เจอผีที่บ้านร้าง


     จากประสบการณ์จริงจากพันทิป กระทู้ "สองแม่ลูกเจอผีที่บ้านร้าง" โดยLa-Aor na เมื่อเธอไปพบกับบ้านร้างหลังหนึ่งซึ่งเธอมาทราบภายหลังจากเจอเหตุการณ์สุดหลอน ว่าบ้านหลังนี้.....................

เรื่องนี้เกิดขึ้นจริงเมื่อปี2543
เริ่มกันเลยนะค่ะ  คือเรา2แม่ลูกเป็นคนต่างจังหวัด
ไปได้งานทำอยู่ร้านอาหารแห่งหนึ่งในตัวเมืองจ. กำแพงเพชร  เนื่องจากเพิ่งย้ายไปเจ้านายเห็นว่ายังไม่มีที่พัก

     เลยแนะนำว่าให้ไปเช่าบ้านของแก ซึ่งอยู่ไม่ไกลมากนัก แกบอกจะลองไปดูก่อนก็ได้นะ
และช่วงเย็นวันนั้นเจ้านายก็พาไปดูบ้าน พอไปถึงสิ่งแรกที่เห็นคือประตูรั้วบ้านเป็นสังกะสี
สีเขียวเก่าๆ เก่าจนสีหลุดลอกขึ้นสนิมแถมมีเถาวัลย์เลื้อยเต็มไปหมด พอเปิดเข้าไปจะเจอต้นกระดังงาต้นใหญ่
มีศาลพระภูมิใกล้ๆมันเก่ามากหยากไย่นี่อย่างเยอะ เหมือนไม่เคยมีใครทำความสะอาดมาก่อน

     เดินไปอีก50เมตรเจอบ้านไม้เก่าๆ ลักษณะเป็นบ้านไม้ยกพื้นสูง มองขึ้นไปบนบ้านเห็นมีประตูไม้เล็กๆกั้นไว้และมีโซ่คล้องประตูด้วย ข้างๆบันไดมีหมาดำตัวนึงนอนเฝ้าอยู่
ด้วยความสงสัยเราก็เลยถามว่าบ้านนี้ใครอยู่เหรอค่ะ แกบอกว่าไม่มีหรอกปิดไว้งั้นแหล่ะ
เราคิดในใจถ้าไม่มี จะคล้องโซ่ทำไม

     ด้านล่างใต้ถุนบ้านมีห้องปูนติดกัน2สอง ห่างออกไปอีกก็เจอห้องแถวติดกัน3ห้อง
ห้องตรงกลางคือห้องที่จะให้เช่า เป็นห้องเล็กๆแคบมาก ฝุ่นก็เยอะข้าวของรุงรัง
มุมขวามีเตียงนอนอยู่1เตียง  เรากับแม่มองหน้ากันไปมาเจ้านายเลยถามว่าเป็นไงอยู่ได้มั๊ย?
เราเองก็ไม่มีทางเลือกมากนักก็เลยตัดสินใจอยู่ แม่ถามเรื่องค่าเช่าจะคิดยังไง
แกบอกอยู่ไปก่อนเลย สิ้นเดือนค่อยว่ากัน  เราก็แปลกใจแต่ก็คิดว่าแกคงสงสารมั้งเพราะเห็นว่าไม่ค่อยมีตังค์

     พอเจ้านายกลับไป เรากับแม่ก็ช่วยกันทำความสะอาด จัดข้าวของซ่ะใหม่ กว่าจะเสร็จก็เกือบๆทุ่มนึง
ลืมบอกว่าห้องนี้ไม่มีห้องน้ำในตัว ถ้าจะใช้ต้องเดินถัดไปอีกห้องนึงและก็มีอยู่แค่ห้องเดียวด้วย
เรากับแม่เลยต้องผลัดกันไปอาบน้ำ

     รอบๆบ้านเต็มไปด้วยต้นไม้มันมืดมากต้องใช้ไฟฉายส่อง
เราอาบเสร็จก่อนก็มาแต่งตัวรอแม่ในห้อง ก็ทาครีมอะไรปกติ
ระหว่างนั้นก็ได้ยินเสียงซักผ้า เราก็คิด ไหนแม่บอกจะว่าซักพรุ่งนี้ไง แต่ก็ช่างเถอะ ก็ไม่สนใจอะไร
พอแม่กลับมา แต่งตัวเสร็จกำลังจะนอน เราก็เลยถาม อ้าวแม่ นี่แม่ตากผ้าแล้วเหรอ
แม่ก็ถามตากอะไร ก็หนูได้ยินเสียงแม่ซักผ้านี่นา แม่ก็บอกมั่วแล้วเราอ่ะ
มาๆนอนได้แล้วพรุ่งนี้ต้องทำงาน เราก็บอกหนูยังไม่ง่วงเลย ถ้าไม่ง่วงอ่ะอ่านนี่ให้แม่ฟังหน่อย

     แม่แกไปเอาหนังสือพิมพ์ที่ไหนไม่รู้มายื่นมาให้ เราก็พลิกไปพลิกมา
มันเก่ามากขาดหลุดรุ่ย บางหน้าปลวกก็กินไปเกินครึ่งล่ะ เหลืออยู่หน้าเดียวที่พออ่านได้
สรุปเป็นข่าวฆาตรกรรม เราก็กลัวนะแต่ก็จำใจอ่านให้แม่ฟัง

     ในเนื้อหามีอยู่ว่า ผัวเมียคู่หนึ่งเป็นชาวพม่าทะเลาะกันเพราะความหึงหวง
ฝ่ายชายขาดสติจึงลงมือฆ่าตัดคอ แล้ว....พออ่านถึงบรรทัดนี้ จู่ๆไฟก็ดับ
เรากับแม่ตกใจมาก ตอนแรกคิดว่าไฟดับหมดทั้งละแวกนั้น  แต่เราลองมองลอดหน้าต่างไปยังบ้านอื่นๆที่เห็นไกลๆ

     เราก็เห็นไฟเปิดอยู่ เราเริ่มกลัวแต่แม่มีสติมากกว่ารีบบอกว่าสงสัยฟิวซ์ขาดมั้ง
เพราะหลอดไฟก็เก่ามากแล้ว ไม่ต้องกลัวนะนอนเถอะ

     เราก็นอนลืมตาอยู่ในความมืด มันเงียบมาก มากจริงๆ
ผ่านไปสักพักเราได้ยินเสียงหมาที่นอนเฝ้าประตูบ้านนั้น
มันกระดิกหางไปมา ท่าทางดีใจเหมือนได้เจอเจ้าของ
หลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงคนเดินขึ้นบรรได ก้าวช้าๆ ช้าๆ
และเหมือนค่อยๆถอดโซ่คล้องประตูออกและเปิดประตูเข้าไป

     ใจเราเต้นแรงมาก แม่รู้ว่าเรากลัวก็กอดเราแน่น  นอนฟังเสียงอยู่นานแต่ก็ไม่ได้ยินอะไรอีกจนกระทั่งเราหลับไป
(เหตุการณ์ถัดจากนี้ได้เกิดขึ้นกับแม่คนเดียว ซึ่งแม่ได้มาเล่าให้ฟังในตอนเช้า)

     ต่อนะค่ะ...หลังจากที่เราหลับไปแล้ว สักประมาณตี3กว่าๆ แม่ได้ยินเสียงคนเดินมาหยุดหน้าประตูห้อง
ยืนอยู่พักนึงก็เดินอ้อมไปทางด้านหลัง ซึ่งมีหน้าต่างอยู่สองบาน ก็ไม้เก่าๆอีกนั่นแหล่ะ
จากนั้นก็มีคนมาเขย่าหน้าต่างเสียงดังมาก เหมือนจะพังเข้ามาข้างในให้ได้

      แม่ตกใจมากพยายามตะโกนให้คนช่วย ทั้งปลุกเรียกเราแต่ทำยังไงเราก็ไม่ตื่น
มุ้งที่กางไว้แม่สะบัดจนเชือกขาดลงมากองอยู่ที่พื้น เสียงนั่นก็ยังคงดังอยู่ไม่หาย
จนกลอนหน้าต่างจะหลุดออกอยู่ล่ะ แม่บอกไม่รู้จะทำไง
เลยคว้าอีโต้ที่อยู่ข้างเตียงขึ้นมาถือไว้แน่น เป็นไงเป็นกันจะผีหรือคน
ก็ลองดูแม่จะฟันให้เละเลย ด้วยความกลัวผสมความบ้าจึงเกิดเป็นความกล้า
แม่ตะโกนท้าท้ายออกไป "มา แน่จริงเข้ามาเลย เข้ามาหากูนี่กูจะสับให้เป็นชิ้นๆเลย"
ไม่พูดเปล่าแม่ตัดสินใจผลักหน้าต่างออกไปสุดแรง
สิ่งที่เจอคือความว่างเปล่า เงียบสงัดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

      พอเช้ามาเราตื่นเห็นแม่นั่งถือมืดอีโต้อยู่มุมห้อง ตัวสั่นเทิ้มเลย
เราก็ตกใจ รีบถามแม่ๆ เกิดอะไรขึ้น!! แม่บอกเราออกจากที่นี่กันเถอะ
เดี๋ยวแม่เล่าให้ฟัง เราก็พอเข้าใจแหล่ะว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ๆ

จึงรีบเก็บเสื้อผ้า แม่ได้โทรบอกเจ้านายว่าเราจะย้ายออกไม่ขออยู่ที่นี่แล้ว
เจ้านายก็รีบมารับและถามว่าเกิดอะไรขึ้น แม่เลยถามตรงๆว่า
เจ๊,,บ้านนี้มีไรหรือเปล่า แกหน้าซีดแล้วเล่าให้ฟังว่า

     เมื่อ5ปีก่อนมีพม่าสองผัวเมียมาเช่าห้องอยู่ที่นี่ ห้องนี้แหล่ะ และฆ่ากันตาย
โดยที่ผู้ชายได้ฆ่าตัดคอเมียของเขาและเอาศพยัดไว้ใต้เตียง แล้วหนีไป
เรื่องนี้เป็นข่าวใหญ่ขึ้นหน้าหนึ่งเลยล่ะ แต่เจ๊เห็นว่ามันผ่านมานานล่ะ
ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

      เราฟังจบก็รีบวิ่งไปหยิบหนังสือพิมพ์เล่มนั้นมาอ่านอีกรอบ ในนั้นจะบอกบ้านเลขที่ที่เกิดเหตุ
เรารีบออกมาดูป้ายบ้านเลขที่ซึ่งมีเถาวัลย์คลุมอยู่ พอเราดึงเถาวัลย์ออก เท่านั้นแหล่ะชัดเลย!! มันคือเรื่องเดียวกัน

     เจ้านายรีบบอกขอโทษ ไม่คิดว่าเขายังอยู่ แหม่ อีเจ๊...จะลองมาพิสูจน์สักคืนมั๊ยล่ะ
อ้อ!!ส่วนเรื่องบ้านไม้นั้น อีเจ๊แกบอกว่าเป็นของคุณปู่แก แกหวงบ้านหลังนี้มาก
ถึงขั้นเอาโซ่มาคล้องไว้เวลาจะออกไปไหน พอแกตายก็ไม่มีใครเข้าไปยุ่งอีก ก็เลยปล่อยไว้แบบนั้น


**เข้ามาเสริมเพิ่มเติมค่ะ พอตอนเช้าระหว่างที่รอเจ้านายมารับ
เราออกไปเดินดูรอบๆบ้านเผื่อจะเจอร่องรอยอะไร รวมทั้งหน้าต่างบานนั้นว่าเสียหายตรงไหนหรือเปล่า
แต่ก็ไม่มีเลย ไม่มีรอยเท้าคน หน้าต่างก็ปิดสนิทไม่มีทีท่าว่าจะเขย่าได้เสียงดังขนาดนั้น
เจอแบบนี้ก็งงเหมือนกัน ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไร?? 

ไม่มีความคิดเห็น