ของฝาก...ที่ไม่อยากได้
ของทุกชิ้นย่อมมีประวัติเรื่องต่อไปนี้จะนำเสนอเรื่องของที่มีประวัติสยอง โดยเจ้าชายแห่งการเล่าจากพันทิป คุณลอยชาย ว่าด้วยเรื่องที่เขาเล่าผ่านกระทู้พันทิปที่มีชื่อว่า ของฝาก...ที่ไม่อยากได้ ติดตามกันเลยครับว่าอะไรที่ไม่อยากได้
สวัสดีครับ เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้คงต้องย้อนไปก่อนหน้านี้หลายปี เรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้ว จำได้ลางๆเป็นบางอย่าง นึกรายละเอียดไม่ค่อยได้ แต่เร็วๆนี้ได้มีโอกาสได้เจอและพูดคุยกับ เจ้าตัว อีกครั้งหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน คุยกันไปคุยกันมา ผลัดกันนึกผลัดกันเล่าจนสุดท้ายก็ได้รายละเอียดมาจนเกือบครบ ก็เลยเอามาเล่าให้ฟังกัน
เรื่องมันเกิดในช่วงที่ผมยังเรียนมัธยมอยู่ ในตอนนั้นชีวิตผมมีความสุขมากมีเพื่อนที่สนิทและไปไหนไปกัน ทำให้เราสนิทกันมาก
จุดเริ่มต้นของเรื่องนั้นเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กๆที่ไม่มีอะไรมากมาย แต่มันกลับส่งผลร้ายอย่างคาดไม่ถึง มันเริ่มจาก ของแถม ชิ้นนึงที่ได้มาฟรีๆจากร้านค้าต่างจังหวัด
เช้าวันหนึ่งเพื่อนผมมาพร้อมกับถุงพลาสติกใบใหญ่ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เราทักทายกันตามประสาเหมือนทุกๆวันที่ได้เจอกัน ทุกคนดูสนใจว่าในถุงใบใหญ่นั้นใส่อะไรเอาไว้ เพื่อนผมที่เป็นเจ้าของถุงนี้ผมขอเรียกว่า ต้น แล้วกันนะครับ
ต้นเรียกเพื่อนทุกคนเข้ามาหา พร้อมกับเปิดถุงพลาสติกห่อใหญ่นั้นออก ข้างในนั้นเป็นตุ๊กตาไม้ที่มีสีวาดระบายไว้อย่างสวยงาม ต้นบอกว่าซื้อมาฝากทุกคน ไปเที่ยวกับที่บ้านมา เจอร้านขายถูกมาก เลยซื้อมาซะเยอะเลยดูสิ
พวกเรารุมดูของฝากถุงนั้นอย่างตื่นเต้น ทุกคนได้กันไปคนละชิ้น เลือกเอากันตามใจชอบ สงสัยจะได้มาถูกจริงๆ เพราะต้นมันดูไม่เดือดร้อนอะไรเลย
‘แจกหมดเลยรึ แล้วไม่เก็บไว้ให้ตัวเองรึไง’ ผมถาม
‘เอาไปเลย ของตัวเองเก็บไว้ที่บ้านแล้ว อันนี้ของฝากๆ’
เพื่อนๆทั้งชายและหญิงต่างเลือกกันเสร็จหมดแล้ว เหลืออยู่ในถุงอีกสองสามตัว ต้นบอก่าเดี๋ยวเอาไปให้ครูแล้วกัน ไหนๆก็เหลือแล้ว ต้นเทของในถุงลงมาบนโต๊ะ มันเหลือตุ๊กกตาไม้อยู่ สามตัว แต่มีตัวนึงที่มันแปลกๆ ตัวอื่นๆจะเป็นตุ๊กตาไม้น่ารักๆ มีหัวกลมๆ กับตัวทรงกระบอก แต่ตัวนี้มีแขนมีขา รูปร่างเหมือนคน แต่งานดูไม่ละเอียด ไม่ปราณีตอะไร เหมือนกับของที่ทำไม่สวยแล้วไม่ได้เอามาขาย
‘อันนี้อะไรวะ ทำไมมันไม่สวยเลย’ ต้นบ่นด้วยท่าทาง งงๆ
‘อึงซื้อมากี่ตัวจำได้ปะ ลองนับดิ โดนโกงป่าว’
‘ซื้อเหมามาอะดิ ไม่ได้นับเลย เขาบอกถ้าเหมาจะลดให้เยอะ’
‘เออ งั้นก็ชั่งมันเหอะ ไหนๆก็ได้มาถูก’
‘เอ้อ นึกออกละ ป้าคนขายแกบอก แกจะแถมของมาให้ สงสัยอันนี้แหละมั้ง’
ต้นคิดว่าตัวที่ปนมานั้นคงเป็น ของแถม หรือไม่ก็ของเหมาที่ยังไงก็ไม่น่าจะขายออก เลยยัดมาให้ด้วย ต้นเป็นคนอารมณ์ดี สบายๆ เลยไม่ได้คิดอะไรมาก สองตัวที่เหลือจึงเอาไปให้ครู และตัวนี้ต้นเก็บกลับไปที่บ้าน เพราะมันไม่สวยเอาไปฝากใครคงไม่ได้
ในคืนนั้นหลังจากที่เราแยกย้ายกันกลับบ้านหมดแล้ว ในช่วงกลางคืนปกติเราจะนัดเล่นเกมออนไลน์กัน แต่คืนนั้นต้นไม่ได้เข้ามาเล่นด้วย บอกว่ารู้สึกเพลียๆ สงสัยจะยังนอนไม่พอจากที่ไปเที่ยวมา ทิ้งให้พวกผมเล่นเกมส์กันเอง
ผมเล่นเกมส์จนเวลาเลยไปประมาณ 5 ทุ่ม แม่เดินเข้ามาบ่นผมว่าทำไมถึงยังไม่นอนอีก ผมจึงต้องปิดคอมไปนอนทันที ผมนอนไปสักพักมันก็ยังไม่ง่วง เลยเอาโทรศัพท์มาเล่น เมื่อเปิดดูก็เห็นต้นมันส่งรูปมาในไลน์ เป็นรูปตุ๊กตาตัวแปลกๆนั้น มันวางเอาไว้บนหัวเตียง บอกว่าแปลกดี เลยเอามาตั้งไว้เท่ๆ ผมก็แซวมันเล่นๆ แต่จำไม่ได้ว่าแซวอะไรกัน
ผมหลับไปตอนไหนไม่รู้ จนต้องตื่นด้วยเสียงโทรศัพท์ทางวางไว้ตรงหัวเตียงดังขึ้นมา ผมหยิบมาดู ปรากฏว่าเป็นต้นโทรมา พอรับสายมันบอกว่ามันโดนผีอำ มันเล่าวามันรู้สึกตัว จะลุกไปเข้าหัองน้ำ แต่ว่าลุกไม่ขึ้น ขยับตัวไม่ได้ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด มันดิ้นๆอยู่พักนึงจึงหลุด แล้วก็เลยโทรมา ผมบอกมันว่า นอนทับเส้นป่าว อย่าไปคิดมากไปนอนต่อได้แล้ว เพราะตอนนั้นผมง่วงมาก เลยยังไม่อยากคุยอะไร
ในตอนเช้าต้นมาด้วยท่าทางสะลึมสะลือ ขอบตาคล้ำ หายมาตั้งแต่ไกล เมื่อถามจึงรู้ว่า มันไม่ได้นอนตั้งแต่ที่มันโทรหาผมนั่นแหละ มันบอกว่ามันกลัว มันนอนไม่หลับ เลยลุกไปเล่นเกมส์ยันเช้าเลย
ในวันนั้นต้นมันก็หลับนคาบแทบทั้งวัน มีตื่นมาบ้าง สักพักก็หลับต่อ พวกผมก็ไม่ได้สนใจอะไร เพราะบางวันก็จะมีเพื่อนที่ชอบเล่นเกมส์โต้รุ่งแล้วมานอนหมดสภาพแบบนี้บ่อยๆ
ในตอนเย็นเราไปเล่นบอลกันเหมือนในทุกๆวัน ส่วนผมเล่นไม่ค่อยเก่งเท่าคนอื่น จึงเล่นบ้างพักบ้าง ส่วนมากก็ชอบไปนั่งดูนั่งคุยกับเพื่อนมากกว่า และมันจะถูกถีบให้ไปเป็นโกล์ตลอด ทำให้มีเวลานั่งเล่นอะไรไปเรื่อย
เราเล่นกันไปเรื่อยๆ ก็เริ่มเหนื่อย เวลาลาก็เริ่มเย็นแล้ว คนอื่นๆก็ทะยอยกลับกันไปหมด เพื่อนๆตกลงกันว่าจะกลับ แต่ก่อนกลับไม่รู้ว่านึกคึกอะไรมาแกล้งผม เตะลูกบอลมาแต่ไกล คงกะว่าให้ผมตกใจเล่น แต่มันก็เตะพลาด ไปลงที่กระเป๋าเพื่อนๆที่วางอยู่ข้างสนามเต็มๆ มีเสียงกระแทกเหมือนเหมือนโดนกับอะไรแข็งๆ
‘เห้ย โดนกระเป่าใครวะน่ะ’
‘ เห้ย เป๋าอุ มีคอมด้วย พังไหมเนี่ย ชห.’
พวกเรารีบวิ่งมาดูกระเป๋าของต้นที่โดนบอลอัดใส่ ต้นรีบคว้าเอาคอมในกระเป๋ามาสำรวจความเสียหายก่อนเลย แต่ก็ไม่มีรอยแตกหักอะไร โล่งใจทั้งเจ้าของทั้งคนเตะ ต้นล้วงเข้าไปในกระเป๋าเพื่อดูว่ามีอะไรเสียหายอีกรึเปล่า แฃ้งต้นก็ทำท่างงๆ เหมือนเจออะไรบางอย่าง
ต้นหยิบของบางอย่างในกระเป่าออกมา มันคือตุ๊กตาตัวเมื่อวาน ตุ๊กตาแปลกๆท่ต้นเอาไปไว้บนหัวเตียง มันทำท่างงมาก เพราะว่ามันจำได้ว่ามันเอาไว้หัวเตียง แล้วก็ไม่ได้เอาใสกระเป๋ามาแน่ๆ และเมื่อดูดีๆ ก็เจอว่าตุ๊กตามันร้าว สงสัยจะโดนบอลเข้าจังๆ
ต้นถือตุ๊กตาไว้ในมือด้วยความรู้สึกแปลกๆ ต้นจับดูตรงรอยร้าว แต่คงออกแรงมากไปหน่อยทำให้รอยร้าวนั้น แตก จนคอของตุ๊กตาหลุดออกมาเป็นสองชิ้น ต้นตกใจมาก
และเมื่อคอของตุ๊กตาหลุดออกไปแล้ว ก็ทำให้เห็นว่าตรงบริเวณคอนั้นมันมีรูอยู่ ขนาดไม่ใหญ่มากประมาณหลอดดูดน้ำ แต่มันก็เล็กจนเอานิ้วใส่เข้าไปไม่ได้ เพื่อนๆช่วยกันตะแคงดู เอาแฟลชโทรศัพท์ส่องดูก็เห้นว่าของในมีของลักษณะคล้ายๆ เส้นผม กับเศษผ้าถูกม้วนสอดเอาไว้ด้านใน
ทุกคนมองหน้ากันด้วยความไม่สบายใจ ผมเลยชวนเพื่อนว่างั้นไปแวะวัดกันไหม ไปทำบุญจะได้สบายใจ ทุกคนก็ตกลง ขี่มอเตอร์ไซด์ออกจากตรงนั้นไป ต้นซ้อนผมมา ระหว่างทางนั้นต้นมันก็มองดูตุ๊กตาในมือมันด้วยสีหน้าไม่ค่อยดี คิ้วสองข้างแทบจะชิดกัน แล้วมันก็ตัดสินใจโยนตุ๊กตาในมือลงไปในคลองเล็กๆที่เราขับรถผ่าน
เรามาถึงวัดก็เป็นช่วงที่เพิ่งจะทำวัตรเสร็จพอดี เราเข้าไปไหว้พระด้านใน แล้วก็หยอดตู้ทำบุญกัน หลวงพ่อที่กำลังจะปิดโบสถ์ก็เลยเรียกให้ไปหา บอกว่ามาเอาน้ำมนต์มา จะปิดโบสถ์แล้ว เราก็เข้าไปกราบหลวงพ่อ ให้ท่านพรมน้ำมนต์ให้ เพื่อนผมคนนึงอยู่ดีๆก็ถามท่านว่า หลวงพ่อดูดวงได้ไหมครับ ผมกำลังจะเลือกคณะ
หลวงพ่อหัวเราะแล้วบอกว่า ก็พอได้ไม่แม่นอย่าว่ากัน เราก็ไล่กันไปทีละคน จนมาถึงผม หลวงพ่อมองหน้านิ่งๆ แล้วยิ้มพร้อมกับพูดว่า ข้าม ผมก็ งง แต่ไม่ทันจะถามอะไรหลวงพ่อก็หันไปทางต้นแล้ว หลวงพ่อมองหน้าต้น หน้านิ่วคิ้วขมวด ต้นมันก็เริ่มกลัวๆ
‘ระวังตัวไว้หน่อยนะไอ้หนู ช่วงนี้ดวงไม่ดี’
หลวงพ่อสวดมนต์ให้พร แล้วบอกว่าไม่ต้องกังวลมากมายอะไร ทำบุญทำทาน มีสติระวังตัวก็พอ พวกผมก็ยังไม่ค่อยสบายใจเท่าไหร่ แต่ก็คงทำได้แค่นั้น เราก็เลยแวะไปหาอะไรกินกันก่อนจะแยกย้ายกลับกัน
เช้าวันต่อมาพวกผมแทบจะลืมเรื่องเมื่อวานไปแล้ว อาจจะเพราะเกมส์ที่เล่นกันเมื่อคืนมันสนุกจนเราไม่ได้สนใจอะไร แต่คนี่ท่าทางจะไม่สนุกกับเกมส์เมื่อคืนเท่าไหร่ คงจะเป็นต้น
เช้าวันนี้ต้นยังคงมีสีหน้าไม่ค่อยดี ดูอิดโรย ขอบตาคล้ำมากกว่าเมื่อวาน ท่าทางไม่แจ่มใส ต้นยังคงเงียบๆอยู่ในช่วงเช้า จนถึงตอนกลางวัน เรานั่งกินข้าวกัน แต่ต้นไม่ค่อยยอมกิน เขี่ยข้าวไปมาด้วยท่าทางเบื่อหน่าย
‘เป็นไรวะ คิดมากเรื่องที่หลวงพ่อพูดหรอ’ เพื่อนถาม
‘ อือ ’
ต้นตอบเสียงเรียบๆ ถอนหายใจยาว แล้วก็เล่าขึ้นมาว่า เมื่อคืนโดนผีอำอีกแล้ว หลังจากเล่นเกมส์เสร็จไปนอน มันรู้สึกเหมือนเดิมเลย มันขยับตัวไม่ค่อยได้ รู้สึกอึดอัด เย็นๆหนาวๆ พอกวาดตามองไปรอบๆที่หน้าประตูห้องนอนก็เห็นเป็นเงาผู้หญิงตะคุ่มๆ ยืนอยู่ท่าทางน่ากลัว แต่ว่าเห็นไม่ชัด ตกใจมาก ก็เลยสะดุ้งตื่น ก็เลยรู้ว่า ฝัน แต่มันทำไมเหมือนจริงจัง ตอนนี้ยังนึกความรู้สึกตอนนั้นออกอยู่เลย
พวกผมก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ก็ได้แต่ปลอบใจไป ในตอนนั้นผมก็ยังไม่เหมือนกับตอนนี้ ยังทำอะไรไม่ได้มาก รู้สึกได้บ้างเป็นบางครั้ง เพื่อนก็บอกว่าให้ผมลองทำอะไรสักอย่าง ผมก็รับปากไว้ แต่ก็ยังคิดไม่ออกเลยว่าจะทำยังไงดี
ในตอนเย็นเรามาเล่นบอลกันเหมือนทุกทีแต่วันนี้ต้นไม่ได้ลงไปเล่นด้วย นั่งอยู่ข้างสนามเฉยๆ ผมก็เลยมานั่งเล่นกับมัน เผื่อมันจะเล่าอะไรให้ฟังอีก มันก็คุยไปเรื่อย ท่าทางเนือยๆ ผมเลยชวนมันไปหาอะไรกิน เผื่อจะสดชื่นขึ้น กินน้ำอัดลมเย็นๆให้สบายใจ มันก็ตกลง
ผมเดินมาพร้อมกับมัน เราเดินชิดสนามเหมือนทุกที แต่อยู่ดีๆวันนั้นก็มีมอเตอร์ไซด์ส่งของเสียหลัก แถมาตรงที่ผมสองคนยืนอยู่ เหมือนว่าจะต้องชนแน่ๆ แต่เหมือนคนขับจะเห็นพวกผม ก็เลยหักหลบ ทำให้มันเฉี่ยวผมไป แต่ว่ามอเตอร์ไซด์คนนั้นก็ล้มลงไปกับพื้น
เพื่อนผมทุกคนวิ่งมาดู เพราะเห็นรถล้ม แล้วพวกผมก็ยืนอยู่ตรงนั้น คงคิดว่าต้องชนกับพวกผมแน่ๆ ทุกคนรีบวิ่งไปดูลุงคนขับ ลุงไม่ได้มีแผลอะไร รถก็ไม่ได้เป็นอะไรแค่มีรอยถลอกนิดหน่อย เราถามลุงว่าไป รพ. ไหม เราจะไปส่ง เอารถไปอู่ไหม จะพาไป
ลุงปฏิเสธิบอกว่าไม่เป็นไร เพราะว่าลุงแถมาเอง เราไม่ได้ผิดอะไร ลุงก็ไม่ได้เจ็บรถก็ไม่ได้พัง ลุงก็เลยถามว่าผมสองคนเป็นอะไรไหม ผมบอกว่ามันเฉี่ยวๆลุงไม่ได้โดนอะไร ไม่ได้เป็นอะไรหลอก ลุงก็ถอนหายใจเหมือนโล่งอก แล้วก็ขับรถออกไป
เพื่อนๆเข้ามาถามอาการผมกับต้น ผมบอกว่าผมไม่โดนไร ต้นมันก็ไม่โดนไรมั้ง เพราะก็ไม่ได้ล้มลงไป แต่ต้นมันยืนนิ่งๆไม่พูดอะไร พวกผมก็เลยถามว่าเป็นอะไร มันเปิดเสื้อให้ดู ปรากฏว่าตรงเอวมีรอยเขียวๆ เหมือนไปโดนอะไรกระแทกมา สงสัยจะเป็นกระจกข้างมอเตอร์ไซด์คันนั้น
พวกผมก็ว่ามันทำไมไม่พูดตั้งแต่ตอนนั้น มันก็บอกว่ามันตกใจ ไม่รู้จะทำยังไง สังเกตุ เห็นได้ชัดเลยมันมันตกใจมาก หน้าซีด ตอนนี้ดูจิตตกมากกว่าเมื่อเช้าอีก ด้วยเหตุนี้พวกผมเลยไม่อยากจะคาดคั้นอะไรมันมาก ก็เลยปล่อยๆไปตามใจมัน
ในคินนั้นต้นก็ไม่ได้เล่นเกมส์กับพวกผม เฟสก็ไม่ได้ออนเลย พวกผมก็ได้แต่เป็นห่วง โทรไปก็ไม่รับสาย สงสัยจะต้องรอจนถึงเช้าถึงจะได้คุยกัน
ในตอนเช้าทุกคนรอต้นด้วยความเป็นห่วง พอต้นมาถึงทุกคนก็รีบวิ่งเข้าไปหา แต่ททุกคนก็ตกใจมากกว่าเดิม เมื่อเห็นสภาพต้นในวันนี้ ต้นดูอิดโรยลงไปมากกว่าเดิม ท่าทางเหมือนคนพักผ่อนไม่พอ หน้าหมองคล้ำ ใต้ตาดำคล้ำจนน่าเป็นห่วง เมื่อสังเกตุดีๆ ก็เห็นได้ว่า ต้นผอมลง
ต้นบอกว่าเมื่อคืนใจไม่ดีกลัวมากเลย ก็เลยไม่ได้เข้าไปเล่นเกมส์ พยายามนอนแต่หัววัน แต่มันก็หลับๆตื่นๆ และในตอนกลางดึก ก็รู้สึกตัวขึ้นมาอีก และรู้สึกเหมือนโดนผีอำอีกแล้ว มองมองไปที่ประตูหน้าห้อง ก็เห็นเงาของผู้หหญิงคนเดินยืนอยู๋แต่คราวนี้ เธอไม่ได้อยู่หน้าประตู เธอขยับเข้ามาใกล้ขึ้น อยู่แถวๆตู้เสื้อผ้า
หลังจากต้นเล่าให้ฟังเรื่องความฝันแล้วเราก็ยังคงถามถึงรายละเอียดต่อ ต้นบอกว่ามันเหมือนครั้งก่อนเลย เหมือนไม่ได้หลับแต่มันก็ลุกไม่ไหว ขยับตัวไม่ได้พอมองไป ก็เจอผู้หญิงคนนั้นยืนอยู่แต่มันใกล้กว่าเดิม ต้นตกใจมากพยายามสวดมนต์แต่ก็สวดไม่ได้ ปกติไม่ใช่คนสวดมนต์มันก็นึกไม่ออก แล้วมันก็สะดุ้งตื่นขึ้นมาอีก
คงเป็นเพราะเครียดๆแล้วก็กังวลกับเรื่องแปลกๆที่มันเกิดขึ้น ทำให้ต้นกินอะไรไม่ค่อยได้ ไม่ร่าเริงท่าทางอิโรยไม่น่าคุยด้วยเท่าไหร่ แต่เพื่อนทุกคนก็ยังห่วงมาก
ผมบอกต้นว่าตอนนี้ผมยังไม่รู้สึกอะไรเท่าไหร่เลย งั้นเย็นนี้เราลองไปสวดมนต์กันไหม เผื่ออะไรๆมันจะดีขึ้นบ้างอย่างน้อยก็กำลังใจ
ในตอนเย็นเราก็ออกไปที่วัดกัน ไปนั่งรอเตรียมที่เขาจะทำวัตรกัน มองไปทางต้นก็ดูจะกระสับกระส่าย อยู่ไม่นิ่ง มีเหงื่อซึมๆให้เห็นอย่างชัดเจน ซึ่งปกติต้นไม่เป็นแบบนี้
เราบอกให้ต้นอดทนนิดนึง เพราะต้นเริ่มถามแล้วว่ากลับได้ไหม เรายื้อต้นไว้ได้จนพระเริ่มสวด แค่เริ่มไปได้ไม่เท่าไหร่ ต้นก็ลุกออกจากวิหารไปทันที ด้วยท่าทางรีบร้อน เรารีบเดินออกมาก็เจอต้นยืนพิงกำแพงอยู่ด้านนอก หายใจหอบระรัว
ต้นบอกว่าไม่รู้เป็นอะไร มันอึดอัด มันหายใจไม่ออก อยากร้องไห้ ร้อนไปหมด แล้วต้นก็ลงไปนั่งร้องไห้ เพราะทั้งกลัว ทั้งสับสน เราพยายามปลอบใจต้นแต่ก็เหมือนมันจะไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย
เราไปส่งต้นที่บ้าน ต้นเดินเข้าบ้านไปโดยไม่ได้พูดอะไร ในคืนนั้นไม่มีใครเล่นเกมส์เลย เพราะเป็นห่วงเพื่อน ผมก็พยายามเตรียมตัวเอง เพราะว่าคราวนี้มัน แปลก แล้วจริงๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เราแปลกใจมากเพราะวันนี้เราไม่ต้องรอต้น ต้นมาถึงก่อนพวกเราอีก เราเดินเข้าไปหาต้น ท่าทางต้นแย่มาก มันแย่มาจริงๆ ตาโหลด หมองค้ำไปทั่วทั้งหน้า ดูอิดโรยและผอมลงอย่างเห็นได้ชัด มีแนวกระดูโผล่ขึ้นมาให้เห็นตามขอบหน้า ขอบคาง และไหปลาร้า
ตอนนี้สภาพต้นดูไม่น่าไว้ใจเลย ผมถามต้นว่าทำไมวันนี้มาเช้า ต้นบอกว่าพ่อแม่เห็นท่าทางแล้วเป็นห่วง เลยพามาตักบาตรตอนเช้า ก็เลยแวะมาส่งเร็วหน่อย แล้วต้นก็เล่าต่อว่า ฝันอีกแล้ว เหมือนเดิมทุกอย่างเลย แต่คราวนี้ ผู้หญิงคนนั้นมาอยู่ข้างๆเตียง ตรงหัวนอน ใกล้จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจแผ่วๆ กับกลิ่นเหม็นๆคาวๆ ต้นบอกว่ามองไม่เห็นใบหน้าเลย เห็นแต่เป็นเงาร่างคนนั่งยองๆกอดเข่าอยู่ข้างเตียง มองมาที่ต้น ผมเผ้ารุงรังไปหมดส่งเสียงครวญครางน่าขนลุก
ต้นเล่าเรื่องราวทั้งน้ำตา เราเป็นห่วงเพื่อนมากแต่ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ไม่รู้จะพาไปหาใคร ในตอนนั้นสิ่งที่มคิดได้คือ มต้องช่วยเพื่อน ด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ แต่ผมต้องทำ ผมถอดพระที่ตัวเองคล้องอยู่ให้เพื่อน มใส่สร้อยเชือกสีดำ เพราะผมทำหายบ่อยแม่เลยไม่ค่อยให้ใส่สร้อยดีๆ
ต้นรับไว้แล้วกำพระไว้แน่นเหมือนมีกำลังใจ ในวันนั้นเราก็เฝ้าสังเกตต้นทั้งวัน ซึ่งมันก็เหมือนเดิม ต้นดูท่าทางอิดโรย ไม่มีเรี่ยวแรง แล้วก็เหม่อลอย
เย็นวันนั้นพ่อแม่ต้นรีบมารับกลับบ้าน คงเพราะเป็นห่วงต้น พวกผมก็ปรึกษากันว่าจะเอายังไงดี เพื่อนผมบอกว่าจะไปถามคนแถวบ้านให้ว่ามีใครพอช่วยได้ไหม ส่วนผมผมก็จะหาวิธีของตัวเองมา
ในคืนนั้นผมพยายามสวดมนต์ไหว้พระทำสมาธิอย่างตั้งใจ ด้วยความรู้สึกอยากช่วยเพื่อนจนในที่สุดผมก็ติดต่อกับ ท่าน ได้ และได้ทางออกมาพอสมควร
ในวันต่อมา ต้นมาอยู่ก่อนแล้ว ต้นบอกว่าเมื่อวานตอนเย็นพ่อกับแม่พาไปอาบน้ำมนต์มา แต่มันไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกไม่สบายตัวมากกว่าเดิมอีก กลับไปก็เหมือนจะเป็นไข้ แล้วก็ ฝันอีก
แต่ฝันคราวนี้มันน่ากลัวกว่าทุกครั้ง ต้นฝันว่าผู้หญิงคนนั้นยังนั่งอยู่ข้างเตียงของต้น ต้นพยายามหลับตาแต่ก็ทำไม่ได้ ผู้หญิงคนนั้นส่งเสียงครางในลำคอไม่รู้เรื่อง แต่เสียงนั้นกระแทกน้ำเสียงเหมือนไม่พอใจ แล้วอยู่ดีๆผู้หญิงคนนั้นก็ยื่นมือออกมาทางต้น
มือเหี่ยวแห้งเล็บยาวสีเหลืองสกปรกค่อยๆยื่นออกมาใกล้ต้น ทำให้ต้นกลัวมากพยายามดิ้น พยายามสะบัดให้ตัวเองหลุดจากสภาพตรงนั้น แต่ก็ทำไม่ได้ ในตอนนั้นเองต้นก็รู้สึกเจ็บที่หน้าอก มันเจ็บมากจนสะดุ้งตื่น
ต้นเล่าด้วยท่ทางหวาดผวา บวกกับสภาพที่อิดโรยของต้นมันแย่ลงทำให้ดูน่าเวมทนาเข้าไปอีก เพื่อนๆพยายามปลอบใจ
‘คิดมากจนเก็บไปฝันรึเปล่า’
เพื่อนคนนึงพูดติดตลก เผื่อว่ามันจะทำให้ต้นคลายความกังวลลงได้ แต่แล้วทุกคนก็ใจตกวูบไปอยู่ตาตุ่มกันหมดเมื่อต้นค่อยๆปลดกระดุมเสื้อลงมาจนถึงช่วงหน้าอก ต้นเปิดเสื้อให้พวกเราดู
ที่หน้าอกของต้นมีรอยแดงๆเป็นแนวยาวสี่รอย คล้ายรอยเล็บข่วน มันไม่ชัดมาก แต่ก็พอจะมองเห็น พร้อมๆกันนั้นต้นยื่นพระที่ผมให้ไปเมื่อวานมาคืน แล้วบอกกับผมว่า ขอโทษนะ มันขาด
สร้อยพระที่ผมให้ไปนั้นมันขาดจริงๆ เชื่อที่ห้อยนั้นขายแหว่งๆเหมือนโดนฉีกไม่ได้โดของมีคมแน่นอน ในตอนนี้ต้นสภาพไม่โอเคแล้ว ทั้งกลัว ทั้งจิตตก
พวกเราตัดสินใจโดดเรียนกันในวันนั้นทันที เราไปรวมตัวกันอยู่ที่หอเพื่อน เพราะในวันนั้นพวกเราก็คงไม่มีกะใจจะเรียนกันแล้ว บวกกับทุกคนบังคับให้ผมทำอะไรสักอย่าง ซึ่งผมก็เต็มใจ
เรานั่งกันอยู่ในห้องของเพื่อน ผมบอกให้เพื่อนไปเตรียมของมาให้ผมหน่อย ในตอนนั้นมีบายศรีปากชาม กับพวงมาลัย และก็แก้วน้ำที่ใส่น้ำตาลทรายแทนทรายในการปักธูป
ผมวางข้าวของทั้งหมดไว้บนโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆที่พื้น ให้ต้นนั่งอยู่บนเตียง ท่าทางต้นตอนนี้กลัวและกังวลเป็ยอย่างมาก มีเพื่อนสองคนนั่งประคองอยู่ข้างๆ เป็นกำลังใจ
ผมปิดประตูปิดหน้าต่างม่านทุกอย่างมืดหมด เพราะกลัวว่างคนอื่นที่เดินผ่านจะมองเข้ามาเห็นแล้วเป็นเรื่องวุ่นวาย
ผมสวดมนต์ก่อนจากนั้นจุดธปเพื่อเป็นสื่อในการสื่อสารระหว่างผมกับ ใครบางคน ที่อาจจะอยู่กับต้นหรือว่าว่าอะไรก็ตามที่ทำให้ต้นเป็นอย่างนี้
หลังจากที่ผมพยายาม เชิญ ให้ใครคนนั้นมาคุยด้วย ผมว่าผมไม่ได้รู้สึกไปเองแน่ๆ ว่าบรรยากาศภายในห้องมันเย็นลงแปลกๆ ตอนนี้ต้นได้แต่นั่งก้มหน้า ส่งเสียงครางในลำคอแปลกๆ เหมือนสะอื้น
เวลาผ่านไปครู่หนึ่งตอนนี้ต้นเริ่มมีอาการแปลกๆ ต้นเริ่มพยายามขยับตัวเหมือนจะลุกหนี เพื่อนก็เริ่มที่จะพยายามจับไว้ ต้นเริ่มโยกหัวเป็นจังหวะ จากนั้นก็หมุนคอไปมา ท่าทางน่าขนลุก เพื่อนๆเริ่มกลัวแต่ก็ยังช่วยกันจับไว้
ต้นเริ่มขยับแรงขึ้น เริ่มสะบัดแขน เสียงครางในลำคอก็เริ่มดังขึ้น จนได้ยินชัดเจน ผมยังคงไม่หยุดและทำต่อไป พร้อมกับบอกให้เพื่อนจับกันไว้แน่นๆ
‘ปล่อยกุ!’
ต้นสะบัดอย่างแรง แล้วตวาดออกมาเสียงดังจนทุกคนตกใจเผลอปล่อยมือพร้อมกัน ตอนนี้ต้นเป็นอิสระแล้ว แต่ร่างของต้นก็ไม่ได้พยายามจะหนี หรือลุกออกไปไหน
‘ต้น ไอ้ต้น’ เพื่อนพยายามเรียก แต่ต้นไม่ได้ตอบอะไร เพียงแค่แสยะยิ้มก้มหน้าอยู่อย่างนั้น
‘จะเอาอะไร’ ผมถามออกไป และก็ได้คำตอบที่น่าใจหาย
‘เอามัน เอามันนี่แหละ หึหึ’ ใครบางคนในร่างของต้นตอบพลางหัวเราะในบำคอ น้ำเสียงที่ต้นพูดออกมานั้นไม่เหมือนเสียงของต้นเลย เสียงยืดๆยานๆ แหบๆ
ผมพยายามพูดดีๆอยู่พักหนึ่งแต่เธอไม่ยอม ยังยืนยันในคำตอบเดิมๆ จนผมต้องใช้ไม้แข็ง คือการไล่ให้เขาไป ทันทีที่ผมพยายามจะไล่เขาไป ต้นก็ดูมีท่าทางไม่พอใจมองผมตาขวางเหมมือนไม่พอใจ แล้วร่างนั้นก็เริ่มโวยวายด่าผมให้ผมหยุด แต่ผมก็ไม่หยุด
เธอเริ่มหยิบเอาข้างของใกล้ๆมือขว้างมาทางผมดีที่มันเป็นแค่หมอนกับของเล็กๆน้อย ผมใจแข็งไล่ต่อไป
‘กรี๊ดดดดดด’
ร่างนั้นกรีดร้องออกมาผ่านร่างของต้นแต่เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของต้นเลย ผมตกใจมาก เผลอหยุด แล้วร่างนั้นก็ดิ้นไปมา แล้วก็ทำในสิ่งที่ตกใจที่สุด ร่างนั้นเอามือของต้นข่วนไปที่หน้าอกของต้นตะกุยด้วยความแรง
เพื่อนๆรีบวิ่งไปล้อกต้นไว้ เพราะมันเริ่มเป็นแผลจนมีเลือดไหลแล้ว ผมรีบวิ่งตามขึ้นไปบนเตียง เอาน้ำมนต์และผงกำยานที่เตรียมไว้พยายามจะเอามาลูบหน้าต้นแต่ผมก็โดนต้นกัดเข้าที่นิ้สอย่างจังจนมีเลือดหยด ทำให้เลือดผมและน้ำต์ ผงกำยานหยดลงไปในปากต้น
ร่างของต้นกระตุก แล้วหงายหลังลงไปนอนบนเตียง กระตุกเกร็งอยู่แปปนึง ก็นิ่งไปบนเตียง ตอนนี้ต้นนอนหมดสภาพอยู่บนเตียงพร้อมกับรอยขีดข่วนบนอกที่เป็นแผลจนมีเลือดไหลหยดออกมา ตอนนี้เรารู้แล้วว่า มันมากกว่าที่เราคิดไว้เยอะทีเดียว
หลังจากที่ต้นหลับไป พวกเราก็ยังคงงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น และไม่เข้าจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร รู้แต่เพียงว่า ตอนนี้เพื่อนของเรากำลังแย่
เรานั่งคิดนั่งคุยกันสักพัก แล้วเพื่อนที่ออกไปซื้อของก็กลับมา เราทำแผลให้ต้น แต่ต้นก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา เมื่อลองปลุกดูแล้วก็ยังไม่ดีขึ้น เราจึงปล่อยไว้อย่างนั้นแต่ในใจลึกๆมันก็แอบหวั่นใจว่า ต้นจะตื่นใช่ไหม...
เวลาผ่านไปเกือบๆชั่วโมง ต้นก็ค่อยๆรู้สึกตัวลุกขึ้นมาด้วยท่าทางสลึมสะลือ อ่อนแรงเป็นอย่างมาก ต้นส่ายหัวไปมาเหมือนจะสะลัดเอาความมึนงงออกไป ต้นบอกว่าปวดหัวมาก ยังไม่ทันจะได้คุยกัน ต้นก็รีบร้อนลุกแล้ววิ่งไปที่ห้องน้ำโดยเซไปตลอดทางจนเพื่อนต้องไปช่วยกันประคอง
ต้นอาเจียรออกมาเยอะมาก แล้วกลิ่นก็แรงมากๆ เป็นกลิ่นคาวๆ ฉุนไปทั่วห้องจนต้องเปิดพัดลมไล่อากาศออกไป หลังจากที่ต้นอาเจียรออกมาจนหมดไส้หมดพุง ต้นก็ล้มพับลงไปตรงนั้นในทันที จนเพื่อนๆต้องหามกันออกมาจากห้องน้ำ ตอนนี้ต้นหลับไปอีกแล้ว
พวกเรากังวลมากว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป เราไม่รู้จะทำอย่างไรจึงโทรหาพ่อกับแม่ต้นทันที เพื่อให้มารับต้นกลับบ้าน หลังจากที่พ่อกับแม่รับสายแล้วก็รีบมารับในทันที ระหว่างที่รอพ่อแม่ต้น เราก็คุยกันว่า เราจะเอายังไงต่อไปดี จนเราได้ข้อสรุปว่า เราจะไปนอนบ้านต้นกัน
ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงพ่อกับแม่ต้นก็มาถึงด้วยท่าทางรีบร้อนและใจเสีย พวกผมขออนุญาตไปนอนค้างที่บ้านต้นได้ไหม ซึ่งพ่อกับแม่ก็ตอบรับด้วยความยินดี อย่างน้อยก็จะได้มีเพื่อนคอยช่วยเหลือ เผื่อมันมีอะไรแย่ลง ตอนนี้เราแยกย้ายกันกลับไปที่บ้านของตัวเองเพื่อเตรียมตัวและบอกผู้ปกครองตัวเองให้เรียบร้อย โดยตกลงกันว่าจะเจอกันที่บ้านต้นเลยในช่วงค่ำๆ
เพื่อนค่อยๆทะยอยมาถึงบ้านต้นทีละคน ส่วนต้นนั้นรู้สึกตัวแล้ว แต่ว่าอ่อนเพลียมาก ตอนนี้มีแม่ต้นคอยดูแลอยู่ด้านบนในห้องนอน ส่วนพ่อนั้นมาคุยกับพวกผม ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้านในเวลาที่ต้นไม่ได้อยู่บ้าน พวกผมเล่าให้ฟังโดยละเอียด พ่อต้นกุมหัวด้วยความกังวล
‘จริงๆที่บ้านมันก็เกิดเรื่องแปลกๆในช่วงนี้แต่พ่อไม่เคยบอกแม่เขาหรอก เขาขี้กลัว เดี๋ยวจะไปกันใหญ่’
พ่อของต้นบอกว่าหลังจากที่กลับมาจากเที่ยว คืนนึงพ่อต้นฝัน ฝันว่ามีผู้หญิงมาเดินไปเดินมาอยู่ในบ้าน เป็นใครก็ไม่รู้ เดินไปทั่วเลย เข้าห้องนั้นออกห้องนี้ ด้วยท่าทางรีบร้อน ในฝันพ่อต้นคิดว่าอาจเป็นขโมย จึงรีบเดินตามไปดู แต่วิ่งเท่าไหร่ก็ไม่ทันเสียที ทั้งๆที่เป็นในบ้านตัวเอง พ่อต้นพยายามตะโกนเรียกผู้หญิงคนนั้น แต่ก็เพียงได้เห็นแค่หลังไวๆเท่านั้น
ผู้หญิงคนนั้นเดินไปมาอยู่พักหนึ่งก็เดินขึ้นไปชั้นบน พ่อต้นรีบวิ่งตามไป พ่อต้นบอกว่าเห็นเธอคนนั้นหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องนอนของต้น แล้วเธอก็เดินหายเข้าไปที่ประตูในฝันพ่อต้นรีบวิ่งไปเปิดประตูทันที เมื่อเปิดเข้าไปก็ทำให้พ่อต้นตกใจจนสะดุ้งตื่น
ภาพที่พ่อต้นเห็นในฝันนั้นยังคิดติดตาจนทุกวันนี้ ผู้หญิงคนนั้นนั่งคร่อมหัวต้นที่หลับอยู่บนเตียง แล้วใช้มือลูบไล้ไปทั่วใบหน้าของต้น พร้อมกับแสยะยิ้มด้วยท่าทางน่าขนลุก หญิงสาวคนนั้นเงยหน้ามามองพ่อของต้นด้วยรอยยิ้มราวกับจะเยาะเย้ย
พ่อต้นยังเล่าต่อไปอีกว่าหลังจากวันนั้นพ่อต้นที่มักจะทำงานล่วงเวลาจนดึกอยู่ในห้องนอนจะได้ยินเสียงคนเดินไปเดินมาในบ้านแทบทุกคืน แล้วที่มันแย่ที่สุดก็คืออาการของต้นที่มันแย่ลงทุกวัน พ่อต้นก็ไม่ใช่คนที่จะเคยเจอเรื่องพวกนี้มาสักเท่าไหร่ ก็ไม่รู้ว่าจะไปปรึกษาใคร จะไปหาพวกร่างทรงที่เคยได้ยินก็กลัวเขาจะหลอกเอา จนเรื่องมันก็บานปลายมาจนเป็นแบบนี้
พ่อบอกว่าตอนนี้มันก็จนปัญญาจริงๆ แต่ถ้ามันยังแย่ลงไปอีกก็คงต้องพาไปหาพระ ซึ่งพวกผมก็เห็นด้วยเป็นอย่างมาก ในตอนนั้นเองแม่ของต้นก็ลงมาจากข้างบนพอดี บอกว่าต้นเพลียจนหลับไปแล้ว แม่ก็ขอตัวไปพักก่อน พวกผมก็เลยขึ้นไปอยู่ในห้องของต้นแทน
ในคืนนั้นเราไม่กล้าหลับ เพราะไม่รู้ว่าต้นจะต้องเจออะไรอีก แต่เราก็เหนื่อยกันมาก จึงผลัดกันปลุกเป็นระยะ หาเกมส์เล่นหาหนังดูไปเรื่อยเพื่อไม่ให้ตัวเองง่วง จนเวลาเลยไปจนเกือบๆตีสามได้ ถ้าผมจำไม่ผิด
‘ได้ยินไรไหม’ อยู่ดีๆเพื่อนคนนึงก็พูดขึ้นมาเบาๆ เหมือนได้ยินอะไรบางอย่าง
ทุกคนเงียบและเงี่ยหูฟังแต่ก็ยังไม่ได้ยินอะไร เพื่อนคนนั้นบอกว่า มันคงจะหูฝาดไปเอง แต่ไม่นานนักทุกคนก็ได้ยินเสียงพร้อมกัน มันเป็นเสียงหัวเราะในลำคอ เสียงแหบๆแห้งๆ ลอยอยู่ในอากาศ แม้จะเบาจนเกือบจะเป็นการกระซิบ แต่มันก็ดังพอที่ทุกคนจะได้ยิน
เสียงนั้นแหบแห้ง และยานยืดลอยอยู่ในอากาศทำให้ทุกคนกลัวเป็นอย่างมาก พร้อมๆกับที่ต้นเริ่มขยับตัวไปมาด้วยท่าทางอึดอัด พวกผมขยับกันเข้ามาใกล้กันขึ้น ผมรีบขึ้นไปนั่งบนเตียงของต้น เอาพระและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เตรียมมา วางไว้บนหน้าอกของต้นจับเอามือต้นมากำไว้ โดยให้เพื่อนคนนึงประคองไว้ตลอด
ต้นดูท่าทางสบายขึ้นแต่ก็ยังไม่ตื่นขึ้นมา เราพยายามเรียกต้นอยู่หลายครั้งก็ไม่เป็นผล ในตอนนั้นก็มีเสียงครวญครางดึงขึ้นอีกครั้ง แต่คราวนี้มันมาพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าเหม็นสาป ชวนอ้วกเป็นที่สุด
ผมพยายามสวดมนต์ และเชิญสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองพวกเรา แต่ก็เหมือนจะไม่เป็นผล เหตุการณืตรงหน้าไม่ดีขึ้น จนในที่สุดผมก็พยายามได้สำเร็จ แต่เหมือน มัน จะรู้ทัน
อยู่ดีๆไฟก็ดับทำให้ทั่วทั้งห้องมืดไปหมด ผมตกใจจนหลุดออกจากสมาธิพร้อมกับเสียงหมาและแมวที่ร้องโวยวายมาจากข้างนอก กลิ่นเหม็นสาปนั้นยังคงอยู่
‘โอ้ย!’ เพื่อนคนนึงตะโกนผ่านความมืดออกมา บอกว่าเจ็บ เหมือนโดนข่วน เมื่อเอาแฟลชโทรศัพท์ส่องดูก็เห็นว่ามีรอยคล้ายเล็บปรากฏขึ้นที่ข้อเท้า
ผมบอกให้เพื่อนทุกคนเปิดแฟลชโทรศัพท์ไว้ แล้วก็พยายามเรียกพ่อกับแม่ที่อยู่ชั้นล่างให้ข้นมาช่วย ผมหยิบเอากำยานที่พกติดตัวมา และเทียนกลมๆจุดวางไว้ตามที่ต่างๆภายในห้อง พร้อมกับเอาน้ำมนต์พรมไปทั่วๆ
ในตอนนั้นกลิ่นสาปหายไปทันที ไฟกลับมาติดอีกครั้งไม่มีเสียงครวญครางในอากาศ แต่ยังไม่ทันจะโล่งใจ ต้นที่นอนอยู่บนเตียงก็กระตุกขึ้นมาเป็นพักๆ ดิ้นไปมาจนน่าเป็นห่วง เพื่อนผมวิ่งออกจากห้องไปเพื่อเรียกพ่อกับแม่
พ่อกับแม่รีบวิ่งขึ้นมาทันที ตอนนี้ทุกคนช่วยกันจับต้นไว้กับเตียง แต่ต้นยังคงดิ้นอยู่ ผมใช้น้ำมนตี่มีอยู่ รวมกับผงกำยาน เขียนลงไปบนหน้ากของต้น มันทำให้ต้นกระตุกมากขึ้น และเริ่มมีฟองน้ำลายออกมาจากปาก ตลอดเวลาที่เกิดขึ้นนั้น ต้นไม่ลืมตาเลยแม้แต่น้อย
ในตอนนั้นผมยังไม่เหมือนคอนี้ผมไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไง ผมจับหัวต้นแล้วขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองต้น โดยการเชิญมาลงที่ต้นเลย ต้นกระตุกแรงหนึ่งครั้ง แล้วนิ่งไป พร้อมกับเสียงของข้างล่างตกเสียงดังจนคนในห้องสะดุ้งกันหมด
ตอนนี้ต้นนิ่งไปแล้ว แม่ต้นพายามปลุกแต่ก็ยังไม่ตื่น แม่ไปเอาน้ำเย็นมาเช็ดเหงื่อและคราบน้ำลายตามตัวขของต้นออกให้หมด ต้นดูดีขึ้น แต่ก็ยังไม่ติ่น
เราลงมานั่งคุยกันข้างล่างพ่อกับแม่บอกว่า ไฟไม่ดับ และไม่ได้ยินเสียงใครเรียกเลย จึงไม่ได้ขึ้นไปดู พ่อตัดสินใจแล้วว่าวันรุ่งขึ้นจะพาต้นไปหาพระจริงๆแล้ว เพราะไม่รู้แล้วว่าจะต้องทำอย่างไร
ในวันนั้นเราออกจากบ้านต้นกันตั้งแต่เช้าตรู่ดีที่รถพ่อต้นเป็นรถคนใหญ่เรานั่งกันได้หมด ต้นได้สติดีทุกอย่างแต่มีท่าทางอ่อนเพลียเฉยๆ คนที่เป็นเอามากที่สุดก็คงเป็นแม่ ที่วิตกจนทำให้หน้าโทรมอิดโรยไปเลย
เรามาถึงวัดในเวลาไม่นาน วัดนี้เป็นวัดที่พ่อต้นเคยบวชสมัยหนุ่มๆ รู้จักกับเจ้าอาวาสดี เลยมาปรึกษา เพื่อหาทางช่วยเหลือ เผื่อว่าอะไรๆมันจะดีขึ้น
เราขับบรถผ่านประตูวัดเข้ามา ก็เห็นมีพระรูปหนึ่งยืนอยู่ใต้ต้นไม้ด้านหน้าวัด ท่านยืนยิ้มและโลกมือให้พวกเรา พ่อของต้นมองไปทางนั้นแล้วรีบขับไปหาทันที
เมื่อเราไปถึงก็ได้ทราบว่าพระท่านนี้คือ เจ้าอาวาส ที่พ่อต้นพูดถึงนั่นเอง อดคิดไม่ได้เลยว่าท่านมานั่งรอเรารึเปล่า ท่านนำทางไปยังกุฏิท่าน ต้นยังพอเดินได้ ต้นกราบพระแล้วก็นั่งพิงกำแพงอยู่นิ่งๆ ท่านยิ้มให้ แล้วหันไปไหว้พระที่จัดวางไว้บนหิ้งอย่างสวยงาม
พ่อของต้นเล่าเรื่องราวให้ท่านฟังอย่างร้อนใจ ท่านนั่งฟังนิ่งๆ แต่ยังคงยิ้มอย่างใจดี เหมือนจะเป็นการปลอบใจคนที่มาหา
‘อืม จะเอากันถึงตายเลยน้อ’ ท่านถอนหายใจออกมาหลังจากฟังจบ
ตอนนี้ทั้งพ่อและแม่พากันถามหลวงพ่อโดยไม่มีช่องว่างให้ท่านพูดเลย จนท่านต้องยกมือเป็นสัญญาณให้หยุด
‘อาตมาจะช่วย แต่ต้องไปหาของมาให้อาตมาก่อน’
พ่อกับแม่รีบตอบรับทันที ไม่ว่าอะไรก็จะหามาให้แน่นอนขอเพียงท่านยอมช่วยต้น ท่านบอกว่าท่านไม่ได้ต้องการเงินหรือของมีค่าอะไร เพียงแค่มันเป็นสิ่งจำเป็นในการช่วยเหลือ
‘ไปเอาสื่อเขามา เอาไปทิ้งไว้ไหน’
พ่อกับแม่ของต้นยังนึกไม่ออก ยังคงซักไซร้ถามว่ามันคืออะไรไม่เข้าใจ จนเพื่อนคนนึงในกลุ่มนึกขึ้นมาได้
‘ไอ้ตุ๊กตาแปลกๆนั่นไง!’
หลวงพ่อท่านยิ้มแทนคำตอบ พ่อต้นถามว่ามันหายไปไหนแล้ว ผมบอกว่าต้นเอาไปโยนทิ้งไปแล้วที่คลอง พ่อต้นลุกขึ้นแล้วบอกว่าให้จะรีบไปหามาให้เร็วที่สุดโดยมีเพื่อนผมขอติดไปด้วยคนนึง หลวงพ่อรั้งไว้นิดนึงแล้วชี้มาที่ผม บอกว่าให้เอาผมไปด้วย ไม่งั้นจะไม่เจอ ผมกราบท่านแล้วรีบลุกออกไปพร้อมกับพ่อต้น
พ่อต้นขับรถมาด้วยความร้อนใจโดยไม่ได้พูดอะไรกับเรา จนมาถึงคลองนั้น เราเดินหารอบๆแล้วไม่มีวี่แววของตุ๊กตานั่นเลย ผมจำได้ว่าต้นโยนลงไปในน้ำ พ่อต้นไม่รอช้าถอดเสื้อผ้าจนเหลือแค่ขาสั้นแล้วลงไปในคลองทันที พร้อมกับเพื่อนผมที่ทำตามเหมือนกัน
ทั้งสองคงพยายามควานหา ดำหาก็ยังไม่เจอ มันเป็นเรื่องยากที่จะหาตุ๊กตาตัวเล็กๆในคลองแบบนี้ ผมนึกถึงคำหลวงพ่อตอนที่ชี้มาที่ผม ผมวิ่งไปร้านขายของใกล้ๆ ซื้อธูปกับพวงมาลัย
‘ขอของกินหน่อยสิ’ ในตอนที่ผมกำลังจะจ่ายเงิน ผมได้ยินเสียงจากใครบางคนลอยมาเข้าหูผม เป็นเสียง ผู้ชาย ผมรีบหันไปดูว่าในร้านมีอะไรบ้าง ผมเลือกหยิบข้าวเหนียวห่อ กับน้ำหวานมาขวดหนึ่ง
ผมเดินออกมาหน้าร้านพยายาม สื่อ กับใครคนนั้นให้ได้ ผมได้ยินเสียงเขาเบาๆ เขาเอาแต่พูดว่า ทางนี้ ทางนี้ ผมเดินไปตามเสียงเรียกนั้น
ผมเดินมาที่คลองก่อน เพื่อเรียกพ่อกับเพื่อนไปด้วย ทั้งสองคนตามมาทั้งๆที่ตัวเปียกแบบนั้น ผมเดินไปตามเสียงอ้อมคลองไปนิดเดียว ที่ตรงนั้นมีจอมปลวกจอมใหญ่อยู่ เป็นจอมสองสามจอมรวมกัน สูงเกือบๆจะเท่าหัว ผมเอาข้าวของที่ซื้อมาวางลงกับพื้น ให้พ่อเป็นคนจุดธูปขอเขาด้วยตัวเอง ส่วนผมแค่สื่อสารกับเขาเท่านั้น
‘เอ้า รีบไปสิ จะได้ไป’ เสียงของผู้ชายคนนั้นดังเข้ามาในหูผม
เรารีบกลับมาที่คลองอีกครั้ง คราวนี้พ่อลงไปคนเดียว เพียงแค่ไม่กี่นาทีพ่อก็ชูตุ๊ดตาในมือให้พวกเราดู ว่ามันใช่ตัวนี้ไหม ซึ่งเราจำมันได้แม่นแน่ๆ ว่ามันคือตัวนี้
เราขับรถกลับมาที่วัดโดยเร็ว โดยน่าแปลกว่าเศษผมกับเศษผ้าที่เคยอยู่ในหุ่นนั้นยังคงอยู่ดี ไม่ลอยไปกับน้ำ เมื่อมาถึงกุฏิหลวงพ่อ ก็เห็นว่าท่านเตรียมทุกอย่างไว้หมดแล้ว
ต้นนอนอยู่กับพื้นโดยมีสายสิญจน์โยงครอบหัวต้นกับพระพุทธรูปบนหิ้ง มีขันน้ำมนต์เตรียมไว้รอแล้ว เมื่อมาถึงเราก็รีบยื่นตุ๊กตาให้หลวงพ่อทันที
หลวงพ่อเอาตุ๊กตาวางไว้บนพานที่หิ้งพระ สวดมนต์อยู่ครู่หนึ่ง ต้นก็เริ่มมีอาการอีกครั้ง ท่านยังคงสวดมนต์ต่อไป หลวงพ่อหันมาบอกว่า ตอนนี้เขาอยู่ในตัวต้น ต้องเอาเขาออกมาก่อน ไม่อย่างนั้นก็ไม่ได้ผล
หลวงพ่อเอาก้านมะยมมัดรวมกับธรณีสารจุ่มน้ำมนต์พรมไปทั่วตัวของต้น ต้นร้องออกมาด้วยความทรมาน ร้อนบ้าง หนาวบ้างสลับกันสับสนไปหมด
หลงพ่อเอาก้านมะยมกดลงบนหัวต้น ต้นส่งเสียงร้องลั่นกุฏิ แล้วลากยาวลงไปถึงเท้า ทำอยู่หลายครั้ง
‘ไป อย่าสร้างกรรม’ หลวงพ่อพูดเสียงแข็ง
‘ม่ายยยยย’ ต้นโวยวายออกมาเสียงดังด้วยความทรมาน
หลวงพ่อสายหัวท่าทางหนักใจ แล้วหยุดเอาเทียนที่ใช้ทำน้ำมนต์นั้นจี้ไปที่กลางหน้าผาก แล้วก็สวดพึมพัมค่ายๆลากลงไปช้าๆ จนถึงปลายเท้า ต้นยังคิดกรีดร้องและดิ้นอยู่ตลอด เพื่อนๆต้องออกแรงกดต้นไว้จนเป็นรอยแดง แม่ต้นได้แต่นั่งร้องไห้ด้วยความสงสารลูก
หลวงพ่อลากเทียนมาจนถึงปลายเท้าก็เป่า แล้วไล่อีกครั้ง ตอนนี้ตอนนอนหอบอย่กับพื้น ผมแน่ใจว่าต้นปลอดภัยแล้ว เพราะตอนนี้ที่ด้านล่างกุฏิมีหญิงสาวคนนึงยืนอยู่ท่าทางอาฆาต
ผู้หญิงคนนั้นมองหลวงพ่อด้วยท่าทางอาฆาต พร้อมกับด่าทอมากมายด้วยความโกรธแค้น ท่าทางของเธอไม่น่ามอง มีเพียงเสื้อผ้าขาดๆ เล็บมือที่ยาวสกปรก ผมเผ้ารุงรัง หน้าตาน่าเกลียดไม่สมประกอบ ตลอดเวลาที่กร่นด่าก้ทำแลบลิ้นปริ้นตาให้คนกลาง ผิวหนังที่มันเริ่มเน่า ทำให้เห็นเป็นรอยเหวอะหวะ น่าเกลียด
‘โยมมาทางไหน ก็ไปทางนั้น นี่ไม่ใช่คนของโยม โยมตามผิดตัวแล้ว’
หญิงสาวคนนั้นยังคงไม่หยุด แต่ก็ทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านั้น หลวงพ่อหันมามองหน้าผม เหมือนรู้ว่าผมเห็นเหมือนกับท่าน หลวงพ่อส่ายหน้าด้วยความเหนื่อยใจ
‘อาตมาจะอุทิศบุญให้ เอาไหม มาไหว้พระกับอาตมา’
‘กุไม่เอา!’ เธอตวาดกร้าว พร้อมกับพยายามจะเดินขึ้นมาบนกุฏิ
‘ถ้าพูดไม่ฟังอาตมาก็ไม่มีทางเลือก’
หลวงพ่อถอนหายใจ หยิบเอาเทียนน้ำมนต์มาจุดอีกครั้ง พร้อมกับสวดมนต์ หยดน้ำตาเทียนลงบนหุ่นตัวนั้น โดยที่ท่านเอากระโถนน้ำหมากมารองไว้ก่อนหน้าแล้ว แล้วอยู่ดีๆก็มีไฟลุกออกมาจากกระโถนนั้น ท่านเอาชานหมากที่ท่านเคี่ยวโยนลงไปในนั้น ปล่อยให้ไฟลุกอยู่ครู่หนึ่ง
‘ไป ไปซะ มาทางไหนไปทางนั้น อย่ามาทำคนไม่รู้เรื่อง’
หญิงสาวตรงหน้าก้มตัวลงกับพื้นกรีดร้องด้วยความทรมาน แล้วค่อยๆหายไปแต่ก็ยังไม่วายกร่นด่าตลอดเวลา ตอนนี้ต้นได้แต่นอนหอบอยู่บนพื้น
หลวงพ่อต่อชะตากับบังศกุลเป็นบังศกุลตายให้ต้น หลวงพ่อบอกว่า มันเหมือนเป็นลมเพลมพัด ผู้หญิงคนนั้นน่ะเหมือนกับเขาเป็นปีเลี้ยง พวกหมอีมันเอาไว้ทำร้ายคน แต่คนที่ควรจะโดนน่ะเขาคงรู้ทันหรือก็ไม่ก็มีใครบอก เลยทำตุ๊กตาตัวแทนให้รับเคราะห์แทน โดยการปล่อยให้คนอื่นรับไป โดยเส้นผมกับผ้าที่เห็นเนี่ยก็เป็นของเจ้าตัวเขานั่นแหละ ให้ไปตามหุ่นตามคนไป เรารับมามันก็เลยซวยแบบนี้
พ่อกับแม่ขอบคุณหลวงพ่อยกใหญ่ โดยรับปากว่าจะพาต้นมาทำบุญ และตอนบวชก็จะให้บวชวัดนี้แน่นอน หลวงพ่อท่านก็ยิ้มรับ หลวงพ่อไล่เรากลับทันที ท่านก็คงเหนื่อย ผมสงสัยอะไรนิดหน่อยจึงถามท่านไป
‘ทำอย่างนี้ หลวงพ่อบาปไหมครับ’
‘บาปสิ ทำร้ายเขา แต่มันก็ดี ช่วยคนเป็นให้หาย ช่วยคนตายไม่ให้ก่อกรรมเพิ่ม อาตมาก็ยินดี’ ท่านตอบด้วยรอยยิ้ม ผมกราบลาท่านด้วยใจเคารพ
เรื่องราวจบลงแค่ตรงนี้ แต่สถาพต้นไม่ดีเลย พ่อกับแม่จึงพาต้นไปนอน รพ. สักคืนสองคืน ให้น้ำเกลือ โดยพวกเราก็จำเรื่องราวนี้กันได้ทุกคน แล้วต้นก็ไม่กล้าไปรับของใครมาสุ่มสี่สุ้มห้าอีกเลย
............................................
ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ
ปล.เรื่องนี้เป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
Post a Comment