ตำนานสยองขวัญของมหาวิทยาลัยย่านเกษตร


     เรื่องสุดท้ายสำหรับเรื่องหลอนๆตำนานสยองขวัญของมหาวิทยาลัยในกรุงเทพ เรื่องสุดท้ายเป็นตำนานต่างๆจากมหาวิทยาลัยย่านเกษตร ที่มีความเก่าแก่มานานกว่า70ปี ลองไปติดตามกันเลยครับ

     สําหรับที่นี่ ก็พูดไม่ได้เต็มปากว่าผีดุครับ เหตุเพราะมีเรื่องผี มีเรื่องเล่าเยอะ แต่ยังไม่เคยมีใครประสบพบเจอกับตัวเอง แต่สําหรับตัว ผม ขอยกให้มหาวิทยาลัยนี้ตื่นเต้นที่สุดครับ เหตุเพราะมีผู้หญิงคนที่ผมแอบชอบ ร่วมเดินทางมาลองของด้วย (โอ๊ย !!) การมาลอง ของที่มหาวิทยาลัยนี้ ผมก็ได้ความช่วยเหลือจากชมรมดนตรีลูกทุ่งของที่นี่ครับ ซึ่งได้ส่งน้องโชน นักศึกษาคณะประมงปี 2 มาเป็น ผู้นําทาง (น้องโชนนี่พอได้เจอตัว บอกเลยน้องเค้าเหมาะเรียนประมงจริงๆ ครับ ทั้งรูปร่างและสีผิว คือถ้าเดินลากอวนมาด้วยนี่ก็ ออกทะเลได้เลยแหละ)

- จะมีตึกอยู่ตึกหนึ่งครับ(ขอสงวนชื่อตึกครับ น้องเค้าขอมา)
     ว่ากันว่าเมื่อตอนก่อสร้างดําเนินมาถึงขั้นทาสี ก็ได้มีคนงานเกิดเสียชีวิตลง โดยก่อนเสียเค้าได้ทาสีค้างไว้ยังไม่เสร็จ อาถรรพ์เกิด ขึ้นเมื่อคนงานคนที่มาทาสีต่อจากเค้าก็เสียชีวิตลงตามไปเช่นกัน จนเกิดเป็นเรื่องเล่าขานว่าหากใครมาทาสีตรงจุดนี้ จะมีอัน เป็นไป ผมได้ไปดูที่เกิดเหตุมาครับ ลักษณะกําแพงเป็นจุดด่าง ๆ ไม่ได้ทาสีจริงอย่างที่ว่า และก็ลองเอาสีไปทาทับมาด้วยครับ ทา ไปตั้งแต่ปีที่แล้ว จนถึงวินาทีนี้ผมก็ยังไม่ตายครับ ยังมานั่งพิมพ์เรื่องผีให้ทุกท่านอ่านกันเพลิน ๆ เอาเป็นว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะเป็นเรื่อง จริงครับ

- ตู้โทรศัพท์ข้างตึกวิทย์ฯ
     ตรงข้างตึกคณะวิทยาศาสตร์จะมีตู้โทรศัพท์แบบหยอดเหรียญอยู่ครับ เค้าเล่ากันว่ามีคนเคยเห็นนักศึกษายืนอยู่ในนั้น แต่นักศึกษา คนดังกล่าวไม่มีหัว

- Loving Way
     เรื่องผีแฝงความโรแมนติกแห่งมหาวิทยาลัยนี้ครับ เป็นอีกเรื่องที่หากค้นหาหัวข้อเรื่องผีมหาวิทยาลัยนี้ทุกเว็บต้องมีเรื่อง เลิฟวิ่ง เวย์ รวมอยู่ด้วย ถนนเส้นนี้เด็กมหาวิทยาลัยนี้ ทุกคนรู้จักกันเป็นอย่างดีครับ เพราะเชื่อว่าหากกลางวันหนุ่มสาวมาปั่นจักรยานซ้อนกัน ดวง ชะตาก็จะนําพาให้ได้เป็นแฟนกัน แต่หากมาปั้นกลางคืน โดยคนนั้นกับคนซ้อนนั่งหันหลังชนกัน เค้าว่าคนที่ซ้อนจะเห็นอะไรบาง อย่างระหว่างปั้นอยู่ในถนนเส้นนี้ครับ

- พ.ร. 9 ศพ
     เรื่องนี้เกิดขึ้นข้าง ๆ รั้วมหาวิทยาลัยครับ หากใครยังจํากันได้ เมื่ออดีตเคยมีข่าวเด็กสาวคนหนึ่งได้ซึ่งรถเก๋งชนเข้ากับรถตู้โดยสาร บนทางด่วน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตร่างกระเด็นออกมานอกตัวรถ สภาพศพกระจัดกระจาย

     รวมแล้วเสียชีวิตถึง 9 ศพด้วยกัน จากภาพข่าวนี้น่ากลัวมากครับ บางคนนี้ร่างห้อยคาอยู่กับสะพานลอยเป็นที่พรั่นพรึงอย่างยิ่ง

     เรื่องต่อไปนี้ พี่วินมอเตอร์ไซค์ข้างสะพานลอยดังกล่าว เป็นผู้เล่าให้ฟังครับ ว่าช่วงหลังเกิดเหตุใหม่ ๆ นี่เอี้ยนมาก จะต้องได้ยิน เสียงดังกระแทกบนสะพานลอยเวลาเดิม ๆ ทุกวัน (เสียงเหมือนศพตกลงมากระแทกสะพาน) บางคนโดนถึงกับว่า มีผู้โดยสาร เรียกให้ไปส่ง พอถึงที่หมายหันกลับมาไม่มีใคร พี่วินแกยังเล่าว่ามีช่วงนึงที่ตกเย็นปั้บ ไม่มีวินคนไหนกล้าอยู่กันเลยล่ะครับ ขอกลับ บ้านไปอยู่กับลูกกับเมียดีกว่า ผมไปดูสะพานที่ว่ามาด้วยครับ เมื่อราว ๆ ปีครึ่งถึง 2 ปีที่แล้ว ตามยอดต้นไม้ติดกับสะพานยังมีสายสินพันอยู่เลยนะครับ สร้างความกดดันตั้งแต่ยังไม่ขึ้นกันเลยทีเดียว พอเดินขึ้นไป (เวลาราวเที่ยงคืน) ก็ยอมรับล่ะครับ ว่าจาก เรื่องเล่าที่ได้ฟัง จากประวัติที่มีผู้เสียชีวิตตรงนี้จริง ๆ ทําให้ประสาทหลอนเตลิดไปได้เหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ถ้าใครเคยเห็นจุดเกิดเหตุ จะเข้าใจครับ ว่ามันไม่น่ากลัวแม้แต่น้อย รถข้างล่างนี้วิ่งกันขวักไขว่ตลอด

     แต่ตอนนั้นจะก้าวเท้าได้แต่ละก้าวนี่บอกเลยว่าหนักมากครับ ความกลัวกดทับ ตรงจุดที่มีคนตกลงมาเสียชีวิตห้อยติดกับสะพาน ยัง มีดอกไม้มาลัยอยู่เลยนะครับ สภาพยังใหม่ด้วย

- อนุสาวรีย์สามบูรพาจารย์ หรือ อนุสาวรีย์สามเสือแห่งมหาวิทยาลัยนี้
     เป็นอนุสาวรีย์รูปเหมือนของสามบูรพาจารย์ ผู้ริเริ่มสถาปนามหาวิทยาลัยนี้ครับ เรื่องเล่าบอกว่าทั้งสามท่านนี้ชอบเล่น หมากรุกมาก หากใครนําหมากรุกมาเล่นหน้าอนุสาวรีย์ดังกล่าวนี้ตอนเที่ยงคืน

     เค้าว่าหนึ่งในสามท่านนี้จะลงมาเล่นด้วยครับ และต่อจากนี้จะเป็นคิวของน้องโชนแล้วครับ ที่จะพาเราทัวร์คณะประมง ประโยคแรก ที่โชนพูดกับผมนี่น่ากลัวกว่าผีอีกครับ โชนหันมาถามผมว่า “พี่เห็นอะไรในตัวผมไหม?" แล้วโชนก็ผายมือออก ตอนนั้นยอมรับความงงกับความกลัวผสมปนเป (คือ โชนจะสื่ออะไรรรรรรร ????)

- ตึกเพาะเลี้ยง คณะประมง
     โชนบอกว่าที่ตึกนี้มีผีเดินกันพลุกพล่านเลยครับ และจากที่ผมไปเดินสํารวจดูจะมีผีก็ไม่แปลกครับ ตึกเก่ามาก เถาวัลย์นี้ขึ้นตาม หน้าต่างกันสร้างบรรยากาศน่าดู โซนบอกว่าถ้าจุดไคลแม็กซ์เลยต้องหน้าต่างชั้น 2 ครับ รุ่นพี่ของโชนบอกว่ามีเวลาเรียน 4 ปี ต้อง ได้เจอผีตรงนี้เข้าซักวัน

- นางเงือก
     ตอนได้ยินครั้งแรกตื่นเต้นมากครับ ผมอยากเจอนางเงือกตัวเป็น ๆ มาทั้งชีวิต ก็ไปที่ตึกประมงตึกใหญ่เลยครับ (ผมไม่รู้ว่าชื่อเต็ม ๆ คืออะไร) โช่นบอกว่าห้องน้ําชั้น 3เคยมีรุ่นพี่คนหนึ่งล้างหน้า อยู่ ๆ ไฟก็ดับ รุ่นพี่คนนี้เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาส่องไปที่สวิตช์ไฟตรง ประตู จังหวะที่เอื้อมมือไปจะเปิดสวิตช์นั้นเอง ก็มีมืออื่น ๆ เป็นเมือก มีเกล็ดคล้ายเกล็ดปลามาคว้าหมับเข้าที่มือ! (เรื่องนี้ผมไปลอง มาไม่เจออะไรเลยครับ เสียใจมาก)

- ตึก SCL
     เป็นตึกแล็บเคมีครับและน่าจะเป็นตึกที่มีเรื่องเล่าเยอะที่สุดของมหาวิทยาลัยนี้แล้ว ตั้งแต่หากยืนหน้าตึกแล้วมองลอดใต้หว่างขาขึ้น ไป จะเห็นคนนั่งห้อยขาอยู่ที่ดาดฟ้าตึก หากไปอ่านหนังสือใต้ตึกตอนดึก ๆ เห็นว่าบ้างก็เจอคนเลือดท่วมเดินผ่าน บ้างก็ว่าจะได้ยิน เสียงสวดชินบัญชร (ไอ้เรื่องเสียงสวดชินบัญชรนี้ผมไขคดีได้เรียบร้อยครับ พี่ยามเค้าเฉลยว่า เสียงสวดที่ได้ยินกันน่ะ พวกยาม กันเองนี่แหละเป็นคนเปิด แต่จะเปิดเพราะสาเหตุอะไร หรือเปิดให้ใคร ? พี่ยามไม่ยอมบอกครับ ปล่อยเป็นปริศนาดํามืดต่อไป) สําหรับเรื่องตึก SCL มีเรื่องที่ผมไม่เข้าใจอยู่เรื่องเดียวครับ คือเค้าเล่าว่ามีคนเคยเห็นผีแม่บ้านที่ห้องน้ําหญิงชั้น 2 หรือ 3 ไม่แน่ใจ พวกผมก็ลองขึ้นไปกันดูครับ

     เมื่อเข้าห้องน้ําหญิงไปก็พบกับคําเตือนว่า “อันตราย ห้ามเข้าห้องน้ําคนเดียว" เป็นคําเตือนที่ชวนสยองมากครับ ว่าทําไมห้องน้ํา ถึงต้องห้ามเข้าคนเดียว อีกทั้งยังเป็นห้องน้ําในตัวสถานที่อย่างมหาวิทยาลัยอีกต่างหาก ชวนสงสัยมาจนทุกวันนี้

- บันไดสําหรับคนอยากเห็นผี
     ที่ตึกบัณฑิตครับ จะมีบันไดด้านข้างตัวตึกอยู่ เค้าว่าถ้าอยากเห็นผีให้เราลองไปนอนที่บันไดนั้น แล้วแหงนหน้า ตั้งจิตแล้วพูดว่า หากวิญญาณมีอยู่จริง ขอให้แสดงอะไรออกมาก็ได้ ไม่ว่าจะมาในรูป รส กลิ่น เสียง แล้วเห็นว่าผีจะโผล่มาให้เห็นครับ

- ศ.ร. 4 ใต้ตึกศูนย์เรียนรวม 4 จะมีสถาปัตยกรรมอันหนึ่งครับ เกือบ ๆ จะเรียกได้ว่าเตียงละ แต่มันพิสดารกว่านั้นเค้าว่าหากมานอน มานั่งเล่นบริเวณนี้ จะเริ่มได้ยินเสียงเด็ก ๆ วิ่งเล่นกัน ถ้าได้ยินแล้วให้แหงนหน้าขึ้นไป จะเจอกลุ่มผีเด็ก ชะโงกหน้ามาหัวเราะให้เรา เต็มไปหมด

ไม่มีความคิดเห็น