เรื่องเล่ามหาวิทยาลัยย่านสามย่าน
จากสมาชิกพันทิป SteeL14s ได้เล่าถึงเรื่องราวตำนานหลอนของมหาวิทยาลัยไทยแห่งหนึ่งย่านสามย่าน ที่มีมานานกว่า 100ปี เลยที่เดียวแน่นอนย่อมมีเรื่องราวสุดแสนจะอธิบายไม่ได้ลึกลับและสยองขวัญ ที่เล่ากันมานานรุ่นสู่รุ่น ลองไปติดตามชมเรื่องนี้กันเลยครับ
- ชั้น 2 ตึกรัฐศาสตร์
ตึกรัฐศาสตร์ที่นี่เก่าเกือบร้อยปีเลยนะครับ เห็นว่าตอนนี้เป็นตึกอนุรักษ์ของกรมศิลปากรแล้วด้วย และเรื่องผีเรื่องนี้ผมฟังมาจากแม่ บ้านที่อยู่ในมหาวิทยาลัยนี้มาตั้งแต่เกิด (ตั้งแต่เกิดจริง ๆ ครับ แกเล่าว่าแกคลอดในนี่) แกว่าที่ตามตึกกิจฯ (กิจการนิสิต) ตาม ตึกรัฐศาสตร์ ไอ้เรื่องได้ยินเสียงดนตรีนี่เรื่องปกติครับ มีไม่ปกติก็ที่ชั้น 2 แกเล่าว่าเคยมีคนนั่งอ่านหนังสืออยู่ ระหว่างอ่านก็มีร่าง ของคนคนหนึ่งเดินผ่าน คนที่อ่านหนังสืออยู่ก็ไม่ได้คิดอะไร ก็คนผ่านไปผ่านมาธรรมดา จนเล่นเอาช็อกเกือบตกเก้าอี้ ก็ตรงมา เห็นว่าคนที่เดินผ่านไปเมื่อกี้นั้น เป็นคนคนเดียวกับบุคคลในรูปที่ได้เสียชีวิตไปแล้ว (ตามทางเดินชั้น 2 ตึกรัฐศาสตร์ เมื่อ ก่อนจะแขวนรูปบุคคลสําคัญที่เกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัยไว้ครับ ส่วนบุคคลตามเรื่องเล่าท่านเป็นใครผมขอไม่เอ่ยถึงละกัน ขอเซฟ ตัวเองนิดนึงครับ เดี๋ยวโดนด่าว่า มาอ้างว่าอาจารย์ฉันกลายเป็นผู้ได้ยังไงอีก)
- ตึกกิจการนิสิต
อาร์ตตี้เล่าให้ฟังครับว่าตึกกิจฯ แต่ก่อนนี่น่ากลัวได้เรื่องอยู่ เป็นอาคารไม้ 1 ชั้นครึ่ง (อีกครึ่งเป็นชั้นใต้หลังคา) เห็นว่ามีคนผูกคอ ตายตรงใต้หลังคาด้วย แต่ทุกวันนี้ตึกกิจฯ ไม่น่ากลัวแล้วครับ ปรับปรุงใหม่กลายเป็นตึกลงทะเบียนดูสวยงาม เส้นทางเดินไปยังติ กกิจฯ ถ้าเรานึกภาพตามสมัยนั้นก็คงน่ากลัวจริงๆ ครับ เพราะก่อนถึงตึกกิจฯ จะต้องเดินผ่านต้นไทรต้นเบ้อเร่อ ผ่านต้นไทรยังมา เจอตึกไม้เก่า ๆ อีก ก็เข้าใจทําไมแต่ก่อนนักศึกษาถึงไม่ค่อยอยากเดินผ่านตึกกิจฯ ตอนดึก ๆ
มาเรื่องผีกันบ้างครับ อาร์ตตี้เล่าให้ฟังว่าเค้าเคยมาเก็บของที่ตึกกิจฯ ตอนหัวค่ํา (ห้องสโมสรนิสิตรัฐศาสตร์) เปิดประตูเข้าไปพบคน ยืนหันหลังอยู่ในห้อง อาร์ตตี้ ก็ตะโกนถามไปว่า “ใครน่ะ ?" คนคนนั้นไม่ตอบครับ แต่วิ่งหนีไปด้านหลัง อาร์ตตี้ก็ตามไป เรื่องมันมา หลอนตรงนี้ครับ เพราะห้องมันห้องนิดเดียว แต่อาร์ตตี้หาตัวคนที่ว่าไม่เจอ ทางเข้าทางออกก็มีประตูเดียว แล้วมันหายไปไหน
- เชียร์ลีดเดอร์
เรื่องต่อมาเป็นเรื่องของสาว ๆ เชียร์ลีดเดอร์คณะรัฐศาสตร์ครับ พวกเธอเล่าให้ฟังว่าก็ซ้อมเต้นกันอยู่หลังตึกคณะตัวเอง (หลังตึก รัฐศาสตร์จะเป็นตึกกิจฯ) ก็เต้นไปตามท่าเค้าล่ะครับ แล้วมันจะมีอยู่ท่าหนึ่งที่ทําให้ต้องมองลอดใต้หว่างขาโดยบังเอิญ จังหวะนั้น ล่ะครับ เธอเล่าให้ฟังว่าเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่บนขอบดาดฟ้าตึกรัฐศาสตร์
- อิฐ9 ก้อน
ที่หน้าตึกเศรษฐศาสตร์จะมีอิฐอยู่ก่อนหนึ่งครับ ที่เกยขึ้นมาไม่ตรงร่องต่างจากก่อนอื่น ๆ ตรงจุดนี้ผมเคยไปมาสองรอบครับ ระยะ เวลาห่างกันประมาณเกือบครึ่งปี กลับไปมันก็ยังเกยขึ้นมาอยู่ยังงั้น เด็กนักศึกษาเค้าว่าห้ามไปเดินเหยียบอิฐก้อนนั้นนะครับ ไม่งั้น เช้ามาที่ขาจะมีรอยช้ําเป็นจํา ๆ ผมไปได้ทราบประวัติที่มาของเรื่องอิฐ 9 ก้อนนี้มาครับ เจ้าของเรื่องเค้าบอกว่าเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้น เมื่อ 5 ปีที่แล้ว (ถ้านับตอนนี้ก็น่าจะ 6 ปีครับ เพราะผมไปมาปีที่แล้ว) เค้าเล่าว่ามีนักศึกษาคณะบัญชีปี 4 ครับ ทะเลาะกับแฟน คณะ อะไร ปีอะไรไม่ทราบครับ) ข้อมูลที่ได้มานี้ ผมได้มาเป็นบทสนทนาเลยครับ
ผู้ชาย : “จะเลิกใช่ไหม ?"
ผู้หญิง : "อม จะเล็ก
ผู้ชาย : "จะเล็กใช่ไหม ?"
ผู้หญิง : "อื้อ”
ผู้ชาย: "จะเล็กแน่นะ"
สิ้นเสียง “จะเลิกแน่นะ" ผู้ชายเค้าก็กระโดดตึกลงไปต่อหน้าผู้หญิงเลยครับ แล้วจุดที่ผู้ชายเค้าตกลงมาตายนั่นล่ะครับ คือจุดเดียว กับที่อิฐมันเกยขึ้นมา สาเหตุน่าจะเกิดจากการที่ร่างตกลงมากระแทกกับพื้น หลังจากนั้นเห็นว่าพยายามยังไง เปลี่ยนพื้นเท่าไหร่อิฐ ตรงนั้นก็ไม่เคยสมานเรียบกันได้ซะทีครับ (ส่วนทําไมชื่อเรื่องมันชื่ออิฐ9 ก้อนนี้ผมไม่รู้จริงๆ)
- สนามฟุตซอล คณะสถาปัตยฯ
ที่คณะสถาปัตย์ เค้าจะมีสนามฟุตซอลภายในตัวตึกด้วยนะครับ ตอนเห็นครั้งแรกนี่อิจฉามาก และเรื่องผีของที่นี่ก็สืบมาจาก สนามที่ว่านี้ล่ะครับ (ตอนรู้เริ่มไม่ค่อยอิจฉาละ) ตอนเย็น ๆ ยาวไปถึงค่ํา ๆ เนี่ย จะมีเด็กนักศึกษามาเตะบอลกันแหละครับ และ ระหว่างเตะก็มีคนเห็นผู้หญิงคนหนึ่งมายืนดูอยู่ตรงระเบียงชั้นสอง มาดูทุกวันเลยนะครับ เห็นทุกวันแถมเห็นกันทุกคน จนวันหนึ่ง น้องคนนึงมันก็ทนสงสัยไม่ไหว ก็ขึ้นไปกะชวนคุย ถามว่าเป็นใคร มีธุระอะไรรึเปล่า ? ก็เดินขึ้นบันไดคดเคี้ยวเลาะไปครับ พอขึ้นไป ถึง ปรากฏว่าผู้หญิงคนนั้นมีแค่ครึ่งตัว แถมยังหันมายิ้มให้แล้วก็หายไป
- ตึกมหามกุฏ
ตึกมหามกุฏนเรื่องผีเยอะมากครับ เยอะมาก ๆ ๆ ๆ มีทั้งเสียงร้องไห้ คนโดดตึก ผู้หญิงชุดขาวเดินทะลุกําแพง (เห็นว่าตึกนี้หลัก ๆ จะ เป็นคณะวิทยาศาสตร์ ผิดถูกยังไงขออภัยครับ) เรื่องผีเยอะจริงครับ แต่เรื่องที่เด็ดที่สุด ผมว่าเป็นเรื่องนี้
คือมหาวิทยาลัย จะมีเพลงประจํามหาวิทยาลัยชื่อเพลง “...........” ครับ แล้วที่ชั้น 11 ตึกมหามกุฏ ว่ากันว่าถ้าอยากเจอให้ขึ้นไปที่ ชั้น 11 เดินไปหาจุดที่มองออกไปนอกตึกได้ แล้วร้องเพลงที่ว่านี้ พอร้องไปจนถึงท่อนว่า "นิสิตพร้อมหน้า..."จะเห็นนิสิตหลาย คน กระโดดตึกลงมาพร้อมหน้าตามเนื้อเพลงเลยครับ
ทีนี้เราจะข้ามถนนไปอีกฝั่งนึงแล้วนะครับ ไปยังฝั่งนิเทศฯ พร้อมน้องไอซ์ น้องไอซ์เป็นผู้ชายหน้าตาดีครับ เซอร์ ๆ ดิบ ๆ มาดตา กล้อง เห็นว่าในคณะก็ดังพอตัว เรื่องแรกนี้เกิดขึ้นที่ชั้น 4 ตึกนิเทศฯ ตึกใหม่ครับ ที่เกิดเหตุมันเป็นประมาณชานยื่นออกไปนอกตัว ตึก รุ่นพี่ไอซ์เค้าไปถ่ายหนังสั้นกัน เป็นหนังผีซะด้วย เนื้อหาก็ประมาณว่าจะมีผู้อยู่ข้างล่าง 5 คน ทําท่าโบกมือไปมา ทีนี้พอเอาฟุต เทจมาเตรียมจะตัดต่อกัน มือคน 5 คนที่ควรจะมีแค่ 10 มือ ดันมีเพิ่มมากลายเป็น 11 มือ
เรื่องที่ชั้น 4 นี่ยังมีต่อเนื่องอีกเรื่องครับ เรื่องนี้ผมได้ฟังมาจากน้องปีหนึ่ง คนนึง ไปเห็นเค้ายืนซื้อลูกชิ้นอยู่ป้ายรถเมล์หน้ามอ พอดี เลยบวกซะเลย น้องเค้าเล่าให้ฟังว่ามีรุ่นพี่เรียนการแสดงอยู่คนนึงครับ เห็นว่าคืนนั้นเป็นวันเกิด ก็เลยกะจะแกล้งเซอร์ไพรส์กัน ด้วยการปลอมเป็นผีไปหลอก ก็นัดเจอพี่เจ้าของวันเกิดคนนี้ที่บันไดหนีไฟ พี่เค้าก็ไปรอครับ พอเป้าหมายมาถึงทุกคนก็ปิดไฟตาม แผน ทีนี้พี่เค้าก็กร็ดครับ ซึ่งทุกคนก็คาดไว้แล้วล่ะ ว่าพี่เค้าต้องกร็ด แต่ที่นี้เหมือนเสียงกรี๊ดมันรุนแรงผิดปกติ ทุกคนก็เลยเปิดไฟรีบ เข้าไปดู กลัวเรื่องมันจะเลยเถิด สุดท้ายเรื่องราวเผยออกมาว่าตอนที่ไฟดับลง พี่เจ้าของวันเกิดคนนี้ เค้าดันโดนผีหลอกขึ้นมาจริง ๆ ครับ
- พี่ธาดา
เรื่องต่อไปนี้ ถึงขั้นว่ากันว่าพวกรุ่นพี่นิเทศฯ เก่าๆ ไม่มีใครไม่รู้จักตํานานเรื่องนี้ ตํานานพี่ธาดาแห่งห้องล้างฟิล์ม ว่ากันว่ามีคนเห็นพี่ ธาดาเข้าไปล้างฟิล์มในห้องมืด แล้วจากนั้นมา ก็ไม่เคยมีใครได้เห็นพี่ธาดาอีกเลย ไอซ์ได้เล่าเสริมถึงเรื่องนี้ไว้ครับ ว่าสําหรับคณะ เค้าเอง เด็กปี 1 จะต้องถูกรับน้องด้วยการไปลองของตํานานผี “พ์ธาดา” ของคณะถูกเอาผ้าปิดตาเดินกันเข้าไปในห้องล้างฟิล์มมืด ๆ (ที่ปัจจุบันกลายเป็นห้องเพื่อกิจกรรมอย่างอื่นไปแล้ว) แม้สุดท้ายจะมารู้ภายหลัง ว่าตํานานดังกล่าวถูกแต่งขึ้นโดยรุ่นพี่ (รุ่นพี่คนที่ ว่าคือ พี่เก่ง จิระ มะลิกุล หัวเรือใหญ่แห่ง GTH ค่ายหนังที่แค่ชื่อ ก็การันตีความฮิต) แต่ใจความสําคัญไม่ได้อยู่ตรงนั้น เรื่องจริงเรื่อง แต่งไม่เกี่ยว...
มันสําคัญตรงที่เรื่องผีที่เกิดขึ้นนี้ ได้สร้างความผูกพันกลับบ้านก็ต้องชวนกันกลับ เพราะเดินคนเดียวมันเสียว สร้างเรื่องราวที่หวน กลับไปคิดถึงเมื่อไร เป็นต้องอมยิ้มทุกครั้ง ศิษย์เก่าศิษย์ใหม่ไม่เคยรู้จักกัน แต่พอเอ่ยถึงพี่ธาดา ประสบการณ์เดินเอาผ้าผูกตาเป็น ได้โม้สู่กันฟังเป็นฉากๆ ไอซ์รีบสรุปปิดท้าย (อาจเพราะอยากไปนั่งกระดกเบียร์กับพวกเราเต็มที่แล้ว) ว่าเข้าใจว่าสําหรับผู้ใหญ่ใน มหาลัย เป็นธรรมดาที่จะมองเรื่องผีว่าเป็นเรื่องเสื่อมเสีย ทําให้สถาบันเสียชื่อเสียง แต่แง่มุมดีๆของมันก็ใช่ว่าจะหาไม่เจอ อย่าง น้อยตัวเค้าเองก็ได้เพื่อนที่ทุกวันนี้เดินกอดคอกันได้แบบไม่เคอะเขินจากคืนล่าท้าผีคืนนั้น คืนที่เค้าได้รู้จักกับพี่ธาดา
"ผมว่าคงไม่มีเด็กคนไหนที่ย้ายที่เรียน หรือเลือกไปเรียนที่อื่นเพราะมหาลัยมันมีผีหรอก” ไอซ์พูดสรุปเรื่องลงในที่สุดครับ
มาถึงเรื่องสุดท้าย ถ้าใครตามอ่านกระทู้มาตั้งแต่แรก คงจําได้ว่าผมเคยเล่าให้ฟังว่า เคยไปให้คนดูว่าลองของกันมาขนาดนี้ ทุกวันนี้ มีผีอะไรตามกลับมาบ้าง ก็อย่างที่เล่าไป ผมโดนตามมาสองตัว เด็กกับพี่สาว ประเด็นอยู่ที่เพื่อนผม คุณฟิล์มครับ (คนคนนี้ก็ไปกับ ผมทุกที่เหมือนกัน) ฟิล์มโดนหนักกว่าผมเยอะครับ โดยนางไม่ใส่ชุดไทยตามกลับมา 2 คน เกาะบ่าซ้ยบ่าขวา แถมเป็นพี่น้องกัน อีก ซึ่งที่มาก็มาจากที่มหาวิทยาลัย นี่เองครับ ต้นไทรหน้าตึกรัฐศาสตร์คนนึง อีกคนนี้จากต้นไทรตรงโรงอาหารแถวตึกกิจฯ (ต้นไทร 2 ต้นนี้ประวัติเยอะครับ บ้างว่าเห็นผู้หญิงชุดไทยเดินออกมาจากต้นไม้ ว่าก็เห็นนั่งอยู่) ถามว่ารู้ได้ไงว่าเค้าตามมาจาก คือพี่คนที่มีสัมผัสวิญญาณเค้าดูฟิล์มแล้วก็ทักครับ ว่าเคยไปชมต้นไม้ที่ไหนว่าเค้าสวยรึเปล่า จบประโยคเท่านั้นฟิล์มอ๋อเลย ครับ พี่คนที่มีสัมผัสวิญญาณเค้าบอกว่า นางไม้ที่สิงสถิตอยู่ที่ต้นไม้เค้าคิดว่าชมเค้าสวย เค้าก็เลยตามมา และเค้าไม่ได้มาคนเดียว น้องเค้าก็ตามมาด้วย เพราะเค้าต้องอยู่เป็นคู่ (ภายหลังฟิล์มเค้ามาเล่าให้ฟังครับว่าตอนนั้นไม่ได้ชมต้นไม่โว้ย กูบอกว่าเฟรม กล้องมุมนี้สวยจัง ตอนนั้นถ่ายวิดีโอกันไปด้วยครับ ก็ซวยไป เดือดร้อนต้องไปซื้อดอกไม้ 5 สี 5 กลิ่น 5 ชนิดมาแก้)
พี่คนที่มีสัมผัสวิญญาณก็แนะนํามาครับ เวลาไปที่ ๆ มีของหรือคิดว่าน่าจะมีผีอย่าไปพูดชมอะไร ๆ ออกมามั่วซั่ว เพราะเค้า จะเข้าใจว่าเราชมเค้า ฟังดูโคตรไม่มีเหตุผลใช่ไหมครับ แรก ๆ ผมก็คิดแบบนี้ จนทุกวันนี้หลังจากไปข้องเกี่ยวกับเรื่องผีๆ เข้า มาก ๆ ฟังมาหลาย ๆ เรื่อง เริ่มเฉย ๆ และทําใจครับ ว่าพวกผีหลาย ๆ ครั้งมันไม่มีเหตุผลจริง ๆ
มีครั้งนึ่งลงใต้ไปลองของที่ ม.หาดใหญ่ครับ ก็เกือบโดนกับตัวที่มหาวิทยาลัยนั้นมันจะมีตึกร้างอยู่ตึกนึ่ง (ตึกร้างนี่ ม.ทักษิณ) ก็มี ห้อง ๆ นึ่งครับ แปะวอลเปเปอร์สวยมาก ผมก็เผลอชมไปว่าห้องนี้สวยแฮะ ก่อนมานึกได้ว่าห้ามชมก็เลยบอก เฮ้ย ไม่สวยละ แต่มา คิดอีกที่เค้าจะโกรธเปล่าวะบอกไม่สวย สุดท้ายเลยบอกผมไม่ได้พูดอะไรเลยนะครับ (เหนื่อยกว่าเจอผีอีกฮะบางที)
Post a Comment