โรงงานผี


    เหตุการสยองที่โรงงานแห่งหนึ่งเป็นเรื่องราวของคุณคิง เหตุการณ์เกิดขึ้นที่โรงงานแห่งหนึ่ง แถวย่านนครปฐม เมื่อประมาณเก้าปีที่ผ่านมา เป็นช่วงที่คุณคิงกำลังบวชอยู่ และเป็นเรื่องของคนที่มาทำบุญที่วัด แล้วเข้ามาเล่าให้คุณคิงฟัง

    ตอนที่คุณคิงเป็นพระ คุณคิงจะต้องเดินบิณฑบาตผ่านโรงงานแห่งนี้เป็นประจำ ซึ่งโรงงานแห่งนี้จะปิดประตูไว้ตลอด มีวัชพืชเลื้อยขึ้นเกาะจนแทบมองไม่เห็นว่าเป็นประตู แรกๆคุณคิงไม่เคยใส่ใจว่ามันเป็นโรงงานอะไร

    มีอยู่วันนึง คุณคิงเห็นพวกลิงกับกระรอก เกาะอยู่บนรั้วโรงงาน เหมือนกับว่ามีคนเลี้ยงมันไว้ เด็กวัดคนนึง ชื่อว่าเจ้าอูด มักจะคอยเดินตามคุณคิง เวลาออกบิณฑบาตอยู่เป็นประจำ ก็พูดขึ้นว่า "ผมเฝ้าอยู่เองอ่ะหลวงพี่ แต่ผมจะเฝ้าเฉพาะกลางวัน ลิงนั่นก็เป็นของผม"

    คุณคิงก็พูดว่า "อ๋ออ แล้วกลางคืนก็เปลี่ยนเป็นอีกคนเหรอ" เด็กวัดตอบกลับมาทันทีว่า "กลางคืนไม่มีใครกล้าเฝ้าหรอกหลวงพี่" คุณคิงเป็นคนที่ชอบเรื่องพวกนี้อยู่แล้ว พอได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกตื่นเต้น ถามเจ้าอูดต่อว่า "มีอะไรพอจะเล่าให้ฟังได้มั้ย"

    เจ้าอูดก็พูดขึ้นว่า "ต้องคนนู้นเลย พี่สันตินู่น" พี่สันติก็คือเด็กวัดอีกคน ที่เป็นรุ่นใหญ่ คุณคิงได้เจอหน้าพี่สันติจังๆ ก็ตอนที่ฉันเพลเสร็จแล้ว คุณคิงก็ถามพี่สันติว่า "อ่าาา โยม พอดีว่าโยมอูดอ่ะ เค้าพูดให้ฟังว่า โยมเจอผีในโรงงานนั้นเหรอ"

    พี่สันติทำหน้าจริงจังแล้วพูดว่า "มันมีจริงหลวงพี่ หลวงพี่ฟังแล้วหลวงพี่จะกลัวหรือเปล่าาา" ด้วยความที่คุณคิงอยากฟังมาก จึงตอบไปว่า "ไม่กลัวหรอก อยากฟังจริงๆ เพราะว่าสงสัยมานานละ"

    คุณสันติเล่าด้วยเสียงเรียบๆว่า "มันเป็นอย่างงี้หลวงพี่ เมื่อก่อนโรงงานนี้มันเจริญ มีคนงานร้อยกว่าคน เป็นโรงงานไม่ใหญ่ อยู่ท่ามกลางหมู่บ้าน แต่มีคนสะเพร่าไปสูบบุหรี่ในโรงงาน ทั้งๆที่โรงงานนี้มันแต่เคมีทั้งนั้น"

    พี่สันติหยุดกลืนน้ำลายลงคอ แล้วเล่าต่อว่า พี่สันติทำงานอยู่ที่นี่มานานเป็นเวลาหลายปี แต่มีอยู่วันหนึ่ง หลังจากที่พี่สันติเก็บเคมีไว้ในห้องเสร็จแล้ว ก็เดินออกมาล้างตัวที่หลังโรงงาน เพื่อให้คราบสารเคมีที่เกาะอยู่ตามตัวหลุดออก

    ตอนที่กำลังอาบน้ำอยู่ ปรากฏว่าได้ยินเสียงคนร้องโวยวายข้างนอกว่า "ไฟไหม้!!!" พี่สันติก็งง เพราะพึ่งจะเดินออกมาจากโรงงานไม่ถึงสามนาที แล้วไฟมันจะไหม้ได้ยังไง พี่สันติจึงล้างสบู่ออกอย่างใจเย็น เพราะคิดว่าไฟมันคงจะไหม้แถวๆด้านหน้าโรงงาน

    แต่ยังไม่ทันล้างเสร็จ อยู่ๆน้ำก็ตัด พี่สันติคิดว่าไฟคงจะไหม้รุนแรงแน่ จนทำให้ปั้มน้ำถึงกับใช้งานไม่ได้ ก็เลยเอาผ้าเช็ดตัวแล้วแต่งตัวออกมาข้างนอก พี่สันติตกใจจนแทบทรุด รอบตัวสว่างจ้าไปด้วยแสงไฟที่โหมไหม้โรงงาน

    เหตุการณ์ทั้งหมดมันเพิ่งจะเกิดขึ้นไม่ถึงห้านาที แต่ไฟกลับไหม้ลุกลามจนเหมือนกองเพลิงยักษ์ อาจจะเพราะมีพวกสารเคมีเป็นตัวกระตุ้น พี่สันติจึงรีบวิ่งหนีออกมา ระหว่างทางก็เห็นมีผู้หญิงคนหนึ่ง ถูกคนห้าถึงหกคนช่วยกันดึงร่างเอาไว้ แล้วบอกว่า "อย่าเข้าไปๆ"

    พี่สันติวิ่งเข้าไปถามว่า "จะเข้าไปทำอะไร" ผู้หญิงคนนั้นร้องไห้ฟูมฟายแล้วบอกว่า "ลูก ลูกชั้นอยู่ข้างใน" พี่สันติรู้จักกับพี่ผู้หญิงคนนี้ รวมถึงลูกของแกด้วย จึงถามว่า "ครั้งสุดท้ายจำได้มั้ยว่าอยู่ตรงไหน"

    พี่ผู้หญิงตอบว่า "จำได้ อยู่ในห้องเบิกของ" พี่สันติจึงตัดสินใจ เดินเลาะไปทางด้านข้างโรงงาน ที่ไฟยังลามมาไม่ถึง แล้ววกเข้าไปในตัวโรงงาน ควันไฟสีขาวลอยคละคลุ้งจนมองอะไรได้ไม่ชัดเจนนัก พยายามหมอบตัวลงต่ำให้ได้มากที่สุด

    พี่สันติมุดคลานจนไปถึงห้องเบิกของ ลักษณะเป็นห้องสี่เหลี่ยม กระจกหน้าต่างแตกหมดทุกด้าน พี่สันติชะเง้อมองเข้าไปในห้อง ก็เห็นเด็กนั่งกอดตุ๊กตาอยู่บนพื้น ลักษณะตุ๊กตาโดนไฟไหม้จนบิดเบี้ยวผิดรูปผิดร่างไปจากเดิม ทำให้ดูน่าขนลุก

    พี่สันติเดินเข้าไปพูดกับเด็กว่า "ไอ้หนู มันร้อนลูก" แล้วก็ดึงตุ๊กตาออก ทำท่าจะโยนทิ้ง เด็กก็พูดขึ้นว่า "ไม่เอาน้า ถ้าน้าทิ้ง หนูไม่ยอม" ด้วยความที่พี่สันติยังไม่อยากให้เด็กงอแง จึงบอกกับเด็กว่า "อะๆๆ ไม่ร้อนก็ถือไป"

    มือขาวของพี่สันติก็จับแขนเด็กไว้ ส่วนมือซ้ายก็ยื่นตุ๊กตาคืนให้เด็กตามเดิม แล้วก็เดินกันออกมาเรื่อยๆ กะว่าจะเดินออกทานด้านหน้าโรงงาน เพราะคิดว่าเพดานไม่น่าจะถล่มลงมา จนใกล้จะถึงประตูทางออก

    แต่อยู่ๆ ประตูเหล็กก็เลื่อนไหลลงมาปิดต่อหน้าต่อตาทั้งที พี่สันติคิดว่าข้างนอกไฟคงจะแรงมาก อาจจะทำให้กลอนล็อคประตูชำรุด จนประตูเลื่อนปิดลงมาเอง จึงได้เดินย้อนกลับมาทางเดิม แล้วหันไปถามเด็กว่า "กลัวมั้ยลูก"

    เด็กหันมามองหน้าพี่สันติ พี่สันติจึงนั่งลงไปกอด ตบลงที่หลังของเด็กทีนึง แล้วบอกว่า "เดี๋ยวตามลุงมานะลูก" เด็กพูดขึ้นว่า "หนูจะไปกับน้า แต่ห้ามทิ้งตุ๊กตาหนูนะ หนูอยากเจอแม่"

    ตุ๊กตาที่ทำขึ้นจากยางสังเคราะห์ร้อนจนลูกกะตาไหลย้อยออกมา พี่สันติมองดูแล้วก็คิดว่ามันคงจะร้อนเอามากๆ แต่เด็กคนนี้กลับถือได้หน้าตาเฉย พี่สันติเดินจูงมือเด็กไปเรื่อยๆ พลางบอกให้เด็กก้มต่ำๆไว้

    จนไปถึงส่วนหลังของโรงงาน ไฟยังคงลามมาไม่ถึง ทำให้พี่สันติรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก จูงมือเด็กกึ่งวิ่งกึ่งเดินไปที่ทางออก จนพ้นประตูออกจากโรงงาน วิ่งเลาะตามกำแพง พยายามอยู่ให้ห่างจากตัวโรงงานให้มากที่สุด

    จนมาถึงพื้นที่โล่งๆ หลังโรงงาน เห็นคนอื่นๆ รวมทั้งแม่ของเด็ก ยืนมองเข้าไปในโรงงาน พี่สันติจึงตะโกนเรียก พี่ผู้หญิงก็หันมาทางพี่สันติทันที อยู่ๆก็ร้องกรี้ดออกมา แล้วพูดว่า "พี่สันติ แล้วลูกของหนูอยู่ไหน"

    พี่สันติทำหน้างงๆ แล้วก็พูดว่า "อยู่นี่ไง" พร้อมกับดึงแขนให้เด็กเดินมาข้างหน้า แต่ปรากฏว่าสิ่งที่เห็น กลับไม่ใช่เด็ก แต่เป็นตุ๊กตาที่ถูกไฟไหม้จนผิดรูปผิดร่าง ลูกกะตาทะลักออกมานอกเบ้า ซึ่งก็คือตัวเดียวกับที่พี่สินติ เห็นเด็กกอดเอาไว้อยู่ตลอดเวลา

    พี่สันติสะดุ้งเฮือก รีบสะบัดมือจนตุ๊กตากระเด็นตกพื้น แล้วรีบวิ่งกลับไปดูทางเดิม ก็พบว่าไฟมันลุมลามจนปิดทางเข้าโรงงานหมดแล้ว จึงวิ่งกลับมาบอกกับพี่ผู้หญิงว่า "เดินออกมาด้วยกันแล้ว จำได้ เด็กมันเดิมตามหลังมาอยู่ตลอด จนออกมาถึงนี่อ่ะ"

    พี่ผู้หญิงร้องไห้จนแทบจะขาดใจตาย พลางบอกว่า "พี่สันติ ทำไมพี่พูดอย่างงี้" พี่สันติงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พยายามคิดว่ามันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง รู้สึกเหนื่อยล้าไม่มีแรงที่จะยืน จนต้องนั่งลงกับพื้น

    ไม่กี่นาทีต่อมา นักดับเพลิงก็เข้ามาช่วยกันดับไฟ จนสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ พี่สันติเดินเข้าไปในห้องเบิกของ ก็พบว่ามีเศษกระดูกป่นๆสีดำ กองอยู่ตรงจุดที่เด็กคนนั้นนั่งกอดตุ๊กตาอยู่

    เหตุการณ์นี้มีคนเสียชีวิตแค่คนเดียว ก็คือเด็กคนนั้น หลังจากนั้นโรงงานก็ถูกปล่อยทิ้งร้างเอาไว้ ไม่มีทีท่าว่าจะมีใครกลับมาบูรณะใช้งานใหม่ และนี่ก็คือเรื่องราวทั้งหมด

ไม่มีความคิดเห็น