ร่าง-ซ่อน-ตาย


      เรื่องราวหลอนๆจากกระทู้พันทิป "ร่าง-ซ่อน-ตาย" โดยสมาชิกพันทิป Lady Star 919 เรื่องราวของสองสามีภรรยาคู่หนึ่งที่กำลังสร้างเนื้อสร้างตัวและชีวิตกำลังไปในทิศทางที่ดี แต่แล้ววันหนึ่งเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ของไปติดตามกันเลยครับ

วิไลฉัตรและสุพจน์ สองสามีภรรยาวางแผนเปิดร้านขายอาหารตามสั่ง

     ทั้งสองทำงานประจำจนมีเงินเก็บพอที่จะเปิดร้านได้ จึงลาออกจากงาน และมาเช่าห้องแถวเปิดเป็นร้านอาหาร

     สุพจน์ทำหน้าที่รับออเดอร์ เสิร์ฟอาหาร และเก็บถ้วยจานชามไปล้าง ส่วนวิไลฉัตรจะเป็นผู้ทำอาหาร ตระเตรียมอุปกรณ์เครื่องปรุงที่ใช้ประกอบอาหาร

      แรกๆที่เปิดร้านใหม่ แทบไม่มีลูกค้าเข้าร้านเลย แต่เมื่อเวลาผ่านไปได้สองสัปดาห์ ลูกค้าที่เคยมากิน ต่างชวนเพื่อน ชวนครอบครัวมากินอาหารที่นี่

เพราะฝีมือการทำอาหารของวิไลฉัตรเอร็ดอร่อยเลื่องลือไปไกล

     เพียงเวลาแค่ไม่กี่เดือน ร้านอาหารของเธอก็มีลูกค้าแวะเข้ามาอุดหนุนอย่างไม่ขาดสาย บางวันโต๊ะเต็ม ลูกค้าที่ต้องการทานที่ร้านต้องยืนรอให้คนที่นั่งอยู่ลุกออกจากโต๊ะเสียก่อนจึงได้นั่ง

     สามีภรรยาทำงานหนักและเหนื่อยมากขึ้น เพราะลูกค้าเยอะทุกวัน และกว่าจะปิดร้านก็ปานไปเที่ยงคืนหรือไม่ก็ตีหนึ่ง

เมื่อค้าขายดี เงินที่เข้ามาในแต่ละวันก็เยอะตามปริมาณลูกค้า

     คืนนี้ทั้งสองปิดร้านเร็วกว่าปกติเพราะของที่เตรียมไว้ขายหมดเกลี้ยง

วิไลฉัตรอาบน้ำประแป้ง ขึ้นนอนบนเตียงรอสุจพน์ที่ออกไปซื้อเบียร์มากิน

วิไลฉัตรนอนรอจนเผลอหลับไป และสะดุ้งตื่นเมื่อได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาจอดหน้าบ้าน และตามด้วยเสียงเปิดประตู

สักพักชายคนรักจึงเปิดประตูเข้ามาในห้อง แล้วก้าวขึ้นมานอนข้างๆ เธอจึงเอ่ยปากพูดกับสามี

"พี่..ถ้าเราค้าขายของดีแบบนี้ทุกวันอีกหน่อยเราคงมีเงินเก็บไว้ซื้อบ้านเป็นของตัวเองสักทีนะพี่นะ"

วิไลฉัตร ตวัดแขนก่ายกอดสามีแล้วแนบหน้าลงบนหัวไหล่

"ใช่ๆ สักพักเราต้องมีบ้านเป็นของตัวเอง ไม่ต้องมาเช่าที่ใครอยู่อีก เรามาช่วยกันตั้งใจทำงานเก็บเงินกันนะวิไล"

สุพจน์กอดตอบเมีย

"จ๊ะพี่"

"แต่ก่อนที่เราจะซื้อบ้าน พี่ขอเจ้าตัวเล็กจากน้องก่อนนะ"

พูดจบสามีพลันรุกทั้งกอดทั้งจูบไซร้ซอกคอ ผู้เป็นภรรยาส่งเสียงครางแผ่วเบา บทรักรุกเร้าร้อนแรงไฟปรารถนาเผาร่างทั้งสองหลอมรวมเป็นหนึ่ง

รุ่งเช้า..วิไลฉัตรตื่นนอนด้วยอาการของคนนอนหลับไม่เต็มอิ่ม เพราะเมื่อคืนได้บรรเลงบทรักไปหลายรอบ

วิไลฉัตรเข้าครัวเตรียมอาหารไว้รอสามี เมื่อทำอาหารเสร็จ เธอเข้าไปปลุกสามีที่ยังนอนห่มผ้าบนเตียง

"พี่พจน์ตื่นมากินข้าวได้แล้ว"

"วิไลกินก่อนเถอะ พี่ขอนอนอีกนิด พี่ยังรู้สึกเหนื่อยอยู่เลย"

เมื่อได้คำตอบแบบนี้วิไลฉัตรจึงไม่เซ้าซี้สามี เพราะรู้ดีว่าหากสามีนอนไม่เต็มอิ่มจะมีอาการหงุดหงิด

เธอจึงเดินออกมาจากห้อง จัดหาข้าวมากิน เมื่ออิ่มแล้ว จะได้ไปตลาดซื้อของมาเตรียมเปิดร้าน

ในระหว่างที่เธอกำลังล้างจาน มีเสียงใครคนหนึ่งตะโกนเรียกเธออยู่หน้าบ้าน

"วิไล แม่วิไล" ป้ายิ่งแม่ค้าขายผักที่ตลาด เป็นคนตะโกนเรียก

เธอจึงเดินออกมาดู

"มีอะไรคะป้า"

"ได้ข่าวว่าเมื่อคืน ผัวเอ็งไปมีเรื่องกับพวกนักเลงคุมบ่อน แล้วบาดเจ็บตรงไหนบ้างล่ะ"

วิไลฉัตรได้ฟังแบบนี้พลันตกใจ และเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย มันจะเป็นไปได้ไง ที่พี่พจน์จะไปมีเรื่องกับนักเลงพวกนั้น

"ไม่น่าจะใช่นะป้า เมื่อคืนพี่พจน์แกออกไปซื้อเบียร์ที่เซเว่นแล้วก็กลับมา ฉันไม่เห็นว่าพี่พจน์จะบาดเจ็บตรงไหนเลย"

"เอ..หรือว่าไอ้ต้ามันตาฝาด มันบอกว่าเห็น ผัวเอ็งโดนรุม" ป้ายิ่งเริ่มไม่แน่ใจ

"ฉันว่ามันตาฝาดซะมากกว่า พี่พจน์แกไม่ชอบมีเรื่องกับใคร ยิ่งเรื่องชกต่อยแล้วพี่แกยิ่งไม่ชอบเลยจ๊ะ"

"เออๆ คงจริงของเอ็ง งั้นป้าไปตลาดละ" ป้ายิ่งบอกลาแล้วเข็นรถขายผักออกไป

"เดี๋ยวฉันตามไปซื้อนะจ๊ะ" วิไลฉัตรตะโกนตามหลัง แล้วจึงเดินมาหยิบกระเป๋าในห้องนอน เห็นสามีนอนหันหลัง ห่มผ้าปิดทั้งตัว มองเห็นเพียงศีรษะ

เธอจึงเดินไปนั่งข้างๆสามีแล้วจับที่หัวไหล่

"น้องมีอะไรหรือเปล่า ทำไมยังไม่ไปตลาดอีกละ" สามีพูดขึ้นโดยไม่ได้หันหน้ามามองวิไลฉัตร

"เมื่อกี้ป้ายิ่งมาบอกฉันว่าพี่ไปมีเรื่องกับพวกนักเลงคุมบ่อน มันจริงไหมจ๊ะ"

ทั้งที่ในในคิดว่าสามีคงไม่ไปมีเรื่องชกต่อยกับคนอื่นแน่ๆ แต่ก็อดถามไม่ได้

"พวกนั้นมันมาหาเรื่องพี่ก่อน มันพยายามจะแย่งกระเป๋าเงินพี่ แต่พี่ไม่ยอม พวกมันเลยรุมทำร้ายพี่ โชคดีที่ตำรวจสายตรวจมาเห็น พี่เลยไม่เจ็บอะไรมากมาย"

สุพจน์พูดโดยไม่หันมามอง เขายังนอนนิ่งอยู่ท่าเดิม

"แน่ใจนะจ๊ะว่าพี่ไม่เป็นอะไร ขอฉันดูหน่อย" วิไลฉัตรเป็นห่วงสามีมาก เธอพยายามจะพลิกตัวสามีให้นอนหงาย เพื่อว่าเธอจะได้ดูหน้าให้ชัดว่าคนรักไม่เป็นอะไรจริงๆ

แต่ถูกสามีร้องห้าม บอกแค่ว่าเจ็บระบมเล็กน้อย ไม่ให้เธอมาจับตัว และไล่เธอไปจ่ายตลาด

วิไลฉัตรคว้าเอากระเป๋าสะพาย แล้วเดินออกจากห้อง ด้วยใจที่ยังเป็นห่วงสามี แต่ในเมื่ออีกฝ่ายบอกว่าไม่เป็นไรเธอก็วางใจ ว่าคงไม่เจ็บอะไรมากจริงๆ

ที่ตลาดสด

แม่ค้าสี่ห้าคนยืนเกาะกลุ่มคุยกันเสียงดัง วิไลฉัตรจึงเดินเข้าไปถาม

"มีเรื่องอะไรกันหรือคะ"

"มีคนพบศพถูกฝังไว้ในป่าหลังตลาดเรานี่เอง ตอนนี้ตำรวจกำลังช่วยกันขุดศพขึ้นมา พูดแล้วป้าละขนลุก"

ป้ายิ่งเป็นคนบอกวิไลฉัตรก่อนใครเพื่อน

"ทุกคนไปดูกัน ตำรวจเอาศพขึ้นมาได้แล้ว" เสียงตะโกนโหวกเหวกดังลั่นตลาด ทำให้คนซื้อ คนขายต่างวิ่งกรูไปดูจุดที่พบศพ

วิไลฉัตรก็วิ่งตามกลุ่มแม่ค้ามาด้วยเช่นกัน ทันทีที่มองเห็นศพ เสื้อผ้า กางเกง และใบหน้าที่คุ้นเคย ทำให้เธอแทบทรุดเข่าอ่อนโดยไม่รู้ตัว

"พี่พจน์!" วิไลฉัตรกรีดร้องลั่น พยายามวิ่งเข้าไปหาศพแต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจกันไว้

"เข้าไปไม่ได้นะครับ"

"ไม่ ไม่จริง" วิไลฉัตรร้องลั่น น้ำตาไหลพราก

"ทำใจดีๆไว้นะแม่วิไล" ป้ายิ่งเข้ามาปลอบ

"พี่พจน์ยังไม่ตาย เมื่อเช้าฉันยังคุยกับพี่พจน์อยู่เลย" เธอหันไปพูดกับป้ายิ่ง แล้วพรวดพราดลุกขึ้นวิ่งกลับบ้าน

วิไลฉัตรวิ่งเข้าไปในห้องนอน เห็นสามียังนอนอยู่ท่าเดิม เธอปาดน้ำตา ดีใจจนบอกไม่ถูกที่เห็นชายคนรักยังสบายดี

"พี่พจน์" เธอเรียกชื่อสามีน้ำเสียงสั่นเครือ แต่ไม่มีปฏิกิริยาตอบกลับจากคนนอน

วิไลฉัตรจึงเดินเข้ามาใกล้ๆแล้วพลิกตัวสามีให้หันมาทางเธอ

ทันทีเห็นใบหน้าสามี เขียวคล้ำ ดวงตาขาวซีด มีบาดแผลเหวอะหวะตามหัวไหล่ และแขน เลือดเปรอะเปื้อนเต็มเสื้อ

เธอผงะถอยห่างออกมาด้วยความหวาดกลัวระคนตกใจ ดวงตาเบิกกว้าง ทั้งเสียใจ ทั้งกลัวจนตัวสั่น เมื่อนึกขึ้นได้ว่า เมื่อคืนเธอเพิ่งนอนกับผี

วิไลฉัตรกรีดร้องราวคนบ้าก่อนจะหมดสติล้มพับไปข้างเตียงนอน

ในบ้านเงียบกริบ...ฉับพลันไม่นาน โทรทัศน์ถูกเปิดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เสียงนักข่าวรายงานข่าวดังก้องทั่วบ้าน

"ข่าวด่วน มีการแจ้งเหตุพบศพชายวัยกลางคนถูกฝังไว้ที่ป่าท้ายตลาดสด ทราบชื่อคือนายสุพจน์ แก้วใส อายุ 43 ปี ถูกฆ่าอย่างโหดเหี้ยมทางตำรวจกำลังสืบหาตัวฆาตกรและแรงจูงใจในการฆ่าหากมีความคืบหน้าจะรายงานข่าวให้ทราบค่ะจบข่าว...กิติกรชาติดี รายงาน..."

จบ..
............

ไม่มีความคิดเห็น