เรื่องสยองโอ่งดอง
โอ่งดองสยองเรื่องราวที่ลูกพี่ลูกน้องเล่าให้คุณอู๋ฟังอีกที เมื่อประมาณเจ็ดปีที่ผ่านมา เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นที่บ้านหลังหนึ่ง แถวภาคตะวันออก คุณเอทำอาชีพขายผลไม้ดอง โดยการดองผลไม้เอง แล้วขายส่งตลาดใหญ่ อาศัยอยู่กับคุณพ่อคุณแม่และลูกจ้าง คุณพ่อคุณแม่จะไปเฝ้าที่ตลาดใหญ่ทั้งวัน แล้วช่วงกลางคืนก็จะกลับมานอนที่บ้าน
ลูกจ้างมีทั้งหมดสี่คน คือป้าสีกับลุงชัย มีหน้าที่ปอกผลไม้กับเฝ้าแผงที่ตลาด และอีกสองคนอยู่ที่บ้าน ชื่อพี่เป้กับกอแก้ว ทำหน้าที่ล้างและดองผลไม้ อยู่มาสักพัก ป้าสีได้พาหลานชายมาฝากทำงานด้วยคนหนึ่ง ชื่อพี่ชาย เพิ่งจะพ้นโทษออกมาจากคดียาเสพติด
บ้านที่คุณเออยู่จะเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น มีรั้วล้อมรอบ ชั้นหนึ่งจะมีสามห้องนอน คนงานทั้งห้าคนจะพักอยู่ที่ชั้นหนึ่ง หลังบ้านจะเป็นที่วางโอ่งดองผลไม้ ซึ่งมีอยู่หลายสิบโอ่ง
พี่เป้ซึ่งเป็นสามีของแก้ว ตกเย็นมามักจะชอบนั่งดื่มเหล้าทุกวัน ไม่ค่อยสนใจภรรยา และเมื่อมีพี่ชายเข้ามาทำงานด้วย พี่เป้จึงเริ่มมีปากเสียงกับแก้วหนักขึ้นเรื่อยๆ เพราะเกิดอาการหึงหวง
เหตุการณ์เป็นแบบนี้อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์ และเช้าวันหนึ่ง คุณเอเดินลงมาที่ชั้นล่าง และบอกให้พี่เป้ตักผลไม้ดองไปส่งที่ตลาดเหมือนเช่นทุกวัน แต่เมื่อลงมาถึงก็เจอพี่เป้นั่งอยู่คนเดียว
คุณเอจึงถามออกไปว่า "อ้าว แล้วชายกับแก้วมันไปไหน ทำไมถึงไม่มาช่วยกัน" แต่อยู่ๆพี่เป้แกก็น้ำตาไหลสะอึกสะอื้น แล้วตอบคุณเอว่า "ชายกับอีแก้วมันหนีตามกันไปแล้ว"
พี่เป้แกปล่อยโฮอยู่พักใหญ่ คุณเอก็ยืนนิ่งไม่รู้จะปลอบยังไง เพราะยังไม่รู้ว่าเรื่องมันเป็นมายังไง พี่เป้พูดทั้งน้ำตาว่า "เดี๋ยววันเนี๊ยะ ผมขอลางานนะ จะไปตามหาอีแก้วมันสักสองสามวัน เรื่องงานพี่ไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวให้ลุงชัยเข้ามาช่วยงานในบ้านไปก่อนนะพี่"
คุณเอเห็นแล้วก็รู้สึกสงสารจึงให้ไป แต่ก่อนที่พี่เป้จะไป คุณเอพูดขึ้นว่า "เอ็งก็อย่าคิดสั้นนะ อย่าทำร้ายร่างกายกัน มีอะไรก็คุยกันดีๆ"
ตกดึกในคืนนั้นเอง คุณเอรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาประมาณตีหนึ่งกว่าๆ เห็นเหมือนเงาอะไรบางอย่างอยู่แถวๆปลายเท้า แกจึงเพ่งมองผ่านความมืดดู ปรากฏว่าเห็นเป็นร่างดำๆของผู้ชาย นั่งกอดเข่าคุดคู้โยกตัวไปมาอยู่แถวๆปลายเท้า มีเสียงร้องไห้ทุ้มๆต่ำๆลอยออกมาจากเงานั้น "ฮือออ..ฮือออออออออ"
คุณเอใจหาบวูบหูตาสว่าง รีบหดขากลับเข้ามาในผ้าห่ม คิดในใจว่าอยู่บ้านนี้มาตั้งแต่เกิด ไม่เคยเจออะไรแบบนี้ในบ้านเลยสักครั้ง เงาปริศนายังคงนั่งโยกตัวไปมาและร้องไห้ไม่ยอมหยุดเหมือนคนเสียสติ
น้ำเสียงมันช่างเศร้าหมองและเย็นยะเยือกจนเสียดแทงลงไปในขั้วหัวใจ จนคุณเอเริ่มที่จะทนนอนอยู่นิ่งๆไม่ไหว คว้าไฟฉายบนหัวนอนมาส่องดูให้มันรู้แล้วรู้รอดไป
แต่เมื่อคุณเอเปิดไฟฉาย เงาดำนั่นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอย เหมือนว่าไม่ได้มีใครนั่งอยู่ตรงนั้น คุณเอยังคงส่องไฟฉายไปตามมุมต่างๆภายในห้อง กลัวว่าสิ่งนั้นมันยังซุกซ่อนอยู่ในซอกไหนซักแห่งในห้องนี้
แต่หาเท่าไหร่ก็ไร้วี่แวว จึงล้มตัวลงนอนทั้งๆที่เหงื่อยังท่วมตัวเพราะความหวาดกลัว หอบหายใจถี่สักพักพรางคิดว่ามันคืออะไรกันแน่ เช้าวันต่อมา คุณเอยังไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณพ่อกับคุณแม่ฟัง เพราะตื่นมาท่านก็ไปตลาดเสียแล้ว กว่าจะกลับมาก็ถึงเวลานอนของคุณเอพอดี
และในคืนนั้น คุณเอสะดุ้งตื่นขึ้นมากลางดึก เพราะได้ยินเสียงร้องไห้ของใครสักคน "ฮือออ..ฮือออออออออ" เมื่อคุณเอมองไปทางต้นเสียง ปรากฏว่าเงาของผู้ชายในคืนก่อน มานั่งกอดเข่าโยกตัวอยู่ข้างๆหมอน
จนได้กลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงแทบจะอาเจียน คุณเอทนต่อไปไม่ไหว รีบกระโดดลุกขึ้นไปเปิดไฟทันที เมื่อห้องสว่างโร่แล้ว เงาของผู้ชายคนนั้นกลับหายไปอีกเช่นเคย
คุณเอเริ่มเอะใจขึ้นมาว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครกันแน่ ทำไมถึงต้องมารังควานกันแบบนี้ ตนเองไม่เคยไปเบียดเบียนใครมาก่อน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเป็นใครกันแน่ เกี่ยวข้องยังไงกับตนเอง
รุ่งขึ้น มีออเดอร์ชุดใหญ่เข้ามา ต้องนำผลไม้จำพวกหนึ่งไปส่งให้ที่ตลาดใหญ่ คุณเอจึงเดินไปตักผลไม้ที่ดองอยู่ในโอ่งหลังบ้านใส่ถัง จนมาถึงโอ่งที่สี่ คุณเอเปิดฝาโอ่งแล้วหยิบขันลงไปตักผลไม้ แต่มันเหมื่อนติดอะไรบางอย่าง จึงลองชะเง้อลงไปดู
ปรากฏว่าเห็นหัวคนโผล่ขึ้นมาเหนือน้ำดองในโอ่งประมาณครึ่งหน้าผาก คุณเอตกใจจนผงะหงายหลัง ร้องโวยวายลั่นบ้านจนลุงชัยวิ่งเข้ามาดู เมื่อมูลนิธิเอาศพขึ้นมาจากโอ่ง ปรากฏว่าเป็นศพพี่ชาย ลักษณะศพซีดบวมจนแทบจำไม่ได้ ถูกมัดแขนและขา แล้วมัดรวบให้เข่าชนกับหน้าอกอีกที ในลักษณะนั่งยองๆ
ดูๆก็คล้ายกับเงาของผู้ชายที่โผล่ออกมานั่งโยกตัวให้คุณเอเห็น ป้าสีรู้ข่าวว่าหลานชายเสียชีวิตก็เอาแต่ร้องห่มร้องไห้ โทษตัวเองว่าพาหลานชายมาตาย
เมื่อสอบสวนไปมาก็ได้ความว่า สงสัยจะเป็นฝีมือของพี่เป้ อาจจะฆ่าพี่ชายแล้วพาแก้วหนีกลับบ้านต่างจังหวัด ตำรวจจึงทำการบุกไปตามพี่เป้ที่บ้านต่างจังหวัด และก็จับตัวได้ในเวลาไม่นานเท่าใดนัก แต่ปรากฏว่าจับได้แต่เพียงพี่เป้ ส่วนกอแก้วไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย จึงนำตัวพี่เป้ไปสอบสวน แต่พี่เป้ก็ไม่ยอมรับสารภาพว่าภรรยาอยู่ที่ไหน
ในระหว่างนั้น คุณแม่เกิดเอะใจขึ้นมา จึงได้เปิดฝาโอ่งทั้งหมดดู ปรากฏว่าเจอศพของแก้วซุกอยู่ในโอ่งท้ายๆ ในลักษณะท่าทางเหมือนกัน ทางบ้านคุณเอจึงทำบุญบ้านยกใหญ่ ทิ้งผลไม้ดองทั้งหมด แล้วนำโอ่งที่ซุกศพทั้งสองใบไปทิ้ง
ตำรวจนำศพทั้งสองไปชันสูตร ผลออกมาว่า พี่ชายมีแผลเหมือนโดนของแข็งทุบบริเวณท้ายทอย ส่วนแก้วเสียชีวิตเพราะขาดอากาศหายใจ
ในเวลาต่อมาพี่เป้จึงยอมรับสารภาพว่า ได้เอาหมอนกดที่หน้าของแก้วจนเสียชีวิต แล้วจับมัดมือมัดเท้า จากนั้นก็แอบดักรอพี่ชาย พอสบโอกาศก็ใช้ไม้ทุบเข้าที่ท้ายทอยจนสลบ จากนั้นก็จับมัดมือมัดเท้าแล้วหย่อนทั้งสองลงในโอ่งดอง และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด
Post a Comment