บ้านหลังที่สอง โดย คุณบอล จาก The Ghost Radio


     8 เรื่องของคุณบอล แห่ง The Ghost Radio ถูกถอดความโดยสมาชิกพันทิป หวานยิหวา โดยกระทู้ชื่อ [สำหรับคนชอบอ่าน] รวมจักรวาลผีของคุณบอลทั้ง 8 เรื่องจาก The Ghost Radio จากเรื่องแรก "สิ่งที่ผมเจอ", "บทสรุปสิ่งที่ผมเจอ", "สิ่งที่เพื่อนผมเจอ", "ผมยังไม่อยากตาย", "สิ่งที่พ่อผมเจอ" และ "บ้านหลังที่หนึ่ง" มาต่อกันเลยครับกับเรื่องต่อไป "บ้านหลังที่สอง"................

      อย่างที่ผมเคยบอกไว้นะครับ ว่าในบรรดาบ้านทุกหลัง จะมีอยู่สามหลังที่ค่อนข้างแรง แรงถึงขนาดที่ว่าคุณพ่อผมอยู่ไม่ได้ รีโนเวทไม่ได้ ซึ่งบ้านหลังที่หนึ่งได้ถูกเล่าไปแล้วเมื่อหลายอาทิตย์ก่อน นี่คือบ้านหลังที่สอง ย้อนไปเมื่อปี 2524-2525 ช่วงนั้นคุณพ่อผมทำธุรกิจซื้อบ้านที่มีประวัติมารีโนเวทตั้งแต่ปี 2522-2527 โดยในช่วงนั้นคุณพ่อผมก็ยังทำสวนอยู่ที่ กันทรลักษ์ ศรีสะเกษ อยู่เหมือนเดิม พอหมดหน้าสวนคุณพ่อก็จะไปหาบ้านมีประวัติมาทำแล้วรีโนเวท

      ปีนั้นคุณพ่อผมมีโอกาสได้ลงไปจังหวัดจันทบุรีซึ่งเป็นจังหวัดเกิดของคุณพ่อผมนี่แหละครับ ก็นัดเพื่อน ๆ ที่ไม่เจอกันนานมาทานข้าวกัน ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบกัน ตอนนั้นคุณพ่อผมมีครอบครัวแล้วแต่ยังไม่ได้มีผม ก็คุยกันไปคุยกันมา ก็คุยกันไปถึงตรงที่ว่าคุณพ่อผมรับซื้อบ้านมารีโนเวท แต่คุณพ่อผมไม่ได้บอกนะครับว่าเป็นบ้านแบบไหน ทีนี้ในกลุ่มเพื่อน ๆ ของคุณพ่อผมมีอยู่คนหนึ่งที่เขาเป็นตำรวจอยู่ในพื้นที่ เขาก็แซวคุณพ่อผมว่า ถ้ารับซื้อบ้านมารีโนเวทเนี่ย ทำไมไม่ลองไปซื้อบ้านที่เป็นบ้านผีมาทำดูล่ะ โดยที่เขาไม่ทราบว่าคุณพ่อผมเจาะจงซื้อบ้านประเภทนี้อยู่แล้ว คุณพ่อผมก็ถามว่ามันมีบ้านตรงไหน ก็เลยไปดูกัน

      ที่ตรงนั้นเป็นทางที่ถนนสวนกัน เป็นถนนสองเลนแคบ ๆ ถ้าออกไปจากตัวเมืองบ้านหลังนี้จะอยู่ทางด้านซ้าย ลักษณะตัวบ้านจะเป็นที่กว้าง ๆ ประมาณไร่กว่า ๆ แล้วตัวบ้านจะอยู่ในสุดเลย รอบ ๆ ที่ไม่ใช่ถนนก็จะเป็นพงหญ้า เป็นป่า ถัดออกมาค่อนข้างไกลจากบ้านจะเป็นร้านค้า ร้านขายของชำ มีตู้โทรศัพท์อยู่หน้าร้านขายของชำ นี่คือลักษณะคร่าว ๆ ของบ้านนะครับ

      ทีนี้บ้านจะมีความพิเศษ คือเป็นบ้านทรงยุโรป สไตล์วิคตอเรียผสมคันทรี่ ซึ่งสองสไตล์นี้ไม่น่าเอามาผสมผสานกันได้ มันไม่เข้ากันเลย ชั้นสองของบ้านจะมีเฉลียงยื่นออกมาเป็นระเบียงบ้าน พอคุณพ่อผมเดินดูก็ชอบบ้านหลังนี้มาก ถึงแม้ประตูหน้าต่างมันจะพังไปหมดแล้ว แต่ว่าชั้นสองมันยังดูดีอยู่ ห้องนอนยังดูดีอยู่ มีการประดับกระจกสีต่าง ๆ สวยงามมากเลย คุณพ่อก็แกล้งถามไปว่าบ้านราคาเท่าไหร่ เพื่อนก็แซวกลับว่าบ้านไม่แพงหรอกมันแพงกับค่านายหน้า

       สรุปพอบอกราคาออกมา คุณพ่อผมด้วยความที่เขาเป็นคนซื้อบ้านอยู่แล้วเนี่ย เขารู้เลยว่าบ้านพร้อมที่ดินขนาดไร่กว่าในราคานี้ ได้แค่ที่ดินก็คุ้มแล้ว นี่ได้บ้านมาอีก คุณพ่อผมก็ตัดสินใจให้เพื่อนติดต่อเจ้าของบ้านแล้วทำการซื้อขายกันเลย หลังจากโอนบ้านเสร็จเรียบร้อย ก็เหมือนเดิมคือคุณพ่อผมจะเอาตัวเองเข้ามาอยู่ในบ้านในสามคืนแรกเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ เป็นเคล็ดของพ่อผม คืนแรกที่เข้าไป พ่อผมเข้าไปช่วงเย็นเพราะต้องเข้าไปจัดที่หลับที่นอนก่อน ไปจอดรถไว้ที่ด้านหลังของบ้านแล้วก็เข้าไปในบ้าน

       ตอนที่เข้าไปในบ้านก็เป็นช่วงโพล้เพล้แล้ว ชั้นหนึ่งก็จะมีของวางกระจุยกระจายเต็มไปหมด คุณพ่อผมก็เดินด้วยความระมัดระวังเพื่อขึ้นบันไดไปที่ชั้นสอง พอเดินขึ้นไปถึงช่วงกลางบันได คุณพ่อผมก็ลื่นตรงกลางบันไดเหมือนจะล้มแต่โชคดีที่มือไปคว้าราวบันไดไว้ได้ทันเลยไม่ล้ม คุณพ่อผมบอกว่าเสี้ยววินาทีนั้นเขาไม่แน่ใจ มันกึ่ง ๆ เหมือนมีคนมาจับที่ข้อเท้าแล้วเขาตกใจ หรือคุณพ่อผมลื่นเอง เขาก็เดินขึ้นบันไดไปที่ชั้นสองต่อ ตรงไปที่ห้องนอนแล้วทำความสะอาดห้องเพื่อคืนนี้จะได้นอนเป็นคืนแรก พอตกกลางคืนคุณพ่อผมก็ทำเหมือนเดิมครับ สวดมนต์ทำพิธีตามที่เคยเล่าให้ฟังกันในเรื่องที่แล้ว

พอตกกลางดึกมันมีเสียงเหมือนเป็นคนเดินลุยหญ้า คุณพ่อผมก็ตั้งสติ สวดมนต์ ภาวนา อธิษฐานแผ่เมตตาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่เสียงนั้นมันก็ยังดังอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ด้วยความอยากรู้คุณพ่อผมเลยแอบดูตรงหน้าต่างบนชั้นสอง ระหว่างที่คุณพ่อผมแอบดู เขาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินอยู่รอบ ๆ ศาลพระภูมิที่ตั้งอยู่ข้างบ้าน แต่ศาลพระภูมิเนี่ยเหลือแต่เสานะครับ ตัวศาลไม่มี คุณพ่อผมก็สังเกตดูว่าเขาเดินมาทำอะไร สักพักเริ่มสังเกตว่าเขาเดินแปลก ๆ มีการจีบไม้จีบมือวาดไม้วาดมือไปในอากาศเหมือนเป็นการรำ

      คุณพ่อผมเห็นเขาชัดมากและยังเชื่อว่าสิ่งที่เห็นมันเป็นคน เขาก็เลยตะโกนออกไปว่า คุณ คุณ ดึกแล้วมาทำอะไรแถวนี้ ทันทีที่ผู้หญิงคนนี้ได้ยินเสียงเขาก็ตกใจ ปกติแล้วคนตกใจต้องวิ่งเตลิดเปิดเปิงใช่มั้ยครับ แต่ผู้หญิงคนนี้ตกใจแล้ววิ่งเข้ามาในบ้าน กระโดดข้ามหน้าต่างเข้ามาในบ้าน มันผิดปกติครับ คุณพ่อผมก็เลยเดินลงไปดูว่ามีอะไร แต่เขาก็เอะใจแล้วเพราะข้างล่างของมันเกลื่อนไปหมด การที่ผู้หญิงคนหนึ่งกระโดดเข้ามาในบ้านมันก็ต้องมีเสียงโครมครามบ้าง แต่นี่มันเงียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

       คุณพ่อผมก็ค่อย ๆ เดินลงบันไดมา เดินก้มหน้าลงมาเรื่อย ๆ ศรีษะคุณพ่อผมก็จะต่ำกว่าเอว ระหว่างที่เขามองไปที่หน้าต่าง หางตาเขาเห็นเหมือนมีมือเด็กกับหน้าเด็กอยู่ที่บันได ณ จุดที่คุณพ่อผมจะลื่นล้มครั้งแรก แต่พอคุณพ่อผมหันมามองก็ไม่มีอะไร แล้วบันไดมันเป็นบันไดปูน มันไม่ใช่บันไดซี่ ๆ มันไม่มีทางจะมีหน้าคนหรือมีมือมาอยู่ตรงนั้นได้ ช่วงที่คุณพ่อผมกำลังสนใจกับหน้าเด็กตรงนั้น ผู้หญิงที่คุณพ่อผมเจอคนเมื่อกี้เขานั่งอยู่ที่หน้าต่าง แล้วก็ตะโกนมาบอกว่า ดึกแล้วลงมาทำอะไรตอนนี้ แล้วเขาก็กระโดดออกทางหน้าต่างไป

       คุณพ่อผมเห็นแบบนี้ก็รู้แล้วว่าบ้านนี้อาการหนัก คืนแรกคงอยู่ไม่ได้ คุณพ่อผมก็เลยไปตั้งหลักอยู่ที่บ้านกับคุณแม่ พอตอนกลางวันคุณพ่อผมก็ขับรถมาแถว ๆ บ้านหลังนี้ เขาก็เข้าไปคุยกับร้านค้าแถวนั้นเพื่อทำความรู้จัก แสดงตนว่าซื้อบ้านหลังนี้แล้วนะอะไรแบบนี้ คุยกันสักพักเขาก็ถามเรื่องผู้หญิง ว่าแถวนี้มีผู้หญิงที่ไม่มีบ้านอยู่มั้ย ผู้หญิงเร่ร่อนอะไรแบบนี้ แถวนี้มีมั้ย อาแปะในร้านก็บอกว่ามีนะ มีอยู่คนหนึ่งเป็นผู้หญิงเสียสติ เดี๋ยวเย็น ๆ เขาก็จะมาเอาข้าวที่บ้านนี้แล้วไปกินในบ้านร้างของคุณนั่นแหละ

       คุณพ่อผมก็เลยเข้าใจว่าผู้หญิงเสียสติคนนี้อาจเป็นผู้หญิงที่คุณพ่อผมเจอเมื่อคืนก็ได้ พอเขาตกใจเขาอาจรู้สึกว่าบ้านมันปลอดภัย เขาก็เลยวิ่งเข้ามาในบ้าน แต่เขาก็ยังไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้หญิงพูด หรือผู้หญิงเสียสติจะแค่ทวนคำที่เขาพูด แต่เขาก็โอเคว่าน่าจะเป็นคน เดี๋ยวคืนนี้จะมาทำพิธีใหม่ พอตกกลางคืนคุณพ่อผมก็มานอนเหมือนเดิม ที่เดิม ห้องเดิม ทำพิธีเหมือนเดิม ตกกลางดึกเหมือนเดิมเลยครับ ได้ยินเสียงคนเดินอีกแล้ว เป็นเสียงคนเดินผ่านต้นหญ้า แต่คราวนี้ฟังชัดว่ามีคนเดินลุยหญ้าเข้ามาหลายคน แล้วมาเดินวนอยู่รอบ ๆ บ้าน

       คุณพ่อผมก็เห็นท่าไม่ดี คิดว่าจะกลับเลยดีมั้ย แล้วคุณพ่อผมก็ได้ยินเหมือนคนพูดคุยกัน จับใจความได้ประโยคหนึ่งว่า ข้างบน ข้างบน เขายิงกันข้างบน พอได้ยินแบบนั้นคุณพ่อผมก็สองจิตสองใจว่าเป็นคนหรือเป็นผี แล้วเสียงเหมือนกลุ่มคนเหล่านั้นมันเข้ามาในบ้าน คุณพ่อผมก็เลยออกไปแอบตัวอยู่ที่ระเบียงเพราะยังไงก็ต้องเอาตัวเองปลอดภัยไว้ก่อน ระหว่างที่กำลังแอบ คุณพ่อผมก็ได้ยินเสียงโวยวายจนมาถึงบันได แต่พอมาถึงบันไดเสียงมันเงียบ แล้วอยู่ ๆ ทุกคนก็ร้องโวยวาย ผีหลอก ผีหลอก แล้วก็วิ่งออกไปคนละทิศคนละทาง

      คุณพ่อผมที่อยู่ตรงระเบียงก็เอามือป้องกระจกเพื่อดูว่าในบ้านเกิดอะไรขึ้นบ้าง แล้วตอนนั้นก็มีเสียงเล็ก ๆ เป็นเสียงเด็ก ดังมาว่า บู้ บู้ พ่อผมก็ตกใจหงายหลัง จังหวะนั้นเขาก็ไปเห็นผู้หญิงคนเดิมอยู่ข้างล่าง แล้วก็ตะโกนว่าดึกแล้วมาทำอะไรกันแถวนี้ แล้วก็ตะโกนไล่หลังกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่กำลังวิ่งหนีกันออกไป ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่นที่มาลองของ คุณพ่อผมก็เห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง พอเด็กกลุ่มนั้นวิ่งออกไปเสร็จ ผู้หญิงคนเดิมก็หันมาทางคุณพ่อผมแล้วบอกว่า ออกไป ออกไป ออกไป

      คุณพ่อผมก็รู้ด้วยสัญชาตญาณเลยว่าใครจะไปอยู่ไหว เขาก็ขับรถออกมากจากบ้านกลางดึกเลย สรุปว่าพิธีในคืนที่สองก็ไม่สำเร็จ คุณพ่อผมก็มาคิดว่า พอมันเป็นแบบนี้มันคงทำด้วยวิธีการเดิมไม่ได้ จะใช้วิธีบวชป่าอย่างบ้านหลังแรกก็ทำไม่ได้เพราะมันไม่มีป่าไม่มีอะไร คุณพ่อผมเลยตัดสินใจว่าจะรีโนเวทบ้านให้เรียบร้อยก่อนถึงจะเข้ามาอยู่ ตัดหญ้า ซ่อมประตูหน้าต่าง เพราะทั้งสองเหตุการณ์มันเป็นคนที่เข้ามารบกวน

      ระหว่างที่คุณพ่อตัดสินใจว่าต้องรีโนเวทก่อน คุณพ่อผมก็ทำงานพร้อมกับช่างกลุ่มเดิมที่เขามีอยู่แล้ว ก็มีอยู่วันหนึ่ง คือวันนั้นมีทั้งคุณแม่ คุณพ่อ แล้วก็ช่างกลุ่มนี้ที่ต้องยกกระจกบานใหญ่เข้าไปติดรอบบ้าน งานมันเลยเสร็จดึกประมาณทุ่มสองทุ่ม ปกติจะทำถึงเย็น ๆ ก็กลับกันแล้ว พอช่างกลับไปหมด คุณพ่อผมก็กำลังจะกลับ ก็พาคุณแม่มานั่งในรถ แต่คุณพ่อผมลืมกระเป๋าเครื่องมือเลยต้องกลับเข้าไปในบ้านเพื่อไปเอาของ

      พอเปิดประตูเข้าไปหางตาคุณพ่อก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่งนั่งอยู่ข้าง ๆ บ้าน ทีนี้มันเห็นชัดเพราะหญ้ามันไม่มีแล้ว นั่งแบบนั่งยอง ๆ กอดเข่าโยกหน้าโยกหลัง จังหวะที่คุณพอผมกำลังโฟกัสที่ผู้หญิงคนนี้ เขาก็เงยหน้าขึ้นมา คุณพ่อผมเลยเห็นว่าเป็นผู้หญิงคนเดิมที่เคยเจอตั้งแต่วันแรก แล้วผู้หญิงคนนี้ก็ตะโกนว่า แกมันเลว แกมันเลว ฉันไม่ได้ทำ แล้วเขาก็วิ่งผ่านหน้าคุณพ่อผมเข้าไปในบ้าน แล้ววิ่งไปตรงบันได พอถึงตรงกลาง ๆ บันไดเขาทำท่าเหมือนเขาชะงักแล้วเขาก็หงายหลัง

      คุณพ่อผมเล่าให้ฟังว่า เหมือนเขาจะแสดงให้เห็นว่าเขาถูกยิงตรงนี้ เขาก็หงายหลังลงมา คุณพ่อผมที่ตอนนั้นยังแยกแยะไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไรก็จะเข้าไปช่วย พอเข้าไปถึงเขานอนหงายแล้วลืมตาขึ้นมาตะโกนว่า ออกไป ออกไป แล้วเขาก็ลุกขึ้นมา วิ่งผ่านหน้าคุณพ่อผมออกไปนอกบ้าน แล้ววิ่งไปที่รถ คุณพ่อผมก็รีบวิ่งตามออกมาเพราะกลัวว่าผู้หญิงเสียสติคนนั้นเขาอาจจะไปทำอะไรคุณแม่ พอวิ่งมาถึงรถกลับไม่เจออะไรเลย

       คุณพ่อผมก็ไม่ได้บอกอะไรกับคุณแม่ บอกแค่ว่ากระเป๋าเครื่องมือยังไม่ได้เอานะแต่ไม่เป็นไรเรากลับกันก่อน ก็ขับรถออกมา แล้วด้วยความที่บ้านมันอยู่ไกลจากถนน คุณพ่อผมก็ใช้ความเร็วรถมาสักพักกำลังจะเลี้ยวเข้าเลนซ้ายบนถนน อยู่ ๆ คุณพ่อผมก็หักออกขวา รถมันเลยเสียหลักแล้วข้ามไปอีกเลนหนึ่งซึ่งมีรถพ่วงกำลังสวนมา จังหวะหน้าสิ่วหน้าขวานคุณแม่ผมก็คว้าพวงมาลัยรถหักไปทางซ้าย รถมันเลยหมุนมาทางซ้ายแล้วชนกับรถที่ตามหลังคุณพ่อผมมา ซึ่งถ้าคุณแม่ผมไม่หักพวงมาลัยกลับมา ประสานงากับรถพ่วงแน่นอนครับ

       เหตุการณ์นี้ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บครับ รถที่ตามหลังมาเป็นรถกระบะของชาวสวนเขาก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่ว่ารถเสียหายทั้งคู่ ระหว่างนั้นคุณพ่อผมก็รอตำรวจมาเคลียร์ตรงสถานที่เกิดเหตุแล้วไปคุยกันต่อบนโรงพัก เพราะสมัยนั้นไม่ได้ทำประกัน ซึ่งคุณพ่อผมยอมชดใช้ทุกอย่างแต่โดยดีเพราะคุณพ่อผมเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น พอมีช่วงที่ได้อยู่ด้วยกันบนโรงพัก คุณแม่ผมก็ถามว่า คุณ ทำไมอยู่ดี ๆ คุณหักรถออกไปทางขวาหารถสิบล้อแบบนั้นล่ะ คุณพ่อผมก็บอกว่า เอ้า จะไม่ให้ผมหักได้ยังไง ก็ผมเห็นผู้หญิงอยู่หน้ารถ คุณไม่เห็นหรือไง มันวิ่งออกมาใส่รถ เราจะไปชนเขาหรือไง เราก็ต้องหักออกขวาสิ คุณแม่ผมก็บอกว่า ไม่เห็น ไม่มีผู้หญิงอะไรเลย

       คุณพ่อผมก็ถามต่อว่า แล้วก่อนหน้านี้ที่มีผู้หญิงวิ่งมาที่รถล่ะ เห็นมั้ย คุณแม่ผมก็บอกว่าไม่เห็น ตั้งแต่ฉันมารีโนเวทบ้านหลังนี้กับคุณ ฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวที่อยู่ที่นี่ ฉันไม่เห็นผู้หญิงคนไหนเลย คุณพ่อผมสับสนมากว่าตกลงมันเกิดอะไรขึ้น ไม่กี่วันถัดมาหลังจากที่เคลียร์เรื่องคดีเรียบร้อยแล้ว คุณพ่อผมก็โทรไปหาเพื่อนที่เป็นตำรวจเพื่อสอบถามประวัติของบ้าน ว่ามันมีประวัติยังไงกันแน่ ระหว่างนั้นก็ไปคุยกับร้านค้า ไปถามอาแปะว่ามันเกิดอะไรขึ้น..

      อาแปะก็เล่าว่า ประวัติบ้านนี้ก็คือ มีผู้หญิงถูกสามียิงตายในบ้านเพราะความหึงหวงแล้วก็ยิงตัวเองตายตามเป็นสองศพ ระหว่างที่คุยกันลูกชายอาแปะก็เดินออกมาจากหลังร้าน คุณพ่อผมก็จำได้ว่าลูกชายอาแปะคนนี้เป็นคนที่อยู่ในกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามาในบ้านคืนนั้นด้วย เขาเลยถามว่า หลายวันก่อนหนูเข้าไปในบ้านหลังนี้ใช่มั้ย แล้วหนูเห็นอะไร เขาก็บอกว่า เขาเห็นน้าอยู่ชั้นสอง แล้วเขาก็โดนผีหลอกเป็นเสียงพูดว่าดึกแล้วมาทำอะไร เขาก็ยังสงสัยว่าน้าอยู่ไปได้ยังไง

      คุณพ่อผมก็ถามว่าทำไมถึงจะอยู่ไม่ได้ล่ะ เด็กคนนั้นเลยบอกว่า ก็น้าไม่ได้อยู่คนเดียว ที่ผมบอกว่าผมโดนผีหลอกเพราะผมเห็นว่ามีคนสองคนยืนอยู่บนหลังคา คือคุณพ่อผมยืนอยู่ตรงระเบียงแล้วเด็กคนนี้เห็นว่ามีอีกสองคนยืนอยู่บนหลังคา คุณพ่อผมก็บอกว่ามันเป็นไปไม่ได้ แล้วเขาบอกว่ายังมีอีกหนึ่งคน เป็นเด็ก ยืนอยู่ข้างคุณพ่อผม แล้วมีอีกหนึ่งคนยืนอยู่ข้างบ้าน อีกหนึ่งคนยืนอยู่หน้าบ้าน รวมเป็นห้าคน คุณพ่อผมก็ยืนยันว่า คืนนั้นคุณพ่อผมยืนอยู่คนเดียวพร้อมผู้หญิงเสียสติ

      แล้วตอนนั้นเป็นช่วงเย็นพอดี ผู้หญิงเสียสติที่อาแปะบอกว่าจะมาขอข้าวกินก็มาที่ร้าน แต่ผู้หญิงเสียสติที่มาที่ร้าน เป็นคนละคนกับผู้หญิงที่คุณพ่อผมเจอในคืนนั้นที่ยืนอยู่ข้างบ้าน ยืนรำอยู่ข้างศาลพระภูมิ วันนั้นคุณพ่อผมเต็มไปด้วยความสงสัย เขาก็จะไปเคลียร์กับเพื่อนที่เป็นตำรวจที่แนะนำบ้านหลังนี้มาให้ ก็นัดคุยกันที่ร้านอาหาร เพื่อนที่เป็นตำรวจก็ยังยืนยันเหมือนเดิม ว่าบ้านหลังนี้ประวัติคือ มีสามียิงภรรยาตายแล้วยิงตัวเองตายตาม มีแค่นั้นเอง คุณพ่อผมก็บอกว่าไม่จริง มันต้องมีอะไรมากกว่านั้น

       เพื่อนก็ถามว่าไปเจออะไรมา คุณพ่อผมก็เล่าเหตุการณ์ให้ฟัง เพื่อนที่เป็นตำรวจก็เลยบอกว่า ตอนเขามาเป็นตำรวจที่นี่ คดีที่เขาเล่าให้ฟังเขาก็เป็นคนทำคดี เขารู้ แต่ก่อนหน้านั้นบ้านหลังนี้เคยมีคนพูดถึงว่ามีอีกคดี แต่คดีนี้เขาไม่ได้รับผิดชอบเขาก็เลยไม่ได้เล่าให้คุณพ่อผมฟัง เหตุการณ์ก็คือ มีพ่อแม่ลูกสามคนครับ คุณพ่อเป็นฝรั่งคุณแม่เป็นคนไทย ด้วยความที่เขาเป็นคนมีฐานะเขาก็ซื้อที่แล้วทำบ้านเป็นทรงยุโรป ซึ่งสมัยนั้นมันดูหรูมาก มันก็เลยเป็นที่ต้องตาต้องใจของพวกอาชญากร ก็มีการเข้าบ้านมาชิงทรัพย์แล้วยิงตายยกครัวทั้งพ่อแม่ลูกสามคน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนเหตุการณ์สามียิงภรรยาเสียชีวิต

      คุณพ่อผมก็เลยเริ่มประติดประต่อเรื่องได้ว่าตอนนี้มันเป็นห้าคน แล้วคุณพ่อผมก็เข้าใจว่าเสียง บู้ บู้ มันคือเสียงเด็กฝรั่ง ที่เวลาเขาจ๊ะเอ๋เขาจะร้องว่า พิกคะบู้ ซึ่งอาจจะเป็นเสียงของเด็กคนนี้ที่มาเล่นด้วย พอทุกคนถูกยิงตายหมด ก็เป็นคุณแม่ฝั่งผู้หญิงเอาบ้านไปขายต่อ แล้วก็ขายให้กับคุณครูนาฏศิลป์ ก็คือผู้หญิงกับสามีที่ยิงกันตายต่อมานั่นเอง และนี่เป็นสาเหตุที่บ้านหลังนี้ถูกตกแต่งเป็นสองทรงที่แตกต่างกัน แล้วผู้หญิงที่เป็นครูเขาก็เอาลานข้างบ้านมาเป็นที่ซ้อมรำกับนักเรียน แล้วศาลพระภูมิเนี่ย มันมีมาตั้งแต่เจ้าของเดิม แต่ด้วยความที่เจ้าของเดิมเป็นฝรั่งเขาไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ เขาก็ยกศาลพระภูมิออก แต่ตัวฐานเขาเหลือไว้เพราะมองว่ามันเป็นเครื่องประดับ เอามาทำเป็นบ่อปลาอะไรไป

       พอสองสามีภรรยาที่เป็นครูสอนนาฏศิลป์เสียชีวิตลง ทรัพย์สินก็ตกไปเป็นของคน ๆ หนึ่ง แล้วคน ๆ นั้นก็เอามาขายให้กับคุณพ่อผม พอคุณพ่อผมทราบเรื่องทั้งหมด คุณพ่อผมก็รู้แล้วว่าต้องตั้งศาลพระภูมิก่อนและตั้งศาลเพียงตาอีกสองศาล ศาลที่หนึ่งใส่ชื่อนามสกุลของครอบครัวที่หนึ่งทั้งสามคน ศาลที่สองใส่ชื่อนามสกุลครอบครัวที่สองไปทั้งสองคน ที่รู้ชื่อนามสกุลเพราะคุณพ่อผมมีเพื่อนเป็นตำรวจเลยสามารถเช็คได้

      พอตั้งศาลเสร็จคุณพ่อผมก็คิดว่าคงจะราบรื่นและทำต่อไปได้ด้วยดี ปรากฏว่าไม่เลยครับ ไม่ว่าจะช่างกี่ชุดกี่ชุดเข้ามาทำบ้านหลังนี้ก็ทำไม่ได้สักชุด คุณพ่อผมจะเข้าไปอยู่ไปทำพิธีแบบเดิมก็ทำไม่ได้ คุณพ่อผมก็เลยปรึกษากับคุณแม่ว่า บ้านหลังนี้มันหนักจริง ๆ นะคุณ เราคงเอาไว้ไม่ได้ คุณพ่อผมคิดว่าจะทุบบ้านทิ้ง แล้วทำเป็นที่ซื้อขายผลไม้ให้เช่า แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันก็มีคนมาติดต่อขอซื้อบ้านจากคุณพ่อผมด้วยตัวเองเลยครับ

       คุณพ่อผมบอกราคาไปประมาณหนึ่งก็คือเกินทุนไปนิดหน่อย เขาก็บอกว่าเดี๋ยวเขาติดต่อกลับมา ไม่นานเขาก็ติดต่อกลับมาจริง ๆ แล้วเขาก็ซื้อบ้านหลังนี้พร้อมที่ดินต่อจากคุณพ่อผมไป ทุกวันนี้ บ้านหลังนี้อยู่ติดถนนสี่เลนและกำลังจะขยายเป็นหกเลน มูลค่าของบ้านมากกว่าตอนที่คุณพ่อผมซื้อเยอะเลยครับ และคนที่ซื้อต่อจากคุณพ่อผมไปก็ยังเป็นเจ้าของอยู่ แต่ผมขออนุญาตหลีกเลี่ยงที่จะเล่าว่าบ้านหลังนี้อยู่ตรงไหน เพราะเจ้าของบ้านเขาจะไม่พอใจมากถ้ามีคนไปบอกว่าบ้านเขาเป็นบ้านผีสิง เขาฟ้องกันจริง ๆ ครับ ทุกวันนี้คน ๆ นี้เป็นเศรษฐีย่อม ๆ เลยครับ คนที่อยู่จันทบุรีฟังเรื่องนี้ต้องรู้ว่าเป็นบ้านหลังไหน เพราะบ้านหลังนี้ดังมาก ๆ

       บทสรุปคือ หนึ่ง ผู้หญิงที่คุณพ่อผมเจอเนี่ย คิดว่าน่าจะภรรยาของคู่ที่สองที่เป็นครูนาฏศิลป์ ไม่ใช่ผู้หญิงเสียสติที่คุณพ่อผมคิดไว้ตอนแรก แล้วสอง เสียงเด็กก็น่าจะเป็นเคสของพ่อแม่ลูกที่เสียชีวิตก่อนหน้านั้น ส่วนข้อที่สามที่ว่า ทำไมทุกวันนี้คนที่ซื้อบ้านต่อจากคุณพ่อของผมถึงอยู่ได้ ผมยังไม่เฉลยในเรื่องนี้เพราะมันจะไปสัมพันธ์กับเรื่องสุดท้ายคือเรื่องหน้า บ้านผีตีนกลับ ซึ่งเป็นบ้านหลังที่สาม มันจะเกี่ยวโยงกันระหว่างบ้านสองหลังนี้ จะเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคนนี้ถึงอยู่ได้ ทำไมคุณพ่อของผมถึงอยู่ไม่ได้ครับ.. //จบเรื่องที่ 7

ไม่มีความคิดเห็น