมไม่กร่อน ขนยังแดงไม่ซีดจาง แต่สิ่งที่พิทักษ์ป่าอายุงานนานที่สุดบนเขาใหญ่พบก็คือ
กระสุนปืนแก๊ปฝังอยู่ที่ขาหน้าขวาสองเม็ด เป็นเหตุทำให้มันหงุดหงิดและคลั่งแค้นคน แต่ที่แย่ไปกว่านั้น เมื่อผ่าดูข้างใน พบว่าตับเป็นเหมือนตับคนที่เป็นตับแข็ง เหมือนฝีเน่า ข้อสงสัยที่ว่าทำไมเสือใหญ่จึงบุกเข้ามาทำร้ายคนจึงหมดไป
เจ้าหน้าที่เขาใหญ่มีเป็นร้อย แต่นางเสือใหญ่ตัวนี้กลับเลือกที่จะมาตายด้วยน้ำมือของเชิดเหล็กสัก มือเพชรฆาตผู้เคยสังหารเสือกินคนแห่งเขาใหญ่เมื่อยี่สิบปีก่อน หลายคนพากันประหลาดใจ มันเป็นเรื่องของเวรกรรมตั้งแต่ชาติก่อน ดวงมันสมพงษ์กัน เลยต้องตามจองล้างจองผลาญกันมาถึงชาตินี้
คิดดูคนตั้งมากมาย แต่แค่คืนเดียวบุกมาเล่นงานบ้านนายเชิด และก็ตายด้วยน้ำมือของเค้า บางทีเป็นเพราะเพชรฆาตเท่านั้น ที่จะมีศักดิ์ศรีเพียงพอที่จะปลิดชีวิตเพชรฆาตด้วยกัน
ปัจจุบันลุงเชิดเหล็กสักเกษียณแล้วจากงานพิทักษ์ป่า แต่ก็ยังอาศัยอยู่ที่เขาใหญ่ รับจ้างพานักท่องเที่ยวเดินป่า บางครั้งก็พาไปดูเสือ แกมาเกร่อยู่บริเวณย่านร้านอาหารปรับปรุงใหม่ใกล้ลำตะคอง จุดที่เคยมีเสือใหญ่ที่ถูกแกฆ่าตายไปสองตัวและหลังจากเหตการณ์คราวนั้น แกไม่ได้ถูกสอบสวน
ปัจจุบันเรือนแถวโรงงิ้วถูกปรับปรุงเป็นร้านอาหาร และที่พักผ่อนสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างหรูหรา ซึ่งเชื่อแน่นอนว่า จะไม่มีเสือดุร้ายที่ไหน กล้าเฉียดกรายลงมาระแวกนี้อย่างสิ้นเชิง และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment